ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : การเกิดของพญายมราช นายนิรบาล ยมบาล ยมทูต
นิรยบาลแปลว่าผู้คุมนรก หรือผู้ลงโทษสัตว์นรกตามโทษทัณฑ์ของสัตว์นรกประเภทหนึ่งๆ อย่างกรณีสัตว์นรกในกรรมพยากรณ์เป็นพวกหากินกับความเดือดร้อนของผู้หญิง ก็ต้องไปนอนรับความทรมานบนเตียงร้อนที่มีผู้ลงโทษเป็นนักข่มขืน สรุปคือคำตอบสำหรับคำถามแรกคือใช่ครับ
สภาพแวดล้อมในนรกนั้นเกิดจากการเนรมิตของกรรม ส่วนนายหรือนางนิรยบาลเป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง ซึ่งมีกรรมแต่หนหลังบันดาลร่างและใจขึ้นทำหน้าที่ลงทัณฑ์สัตว์อื่นๆในนรก อย่างไรก็ตามจะมีเปรตหรือสัตว์นรกบางประเภทที่หลงเห็นภาพหลอน เหมือนใครหรือสัตว์อะไรมาทำร้ายตลอดเวลา ภาพหลอนไม่จัดเป็นนิรยบาล แต่เป็นวิบากชนิดหลอนจิต ทำนองเดียวกับโรคจิตหลอนบนโลกมนุษย์ แต่น่าสะพรึงกลัวกว่า ทุกข์ทรมานยืดเยื้อยิ่งกว่า
มูลบันดาลให้ไปเกิดเป็นนิรยบาลได้แก่ความเกลียดชัง ความอาฆาต และความกระเหี้ยนกระหือรืออยากลงโทษผู้อื่น มนุษย์ที่มีมูลบันดาลเหล่านี้ ได้แก่พวกผู้คุมนักโทษ พระราชาผู้ชื่นชอบการชมนักโทษถูกทรมานต่อหน้าต่อตา ไทยมุงนักรุมประชาทัณฑ์ ครูที่ชอบตีเด็กแรงอย่างไม่สมเหตุสมผล ตลอดจนกระทั่งผู้มีความผูกใจอยากจองเวร เช่นแค่ได้ข่าวหญิงถูกโทรมแล้วนึกพยาบาท สาปส่งพวกนักข่มขืนไปลงนรก หรือขนาดออกปากอยากทำทารุณเจ้าพวกชั่วทั้งโลก อะไรทำนองนั้น แรงปรารถนาอันกลั้วด้วยความเกลียดชังจะให้อำนาจการลงโทษผู้กระทำผิดแก่เขาหลังแตกดับจากความเป็นมนุษย์ไปแล้ว เขาได้ทำหน้าที่สมใจโดยง่าย เพราะนรกต้องการพนักงานจำนวนมาก ไม่จำกัดว่าต้องเป็นสาวสวยหรือหนุ่มหล่อแต่อย่างใด
ข้อแม้ประการหนึ่งคือพวกนิรยบาลต้องไม่เคยก่อกรรมชั่วแรงขนาดถูกทรมานแบบสัตว์นรก หรือไม่ก็หลุดจากสภาพของสัตว์นรกขุมอื่นมาแล้ว แต่กระนั้นก็ต้องปะปนอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนรก ไม่ใช่กดปุ่มลงหอกลงดาบมาจากห้องแอร์
ความยาวนานของอายุนิรยบาลจะแปรผันตามน้ำหนักความเกลียด ความอาฆาต และความอยากลงโทษ รวมทั้งกรรมที่ทำมา เช่นแม้ผู้คุมนักโทษจะมองว่าตนทำหน้าที่ที่สมควรแล้ว ซึ่งอันนั้นก็จริงอยู่ แต่อย่างไรความยินดีในการลงโทษก็ผูกให้ผู้คุมติดอยู่กับภพของนักลงโทษยาวนานไปด้วย แตกต่างจากผู้ไม่ยินดีในการลงโทษ ซึ่งจะเสวยภพของนักลงโทษเพียงประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้น
บอกแถมไว้เผื่อสำหรับคนที่เคยเจอในตำรานะครับ มีตำราที่บอกไว้ว่านิรยบาลเกิดจากการเคยเป็นนักล่าสัตว์ อันนี้ขออธิบายขยายความสักเล็กน้อย จริงๆแล้ววิบากของการติดใจเป็นพรานล่าสัตว์ย่อมไปเกิดเป็นสัตว์ที่ถูกล่าบ้าง อาจจะในเดรัจฉานภูมิหรือในนรกภูมิ เมื่อพ้นจากบ่วงกรรมนั้นแล้ว อาศัยบุญเก่าบางอย่างเช่นเคยปกครองคนให้อยู่ในกรอบวินัย เมื่อมาผนวกกับความติดใจและย่ามใจในการเห็นสัตว์วิ่งหนีการไล่ล่าของตนอย่างหัวซุกหัวซุน ก็จะบันดาลสภาพนิรยบาลให้ปรากฏ และเป็นพวกลงโทษสัตว์นรกที่ต้องเสวยวิบากประเภทต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนด้วยความตื่นตระหนกตกใจเป็นนิตย์
การทำหน้าที่นิรยบาลไม่ถือเป็นการก่อกรรมใหม่ เพราะภพแห่งนิรยบาลเป็นวิบากอยู่แล้ว เขากำลังเสวยกรรมอันสมควรแก่ตน หรืออีกนัยหนึ่งเขาได้รับทัณฑ์อันสมควรแก่โทษานุโทษอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อหลุดจากภพของนิรยบาล เขาจะยังมีความติดใจในความเป็นผู้ลงโทษอยู่ ถ้าเป็นครูก็จะชอบตีเด็ก ถ้าเป็นนายก็ชอบลงโทษบ่าว ถ้าเป็นเมียก็ชอบทรมานผัว หรือถ้ากำลังจะเลือกอาชีพ เห็นผู้คุมนักโทษเข้าก็ต้องเกิดแรงบันดาลใจ กระเหี้ยนกระหือรือด้วยความคิดว่าสนุกดี เดี๋ยวจะได้เป็นฝ่ายทุบตีชาวคุก อะไรทำนองนั้น
หากติดใจอยู่กับความเป็นนักลงโทษไม่เลิก ก็ต้องเวียนกลับไปเป็นนิรยบาลอีก นิรยบาลถึงได้เกลื่อนนรกไม่ขาดสายไงครับ ตัวเก่าไป ตัวใหม่มา ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนในปริมาณที่พอดีกันกับสัตว์นรกนั่นเอง
สภาพแวดล้อมในนรกนั้นเกิดจากการเนรมิตของกรรม ส่วนนายหรือนางนิรยบาลเป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง ซึ่งมีกรรมแต่หนหลังบันดาลร่างและใจขึ้นทำหน้าที่ลงทัณฑ์สัตว์อื่นๆในนรก อย่างไรก็ตามจะมีเปรตหรือสัตว์นรกบางประเภทที่หลงเห็นภาพหลอน เหมือนใครหรือสัตว์อะไรมาทำร้ายตลอดเวลา ภาพหลอนไม่จัดเป็นนิรยบาล แต่เป็นวิบากชนิดหลอนจิต ทำนองเดียวกับโรคจิตหลอนบนโลกมนุษย์ แต่น่าสะพรึงกลัวกว่า ทุกข์ทรมานยืดเยื้อยิ่งกว่า
มูลบันดาลให้ไปเกิดเป็นนิรยบาลได้แก่ความเกลียดชัง ความอาฆาต และความกระเหี้ยนกระหือรืออยากลงโทษผู้อื่น มนุษย์ที่มีมูลบันดาลเหล่านี้ ได้แก่พวกผู้คุมนักโทษ พระราชาผู้ชื่นชอบการชมนักโทษถูกทรมานต่อหน้าต่อตา ไทยมุงนักรุมประชาทัณฑ์ ครูที่ชอบตีเด็กแรงอย่างไม่สมเหตุสมผล ตลอดจนกระทั่งผู้มีความผูกใจอยากจองเวร เช่นแค่ได้ข่าวหญิงถูกโทรมแล้วนึกพยาบาท สาปส่งพวกนักข่มขืนไปลงนรก หรือขนาดออกปากอยากทำทารุณเจ้าพวกชั่วทั้งโลก อะไรทำนองนั้น แรงปรารถนาอันกลั้วด้วยความเกลียดชังจะให้อำนาจการลงโทษผู้กระทำผิดแก่เขาหลังแตกดับจากความเป็นมนุษย์ไปแล้ว เขาได้ทำหน้าที่สมใจโดยง่าย เพราะนรกต้องการพนักงานจำนวนมาก ไม่จำกัดว่าต้องเป็นสาวสวยหรือหนุ่มหล่อแต่อย่างใด
ข้อแม้ประการหนึ่งคือพวกนิรยบาลต้องไม่เคยก่อกรรมชั่วแรงขนาดถูกทรมานแบบสัตว์นรก หรือไม่ก็หลุดจากสภาพของสัตว์นรกขุมอื่นมาแล้ว แต่กระนั้นก็ต้องปะปนอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนรก ไม่ใช่กดปุ่มลงหอกลงดาบมาจากห้องแอร์
ความยาวนานของอายุนิรยบาลจะแปรผันตามน้ำหนักความเกลียด ความอาฆาต และความอยากลงโทษ รวมทั้งกรรมที่ทำมา เช่นแม้ผู้คุมนักโทษจะมองว่าตนทำหน้าที่ที่สมควรแล้ว ซึ่งอันนั้นก็จริงอยู่ แต่อย่างไรความยินดีในการลงโทษก็ผูกให้ผู้คุมติดอยู่กับภพของนักลงโทษยาวนานไปด้วย แตกต่างจากผู้ไม่ยินดีในการลงโทษ ซึ่งจะเสวยภพของนักลงโทษเพียงประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้น
บอกแถมไว้เผื่อสำหรับคนที่เคยเจอในตำรานะครับ มีตำราที่บอกไว้ว่านิรยบาลเกิดจากการเคยเป็นนักล่าสัตว์ อันนี้ขออธิบายขยายความสักเล็กน้อย จริงๆแล้ววิบากของการติดใจเป็นพรานล่าสัตว์ย่อมไปเกิดเป็นสัตว์ที่ถูกล่าบ้าง อาจจะในเดรัจฉานภูมิหรือในนรกภูมิ เมื่อพ้นจากบ่วงกรรมนั้นแล้ว อาศัยบุญเก่าบางอย่างเช่นเคยปกครองคนให้อยู่ในกรอบวินัย เมื่อมาผนวกกับความติดใจและย่ามใจในการเห็นสัตว์วิ่งหนีการไล่ล่าของตนอย่างหัวซุกหัวซุน ก็จะบันดาลสภาพนิรยบาลให้ปรากฏ และเป็นพวกลงโทษสัตว์นรกที่ต้องเสวยวิบากประเภทต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนด้วยความตื่นตระหนกตกใจเป็นนิตย์
การทำหน้าที่นิรยบาลไม่ถือเป็นการก่อกรรมใหม่ เพราะภพแห่งนิรยบาลเป็นวิบากอยู่แล้ว เขากำลังเสวยกรรมอันสมควรแก่ตน หรืออีกนัยหนึ่งเขาได้รับทัณฑ์อันสมควรแก่โทษานุโทษอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อหลุดจากภพของนิรยบาล เขาจะยังมีความติดใจในความเป็นผู้ลงโทษอยู่ ถ้าเป็นครูก็จะชอบตีเด็ก ถ้าเป็นนายก็ชอบลงโทษบ่าว ถ้าเป็นเมียก็ชอบทรมานผัว หรือถ้ากำลังจะเลือกอาชีพ เห็นผู้คุมนักโทษเข้าก็ต้องเกิดแรงบันดาลใจ กระเหี้ยนกระหือรือด้วยความคิดว่าสนุกดี เดี๋ยวจะได้เป็นฝ่ายทุบตีชาวคุก อะไรทำนองนั้น
หากติดใจอยู่กับความเป็นนักลงโทษไม่เลิก ก็ต้องเวียนกลับไปเป็นนิรยบาลอีก นิรยบาลถึงได้เกลื่อนนรกไม่ขาดสายไงครับ ตัวเก่าไป ตัวใหม่มา ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนในปริมาณที่พอดีกันกับสัตว์นรกนั่นเอง
พระยายมราช ท่านเป็นเทวดาครับ แต่ท่านก็มีหน้าที่พิเศษในการตัดสินบุญ-บาปสัตว์นรกครับ รู้สึกว่าถ้าสัตว์นรกบอกบุญที่ตัวเองทำได้เมื่อไหร่ ท่านก็ช่วยทันทีเลย นี่เป็นความใจดีของท่านครับ
ลองดูการตัดสินของท่านนะครับว่าเป็นอย่างไรบ้าง
"พระยายมท่านก็หันไปถามนายบัญชีว่า คนนี้มีโทษอะไรบ้างในการทำความผิดในสมัยที่เป็นมนุษย์นายบัญชีก็เปิดบัญชีดู แล้วก็รายงานความผิด คือการทำชั่วในสมัยที่เป็นมนุษย์ของคนนั้น แล้วพระยายมก็ถามเขาว่าทำความชั่วอย่างนั้นจริงไหม เรื่องของเมืองผี เวลาเขาชำระคดีไม่ต้องหาพยาน ผีไม่สับปลับเหมือนคน คนเรานี่หน้าตาดีๆ นะ แต่ความจริง ความจริงใจนี่นะอาจจะหาไม่ได้สำหรับคนที่มีหน้าตาสวยแล้วก็มีฐานะดี แต่เมืองผีไม่เป็นยังงั้น เมืองผีไม่มีอะไรโกหกกัน เมืองผีไม่มีอะไรปกปิดกัน สิ่งใดจริงเขาก็รับว่าจริง สิ่งใดไม่จริงเขาก็รับว่าไม่จริง สมมุติว่าท่านพระยายมถามถึงความโหดร้ายต่างๆ ต้องรับทุกอย่าง เรื่องนั้นจริงเจ้าค่ะ เรื่องจริง จริงขอรับ รับจริงหมดทุกข้อ เรียกว่าความผิดที่ปรากฏในบัญชีนี่รับหมดทุกข้อ ไม่มีการปฏิเสธ"
"ในเมื่อคนใดก็ตามที่เข้าไปในสำนักของพระยายม เมื่อนายบัญชีกล่าวโทษโจทย์ตามความผิดที่แล้วมา เมื่อจบลงไปแล้ว แล้วก็สัตว์นรก คือคนที่ตายไปแล้วรับไปตามความเป็นจริง ตอนนี้พระยายมยังไม่สั่งตัดสิน ยังไม่ลงโทษตามกฎของนรก กลับย้อนถามถึงความดีว่าท่านเคยอยู่ในเมืองมนุษย์น่ะ เคยให้ทานไหม เคยรักษาศีลไหม เคยไปฟังเทศน์ไหม เคยเจริญสมถกรรมฐานบ้างไหม ความจริงท่านถามยาว ถามทีละข้อๆ สมมุติว่าเคยให้ทานแก่สัตว์เดียรัจฉานบ้างไหม เคยให้ทานแก่คนยากจนเข็ญใจบ้างไหม เคยช่วยสงเคราะห์ทำกิจการงานต่างๆ กับเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงบ้างไหม เคยทำงานเป็นส่วนสาธารณประโยชน์บ้างไหม เคยช่วยเขาสร้างวัดสร้างวาอารามบ้างไหม ใครเขาไปบอกบุญเรี่ยไร เคยทำบุญมาบ้างไหม เคยรักษาศีลบ้างไหม เคยฟังเทศน์ไหม เคยเจริญสมถกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน เคยบูชาพระ เคยไหว้พระ เคยไหว้พ่อไหว้แม่ด้วยความเคารพบ้างไหม อย่างนี้เป็นต้น เรียกว่าความดีทุกอย่างที่จัดว่าเป็นบุญที่พระพุทธเจ้าทรงสอน พระยายมนำหัวข้อมาถามนำ ถ้าถามแล้ว คนที่ตายไปนั้นเรียกว่าสัตว์นรกเขายังไม่ตอบเขายังนิ่งอยู่ ท่านก็ปล่อยให้คิดสักประเดี๋ยวหนึ่ง แล้วก็ย้อนถามขึ้นต้นใหม่ รวมความว่าถามกัน ๓ รอบ ค่อยๆ ถามจี้จุดทีละจุด แต่ว่าท่านคนใดที่ถูกสอบสวนปรากฏไม่มีเลย นึกไม่ออก เมื่อนึกไม่ออกแล้ว ท่านก็จะบอกว่า นี่เสียใจเหลือเกินนะ ที่ความดีที่ทำไว้นึกไม่ถึง จิตของเธอเวลาจะตายเวลาจะมาที่นี่จิตน้อมไปส่วนอกุศลมาก ก็เห็นจะต้องเป็นไปตามกฎของกรรม ท่านก็ว่าอย่างนั้น ท่านก็บอกว่า เอ้าถ้ายังงั้น ถ้านึกถึงความดีที่ทำไม่ได้ละก้อเป็นไปตามกฎของกรรม แล้วต่อจากนั้นไปนายนิริยบาลผีรักษานรกก็นำลงนรกไป ไปที่ทะเลเพลิง ไปตามอำนาจความผิด"
"สมมุติว่าบังเอิญที่เขาถามถึงความผิด สัตว์นรกรับหมด แต่ว่าถามถึงความดี พอถามถึงความดีเข้า บังเอิญสัตว์นรกคนใดคนหนึ่งก็ตามนึกถึงความดีอย่างใดอย่างหนึ่งได้ สมมุติว่าเขาถามว่าเคยปล่อยสัตว์ที่มันจะถึงความตายบ้างไหม ให้มันรอดจากความตาย ถ้าคนนั้นนึกขึ้นมาได้ว่าเคยปล่อยคำเดียวเท่านี้แหละ โทษกรรมใหญ่ๆ ที่เคยทำมาแล้วทั้งหมดพระยายมบอกว่างดไว้ก่อน ขอให้งดไว้ก่อน นี่ความดีของเขายังมีอยู่ ให้ไปรับผลของความดีก่อน เห็นไหม น้ำใจของพระยายม น้ำใจของเจ้าหน้าที่ในสำนักของพระยายม ไม่ใช่น้ำใจของสัตว์นรก เป็นน้ำใจของพรหม พระยายมก็ดี นายบัญชีก็ดี เทวดาผู้เป็นหัวหน้าติดตามคนก็ตาม มีน้ำใจเต็มไปด้วยพรหมวิหารสี่"
ลองดูการตัดสินของท่านนะครับว่าเป็นอย่างไรบ้าง
"พระยายมท่านก็หันไปถามนายบัญชีว่า คนนี้มีโทษอะไรบ้างในการทำความผิดในสมัยที่เป็นมนุษย์นายบัญชีก็เปิดบัญชีดู แล้วก็รายงานความผิด คือการทำชั่วในสมัยที่เป็นมนุษย์ของคนนั้น แล้วพระยายมก็ถามเขาว่าทำความชั่วอย่างนั้นจริงไหม เรื่องของเมืองผี เวลาเขาชำระคดีไม่ต้องหาพยาน ผีไม่สับปลับเหมือนคน คนเรานี่หน้าตาดีๆ นะ แต่ความจริง ความจริงใจนี่นะอาจจะหาไม่ได้สำหรับคนที่มีหน้าตาสวยแล้วก็มีฐานะดี แต่เมืองผีไม่เป็นยังงั้น เมืองผีไม่มีอะไรโกหกกัน เมืองผีไม่มีอะไรปกปิดกัน สิ่งใดจริงเขาก็รับว่าจริง สิ่งใดไม่จริงเขาก็รับว่าไม่จริง สมมุติว่าท่านพระยายมถามถึงความโหดร้ายต่างๆ ต้องรับทุกอย่าง เรื่องนั้นจริงเจ้าค่ะ เรื่องจริง จริงขอรับ รับจริงหมดทุกข้อ เรียกว่าความผิดที่ปรากฏในบัญชีนี่รับหมดทุกข้อ ไม่มีการปฏิเสธ"
"ในเมื่อคนใดก็ตามที่เข้าไปในสำนักของพระยายม เมื่อนายบัญชีกล่าวโทษโจทย์ตามความผิดที่แล้วมา เมื่อจบลงไปแล้ว แล้วก็สัตว์นรก คือคนที่ตายไปแล้วรับไปตามความเป็นจริง ตอนนี้พระยายมยังไม่สั่งตัดสิน ยังไม่ลงโทษตามกฎของนรก กลับย้อนถามถึงความดีว่าท่านเคยอยู่ในเมืองมนุษย์น่ะ เคยให้ทานไหม เคยรักษาศีลไหม เคยไปฟังเทศน์ไหม เคยเจริญสมถกรรมฐานบ้างไหม ความจริงท่านถามยาว ถามทีละข้อๆ สมมุติว่าเคยให้ทานแก่สัตว์เดียรัจฉานบ้างไหม เคยให้ทานแก่คนยากจนเข็ญใจบ้างไหม เคยช่วยสงเคราะห์ทำกิจการงานต่างๆ กับเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงบ้างไหม เคยทำงานเป็นส่วนสาธารณประโยชน์บ้างไหม เคยช่วยเขาสร้างวัดสร้างวาอารามบ้างไหม ใครเขาไปบอกบุญเรี่ยไร เคยทำบุญมาบ้างไหม เคยรักษาศีลบ้างไหม เคยฟังเทศน์ไหม เคยเจริญสมถกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน เคยบูชาพระ เคยไหว้พระ เคยไหว้พ่อไหว้แม่ด้วยความเคารพบ้างไหม อย่างนี้เป็นต้น เรียกว่าความดีทุกอย่างที่จัดว่าเป็นบุญที่พระพุทธเจ้าทรงสอน พระยายมนำหัวข้อมาถามนำ ถ้าถามแล้ว คนที่ตายไปนั้นเรียกว่าสัตว์นรกเขายังไม่ตอบเขายังนิ่งอยู่ ท่านก็ปล่อยให้คิดสักประเดี๋ยวหนึ่ง แล้วก็ย้อนถามขึ้นต้นใหม่ รวมความว่าถามกัน ๓ รอบ ค่อยๆ ถามจี้จุดทีละจุด แต่ว่าท่านคนใดที่ถูกสอบสวนปรากฏไม่มีเลย นึกไม่ออก เมื่อนึกไม่ออกแล้ว ท่านก็จะบอกว่า นี่เสียใจเหลือเกินนะ ที่ความดีที่ทำไว้นึกไม่ถึง จิตของเธอเวลาจะตายเวลาจะมาที่นี่จิตน้อมไปส่วนอกุศลมาก ก็เห็นจะต้องเป็นไปตามกฎของกรรม ท่านก็ว่าอย่างนั้น ท่านก็บอกว่า เอ้าถ้ายังงั้น ถ้านึกถึงความดีที่ทำไม่ได้ละก้อเป็นไปตามกฎของกรรม แล้วต่อจากนั้นไปนายนิริยบาลผีรักษานรกก็นำลงนรกไป ไปที่ทะเลเพลิง ไปตามอำนาจความผิด"
"สมมุติว่าบังเอิญที่เขาถามถึงความผิด สัตว์นรกรับหมด แต่ว่าถามถึงความดี พอถามถึงความดีเข้า บังเอิญสัตว์นรกคนใดคนหนึ่งก็ตามนึกถึงความดีอย่างใดอย่างหนึ่งได้ สมมุติว่าเขาถามว่าเคยปล่อยสัตว์ที่มันจะถึงความตายบ้างไหม ให้มันรอดจากความตาย ถ้าคนนั้นนึกขึ้นมาได้ว่าเคยปล่อยคำเดียวเท่านี้แหละ โทษกรรมใหญ่ๆ ที่เคยทำมาแล้วทั้งหมดพระยายมบอกว่างดไว้ก่อน ขอให้งดไว้ก่อน นี่ความดีของเขายังมีอยู่ ให้ไปรับผลของความดีก่อน เห็นไหม น้ำใจของพระยายม น้ำใจของเจ้าหน้าที่ในสำนักของพระยายม ไม่ใช่น้ำใจของสัตว์นรก เป็นน้ำใจของพรหม พระยายมก็ดี นายบัญชีก็ดี เทวดาผู้เป็นหัวหน้าติดตามคนก็ตาม มีน้ำใจเต็มไปด้วยพรหมวิหารสี่"
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น