ตอนที่ 3 : Lolita
นกสีฟ้า
AMURO x OC
------------------------------------------------------
Lolita
Would you be mine? Would you be my baby tonight?
Could be kissing my
fruit punch lips in the bright sunshine
‘Cause I like you quite a lot, everything you got, don’t you know?
It’s you that I adore, though I make the boys fall like dominoes
“กลับดีๆ นะคะ คุณอามุโร” อาซึสะโบกมือลาพนักงานคนเดียวในร้านปัวโรต์หลังจากที่ในที่สุดเธอและเขาช่วยกันเก็บข้าวของจนเสร็จทันเวลาเลิกงานจนได้
เพราะเป็นเวลาเย็นย่ำ จึงได้เวลาแยกย้ายกลับบ้านใครกลับบ้านมัน หญิงสาวผู้ตั้งใจว่าจะไปซื้อของร้านใกล้ๆ นี่และรอพี่ชายของตนเองให้มารับตามปกติ ได้ถูกชายหนุ่มถามย้ำหลายครั้งแล้วว่าจะให้ไปส่งไหม ทว่าคำตอบก็ยังคงเป็นคำว่าไม่พร้อมด้วยท่าทางรุกรี้รุกลนราวกับกลัวชายหนุ่มนักหนา
ก็กลัวจริงๆ น่ะแหละ แต่ไม่ใช่กลัวอามุโร่ เธอกลัวใจแฟนคลับสาวๆ วัยมัธยมของชายหนุ่มที่แสนจะขี้หึงเหลือเกินต่างหาก
เธอไม่อยากโดนรีวิวร้านแบบสับๆ เพราะถูกเข้าใจผิดว่าอ่อยเขาอีกแล้ว มันมาบ่อยเสียจนบางทีก็อดไม่ได้ที่จะท้อแท้จนอยากเข้าไปตอบรีวิวพวกนั้นหลือเกินว่าให้สังเกตที่คอของคนที่พวกหล่อนๆ ทั้งหลายหวงหน่อยเถอะว่ามันสวมอะไรเอาไว้!
สร้อยที่มีจี้เป็นแหวน…
แหวนที่เหมือนกับแหวนที่อยู่ในนิ้วนางซ้ายของเจ้าตัว
อาซึสะไม่เคยกล้าถามว่าเจ้าของแหวนคือใคร ครั้นมองหน้าชายหนุ่มที่ดูเหม่อลอยและเศร้าสร้อยยามมองแหวนนั้นเธอก็พอจะเดาได้ว่าชายหนุ่มสุดใจดีแห่งร้านนั้นมีเจ้าของหัวใจแล้ว
แถม…
อาจจะอกหักอยู่ด้วยสิ
“ครับ คุณอาซึสะเองก็ด้วย กลับบ้านดีๆ นะครับ วันนี้มืดไวซะด้วยเพราะย่างเข้าหน้าหนาวแล้ว” คนที่ถูกเธอนินทาอยู่ในใจเอ่ยตอบ ดวงตาสีซีดทอประกายอ่อนโยน
หญิงสาวยิ้ม “จ้า โชคดีนะคุณอามุโร่”
“ครับ คุณด้วย”
เรย์พยักหน้ารับไม่ลืมบอกลาเธอก่อนจะก้าวเดินไปตามทางที่จอดรถเอาไว้บริเวณหลังร้าน นี่ก็เป็นเวลาเกือบครึ่งปีแล้วที่เขาได้เข้ามาแฝงตัวอยู่ที่ร้านคาเฟ่ใต้สำนักงานนักสืบโมริด้วยข้ออ้างที่ให้ไว้แก่องค์กรว่าต้องการจะจับตาดูโมริ โคโกโร่
ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงคนที่ถูกเขาจับตามองจะเป็นเด็กคนนั้นก็ตามที เด็กที่ชื่อว่า เอโดงาวะ โคนัน เด็กน้อยวัยเจ็ดขวบที่มีดวงตาซึ่งมองทะลุความจริงและหัวสมองหลังแหลมอย่างถึงที่สุด
ใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นมองท้องฟ้า มันดำสนิทราวกับถูกย้อมด้วยสีของปีกกา บรรยากาศค่อนข้างเงียบ ลมหนาวที่บ่งบอกว่าฤดูหนาวกำลังจะย่างกายพัดผ่านชวนให้ขนลุก อามุโร่ โทโอรุ รู้สึกไม่สบายใจกับสีของฟ้าในค่ำคืนนี้เลยแม้แต่น้อย
ใช่ อามุโร่ โทโอรุ หน้ากาที่เขาเคยใช้กับเธอคนนั้นถูกนำมาใช้อีกแม้ว่าคนที่ได้รับมันคนแรกจะไม่อยู่บนโลกนี้แล้วก็ตาม
สองปีแล้ว…
ที่เธอคนนั้นไม่อยู่บนโลกนี้…
‘ไว้ทำงานเสร็จก็กลับมาบ้านของเรากันนะครับ’
ตอนที่พูดออกไปแบบนั้นก็ไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะไม่มีโอกาสได้กลับมา บางครั้งโลกของเราก็ชอบเล่นตลกเสียเหลือเกิน
“ให้ตายสิ ไม่เป็นตัวของตัวเองเลยน้า” อดบ่นตัวเองไม่ได้ ลูกจ้างร้านปัวโรต์หัวเราะให้แก่ความคิดของตัวเองก่อนจะส่ายหน้าไปมาเพื่อไล่ความฟุ้งซ่าน
ตั้งแต่เหตุการณ์นั้นเขาก็กลายเป็นคนที่ระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ และยังกลายเป็นคนที่หันมาสนใจลางสังหรณ์ของตัวเองให้มากขึ้นเสียด้วย เพราะมันทำให้รู้สึกว่าหากเมินเฉยและไม่สนใจไป เมื่อเกิดสิ่งใดขึ้นมาจะไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ได้อีกต่อไป
มือยกขึ้นมาแตะยังสร้อยคอที่มีแหวนสีเงินห้อยอยู่บริเวณลำคอ แหวนที่เขามักจะห้อยอยู่ตลอดเวลาในช่วงสองปีมานี้ ไม่เคยถอดมันออกแม้จะกลับไปเป็นเบอร์เบิ้น ไม่ถอดออกและเอามาซ่อนไว้แบบทุกที
ไม่มีสิ่งใดที่ต้องหลบซ่อน ไม่ต้องโกหก ไม่ต้องปิดบัง เพราะไม่มีอะไรต้องกลัวอีกต่อไปเนื่องจากเจ้าของมันได้ตายลงไปแล้ว ต่อให้องค์กรจะรู้ว่าเบอร์เบิ้นมีคนรักก็จะไม่มีทางขุดหาเรื่องของเธอคนนั้นเจอ เขาจึงไม่ต้องกลัวว่าเธอจะไม่ปลอดภัย เพราะเธอเผชิญกับอันตรายที่สุด ซ้ำยังเผชิญมันเพียงลำพังไปเสียแล้ว
ถ้าเลือกได้ ก็อยากที่จะเป็นคนโกหกต่อไป
หากว่าโกหกแล้วเธอจะยังยืนอยู่ข้างกายเขาตรงนี้…
ตอนที่เกิดเหตุการณ์กราดยิงเธอจะหวาดกลัวแค่ไหนกันนะ ?
มิหนำซ้ำศพที่เจอยังเจออยู่ใต้ท้องเรือ แม้จะมีร่องรอยการโดนยิงแต่สาเหตุการตายกลับเป็นการจมน้ำ ข้อเท้ามีร่องรอยฟกช้ำบ่งบอกว่าถูกล่ามด้วยโซ่เอาไว้จึงไร้ทางหนี
จากคำบอกเล่าของพยานก่อนที่เรือจะล่มและได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่คือไอรuนเข้าขวางคนร้ายที่กำลังจะยิงเด็กหญิงคนหนึ่งในเรือ ทำให้เธอเป็นคนรับกระสุนเสียเอง หลังจากนั้นไม่นานคนร้ายก็พลาดทำระเบิดที่พกมาต่อรองกับตำรวจระเบิดขึ้นมาจนทำให้น้ำซึมเข้ามาในเรือจนเรือค่อยๆ จมลง
ทุกคนสามารถหลบหนีออกมาได้ทั้งหมด แม้แต่คนร้ายเอง ยกเว้นเพียงไอรีนที่หลังจากขัดขวางคนร้ายไม่ให้ยิงเด็กได้แล้วถูกยิงเอง ก็ยังถูกเอาไปขังไว้ในกรงซึ่งอยู่ใต้ท้องเรือ
เธอต้องรอความตายอยู่ตรงนั้น แค่เพียงลำพัง
ทุกคนต่างบอกว่าเธอโชคร้าย ยกเว้นเพียงเขาที่หาทางเขาไปดูในสถานที่เกิดเหตุจนได้รู้ว่าไอรีนรู้ความลับบางอย่างของคนร้ายจึงทำให้พวกมันตัดสินใจขังเธอเอาไว้ โดยจงใจจะปล่อยให้ตำรวจมาเจอเธอคนสุดท้ายหลังจากพวกมันหลบหนีไปได้ ตั้งใจให้หญิงสาวเสียเลือดจนตายทว่าเรือกลับล่มเสียก่อน
มือกำแน่นจนรู้สึกเจ็บ
เธอไปรู้อะไรกัน ?
ทั้งที่ตั้งแต่วันนั้นก็ผ่านมาสองปีแล้วแท้ๆ
ยังไม่ลืมเลย
ผมต้องทำยังไงเหรอ ไอรีน ?
‘โทโอรุคุงจะให้ฉันรออีกนานหรือเปล่า ?’ ครั้งหนึ่งเธอเคยถามออกมาแบบนั้น และทั้งที่เข้าใจความหมายของมันว่าไอรีนต้องการจะสื่ออะไร เธอต้องการที่จะให้เขาบอกความจริง แต่เขาก็ยังคงทำใจแข็งแสร้งไม่รู้เรื่อง ยกยิ้มกว้าง ตีหน้ามึนเอ่ยตอบกลับ
‘ทำงานเสร็จก็กลับแล้ว รอไม่นานหรอก’
‘เหรอ มันจะไม่นานจริงๆ ใช่มั้ย ?’
‘อือ รอหน่อยได้หรือเปล่า ?’
‘แน่นอน’
เรย์ถอนหายใจ ไม่รู้ทำไมทั้งที่ปกติชายหนุ่มสามารถเก็บเรื่องนี้ฝังลงไว้ในความทรงจำไม่ให้กระทบกับความรู้สึกและงานได้ทุกครั้งแท้ๆ แต่วันนี้กลับทำได้ยากเหลือเกิน
แต่ก็โชคดีที่ค่ำนี้ทางองค์กรไม่ได้ต้องการตัวเบอร์เบิ้นให้ไปทำอะไร ทำให้เขาว่าง ดังนั้นจึงมีความตั้งใจว่าจะแวะเข้ากรมตำรวจที่ตัวเองสังกัดอยู่เพื่อตรวจเช็คอะไรเสียหน่อยแล้วค่อยหอบงานกลับไปจัดการต่อที่ห้อง
“เอ๊ะ…” หยุดชะงักเล็กน้อยเมื่อจมูกได้กลิ่นคาวเลือด
แม้จะเจือจางมากแต่มันก็ไม่สามารถเล็ดลอดโสตประสาทของเขาไปได้อย่างแน่นอน
ไม่มีทางที่จะไม่รู้ว่ามันคือกลิ่นอะไรและไม่มีทางที่จะสัมผัสไม่ได้ในเมื่อมันคือกลิ่นที่เขาคุ้นเคยมากที่สุด
เป็นกลิ่นที่อยู่กับมันมาตลอดตั้งแต่เลือกเป็นตำรวจและอยู่กับมันเยอะเป็นพิเศษในช่วงที่ต้องปลอมตัวเข้าไปในองค์กร ดวงหน้าคมหันมองซ้ายขวาก่อนจะเดินไปตามทิศทางของลมที่น่าจะนำกลิ่นมา
“เฮ้ เธอ!”
สิ่งที่เห็นทำเอาสัญชาตญาณของตำรวจทำงาน
ที่ข้างๆ ตรอกร้านปัวโรต์ ร่างหนึ่งนอนคุดคู้อยู่ใกล้กับถังขยะ เพราะสภาพของเธอมองผ่านๆ ไม่ต่างอะไรกับหุ่นพังๆ ที่ถูกทิ้งผู้คนจึงไม่มีใครใส่ใจสังเกต ไหนจะขนาดตัวที่ค่อนข้างเล็กจนกองสิ่งของบังกายได้เกือบมิดนั่นอีก
ดวงตาคมหรี่ลง เท่าที่เห็น เธอเป็นเพียงเด็ก
สมองของชายหนุ่มคิดไปถึงคดีลักพาตัวเด็กที่โด่งดังมากในช่วงนี้ สองขาก้าวเข้าไปใกล้อย่างระมัดระวัง แถวนี้ไม่มีถนนใหญ่ ถนนใหญ่ที่ตัดผ่านหน้าร้านเองก็รถน้อย ดังนั้นมันไม่ใช่คดีพวกชนคนตายแล้วเอาศพมาซ่อนแน่ๆ เธออาจจะถูกทำร้ายมา
เรย์มองไปรอบกายให้แน่ใจว่าคนซึ่งทำร้ายเด็กคนนี้ไม่ได้อยู่ใกล้ๆ นี่ ก่อนย่อตัวลงประคองตัวเด็กน้อยเข้ามาไว้ในอ้อมแขนจนคราบของเหลวเปื้อนเนื้อตัวเขาไปด้วย
เธอคนนี้มีเส้นผมสีเงินชวนให้นึกถึงหมายเลขสามขององค์กร ทว่ายามนี้มันถูกย้อมไปด้วยของเลือดสีแดงฉาน ผิวของเด็กน้อยขาวสะอาด ดูเรียบเนียนหากแต่มือค่อนข้างด้านโดยเฉพาะข้อนิ้วโป้ง นิ้วกลางและนิ้วชี้ มันด้านซ้ำยังนูนขึ้นมาบ่งบอกว่าต้องมีอะไรเสียดสีประจำ
ปืนกับดาบ ?
บ้าน่า
“ไม่ใช่หรอก…”
เขาส่ายหัวให้กับความคิดแปลกประหลาดของตนก่อนสำรวจร่างกายเล็กๆ นี้ต่อ
เสื้อผ้ามีราคาบอกชัดว่าไม่ใช่เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้า จัดเป็นลูกคุณหนูคนหนึ่งก็ว่าได้
ลักพาตัว เรียกค่าไถ่แล้วหนีออกมาได้งั้นเหรอ ?
ถือวิสาสะเลิกชายเสื้อที่ชุ่มไปด้วยเลือดขึ้นเพราะคาดเดาว่าบาดแผลน่าจะอยู่บริเวณนี้จึงทำให้พบสิ่งที่น่าตกใจมากกว่าข้อสันนิษฐานว่าเด็กคนนี้ฝึกใช้ปืนกับดาบมาเสียอีก เพราะสิ่งที่เห็นมันคือร่องรอยการโดนยิง มีแผลเป็นเก่าตรงเยื้องอกซ้ายใกล้บริเวณหัวใจ และแผลสดซึ่งเป็นจุดที่ทำให้ร่างกายของเด็กหญิงถูกย้อมไปด้วยเลือดอยู่บริเวณหน้าท้อง
“โรงพยาบาล ต้องไปโรงพยาบาลสินะ… นี่เธอ อดทนไว้ก่อน ผมจะพาไปเดี๋ยวนี้” อุ้มร่างเล็กที่ไร้สติขึ้นมาแนบอกโดยไม่คิดรังเกียจ เพราะอย่างไรชีวิตคนก็สำคัญกว่า
ชายหนุ่มเตรียมพาเธอไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดที่นึกออก แต่คิดไม่ถึงว่าแค่เพียงก้าวไปได้สองก้าวคนที่ควรจะไร้สติกลับตวัดขากลับมาแตะเข้าที่หน้าเขาเสียเต็มแรง ทำเขาเรย์ที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับชะงักปล่อยเด็กหญิงตกลงพื้น
จมูกได้กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นที่คาดว่ามาจากตัวเองในทันที
เด็กนี่แสบ…
มือยกปาดเลือดกำเดาที่ไหลออกมาลวกๆ พลางจ้องมองร่างของเด็กหญิงไม่วางตา ใบหน้ายังรู้สึกได้ถึงความเจ็บ อย่างไม่ต้องสงสัยเลยว่าหากคนที่โดนหน้าขาของแม่หนูนี่ไม่ใช่เขาคงได้สลบคาที่แน่ๆ
แรงเยอะผิดกับขนาดตัวจริงๆ!
“อึก..” เสียงร้องหลุดรอดออกมาจากริมฝีปากเล็ก กระนั้นร่างกายที่ชุ่มไปด้วยเลือดกลับยืนหยัดบนพื้นได้อย่างมั่นคง ไม่ต่างกันกับเรย์ เธอเองก็จ้องมองชายหนุ่มไม่วางตา ความมืดทำให้คนทั้งคู่เห็นสีหน้ากันไม่ชัดนัก
“เอาล่ะ ใจเย็นๆ ฉันแค่พยายามจะ-”
คำแก้ตัวถูกกล่าวออกมาช้าไป คำว่าพยายามจะช่วยยังเอ่ยออกไปไม่ทันจบสันติบาลหนุ่มก็มีอันต้องเบิกตากว้างเพราะยัยเด็กที่น่าจะไม่มีแรงกระโจนเข้ามาอยู่ในระยะประชิดสองมือปล่อยหมัดเข้าใส่ยังจุดที่ทำให้คนล้มได้อย่างแม่นยำใส่เรย์ในทันที
เอ้า!?
นี่เขาหวังดีกับเธอนะ!
“เดี๋ยวก่อน-เฮ้!” สันติบาลหนุ่มตั้งรับพลางพยายามหลบหมัด หลบเท้าของเด็กน้อยอย่างเก้ๆ กังๆ ดูเหมือนว่าเด็กน้อยจะได้เปรียบมากในการต่อสู้นี้ แม้เธอจะมีสภาพไม่สมบูรณ์แต่ความมืดไม่ได้ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวเธอเลยสักนิด
ฝีมือดีเกินไป ดีเกินกว่าจะเป็นเด็กธรรมดา เรย์คิดไม่ออกเลยว่าคนที่ดูเป็นลูกคุณหนูคนหนึ่งมีความจำเป็นอะไรต้องฝึกศิลปะป้องกันตัวตั้งแต่เด็กเช่นนี้
แกรก!
“ถอยไปซะ!”
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบเมื่อปืนที่พกเอาไว้บริเวณสะโพกด้านหลังโดนเด็กมือไวคว้าไปซ้ำยังขึ้นลำปืนอย่างคล่องแคล่ว ดูจากท่าทีที่โจมตีใส่เขาไม่ยั้งนั้นเห็นได้ชัด…
เธอกล้ายิง…
ชิบหาx
“เอาล่ะ เอาล่ะ ฉันมือเปล่าแล้ว ทีนี้เธอจะยอมใจเย็นได้หรือยัง ?”
อามุโร่ยกสองมือขึ้น ท่าทางยอมแพ้ ในความเป็นจริงจะให้หลบกระสุนและแย่งปืนคืนก็ไม่ยากอะไร แม้จะไม่ถนัดต่อสู้ในความมืดแต่เพราะแสงจันทร์เบาบางที่ลอดลงมาก็พอทำให้เห็นเงารางๆ อยู่เหมือนกัน แต่เมื่อมองแววตาที่ราวกับสัตว์จนตรอกของเด็กหญิงตรงหน้าแล้วก็ได้แต่คิดว่าวิธีเอาน้ำเย็นเข้าลูบคงดีกับเธอที่สุด
ดวงตา…
ชายหนุ่มชะงัก
เพราะลมพัดทำให้เมฆเคลื่อนที่ ดังนั้นแสงจันทร์จึงส่องลงมาถึงที่ที่เขาและเธอยืนประจันหน้ากันอยู่ได้มากกว่าเดิม เรย์ไม่รู้ว่าควรจะตกใจกับอะไรก่อนดี ระหว่างแววตาที่ราวกับสัตว์ป่ากำลังบาดเจ็บ ดูดุร้ายสุดๆ ไม่เหมาะสมกับเด็กอย่างสิ้นเชิง
หรือสองนั้น…
“ไอรีน…?”
ไม่ใช่แค่แววตาสีม่วงงดงามซึ่งดูไม่เหมือนตาคนที่เหมือนกัน หน้าตาของเด็กคนนี้เองก็ราวกับถอดมาจากแฟนสาวของเขาไม่มีผิด แม้ว่าเส้นผมจะคนละสีกันก็ตามที
เสี้ยววินาทีนั้นเหมือนเห็นร่างเล็กนั่นชะงักไปเช่นกัน
แต่แค่เสี้ยววินาที แค่เสี้ยวเดียวจริงๆ เพราะวินาทีต่อมาเธอก็ล้มลงกองไปกับพื้นเหมือนหุ่นเชิดที่ถูกตัดสายควบคุม ปืนหลุดลงจากมือ อามุโร่ตั้งสติได้รีบเขาไปประคองเด็กหญิงเอาไว้อีกครั้ง มือประคองใบหน้าของเธอขึ้นเพื่อมองให้ชัดราวกับอยากจะพิสูจน์ว่าตนไม่ได้ตาฝาด
และเขาก็ไม่ได้ตาฝาดจริงๆ
ถ้าไอรีนอยู่ตรงนี้ด้วยทั้งสองคนคงเหมือนกับแม่ลูกไม่ก็พี่น้องกันไม่มีผิดแน่ๆ
“เธอ.. เธอ ?” สันติบาลหนุ่มเขย่าตัวคู่กรณีไปมาเพื่อดูว่าเธอยังมีสติอยู่หรือเปล่า ทว่าร่างของเด็กน้อยนั้นแน่นิ่ง แม้ดวงตาจะปรือเปิดขึ้นมาแต่ก็ดูท่าแล้วเธอไม่สามารถลุกมาแผลงฤทธิ์ได้อีก
“ใช้แรงเฮือกสุดท้ายหมดไปแล้วน่ะสิ นี่แหละ เจ็บแล้วยังซ่า”
ดวงตาที่สีเดียวกับแฟนสาวถลึงมองเขาอย่างน่ากลัว เธอทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่กระนั้นแล้วเลือดกลับกระอักออกมาจากริมฝีปากนั้นแทน
“อุก…”
เต็มหน้า…
คนผมบลอนสูดลมหายใจลึก พยายามคิดว่าตัวเองต้องไม่ถือโทษโกรธเด็ก โดดยเฉพาะกับเด็กหญิงที่กำลังเจ็บปางตาย
“ไหวหรือเปล่า ? จะรีบพาไปโรงพยาบาลอดทนอีกนิดได้ไหม ?”
“ไม่..” ทว่าวินาทีที่คำว่าโดรงพยาบาลหลุดออกไปจากปากเด็กหญิงกลับตอบสนองกลับมาด้วยอารมณ์รุนแรง มือสั่นเทาจับข้อแขนของเขาเอาไว้ ดวงตาสีม่วงราวกับไม่ใช่ดวงตาของคนจ้องมองมายังเขานิ่งราวกับกำลังจะวัดใจ ริมฝีปากเปล่งเสียงออกมาแผ่วเบา “ไม่ไปโรงพยาบาล ไปไม่ได้…นะคะ หนูขอร้อง…”
ท่าทางของเธอดูหวาดกลัว เป็นกังวล
ท่าทางของคนที่ซึ่งกำลังหลบหนี…
แต่ถึงขั้นไม่ยอมไปโรงพยาบาล และดูจากสภาพของเธอทำให้เขาเดาได้ไม่ยากว่าศัตรูของเด็กคนนี้จะต้องไม่ใช่ธรรมดาอย่างแน่นอน ดูท่าแล้วเธอจะมีศัตรูตัวเป้งเข้าให้
และถ้ารับมาคงจะวุ่นวายกับงานเขาแน่ๆ…
ทั้งที่ควรปฏิเสธออกไปแล้วส่องเธอให้คนอื่นดูแลต่อ หากแต่ชายหนุ่มกลับหลับตาลงเพื่อหลีกหนีการจ้องมองนั้น เขายังไม่พร้อมที่จะมองสบกับดวงตาที่ไม่ต่างจากของแฟนสาวผู้ซึ่งตายจากไปนัก
“ตกลงครับไม่ไปโรงพยาบาล แต่ไปบ้านฉันแทน”
อุ้มเด็กหญิงที่ยินยอมแต่โดยดีเมื่อไม่ต้องไปโรงพยาบาลให้เข้ามาในรถตัวเองพร้อมโทรสั่งให้คาซามิพาหมอที่รู้จักและเก็บความลับเก่งๆ ไปรอเสียโดยไม่ฟังคำถามว่าทำไมเกิดอะไรขึ้น
ดวงตาเหลือบมองเด็กที่หลับโดยใช้ศีรษะพิงกระจกรถ
มือเอื้อมมากุมสร้อยของตัวเองเบาๆ
ลางสังหรณ์แปลกๆ มาอีกแล้ว
จะเป็นของหนูไหมคะ ? คุณจะเป็นที่รักของหนูในคืนนี้หรือเปล่า ?
คุณจะหนู จูบรสผลไม้ภายใต้แสงตะวัน
คุณไม่รู้เหรอว่าหนูชอบคุณโคตรๆ ชอบทุกอย่างที่เป็นคุณ
แม้ว่าจะมีหนุ่มๆ มากมายที่หนูสามารถทำให้เขาล้มลงไม่ต่างกับโดมิโน่
TBC.
------------------------------------------------------
เหมือนคัมเเบคมาพร้อมด้วยเพลย์ลิสเพลงของลาน่าเลยค่ะ ฮา
อย่าลืมเป็นกำลังใจให้ยัยหนูเราก้วยนะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

1. เนื้อเรื่องของเราและชื่อเรื่องคล้ายกับเรื่องไหนเข้าเหรอคะ ?
เพราะว่าปกติแล้วเราไม่อ่านฟิคเรื่อง โคนันที่มีตัวละคร ooc เลย สารภาพจากใจว่าไม่ใช่คนประเภทที่จะเอ็นดูลูกของคนอื่น เลยไม่ชอบอ่านที่มีตัว ooc (อันนี้แอบนิสัยไม่ดีนิดนึง) เลยไม่ทราบจริงๆ ว่ามันเหมือนเรื่องไหนเข้า แต่นางเอกของเราเกี่ยวข้องกับนกสีฟ้านั่นจึงเป็นชื่อเรื่องค่ะ ส่วนเกี่ยวอย่างไรนั้นต้องรอดูการเฉลยอีกที เพราะมันจะเชื่อมคริสตี้เข้ากับไอรีนและอาชีพของพวกเธอ การเล่าในตอนนี้จะเป็นการสปอยและเราก็หวงไอเดียเรามากเนื่องจากเราศึกษาอาชีพนี้ก่อนที่จะเริ่มเขียนด้วย
2. ต้องถามอีกค่ะว่าจุดเนื้อหากับช่องคำพูดตรงไหนที่เหมือนคะ ?
เพราะเราค่อนข้างแน่ใจว่าบางส่วนเราดัดแปลงมาจากซีรีย์ที่เราดู เรื่อง Blindspot แต่แค่ไม่ได้เอา FBI หรือทหารเรือเข้ามาเกี่ยว เราเล่นประเด็นคนที่ไม่ตรงกับข้อมูลใดๆ ในบัญชีรายชื่อประชากร
ส่วนนางเอกนั้นเราเอาคาร์แรคเตอร์มาจากไอรีน แอดเลอร์จากเชอร์ล็อคผสมฟ่างมู่จากเจาะจิตค่ะ เลยจะเห็นว่าทั้งร้าย ทั้งฉลาดและมีลูกเล่นทางจิตวิทยา
ถ้าจะบอกว่าพล็อตซ้ำ ก็สงสัยค่ะว่านี่ยังไม่เข้าปมยิบย่อยเลย สามารถเดาได้และแน่ใจแล้วใช่มั้ยว่าซ้ำ
3. ช่องคำพูดคล้ายนี่คล้ายยังไงคะ ?
ไอดีนี้อาจมีนิยายแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวที่เราเขียน แต่ความจริงเรามีอีกไอดีที่ไว้เขียนซึ่งเป็นไอดีหลัก เราก็เขียนโดยใช้ช่องคำพูดแบบนี้มาตลอด
สุดท้ายนี้ก็ไม่มีหลักฐานอะไรเพราะเราไม่ได้เวิ้นเว้อพล็อตไว้ที่ไหนเสียด้วย แต่อยากให้ทักถามกันด้วยหลักฐานที่เทียบกันแบบบรรทัดต่อบรรทัดกันมากกว่าความรู้สึกค่ะ
ปล.คำว่าคล้ายเกินไปนี่ให้ความรู้สึกไม่ดีเหมือนโดนตัดสินไปแล้วว่าลอกเลยนะ
และนางเอกของเราไม่ได้มาจากอเมริกาค่ะ... คุณอามุโร่นั่นล่ะไปอเมริกา ไม่เกี่ยวกับนางเอกของเราเลย
ส่วนชื่อเรื่องเราไม่เปลี่ยนให้ค่ะ เพราะนกสีฟ้าแปลว่าอิสระ ดังนั้นใครจะใช้ก็ได้ ชั้นจะไม่ยอมเปลี่ยนหรอก--แค่ก ไม่ใช่ เพราะว่ามีนิยาย/ฟิค มากมายที่มีชื่อที่คล้ายกันหรือเหมือนกันไปเลยโดยที่นักเขียนแต่ละท่านไม่เคยอ่านงานกันและกันมาก่อน
ขอบคุณที่เสนอความเห็นว่ามันคล้าย แต่เราก็ไม่คิดว่าเราทำผิดอะไรที่จะใช้ชื่อนี้ค่ะ เพราะต่อให้เราแปลชื่อเราเป็นภาษาอังกฤษมันก็แค่ blue brid เท่านั้น ไม่ได้คิดว่ามันคือเรื่องเดียวกันอยู่ดี