ตอนที่ 3 : ✰ three
#นาทีที่ข้ามฟ้า
✰
Three
Demo: ถึงห้องหรือยัง
นี่เป็นข้อความที่อีกคนส่งมาตอนที่เขาถึงห้องได้สักพักโดยที่มีเหนือเมฆขับรถมาส่ง นาทีวางโทรศัพท์มือถือลงบนเตียง ทำหน้างอ ลุกขึ้นไปอาบน้ำ ลืมคิดไปเลยว่าถ้าเมมเบอร์มือถือแล้วมันจะขึ้นไปที่ไลน์ด้วย คนที่ตากฝนมานิดหน่อยวิ่งผ่านน้ำพร้อมกับนึกถึงเพื่อนว่าตอนนี้ว่าเหนือเมฆส่งถึงห้องหรือยัง ลูกชายของแม่นิ่มเดินไปหยิบโทรศัพท์มานั่งหน้าพัดลมเพื่อเป่าให้ผมมันแห้ง
jn: ถึงห้องแล้วนะ
เขาตอบข้อความของเพื่อนก่อนแล้วค่อยกดเข้ามาที่หน้าของเดโม่จอมกวน อย่าหวังเลยว่านาทีจะตอบดี ๆ คนหน้าดื้อที่ใคร ๆ ว่างั้นขำออกมาอยู่คนเดียว มือก็กดรัวสติกเกอร์รูปแปลก ๆ ที่ตัวเองโหลดมาเอาไว้กวนตีนเพื่อนเล่น ๆ
Demo: อวดสติกเกอร์เหรอ
นาทีเอง: :P
Demo: แลบลิ้นเก่ง
นาทีเอง: :(
Demo: หน้าบึ้งก็เก่ง
Demo: สรุปถึงห้องหรือยัง
นาทีเอง: ทำไมต้องบอกด้วย สนิทกันเหรอ
Demo: :P
นาทีเอง: ขี้เลียนแบบ
Demo: สงสัยคงถึงห้องแล้ว อาบน้ำสระผมด้วยนะ เห็นตากฝนไปนิดนึง
นาทีเอง: ยุ่งจัง
Demo: แล้วให้ยุ่งได้ไหมล่ะ
นาทีเอง: :P
“มึงคุยกับใครอ่ะ แลบลิ้นใส่โทรศัพท์ด้วย มึงเป็นบ้าเหรอ” นาทีสะดุ้ง เงยหน้าขึ้นมองรูมเมทของตัวเองที่เข้ามาในห้องตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ แสดงว่าเขาคุยกับเดโม่จนไม่ได้สนใจเสียงรอบข้างเลยเหรอ...
“มึงมาตั้งแต่ตอนไหน”
“ตั้งแต่มึงแลบลิ้นอ่ะ หิว ?”
“กูคุยกับเพื่อน”
“เพื่อนไหนหรา อีตัวดี” เพลย์ดิสเล่นลิ้นจนคนฟังถอนหายใจ เขาคว่ำมือถือลงกับพื้นพร้อมกับที่คนอีกฝั่งส่งข้อความล่าสุดมา
“เพื่อนที่ร้านเหล้า”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดด มึงจะมีผัวแล้ว!!!”
“ผัวเหี้ยอะไร เพื่อนที่บังเอิญเคยเจอกัน เลือกเรียนวิชาเดียวกันแล้วเจอกันที่ร้านเหล้า” นาทีพยายามอธิบายเพื่อนที่ทำหน้ากรุ้มกริ่มไปแล้ว เพลย์ดิสยิ้มมุมปากเดินมานั่งที่หน้าพัดลมด้วยกันก่อนจะแบมือ “อะไร”
“ขอเสือกหน่อย”
“...”
“เร็ว”
“อะไร”
“หล่อไหม ขอดูหน้า”
“ไม่หล่อ และกวนตีนด้วย”
“เออ ขอดูหน่อยไม่ได้เหรอ เพื่อนอยากเสือก”
“แบบนี้ก็ได้เหรอวะ” นาทีเม้มปากแน่น ใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ เพราะถ้าเพลย์ดิสเห็นหน้าเดโม่ในไลน์ของเขาจะต้องโดนล้อแน่ ๆ ถ้าว่ากันตามความจริงแล้ว เดโม่หรือนายข้ามฟ้าของกลุ่มเหนือเมฆเนี่ย ถ้าไม่อคติคือเป็นคนที่หล่อคนหนึ่งเลย ตัวสูงน่าจเหยียบหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร แถมตอนยิ้มยังดูมีสเน่ห์อีกต่างหาก ถึงจะยิ้มเห็นเหงือกนิดหน่อยแต่นาทีคิดว่า มันเป็นยิ้มที่สามารถตกเหยื่อได้เลยนะ...
“ได้ เอามา”
“ไม่เอา มึงจะอยากเห็นไปทำไม”
“ห้ามแบบนี้หล่อแน่ ๆ อีตัวดี จะเก็บไว้กินคนเดียวเหรอ”
“กูไม่ได้จะกินเขา มึงพูดอะไรเนี่ย”
“งั้นเอามาดู”
“ไม่มีมารยาทเลย”
“แร๊ง! แต่ไม่แคร์ อยากเสือก กูจะเป็นคุณแม่คนที่สองของมึง จะต้องคัดคนเข้าตระกูลหน่อย!” เขามองหน้าเพื่อนกะเทยก่อนจะยอมแพ้แล้วยื่นโทรศัพท์ไปให้ ถ้าเกิดต่อต้านมากกว่านี้ต้องโดนล้อหนักกว่าเดิมแน่ ไม่ชอบเลย
“...”
“นี่คือไม่หล่อของมึงเหรอ” นาทีพยักหน้าหงึกหงัก ส่วนเพลย์ดิสทำหน้าเคลิ้มไปแล้ว “แต่เสียดายอ่ะ กูไม่แย่งของเพื่อน”
“อะไร”
“อีนาทีเอ๊ย นี่มันจีบอยู่ไม่ใช่เหรอ บอกฝันดีขนาดนี้” เพลย์ดิสยื่นโทรศัพท์ส่งมาให้พร้อมกับยิ้มแบบมีเลศนัย นาทีขมวดคิ้วค่อย ๆ มองหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองที่ปรากฏข้อความของใครบางคนเด่นหรา
Demo: งั้นฝันดีแล้วกัน :P
“ไม่ได้จีบ มันกวนตีนอยู่ต่างหาก”
“แต่ชื่อเดโม่นี่คุ้น ๆ นะ ใช่ที่เรียนวิศวะ กลุ่มของเหนือเมฆป่ะ” เพลย์ดิสเปลี่ยนเรื่อง ซึ่งเป็นการดีที่จะเลิกพูดถึงข้อความล่าสุดที่ถูกส่งมา คนที่นั่งเป่าผมจนแห้งแล้วลุกขึ้นเอาผ้าเช็ดตัวไปผึ่งก่อนจะเดินมาล้มตัวลงนอนบนเตียงที่เต็มไปด้วยหมอนและผ้าห่ม นาทีโกยหมอนข้างมากอดเอาไว้ มุดหน้าลงไปที่หมอนนิ่ม เหลือบตามองเพื่อนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
“อือ กลุ่มเหนือเมฆนั่นแหละ”
เพลย์ดิสหวีดในลำคอ ส่วนคนบอกหลับตาลงนึกถึงข้อความล่าสุดที่ส่งมา
ถ้าไม่ฝันดีจะไปต่อยเลยคอยดู
✰
“อันนี้มันคืออะไรอ่ะ”
ตอนนี้เราอยู่กันที่ห้องสมุดของมหาวิทยาลัย พรุ่งนี้มีสอบควิซที่นาทีไม่ชอบเลย ซึ่งทำอะไรไม่ได้นอกเสียจากอ่านหนังสือไปให้คล่อง การเก็บคะแนนพรุ่งนี้จะได้ผ่านไปได้ด้วยดี ถึงแม้ว่าจะเก็บน้อยมากเลยแต่อาจจะช่วยให้เกรดเปลี่ยนได้
“มันเป็นแบบนี้” นาทีมองจ้าวน่านเขียนอธิบายลงในกระดาษเป็นชั้นเป็นตอน คนมองพยักหน้าพยายามทำความเข้าใจในขณะที่เพื่อนกำลังอธิบาย
“เข้าใจแล้ว งั้นขอลองมาทำเอง” หยิบกระดาษนั้นมาดูเป็นแนวทางในการทำโจทย์ ช่วงบ่ายในหอสมุดจะเงียบจนแทบไม่มีเสียงเพราะมีเรียนช่วงนี้กันเยอะ แต่ในความเงียบนาทียังได้ยินเสียงไอ้เพลย์ดิสหัวเราะคิกคักอยู่กับโทรศัพท์มือถือ เดาว่ามันกำลังดูเทยเที่ยวไทยอยู่แน่ ๆ
เวลาผ่านไปนานพอสมควร เรายังคงอ่านหนังสือกัน เพลย์ดิสทำท่าซังกะตายกับหนังสือก่อนจะพูดขึ้นมาเสียงเบา
“หิวแล้ว ไปหาอะไรกินเล่นกันเถอะ”
“หิวแล้วเหมือนกัน น่านอ่ะหิวไหม” นาทีหันไปถามเพื่อน คำตอบที่ได้รับคือการพยักหน้ากลับมา ดังนั้นเราเลยทั้งสองคนเลยตกลงกันว่าจะไปนั่งกินขนมเล่น ๆ ที่ร้านแถวหน้ามหาวิทยาลัย แต่เพลย์ดิสบอกว่าจะชวนออกัสมาด้วยเลยทำให้ต้องรออีกสักพัก
ความมึนจากการอ่านหนังสือทำให้สมองตื้อบวกกับท้องที่ร้องประท้วงอย่างหนักว่าหิวสุด ๆ ช่วยส่งอาหารมาหน่อย เขาฟุบลงไปกับโต๊ะจนกระทั่งจ้าวน่านพูดชื่อนึงขึ้นมาราวกับว่าเจอใครคนนั้นอยู่ไม่ไกลจากโต๊ะเรา
“เหนือเมฆ”
ให้ตายเถอะ ถ้ามีเหนือเมฆอยู่ แถวนี้ต้องมีไอ้ข้ามฟ้าแน่ ๆ ไม่อยากเจอเลยแต่ดูท่าว่าเพื่อนของเขาจะอยากเจอมาก ๆ เพลย์ดิสหวีดแบบไม่มีเสียงรีบกดโทรศัพท์มือถือหาเพื่อน อย่างว่าแหละ คณะบริหารกับวิศวะมันอยู่ไกลกันพอสมควรเลย การที่เพื่อนกะเทยจะเจอผู้ชายวิศวะสักคน แถมยังหล่ออีกจึงเป็นลาภอันประเสริฐ
ไม่รู้ว่าน่านคุยอะไรกับเมฆบ้าง แต่น่านชวนอีกคนไปหาอะไรกินด้วยกันแล้วหมอนั่นก็ตอบไวเหมือนไม่ได้คิดอะไรเลยด้วยซ้ำ นาทีทำหน้างอในขณะที่เพื่อนทุกคนดีด๊า มีแต่จ้าวน่านที่และที่ถามว่าโอเคไหม จะให้ตอบว่าไม่อยากไปมันก็ยังไง ๆ อยู่เลยตอบไปว่าโอเค
เราทั้งสี่คนขึ้นรถสองแถวไปที่หน้ามหาวิทยาลัยก่อนเพราะน่านตกลงกับเมฆเอาไว้แบบนั้น นาทีหลับตาลงเมื่อมีลมพัดผ่านหน้า ปรอยผมที่ปลิวถูกปัดไม่ให้มันเข้าตาจนกระทั่งเราพากันมาถึงที่หมาย
“อีดอก กูหิวแบบ สามารถแดกควายได้ทั้งตัว”
“กูกินช้างเลยอ่ะ”
“พวกมึงหิวขนาดนั้นเลยเหรอ ไปร้านข้าวไหมยังไง” นาทีพูดพร้อมกับพาจ้าวน่านที่กำลังคุยโทรศัพท์นั่งลงที่โซฟาข้างในร้าน แอร์เย็น ๆ ทำให้รู้สึกดีขึ้นมาเนื่องจากข้างนอกอากาศร้อนชื้นจนหายแทบจะไม่ออก
“กูว่าเมฆชอบน่านแน่ ๆ” เพลย์ดิส
“เวลามองนะ ถ้ากูเป็นน่านกูท้องอ่ะ” ออกัส
นาทีพยักหน้าเห็นด้วยกับทุกคน เหนือเมฆดูพิเศษกับเพื่อนของเขามากจริง ๆ ทั้งสายตาที่มอง การกระทำที่ดูเหมือนจะจีบแต่ยังไม่ใช่เสียทีเดียวราวกับว่ากำลังดูท่าทีอะไรบางอย่างอยู่
“แต่เราว่าไม่น่านะ...” จ้าวน่านพูดขึ้นมาพร้อมกับทำหน้าลำบากใจ
“เดี๋ยวพอเมฆมา กูจะคอยจับผิด” ออกัสเสริมขึ้นมาอีกรอบ
“อย่าเลย เดี๋ยวเมฆอึดอัด” จ้าวน่านพูดอีกรอบทำให้นาทีที่เริ่มมั่นใจอะไรบางอย่างพูดขึ้นมา
“มันไม่อึดอัดหรอก เชื่อดิ”
“จริงเหรอ”
“จริง อยากรู้เหมือนกันว่าจะเก็กได้อีกกี่น้ำ” เขาค่อนข้างแน่ใจนะว่าจ้าวน่านพิเศษสำหรับเหนือเมฆจริง ๆ แล้วเหนือเมฆก็พิเศษกับจ้าวน่านด้วย
“ร่างกายกูต้องการของหวาน” ออกัสพูดจีบปากจีบคอเปลี่ยนเรื่องกระทันหัน ไม่รู้ว่าเราไปสนิทชิดเชื้อกันตอนไหน รู้ตัวอีกทีคือคุยกันแบบกูมึงไปแล้ว แถมยังเรียกเขาว่าอีนาทีตามเพลย์ดิสอีก แต่ไม่เป็นไรหรอก เขาไม่ถือ
“อ้าว นึกว่าต้องการผู้ชาย” เพลย์ดิสพูดก่อนจะแท็กมือกัน คนมองทำหน้าเหม่อ นั่งลงข้าง ๆ จ้าวน่านเอาหัวตัวเองพิงไหล่เพื่อนเบา ๆ
“กูรู้สึกเบี้ยน” ออกัส
“จริง” เพลย์ดิส
ไม่สนใจคำพูดเพื่อนแล้วพิงหัวต่อไป นานหลายนาทีเลยจนกระทั่งมีกลุ่มคนเดินเข้ามา คนที่หลับตาอยู่ได้ยินเสียงวี๊ดว๊ายกระตู้วู้แบบสุดของเพื่อนตัวเองเลยตัดสินใจลืมตาขึ้นมามอง เหนือเมฆกับเพื่อนอีกสามคน ซึ่งมีฝาแฝด โปเต้เลย์ แล้วก็เดโม่
เรามองตากันและเป็นเขาที่หลบสายตาก่อน
“โหย ครบคู่พอดีเลยป่ะ เล่นสวิงกิ้งกันไหม” ออกัส
“โปเต้กูกลัวอ่ะ” เลย์หน้าซีด นาทีเลยขำออกมาเพราะมันดูตลกมากเลย
“กูก็กลัว ไอ้เหี้ย” โปเต้เสริมยิ่งตลกเข้าไปใหญ่ นาทีเมนูให้เพื่อนเพื่อเลือกของกิน และสุดท้ายถึงมายื่นให้เดโม่ที่เมื่อสักครู่ทำตัวเหมือนจะหลับแต่ไม่ได้หลับจริง เพราะตอนนี้ยังยักคิ้วให้อยู่เลย
เห็นไหม กวนตีนจริง ๆ นะ ไม่ได้คิดไปเอง
นาทีนั่งฟังเพื่อนแซวจ้าวน่านกับเหนือเมฆแบบไม่หยุดเลย สงสารแต่เพื่อนของเขาที่นั่งทำหน้าลำบากใจเพราะกลัวอีกคนจะโกรธ รวมถึงเดโม่ด้วยที่ร่วมวงแซวแต่ตอนแซวดันมองหน้าเขา ไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า ถ้าต้องการเคลียร์เจอได้ที่หน้าร้าน นาทีต่อยเจ็บนะ!
"เมฆไม่ชอบของหวานเหรอ กินซูชิร้านข้าง ๆ ไหม"
"งั้นไปกินเป็นเพื่อนหน่อยสิ"
"อ๋อ ได้เลย"
เขาเงี่ยหูฟังบทสนทนาของเพื่อนก่อนจะรีบทำหน้าท่าทีเฉย ๆ เมื่อทั้งสองลุกขึ้นยืน นาทีกรอกตาไปมาจนไปเจอกับสายตาของเดโม่ที่จ้องมาตั้งแต่เข้ามาที่ร้าน
‘มีปัญหาเหรอ จ้องอยู่ได้’ พูดแบบไม่มีเสียงส่งไปให้คนตรงข้าม เดโม่ที่ยิ้มอยู่อย่างนั้นยิ่งทำให้คนมองรู้สึกหงุดหงิดเข้าไปใหญ่
‘ไม่มี’
เขาแลบลิ้นใส่จนเดโม่หัวเราะออกเสียง ทำให้เพื่อนในโต๊ะหันมามองเราทั้งสองคน คนมีที่พยายามทำตัวไม่ให้มีพิรุธที่สุดกระแอมไอ ยกแก้วโกโก้ปั่นขึ้นมาดูด
“เดโม่มึงขำอะไรอ่ะ” เลย์ถาม
“ขำแมวหิวน้ำ”
“ไม่ใช่แมว” นาทีโพล่งออกไป ยิ่งทำให้คนทั้งโต๊ะทำหน้ากรุ้มกริ่มใส่กันมากขึ้น ส่วนเดโม่ยักคิ้วอารมณ์ดีสุด ๆ อยากเข้าไปต่อยชะมัดเลย
“ผมไม่ได้ว่าคุณนาทีสักหน่อย”
“โห สุดแสนจะพูดเพราะ อยากได้เป็นผัวเล--” เพลย์ดิสเอามือขึ้นมาปิดปากเพื่อนก่อนจะกระซิบอะไรกันสักอย่างที่ทำให้ทุกคนมองเราทั้งสองคนแบบมีเลศนัยมากกว่าเดิม
“มองไร”
“เปล๊า!!!”
นาทีหรี่ตามองเพื่อนที่ทำตัวไม่รู้ไม่ชี้กันสักพักจนกระทั่งไอ้เพลย์ดิสเริ่มบทสนทนาใหม่ ทุกคนเลยไปสนใจประเด็นนั้นกันหมด
“กูว่าเมฆชอบน่าน ฟันธง!” เพลย์ดิส
“โป๊ะเชะ!” เลย์
“งั้นเรามาสร้างกลุ่มไลน์เม้าท์เพื่อนดีป่ะ” ออกัสเริ่มก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด ๆ โดยที่ไม่ได้ถามความเห็นใครเลย แต่นาทีเห็นว่าทุกคนไม่ได้พูดอะไรแต่หยิบมือถือขึ้นมาแล้ว ส่วนตัวไม่ชอบเรื่องที่พูดลับหลังอะไรแบบนี้หรอกแต่เรื่องของจ้าวน่าน ถ้ามีคนเป็นหูเป็นตาเยอะขึ้นมาหน่อย เขาก็คิดว่าอาจจะหายห่วง เพราะในใจลึก ๆ ยังเป็นห่วงจ้าวน่าน กลัวโดนหลอกฟัน ชื่อเสียงเหนือเมฆใช่ว่าจะดีด้วย
“อีนาที มึงมีไลน์เดโม่ แอดเข้ากลุ่มมาค่ะ!” คำพูดเพลย์ดิสทำเอานาทีหน้างอค่อย ๆ แอบมองเดโม่ที่ยังคงยิ้มแล้วยักคิ้วมาให้เหมือนเดิม เขาสัญญาเลยว่าถ้าตอนนี้ที่อีกคนเผลอ จะโกนคิ้วให้โล้นเลย
เจ้าตัวดื้อของเดโม่กดยิก ๆ แอดเข้ากลุ่มเม้าเมฆน่าน พอกดเสร็จเลยตั้งใจจะเงยหน้าขึ้นมาคุยกับเพื่อนแต่สายตาดันเหลือบไปเห็นว่าก้อนเมฆบนฟ้าข้างนอกมืดมาก เหมือนฝนกำลังจะเทในไม่ช้า
“เดี๋ยวกูเอาของไปให้น่านก่อนนะ” หยิบกระเป๋าที่ใส่ชีทเรียนกับหนังสือ ขึ้นมาเช็กว่าไม่มีอะไรตกหล่น พร้อมกับลุกขึ้นยืนตามด้วยอีกคนที่นาทีกำลังคิดว่าจะยืนด้วยทำไม
“เดี๋ยวไปเป็นเพื่อน”
“ร้านซูชิแค่นี้เอง ไปคนเดียวได้”
“ฝนตกแล้ว ผมจะตามไปดูว่าคุณจะลื่นล้มไหม”
“...”
แลบลิ้นใส่ไปหนึ่งทีก่อนจะเดินไปที่ประตูหน้าร้านท่ามกลางสายตาที่แซวของเพื่อน ๆ ซึ่งวินาทีนี้เขาไม่สนใจอะไรเพราะอยากเอาของไปให้จ้าวน่านและจะฝากให้เมฆไปส่งเพื่อนให้ถึงห้องด้วย
“ค่อย ๆ เดินเดี๋ยวลื่น” เสียงทุ้ม ๆ กับฝนที่สาดมาทำให้ต้องระมัดระวังกับการเดินมากกว่าปกติ กระเป๋าเพื่อนถูกกอดเอาไว้แน่น และพยายามเพ่งสมาธิไปกับกางเดินบนพื้นกระเบื้องที่ค่อนข้างลื่น
“ยุ่ง...!!” ในขณะที่กำลังพูดคำว่ายุ่ง ขาเรียวภายใต้กางเกงสแลคสีดำดันก้าวพลาด เขาหลับตากอดกระเป๋าแน่น คิดว่ายังไงคงต้องล้มและตัวเปียกแน่ ๆ แต่สิ่งที่คิดกับความเป็นจริงต่างกันสิ้นเชิง แทนที่จะรู้สึกเปียกและเจ็บ ดันรู้สึกอุ่นขึ้นมาแทน
นาทีกำลังตกอยู่ในอ้อมกอดของคนที่ไม่ชอบหน้าที่สุดในโลก เจ้าตัวดื้อดิ้นไปมาซึ่งคนที่กำลังกอดอยู่ก็พยายามทรงตัวให้นิ่ง ๆ
“นิ่ง ๆ ก่อน พื้นมันลื่น”
“ปล่อยเลย”
“แป๊บนึง”
“…”
“ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้น คิดว่าอยากกอดนักเหรอ”
“...”
“หัวก็เหม็น สระผมบ้างนะ”
“หัวเหม็นแล้วทำไม หัวใครหัวมัน”
“จะปล่อยแล้ว เดินดี ๆ หน่อย ลื่นล้มไปแย่เลยนะ”
“รู้แล้ว ไม่ต้องมาสอน”
“ดูพูดจาอีกแล้ว คนเขาอุตส่าห์ช่วยไม่ให้ล้ม” เนี่ย ทำไมต้องเป็นประโยคนี้ทุกที ทำไมต้องโดนช่วยจากเดโม่ตลอด แถมยังพูดให้เขารู้สึกผิดไปอีก
“ขอบคุณ”
“เดินไป ๆ เดี๋ยวดูหลังให้”
“รู้แล้วน่า!”
ถึงจะหงุดหงิด แต่เป้าหมายคือเอาของไปให้จ้าวน่านที่ร้านซูชิ เขาเดินเข้าไปในร้านตรงไปที่โต๊ะของเพื่อน ยื่นของให้จ้าวน่านที่กำลังทำหน้าเศร้า นาทีพยายามยิ้มให้กำลังใจพร้อมกับยกมือขึ้นมาเป็นสัญลักษณ์โทรศัพท์ เรานัดกันเอาไว้ ว่าถ้าทำมือแบบนี้คือ ‘ถ้าถึงห้องแล้วให้ส่งข้อความมาบอกด้วย’
“ทำไมไม่พูดกับจ้าวน่านดี ๆ ล่ะ ต้องทำมือแบบนั้นด้วยเหรอ”
“ยุ่งจัง” เดโม่ถามเขาในขณะที่เราทั้งสองกำลังเดินกลับที่ร้านขนมหวาน คนตัวสูงที่เดินตามมีบางครั้งที่มาจับต้นแขนเขาให้เดินดี ๆ เพราะมีบางที่รู้สึกเหมือนกำลังจะลื่น
“แล้วให้ยุ่งไหมล่ะ”
“...”
“ยังไม่ตอบกันเลยนะ ที่ถามในไลน์”
“ทำไมต้องตอบด้วย”
“เป็นมารยาทนะคุณ”
“...”
“ผมบอกฝันดีคุณแล้ว คุณต้องบอกกลับด้วย”
“เรื่องไรจะบอก”
“ที่บ้านดื้อแบบนี้ไหมเนี่ย”
“เกี่ยวไรกับที่บ้าน”
“อยากรู้เฉย ๆ”
นาทีไม่ตอบเพราะเราเดินมาถึงร้านขนมแล้ว คนตัวเล็กกับตัวที่ชื้นนิดหน่อยเพราะละอองฝนเดินเข้ามาในร้าน เพื่อนอีกสี่คนมองเราทั้งคู่เป็นตาเดียว
“กลับกันไหม หนาวอ่ะ” เขาบ่นในขณะที่นั่งลงที่เดิมพร้อมกับเดโม่ที่อยู่ดี ๆ ก็มานั่งข้างกัน
“หนาวไร ทุกคนปกติ” เพลย์ดิสพูดพลางจิบชาร้อนจริตคุณนาย
“ก็กูเปียกฝน”
“กอดเดโม่ไหมยังไง” ออกัสเสริมขึ้นมาทำให้คนฟังทำหน้านิ่งก่อนจะหันไปมองคนข้าง ๆ ที่อ้าแขนแล้วพยักหน้า
“กอดได้นะ ไม่หวงตัว”
“โอ้ยยย สัดดดด เกลียดโมเมนต์แบบนี้ มาดูคนเข้าจีบกันเนี่ย!” โปเต้กับเลย์ทำหน้าดี๊ด๊าไม่เหมือนคำพูดเลยสักนิด คนหน้าดื้อทำหน้างอกอดอกเพราะโดนเพื่อนแซวหนักมากทั้ง ๆ ที่จริงแล้วไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลยสักนิด!
“อิ่มกันยัง เดี๋ยวไปส่ง” คนข้าง ๆ เลิกแกล้งหันไปถามเพื่อนแทน ซึ่งทุกคนก็พยักหน้าอย่างพร้อมเพรียงผิดกับตอนที่เขาถามสุด ๆ
“อิ่มแล้วค่า แง เดโม่มองใกล้ ๆ แล้วน่ารักสัด ๆ อ่ะ อยากได้จัง” ออกัสทำหน้าเพ้อฝันจนโดนเพลย์ดิสตกกะโหลกไปหนึ่งที
เราทั้งสี่คนเดินออกมาจากร้าน เดโม่อาสาไปเอารถเนื่องจากวันนี้ขัยรถมาเรียนพอดี ออกัสกรี๊ดกร๊าดใหญ่ซึ่งเดโม่เอาแต่ขำแล้วบอกว่า ยืมแม่มาขับ ไม่ใช่รถของตัวเองหรอก เขาได้ยินแล้วอยากจะทำปากเป็นเส้นโค้งสายรุ้ง นี่คือการถ่อมตนแบบอวดรวยไปในตัว
ไม่นานมากนักรถเก๋งสีขาวก็มาจอดที่หน้าร้าน นาทีถูกเพื่อนผลักให้ไปนั่งคู่กับเดโม่ด้านหน้า ส่วนเพื่อนตัวดีทั้งหลายก็รีบอัดกันเข้าไปนั่งที่เบาะหลัง
“หออยู่ไหน บอกด้วยนะ”
“อือ” ตอบในลำคอเสียงเบา เมื่อขับรถไปสักพักบวกกับแอร์เย็น ๆ ถึงมันจะหนาวแต่นาทีเริ่มง่วงมากกว่า
“อีนาที อย่าหลับ” เสียงเพลย์ดิสดังมาจากเบาะหลัง เขาพยายามข่มตาตัวให้ตื่น
“รู้แล้ว ไม่หลับหรอก”
“ไม่หลับเหี้ยไร คอพับแบบสุดแล้ว!” คนที่ถูกทักว่าคอพับพยายามนั่งตัวตรง ๆ เพื่อไม่ให้ง่วง นาทีหันไปมองหน้าคนขับก่อนจะหันไปมองถนนด้านหน้า อีกไม่กี่ซอยจะถึงหอเขาแล้ว ถึงตอนนั้นน่าจะไปนอนได้อย่างเต็มที่
“เลี้ยวซอยไหน”
“อีกสองซอย” ตอบเสียงเบา เดโม่ขำในลำคอเพราะตุ๊กตาหน้ารถหน้าง่วงได้น่ากอดที่สุด เวลาดื้อก็ดื้อจนน่าตี ขี้เถียงเป็นที่หนึ่ง แต่ทำไม...
“...”
“ซอยนี้เลย”
“ครับผม”
ถึงได้น่ารักขนาดนี้วะ
รถเก๋งเลี้ยวเข้าซอยดังกล่าวก่อนจะจอดที่หน้าหอพักแห่งหนึ่ง เพลย์ดิสกับออกัสลงจากรถตามด้วยนาทีทำอะไรก็ช้าไปหมดเพราะความง่วงเข้าครอบงำ
“ขอบคุณ”
“แทนคำขอบคุณ คราวหน้าเลี้ยงข้าวด้วย”
“ห๊ะ” คนจะหลับเริ่มตาสว่างเมื่อเห็นรอยยิ้มที่ส่งมา เจ้าตัวดื้อตอบกลับ “ไม่เลี้ยง ท้องใครท้องมัน”
“นั่นแหละ เลี้ยงข้าว ลงไปได้แล้ว รถคันหลังรอนาน” เพื่อให้ไม่โดนปฏิเสธ เดโม่เลยรีบไล่อีกคนให้ลงไปจากรถ ดีนะที่แถวนี้ฝนตกเบามากแล้ว อีกคนจะได้ไม่เปียกมาก
“...”
“แล้วคืนนี้ตอบข้อความด้วย”
“...”
“คนถามจะได้ไม่ต้องนั่งรอข้อความของคุณนาน”
: )
✰
#นาทีที่ข้ามฟ้า
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ยัยดื้อเอ้ย!!! ชอบอ่าาาา ดื้อกำลังดี ดื้อแบบไม่ได้งี่เง่าปากแข็งไร้สาระน้ามคาญ ดื้อให้พอน่าหยิก ดื้อให้พอหมั่นเขี้ยว ชอบๆๆๆๆๆๆๆ นังข้ามฟ้าก็จีบเก่งเกิ้น!! คนเขาเขินเนี้ยๆๆ หมั่นไส้ๆๆ
รุกหนักมากนะคุณเดโม่