ตอนที่ 15 : California - 2
นกสีฟ้า
AMURO x OC
------------------------------------------------------
California - 2
I shouldn’t have done it, but I read it in your letter
You said to a friend that you wish you were doing better
I wanted to reach out, but I never said a thing
“เธอบอกว่าเธอคิดค้นยาที่ทำให้คืนร่างมาได้แล้วจากสูตรยาลดอายุที่ได้มาแต่มันไม่สมบูรณ์สินะ ?” ระหว่างที่เข้ามาใกล้ไฮบาระไอรีนเอ่ยถามขึ้นมาเสียดื้อๆ มันคือคำถามที่ตรงเกินไป ไม่มีการอ้อมค้อม ทว่าหญิงสาวในร่างเด็กไม่อยากเสียเวลา
เธอเหลือเวลาอยู่ที่ญี่ปุ่นอีกไม่นานเท่านั้น หนึ่งสิ่งที่เธอไม่เคยบอกใครคือทันทีที่จัดการเรื่องรัมได้เธอต้องกลับไปยังฝรั่งเศส ที่ที่คนในหน่วยจะคุ้มครอง ดูแลเธอจนกว่าเธอจะกลับร่างเดิมได้หรือโต
และทำภารกิจต่อไป
เด็กหญิงผมน้ำตาลแดงชะงักกับคำถามนั้น ไม่นานก็พยักหน้าก่อนจะกล่าวต่อทันที
“แต่ให้คุณไม่ได้หรอกนะ นอกจากจะมีเหตุการจำเป็นจริงๆ เพราะยานี่กินแล้วมันจะดื้อยา” ไฮบาระไม่ได้หวง แต่เพราะรู้ว่าไอรีนต่างจาก คุโด้ ชินอิจิ สำหรับคนคนนั้นต่อให้อยู่ในร่างไหนก็มักแก้ปัญหาได้ด้วยสมอง ส่วนคนผมขาวตรงข้างเธอนั้นนอกจากมีสมองแล้วร่างกายยังถูกฝึกมาอย่างดี ดังนั้นการกินยาเพื่อกลับมาโตจะมีประโยชน์เอามากๆ
เธอไม่ยอมให้คนที่มีความพร้อมที่จะต่อสู้หรือเอาตัวรอดแบบนี้ตกม้าตายเพราะดื้อยา จนถึงช่วงสำคัญจริงๆ กินยาเข้าไปแล้วกลายร่างคืนมาไม่ได้หรอก!
“อือ งั้นเอานี่ไปสิ” ไอรีนไม่ได้สนใจ เธอคว้าสร้อยคอของตัวเองออกมา นอกจากจี้ของสร้อยจะเป็นเครื่องติดตามแล้วมันยังสามารถใส่บางสิ่งเอาไว้ได้ เม็ดยาหนึ่งเม็ดในซองสีใสถูกส่งให้แก่ไฮบาระ
“นี่เป็นยาที่ทำให้คืนร่างของทางฉัน มันก็ไม่สมบูรณ์และทำให้เกิดการดื้อยาเหมือนกัน แต่ว่าถ้ามีตัวอย่างเพิ่มมาอีกสูตรอย่างน้อยมันจะช่วยในงานวิจัยใช่มั้ยล่ะ ?” มันคือสิ่งที่คิริฮาระให้แก่เธอมา ไอรีนเคยกินยานี้มาแล้วที่ฝรั่งเศสในช่วงแรกๆ และเธอเองก็ไม่ได้หวงอะไรหากจะให้คนที่เก่งการทดลองอย่างชิโฮะเข้ามาช่วยอีกแรง
อีกอย่างการกระทำในวันนี้พวกนักวิจัยของจีไอจีเอ็นเองก็ไม่เห็นเสียหน่อย ดังนั้นไม่รู้ ไม่เห็น เท่ากับว่าเธอไม่ผิด…
หญิงสาวขยิบตาลงข้างหนึ่ง ท่าทางนั้นไม่ได้จริงจังอะไร “แค่ว่าถ้ายาสำเร็จก็อย่าลืมขอฉันด้วยล่ะ”
“อื้อ แน่นอน”
“ไกลเหมือนกันนะครับเนี่ย” มิซึฮิโกะร้องออกมาเมื่อดอกเตอร์พาพวกเขาทั้งหมดขับรถไปตามทางนานกว่าสามชั่วโมงแล้ว คริสตี้ไม่ได้บ่นอะไรเธอทำเพียงก้มหน้าก้มตาอ่านข่าว แม้พวกเด็กๆ จะสนใจแค่ไหนกลับอ่านไม่ออกเพราะเธออ่านข่าวต่างประเทศ
จวบจนเจอหัวข้อข่าวหนึ่งน่าสนใจที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่น
“ระเบิดเหลวในท้องคน…”
โคนันที่ได้ยินจึงหันมาทางเธอทันที “อือ ข่าวใหญ่ช่วงนี้เลยล่ะ เริ่มจากโรงเรียนชั้นประถมแห่งหนึ่งคุณครูสอนคณิตศาสตร์อยู่ๆ ก็ล้มตายลงพร้อมด้วยรูโหว่ตรงหน้าท้อง หลังจากชันสูตรเจ้าหน้าที่พบว่ามันเกิดการระเบิดจากภายใน หรือพูดง่ายๆ ก็คือชายคนที่ตายกลืนระเบิดลงไป จากนั้นก็เกิดคดีติดต่อกันขึ้นมาอีกสามครั้ง ผู้ตายสองคนแรกมีความเชื่อมโยงกับครูคณิตศาสตร์ คนที่สุดท้ายไม่ จนถึงตอนนี้คนร้ายยังไม่ถูกจับ”
“เหรอ…” ไอรีนจ้องมองเนื้อหาข่าวด้วยความสนใจ เธอรู้สึกว่านับวันวิธีการฆ่าคนช่างสร่างสรรและเหนือความคาดหมายขึ้นมามากทุกที และหากเกิดเหตุการณ์นี้ในประเทศเธอ ไม่แคล้วว่าทางตำรวจจะต้องติดต่อขอความร่วมมือจากจีไอจีเอ็นแน่ๆ
ส่วนญี่ปุ่นนี่จะมีอะไรแบบนั้นไหมนะ ?
คิดพลางกดเข้าหน้าเว็บใหม่ ครั้งนี้เป็นคลิปตอนที่ภรรยาของผู้ตายรายที่สี่หรือคนสุดท้ายพุ่งตรงมาหาศพของสามีเธอ ดวงตาสีม่วงเป็นประกายวาว ไปๆ มาๆ ก็กดค้นหาประวัติ เด็กๆ ในรถเลิกสนใจเธอ ยกเว้นเพียงโคนันที่เดิมไม่ได้สนใจข่าวนี้มาก่อนแต่ทว่ากลับเริ่มเอะใจบางสิ่งขึ้นมาหลังจากดูข้อมูลจากไอรีน
“คงไม่ใช่ว่า…”
“ฉันคิดว่าเราคิดเหมือนกันนะ ? แต่ไม่สามารถทำอะไรได้เลยเพราะไม่มีหลักฐาน ด้วยสถานะตอนนี้ถ้าฉันหรือเรย์ยื่นมือเข้าไปคงยุ่ง...” ไอรีนกระซิบเสียงเบา เธอคล้ายเชื่อมโยงคดีได้กลายๆ แต่กระนั้นกลับไม่สามารถทำอะไรได้เพราะสาเหตุหลักเลยคือมันไม่ใช่ประเทศตัวเอง ส่วนสาเหตุรองก็คงเป็นการยื่นหน้าเข้าไปตอนนี้ไม่แคล้วจะทำให้ตัวเองโดดเด่นขึ้นมาอย่างไร้เหตุจำเป็น
“แต่อย่างไรก็ตาม เราคงไม่อาจอยู่เฉยๆ ได้…”
ริมฝีปากเด็กหญิงขยับเป็นรอยยิ้ม เธอส่งข้อความบางอย่างไปให้แก่คาซามิโดยตรง นี่คือเบอร์โทรที่เรย์กำชับนักกำชับหนา มันไม่ใช่เบอร์ของเจ้าตัวแต่เป็นของผู้ช่วยคนนั้น
“กันไว้ดีกว่าแก้ใช่ไหมล่ะ ?”
ไอรีนเอนตัวก่อนจะเปิดดูคลิปวีดีโอตัวหนึ่ง หูฟังอีกข้างถูกส่งให้แก่โคนัน เด็กน้อยที่ไอรีนรู้สึกว่าเขาฉลาดพอที่เธอจะปล่อยให้เข้ามายุ่งด้วย คลิปวีดีโอมันเกี่ยวกับยาที่ฝังไมโครชิพของบริษัทยาแห่งหนึ่งซึ่งกำลังเปิดให้ผู้คนเข้ารับการทดลอง
“ระเบิดเหลวนี่อย่างกับยาฝังไมโครชิพเลยนะ ควบคุมด้วยโทรศัพท์ได้เหมือนกัน แต่แตกต่างกันคือระเบิดนั้นจะระเบิดหลังสั่งแต่ตัวยานั้นจะแตกตัวออกมาแล้วชิพที่อยู่ภายในจะวิเคราะห์โภชนาการและสุขภาพจากนั้นส่งผลมายังโทรศัพท์เฉยๆ”
“นั่นสินะ… พอบอกว่าเป็นยา ถ้าอ้างนิดอ้างหน่อยคนปกติก็คงยอมกลืนลงไป”
“ถ้าได้เห็นศพจริงๆ คงดี…” หญิงสาวในร่งเด็กพึมพำ “ฉันสามารถดูได้ว่าระเบิดนั้นมันถูกระเบิดจากส่วนไหนของร่างกาย แต่จริงๆ พวกหน่วยชันสูตรก็ดูได้แหละ แค่ไม่รู้ว่าพวกเขาจะเอะใจหรือเปล่า และถ้ามันมาจากจุดเดียวกับยาล่ะก็ เราจะลองสืบหาคนที่เกี่ยวข้องกับโปรเจคยาไมโครชิพก็คงไม่ถือว่าไร้ประโยชน์ไปซะทีเดียวใช่มั้ยล่ะ ?”
มันไม่มีใครคิดถึง ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่ฉลาด แต่เพราะไม่มีใครอยากคิดต่างหากว่ายาที่ถูกคิดค้นมาเพื่อสร้างประโยชน์จะถูกนำมาใช้แบบนี้ได้ แน่นอนว่าข้อสันนิษฐานนี้โคนันเองก็ไม่ได้โต้แย้ง หากแต่พวกเด็กๆ ที่ฟังอยู่กับมีสีหน้ากังวล
“แต่ยานี่น่ะเขาคิดมาเพื่อผู้คนนะครับคุณคริสตี้…”
“อือ แต่วิทยาศาสตร์น่ะถูกนำมาใช้แบบผิดประเภทได้เสมอ”
เช่นระเบิดหรืออาวุธสงคราม อาวุธชีวภาพอะไรต่างๆ ที่มีอยู่อย่างทุกวันนี้อย่างไงล่ะ
หลังจากนั้นพวกเธอทั้งหมดก็มาถึงจุดหมาย แน่นอนว่าจุดมายไม่ใช่ที่โรงแรมซึ่งถูกจองเอาไว้แต่เป็นลานจอดรถ เธอและพวกเด็กๆ แบกกระเป๋าขึ้นหลังก่อนขนของเดินไปตามทางเดิน ไอรีนมองโทรศัพท์อดพึงพอใจไม่ได้ว่าไกลขนาดนี้ยังมีสัญญาณ
“อีกไกลไหมเนี่ย…” เก็นตะหอบหายใจหนัก
“ไม่หรอก ข้ามสะพานนั่นแล้วตรงไปอีกประมาณยี่สิบนาทีก็ถึงแล้ว” ไฮบาระตอบพลางชี้ไปยังสะพานแขวนที่เชื่อมระหว่างผาฝั่งที่พวกเธออยู่กับอีกฝั่ง
เด็กหญิงผมขาวเงยหน้ามองนักวิทยาศาสตร์ร่างท้วม
“ช่างสรรหาที่จริงๆ นะคะ…”
กว่าจะมาถึงโรงแรมพระอาทิตย์ก็เกือบตกดิน พวกเด็กๆ และดอกเตอร์พากันไปเช็คอินห้องของโรงแรม ก่อนที่ทั้งหมดจะช่วยกันเตรียมอาหารในห้องครัวรวมที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้สำหรับผู้ที่มาเที่ยว
ไอรีนสังเกตว่านอกจากพวกเธอและนักท่องเที่ยวปกติแล้วยังมีกลุ่มบำบัดนอกสถานที่มาด้วย ทว่าเมื่อมองบรรยาศโดยรอบที่รายล้อไปด้วยต้นไม้ ภูเขาและเมฆหมอกก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่พวกเขาจะเลือกที่แห่งนี้
กว่าอาหารจะเสร็จก็ปาไปมืดค่ำ ทำเอาลานกว้างหน้าโรงแรมซึ่งติดกับเชิงเขาเป็นสถานที่นั่งกินข้าวเกือบจะเต็ม ดีที่เธอให้พวกโคนัน เก็นตะและมิซึฮิโกะได้มาจองที่เอาไว้ให้เรียบร้อย
อาหารวันนี้ค่อนข้างจะหลากหลายและรสชาติแปลกใหม่สำหรับพวกเด็กๆ ไปบ้างเนื่องจากบางส่วนไอรีนเป็นคนปรุง ทว่าก็ไม่มีใครบอกว่ามันไม่อร่อย ทุกคนค่อนข้างจะพึงพอใจ แม้แต่ตัวคนทำเอง นานแล้วที่ไอรีนไม่ได้ผ่อนคลายเช่นนี้ หญิงสาวในร่างเด็กหลับตาลงปล่อยให้ลมพัดผ่านใบหน้า ฟังเสียงพูดคุยกับเสียงร้องของแมลงอย่างเพลิดเพลิน
แม้ในใจลึกๆ จะเป็นห่วงคนที่ไปทำงานให้องค์กรก็เถอะ
แต่ว่าไม่เป็นไร ไม่เป็นไรหรอก
“ทานดีๆ หน่อยสิเก็นตะคุง เลอะหมดแล้ว”
อดบ่นออกมาไม่ได้เมื่อเห็นท่าทางของเด็กชายตัวใหญ่ที่สุด กระนั้นน้ำเสียงก็ไม่ได้ฉายแววดุหรือจริงจังมากมาย ส่วนคนอื่นๆ ก็หัวเราะร่วน มื้อค่ำจบลงด้วยความสนุกสนาน เธอนั่งฟังแพลนเดินป่าของดอกเตอร์และพวกเด็กๆ อยู่พักหนึ่ง ก่อนจะแยกกลับไปในห้องนอน
ต้องบอกก่อนว่าโรงแรมนี้ดอกเตอร์ได้เพื่อนสนิทที่ตนเองช่วยเหลือด้านงานวิจัยจัดเตรียมให้ พวกเธอจึงได้ห้องค่อนข้างเยอะ มีดอกเตอร์นอนคนเดียวหนึ่งห้อง เก็นตะ มิซึฮิโกะ และโคนันอีกหนึ่งห้อง ที่เหลือพวกเธอนอนด้วยกัน
ระหว่างทางกลับขึ้นห้องไอรีนดันไปชนเข้ากับคนคนหนึ่ง
“อึก..”
เสียงร้องหลุดออกมาจากปากเด็กหญิงทันที เหมือนว่าจากการล้มเมื่อกี้ข้อเท้าเธอจะพลิกเสียแล้ว เก็นตะเตรียมต่อว่าผู้ชายคนที่เข้ามาชนเด็กหญิง ทว่าชายคนที่ชนเด็กหญิงกลับมีสีหน้าตกใจ มือยกกุมหน้าท้องตัวเองก่อนจะโวยวายวิ่งจากไปในทันที
“อะไรน่ะ…” โคนันพึมพำ
ไอรีนหันมองท่าทางนั้นไปจนสุดสายตา
หน้าของผู้ชายคนนั้นมันคุ้นเกินไป…
“กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ไม่นะ!!!!”
“!!!” เช้าวันนี้ไอรีนตื่นมาเพราะเสียงกรีดร้องของใครสักคนที่ดังลั่นออกมาจากทางข้างนอกโรงแรม
“คริสตี้จัง…”
“ไปดูกันเถอะ”
ก่อนอื่นต้องอธิบายว่าผนังของโรงแรมนี้เป็นไม้ ซ้ำยังไม่หนาเท่าไหร่นักดังนั้นจึงไม่แม้แต่จะเก็บเสียง เป็นการออกแบบนั้นยังทำขึ้นมาเพื่อให้ได้ฟังเสียงแมลงกลางคืนได้ชัดๆ ให้ได้บรรยากาศสมกับมานอนกลางเขามากที่สุด เพราะงั้นแล้ว แม้สำหรับคนอื่นๆ เสียงนั้นจะคล้ายมาจากที่ไกลๆ อาจทำให้ตื่นหรือไม่ตื่นก็ได้
แต่หญิงสาวในร่างเด็กหญิงนั้นตื่นตัวขึ้นมาในทันทีทันใดด้วยสัญชาตญาณ เธอกระโจนลงเตียงอย่างรวดเร็วก่อนต้องร้องโอยเสียงดังลั่นแล้วล้มหน้าทิ่มลงกับพื้นอย่างหมดรูป
ไอรีนยันตัวขึ้นนั่ง มือกุมข้อเท้าของตัวเองที่แม้จะนั่งประคบตั้งแต่เมื่อวานแล้วแต่ก็ยังมีร่องรอยการบวมอยู่บ้าง
“แย่จัง…”
แม้ร่างเด็กๆ จะทำให้เซลล์ต่างๆ สามารถฟื้นฟูได้ดี อาการเจ็บจึงหายไว แต่ความทนทานกลับต่างจากร่างผู้ใหญ่นัก หากว่าเป็นร่างเดิมเธอคงสามารถวิ่งได้ตามปกติไม่สนใจความเจ็บเล็กๆ น้อยๆ นี่หรอก
“คริสตี้จัง!” อายูมิที่งัวเงียขึ้นมาถึงกับตกใจเมื่อเห็นเพื่อนที่อายุมากกว่าของตนเองนั่งกองอยู่กับพื้น เห็นได้ชัดว่าเด็กหญิงผมขาวคนนี้จะรีบวิ่งไปทางเสียงร้องนั่นจนลืมไปแล้วว่าเท้าของตัวเองข้างหนึ่งมันพลิก
ดังนั้นผลลัพธ์ของการลืมตัวจึงจบลงที่การหมดท่า
“อยากไปดูต้นตอของเสียงนั่นสินะ” ไฮบาระกล่าวพลางเข้ามาพยุงไอรีนเอาไว้ก่อนจะลุกขึ้น “คุณเหมือนเขา”
“เขา ?”
“คุ-โคนันน่ะ ป่านนี้รายนั้นคงวิ่งไปดูแล้วล่ะ” น้ำเสียงของเด็กหญิงผมน้ำตาลฟังดูประชดประชัน เธอพยุงไอรีนไปดูที่เกิดเหตุโดยไม่ห้ามเพราะรู้ดีว่ามันคงเปล่าประโยชน์ ไม่วายที่จะกำชับอายูมิให้ไปปลุกคนอื่นๆ ด้วย
การที่กลายมาเป็นู้ช่วยอย่างงงๆ ของคุโด้คุงทำให้ไฮบาระพอจะคาดเดาพวกบ้าการสืบสวนหรือมีเลือดรักความยุติธรรมอยู่ในตัวดี กับอีกประการเด็กหญิงคิดว่าเธอคนนี้คงอึดอัดใจแย่กับสิ่งที่เมื่อก่อนตัวเองทำได้แต่ตอนนี้กลับไม่สามารถที่จะทำได้
“พวกบ้าการสืบสวน”
ไอรีนหัวเราะแหะ เธอไม่แย้งว่าอยากไปดูจริงๆ
ไม่ใช่เพราะเลือดความยุติธรรมในตัวมันแรงหรืออะไร แต่เป็นเพราะว่านานมากแล้วที่เธอไม่ได้ยุ่งกับเรื่องพวกนี้ต่างหาก
เพราะร่างเด็กมันทำไม่สะดวกนี่นะ…
และในทันทีที่คนทั้งคู่ไปถึงก็พบกับชายคนหนึ่งนอนคว่ำหน้าอยู่ รอบๆ ตัวเขามีกองเลือด ตอนนี้คนมุงยังไม่เยอะนักเพราะว่าหลายๆ คนยังไม่ตื่นดี ไอรีมองสำรวจร่างนั้นทันที
กระดูกแขนขาผิดรูปบ่งบอกว่าเจ้าตัวน่าจะตกลงมาจากด้านบนจากชั้นไหนสักชั้น ข้างๆ กันนั้นโคนันกำลังสัมผัสกับชีพจรของชายคนนั้น
“เรียกรถตำรวจทีครับ เขาตายแล้ว”
รอบข้างเกิดเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจ ไฮบาระที่ดูคุ้นชินกับเหตุการณ์ฉุกเฉินแบบนี้เป็นคนอาสาโทรแจ้งตำรวจด้วยตัวเอง ไม่นานนักก็มีคนคนมามุงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะว่าเสียงพูดคุยและข่าวลือจากผู้พบเห็นเหตุการณ์นั้นไปได้ไวกว่าที่ใครจะคิด
“โมโมชิคุง!” เสียงกรีดร้องดังมาจากผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเหมือนจะรู้จักกับผู้ตายพุ่งเข้ามาหาเจ้าตัวในทันที หากแต่ไอรีนไวพอที่จะห้ามไว้ไม่ให้ชายคนนั้นแตะต้องศพจนที่เกิดเหตุเสียหาย
“ไม่ได้นะ!”
“แต่ แต่โมโมชิคุงเขา-” หญิงสาวที่ไอรีนจำได้ว่าอยู่ในกลุ่มผู้ป่วยมาบำบัดร้องเสียงสั่น ดวงตาของเธอเอ่อคลอ
“ไม่ว่ายังไงก็อย่าแตะต้องศพค่ะ รอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจดีกว่า” น้ำเสียงของไอรีนนั้นเด็ดขาด แม้เธอจะอยู่ในร่างขงเด็กแต่ก็ไม่อาจปิดบังออร่าความจริงจังรวมไปถึงความกดดันได้เลยแม้แต่น้อย ดังนั้นแล้วหญิงสาวที่ทำท่าจะโต้แย้งจึงได้แต่อึกอัก ก่อนจะยืนมองอยู่ห่างๆ แต่โดยดี
หลักๆ แล้วที่คนผมขาวจริงจังเรื่องการแตะต้องศพขนาดนี้ เพราะในมุมมองของเธอมันอาจจะเป็นการฆาตกรรมไม่ใช่อุบัติเหตุพลาดตกลงมาตามปกติ
ดวงตาสีม่วงทอประกายวาววับดูน่ากลัว
สำหรับไอรีน สภาพศพของผู้ชายตัวใหญ่คนนี้แปลกเกินไป หากว่าเป็นการฆ่าตัวตายหรือพลาดท่า คนที่ร่วงลงมาอาจใช้ขาหรือหัวลงมาก่อน ศพนั้นจะต้องหันศีรษะเข้าหรือออกมาทางประตูโรงแรม ไม่ใช่นอนขวาง
ไหนจะแผ่นหลังของศพที่เปียกชื้นนี่อีก…
ใบหน้าสะอาดเงยมองขึ้นไปตามระเบียงของโรงแรมในชั้นต่างๆ ระเบียงทุกห้องมีราวกั้นเอาไว้ค่อนข้างสูง เป็นไปได้ยากที่จะร่วงลงมาแม้ว่าจะเมาก็ตาม
“นี่โคนันคุง” เธอส่งเสียงร้องเรียกเด็กชาย ซึ่งเขาก็หันหน้าแล้วเดินมาแต่โดยดี
“ครับ ?”
หญิงสาวในร่างเด็กยิ้ม “ฝากสอบถามคนแถวนี้คร่าวๆ ทีนะ ฉันมีที่ที่ต้องไปดูหน่อย”
เด็กชายจ้องมองหน้าไอรีนนิ่ง สุดท้ายก็พยักหน้า เพราะอย่างไรเสีย เขาก็อยากรู้เหตุการณ์คร่าวๆ อยู่แล้ว หางตาเหลือบไปเห็นพวกเก็นตะเดินมากับดอกเตอร์อากาสะพอดี เมื่อมีคนที่สามารถใช้เป็นข้ออ้างในการสอบถามได้จึงวิ่งเข้าไปหา
“ดอกเตอร์ค้าบบบ”
“ส่วนเธอ ขอฝากตรงนี้หน่อยนะ เดี๋ยวมา” เด็กหญิงผมขาวผละออกจากการประคองของไฮบาระ
“หา!?”
“ก็ต้องรับมือเด็กๆ นี่นา… ให้ตามไปด้วยวุ่นวายแย่ ฝากหน่อยน้าชิโฮะจัง” ไอรีนว่า น้ำเสียงออดอ้อนหากแต่ไม่ดังนักพอให้ได้ยินกันสองคน ใบหน้าน่ารักขยิบตาลงข้างหนึ่ง อีกฝ่ายทำท่าทางคล้ายอยากจะแย้งหากแต่เธอไม่ปล่อยโอกาสนั้นไว้ รีบเดินกะเผลกๆ ขึ้นไปยังด่านฟ้าทันที
เด็กหญิงมีความคิดที่แปลกประหลาดอยู่ในหัวแต่ไม่แน่ใจนักว่าจะถูกหรือเปล่า พร้อมกันนั้นเองเสียงข้อความก็ดังขึ้นจากโทรศัพท์ มือเล็กคว้ามาดูก่อนจะขยับเป็นรอยยิ้มพึงพอใจ
พวกสันติบาลก็ทำงานได้ไวดีนี่นา
[คุณคาซามิ
เกี่ยวกับคดีนั้น และประวัติของของผู้ตาย ดูเหมือนว่าภรรยาของผู้ตายรายที่สี่จะมีปัญหาจริงๆ ผมแนบไฟล์ข้อมูลเอาไว้ให้แล้ว เธอลองเปิดดู
ปล. ไหนคุณฟุรุยะบอกว่าคุณไปพักผ่อนไหงถึงได้.. ]
[ไอรีน
ขอโทษด้วยนะคะ แต่นี่ก็เป็นหนึ่งในกระบวนการพักผ่อนของหนูนะคะคุณลุงตำรวจ ]
“ช่วยไม่ได้นี่นา ถึงจะพักแต่ถ้ามีเรื่องคาใจก็พักไม่ได้สิ” คนผมขาวงึมงำ มือยันประตูด่านฟ้าให้เปิดออก มันไม่ได้ล็อคเอาไว้ตามที่คิด สองขาเดินตรงไปทางจุดที่ตรงกับศพของผู้ตาย ที่ริมขอบของตัวตึกเปียกชื้นเป็นรอยยาว ไม่มีร่องรอยการจิกข่วน หรือรอยเท้า ไอรีนโน้มตัวลงมองไปข้างล่างพบกับชายคนหนึ่งที่เธอคุ้นตายืนหลบมุมอยู่ในบริเวณที่คนไม่ทันสังเกตและจ้องมองศพอย่างไม่วางตา
ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโล่งอก แต่ก็ซีดเผือด หญิงสาวหลุดเสียงหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ มันไม่ใช่เพราะเธอกำลังสะใจหรือยินดีกับการตาย แต่เป็นเพราะบางสิ่งในหัวมันเรียบเรียงได้แล้วต่างหาก
ใบหน้านั้นไอรีนจำได้ว่าเคยเจอในข่าวระเบิดเหลวในท้องคน
จริงๆ แล้วมันคือข่าวเกี่ยวกับยาเสพติด ผู้ชายคนนั้นที่เธอคุ้นหน้าเขาเคยขายยามาก่อน แน่นอนว่ามีความเชื่อมโยงกับข่าวที่เธอเจอนั่นเพราะว่าเจ้าตัวเคยขายยาเสพติดให้แก่ชายสามคนแรก ส่วนคนที่สี่นั้นไม่มีข้อมูลระบุว่าเกี่ยวอะไรกัน ไม่รู้เป็นเพราะว่าตำรวจไม่ได้เชื่อมโยงไว้เนื่องจากเห็นว่าไม่สำคัญ หรือว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวที่เขาปกปิดเอาไว้
ฉันไม่ควรทำมันลงไป แต่ฉันแอบอ่านจดหมายของเธอแล้ว
เธอบอกกับเพื่อนว่าอยากจะทำตัวให้ดีกว่านี้
ฉันอยากบอกกับเธอว่าไม่จำเป็นเลย แต่กลับไม่เคยพูดไป
TBC.
------------------------------------------------------
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เข้ามาเกี่ยวกับคดีจริงๆด้วย