คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : การทะเลาะกันของเด็กๆ
“ เดี๋ยวก่อน ! เรเวียร์ รอด้วยสิ แฮกๆๆ”
เสียงตะโกนดังขึ้น ส่งผลให้ถูกเรียกชะลอฝีเท้าและหันกลับไปมองผู้ที่ส่งเสียงเรียกนั้นเป็นเพียงเด็กผู้ชายอายุประมาณ 16-17 ปี รูปร่างสูงโปร่ง ผิวที่ขาวละเอียดนั้น มีสีชมพูระเรื่อจนเกือบแดงแต่งแต้มที่แกมบ่งบอกว่าคงจะเพิ่งผ่านการออกกำลังอย่างหนักมาเมื่อไม่นานนี้ ผมสั้นสีน้ำตาลปนทองยิ่งทอประกายยามต้องแสงแดด ยังผลให้ใบหน้าได้รูปนั้นแลดูหล่อเหลามากยิ่งขึ้น ตาสีฟ้าน้ำทะเลยังมีเค้าของความเหน็ดเหนื่อย เด็กหนุ่มล้มตัวลงนอนแผ่บนพื้นหญ้าที่อ่อนนุ่ม พลางบ่นขึ้นด้วยน้ำเสียงแสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวกำลังหงุดหงิดเหนื่อยแบบสุดขีด
“เรเวียร์ ทำไมเจ้าถึงอึดขนาดนี้ วิ่งมาตั้งไกล ข้าไม่กลับเห็นเจ้าจะเหนื่อยเลย ทั้งที่เราเป็นแฝดกันแท้ๆนะ ”
ผู้ถูกพาดพิง ยิ้มพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงขบขันปนเย้าแหย่ “เจ้ามันอ่อนแอเกินไปต่างหาก แค่วิ่งตามข้าหน่อยก็เหนื่อยแล้ว เป็นผู้ชายหรือปล่าวเนี่ย ”
“เจ้าต่างหากล่ะที่แปลก ทั้งที่เป็นผู้หญิงแท้ๆ แต่กลับแข็งแรงเกินชาย ไม่ว่าฟันดาบ ยิงธนู ขอแค่เป็นงานใช้กำลังล่ะก็เจ้าถนัดไปหมด จนจะไม่มีผู้ชายคนไหนกล้าเข้าใกล้เจ้าแล้วนะตอนนี้ ” เด็กหนุ่มพูดอย่างอดไม่ได้
“แหม ข้าแค่แข็งแรงมากกว่าคนอื่นนิดหน่อยเท่านั้น แต่ถ้าเป็นเรื่องใช้สมองนี่ ข้าสู้คงเจ้าไม่ได้หรอก”
“ข้าก็แค่เรียนรู้อะไรได้เร็วกว่าคนอื่นนิดหน่อยนั่นแหละ”เด็กหนุ่มบอกเสียงเรียบ
“เก่งกว่าคนอื่นนิดหน่อยตรงไหน เจ้าน่ะเป็นที่ชื่มชมของบรรดาท่านอาจารย์ทั้งหลาย มีแต่คนพูดว่า จะหาใครปราดเปรื่องเท่าท่านราเวนเป็นไม่มีอีกแล้ว”เด็กสาวอดที่จะค่อนขอดไม่ได้
“โธ่ เจ้าเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าข้าสักเท่าไรนี่”เด็กหนุ่มเอ่ยด้วยความระอาในความดื้อของคนข้างๆ
“แต่ข้าก็ต้องใช้ความพยายามมากกว่าเจ้านี่ เจ้าแค่ฟังท่านอาจารย์พูดครั้งเดียวก็เข้าใจแล้ว ส่วนข้าบางทียังต้องขอให้ท่านอาจารย์อธิบายให้ฟังใหม่ กว่าจะเข้าใจเล่นเอาเหนื่อยเลย”หญิงสาวพูดขึ้นอย่างอิจฉา
“เอาล่ะๆ เราอย่ามาทะเลาะกันด้วยเรื่องนี้เลยน่า รีบกลับกันเถอะ เดี๋ยวท่านพ่อ ท่านแม่จะเป็นห่วงแล้วสั่งให้คน มาตามหาพวกเราอีก” เด็กหนุ่มรีบตัดบทเมื่อเห็นว่าเรื่องชักจะบานปลาย
“ใครมันจะกล้ามาตามพวกเรากัน นอกจากเจ้านายพลเว่อร์นั่นน่ะ”
“เขาชื่อนายพลเวอร์เลนท์ เจ้านี่ชอบเปลี่ยนชื่อคนอื่นอยู่เรื่อย”เด็กหนุ่มยิ้มขำ
“ก็เขาชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่อยู่เรื่อยนี่หน่า แค่มาตามข้ากลับแค่เนี้ยถึงกับขนเอาทหารองครักษ์มาทั้งกอง”
เด็กหนุ่มถึงกับหัวเราะเมื่อได้ยินสิ่งที่พี่สาวฝาแฝดบ่น พลางแหย่ “เอ๊ะ แต่ข้าได้ยินมาว่า เมื่อวานก่อนเจ้าก็ทำให้ทหารทั้งกอง (ขอย้ำว่า ทั้งกองจริงๆ) หมอบสนิทเลยนี่ กว่าท่านเวอร์เลนท์จะปราบเจ้าได้น่ะ”
หน้าของหญิงสาวแดงขึ้นด้วยความโกรธเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พลางคิดเข้าข้างตัวเองว่า
หากวันนั้นเธอไม่ประมาท ด้วยฝีมือของนายพลนั่นน่ะหรอจะสามารถพาเธอกลับได้ ก่อนจะรีบพูดขึ้นว่า
“ใครว่าล่ะ ข้าแกล้งยอมแพ้เองต่างหาก ไม่งั้นคนอื่นจะเก็บไปพูดได้ว่าเมืองของเราไร้น้ำยากะอีแค่เจ้าหญิงตัวเล็กๆก็จับไม่ได้”
ทั้งสองยืนเถียงกัน โดยไม่รู้ตัวว่ามีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองทั้งคู่อยู่อย่างเงียบๆ และแล้วเด็กทั้งสองก็ต้องชะงักเมื่อเสียงทุ้มแต่แฝงไว้ด้วยอำนาจบางอย่างที่สะกดผู้ฟังก็ดังขึ้น
“ขอประทานอภัย พะย่ะค่ะ ที่กระหม่อมต้องขัดจังหวะท่านทั้งสองพระองค์ แต่กระหม่อมคิดว่าทั้งสองพระองค์ควรจะกลับได้แล้ว ไม่เช่นนั้นจะไม่ทันเสวยนะพะย่ะค่ะ”
เด็กทั้งสองหันไปตามทางที่เจ้าของเสียงยืนอยู่ ร่างสูงสง่าก้าวออกมา ผู้ที่ปรากฏกายอยู่เบื้องหน้าของเด็กทั้งสอง เป็นชายหนุ่มอายุไม่น่าจะเกิน 20 ปี ดวงหน้าคมเข้ม ผมสั้นสีเงินทอแสงเรืองรอง ตาสีทองนั้นเปล่งประกายระยิบระยับ ผิวสีขาวดั่งหิมะ หากแต่ชุดยาวสีดำปักด้วยเลื่อมสีทองยิ่งส่งให้เจ้าของร่างแลดูสง่างามมากยิ่งขึ้น เด็กหนุ่มร้องขึ้นด้วยความประหลาดใจที่ได้พบกับผู้มาใหม่
“ท่านเวอร์เลนท์ ข้าแปลกใจจริงๆที่ได้เจอกับท่าน ได้ข่าวว่าท่านไปทำงานให้ท่านพ่อที่ต่างเมืองไม่ใช่หรือ”
ในขณะที่ใบหน้าของเด็กสาวซีดเผือดทันทีที่เห็นหน้าคนผู้มาใหม่
เขามาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน และได้ยินอะไรบ้างนะ
ราวกับชายหนุ่มจะอ่านใจเธอออก ริมฝีปากบางขยับยิ้มกล่าวด้วยเสียงทุ้มกังวาน
“ถวายพระพร องค์รัชทายาททั้งสอง กระหม่อมเพิ่งกลับมาถึงเมื่อครู่ และเผอิญเห็นท่านทั้งสองวิ่งมาถึงและเริ่มเถียงกัน ครั้นจะเข้าไปทักก็เห็นจะไม่เป็นการอันควร คร้าน องค์หญิงจะทรงตำหนิกระหม่อมอีก” ชายหนุ่มโค้งคำนับอย่างงดงาม พลางส่งสายตาแหย่เย้ามายังเจ้าหญิงองค์น้อย
บัดนี้เด็กสาวได้รับคำตอบที่ต้องการ หากแต่ใบหน้าที่ขาวอยู่แล้วกลับยิ่งขาวซีดเข้าไปอีก
ถ้างั้นเขาก็ได้ยินทั้งหมดเลยน่ะสิ
พลันใบหน้าขาวก็เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อที่แก้มนวลทั้งสองข้าง พลางพูดขึ้นด้วยเสียงที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังโกรธ “ถ้างั้นแสดงว่าท่านยืนแอบดูพวกข้าคุยกันน่ะสิ”
“ขออภัยพะย่ะค่ะ แต่อย่างที่กระหม่อมบอกได้ไว้แล้วเกรงจะเป็นการไม่ควร ถึงอย่างนั้นกระหม่อมก็ยอมรับว่าการยืนแอบฟังนั้นเป็นการเสียมารยาท” ชายหนุ่มพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด
“ดีแล้วที่ท่านยังรู้สึกตัว งั้นครั้งนี้ข้าจะไม่เอาโทษท่านก็แล้วกัน”เด็กสาวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงพอใจพลางเดินนำเพื่อกลับวัง
“เพียงแต่กระหม่อมไม่เห็นว่าเรื่องที่ท่านทั้งสองเถียงกันนั้นจะสำคัญตรงไหนเลย”
ชายหนุ่มพูดขึ้นอย่างจงใจแกล้งยั่ว และก็ได้ผลเมื่อเด็กสาวหยุดชะงักพร้อมกับส่งสายตากร้าวที่ไม่ว่าใครเห็นเป็นต้องกลัวจนไม่กล้าหันไปมองมาทางชายหนุ่มและพูดขึ้นด้วยเสียงอันดังว่า
“มันจะมากไปแล้วนะ ท่านเวอร์เลนท์ ถึงท่านจะเป็นคนโปรดของท่านพ่อ แต่ยังไงข้าก็เป็นเจ้าหญิง และตราบใดที่ท่านยังอยู่ที่นี่ท่านก็เป็นเพียงหัวหน้าองครักษ์เท่านั้น ขอให้ท่านจำไว้ด้วย”
คนยั่วยังคงยืนยิ้ม และมองสบตาน้ำทะเลที่บัดนี้เขียวจัดคู่นั้นอย่างไม่เกรงกลัว ยิ่งทำให้เจ้าหญิงน้อยโมโหยิ่งขึ้นและคงจะกระโจนไปขย้ำชายตรงหน้าแล้ว ถ้าหากน้องชายฝาแฝดจะไม่รีบเข้ามาดึงเธอเอาไว้ก่อน
“ปล่อยข้านะ ราเวน”
“ไม่ได้หรอกถ้าข้าปล่อยเจ้าก็คงเข้าไปทำร้ายท่านเวอร์เลนท์น่ะสิ” เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบพลางหันไปตำหนิผู้สูงวัยกว่า
“ส่วนท่านเวอร์เลนท์ก็เหมือนกัน ท่านน่ะโตเป็นผู้ใหญ่แล้วยังมัวมาเล่นยั่วโมโหเด็กอยู่ได้ แล้วอีกอย่าง แม้ท่านจะเป็นหัวหน้าองครักษ์ แต่ท่านก็อายุใกล้เคียงและยังสนิทสนมกับพวกข้า เพราะฉะนั้นเวลาพูดกับพวกข้าก็ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรมากนักหรอก”
“เจ้าว่าใครเป็นเด็กกันฮะ”เรเวียร์หันมาถามอย่างเอาเรื่อง
“ราเวนเขาก็ว่าเจ้าอย่างไงเล่า เรเวียร์” ชายหนุ่มตรงหน้ายืนยิ้มขำพลางตอบแทนเขา
ราเวนต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งในการดึงตัวพี่สาวเอาไว้
ก็เธอน่ะแรงเยอะกว่าผู้ชายปกติตั้งหลายเท่า ถ้าหากเขาปล่อยให้เธอทำร้ายท่านเวอร์เลนท์ล่ะก็ ท่านพ่อต้องเอาเขาตายแน่ เพราะฉะนั้นไม่ว่ายังไงก็ต้องหยุดพี่สาวของเขาให้ได้
เด็กหนุ่มรำพึงในใจ แต่เมื่อเหลือบไปมองชายหนุ่มที่ยืนยิ้มอยู่ข้างหน้าก็คิดขึ้นว่า
มันน่าปล่อยให้เรเวียร์จัดการนัก ดูสิยังยืนยิ้มอยู่ได้ถ้าเป็นคนอื่นอยู่ในสถานการณ์แบบนี้คงกลัวจนหัวหดหมดแล้ว ทั่วทั้งอาณาจักรนี้ที่เห็นเรเวียร์โกรธแล้วไม่กลัวก็คงมีแค่ 4 คนคือ ท่านพ่อ ท่านแม่ ตัวเขาเองและ ก็ท่านเวอร์เลนท์เท่านั้นแหละ
“ข้าคิดว่าถึงเวลาที่พวกเจ้าจะกลับได้สักที่แล้วนะ นี่ก็เย็นมากแล้ว ท่านเฟริน่าจะทรงเป็นห่วงเอาได้” จู่ๆชายหนุ่มก็พูดขึ้นด้วยเสียงอันราบเรียบแต่แฝงไว้ด้วยความเฉียบขาด ฉุดความคิดของเด็กหนุ่มที่กำลังเตลิดไปไกลให้กลับมา จากนั้นก็เดินนำทั้งสองกลับไปยังปราสาท พี่สาวของเขานั้นยังคงดื้อดึง แต่ในที่สุดก็ยอมเดินกลับไปโดยดี
ความคิดเห็น