ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SNSD] You are my dream that comes true. (Yuri)

    ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 5 :: Help me, Taetae

    • อัปเดตล่าสุด 1 ธ.ค. 54




    Chapter 5 :: Help me, Taetae



                ก๊อกๆๆ ..


                “เชิญค่ะ” หญิงสาวละสายตาจากหนังสือเล่มโปรด มองบานประตูห้องนอนของเธอเปิดออกเบาๆตามด้วยร่างสูงที่เบี่ยงตัวเข้ามา  คิ้วบางถูกเลิกขึ้นด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นใคร


                “มีอะไรหรือเปล่าคะพี่ยูล มาหาซอซะดึกเชียว” ซอฮยอนปิดหนังสือลง หันหน้ามาเผชิญหน้ากับยูริที่ทิ้งตัวนั่งบนปลายเตียงของเธอ


                “พี่มีเรื่องอยากจะพูดกับซอน่ะ  เรื่องไอแท”


                “พี่แท.. พี่แททำไมเหรอคะ?  จะว่าไปหมู่นี้ซอไม่ได้ติดต่อพี่แทเลย” สีหน้าเป็นกังวลลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อถูกอีกฝ่ายเปิดประเด็นถึงพี่สาวต่างแม่ของเธอ .. เธอสามารถติดต่อกับแทยอนได้แค่ทางโทรศัพท์เท่านั้น เพราะนอกจากยูริแล้วแทยอนไม่ยอมให้ใครรู้ที่อยู่และที่ทำงานเลย แม้เธอจะลองถาม หรือหลอกถามยูริอย่างไรก็ไม่ได้รับคำตอบแม้แต่คำเดียว


                “แทไม่เป็นไรหรอก มันสบายดี ที่พี่จะมาบอกคือเรื่องที่มันไปเจอกับอุบัติเหตุ ... แต่มันไม่ได้เป็นอะไรนะ” ยูริรีบชิงพูดก่อนทันทีที่เห็นสีหน้าของซอฮยอน “อุบัติเหตุน่ะ ทำให้มีผู้หญิงคนนึงบาดเจ็บ ถึงขั้นความจำเสื่อม  แทมันสงสารก็เลยพาผู้หญิงคนนั้นมาอยู่ด้วย เผื่อว่าจะช่วยฟื้นความทรงจำได้ดีกว่าปล่อยให้อยู่ที่โรงพยาบาล”


                “ดีแล้วที่พี่แทไม่เป็นอะไร แล้วตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นก็อยู่กับพี่แทน่ะสิคะ?”


                “อืม..ตรงจุดนี้ไม่ใช่ประเด็นหรอก แต่ประเด็นก็คือพี่แปลกใจ  ร้อยวันพันปีพี่ไม่เคยเห็นแทมันจะยอมให้ใครเข้าห้องนอน ขนาดพี่ที่เป็นเพื่อนหรือซอที่เป็นน้องสาวมันยังไม่เคยให้เข้าสักครั้งเลย ยิ่งนอนห้องเดียวกับมันนั่นอย่าได้หวัง  ..  แต่ผู้หญิงคนนี้น่ะ คอนโดไอแทมันมีห้องนอนอยู่ห้องเดียว คงได้นอนห้องเดียวกันแน่ๆเลย”


                “อิจฉาเขาเหรอคะ?” ซอฮยอนอมยิ้มขำๆกับท่าทางเคืองๆของยูริ


                “อืม..เฮ้ย
    ! ไม่ใช่สิ!  ตลกหน่าซอ พี่แค่แปลกใจเท่านั้นเองแหละ”


                “แต่ซอว่าเรื่องแค่นี้พี่ยูลคงไม่ลงทุนมาหาซอถึงห้องดึกๆดื่นๆแบบนี้หรอกค่ะ  มันต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่ๆ ซอรู้ทันหน่า”


                “บ้าหน่า..คนอย่างพี่จะไปมีอะไรได้” ยูริพยายามหลบสายตารู้ทันจากร่างบาง  เสียชื่อประธานบริษัทหมด  ถึงขนาดถูกเด็กจับพิรุธได้แบบนี้


                “พี่ยอมแพ้ก็ได้  อันที่จริงที่พี่มา  พี่อยากรู้เรื่องของ..เอ่อ ของ...อย่ามองพี่แบบนั้นหน่าซอ ...เรื่องของผู้หญิงที่ชื่อเจสสิก้าน่ะ ซอพอจะรู้จักผู้หญิงคนนี้ใช่ไหม เห็นสนิทกันพอสมควรนี่”


                “พี่สิก้าเขามีแฟนแล้วค่ะ” น้ำเสียงตอบกลับนั้นดูอ่อนลง


                “อย่าบอกนะว่า..แฟนของเขาคือเด็กคนนั้นน่ะ  แต่นั่น เพื่อนซอไม่ใช่เหรอ”


                ซอฮยอนพยักหน้า เธอพยายามปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมเพราะกลัวยูริจะจับผิดได้ แต่ในตอนนี้ยูริเองก็ไม่ได้อยู่ในช่วงที่จะมาจับผิดใครเช่นกัน


                “งั้นเหรอ..มีแฟนแล้วงั้นเหรอ”


                เวลาผ่านไปสักพักยูริถึงจะกล่าวลาซอฮยอน  เดินออกมาจากห้องด้วยท่าทีที่ผิดไปจากตอนที่เดินเข้าไป ...ความรู้สึกแบบนี้ อกหักงั้นเหรอ ควอน ยูริ...แต่ รู้จักผู้หญิงคนนั้นได้แค่วันเดียวเองเนี่ยนะ...


                ร่างสูงตั้งใจจะเดินกลับห้องของเธอ แต่เมื่อขายาวก้าวผ่านห้องที่ยังคงมีแสงไฟเปิดไว้อยู่ ก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปทักทายผู้ที่อยู่ด้านใน  หญิงสาวเคาะประตูก่อนไปตามมารยาท และเดินเข้าไปในห้องเมื่อมีได้ยินคำอนุญาตของเจ้าของห้องแล้ว


                “อ้าว  ยูลนี่เอง  ลุงก็นึกว่าใคร ยังไม่นอนอีกเหรอ?”


                “ค่ะ   ยูลเพิ่งไปหาซอมา  กำลังจะเดินกลับห้อง เห็นว่าไฟห้องทำงานของคุณลุงยังเปิดอยู่ก็เลยแวะเข้ามาหา” ยูริหย่อนตัวนั่งลงบนโซฟาสีเลือดหมู เฝ้ามองไปรอบๆห้องที่ยังคงเดิมเหมือนทุกครั้งที่เธอแวะเข้ามา  ภาพถ่ายของครอบครัววางอยู่บนโต๊ะ ฉายให้เห็นชายคนตรงหน้าแต่อ่อนกว่าตัวจริงในขณะนี้เล็กน้อยกอดเด็กสาวสองคนเอาไว้  รอยยิ้มแห่งความสุขฉายอยู่บนใบหน้าคนทั้งสาม


                ใครๆก็พอเข้าใจว่าคนตระกูลคิมนั้นปากแข็งและมีทิฐิเป็นที่หนึ่ง นี่ก็คงจะเป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดี .. เพราะต่อให้มีเรื่องผิดใจกันจนถึงกับต้องป่าวประกาศออกไปว่า ตระกูลคิมบ้านนี้มีลูกสาวเพียงคนเดียว
    ! เพื่อเป็นการตัดความสัมพันธ์กับเด็กอีกคนที่อยู่ในรูป  แต่ยังไงสายสัมพันธ์พ่อลูกมันก็ตัดกันไม่ขาดแน่นอน


                “งานที่บริษัทเป็นอย่างไรบ้างยูล?  ลุงมองจากข้างนอกเห็นว่าราบรื่นพอสมควร”


                “ราบรื่นอย่างที่คุณลุงเห็นนั่นล่ะค่ะ  อ้อ..รู้สึกว่าพรุ่งนี้จะมีหัวหน้าฝ่ายการออกแบบเข้ามาใหม่แทนคุณลี ดากองที่เพิ่งลาออกไป ก็คงต้องดูแลเขาพอสมควรเพื่อจะได้สานงานเก่าต่อไปได้ค่ะ”


                “รู้ไหม..ลุงไม่ผิดหวังเลยที่เฝ้าดูแลเด็กอย่างยูลมาพร้อมๆกับลูกของลุงน่ะ  ยูลไม่เคยทำให้ลุงต้องลำบากใจจริงๆเลย” ชายวัยเริ่มต้นชรายิ้มอย่างใจดี  แต่มันกลับดูฝืนยังไงชอบกลในสายตาของหญิงสาว


                “ยูลก็ต้องขอบคุณลุงเหมือนกันค่ะ  ยูลในวันนี้ถ้าไม่มีคุณลุงก็คงเป็นเพียงแค่เด็กไร้หนทางคนหนึ่งเท่านั้น” ยูริยิ้มให้กับอดีตอันขื่นขมของตัวเอง เธอเฝ้าพิสูจน์ตัวเองมาตลอดกว่าจะก้าวข้ามเส้นความฝันในวัยเด็กมาได้  วันที่เธอสามารถยืนได้ด้วยขาของตัวเอง..


                “ผิดกับอีกคน เป็นลูกแท้ๆ ลูกแท้ๆที่ลุงเฝ้าเลี้ยงดูมาตลอด แต่ทำไม...” จินยงซบใบหน้ากับฝ่ามือ  เพียงแค่นี้ถึงจะไม่ได้เอ่ยชื่อออกมา หญิงสาวก็พอรู้ว่าเขากำลังจะพูดถึงใคร คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากลูกสาวคนโตของเขาเอง


                “ยูลยังเชื่อว่า แทยอนไม่ใช่คนไม่มีเหตุผลค่ะ”


                “แต่ก็ทำตัวเหมือนคนไร้เหตุผล  ทำไมกัน..ทำไมต้องทำให้พ่อเสียใจถึงขนาดนี้ แทยอน..”


                “คุณลุงคะ  คุณลุงลองมองดูเหตุผลสิคะ มองลึกลงไปอีกขั้น แล้วจะเข้าใจในสิ่งที่แทมันทำลงไป .. ยังไงยูลก็เชื่อว่า แทไม่ใช่คนแบบนั้น สักวันคุณลุงจะเข้าใจมัน”


                “เหตุผลที่ลุงเห็นตอนนี้ คือความเอาแต่ใจของเด็กคนหนึ่งเท่านั้น .. ลุงไม่เข้าใจ ทำไมแทยอนถึงไม่ยอมรับในตัวจีอา เหมือนที่สนิทสนมในตัวจูฮยอน” ยิ่งนึกถึงเหตุผลที่ทำให้ลูกสาวคนโตของเขาต้องหนีออกจากบ้านไปก็ยิ่งทำให้เขาเจ็บปวด 


                ซอ จีอา..ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่เลี้ยงของแทยอน  หลังจากที่เขาต้องเลี้ยงดูลูกสาวให้ไร้แม่ข้างกายเหมือนเด็กคนอื่นๆมาเป็นเวลากว่าสิบปี จนเมื่อสามปีที่ผ่านมานี้ เขาได้พาผู้หญิงกับเด็กสาววัยอ่อนกว่าแทยอนสองปีเข้ามาในบ้าน และบอกว่าเป็นภรรยากับลูกคนใหม่  หลังจากนั้นท่าทีของแทยอนก็เปลี่ยนไป  แม้เด็กสาวจะมีท่าทีเป็นมิตรกับซอ จูฮยอน แต่สำหรับซอ จีอาแล้ว  กลับไม่ได้รับความเป็นมิตรนั้นจากแทยอนเลย จนกระทั่งถึงวันที่ความสัมพันธ์ของพวกเขาถึงจุดแตกหัก

     

     


                “นี่มันเกิดเรื่องอะไรกันขึ้น!


                น้ำเสียงทุ้มกร้าวดังลั่น เป็นสัญญาณหยุดการกระทำของคนสองคนก่อนที่เรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปนั้นจะบานปลายมากไปกว่านี้  คิม แทยอนหยุดนิ่ง หายใจแรงด้วยความโกรธ สายตาแข็งกร้าวผลุบต่ำลง


                “แทยอน ไหนลองบอกพ่อมาสิ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น” เมื่อไม่มีใครคิดจะตอบ จินยงจึงตัดสินใจยิงคำถามใส่ลูกสาว  จนร่างเล็กสะดุ้งเฮือก


                “ทำไมพ่อไม่ลองถามผู้หญิงคนนั้นดูล่ะ” ตอกกลับอย่างก้าวร้าว พร้อมตวัดสายตามองไปทางผู้หญิงที่กอดแขนพ่ออยู่ คงจะปรี่เข้าไปเกาะเลยสินะ


                “คิม แทยอน
    !


                “ทำไมคะ?  เดี๋ยวนี้พ่อต้องเรียกชื่อเต็มๆของลูกสาวตัวเองแล้วเหรอ กลัวจำชื่อลูกไม่ได้เหมือนที่จำได้แต่ชื่อผู้หญิงคนนั้นได้หรือไงกัน” แทยอนพูดต่อไปอย่างไม่กลัว สร้างความตกใจให้กับยูริและซอฮยอนที่ยืนอยู่ในเหตุการณ์ด้วย เพราะทั้งสองคนไม่เชื่อว่าแทยอนจะกล้าพูดแบบนี้กับพ่อของตัวเอง และผู้ที่เป็นแม่เลี้ยง


                “คิม แทยอน
    !  ห้ามพูดแบบนั้นกับแม่ของเธอ!


                “แม่หรือคะ?  จะบอกอะไรให้นะคะ  ชีวิตนี้แทมีแม่เพียงคนเดียวเท่านั้น  ไม่ว่าพ่อจะพาผู้หญิงเข้ามาในบ้านสักกี่คนก็ตาม  แทจะไม่นับถือว่าเขาเป็นแม่ โดยเฉพาะผู้หญิงคนนี้
    !!


                “มันจะมากไปแล้วนะ  คิม แทยอน
    !!


                เพี๊ยะ
    !!


                ร่างเล็กถลาล้มตามแรงตบของผู้เป็นพ่อ  จินยงมองร่างของลูกสาวที่ล้มลงไปนอนกับพื้น  ตะลึงงันกับการกระทำของตัวเอง  ..  ส่วนแทยอนนั้นเหลือบมองพ่อทั้งน้ำตา มือบางลูบแก้มที่แดงเรื่อด้วยรอยตบ ก่อนที่เรี่ยวแรงทั้งหมดจะกลับคืนมา ร่างเล็กลุกขึ้นยืนวิ่งขึ้นห้องของตัวเอง


                “แทยอน..” ยูริวิ่งตามเพื่อนรักไป  ส่วนซอฮยอนตรงเข้าไปหาพ่อกอดเขาเอาไว้


                “พ่อคะ..”


                จินยง ทรุดตัวลงนั่ง มองฝ่ามือที่ทำร้ายลูกของตัวเอง  น้ำตาเอ่อคลอ  ..  ถึงตอนนั้น ไม่มีใครเห็นว่าผู้หญิงอีกคนที่ยืนอยู่ในที่นั้นแสยะยิ้มเยาะด้วยความสะใจ   จีอาเฝ้ามองสามีด้วยใจที่นึกสมเพช  มองขึ้นไปด้านบนทางห้องของแทยอน ..ถึงคราวนี้เธอคงทำสำเร็จแล้วล่ะ..


     

     


                “สวัสดีค่ะ คุณเจสสิก้า”


                หญิงสาวร่างบางโค้งตัวแทนการทักทายที่แสนเก้อเขิน  เพราะตั้งแต่ย่างเท้าก้าวเข้ามาในบริษัท ตั้งแต่ลุงยามผู้รักษาความปลอดภัยหน้าประตู ยันพนักงานบริษัทที่ค่อนข้างใหญ่โตเมื่อครู่นี้  ทุกคนที่เธอเดินผ่านต่างพากันกล่าวคำทักทาย พร้อมกับมีชื่อของเธอต่อท้ายเสมอ ราวกับรู้จักกันมาแล้วอย่างนั้น ทั้งๆที่เจ้าตัวไม่รู้จักใครเลย  สาวเจ้าจะไม่แปลกใจเลยถ้าตัวเองทำงานอยู่ในบริษัทนี้มานานจนเป็นที่รู้จักเช่นนี้ แต่นี่เธอมาทำงานเป็นวันแรกนะ
    !


                เจสสิก้าโค้งตัวให้เพื่อนร่วมบริษัทที่กล่าวทักทายเธอเป็นคนที่สิบสอง และคนสุดท้ายก่อนที่เธอจะก้าวเข้าห้องทำงานส่วนตัวที่ทางบริษัทจัดหามาให้ตามตำแหน่งการงาน  แต่แทนที่หญิงสาวจะได้คิดทบทวนกับเรื่องที่เกิดเพียงคนเดียว  กลับต้องเผชิญหน้ากับ ..ควอน ยูริ..


                ร่างสูงยกยิ้มมุมปาก จากโต๊ะทำงานส่วนตัวของเจสสิก้า  รอยยิ้มนั้นอาจทำให้ใครหลายๆคนไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงต่างต้องยอมสยบ แต่ต้องไม่ใช่กับเจสสิก้า จอง
    !


                “เป็นยังไงบ้าง..ขนาดแค่ทำงานวันแรก แต่คุณกลับเป็นที่รู้จักเหมือนกันนี่”


                “ค่ะ ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี” เจสสิก้ายอมเป็นฝ่ายอ่อน เพราะไม่อาจคาดเดาว่าสายตาแบบนั้นจะเล่นกับเธอไม้ไหน  แต่จากการคาดเดาแล้ว  เหตุผลที่ทุกคนๆในบริษัทต่างทักทาย และเรียกชื่อเธอ คงจะเป็นฝีมือของร่างสูงตรงหน้านี่สินะ


                “ฉันคิดว่าคุณคงทราบดีนะ ว่าคุณเข้ามาทำงานที่นี่ในตำแหน่งและฐานะอะไร”


                “ค่ะ ฉันทราบดี” ..ใครมันจะมาสมัครเข้าทำงานโดยไม่รู้ว่าตัวเองทำหน้าที่อะไรล่ะ ถามแปลกจริงๆ..  ร่างบางกลืนประโยคนั้นลงคอ  อย่างน้อยๆร่างสูงก็ได้ชื่อว่าเป็นเจ้านายของเธอแล้ว จะพูดอะไรออกไปสุ่มสี่สุ่มห้า(แบบเมื่อวาน)คงดูไม่ดีนัก


                “อืม ถ้างั้นฉันจะเริ่มแล้วนะ ... เนื่องจากว่าในตำแหน่งของคุณ คนเก่าที่ลาออกไปนั้นได้สร้างโปรเจ็คไว้อยู่โปรเจ็คหนึ่ง ซึ่งลูกค้าชอบมาก แต่เขากลับจำเป็นต้องลาออกไปเพื่อพาคุณแม่ไปรักษาตัวที่ต่างประเทศ จึงทำให้โปรเจ็คนี้ค้างไว้ เราจึงอยากให้คุณสานต่อมัน  คิดว่าพอจะทำไหวไหมคะ?”


                “ไหวค่ะ” ตอบอย่างมั่นใจในตัวเอง  เห็นเป็นแบบนี้ยูริก็อดยิ้มเจ้าเล่ห์อีกครั้งไม่ได้..ร่างสูงหยิบกองแฟ้มเอกสารหลายแฟ้มที่ซ่อนไว้ใต้โต๊ะขึ้นมาวางข้างบน


                “นี่คือเอกสารทั้งหมดที่เราอยากให้คุณศึกษาภายในวันนี้”


                “หะ
    ! ภายในวันนี้!” เจสสิก้าอ้าปากค้าง มองกองแฟ้มเอกสารกองมหึมาบนโต๊ะทำงานของเธอ ขนาดนี้ให้เวลาเป็นอาทิตย์ยังศึกษาได้ไม่หมดเลยด้วยซ้ำ แล้วนี่กำหนดเวลาภายในวันเดียว  เป็ดอยากตายค่ะ!!


                “ใช่แล้ว โปรเจ็คนี้มันช้าไม่ได้นะคุณ เราไม่อยากผิดใจกับลูกค้ารายใหญ่คนนี้สักเท่าไหร่  ..  เอาล่ะ ฉันจะไม่รบกวนการทำงานของคุณแล้ว ขอให้โชคดีกับการทำงานวันแรกนะคะ คุณเจสสิก้า” ยูริขยิบตา พร้อมกับแสยะยิ้มน่ารัก แต่มันกลับเป็นรอยยิ้มที่ทารุณที่สุดสำหรับเจสสิก้าในยามนี้


                เมื่อร่างสูงเดินออกไปแล้ว เจสสิก้าก็ได้โอกาสทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้เป็นครั้งแรก มองกองเอกสารด้วยสายตาหมดอาลัยตายอยาก


              ชาติที่แล้วเธอไปทำร้ายเผ่าพันธุ์ลิงมาหรือยังไงกันนะ
    !!  ชาตินี้ลิงถึงกลับมาจองเวรจองกรรมเธอได้ถึงขนาดนี้..





                เท้าเล็กดันพื้นให้ชิงช้าแกว่งไกวเบาๆตามอารมณ์ ดวงตาโตใสคอยชะเง้อมองหาใครบางคน และก็ต้องก้มหน้าด้วยความผิดหวังเมื่อไม่เห็นแม้แต่เงาของใครคนนั้น ไม่มีวี่แววว่าจะมีใครเดินมาทางนี้เลยสักคน ...อย่าปล่อยให้รอกันแบบนี้สิ แทแท...


                สวบ..


                “แทแท”


                เสียงฝีเท้าย่ำต้นหญ้าเบาๆใกล้ตัว เด็กหญิงเงยหน้าขึ้นมองผู้มาเยือนด้วยความดีใจเมื่อจิตใต้สำนึกเธอบอกว่าคนที่เธอรอคอยนั้นมาถึงแล้ว แต่จิตใต้สำนึกเธอผิดไปแล้ว คนที่มายืนอยู่ตรงหน้าไม่ใช่แทยอน แต่กลับเป็นเด็กผู้ชายตัวโตถึงสี่คนยืนมองเธออยู่


                “เธอ  รู้ไหมว่านั่นมันชิงช้าของพวกเราน่ะ” หัวโจกเด็กผู้ชายเกเรชี้มาทางชิงช้าที่เด็กหญิงนั่งอยู่ พร้อมพูดด้วยเสียงข่มขวัญ  หน้าตาดูไม่เป็นมิตรเลยแม้แต่น้อย


                “ไม่ใช่นะ ชิงช้านี้เป็นของทุกคนต่างหาก ใครจะมานั่งก็ได้” อาจจะเป็นเพราะความไม่ยอมคนจึงทำให้มิยองตอบไปแบบนั้น แม้ในใจแล้วจะหวั่นเกรงเสียจนอยากวิ่งหนีไปจากที่ตรงนี้


                “เธอจะไปรู้อะไร  เธอเป็นเด็กที่ย้ายมาใหม่อยู่แถวนี้ใช่ไหมล่ะ  งั้นก็รู้ไว้ซะว่าแถวๆนี้น่ะ พวกฉันคุมหมดแล้ว เพราะฉะนั้นลุกขึ้นซะ” เด็กชายเกเรคว้าแขนเด็กหญิงบีบ ออกแรงกระชากให้ลุกขึ้นยืนแต่เธอกลับขืนตัวไว้


                “ไม่ ฉันไม่ลุก
    !


                “ลุกขึ้นซะ
    !


                “ไม่เอา ไม่ลุก ฉันจะรอแทแท”


                “แทไหน?  เธอหมายถึงยัยเตี้ยแทยอนนั่นน่ะเหรอ ไม่รู้หรือไงว่ายัยนั่นไปเที่ยวเกาะเชจูกับพ่อน่ะ”


                “ไม่จริง”


                “ไม่เชื่อก็ตามใจ วิ่งไปดูที่บ้านมันสิ ปิดบ้านเงียบอยู่แบบนั้น .. เธอน่ะ โดนยัยเตี้ยนั่นหลอกให้รอแล้ว” เด็กชายเกเรยังคงจับแขนเธอไว้แน่น จนเกิดรอยแดงๆเป็นจ้ำๆเพราะแรงดึงกระชาก  แต่น้ำตาที่เริ่มคลอดวงตาใส ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะมันเลย น้ำตาเกิดขึ้นเพราะสิ่งที่เด็กชายนั้นพูดมาต่างหาก


              ..แทแทไม่อยู่ .. แทแทหลอกให้เค้ารองั้นเหรอ..


                “เฮ้
    ! เธอร้องไห้ด้วยแหละ”


                “อ้าว นี่พวกเรายังไม่ได้ทำอะไรเธอเลยนะ”


                “ขี้แยชะมัดเลยว่ะ”


                “ไม่ใช่ ฉันไม่ได้ขี้แยนะ” เด็กน้อยเถียงเสียงแข็ง ผิดกับน้ำตาที่ไม่ได้เป็นไปอย่างที่พูดเลย


                “โกหก ยัยเด็กขี้แย”


                “เอ้า
    ! เรียกแทมาช่วยสิ เราล่ะอยากเจอยัยเตี้ยนั่นจริงๆเลย คงจะดูพิลึกนะ ถ้ายัยนั่นจะเหาะเป็นซูเปอร์แมนมาจากเกาะเชจูเพื่อมาช่วยเธอ” เหล่าเด็กชายหัวเราะให้กับคำพูดของผู้ที่เป็นหัวโจก


                “อย่าว่าแทแทนะ” มิยองลุกขึ้นพรวด ออกแรงผลักเด็กหัวโจกเต็มแรง แต่ร่างนั้นกลับไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย


                “ทำบ้าอะไรของเธอฮะ ตัวก็เล็กแค่นี้อย่าทำเก่งหน่อยเลย ไปนั่งรอยัยเตี้ยนั่นที่หน้าบ้านไป
    !” เด็กชายออกแรงผลักกลับ ส่งผลให้ร่างอ่อนแอของมิยองล้มลงไปกองกับพื้น  เด็กหญิงร้องไห้สะอึก น้ำตาไหลอาบเต็มแก้ม


              ..แทแท ช่วยเค้าด้วย..


                “เฮ้ย
    ! ใครทำมิยองร้องไห้!


                “ยัยเตี้ยแทยอน
    ! ไม่ได้ไปเกาะเชจูหรอกเหรอ” เด็กเกเรหันไปมองเด็กหญิงตัวเล็กที่ยืนจังก้าอยู่ไม่ไกล แทยอนคว้ากิ่งไม้ขนาดพอดีมือชี้มาทางกลุ่มเด็กผู้ชาย


                “ใครบอกว่าฉันไป
    !  พวกนาย ทำมิยองร้องไห้ ฉันเห็นนะ!


                “ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย จู่ๆยัยนี่ก็ร้องไห้เองต่างหาก ใช่ไหมพวกเรา” เสียงฮือฮาครางตอบลูกพี่ตัวเองอย่างน่าขัน ไม่ได้สร้างความน่าเชื่อถือให้แทยอนเลยแม้แต่น้อย


                “ไม่เชื่อ
    ! พวกนายกล้าทำมิยองร้องไห้ อย่าอยู่เลย!!” พูดจบคนตัวเล็กก็วิ่งไล่เอากิ่งไม้ฝาดอากาศ สร้างความกลัวให้กับเหล่าเด็กเกเรจนแตกกระเจิงไปคนละทิศละทาง


                “ยัยเตี้ยมันบ้าเลือดแล้ว
    ! หนีเว้ยยย”


                “แล้วอย่ากลับมาอีกนะ
    !!” แทยอนตะโกนไล่หลัง อ้าปากหายใจหอบ ปากิ่งไม้ทิ้ง รีบวิ่งไปดูมิยองที่ยังคงนั่งชันเข่าร้องไห้


                “มิยอง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”


                “แทแท ....ฮึก....” เด็กน้อยอ้าแขนโอบรอบคอเด็กตัวเล็กเข้ามากอด ใบหน้าซบเข้าที่ไหล่เล็ก  แทยอนลูบหลังคนขี้แยเบาๆปลอบใจ


                “ไม่เป็นไรนะ แทแทอยู่นี่แล้ว”


                “..ฮึก.. เค้านึกว่า..แทแทหนีเค้า...ฮึก...ไปเที่ยว  เค้ากลัวแทแททิ้ง..เค้าไป” ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนไหล่บางเริ่มชื้น แต่แทยอนกลับไม่ผลักไสแต่อย่างใด


                “แทแทไม่หนีมิยองไปไหนหรอก  แทแทจะอยู่กับมิยอง  อย่ากลัวเลยนะ”


                “อือ..” มิยองผละตัวออก เช็ดน้ำตาให้ตัวเอง  จนแทยอนสังเกตเห็นว่ามือบางนั้นมีรอยถลอกไปหมด  คงจะใช้ยันพื้นตอนที่โดนผลักล้มสินะ


                “มิยอง มือมิยองเป็นแผลน่ะ” ว่าแล้วก็คว้ามือบางมาจ่อที่ใบหน้าตัวเอง อ้าปากเป่าเบาๆหวังจะให้แผลถลอกนั้นหายไปทันใจ


                “ไม่เป็นไรแล้วนะ แทแทเป่าให้แล้ว”


                “อื้อ..เค้าไม่เจ็บแล้ว” มิยองยิ้มจนตาปิด  น้ำตาที่เคยมีตอนนี้หายไปหมดแล้ว


                “มิยองอา.. อย่ายิ้มแบบนี้ให้ใครนอกจากแทแทนะ  แทแทหวง”


                “อื้อ..เค้าจะยิ้มให้แทแทดูคนเดียว”


                แทยอนยิ้มกว้างให้กับคำมั่นสัญญาของหมีน้อย ..ใครจะไปรู้ ว่าหลังจากนั้นรอยยิ้มตาปิดที่เธอหลงรัก จะมีให้เธอเห็นเพียงคนเดียวจริงๆตามสัญญาที่เคยให้ไว้..


     

     


                “หยาา.. กินยังไงกันมิยอง ปากเลอะหมดแล้วนะ  มานี่เดี๋ยวฉันเช็ดให้”


                ร่างบางยื่นหน้าไปแต่โดยดี  ให้แทยอนเช็ดรอยเปื้อนที่ปากเธออย่างง่ายดาย .. ดวงตาใสคอยเฝ้ามองยามร่างเล็กใช้สมาธิกับรอยไอศกรีมที่มุมปาก ใบหน้านั้นดูจริงจังเกินเหตุและเริ่มเก้อเขินเมื่อรู้ตัวว่าถูกจ้องมอง


                “เอ้า..เสร็จแล้ว  มัวแต่จ้องฉันแบบนั้น ฉันเขินแย่นะ”


                วันนี้แทยอนพาเธอซื้อเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัว หลังจากที่ร่างเล็กสังเกตเห็นว่าชุดนอนที่เตรียมมาให้เธอใส่เมื่อคืนนั้นสั้นเต่อและเล็กเอามากๆเมื่อมาอยู่บนตัวของร่างบาง จึงชวนออกมาเดินซื้อของ แล้วในตอนนี้ก็มาหยุดพักกันอยู่ที่ร้านไอศกรีมตามความต้องการของแทยอนเอง


                ไม่นาน แทยอนก็จ่ายเงิน  เดินจูงร่างบางราวกับกลัวคนข้างกายหายไปต่อหน้าต่อตาออกมาด้วยเพื่อเดินซื้อของต่อ แต่ดูเหมือนมิยองจะยังคงติดใจกับตุ๊กตาหมีสีขาวสะอาดที่ตั้งโชว์อยู่หน้าร้านขายของเล่นที่ทั้งสองคนเดินผ่านก่อนจะมากันที่ร้านไอศกรีม


                “ไม่เอาหน่ามิยอง เรามาซื้อแค่เสื้อนะ” แค่คำพูดเพียงประโยคเดียวของแทยอน ก็ช่วยทำให้เธอตัดใจเดินออกมาจากมัน แต่ลึกๆแล้วก็อยากกลับไปยืนดูตุ๊กตานั่นอีกครั้งจังเลย..


                “เอ่อ..มิยอง..เธอยืนรอฉันอยู่ตรงนี้ได้ไหม  คือฉันจะไปเข้าห้องน้ำหน่อยน่ะ” ร่างเล็กดันเธอให้มายืนอยู่ข้างๆร้านขายรองเท้าริมทางเดิน


                “นะ..เดี๋ยวฉันมา แป๊บเดียว”


                มิยองพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย แม้ในใจจะรู้สึกหวั่นๆอยู่บ้าง  คอยมองจนร่างเล็กหายเข้าไปในฝูงชนมากมาย


                ไม่รู้ว่าทำไม เธอถึงไม่อยากอยู่ห่างจากคนตัวเล็กเลย มันรู้สึกว้าเหว่และหวั่นใจลึกๆอย่างบอกไม่ถูก  ต่างจากช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันเสียเหลือเกิน  แทยอนทำให้หัวใจเธออบอุ่นอย่างน่าประหลาด..


                “สวัสดีครับน้องสาว  ยืนรอใครอยู่เหรอ?”


                ร่างบางสะดุ้ง หันหน้ามองชายหนุ่มแปลกหน้าที่เข้ามาทักเธอ  ก่อนจะก้าวขาถอยหลังหนี เพื่อบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าเธอไม่พร้อมจะคุยด้วย


                “อย่าเดินหนีกันสิครับ แค่ถามว่ายืนรอใครอยู่ก็เท่านั้นเอง พี่จะได้ยืนรอเป็นเพื่อน” มือหนาฉกฉวยโอกาสราวกับปลาหมึก เอื้อมไปแตะจับมือนุ่มที่ชักหลบทันที


                “มะ..ไม่เป็นไรค่ะ”


              ...แทยอน เธออยู่ที่ไหนกัน...


                ร่างบางตัดสินใจเดินหนีออกจากตรงนั้น ตรงไปทางห้องน้ำที่ร่างเล็กบอกไว้กับเธอว่าจะมาอยู่ที่นี่  ..แต่ผิดคาด ไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำหญิงเลย ภายในโล่งว่างเปล่าเสียจนน่าแปลกใจว่ามันคือห้องน้ำในห้างแน่หรือ?


                “เธอไปไหนกันนะ แทแท..” หวั่นใจเหลือเกิน ความรู้สึกแบบนี้.. ร่างเล็กทิ้งเธองั้นหรือ?


                เมื่อขาเรียวก้าวออกมานอกห้องน้ำ ก็เจอเข้ากับชายคนเดิมที่ยืนดักรออยู่ รอยยิ้มน่ากลัวในสายตาหญิงสาวฉายอยู่บนใบหน้าไม่คุ้นตานั่น  ยิ่งหวาดกลัวหนักเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นว่าในบริเวณนี้เป็นซอกเล็กๆที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านเข้ามาเลย


                “รู้ไหม? ว่าพี่ไม่ชอบเลยที่เธอเดินหนีดื้อๆแบบนี้น่ะ”


                ร่างบางหลบหนีเข้าไปในห้องน้ำหญิงอย่างเข้าตาจน แต่มันจะไปมีประโยชน์อะไรเมื่อในบริเวณนั้นไม่มีผู้คนอยู่เลย ชายแปลกหน้ากระชากประตูเปิดออกตามเธอเข้าไป


                “เธอนี่ ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยนะ  ว่ายิ่งหนีก็ยิ่งเข้าตาจน” ชายแปลกหน้าแสยะยิ้ม สายตาลวนลามมองร่างบางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างหื่นกระหาย ไม่นึกเลยว่าเหยื่อของเขาในวันนี้จะง่ายดายเสียจนแทบจะไม่ต้องเหนื่อยเลย


                “ช่วยด้วย
    ! ช่วยด้วยค่ะ” ร่างบางกรีดร้องดังลั่นหวังจะให้มีใครเข้ามาได้ยิน แต่ก็เปล่าเลย ไม่มีใครเดินเข้ามาเลยสักคน


                “เปล่าประโยชน์หน่า..”


              ..แทยอน ช่วยฉันด้วยแทยอน..

     




                “มิยอง..”


                แทยอนเดินวนรอบบริเวณที่เจ้าตัวสั่งให้ร่างบางยืนรอ แต่มองหาเท่าไหร่ก็ไม่พบ .. มือเรียวกระชับตุ๊กตาหมีสีขาวสะอาดในอ้อมกอดให้แน่นขึ้น รู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆยังไงชอบกล  เธอหายไปไหนกันนะ มิยอง..


                “บอกให้รอ แต่ดันหายไปไหนนะ” ร่างเล็กบ่นอุบ พลางคิดทบทวนที่ที่มิยองน่าจะเดินพลัดหลงไป


                “หรือว่าจะไปหาเราที่ห้องน้ำ..” คิดได้ดังนั้น ขาเรียวก็ก้าวไปตามทาง เกิดมาขาสั้นเพิ่งรู้ว่ามันแย่มากๆก็ตอนนี้ ก้าวแต่ละก้าวดูไม่ทันใจเธอเลย


                “อ่าว..ห้องน้ำปิดซ่อมนี่นา”


                เมื่อเดินมาถึงทางเดินเข้าห้องน้ำ กลับพบว่ามีป้ายปิดซ่อมแซมบำรุงภายใน .. แล้วร่างบางจะเดินหายไปไหนได้ล่ะ?

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×