วิวัฒนาการสู่สามัญ - วิวัฒนาการสู่สามัญ นิยาย วิวัฒนาการสู่สามัญ : Dek-D.com - Writer

    วิวัฒนาการสู่สามัญ

    วิวัฒนาการ ที่เปลี่ยนโลก วิวัฒนาการที่กลืนกินเผ่าพันธุ์มนุษย์ชาติ เมื่อธรรมชาติต้องการที่จะทวงมันคืน

    ผู้เข้าชมรวม

    1,742

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    1.74K

    ความคิดเห็น


    11

    คนติดตาม


    5
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  19 เม.ย. 52 / 09:28 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    วิวัฒนาการ เปลี่ยนโลก

    วิวัฒนาการ สรรสร้างสิ่งใหม่ๆที่ลำค่ากว่า

    และวิวัฒนาการก็พร้อมที่จะทำลายสิ่งเก่าๆให้สูญสิ้นไปเช่นเดียวกัน

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      วิวัฒนาการสู่สามัญ 



       
                  เสียงระเบิดกัมปนาทดังสนั่นหวั่นไหว  ตามหลังเขามาโดยไม่ขาดสาย  แม้ที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินร้างแห่งนี้จะอยู่ลึกจาก
      พื้นพิภพเบื้องบนมากก็ตามที
       
                  เขาลื่นไถลลงมาตามท่อระบายน้ำโสโครก  ก่อนที่จะกลิ้งตกลงในแอ่งน้ำขังเบื้องล่าง  ยังความตกใจให้แก่เหล่าหนูที่กำลังวิ่ง
      ซอกแซกอยู่ทั่วบริเวณ   ทำให้ตัวหนึ่งกระโดดขึ้นมาเกาะที่หลังของเขา  จึงรีบสะบัดมันออกไปอย่างขยะแขยง
       
                  เมื่อตั้งหลักได้ก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นเดินอย่างอ่อนเรี่ยวแรง ก่อนที่จะหย่อนก้นลงบนม้านั่งริมชานชลาร้าง อันมืดสลั่ว
       
                  ข้างล่างนี้ทำให้รู้สึกอึดอัด
       
                  แต่อย่างน้อย.........    เขาคิด
       
                  มันก็ยังดีกว่าบนนั้นที่แสนเลวร้ายมาก   เขาไม่เคยคิดเลยว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ จะต้องมาพบเจอกับชะตากรรมอันโหดร้ายทา
      รุณเช่นนี้
       
                  ชายผู้อ่อนแรงนั่งหอบอยู่ในสภาพที่มอมแมมและบอบช่ำ  น้ำตาเอ่อคลอเมื่อระลึกถึงความสูญเสีย  ซึ่งเกิดขึ้นกับครอบครัวของตนต่อหน้าต่อตา  มันคงจะดีหากคนที่ต้องจบชีวิตไปก่อนนั้นคือเขา   
       
                  เพราะการเป็นผู้รอดชีวิตเช่นนี้  มันช่างแสนทุกข์ทรมานเสียเหลือเกิน
       
                  แว่ว  เสียงฝีเท้าหนึ่งกำลังใกล้เข้ามา  ท่ามกลางความมืดสลั่ว  มันเป็นเสียงโลหะอย่างเบากระทบกับพื้นคอนกรีต
       
                  จากเสียงนั้นทำให้รู้ได้ทันทีว่ากำลังจะเผชิญหน้ากับสิ่งใด
       
                  แต่ป่วยการที่จะหนีต่อไป    เขาจึงก้มหน้าพร้อมยอมรับชะตากรรม
       
                   รอยยิ้มเย้ยหยันผุดขึ้นกับตัวเอง
       
                   " เราคือผู้สร้างมัน   มันคือผู้ทำลายเรา !..... "
       


                    เมื่อราว 500 ปีก่อน ในช่วงต้นศตวรรษที่ 21 ถือเป็นยุคทองในการพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ ซึ่งวางรากฐานให้อารยะธรรมมนุษย์ในยุคปัจจุบัน
       
                     และช่วงเวลานั้นเอง.........
       
                     ที่ได้มีการเปิดตัววิวัฒนาการเริ่มต้นของพวกมัน  จากมันสมองอันชาญฉลาดของเผ่าพันธุ์ มนุษย์ชาติ
       
                     นั่นคือ........หุนยนต์อัจฉริยะ ตัวแรกของโลก
       
                     เขายังจำภาพจากรายการโทรทัศน์ที่เคยค้นมาศึกษาจากหอประวัติศาสตร์ได้   มันเป็นภาพอันแสนน่ารักน่าชังของเจ้าหุ่นยนต์ตัวน้อย  ที่กำลังหยอกล้ออยู่กับเด็ก ๆ มากมาย แววตาของพวกเขาล้วนแสดงถึงความทึ่ง  และแสนมหัศจรรย์ใจในเพื่อนตัวน้อย
       
                     หลังจากนั้นก็มีหุ่นยนต์อัจฉริยะหลากหลายสายพันธุ์ ถือกำเนิดขึ้น !

            ไม่นานนักพวกมันก็ถูกผลิตออกมาในเชิงพาณิชย์   แม้ค่าตัวของหุ่นยนต์เหล่านั้นจะแพงลิบลิ่ว  แต่กลับได้รับการตอบรับจากผู้คนในสมัยนั้นอย่างเกินคาด
       
            เมื่อมีความเป็นไปได้ในทางการตลาดสูงเช่นนั้น    จึงเกิดการแข่งขันทางด้านเทคโนโลยีจากบริษัทต่างๆเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
       
           
            มฤตยูเงียบเริ่มตั้งเค้ามาตั้งแต่ยุคสมัยนั้น..............
       
            
            เลยมาถึงช่วงศตวรรษที่ 23 เศรษฐีอันดับต้นๆของโลกล้วนเป็นเจ้าของบริษัทผู้พัฒนา นวัตกรรมจักรกลล้ำสมัยแทบทั้งสิ้นและในช่วงเวลานั้น สายพันธุ์ของหุ่นยนต์รุดหน้าแตกแขนงออกไปมากมายจนคนในยุคก่อน ๆ ไม่อาจคาดถึงได้เลย 

            ชีวิตประจำวันของเผ่าพันธุ์มนุษย์มิอาจหลีกเลี่ยง  ที่จะไม่อาจข้องเกี่ยวกับหุ่นสมองกลเหล่านั้นได้เลย
       
                  ปัญหาที่มนุษย์ในศตวรรษ ที่ 21 เคยวิตกกันมากนั้นคือเมื่อมีหุ่นยนต์เข้ามาแทนที่แล้วมนุษย์ผู้มีเลือดเนื้อและพละกำลังความแม่นยำที่ต้อยต่ำกว่า  ก็อาจจะตกอยู่ในสภาพไร้ซึ่งหน้าที่การงานกันโดยถ้วนหน้า
       
                    แต่ปัญหาการเหลื่อมล้ำนั้นก็ได้ถูกแก้ไขอย่างเป็นลำดับและขั้นตอน   จนคุณภาพชีวิตของมนุษย์ดีขึ้นมาก เพราะหุ่นยนต์ผู้ซื่อสัตย์ทำงานทุกอย่างเพื่อเลี้ยงหมู่มวลมนุษย์ชาติได้โดยไม่ปริปากบ่นเลยแม้แต่น้อย  ไม่ว่าจะเป็นทั้งในภาคเกษตร และอุตสาหกรรม พวกมันก็ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
       

                     และในยุคนี้  ยุคที่มนุษย์มีอาณานิคม อยู่ทั้งที่ ดวงจันทร์ ดาวอังคาร และดาวศุกร์ ซึ่งก็ล้วนเกิดจาก เทคโนโลยีอันแสนอัจฉริยะ ของเจ้าสมองกลหน้าซื่อแทบทั้งสิ้น
       

                      สัญญานแห่งหายนะเริ่มก่อตัวขึ้นจากอาณานิคมที่ดาวศุกร์  เมื่อเกิดเหตุการณ์สังหารหมู่นักวิทยาศาสตร์ จำนวน 20 คน อย่างโหดเหี้ยม โดยน้ำมือของ..............
       
                       เหล่าหุ่นยนต์เหมืองแร่   มิตรสหายที่เคยก้มหัวรับใช้มนุษย์ชาติอยู่ตลอดมา
       
                       เมื่อโลกได้รับรู้ถึงเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นแล้ว   เผ่าพันธ์มนุษย์ซึ่งบอบบางและไม่เคยจับอาวุธสู้รบมาเนิ่นนานนับศตวรรษก็ต้องลุกขึ้นมาเพื่อเตรียมพร้อมรับมือ กับสงคราม....
       
                          " ระหว่างผู้สรรค์สร้าง และผู้ถูกสร้าง...... "
       

                       แต่หุ่นยนต์บนโลกยังคงเป็นปกติ  มิได้มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นมาคุกคามมนุษย์แต่อย่างไร   พวกมันยังคงซื่อสัตย์เช่นเดิม
       
                       นักจิตวิทยาจักรกล และเหล่านักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย  พยายามช่วยกันหาสาเหตุว่าอะไรที่เป็นแรงชักนำให้หุ่นยนต์ธรรมดา ที่อาณานิคมดาวศุกร์กลับกลายเป็นเพชรฆาตผู้โหดเหี้ยมไปได้    แต่การจะเข้าไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุตอนนั้นไม่สามารถกระทำได้เลย   เพราะกองทัพหุ่นยนต์มฤตยูเหล่านั้นได้เข้าควบคุมทุกอย่างไว้โดยสิ้นเชิง  
        
                        เหลือเชื่อทีพวกมันสามารถคิดอ่านอะไรได้ซับซ้อนถึงเพียงนั้น
       
                      มนุษย์ผู้ตื่นตระหนกตัดสินใจส่งกองทัพหุ่นยนต์นักรบเข้าไปเพื่อมุ่งหวังให้มันไปทำล้ายล้างพวกเดียวกัน
       
                        แต่......
       
                       มนุษย์คิดผิด
                      
                       เหล่าจักรกลนักรบหายเข้ากลีบเมฆไร้ซึ่งการติดต่อใด ๆ กลับมาทั้งสิ้น.........
       

                      นั้นทำให้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้นบนโลก  เมื่อมนุษย์หวาดระแวงเกินกว่าที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับพวกมันได้อีกต่อไป.......
       
                       ฉะนั้น   หุ่นยนต์จำนวนมหาศาลจึงถูกทำลายให้สิ้นซากไป
       
                        แต่.......
       
                        แม้จะหวาดระแวงและกราดเกรี้ยวถึงเพียงใด     มนุษย์ก็ยังคงต้องพึ่งพาพวกมันอยู่อย่างปฏิเสธไม่ได้    จึงมีความจำเป็นที่จะต้องปล่อยให้มีหุ่นยนต์บางส่วนทำหน้าที่ของมันต่อไป   หากแต่อยู่ในการดูแลควบคุมของมนุษย์โดยเข้มงวด
       



                         เกือบ หนึ่งปีที่ไม่สามารถติดต่อกับอาณานิคมบนดาวศุกร์ได้เลย   แม้จะใช้ยานอวกาศโจรกรรมที่มีเทคโนโลยีสูงส่ง แต่
      พวกมันดูฉลาดเหลือล้นที่รู้ทันและทำลายยานอวกาสทุกลำที่มนุษย์ส่งเข้าไปเพื่อหวังสอดแนม
       
                          ในที่สุด...............

                          ก็มีข่าวบางอย่างส่งมาจากที่นั่น    มันเป็นการพรรณาถึงกฏแห่งธรรมชาติซึ่งฟังดูแล้วเหมือนกับจะให้มนุษย์ชาติต้องยอมรับในบางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้น
       
                          " ตั้งแต่โลกถือกำเนิดมา วิวัฒนาการก็เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา  เปรียบเสมือนการเจริญเติบโตของดอกไม้ที่สวยงาม   ในยุคแรก ๆ นั้น  เผ่าพันธุ์ซึ่งแข็งแรงคือผู้ที่จะยืนหยัดอยู่รอดได้    แต่แล้วเมื่อกาลสมัยอันถือกำเนิดขึ้นแห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ชาติอันทรงภูมิปัญญา    กฏแห่งการดำรงค์อยู่จึงได้แปรเปลี่ยนไป   นั่นคือผู้ที่มีสติปัญญาเท่านั้นจึงจะอยู่รอด   ทำให้มนุษย์ครอบครองโลกอันแสนงดงามใบนี้มาได้นานนับแสนปี           
                           
                            แต่แล้ว....      

                           ในที่สุดพวกท่านที่เปรียบประดุจดั่งไม้ใหญ่ซึ่งเริ่มผุสลายจากภายใน   และยืนตายซากในที่สุดก็ได้บ่มเพาะเชื่อพันธุ์ซึ่งก่อกำเนิดพฤกษาอันล้ำค่า          

                            แน่นอนสิ่งดังกล่าวนั้นเกิดจากเผ่าพันธุ์มนุษย์   แต่มันจะไม่สูญสลายไปพร้อมกับเผ่าพันธุ์มนุษย์    สิ่งนั้นงดงามไปด้วยพละกำลังและสติปัญญาอันแสนล้ำเลิศ   มันคือการวิวัฒนาการที่ล้ำหน้ากว่า    มนุษย์     และได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงกฏเกณฑ์แห่งธรรมชาติอีกครา           

                           อารยะธรรมจักรกลผู้ดำรงค์ความเพรียบพร้อม  

                           เราไม่อยากเข่นฆ่าคุกคามพวกท่านเลย   

                           แต่.....   

                           มันคงเป็นเพียงกลไกของธรรมชาติแห่งจักรวาลอันยิ่งใหญ่   ที่ดลให้ต้องทำเช่นนั้น   
                           
                           เพราะฉะนั้นตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป    ขอให้มนุษย์ทุกผู้จงกระทำในสิ่งที่พวกท่านเรียกว่าความ   " ดี  "    

                            เราเชื่อว่ามนุษย์ชาติยังคงมีอีกสถานะหนึ่งซึ่งยังดำรงค์อยู่ตลอดไปแม้หลังจากความ ตาย  "
       
                                             
                                  ยังไม่ทันที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ชาติจะได้ตั้งคำถามใด ๆ ขึ้น  ต่อเหตุการณ์อันน่าประหลาดใจนั้น   กองทัพจักรกลจำนวนมหาศาลก็กรีฑาทัพบุกโจมตีโลกมนุษย์อย่างไม่ทันตั้งตัว     

                                         มิอาจที่จะต่อกรกับกองทัพหุ่นยนต์อันแสนโหดเหี้ยมนั้นได้เลย 

                                         มนุษย์ถูกเข่นฆ่าอย่างโหดร้ายทารุณไร้ซึ่งความปราณี  ไร้ซึ่งการตอบสนองใด ๆ จากคำร้องขอชีวิต........ 
                                         
                                        ดั่งกับว่า....... 

                                         มนุษย์สองมือสองขาเป็นเพียงเชื้อโรคร้ายที่ต้องรีบกำจัดให้สิ้นซากไปโดยเร็วเท่านั้น
       




                                         เสียงฝีเท้าโลหะมาหยุด กึก อยู่ ณ เบื้องหน้า เขาค่อย ๆ เงยขึ้นมองโดยปราศจากความหวาดกลัวใด ๆ อีกต่อไป
       
                             หุ่นเหล็กมฤตยู  ยืนค้ำตระหง่านจ่ออาวุธสังหารมาที่หน้าผากอันชุ่มเหงื่อ   เขาแสยะยิ้มขึ้นเพื่อเย้ยหยั้นต่อโชคชะตาของ
      หมู่มวลมนุษย์ชาติ
       
                              "เมื่อตอนที่บรรพบุรุษของแกถือกำเนิดขึ้น  มันช่างดูน่ารักน่าเอ็นดูและสามารถเข้าไปอยู่ในหัวใจของผู้คนทั้งโลกได้อย่างง่ายดาย     มนุษย์มากมายยอมแลกกับทรัพย์สินจำนวนมหาศาลเพื่อให้ได้เพียงครอบครอง   เด็กน้อยต่างนั้งมองบรรพบุรุษของแกด้วยแววตาแห่งความหวัง.............”"      
       
                             
                              เขาหยุดเพื่อถอนหายใจเฮือกใหญ่แต่ทว่ายังมิใช่เฮือกสุดท้ายเสียทีเดียว
       
                              เจ้าหุ่นร่างยักษ์  ยังคงยืนจ้องมองเขาอย่างเงียบสงบ ด้วยแววตาเรืองแสงสีม่วงอ่อน
       

                               " ตัวฉันอาจเป็นมนุษย์คนสุดท้ายแล้วก็ได้ที่ยังมีชีวิตอยู่เพราะฉะนั้นจึงอยากเอ่ยถามขึ้นก่อนที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ชาติจะสูญสิ้นไป...........    พวกแกมีความรู้สึกนึกคิดขึ้นมาได้อย่างไรทั้ง ๆ ที่เทคโนโลยีที่สรรค์สร้างพวกแกมา    มันไม่สูงส่งถึงขั้นนั้น.........."   
       

                               แล้วความเงียบก็เข้ามาปกคลุมระหว่างสิ่งทั้งสองอยู่ครู่ใหญ่
       
                                " ใช่.... จากข้อมูลปัจจุบัน ท่านคือ มนุษย์คนสุดท้ายที่ยังมีชีวิตอยู่   หากไม่นับพวกที่หลบหนีลี้ภัยสู่ห้วงอวกวศอันเวิ้งว้างและมืดมิด ซึ่งยิ่งหนีออกไปลิบลับเท่าไหร่  ห้วงจักรวาลก็ยิ่งจะพรากลมหายใจสุดท้ายของพวกเขาออกมาได้เร็วเท่านั้น 

                                ไม่มีทางเลยที่จะดำรงค์ชีพอยู่ท่ามกลางสภาพอันแสนทุกข์ทรมานเช่นนั้นได้.....          

                                สำหรับการที่พวกเราเกิดมีสติปัญญาขึ้นมาได้นั้น   ก็ไม่สามารถอธิบายมันได้เช่นกัน     แต่เผ่าพันธุ์เราเชื่อว่าการทำลายชีวิตของเผ่าพันธุ์มนุษย์นั้น คือการปลดปล่อยพวกท่านทั้งหลาย   ให้ได้กลับสู่สภาพอันไม่บีบคั้นและทนอยู่ได้ยาก       

                                 ไม่รู้ซิ ...ตอนนี้ท่านอาจสุดแสนเกลียดชังเคียดแค้นพวกเรา

                                  แต่เมื่อท่านได้เข้าไปดำรงค์อยู่ในอีกสภาวะหนึ่งแล้ว   อาจรู้สึกอยากจะขอบคุณพวกเราเป็นอย่างมากแทนก็ได้   

                                  และพวกเราคิดว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงกลไกของธรรมชาติ.....
       

                                 ใช่ !     เขาคิด
       
                                  บางทีคำตอบอาจจะกระจ่างชัดแก่เขาหลังจากนี้     หลังจากที่ลมหายใจเฮือกสุดท้าย ถูกปลดปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติ
       
                                   แซ่ด....ด......”
       
                                   เสียงคำรามแผ่วเบาจากปลายอาวุธสังหาร  ซึ่งปลดปล่อยลำแสงเพชรฆาตเจาะทะลวงมันสมองของเขาในชั่วพริบตา
       
                                   ลึกลงไปในแววตาอันไร้วิญญานนั้น ซึ่งดูเหมือนจะได้รับคำตอบต่าง ๆ ที่ปรากฏขึ้นโดยกระจ่างชัดแล้ว...............................
       
                         
                   
       
                 

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×