ตอนที่ 4 : ✰ four
#นาทีที่ข้ามฟ้า
✰
Four
นาทีเอาหน้าซุกหมอน หรี่ตามองเวลาที่หน้าจอโทรศัพท์สักพักจึงเลื่อนมาดูข้อความค้างของไอ้บ้าคนหนึ่งที่ส่งมาตั้งแต่เมื่อคืน ซึ่งตอนนั้นนอนไปแล้ว
Demo: ฝันดี :P
ทำหน้าบึ้งเพราะเมื่อคืนไม่เห็นจะฝันดีเลย ออกแนวจะฝันร้ายด้วยซ้ำแต่จำไม่ได้ว่าฝันอะไร รู้แต่ว่ามันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เจ้าตัวดื้อลุกขึ้นนั่งกอดเข่า โกยผ้าห่มเข้ามาหาตัวเองก่อนจะวางคางลงบนหัวเข่าตัวเอง มองโทรศัพท์ตัวเองตาปรือ ๆ เนื่องจากยังตื่นไม่เต็มตา
เพลย์ดิสบอกว่าเดโม่มาจีบ ซึ่งพอมานั่งนึก ๆ ดูแล้วว่าตัวเองมีอะไรให้อีกคนมาชอบได้บ้าง คำตอบคือไม่มี เท่าที่ผ่านมาไม่เคยทำตัวเหมือนอ่อยเลยนะ ปกตินาทีไม่ก็เคยอ่อยใครด้วยเพราะวางแผนไว้ว่าจะไม่มีแฟนตอนเรียน
นาทีเอง: ขอให้ฝันร้าย :(
เขาส่งข้อความกลับไปเพื่อบอกให้อีกฝ่ายฝันร้ายแทนที่จะฝันดี คนตัวเล็กล้มตัวลงนอนอีกรอบเมื่อเพิ่งเห็นว่าตอนเช้าอาจารย์งดคลาสและขอชดเชยวันหลัง คนหน้าดื้อนอนมองท้องฟ้ายามเช้าที่ดูแล้วน่าออกไปจ็อกกิ้งเพื่อความสดชื่น แต่อากาศเย็น ๆ ของฤดูฝนแบบนี้ ควรนอนมากกว่า...
ตื่นมาอีกทีตอนบ่าย นาทีไปตัดสินใจทักหาเพื่อนเพื่อนนัดเจอกันที่คณะ จนถึงตอนนี้เขากำลังนั่งกินข้าวอยู่จ้าวน่านที่ดูเหมือนว่าอยากจะพูดอะไร แต่ไม่พูดสักทีจนคนมองหยุดตักข้าวเข้าปากแล้วมองไปที่คนฝั่งตรงข้าม เพื่อนของเขาเงยหน้าขึ้นมาสูดลมหายใจเข้าจนลึก
“นาที”
“...”
“อยู่ดี ๆ ก็ได้ยินเสียงอย่างอื่นตอนที่เมฆลูบผม”
“ตอนฝนตกเหรอ ?”
“อือ”
นาทีขมวดคิ้วกับเหตุการณ์แปลกปละหลาดดังกล่าง จ้าวน่านเป็นโรคอะไรไม่รู้ที่ทางการแพทย์ไม่สามารถรักษาได้ ในขณะที่ฝนตกเพื่อนของเขาจะไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยแม้แต่อย่างเดียว จนกระทั่งได้เจอเหนือเมฆ, คนที่น่านได้ยินเสียงตอนฝนตก ทุกสิ่งทุกอย่างมันแปลก อย่างตอนนี้ยังมีปัจจัยการลูบผม แล้วได้ยินเสียงอย่างอื่นเข้ามาด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเขายินดีกับเพื่อนมาก ๆ ที่ได้เจอกับเสียงที่หายไปในขณะที่น้ำจากท้องฟ้าตกลงมา
เราคุยกันเรื่องนี้สักพักใหญ่จนกระทั่งถึงเวลาที่จะต้องเข้าเรียน นาทีกับกระเป๋าผ้าที่ใส่หนังสือเดินเข้าไปในคณะพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ที่กำลังสั่นเพราะข้อความเข้ามาแบบไม่หยุด
Demo: โทษทีครับ พอดีว่าผมฝันดี
คนมองเบะปาก เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า ไม่ได้ตอบข้อความนั้นจนถึงเวลาเลิกเรียน การจดเล็กเชอร์วิชาไม่ค่อยหนักมาก เน้นทำความเข้าใจและลองทำโจทย์เยอะ ๆ เพื่อความเซียน
โทรศัพท์มือถือสั่นอีกรอบ คราวนี้นาทีจะไม่เก็บลงในกระเป๋าแล้วเลยเอาออกมาดูให้ชัด ๆ เป็นคนคนเดิมที่ชอบส่งข้อความในหลายวันที่ผ่านมา ไม่รู้ว่าจะชอบส่งอะไรนักหนา เหมือนไม่มีเพื่อนคุยอย่างนั้นแหละ
Demo: ทำไรอยู่ แล้วข้าวผม เมื่อไหร่คุณจะเลี้ยง
นาทีเอง: ไม่เลี้ยง
Demo: แบกท้องรอนะ
นาทีเอง: มีตังค์ก็ไปกินเอง
Demo: โคตรใจร้าย
Demo: คุณอยู่ไหน
นาทีเอง: ดาวอังคาร
คนพิมพ์ตอบหัวเราะคิกคักในขณะที่กำลังจะแยกกับเพื่อน เขาโบกมือบ๊ายบายจ้าวน่าน เราตัดสินใจแยกกันที่หน้ามหาวิทยาลัย พอข้อความของขึ้นอ่านแล้วไม่ตอบก็ยิ่งขำ เดโม่คงไม่รู้จะตอบว่าอะไรเลยเงียบไปซึ่งนั่นมันดีแล้ว คนอะไรทักมาได้ทักวัน บอกฝันดีทุกคืน นายข้ามฟ้าไม่ใช่แม่ของนาทีนะ!
Demo: งั้นรออยู่ที่ดาวอังคารนั่นแหละ
Demo: เดี๋ยวไปรับ
นาทีเอง: ไม่รอหรอก :P
“ไหนบอกอยู่ดาวอังคาร”
“เห้ย!” เสียงที่ดังขึ้นมาข้างหูทำเอาคนที่กำลังมองข้อความในโทรศัพท์สะดุ้ง หันไปมองเดโม่ที่กำลังยิ้มและยักคิ้วอย่างกวนตีนส่งมาให้
“เลี้ยงข้าวผมด้วย ตามสัญญา”
“ไม่ได้สัญญาด้วยซะหน่อย พูดเองเออเองทั้งนั้น”
“แต่วันนั้นอุตส่าห์ไปส่งถึงหอเลยนะ”
“ก็อาสาเองป่ะ ไม่ได้ขอ”
“...” นาทีมองไปทางอื่นก่อนจะหันมามองคนที่กำลังเงียบอยู่ช้า ๆ เดโม่ไม่ได้ยิ้มหรือทำหน้าโกรธ ไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไร และการแสดงออกทางใบหน้าแบบนี้นี่แหละที่เขาไม่ชอบมากที่สุด
มันทำให้รู้สึกผิดที่พูดจาไม่ดีออกไป
รู้สึกแย่ด้วย
“เป็นไร”
“...” ทักแล้วก็ยังเงียบอยู่ ทำเอาคนมองเริ่มใจเสียและเริ่มหงุดหงิดที่ภายในหัวสมองเริ่มประมวลออกมาเป็นคำถามได้ว่าทำไม ไอ้คนตรงหน้านี้มันถึงได้เหมือนแม่เขาขนาดนี้
“เลี้ยงข้าวก็ได้”
“งั้นร้านนั้นเลยแล้วกัน” เดโม่ตอบแทบทันทีที่เขาพูดจบ แสดงว่ามันงอนไม่จริงอ่ะ นาทีเสียรู้อีกแล้ว!! คนหน้าหงุดหงิดถูกผลักให้เดินไปข้างหน้าเบา ๆ เราทั้งสองคนยืนรอไฟแดงเพื่อข้ามถนนไปหาอะไรที่อีกฝั่ง แอบมองรอยยิ้มของคนตัวสูงที่ค่อนข้างมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก ไหนจะจิวสีดำที่หูนั่นเอง มันยิ่งเพิ่มความร้ายกาจเข้าไปใหญ่ ถ้าเป็นไม่ได้อยากให้ถอดออกเพราะไม่ชอบคนที่ดูท่าทางร้าย ๆ
เขากลัวโดนหลอก : (
ร้านก๋วยเตี๋ยวเป็นสถานที่ที่ไอ้บ้าไม่มีเพื่อนพาเดินมา คนในร้านค่อนข้างเยอะเพราะเป็นช่วงเวลาตอนเย็น นาทีถอนหายใจก่อนจะเดินเข้าไปนั่งรอคิวซึ่งเก้าอี้ที่รอคิวตรงนั้นมีตัวเดียว เขาเลยตัดสินใจไม่นั่งเพราะมากันสองคน ยอมรับว่ายังรู้สึกผิดอยู่ที่พูดจาไม่ดี ถึงจะจับได้แล้วก็เถอะว่าอีกคนแค่แกล้งโกรธเล่น ๆ
“นั่งดิ”
“ไม่”
“ยืนด้วยกันแล้วรู้สึกสูงเกินไป”
“ด่ากูเตี้ยว่างั้น”
“พูดไม่เพราะ”
นาทีทำหน้างอ หันหน้าไปทางอื่นเพราะไม่อยากมองหน้าไอ้คนกวนอีกแล้ว ซึ่งไม่กี่วินาทีให้หลังเขาถูกกดไหล่ให้นั่งลงที่เก้าอี้นั้นอยู่ดี เจ้าตัวดื้อพยายามฝืนแรงนั้นและเราทั้งคู่ยื้อกันสักพักจนมีหลายคนมอง เลยตัดสินใจหยุดแล้วนั่งลงดี ๆ
“นั่งดี ๆ ตั้งแต่แรกก็จบแล้ว”
“จะกินก๋วยเตี๋ยวดี ๆ หรือกินด้วยน้ำตา”
“ผมยอมคุณแล้ว” เดโม่ยกมือขึ้น แล้วยักคิ้วมาให้ทำเอาคนขี้หงุดหงิด หน้างอไปพักใหญ่
หลายนาทีผ่านไปจนถึงคิวในที่สุด! นาทีกับเดโม่ถูกพาไปนั่งที่โต๊ะเล็ก ๆ ที่นั่งได้เพียงสองคน เขามองไข่ต้มที่ยังไม่แกะเปลือกกับขนมถ้วย แล้วยังมีแคปหมูด้วย ก๋วยเตี๋ยวเรือต่อชามร้านนี้อร่อยมาก ๆ เคยมากินกับจ้าวน่านไปสองหน ไม่ได้มาบ่อยมากนักเพราะคนมันเยอะมันไม่อยากจะรอถึงมันจะอร่อยแค่ไหนก็ตาม
“มีงบยี่สิบ ตามสบายเลยนะ” เงยหน้าขึ้นมายักคิ้วส่งให้คนไม่มีเพื่อน ยี่สิบบาทกินได้แค่ชามเดียวเท่านั้นแหละ
“ครับ ๆ” ทำไมเดโม่ถึงชอบยิ้ม ไม่เข้าใจเลย
รายการอาหารที่เราสั่งคือ เส้นเล็กน้ำตก 10 ชาม ซึ่งคนที่กินแต่เส้นเล็กอย่างเขารู้สึกหงุดหงิดมากที่เดโม่สั่งตามทั้งหมด นาทีสั่งไปห้าชาม เดโม่ก็สั่งตาม โคตรขี้เลียนแบบเลย
“เลี้ยงแค่ชามเดียวนะ นอกนั้นออกเอง” พูดจบก็แลบลิ้นส่งไปให้คนฝั่งตรงข้าม อีกคนพยักหน้านั่งท้าวคางจ้องมองมาจนคนถูกมองขมวดคิ้วพยายามหันสายตามองไปรอบ ๆ ร้านแทนที่จะสบกับตาสีน้ำตาลเข้มนั่นโดยตรง
“...”
“มองไร” ทนไม่ไหวเลยหันมาพูด
“มองคุณไง”
“ใบหน้านี้มีความคล้ายคลึงแม่เหรอ”
“เปล่า”
“...”
“คล้าย...”
“อะไร”
“คล้ายแมวที่บ้าน” คนที่ถูกหาว่าเหมือนแมวถอนหายใจออกมาอย่างปลงตก นาทีไม่ตอบอะไรเดโม่อีกเพราะไม่อยากคุยด้วยแล้ว คุยทีไรก็กวนแบบนี้ตลอด และทีมาเลี้ยงคราวนี้จะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายด้วย
ไม่กี่นาทีให้หลังก๋วยเตี๋ยวก็มาเสิร์ฟ กลิ่นหอมของน้ำข้น ๆ ในชามเรียกน้ำย่อยได้อย่างดี มือเรียวทำท่าจะไปหยิบช้อนและตะเกียบแต่ไม่ทันคนขี้แย่งที่ตอนนี้หยิบไปก่อนแล้วดันหยิบเผื่อมาด้วย
“ขอบคุณ”
“ด้วยความยินดี”
เรากินก๋วยเตี๋ยวกันเงียบ ๆ มีบ้างที่นาทีจะแอบมองคนที่มาด้วยกัน อยู่ดี ๆ ก็คิดถึงคำพูดของเพลย์ดิสกับออกัสที่บอกว่าเดโม่นั้นเป็นที่ค่อนข้างมีเสน่ห์เวลายิ้ม ใบหน้าไม่ได้หล่อเป๊ะมาก ด้วยส่วนสูงกับหน้าที่ค่อนข้างออกไปทางตี๋ เลยทำให้อีกคนดูหล่อและน่ารักสไตล์โอปป้าเกาหลีที่หลาย ๆ คนชอบ (แต่ยกเว้นนาทีหนึ่งคน)
“มองไร”
“มองหมา”
“ชอบหมาเหรอ”
“เกลียดหมา”
“แต่นี่ชอบแมวนะ”
“เรื่องของมึง”
ถึงจะรู้สึกแปลก ๆ กับคำพูดนั้นแต่ยังไงการกินก๋วยเตี๋ยวก็ยังคงดำเนินต่อไป นาทีกับใบหน้าที่งอนิดหน่อยเพราะรู้สึกเหมือนตัวเองแพ้อะไรสักอย่างแต่อธิบายไม่ได้ว่าสิ่งนั้นมันคืออะไร
รู้แต่ว่าแพ้ไปแล้ว
หลังจากที่กินก๋วยเตี๋ยวตามด้วยของหวานเป็นขนมถ้วยเสร็จแล้ว เราทั้งสองคนเดินออกมาหน้าร้าน นาทีหยิบกระเป๋าตังค์ของตัวเองขึ้นมาหยิบธนบัตรสีแดงยื่นไปให้คนข้าง ๆ
“อ่ะ เงินค่าก๋วยเตี๋ยว”
“ไม่เอา เลี้ยง”
“จะมาเลี้ยงทำไม เอาไปเลย” รีบยัดเงินใส่ฝ่ามือของอีกฝ่าย เดโม่ยิ้มก่อนจะรับเงินนั้นเอาไว้
“รับก็ได้ แต่มีข้อแม้”
“อะไรอีกอ่ะ... เรื่องเยอะ ยึกยักเก่ง”
“พูดดี ๆ กันได้ไหม”
“...”
“ไม่พูดกู มึง ไอ้เหี้ย ไอ้สัด” เงยมองหน้าคนที่กำลังพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“เป็นแม่เหรอมาสั่ง”
“อีกแล้วนะ” อีกคนทำหน้าดุ ส่วนนาทีค่อย ๆ มองไปทางอื่นเพราะไม่ชอบความรู้สึกที่ตัวเองเป็นผู้แพ้แบบนี้ ร่างแม่ของนาทีเข้าสิงนายข้ามฟ้าอีกแล้วเหรอ ทำไมถึงดูขัดไม่ได้
“...”
“สรุปว่าไง ถ้าไม่ตกลง ขอไม่รับเงินนะ”
“อือ”
“...”
“ไม่พูด กู มึง ไอ้เหี้ย ไอ้สัด พอใจยัง” เดโม่ยิ้มออกมาและมันเป็นรอยยิ้มที่นาทีไม่ชอบที่สุดในโลก
“ผมพอใจมากครับคุณนาที”
แลบลิ้นออกมาคนเดียว ก็แค่ตอนนี้เท่านั้นแหละที่จะรักษาสัญญา เดโม่ไม่รู้หรอกว่าเขาแอบทำนิ้วอีฟไว้แล้ว!!
เราแยกกันที่ตรงนั้น ตอนแรกอีกฝ่ายบอกว่าจะไปส่งที่หอ แต่พอดีว่าตรงนั้นมีวินมอเตอร์ไซค์ผ่านมาพอดีและเขาใช้เวลาอันรวดเร็วในตอนที่เดโม่เผลอ กระโดดขึ้นมอเตอร์ไซค์กลับหอมาทันที นาทีหัวเราะเพราะเห็นไอ้บ้านั่นทำหน้าเหงอด้วยตอนที่เห็นเขาโบกมือบ๊ายบาย
อย่าหวังว่าจะกลับด้วย :P
✰
มาอยู่ที่นี่อีกแล้ว ตั้งแต่มาที่นี่เดโม่ยังไม่หยุดมองเขาเลย...
โคตรโรคจิต
นาทีมองไปรอบ ๆ ที่ตอนนี้คนยั้วเยี้ยกันเต็มไปหมดพยายามไม่สบตากับคนฝั่งตรงข้าม ช่วงนี้นาทีไม่ได้ตอบข้อความของเดโม่เลยเพราะชอบส่งอะไร ๆ กวนตีนมา เลยตัดสินใจไม่ตอบเสียเลย เขาหงุดหงิดที่ตัวเองชอบแพ้ทางเดโม่จนเผลอทำตัวเชื่อฟังไปหลายรอบ อีกคนไม่ใช่แม่เขานะ ทำไมต้องฟังด้วยเล่า!
‘ทำไมไม่ตอบข้อความ’
‘ยุ่งจัง’
เราคุยกันแบบไม่มีเสียง วันนี้เป็นวันศุกร์ที่เหนือเมฆขึ้นร้องเพลง เลยมาเป็นเพื่อนจ้าวน่าน ตอนอยู่ที่ห้องเขาก็บอกเพื่อนปกติเนี่ยว่าจะมากินเหล้า สุดท้ายเลยลากมาด้วยกันหมดทั้งเพลย์ดิสและออกัส ที่สำคัญคือแต่งตัวยั่ว ๆ บด ๆ สุด เพลย์ดิสใส่เสื้อเชิ้ตสีดำปลดกระดุม พยายามทำท่าเซ็กซี่ที่สุดแต่นยังติดความแมนนิด ๆ เลยมีสาวเข้ามาข้อเบอร์หลายคนแล้ว ซึ่งเพื่อนเขาปฎิเสธไปเสียงแหลมว่า ‘ชอบผู้ชายค่ะ’ ส่วนออกัสใส่กางเกงยีนเสื้อยืดธรรมดาแต่ปากนี่แดงมาตั้งแต่เชียงใหม่จนถึงยะลา แดงมากจริง ๆ และที่สำคัญทั้งเพลย์ดิสและออกัสกินเหล้ากันได้คอแข็งมาก นาทีที่พอกินได้เมื่อถูกยัดใส่มือบ่อย ๆ จึงเริ่มน้วยไปกับโซฟา
เขาถูกเพื่อนมอมเหล้ามาสักพักแล้ว
"อีนาที อีกแก้ว"
"มึง กูเมาแล้ว" คนเมาทำเสียงอ้อแอ้ก่อนจะพิงหัวตัวเองไปที่ไหล่ของจ้าวน่านตอนนี้ฟังเพลงจนหลับไปแล้ว นาทีมองภาพตรงหน้าด้วยความเบลอ ความเย็นของลมฝนจากด้านนอกที่พัดเข้ามาด้านในทำให้เสื้อยืดที่เขาใส่มานั้นไม่ค่อยป้องกันอากาศเย็น ๆ นี่สักเท่าไหร่
"เนี่ย จะหมดแล้ว ช่วยกูกินหน่อย" เข้าใจอยู่ว่าตอนนี้พวกเราทุกคนเมากันหมด ไม่เว้นแต่เพลย์ดิสกับออกัส แต่เพื่อนเสียดายเหล้าที่สั่งมาเลยชงเข้ม ๆ ให้กินแบบนี้ พอเพลย์ดิสยัดแก้วเหล้าเข้ามาในมืออีกครั้ง เขาก็ลุกขึ้นนั่งดี ๆ จัดการกระดกแก้วเหล้าขึ้นจนเหล้าบางส่วนไหลลงไปที่คอเสื้อ แต่ตอนนี้นาทีไม่ได้สนอะไรอีกแล้ว เขาสนแค่แต่กินให้มันหมด จะได้พาจ้าวน่านกลับไวๆ
แต่เมาจริง ๆ นะ รู้สึกมึนหัวไปหมด
"เมามากไหม" เสียงของใครบางคนถามขึ้น เขาเงยหน้ามองคนขายาวที่เมื่อสักครู่ยังนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แต่ตอนนี้กลับย้ายตัวเองมานั่งข้าง ๆ กันแล้ว
"ยุ่ง"
"ถามดีๆ ทำไมชอบตอบแบบคนดื้อ"
"..."
“ข้อความคุณก็ไม่ตอบผม”
ไม่อยากคุยด้วยแล้ว นาทีทำหน้าบึ้งแล้วหลับตาลงเพราะรู้สึกมึนมากๆ เขาเอนหัวไปทางที่คิดว่าเป็นทางที่จ้าวน่านนอนหลับอยู่ แต่พอลืมตามาอีกทีดันพบว่าตัวเองเอนไปทางเดโม่ นาทีอยากลุกขึ้นแต่ด้วยความมึนเลยทำให้หนักหัวมาก ๆ เลยคิดว่ายืมไหล่หน่อยคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง
"อีนาทีมึงพิงไหล่เดโม่ทำไม!!" เสียงที่เขาจำได้ว่าเป็นเสียงของเพลย์ดิสดังเข้ามา คนเมาลืมตาแดง ๆ ก่อนจะยันตัวเองไปนั่งบนตักของอีกคน พยายามซุกหน้าลงไปที่คอของคนที่เป็นเบาะเพราะไม่อยากได้ยินเสียงของเพื่อนแล้ว
นาทีจะนอน :(
เดโม่ยกมือขึ้นกลางอากาศเมื่อเจ้าตัวดื้อปีนขึ้นมานั่งบนตัก โคตรเด็กแสบเลยไม่ยอมตอบข้อความตั้งหลายครั้ง ถึงมันจะผ่านมาไม่กี่วัน แต่ยังรออยู่ตลอด เขาค่อย ๆ มองแก้มที่แดงก่ำเพราะพิษเหล้าอย่างรู้สึกเอ็นดูเลยค่อย ๆ ลดมือลงโอบเอวคนบนตักให้นอนดี ๆ เพราะเริ่มไหลตัวเองลงไปกับพื้น พยายามประคองใบหน้าให้พิงดี ๆ จะได้ไม่ปวดคอตอนตื่น ตอนแรกคิดว่าจะหยอดไปเรื่อย ๆ นั่นแหละ เห็นอีกคนหงุดหงิดแล้วน่ารักดี แต่ไม่คิดว่าจะมีด้านอ้อนแบบนี้ด้วย
ให้ตายเถอะ
"เพื่อนเราก็ใช่ย่อยน้า มือโอบเอวทันทีอ่ะจ้ะ" เดโม่เงยหน้ามองไอ้โปเต้ที่พูดแซว ความจริงก็ไม่คิดว่าจะปีนขึ้นมานั่งพิงขนาดนี้หรอกแต่ช่วยไม่ได้ ถ้าอยากพิงเขาก็ให้พิง
"น่ารักสัด ๆ" เลย์พูด
"พอมานั่งตักไอ้เดโม่แล้วแม่งตัวเล็กพอ ๆ กับจ้าวน่านเลย"
"อย่าบอกใครว่ากูแอบร้องไห้เพียงลำพัง" ออกัสหยิบทิชชู่ขึ้นมาซับน้ำตาที่ไม่มีน้ำตา เดโม่ส่ายหน้า ถอนหายใจเพราะไม่อยากให้ไอ้พวกนี้ได้เห็นอีกคนในมุมนี้เลย ถึงแม้ว่าเขาจะเห็นเป็นครั้งแรกเหมือนกันก็ตาม
เพราะแบบนี้มันโคตรน่ารักเลยไม่ใช่เหรอ
เมาแล้วขี้อ้อน
"ปวดฉี่" เสียงกระซิบดังขึ้นมา เดโม่ก้มลงไปกระซิบที่หูของอีกคนเพราะในร้านนี้มันเสียงดังมากๆ
"ไปห้องน้ำมั้ย"
"อือ"
เมื่ออีกคนตอบ เดโม่เลยค่อย ๆ ประคองอีกคนให้ยืนดี ๆ แต่ยืนได้ไม่ตรงนัก เขาเลยจัดการให้ร่างเล็ก ๆ นั่นยืนพิงที่อกเขาแทน
"เห้ย ๆ มึงจะพามันไปไหน"
"นาทีบอกอยากไปห้องน้ำ" ตอบแล้วเดินออกจากตรงนี้ทันทีเพราะไม่อยากฟังแล้วว่าเพื่อนจะแซวอะไรกันอีก ใครบางคนที่บ่นว่าปวดฉี่ พอเขาพามาถึงห้องน้ำก็ทำตาขวางใส่ยกใหญ่
"ห้ามแอบดู"
"ใครจะอยากดู" คนเมาเดินเอียงไปที่โถฉี่แบบยืน เอาหัวพิงกับผนังแล้วจัดการธุระของตัวเอง เขายิ้มเพราะอีกคนแม่งโคตรเด็กดื้อ
"เสร็จแล้ว"
"เดี๋ยวพาไปล้างมือ" จับไหล่ให้เดินตรง ๆ ที่อ่างล้างมือ เขาเปิดน้ำให้แล้วก็จับมือเล็ก ๆ ไปตรงก็อก แต่ดูเหมือนว่านาทีกำลังจะไม่มีสติแล้ว เขาเลยถือวิสาสะล้างมือให้แล้วก็ใช้เสื้อยืดตัวในของตัวเองเช็ดให้จนแห้ง
แต่ในจังหวะนั้นที่เราสบตากันในตอนที่คนตัวเล็กกว่าหันหน้ามา การกระทำทั้งหมดของเราหยุดชะงัก เขามองดวงตาและแก้มที่แดงก่ำเพราะพิษแอลกอฮอล์ก่อนจะมองจมูกรั้น ๆ ที่มันเข้ากับริมฝีปากสีชมพูธรรมชาติได้เป็นอย่างดี
เอาตามตรงนะ ถึงเขาจะดูเป็นคนดี แต่ให้ร้อยทั้งร้อยเจอแบบนี้มันก็ไม่ไหวเหมือนกัน
"..."
ริมฝีปากเราแตะกันและความนุ่มนิ่มนั่นมันทำให้คนที่ไม่อยากอดทนไม่อดทนอีกต่อไป
เจ้าของเสื้อยืดย้วย ๆ ถูกอุ้มให้ขึ้นไปนั่งบนเค้าน์เตอร์อ่างล้างมือ ขาขาวภายใต้กางเกงยีนส์ที่ไม่รัดรูปถูกแยกออกแล้วแทรกด้วยตัวของใครบางคน มือเรียว ๆ ของนาทีที่ถูกอีกคนนำไปวางไว้ที่อกของตัวเองกำเสื้อตรงนั้นจนมันยับ มือใหญ่โอบแก้มนิ่มเอาไว้จนรอบก่อนจะมอบจูบแบบลึกซึ้งให้ ส่วนอีกมือก็รั้งเอวอีกคนให้เจ้ามาจนชิดจนแทบจะไม่เหลือช่องว่าง
"อือ..." เสียงอื้ออึงในลำคอไม่ได้ทำให้เสียงเฉอะแฉะที่ได้ยินหยุดลง เดโม่ไม่ค่อยได้ดื่มนักหรอกแต่ตอนนี้เริ่มจะเมาเพราะความขมของแอลกอฮอล์ที่ปลายลิ้นของนาที และด้วยความสงสารที่การจูบนานทำให้อีกคนเริ่มไม่หายไม่สะดวก เลยค่อย ๆ ผละริมฝีปากของตัวเองออกมา ไล้ริมฝีปากไปที่ไฝจาง ๆ ตรงแก้ม ก่อนจะมองหน้าคนเมาที่ริมฝีปากแดงก่ำ แก้มแดงมากกว่าเดิม ส่วนดวงตาก็เยิ้มจนคนมองใจสั่นอย่างรุนแรง
"...จูบ"
"..."
"จูบอีกได้ไหม--"
นั่นแหละ ด้วยคำขอที่ไม่รู้ว่าออกจากมาจากปากของคนขี้ดื้อได้ยังไง แต่ถ้าขอมาแล้วก็ไม่อยากจะขัด เขาสอดแขนไปใต้ขาอีกคนพร้อมโน้มตัวเตรียมจะจูบอีกครั้งแต่...
"อึก..." นาทีเอามือขึ้นมาปิดปากก่อนจะลงจากเคาน์เตอร์ วิ่งเซ ๆ ไปทางห้องน้ำ แล้วเขาก็ได้ยิ่งเสียงอาเจียน
คนตัวสูงรีบเดินไปนั่งข้าง ๆ ลูบแผ่นหลังเล็ก ๆ ไปมาจนเขาคิดในท้องของนาทีคงไม่มีอาหารหลงเหลืออยู่แล้ว
เดโม่กดราดน้ำแล้วประคองคนเมาไปบ้วนปากที่อ่างน้ำอีกครั้ง เจ้าดวงตาคมมองหน้าคนเมาก่อนจะใช้คอเสื้อตัวเองเช็ดปากให้อีกคนจนแห้ง
"อยากกลับแล้ว" นาทีพูดแล้วเงยหน้ามองเดโม่
"งั้นเดี๋ยวพาเดินไป"
"..." นาทีไม่ได้ตอบแต่พยักหน้าหงึกหงัก คนตัวสูงเลยจับไหล่ให้เขาเดินดี ๆ พอไปถึงที่โต๊ะก็เห็นว่าจ้าวน่านตื่นแล้วมองตาแป๋วมาทางนี้ เพื่อนของเขาเลยลุกขึ้นยืนตามด้วยเหนือเมฆที่ยืนด้วยเหมือนกัน นาทีพยักหน้าเพื่อบอกเพื่อนว่า กลับได้แล้ว
"อ่ะ มาแล้ว พวกมึงไปโคตรนาน กูเกือบไปตามละเนี่ย"
"...ไปส่งน่านให้ถึงหน้าห้องด้วยนะเมฆ" เขาพูดกับเมฆแบบนั้นแล้วนาทีก็ทำสัญลักษณ์มือเป็นรูปการโทรให้กับน่าน เพื่อนพยักหน้าแล้วหันไปคุยกับเมฆเมื่อโดนชวนคุย นั่นทำให้นาทีสบายใจขึ้นมาหน่อย เขาเมาจนเบลอไปหมด แต่พอเอาออกไปเลยดีขึ้นเล็กน้อย แล้วก็...
"แล้วเราล่ะ กลับเลยไหม"
จำได้ด้วยว่าตัวเองทำอะไรลงไปบ้าง...
นาทีหันไปมองเดโม่ก่อนจะตอบ
"อือ กลับเลย"
"เออ ไป อีนาที อีลำยอง" เพลย์ดิสกับออกัสมาประคองแขนคนละข้าง นาทีมองหน้าเดโม่ก่อนจะหลับตาลง
โคตรแย่ โคตรอาย
งั้นจะทำเป็นจำไม่ได้แล้วกัน
✰
#นาทีที่ข้ามฟ้า
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อ้าวน้องนาที
เนียนเฉย ทำเป็นจำไม่ได้ซะงั้น
น้องงงงง เมาแล้วอ้อนมากเลย ส่วนเดโม่นะลูก ต้องอดทนต่อความน่ารักให้ได้น๊า เขินนน