คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เรื่องที่แต่งค้างไว้
ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าดังก้องไปทั่วระเบียงทางเดินของสถานฝึกซ้อมชั่วคราวที่ถูกยืมมาใช้เข้าค่ายฝึกซ้อมสำหรับการแข่งขันที่จะมาถึงในปีหน้า ซึ่งวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการเข้าค่าย เหล่าตัวแทนทีมอเมริกาต่างพากันเก็บของเตรียมตัวกลับบ้านตั้งแต่ช่วงเย็นหลังการฝึกซ้อม
เว้นเสียแต่กัปตันทีมยูนิคอร์นที่หอบเอกสารค่าชำระต่างๆรวมถึงค่าอยู่ค่ากินซึ่งถูกเรียกเก็บจากทางโรงเรียนที่จำเป็นต้องส่งให้ถึงมือโค้ชภายในวันนี้
มาร์กกึ่งวิ่งกึ่งเดินบนระเบียงทางเดินหวังให้ถึงห้องพักของโค้ชไวๆเขาจะได้รีบกลับไปเก็บของเตรียมตัวกลับเหมือนคนอื่นๆบ้างเพราะวันหยุดที่เหลือนี้เขาวางแผนจะไปเที่ยวกับดีแลนเรียบร้อยแล้ว
ก๊อก ก๊อก
“ขออนุญาตครับ”ว่าพลางใช้มือที่ว่างหมุนลูกบิดเข้าไป ภายในปรากฏร่างโค้ชตัวใหญ่กำลังเก็บกระเป๋าอยู่เช่นกัน “นี่เป็นเอกสารจากทางโรงเรียนที่เรายืมสถานที่ครับ เขาต้องการให้ทางเราชำระค่าต่างๆให้เรียบร้อยก่อนกลับครับโค้ช”
“อา…ขอบใจมากมาร์ก”โค้ชหนุ่มเอ่ยก่อนเหลือบมองกัปตันร่างเล็กซึ่งเตรียมตัวออกจากห้องอย่างเงียบๆ “ได้ข่าวจากคนในทีมมาว่าเธอกับดีแลนจะไปเที่ยววันหยุดด้วยกัน”
ฉ่า…
ใบหน้าอ่อนเยาว์ขึ้นสีจางๆทันทีที่ได้ยินเรื่องนั้น เขาตั้งใจจะเซอร์ไพส์เรื่องนี้กับดีแลนในคืนนี้ดังนั้นไม่มีทางที่เจ้าตัวดีจะรู้โดยเด็ดขาด ดังนั้นข้อสงสัยทั้งหมดจึงตกมาที่อิจิโนเซะตัวแสบที่เขาวานให้ไปซื้อตั๋วเครื่องบินมาเมื่อวันก่อน
“อะ..ครับ..”มาร์กรับเสียงแผ่ว
“แล้วพวกเธอจะไปที่ไหนกันล่ะ”โค้ชเอ่ยถาม ฝ่ายคนถูกถามมีท่าทีอึกอักเล็กน้อยเหมือนไม่เต็มใจที่จะตอบแต่ก็เลี่ยงคำถามไม่ได้อยู่ดีจึงตอบออกไปตามจริง…
“อิตาลีครับ”
และคำตอบนี้ทำให้โค้ชหนุ่มเลิกคิ้วแปลกใจที่ลูกทีมตนลงทุนไปไกลถึงต่างประเทศสำหรับวันหยุดนี้ ก่อนรอยยิ้มแฝงความหมายจะปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่ม
“ฮันนีมูนงั้นสิ”
“!!”
ใบหน้าของเด็กหนุ่มขึ้นสีจัดจนน่าขำเรียกเสียงหัวเราะดังๆจากโค้ชผู้ผ่านประสบการณ์มานับไม่ถ้วนได้ดีเยี่ยม มาร์กก้มหน้างุดอย่างเผลอตัวก่อนกระแอมเบาๆเพื่อเรียกฟอร์มตัวเองกลับคืนมา
“ถ้าโค้ชไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวครับ”สิ้นคำมาร์กรีบออกจากห้องอย่างรวดเร็วโดยไม่รอคำอนุมัติจากโค้ชผู้คุมทีม
หวังว่าดีแลนคงไม่รู้เรื่องนี้…
เมื่อเสร็จธุระทั้งหมดในฐานะกัปตัน มาร์กหมุนตัวตรงทางเลี้ยวเพื่อกลับห้องพักชั่วคราวของตนแต่ต้องชะงักฝีเท้าทันทีที่เห็นเพื่อนร่วมทีมตนกำลังแนบหูกับประตูห้องพักของเขา
“พวกนายทำอะไรกันน่ะ”
“ฮะ!!?”อิจิโนเซะสะดุ้งตกใจเพราะไม่นึกว่าเจ้าของห้องอีกคนจะกลับมาเร็วขนาดนี้หากไม่ได้โดม่อนและคนอื่นๆมาปิดปากเขาคงโพล่งเรียกชื่อกัปตันไปแล้ว
“มาร์ก…นายทำงานเสร็จแล้วเหรอ!”สตีฟ หนึ่งในกองกลางทีมยูนิคอร์นรีบจู่โจมด้วยคำถามเบี่ยงประเด็นความสนใจจากคนเป็นกัปตันในทันที มาร์กพยักหน้ารับน้อยๆก่อนหันไปถามเพื่อนร่วมทีมอีกกลุ่มที่ยังทำหน้าเหวออยู่หน้าประตูห้องเขา
“พวกนายมีธุระอะไรกับฉันรึเปล่า?”
ทุกคนพร้อมใจส่ายหน้ากันอย่างพร้อมเพรียงก่อนพากันทยอยลุกจากพื้นอย่างรวดเร็วและผลักผู้โชคร้ายที่อยู่แถวหน้าอย่างฌอนให้ไปรับหน้ากับกัปตันแทนคนอื่นๆ
“อะ..คือ…”ฌอนลอบกลืนน้ำลาย รู้สึกกระอักกระอวนที่จะพูดอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งโดนเหล่าคนที่หลบอยู่ด้านหลังสะกิดไม่บันยะบันยังจนน่ารำคาญยิ่งทำเอาฌอนพูดอะไรไม่ถูก “เอ่อ…”
“กัปตัน…ผมว่าเราควรไปซ้อมกันอีกรอบนะครับ!!”ร็อบโพล่งพร้อมกับเสียงสนับสนุนจากคนอื่นๆทำให้มาร์กแปลกใจกับความขยันที่โผล่ขึ้นมาไม่ถูกเวลาของลูกทีมจอมขี้เกียจ
“งั้นเหรอ…”มาร์กพึมพำเบาๆแทนการตอบรับก่อนยิ้มกว้างแล้วเอ่ยอย่างกระตือรือร้น “นั่นสินะ ไหนๆพรุ่งนี้เช้าเราก็จะกลับแล้ว ซ้อมอีกสักรอบก็ดี”
“งั้นเรารีบไปสนามกันเถอะครับ”โทนี่ว่าพลางยื่นมือมาดึงแขนกัปตันให้ออกห่างจากหน้าประตูห้องให้เร็วที่สุดโดยมีแซมมี้และอเล็กซ์ช่วยดึงอย่างเนียนๆ
“วันนี้พวกนายดูแปลกๆนะ”มาร์กพูดขึ้นพลางมองลูกทีมตนเองอย่างเหลือบแคลงใจนั่นทำให้ทุกคนต่างแข็งทื่อราวกับโดนคำสาปขึ้นมากะทันหัน
“มะ..แหม!แปลกเปิกอะไรกัน ดูพูดเข้าสิ”โดม่อนกลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้มขำๆพลางเข้าโอบไหล่กัปตันอย่างตีซี้ก่อนพูดขึ้นอีกครั้งกับเพื่อนคนอื่น “ปะ เราไปสนามกันเถอะ”
แม้ว่ามาร์กยังคงสงสัยในพฤติกรรมแปลกของเพื่อนร่วมทีมที่ตอนนี้เริ่มทยอยออกจากเขตห้องพักราวกับไม่ต้องการให้เขาเข้าไปยังไงอย่างนั้น…
ห้องพัก?
จู่ๆเมื่อความคิดสะดุดลงสองเท้าก็พลอยหยุดเดินไปด้วย เหล่าทีมยูนิคอร์นต่างหันมามองร่างบางด้วยสายตาวิตกพลางมองกันเลิกลักต้องการให้ใครสักคนออกหน้ารับแทนอีกครั้ง
“…จะว่าไปฉันยังไม่ได้เก็บของเลย พวกนายลงไปก่อนเถอะ”ว่าพลางหมุนตัวเตรียมกลับเข้าห้องพักแต่ก็โดนมือปลาหมึกของเหล่าลูกทีมล็อกเอาไว้ทันท่วงที
“นายเก็บหลังซ้อมเสร็จก็ได้นี่!”อิจิโนเซะว่าโดยมีอีกหลายคนพยักหน้าเห็นด้วยเพิ่มความสงสัยจากกัปตันทีมยูนิคอร์นได้มากโข
สรุปในห้องเขามันมีอะไรจริงๆสินะ
“พวกนาย…กำลังปิดบังอะไรฉันรึเปล่า?”มาร์กหรี่ตามองลูกทีมตัวเองอย่างไม่ชอบใจนัก ยิ่งเห็นท่าทีมีพิรุธนั่นก็ยิ่งอยากเข้าไปกระชากประตูให้เปิดให้รู้เรื่องรู้ราวกันไปเลย “ฉันจะเข้าไป”
“มะ ไม่ได้นะ!เฮ้พวกนายล็อกตัวมาร์กเอาไว้!!”สิ้นคำสั่งจากอิจิโนเซะเหล่าสมาชิกทีมยูนิคอร์นต่างพร้อมใจทำโดยไม่มีคนแย้ง ทั้งดึงทั้งลากกัปตันให้ออกห่างจากห้องพักให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“พวกนายจะทำอะไร!ปล่อยฉันนะ!”
“ขอโทษครับกัปตันแต่ตอนนี้เข้าห้องไม่ได้จริงๆ”ร็อบพูดขณะล็อกตัวกัปตันที่เริ่มโวยวายและดิ้นให้หลุดจากการจับกุม
“ทำไมหรือในห้องมีอะไรที่ฉันเห็นไม่ได้!”เจอคำสวนของเจ้าของห้องเข้าไปทุกคนต่างเงียบกริบไปตามๆกัน
แกร๊ก..
การกระทำทุกอย่างพลันหยุดชะงักเมื่อประตูห้องเจ้าปัญหาถูกเปิดออกมาโดยเจ้าของห้องอีกคนที่อยู่ข้างในแต่คนที่โผล่ออกมานั้นกลับเป็น…ผู้หญิง!!?
“ซวยแล้ว…”ใครสักคนพึมพำเสียงเบากับตัวเองแต่ในตอนนี้ทุกคนกลับได้ยินมันชัดเจนเสียยิ่งกว่ามากระซิบข้างหู
“..คิกๆ โอเค ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ”เธอโน้มตัวลงประทับริมฝีปากอย่างอ่อนโยนก่อนโบกมือลาเด็กหนุ่มที่อยู่ในห้องแล้วหายลับไปที่อีกฝั่งของตึกโดยไม่ทันสังเกตเห็นทีมยูนิคอร์นกว่าครึ่งที่ค้างอยู่ในท่าเดิม
“……………….”
บรรยากาศตรึงเครียดที่ก่อตัวขึ้นโดยกัปตันทีมยูนิคอร์นทำให้ใครหลายคนหายใจไม่ทั่วท้อง เสียงครามต่ำในลำคอที่น้อยครั้งจะมีเริ่มทำให้ลูกทีมผวาปล่อยมือจากตัวกัปตันราวกับเป็นของร้อนก่อนพร้อมใจขยับถอยห่างจากร่างบางก่อนที่ภูเขาไฟจะปะทุ!
“ดีแลน คีธ!!!”
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
“ไม่อยากเชื่อ!นายจะเอาผู้หญิงเข้าห้อง!”มาร์กตวาดอย่างเหลืออดพร้อมพุ่งตรงไปหาดีแลนด้วยใบหน้าที่ฉายชัดถึงความโกรธ “เรามีเรื่องต้อคุยกัน!”
“เหวอ!ใจเย็นสิมาร์ก!”ดีแลนร้องเสียงหลงเมื่อโดนร่างสูงคว้าหมับเข้าที่ข้อมือพร้อมกับลากเข้าห้องแบบชนิดไม่มีการออมแรงเลยสักนิดทำเอาดีแลนชักมีน้ำโห “ฉันบอกว่าให้ใจเย็นยังไงเล่า!!”
สิ้นคำดีแลนกระชากข้อมือตัวเองกลับมาด้วยกับใบหน้าบึ้งตึง ดวงตาสีครามภายใต้กรอบแว่นตวัดมองร่างสูงตรงหน้าด้วยโทสะ
“นายโมโหอะไรมาฉันไม่รู้ แต่นายก็รู้ว่าฉันไม่ชอบให้ใครมาบังคับ!”
“ให้ตายสิ…”มาร์กสถบออกมาเบาๆเหลือบมองร่างเล็กด้วยแววขุ่นเคืองพลางบ่นพึมพำจงใจให้อีกฝ่ายได้ยิน “ฉันเองก็ไม่ชอบที่นายเอาผู้หญิงเข้าห้อง”
“ห๊ะ!?”ดีแลนสะดุ้งด้วยความตกใจ ใบหน้าแดงก่ำจนถึงหู ไม่รู้เพราะละอายที่ถูกจับได้หรือเขินที่ถูกอีกฝ่ายหึงกันแน่ “ฉัน...ไม่ได้….”
คนปากแข็งอ้ำอึ้งเผลอหลบสายตาคาดคั้นจากร่างสูงโดยไม่รู้ตัว ท่าทีมีพิรุธของดีแลนทำให้มาร์กหมดความอดทน จึงใช้สองมือเข้าบังคับใบหน้าของอีกฝ่ายให้หันมาสบตาตรงๆเพื่อไม่เปิดโอกาสให้ร่างเล็กหลบสายตาอีกเป็นครั้งที่สอง
“คะ..คือ…”สิ่งที่กำลังคิดทั้งหมดพลันขาวโพลนลงในทันใด เมื่อดวงตาสีครามเข้าสบกับนัยน์ตาสีเขียวน้ำทะเลของร่างสูงตรงหน้า ใบหน้าที่อ่อนสีลงกลับมาแดงจัดอีกครั้งด้วยความอาย “...ฉัน….”
น้ำเสียงขาดห้วงลงพร้อมกับลมหายใจที่เผลอหยุดลงโดยไม่รู้ตัวทันทีที่ร่างสูงโน้มตัวเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนที่รดลงบนใบหน้า ดวงตาสีครามถึงกับหวั่นไปชั่วขณะกับแววเศร้าที่สะท้อนบนดวงตาของอีกฝ่าย
มาร์ก...?
หัวใจที่เต้นโครมครามมาโดยตลอดกระตุกวูบหนึ่งราวกับหยุดเต้นไปชั่วขณะ ความรู้สึกผิดถาถมจุกที่อกหยุดทุกคำพูดและการกระทำของร่างเล็กจนหมดสิ้น จิตสำนึกภายในตัวกำลังร้องบอกให้เขาพูดอะไรสักอย่างออกไป
“น่าโมโหชะมัด”น้ำเสียงเจือความผิดหวังอันแผ่วเบานั้นทำให้ดีแลนชะงัก สัมผัสอุ่นที่ประคองใบหน้าไว้ละออกช้าๆ “คืนนี้ฉันจะนอนห้องคาซึยะ”
“ห๊ะ!?”ดีแลนหันไปมองร่างสูงอย่างตกใจก่อนหันไปมองเจ้าของห้องที่อยู่ไกลออกไปซึ่งกำลังมองมาทางนี้พร้อมกับเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ “ทำไม…”
“นายมีปัญหา?”ความเย็นชาที่สัมผัสได้ทำเอาดีแลนขนลุกซู่เผลอส่ายหน้าปฏิเสธไปโดยไม่รู้ตัว มาร์กเหลือบมองคนตรงหน้าเพียงครู่ก่อนละออกไปโดยไม่เอ่ยอะไรอีก
ทุกสายตาจับจ้องไปยังแผ่นหลังของกัปตันทีมยูนิคอร์มที่หายลับไปทางบันไดฝั่งตะวันตกพร้อมกับนำบรรยากาศมาคุทั้งหมดออกไปด้วย
ดีแลนเม้มริมฝีปากเน้นสกัดกลั้นอารมณ์โกรธที่พลุกพล่านอย่างไม่มีสาเหตุ การที่อีกฝ่ายทำแบบนี้มันก็เหมือนกับว่าเขาเป็นฝ่ายผิดน่ะสิ!
แย่….แย่ที่สุด!!
.
.
.
“นี่…นายบอกดีแลนเรื่องตั๋วนั่นรึยัง” อิจิโนเซะเอ่ยถามพลางมองใบหน้าซึมๆของคนเป็นกัปตัน ซึ่งคำตอบที่ได้รับคือการส่ายหน้าเบาๆทำให้อิจิโนเซะถอนหายใจเหนื่อยออกมา “ถ้างั้นนายก็ควรรีบคืนดีกับหมอนั่นภายในคืนนี้”
เวลาที่มีจำกัดถูกย้ำเป็นพิเศษ มาร์กพยักหน้าช้าๆก่อนซุกใบหน้าลงบนหมอนข้างในแขน ในใจนึกโทษนิสัยเสียของตัวเองที่พลอยทำให้คนอื่นๆเดือดร้อนและคอยเป็นห่วง
เขานี่บ้าชะมัด…
“เฮ้อ….นายจะมานั่งกลุ้มอะไรในห้องคนอื่นเล่า ถ้าอยากเคลียร์ให้รู้เรื่องก็ไปพูดกันตรงๆสิ”คนที่ได้รับผลกระทบจากการทะเลาะกันของทั้งคู่อย่างอิจิโนเซะไม่แปลกที่จะหัวเสียกับเรื่องแบบนี้ โดยเฉพาะเรื่องห้องนอน ทำให้โดม่อน ตัวช่วยชั้นยอดในการแก้ปัญหาต้องย้ายไปนอนห้องอื่น…ไม่สิพูดให้ถูกคือมันเต็มใจชิ่งหนีปัญหาแล้วทิ้งทั้งหมดมาให้เขาแก้คนเดียวต่างหาก!
ฮึ่ย…เจออีกเมื่อไหร่จะเอาคืนให้แสบเลยคอยดูเถอะ!
“ขอโทษนะ…”น้ำเสียงแผ่วเบาเจือความรู้สึกผิดทำให้อิจิโนเซะชะงัก หันไปมองคนสำนึกผิดด้วยแววฉงนแต่พอได้เห็นใบหน้าอมทุกข์ของเพื่อนมันก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอีกสักรอบ
“นี่ก็ไม่ได้ทะเลาะกันครั้งแรกสักหน่อย อย่ามาทำเป็นลืมวิธีการง้อคนอื่นสิ”
ถ้ามันทำได้ง่ายๆเขาคงไม่นั่งกลุ้มแบบนี้หรอก…
“…นายคงไม่อยากให้สิ่งที่นายทำมาทั้งหมดสูญเปล่าลงแค่นี้หรอกใช่ไหม?”พลันความคิดหยุดชะงักลง มาร์กเงยหน้าขึ้นมองอิจิโนเซะที่อยู่ตรงหน้า ในแววตาคู่นั้นฉายชัดถึงความไม่ยอมแพ้ที่แฝงอยู่ลึกๆ และนั่น...เป็นคำตอบที่ดีเยี่ยมสำหรับเรื่องนี้
อิจิโนเซะรู้ดีว่าเพื่อนคนนี้พยายามขนาดไหน ตั้งแต่การวางแผนหาสถานที่เที่ยว การจองตั๋วเครื่องบิน การจองที่พัก รวมไปถึงเงินค่าใช้จ่ายตลอดการเดินทางต่างๆซึ่งมันไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆเลยสำหรับเด็กอายุสิบห้าที่จะหามันเพียงคนเดียวภายในระยะเวลาสั้นๆ
แต่มาร์กก็ทำได้…เขาพิสูจน์ให้เห็นว่าความพยายามของเขาทั้งหมดไม่สูญเปล่า และแน่นอนว่าเขาไม่ยอมให้ทั้งหมดที่เขาทำมาพังลงเพียงเพราะเรื่องของผู้หญิงที่เขาไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อหรอก!
“ต้องอย่างนี้สิถึงจะเป็นมาร์กที่ฉันรู้จัก”อิจิโนเซะพูดอย่างร่าเริงพร้อมตบบ่าอีกฝ่ายสักปาบโทษฐานที่ทำตัวอ่อนแอแล้วชี้ไปยังทางที่คาดว่าเป็นห้องของดีแลนก่อนเอ่ยเสียงดังอย่างมุ่งมั่น“ถ้าตัดสินใจได้แล้ว เราก็ไปกันเลย!”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ประตูถูกเคาะสามครั้งโดยกัปตันทีมยูนิคอร์นที่ยืนตัวเกร็งอยู่หน้าประตูพร้อมกับอิจิโนเซะที่ยืนอยู่ข้างๆ แต่ไร้ซึ่งการตอบรับจากภายในมาร์กจึงเอื้อมมือไปเคาะอีกเป็นครั้งที่สอง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
จริงๆแล้วมาร์กสามารถเปิดประตูเข้าไปในห้องได้เลยโดยไม่ต้องเคาะขออนุญาตเพราะแต่เดิมห้องนี้ก็เป็นห้องพักของเขากับดีแลนอยู่แล้ว
แต่บางที…ที่เขาไม่เปิดเข้าไปเลยอาจเป็นเพราะแอบกังวลลึกๆว่า ภายในห้องนั้นจะมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญอยู่ข้างในก็เป็นได้…
“…………………”
ความเงียบเป็นคำตอบสำหรับเรื่องนี้ ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะไม่มีใครอยู่ในห้อง และเพื่อตองการยืนยันความมั่นใจในสิ่งที่คิด มาร์กจึงเอื้อมมือไปหมุนลูกบิดตรงหน้าและพบว่ามัน….ไม่ได้ล็อก?
มาร์กหันไปมองอิจิโนเซะเป็นเชิงขอความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ซึ่งอิจิโนเซะได้แต่หยักไหล่แบบขอไปทีเป็นเชิงบอกทางอ้อมว่าให้มาร์กเป็นคนตัดสินใจเอาเอง ดังนั้นมาร์กจึงตัดสินใจใช้สิทธิ์ความเป็นเจ้าของห้องคนที่สองเปิดประตูเข้าไปโดยไม่รอคำอนุญาตจากบุคคลซึ่งอยู่ในห้องและ…
“!!!”
ภาพที่เห็นทำให้สองหนุ่มถึงกับตะลึงพูดไม่ออก เมื่อภายในห้องที่มืดสนิทนั้นมีเงาตะคุ่มสองเงาที่กำลังขยับขยุกขยิกบนเตียงเดี่ยวฝั่งซ้ายมือภายใต้ผ้าห่มผืนบาง
แสงสว่างจากภายนอกที่ส่องเข้ามาทำให้คนที่อยู่ภายในเริ่มรู้สึกตัว ก่อนผ้าห่มจะถูกเลิกขึ้นโดยเจ้าของห้องอีกคนที่ไม่ยอมโผล่หน้ามาเปิดประตู พลันดวงตาสีครามเบิกกว้างอย่างตกใจเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเป็นใคร
“มาร์ก!!?”
สมองที่ขาวโพลนไปชั่วขณะเริ่มกลับมาทำงานอีกครั้งพร้อมกับความโกรธที่พุ่งพล่านไปทั่วกาย เป็นอีกครั้งที่ยากจะควบคุมความรู้สึกทั้งหมดในตอนนี้ แต่สิ่งที่รู้สึกได้เด่นชัดกลับไม่ใช่ความโกรธในตอนแรก…กลับเป็นอะไรที่มากกว่านั้นซึ่งทำให้ขอบตาร้อนผ่าวอย่างห้ามไม่อยู่
นี่เขาเป็นอะไร?
“มาร์ก! ฉันอธิบายเรื่องนี้ได้!”สิ่งที่ออกจากปากของดีแลนครั้งนี้ไม่ว่าจะฟังยังไงก็เหมือนเป็นเพียงคำแก้ตัว ในเมื่อหลักฐานก็เห็นอยู่เต็มตาแบบนี้….จะให้เขาเชื่อว่าอะไรอีก?
“มาร์ก?”อิจิโนเซะเห็นท่าไม่ดีเอื้อมมือเข้าแตะบ่าอีกฝ่ายเบาๆแต่ไร้การตอบสนองจากร่างบางซึ่งทำให้คนถามเริ่มไม่ดี หลุดปากถามด้วยความเป็นห่วง “นายเป็นอะไรรึเปล่า?”
“ไม่….”เสียงแผ่วเบาไร้เรี่ยวแรงดังขึ้นจากคนอาการน่าเป็นห่วง “ฉันไม่เป็นไร”
ความคิดเห็น