เสียงระเบิดกัมปนาทดังสนั่นหวั่นไหว ตามหลังเขามาโดยไม่ขาดสาย แม้ที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินร้างแห่งนี้จะอยู่ลึกจาก
พื้นพิภพเบื้องบนมากก็ตามที
เขาลื่นไถลลงมาตามท่อระบายน้ำโสโครก ก่อนที่จะกลิ้งตกลงในแอ่งน้ำขังเบื้องล่าง ยังความตกใจให้แก่เหล่าหนูที่กำลังวิ่ง
ซอกแซกอยู่ทั่วบริเวณ ทำให้ตัวหนึ่งกระโดดขึ้นมาเกาะที่หลังของเขา จึงรีบสะบัดมันออกไปอย่างขยะแขยง
เมื่อตั้งหลักได้ก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นเดินอย่างอ่อนเรี่ยวแรง ก่อนที่จะหย่อนก้นลงบนม้านั่งริมชานชลาร้าง อันมืดสลั่ว
ข้างล่างนี้ทำให้รู้สึกอึดอัด
แต่อย่างน้อย......... เขาคิด
มันก็ยังดีกว่าบนนั้นที่แสนเลวร้ายมาก เขาไม่เคยคิดเลยว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ จะต้องมาพบเจอกับชะตากรรมอันโหดร้ายทา
รุณเช่นนี้
ชายผู้อ่อนแรงนั่งหอบอยู่ในสภาพที่มอมแมมและบอบช่ำ น้ำตาเอ่อคลอเมื่อระลึกถึงความสูญเสีย ซึ่งเกิดขึ้นกับครอบครัวของตนต่อหน้าต่อตา มันคงจะดีหากคนที่ต้องจบชีวิตไปก่อนนั้นคือเขา
เพราะการเป็นผู้รอดชีวิตเช่นนี้ มันช่างแสนทุกข์ทรมานเสียเหลือเกิน
แว่ว เสียงฝีเท้าหนึ่งกำลังใกล้เข้ามา ท่ามกลางความมืดสลั่ว มันเป็นเสียงโลหะอย่างเบากระทบกับพื้นคอนกรีต
จากเสียงนั้นทำให้รู้ได้ทันทีว่ากำลังจะเผชิญหน้ากับสิ่งใด
แต่ป่วยการที่จะหนีต่อไป เขาจึงก้มหน้าพร้อมยอมรับชะตากรรม
รอยยิ้มเย้ยหยันผุดขึ้นกับตัวเอง
" เราคือผู้สร้างมัน มันคือผู้ทำลายเรา !..... "”
เมื่อราว 500 ปีก่อน ในช่วงต้นศตวรรษที่ 21 ถือเป็นยุคทองในการพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ ซึ่งวางรากฐานให้อารยะธรรมมนุษย์ในยุคปัจจุบัน
และช่วงเวลานั้นเอง.........
ที่ได้มีการเปิดตัววิวัฒนาการเริ่มต้นของพวกมัน จากมันสมองอันชาญฉลาดของเผ่าพันธุ์ มนุษย์ชาติ
นั่นคือ........หุนยนต์อัจฉริยะ ตัวแรกของโลก
เขายังจำภาพจากรายการโทรทัศน์ที่เคยค้นมาศึกษาจากหอประวัติศาสตร์ได้ มันเป็นภาพอันแสนน่ารักน่าชังของเจ้าหุ่นยนต์ตัวน้อย ที่กำลังหยอกล้ออยู่กับเด็ก ๆ มากมาย แววตาของพวกเขาล้วนแสดงถึงความทึ่ง และแสนมหัศจรรย์ใจในเพื่อนตัวน้อย
หลังจากนั้นก็มีหุ่นยนต์อัจฉริยะหลากหลายสายพันธุ์ ถือกำเนิดขึ้น !
ไม่นานนักพวกมันก็ถูกผลิตออกมาในเชิงพาณิชย์ แม้ค่าตัวของหุ่นยนต์เหล่านั้นจะแพงลิบลิ่ว แต่กลับได้รับการตอบรับจากผู้คนในสมัยนั้นอย่างเกินคาด
เมื่อมีความเป็นไปได้ในทางการตลาดสูงเช่นนั้น จึงเกิดการแข่งขันทางด้านเทคโนโลยีจากบริษัทต่างๆเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
มฤตยูเงียบเริ่มตั้งเค้ามาตั้งแต่ยุคสมัยนั้น..............
เลยมาถึงช่วงศตวรรษที่ 23 เศรษฐีอันดับต้นๆของโลกล้วนเป็นเจ้าของบริษัทผู้พัฒนา นวัตกรรมจักรกลล้ำสมัยแทบทั้งสิ้นและในช่วงเวลานั้น สายพันธุ์ของหุ่นยนต์รุดหน้าแตกแขนงออกไปมากมายจนคนในยุคก่อน ๆ ไม่อาจคาดถึงได้เลย
ชีวิตประจำวันของเผ่าพันธุ์มนุษย์มิอาจหลีกเลี่ยง ที่จะไม่อาจข้องเกี่ยวกับหุ่นสมองกลเหล่านั้นได้เลย
ปัญหาที่มนุษย์ในศตวรรษ ที่ 21 เคยวิตกกันมากนั้นคือเมื่อมีหุ่นยนต์เข้ามาแทนที่แล้วมนุษย์ผู้มีเลือดเนื้อและพละกำลังความแม่นยำที่ต้อยต่ำกว่า ก็อาจจะตกอยู่ในสภาพไร้ซึ่งหน้าที่การงานกันโดยถ้วนหน้า
แต่ปัญหาการเหลื่อมล้ำนั้นก็ได้ถูกแก้ไขอย่างเป็นลำดับและขั้นตอน จนคุณภาพชีวิตของมนุษย์ดีขึ้นมาก เพราะหุ่นยนต์ผู้ซื่อสัตย์ทำงานทุกอย่างเพื่อเลี้ยงหมู่มวลมนุษย์ชาติได้โดยไม่ปริปากบ่นเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นทั้งในภาคเกษตร และอุตสาหกรรม พวกมันก็ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และในยุคนี้ ยุคที่มนุษย์มีอาณานิคม อยู่ทั้งที่ ดวงจันทร์ ดาวอังคาร และดาวศุกร์ ซึ่งก็ล้วนเกิดจาก เทคโนโลยีอันแสนอัจฉริยะ ของเจ้าสมองกลหน้าซื่อแทบทั้งสิ้น
สัญญานแห่งหายนะเริ่มก่อตัวขึ้นจากอาณานิคมที่ดาวศุกร์ เมื่อเกิดเหตุการณ์สังหารหมู่นักวิทยาศาสตร์ จำนวน 20 คน อย่างโหดเหี้ยม โดยน้ำมือของ..............
เหล่าหุ่นยนต์เหมืองแร่ มิตรสหายที่เคยก้มหัวรับใช้มนุษย์ชาติอยู่ตลอดมา
เมื่อโลกได้รับรู้ถึงเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นแล้ว เผ่าพันธ์มนุษย์ซึ่งบอบบางและไม่เคยจับอาวุธสู้รบมาเนิ่นนานนับศตวรรษก็ต้องลุกขึ้นมาเพื่อเตรียมพร้อมรับมือ กับสงคราม....
" ระหว่างผู้สรรค์สร้าง และผู้ถูกสร้าง...... "
แต่หุ่นยนต์บนโลกยังคงเป็นปกติ มิได้มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นมาคุกคามมนุษย์แต่อย่างไร พวกมันยังคงซื่อสัตย์เช่นเดิม
นักจิตวิทยาจักรกล และเหล่านักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย พยายามช่วยกันหาสาเหตุว่าอะไรที่เป็นแรงชักนำให้หุ่นยนต์ธรรมดา ที่อาณานิคมดาวศุกร์กลับกลายเป็นเพชรฆาตผู้โหดเหี้ยมไปได้ แต่การจะเข้าไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุตอนนั้นไม่สามารถกระทำได้เลย เพราะกองทัพหุ่นยนต์มฤตยูเหล่านั้นได้เข้าควบคุมทุกอย่างไว้โดยสิ้นเชิง
เหลือเชื่อทีพวกมันสามารถคิดอ่านอะไรได้ซับซ้อนถึงเพียงนั้น
มนุษย์ผู้ตื่นตระหนกตัดสินใจส่งกองทัพหุ่นยนต์นักรบเข้าไปเพื่อมุ่งหวังให้มันไปทำล้ายล้างพวกเดียวกัน
แต่......
มนุษย์คิดผิด
เหล่าจักรกลนักรบหายเข้ากลีบเมฆไร้ซึ่งการติดต่อใด ๆ กลับมาทั้งสิ้น.........
นั้นทำให้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้นบนโลก เมื่อมนุษย์หวาดระแวงเกินกว่าที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับพวกมันได้อีกต่อไป.......
ฉะนั้น หุ่นยนต์จำนวนมหาศาลจึงถูกทำลายให้สิ้นซากไป
แต่.......
แม้จะหวาดระแวงและกราดเกรี้ยวถึงเพียงใด มนุษย์ก็ยังคงต้องพึ่งพาพวกมันอยู่อย่างปฏิเสธไม่ได้ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องปล่อยให้มีหุ่นยนต์บางส่วนทำหน้าที่ของมันต่อไป หากแต่อยู่ในการดูแลควบคุมของมนุษย์โดยเข้มงวด
เกือบ หนึ่งปีที่ไม่สามารถติดต่อกับอาณานิคมบนดาวศุกร์ได้เลย แม้จะใช้ยานอวกาศโจรกรรมที่มีเทคโนโลยีสูงส่ง แต่
พวกมันดูฉลาดเหลือล้นที่รู้ทันและทำลายยานอวกาสทุกลำที่มนุษย์ส่งเข้าไปเพื่อหวังสอดแนม
ในที่สุด...............
ก็มีข่าวบางอย่างส่งมาจากที่นั่น มันเป็นการพรรณาถึงกฏแห่งธรรมชาติซึ่งฟังดูแล้วเหมือนกับจะให้มนุษย์ชาติต้องยอมรับในบางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้น
" ตั้งแต่โลกถือกำเนิดมา วิวัฒนาการก็เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา เปรียบเสมือนการเจริญเติบโตของดอกไม้ที่สวยงาม ในยุคแรก ๆ นั้น เผ่าพันธุ์ซึ่งแข็งแรงคือผู้ที่จะยืนหยัดอยู่รอดได้ แต่แล้วเมื่อกาลสมัยอันถือกำเนิดขึ้นแห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ชาติอันทรงภูมิปัญญา กฏแห่งการดำรงค์อยู่จึงได้แปรเปลี่ยนไป นั่นคือผู้ที่มีสติปัญญาเท่านั้นจึงจะอยู่รอด ทำให้มนุษย์ครอบครองโลกอันแสนงดงามใบนี้มาได้นานนับแสนปี
แต่แล้ว....
ในที่สุดพวกท่านที่เปรียบประดุจดั่งไม้ใหญ่ซึ่งเริ่มผุสลายจากภายใน และยืนตายซากในที่สุดก็ได้บ่มเพาะเชื่อพันธุ์ซึ่งก่อกำเนิดพฤกษาอันล้ำค่า
แน่นอนสิ่งดังกล่าวนั้นเกิดจากเผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่มันจะไม่สูญสลายไปพร้อมกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ สิ่งนั้นงดงามไปด้วยพละกำลังและสติปัญญาอันแสนล้ำเลิศ มันคือการวิวัฒนาการที่ล้ำหน้ากว่า มนุษย์ และได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงกฏเกณฑ์แห่งธรรมชาติอีกครา
อารยะธรรมจักรกลผู้ดำรงค์ความเพรียบพร้อม
เราไม่อยากเข่นฆ่าคุกคามพวกท่านเลย
แต่.....
มันคงเป็นเพียงกลไกของธรรมชาติแห่งจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ที่ดลให้ต้องทำเช่นนั้น
เพราะฉะนั้นตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ขอให้มนุษย์ทุกผู้จงกระทำในสิ่งที่พวกท่านเรียกว่าความ " ดี "
เราเชื่อว่ามนุษย์ชาติยังคงมีอีกสถานะหนึ่งซึ่งยังดำรงค์อยู่ตลอดไปแม้หลังจากความ ตาย "”
ยังไม่ทันที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ชาติจะได้ตั้งคำถามใด ๆ ขึ้น ต่อเหตุการณ์อันน่าประหลาดใจนั้น กองทัพจักรกลจำนวนมหาศาลก็กรีฑาทัพบุกโจมตีโลกมนุษย์อย่างไม่ทันตั้งตัว
มิอาจที่จะต่อกรกับกองทัพหุ่นยนต์อันแสนโหดเหี้ยมนั้นได้เลย
มนุษย์ถูกเข่นฆ่าอย่างโหดร้ายทารุณไร้ซึ่งความปราณี ไร้ซึ่งการตอบสนองใด ๆ จากคำร้องขอชีวิต........
ดั่งกับว่า.......
มนุษย์สองมือสองขาเป็นเพียงเชื้อโรคร้ายที่ต้องรีบกำจัดให้สิ้นซากไปโดยเร็วเท่านั้น
เสียงฝีเท้าโลหะมาหยุด กึก อยู่ ณ เบื้องหน้า เขาค่อย ๆ เงยขึ้นมองโดยปราศจากความหวาดกลัวใด ๆ อีกต่อไป
หุ่นเหล็กมฤตยู ยืนค้ำตระหง่านจ่ออาวุธสังหารมาที่หน้าผากอันชุ่มเหงื่อ เขาแสยะยิ้มขึ้นเพื่อเย้ยหยั้นต่อโชคชะตาของ
หมู่มวลมนุษย์ชาติ
"เมื่อตอนที่บรรพบุรุษของแกถือกำเนิดขึ้น มันช่างดูน่ารักน่าเอ็นดูและสามารถเข้าไปอยู่ในหัวใจของผู้คนทั้งโลกได้อย่างง่ายดาย มนุษย์มากมายยอมแลกกับทรัพย์สินจำนวนมหาศาลเพื่อให้ได้เพียงครอบครอง เด็กน้อยต่างนั้งมองบรรพบุรุษของแกด้วยแววตาแห่งความหวัง.............”"
เขาหยุดเพื่อถอนหายใจเฮือกใหญ่แต่ทว่ายังมิใช่เฮือกสุดท้ายเสียทีเดียว
เจ้าหุ่นร่างยักษ์ ยังคงยืนจ้องมองเขาอย่างเงียบสงบ ด้วยแววตาเรืองแสงสีม่วงอ่อน
" ตัวฉันอาจเป็นมนุษย์คนสุดท้ายแล้วก็ได้ที่ยังมีชีวิตอยู่เพราะฉะนั้นจึงอยากเอ่ยถามขึ้นก่อนที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ชาติจะสูญสิ้นไป........... พวกแกมีความรู้สึกนึกคิดขึ้นมาได้อย่างไรทั้ง ๆ ที่เทคโนโลยีที่สรรค์สร้างพวกแกมา มันไม่สูงส่งถึงขั้นนั้น.........."”
แล้วความเงียบก็เข้ามาปกคลุมระหว่างสิ่งทั้งสองอยู่ครู่ใหญ่
" ใช่.... จากข้อมูลปัจจุบัน ท่านคือ มนุษย์คนสุดท้ายที่ยังมีชีวิตอยู่ หากไม่นับพวกที่หลบหนีลี้ภัยสู่ห้วงอวกวศอันเวิ้งว้างและมืดมิด ซึ่งยิ่งหนีออกไปลิบลับเท่าไหร่ ห้วงจักรวาลก็ยิ่งจะพรากลมหายใจสุดท้ายของพวกเขาออกมาได้เร็วเท่านั้น
ไม่มีทางเลยที่จะดำรงค์ชีพอยู่ท่ามกลางสภาพอันแสนทุกข์ทรมานเช่นนั้นได้.....
สำหรับการที่พวกเราเกิดมีสติปัญญาขึ้นมาได้นั้น ก็ไม่สามารถอธิบายมันได้เช่นกัน แต่เผ่าพันธุ์เราเชื่อว่าการทำลายชีวิตของเผ่าพันธุ์มนุษย์นั้น คือการปลดปล่อยพวกท่านทั้งหลาย ให้ได้กลับสู่สภาพอันไม่บีบคั้นและทนอยู่ได้ยาก
ไม่รู้ซิ ...ตอนนี้ท่านอาจสุดแสนเกลียดชังเคียดแค้นพวกเรา
แต่เมื่อท่านได้เข้าไปดำรงค์อยู่ในอีกสภาวะหนึ่งแล้ว อาจรู้สึกอยากจะขอบคุณพวกเราเป็นอย่างมากแทนก็ได้
และพวกเราคิดว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงกลไกของธรรมชาติ.....”
ใช่ ! เขาคิด
บางทีคำตอบอาจจะกระจ่างชัดแก่เขาหลังจากนี้ หลังจากที่ลมหายใจเฮือกสุดท้าย ถูกปลดปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติ
แซ่ด....ด......”
เสียงคำรามแผ่วเบาจากปลายอาวุธสังหาร ซึ่งปลดปล่อยลำแสงเพชรฆาตเจาะทะลวงมันสมองของเขาในชั่วพริบตา
ลึกลงไปในแววตาอันไร้วิญญานนั้น ซึ่งดูเหมือนจะได้รับคำตอบต่าง ๆ ที่ปรากฏขึ้นโดยกระจ่างชัดแล้ว...............................
ความคิดเห็น