คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 6 :: Who is Tiffany?
Chapter 6 :: Who is Tiffany?
“หายไปไหนของเธอกัน มิยอง เธอกำลังทำให้ฉันคลั่งตายนะ รู้ไหม..”
ร่างเล็กพึมพำอยู่คนเดียว สีหน้าร้อนรนคอยชะเง้อมองหาใครบางคน ท่ามกลางผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาในบริเวณนั้น สลับกับคอยหันหลังไปจดๆจ้องๆป้ายปิดซ่อมแซมบำรุงชั่วคราวอะไรนั่น อดขบคิดไม่ได้ .. มันน่าแปลกนะ ทำไมต้องมาซ่อมอะไรกันตอนนี้ด้วยล่ะ
“ช่วยด้วย!” เสียงร้องแผ่วเบาดังมาจากด้านใน จนแทยอนตกใจแทบสะดุ้ง
“มิยอง..” ภาพของคนที่เธอกำลังตามหาอยู่ลอยเด่นเข้ามาในโสตประสาท เสียงของมิยองแน่นอนไม่ผิดแน่ แต่ก่อนที่ขาเรียวจะก้าวเข้าไปด้านใน ก็มีใครบางคนเข้ามาดักขวางหน้าเธอไว้ซะก่อน
“นี่ ไม่เห็นป้ายหรือไง ว่าข้างในเขาซ่อมแซมอยู่น่ะ” ชายแปลกหน้าสองคนชักสีหน้าดุใส่ ชี้ไปทางป้ายห้ามผ่าน
“ขอโทษค่ะ ฉันกำลังตามหาเพื่อน เธอบอกว่าจะมาเข้าห้องน้ำ” แทยอนพูดด้วยน้ำเสียงที่คิดว่าสุภาพที่สุด
“เพื่อนเธอไม่อยู่ข้างในนี้หรอก เธอก็เห็นป้ายนั่นแล้วนี่”
“แต่เมื่อกี้ ฉันได้ยินเสียงร้องของใครบางคนมาดังจากด้านในนะคะ เสียงนั่นร้องว่าช่วยด้วย” แทยอนแย้งสุดตัว
“นี่มันห้างนะ ไม่ใช่สวนสนุก ใครมันจะมาร้องอะไรแถวนี้ เธอหูฝาดแล้วล่ะ ออกไปจากตรงนี้ซะเถอะ”
ร่างเล็กมองชายแปลกหน้าสองคนอย่างไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่ แต่ก็ยอมเดินออกมาแต่โดยดีทั้งๆที่รู้สึกแปลกๆชอบกล .. พนักงานของห้างก็ไม่ใช่ ทำไมต้องมาห้ามไม่ให้เธอเข้าไปข้างในด้วยนะ อย่างกับข้างในมันจะมีอะไรอย่างนั้นแหละ
หญิงสาวเดินออกมาจนพ้นสายตาของเจ้าสองคนนั่น ที่ตอนนี้ยืนเฝ้าปากทางเข้าออก คอยกันไม่ให้คนเดินเข้าไป .. แทยอนขมวดคิ้วจนแทบจะเป็นปม ข้างในนั่นมันจะต้องมีอะไรแน่ๆ หน้าตาของเจ้าสองคนนั่นก็ดูไม่น่าไว้ใจเอามากๆด้วย เหมือนกับนักโทษร้อยศพเพิ่งแหกคุกออกมาก็ไม่ปาน
แล้วฉันจะเข้าไปข้างในนั่นได้ยังไงล่ะ ในเมื่อมีเจ้าโจรร้อยศพสองคนคอยยืนดักอยู่แบบนั้น
ปรายตามองหาอะไรที่พอช่วยเธอได้ สายตาก็ไปหยุดกับเครื่องเตือนสัญญาณไฟไหม้ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฎอยู่บนใบหน้าอ่อนเยาว์ ไม้อ่อนใช้ไม่ได้ ก็ต้องเล่นด้วยไม้แข็ง
ขอโทษนะคะ คุณเจ้าของห้าง .. ถ้าเกิดเสียหายอะไรขึ้นมา ฉันจะพาเพื่อนมาชดใช้ให้ทีหลังแล้วกัน
“ปล่อยฉันนะ!”
ฮวัง มิยองสะบัดข้อมือที่ถูกเกาะกุม ทว่ามันไม่ได้ผล ชายหนุ่มยิ้มกริ่ม เฝ้ามองชื่นชมเหยื่อของตัวเองด้วยสายตาโลมเลีย ..สภาพใส่เฝือกแบบนี้ จับมือแค่ข้างเดียวก็เอาอยู่แล้ว ไม่ต้องไปคิดว่าจะให้เธอเอาอะไรมาสู้เขาได้เลย ช่างง่ายดายเสียจริงๆ
มือหนากระตุกเพียงนิดเดียวร่างบางก็ถูกดึงเข้ามาแนบชิดกาย หญิงสาวส่งเสียงหวีดร้อง เบี่ยงหน้าหลบหนีด้วยความกลัว ยิ่งทำก็ยิ่งได้ใจ ส่งเสียงร้องและพยายามขัดขืนแบบนี้ล่ะที่เขาชอบ ใบหน้าหื่นกระหายพยายามฝังบริเวณซอกคอขาวๆ แต่อีกฝ่ายก็พยายามหลบเลี่ยง ก่อนจะรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายผลักเขาออก
“ชอบใช้กำลังแบบนี้ พี่ชอบ..”
ยิ้มยียวน ค่อยๆเดินเข้าไปหาร่างบางที่ถอยกรูดไปติดกับผนังอีกด้าน ตัวสั่นเทาด้วยความกลัว ราวกับลูกไก่ตัวเล็กๆที่เขาจะบีบให้ตายเมื่อไหร่ก็ได้ ถึงจะคลาย มันก็ขาดอากาศหายใจตายไปเสียก่อนแล้ว
ร่างใหญ่ตรงเข้าตะครุบร่างบาง ตรึงแขนทั้งสองข้างของเธอกับกำแพง หญิงสาวร้องโอดครวญด้วยเจ็บ เพราะแขนทั้งสองข้าง มันรวมไปถึงข้างที่ใส่เฝือกด้วยน่ะสิ
“ขอโทษด้วยนะ ผู้หญิงสวยๆ น่ารักๆ อย่างเธอ .. ฉันปล่อยไปง่ายๆไม่ได้ซะด้วยสิ”
“ช่วยด้วย ใครก็ได้! ช่วยด้วย!”
ชายหนุ่มแสยะยิ้ม เพราะต่อให้หญิงสาวร้องจนเสียงแหบแห้งยังไง ก็ไม่มีใครหลงเข้ามาในนี้แน่นอน .. เขาวางป้ายห้ามเข้าไว้ข้างนอกนั่น แล้วยังมีเพื่อนร่วมสถาบันคอยเฝ้าไม่ให้ใครเข้ามาอีกต่อหนึ่ง เพราะเป็นแบบนี้ เหยื่อถึงเสร็จทุกรายไม่เคยรอดพ้น
“ไม่มีใครมาช่วยเธอหรอก สาวน้อย .. เตรียมตัวขึ้นสวรรค์กับพี่ได้เลย”
“อย่านะ! ไม่!” น้ำตาที่เอ่อคลอ เริ่มพรั่งพรูออกมาเปรอะเปื้อนแก้มนวล แต่มันหลับไม่ช่วยให้อีกฝ่ายนั้นปราณีเธอเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าฝังเข้ากับซอกคอขาวที่พยายามเบี่ยงหลบเป็นพัลวัน มือว่างเอื้อมไปกระชากบริเวณปกเสื้อจนกระดุมหลุดออกมา เผยให้เห็นผิวขาวๆ ยั่วยวนจิตใจ โดยไม่รู้ตัวเลยว่ามีใครบางคนผลักประตูเข้ามา..
“มิยอง! แก..ไอเลวเอ้ย!”
ผู้ที่เพิ่งมาถึง ส่งลูกถีบเต็มแรงเข้าใส่สะโพกของร่างใหญ่ที่คร่อมตัวร่างบางอยู่จนกระเด็นไปชนเข้ากับขอบอ่างล้างมือทรุดตัวลงไปกองกับพื้นห้องน้ำ
“แทแท..” ร่างบางที่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระ วิ่งตรงเข้าไปกอดคนตัวเล็ก ซบใบหน้าร้องไห้กับไหล่บางอย่างขวัญเสีย
คิมแทยอนกัดฟันกรอดเมื่อเห็นสภาพของมิยอง เนื้อตัวสั่นเทากับสภาพเสื้อผ้าที่ถูกฉีกกระชากอย่างไม่ใยดี เพิ่มพูนความโกรธจากเธอได้เป็นอย่างดี จนถึงขั้นสุด
“ไม่เป็นไรนะ แทอยู่นี่แล้ว” พูดปลอบใจ พร้อมกับลูบหลังคนขวัญเสียเบาๆ อีกแล้วงั้นหรือคิมแทยอน .. อีกครั้งที่เธอปล่อยให้ใครคนหนึ่งเฝ้ารอตัวเองจนเกิดอันตราย เธอนี่มัน ..ใช้ไม่ได้จริงๆ
“โธ่เอ้ย! ผู้หญิงเองเหรอ สะเออะดีนักนะ!”
แทยอนรีบดันตัวร่างบางให้ไปอยู่ด้านหลังเธอตามสัญชาตญาณ ส่งผลให้พวงแก้มของเธอรับฝ่ามือจากชายฉกรรจ์ที่ฝาดเข้ามาไปเต็มๆ
“แทแท!” มิยองผวาประคองร่างเล็กเอาไว้ไม่ให้ล้ม แทยอนฝืนบังคับตัวเองให้ยืนตรง กลิ่นคาวเลือดคลุ้งเต็มปาก
“ทำได้แค่นี้เหรอ ได้แค่รังแกผู้หญิงแค่นี้ใช่ไหม!”
“ปากดีนักนะ ไหนมาลองดูสิ .. ว่าระหว่างเธอกับยัยนั่น ใครมันจะเร้าใจฉันมากกว่ากัน” พูดจบก็กระชากคนตัวเล็กมาจากร่างบาง เหวี่ยงกระแทกเข้ากับกำแพง จนแทยอนจุกทรุดลงไปกับพื้น
“แทแท! อย่าทำอะไรแทแทนะ ...โอ๊ย..!” ร่างบางตรงเข้าไปทุบตีไหล่กว้าง แต่ก็โดนมือหนาสะบัดใส่เข้าเต็มๆหน้า ถลาเซล้ม ศีรษะกระแทกกับขอบอ่างล้างมือ ทรุดลงไปนั่งกับพื้น
“มิยอง! อย่าทำร้ายเธอ! อุก..” แทยอนเป็นอันทรุดลงไปอีกครั้ง เมื่อเจอหมัดหนักๆเข้าที่ท้อง มือหนาเข้าประคองร่างเธอให้นอนราบไปกับพื้นห้องน้ำ ก่อนจะเริ่มใช้สายตาโลมเลียให้กับเรือนร่างที่อ่อนแรงนี้
“เป็นห่วงกันดีนัก..แต่ก็ดีเหมือนกัน วันนี้ได้แจ็คพ็อตตั้งสองคน ฮึๆ”
“พวกคุณ! ข้างนอกไฟ..... เฮ้ย จะทำอะไรผู้หญิงวะ!!”
ผู้มาใหม่พุ่งตรงเข้าถีบชายฉกรรจ์ที่กำลังก้มลงหาแทยอนจนกระเด็นไปอีกทาง มิยองที่ได้สติถลาเข้าไปประคองร่างเล็ก
“มิยอง..เป็นอะไรหรือเปล่า” แทยอนดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง ทั้งๆที่ยังจุกไม่หายกับหมัดหนักๆเมื่อครู่ แต่คำตอบที่ได้กลับเป็นน้ำตาของอีกฝ่าย
“อย่าร้องไห้มิยอง ...ฉัน ... ” ...ไม่อยากเห็นน้ำตาของเธอ... นิ้วโป้งเอื้อมไปเกลี่ยน้ำตาออกจากแก้มนวลแผ่วเบา ก่อนที่สายตาของคนทั้งคู่จะหันไปสนใจการตะลุมบอนอีกด้านหนึ่งของห้องน้ำ
“ไอเลวเอ้ย! .......... ทำร้ายผู้หญิง! ............ ไอหน้าตัวเมีย!” คำพูดแต่ละคำคั่นหมัดแต่ละหมัด จนคนโดนชกอยู่ฝ่ายเดียวสลบเหมือด ใบหน้าฟกช้ำ มีเลือดไหลตามบาดแผล มุมปากและจมูก
“ไปตายซะ!” ตบท้ายด้วยลูกเตะตรงชายโครงเต็มแรงจนคนตัวเล็กแกรงว่าซี่โครงมันจะหักเป็นสองท่อน ชายหนุ่มหันหน้ามาหาสองสาวที่ยืนกอดกันกลม “พวกคุณ เป็นอะไรกันหรือเปล่าครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณมาช่วยทันไว้พอดี ขอบคุณมากๆนะคะ” แทยอนเป็นฝ่ายตอบกลับ โค้งตัวเล็กน้อยอย่างขอบคุณพลเมืองดี
“ไม่เป็นไรครับ พวกคนเลวๆแบบนี้ผมล่ะเกลียดเข้าไส้.. เฮ้ย! ข้างนอกไฟไหม้นี่! รีบออกไปกันก่อนเถอะครับ!” ชายหนุ่มทำหน้าตาเหลอหลา ทำท่าจะเข้าไปประคองสองสาว แต่แทยอนกลับรั้งเขาไว้
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฝีมือฉันเองแหละ..ฉันจะเข้ามาช่วยเพื่อน แต่ไอพวกนั้นมันคอยดักไม่ให้คนเข้าออกภายในนี้ ฉันก็เลยไม่มีทางเลือก...เรื่องนี้ต้องขอโทษด้วยจริงๆ” แทยอนยิ้มเงียบๆก้มหน้าลงพร้อมรับคำตำหนิ แต่แล้วสิ่งที่พูดออกมาจากปากเขาก็สร้างความแปลกใจให้เธอ ยิ่งสายตาที่มองเลยไปยังร่างบาง ราวกับเพิ่งสังเกตเห็นตรงๆ เป็นครั้งแรกหลังจากเข้ามาภายในห้องน้ำ
“ท...ทิฟ..ฟานี่”
ฟู่ว์...~
เสร็จเสียที.. กองแฟ้มมหึมาถูกวางเป็นระเบียบเรียบร้อยบนโต๊ะทำงานต่างจากทีแรก เจสสิก้าผ่อนลมหายใจออกมาแผ่วเบา ยืดแขนพร้อมกับเอี้ยวตัวบิดขี้เกียจสุดแรงเกิดแบบไม่ต้องเกรงใจใคร เปลือกตาร้อนผ่าวถูกปิดสนิท น้ำตาใสเอ่อคลอเพื่อประท้วงการทำงานหนักในช่วงก่อนหน้านั้น
“นี่คุณ.. จะบิดขี้เกียจอะไรขนาดนั้น พุงออกมาโต้ลมหมดแล้ว”
เจสสิก้าชักตัวกลับทันที มือเรียวบางรีบดึงเสื้อลงปิดหน้าท้องขาวๆของตัวเอง.. ดวงตาคู่สวยตวัดมองไปทางต้นเสียง
“เสียมารยาท จะเข้าห้องทำไมไม่เคาะประตูหะ!” อารมณ์และความอดทนของร่างบางถึงกับขาดผึงภายในช่วงเวลาไม่ถึงวัน เข้าห้องโดยไม่เคาะประตูนี่มันไม่เท่าไหร่ แต่พูดว่าเธอมีพุงนี่มันหยาบคายที่สุด! เจสสิก้ารับไม่ได้!
“ก็ว่าจะเคาะอยู่ แต่กลัวรบกวนเวลาคุณทำงาน ก็เลยกะแง้มดูเท่านั้น ไม่นึกว่าจะเจออะไรขาวๆ” ร่างสูงกอดอกพิงไหล่กับขอบประตู ยกยิ้มในแบบที่กวนอารมณ์ที่สุด
เจสสิก้าอ้าปากเหวอๆ รู้สึกร้อนผ่าวทั่วทั้งใบหน้า ไม่ใช่ว่าเธอเขินหรืออายหรอกนะ..รู้สึกโกรธต่างหากเล่า! คลานออกมาจากท้องแม่ยี่สิบปีกว่าๆไม่เคยมีใครกล้าพูดกับเธอแบบนี้มาก่อน นี่ถ้าร่างสูงเป็นผู้ชาย แม่จะตบให้คว่ำเลยทีเดียว!
“เอ้า.. แมงเม่าบินเข้าปากแล้วคุณ งานเสร็จแล้วหรือไง ถึงได้บิดขี้เกียจน่ะ”
หุบปากลงแทบจะทันที ส่งสายตาเคืองๆมองไปทางยูริ .. จะผู้หญิงหรือผู้ชาย ไม่สนใจแล้ว ถ้าพูดอีกครั้ง จะเดินไปตบเสียให้หน้าคะมำจริงๆด้วย!
“เสร็จแล้วค่ะ มีอะไรให้ฉันทำอีกไหม? คุณประธานบริษัท..”
“คุณ..ทำไปได้ยังไงเนี่ย..” น้ำเสียงแกมประชดประชันจากเจสสิก้า ทำเอายูริตาเบิกโตมองผลงานของลูกน้องคนใหม่ ..มันจะเป็นไปได้ยังไงกันล่ะ ทั้งๆที่กองแฟ้มที่เธอจงใจแกล้งร่างบางนี้เท่าที่เธอคำนวณมาแล้วมันควรจะใช้เวลาจัดการทั้งสิ้นสองวันครึ่ง แต่นี่สาวเจ้ากลับเคลียร์เสียเรียบร้อยภายในเวลาไม่ถึงวัน ถึงจะเกินเวลาทำงานมามากแล้วก็เถอะ เธอถึงได้โทรไปบอกซอฮยอนว่าอาจจะไปรับช้าหน่อยเพราะมีงานต้องเคลียร์ให้เสร็จ แล้วก็มาดักรอดูผลงานว่าเจสสิก้าจะทนได้แค่ไหน แต่มันกลับผิดคาดไปซะหมด! ลิง งงค่ะ!
“ถ้าเกิดไม่แน่ใจ จะตรวจดูก่อนก็ได้นะคะ”
“เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว แต่มันไม่ใช่ตอนนี้หรอก นี่มันเย็นมากแล้วนะ เลยเวลาทำงานมามากแล้วด้วย”
เจสสิก้าตาเบิกโพลง หันควับไปมองหน้าต่างซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังเสียจนร่างสูงกลัวว่าคอคุณเธอจะหักเสียก่อน ท้องฟ้าด้านนอกนั่นเริ่มระบายเป็นโทนสีฟ้า น้ำเงิน สุดปลายขอบฟ้ามีสีส้มแกมแดงจางๆ
ร่างบางหันกลับมามองนาฬิกา ซึ่งชี้บอกเวลา 15:27 นาที นี่เธอทำงานเพลินถึงขนาดไม่ดูเวลาเลยเหรอเนี่ย!
“แย่แล้ว! ยุนอา!” เจสสิก้าหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋า แล้วแทบจะขว้างทิ้งกลับไปที่เก่า มิน่าล่ะ ทำไมเธอถึงไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ที่น่าจะโทรมาหาบ้างจากคนรัก หน้าจอสีดำสนิท กดเท่าไหร่ก็ไม่ติด บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า แบตเตอรี่หมด!
แบตเสื่อมหรือเปล่าน่ะเจสสิก้า เล่นหมดเอาๆ ทุกวัน ทั้งๆที่เธอก็ชาร์ทมันทั้งคืนแบบนี้ ว่าแล้วก็อยากหยิบออกมาปาใส่หัวลิงกังที่ยืนเก๊กอยู่หน้าประตูนั่นเหลือเกิน
“หืมม.. อ้อ จริงสินะ คุณต้องไปรับแฟนนี่ .. ตายละ เย็นขนาดนี้ซะด้วยสิ ถ้าเป็นฉันนะ จะโกรธไปสามวันเลย”
และแล้วเหตุการณ์ก็กลับตาลปัตร เมื่อยูริกลับมาเป็นฝ่ายข่มเจสสิก้าเช่นเดิม แต่ร่างบางกลับไม่สนใจ มือเรียวกวาดข้าวของของตัวเองลงกระเป๋าถือ ลุกขึ้นพรวด เบี่ยงตัวหลบร่างสูงที่ยืนขวางประตูไม่มีท่าทีจะถอยหลบ
ทันทีที่ก้าวมาถึงหน้าลิฟต์ นิ้วเรียวกดย้ำปุ่มเรียกลิฟต์อย่างไม่รอช้า กดซ้ำอีกครั้ง และอีกครั้งตามอารมณ์ที่เร่งรีบของเจ้าตัว ต่างจากร่างสูงที่เดินเนิบๆ ราวกับจงใจ มาหยุดอยู่ข้างๆ
“อย่ากดย้ำสิคุณ เดี๋ยวลิฟต์ได้ค้างกันพอดี”
ดวงตาสวยตวัดมองยูริเป็นรอบที่เท่าไหร่ของวันแล้วไม่รู้ แบบนี้มันจงใจแกล้งกันชัดๆนี่!
“คุณแกล้งฉัน..”
“หืม? อะไรกันคุณ ฉันไปแกล้งอะไรคุณตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“คุณให้ฉันดูงานกองนั้นทั้งวัน แล้วบอกว่าต้องเสร็จภายในวันนี้ ทั้งๆที่มันควรจะใช้เวลาสักสองวันด้วยซ้ำ”
“แต่คุณก็ทำเสร็จภายในวันเดียวได้ไม่ใช้เหรอ คุณน่าจะดีใจนะ ที่เป็นคนจำพวกผิดปกติ”
เจสสิก้ากัดฟันกรอด พร้อมระเบิดทุกเมื่อ ช่างประจวบเหมาะเหลือเกินที่ประตูลิฟต์เปิดอ้าออกราวกับช่วยชีวิตลิงจอมกวนเอาไว้ ร่างสูงก้าวเข้าไปในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ผิดกับคนรีบร้อนที่ไม่ยอมเดินตามเข้าไป
“ทำไมไม่เข้ามาล่ะคุณ รีบไม่ใช่หรือไง”
“ฉันจะเรียกลิฟต์อีกตัว” ...เพราะถ้าเกิดเข้าไปยืนอยู่ในลิฟต์ตัวเดียวกันแล้ว สงสัยพรุ่งนี้หนังสือพิมพ์คงออกข่าวหน้าหนึ่งกันให้ครึกโครม ว่าบริษัทสถาปัตย์ชื่อเกิดเหตุฆาตกรรมลิงคาลิฟต์เป็นแน่
“อย่าเรื่องมากหน่าคุณ เรียกลิฟต์บ่อยๆเปลืองไฟนะ ... นี่เป็นคำสั่งของประธานบริษัท”
“ชิ..” ร่างบางจำใจก้าวเข้าไป แต่กลับเลือกที่จะหยุดที่มุมสุดของห้อง .. เอะอะอะไรก็เอาคำว่า ประธานบริษัทเข้ามาอ้าง ร้องเรียนสิทธิผู้ใช้แรงงานเสียตอนนี้เลยดีไหม
“ก็แค่นั้น”
บานลิฟต์เลื่อนปิดลงหลังจากที่สิ้นเสียงร่างสูง ปรากฏความเงียบสงัดแสนจะน่าอึดอัดภายในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ แคบๆ จนได้ยินเสียงเครื่องปรับอากาศภายในลิฟต์ ยูริเหลือบตามองร่างบางที่เอาแต่จ้องตัวเลขบอกชั้น ยิ่งเห็นว่าสีหน้านั้นแสดงถึงความร้อนรนของเจ้าตัวมากแค่ไหน เธอก็ยิ่งรู้สึกราวกับมีเข็มขนาดเล็ก มองด้วยสายตาไม่เห็น คอยจิ้มเบาๆแต่กลับทั่วทุกทิศทาง ตรงก้อนเนื้อขนาดเท่ากำปั้นเล็กๆภายในอกข้างซ้าย
...เจ็บจี๊ดๆ มันเป็นแบบนี้งั้นสิ.. แล้วสรุปว่าฉันอกหักจริงเหรอเนี่ย? ตลกหน่า...
พรึ่บ !?
“กรี๊ดดด ดด~!” เสียงกรีดร้องบาดแก้วหูดังลั่นลิฟต์ พร้อมกับร่างบางที่ผวาเข้ามากอดแขนยูริไว้แน่นโดยลืมนึกไปเลยเชียวว่าคนที่เธอกอดอยู่คือคนที่สาวเจ้าตราหน้าว่าจะไม่เฉียดเข้าใกล้ถ้าไม่จำเป็น
จะไม่ให้เธอทำแบบนั้นได้ยังไงกันล่ะ ก็จู่ๆไฟก็ดับพรึ่บ ทิ้งไว้เพียงความมืดน่าสะพรึงกลัว ลิฟต์เจ้ากรรมก็ดันหยุดชะงักไร้การเคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น เล่นเอาใจของทั้งคู่ดับวูบ
“อ..อย่าบอกนะว่า....”
“ไฟฟ้าดับน่ะ เลยทำให้ลิฟต์ค้าง” ยูริช่วยต่อคำพูดนั้นจนจบ ทั้งๆที่อีกฝ่ายไม่ต้องการประโยคนั้นเลยสักนิด เพราะนอกจากจะทำลายความหวังอันเล็กน้อยแล้ว ยังจะช่วยให้ขาทั้งสองข้างนั้นแทบไม่มีแรงจะยืน
“อะไรกัน บริษัทก็ออกใหญ่โต ไม่มีไฟฟ้าสำรองเลยหรือไง”
“ก็นี่มันเป็นเวลาเลิกทำงานแล้วนะคุณ ถ้าเป็นเวลาทำงานน่ะอาจจะมีลุงยามเคยชักสวิตช์ให้ แต่นี่..คงถึงเวลาแลกเปลี่ยนเวรยามซะแล้วล่ะ”
“ถ้างั้น..ก็หมายความว่า....”
“อืม..ถึงเราจะกดปุ่มฉุกเฉินนั่นเพื่อแจ้งไปทางฝ่ายรักษาความปลอดภัย ก็คงจะอีกนานกว่าเขาจะมาช่วยเรา”
เจสสิก้าแทบทรุดตัวลงกับพื้นทันทีที่ยูริพูดประโยคทำร้ายจิตใจนั่นจบ .. เธอคิดถูกแล้วใช่ไหมที่มาฝากตัวกับบริษัทนี้ เวลาผ่านไปยังไม่ถึงสองวันดี กลับมีเรื่องเกิดขึ้นมากมายเสียจนเธอตั้งตัวไม่ทันเลยทีเดียว
...ช่วยบอกที ว่าเมื่อชาติที่แล้วมีชื่อเธอขึ้นว่าเป็นโจรฆาตกรรมลิงร้อยศพจริงๆ...
ความคิดเห็น