คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : Chapter 11 :: Beside you
Chapter 11 :: Beside you
บริเวณสนามเด็กเล่นภายในโรงเรียนเด็กอนุบาลยามพักกลางวัน เต็มไปด้วยเหล่าลูกเด็กเล็กแดงที่ต่างพากันวิ่งเล่นกับเพื่อนๆ บ้างก็พากันเล่นเครื่องเล่นจนแทบจะลืมเวลาจนคุณครูสาวที่ยืนดูแลคุมเหตุการณ์อยู่กลัวว่าเด็กๆจะจุกเพราะอาหารมื้อกลางวันที่เพิ่งทานไป ถึงจะกังวลไปอย่างนั้นแต่เธอก็ห้ามพวกเขาไม่ให้ซนไม่ได้อยู่ดี..
ทว่าท่ามกลางเสียงเจื๊อยแจ๊วของเด็กวัยกำลังซน เด็กน้อยเพียงคนเดียวที่ไม่สนุกร่วมไปกับเพื่อนๆ เท้าเล็กดันชิงช้าเบาๆ เอื่อยๆ ก้มหน้าก้มตาไม่ยอมมองสบตาใคร ไม่ใช่ว่าเธอไม่สามารถเข้ากับเพื่อนได้ แต่เป็นเพราะเธอยืนยันที่อยากจะอยู่คนเดียวในตอนนี้เสียมากกว่า คำปฏิเสธเวลาที่เพื่อนบางคนเข้ามาชวนให้เธอไปเล่นด้วยกันช่วยยืนยันได้เป็นอย่างดี จนทุกคนต้องยอมปล่อยให้เธออยู่ตามลำพัง
ไม่ใช่ว่าเพื่อนๆจะไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงเป็นแบบนี้ แต่เพราะไม่อยากถามออกไปต่างหาก ดูแค่นี้ก็ดูออกแล้วว่าเหตุผลของอาการหมีหงอยเมื่อไร้หมาของเธอไม่ใช่อะไรอื่น นอกเสียจากคิมแทยอนไม่มาโรงเรียนในวันนี้
“เด็กๆคะ ได้เวลาเข้าห้องเรียนแล้ว”
ฮวัง มิยองไม่ได้ยินแม้แต่เสียงของคุณครูประจำชั้น เธอมัวแต่เหม่อลอยในขณะที่เพื่อนๆพากันวิ่งเป็นแถวเรียงกันกลับห้องเรียน .. ดวงตาที่แฝงไปด้วยความเศร้าตอนนี้เริ่มมีน้ำตาใสคลอ ริมฝีปากเม้มแน่น ..รู้สึกน้อยอกน้อยใจคนที่ไม่ได้มาโรงเรียนในวันนี้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเอาแต่ใจของตัวเธอเองหรือเปล่าที่อยากให้แทยอนอยู่ข้างๆเธอตลอดเวลา ไม่อยากให้มีวันแบบนี้เลย ..วันที่เราสองคนไม่ได้อยู่ด้วยกัน..
“มิยอง..เป็นอะไรไปคะ” หลังจากที่ยืนสังเกตอาการซึมเศร้าของเด็กในปกครองมานาน คุณครูฮยอนอาเดินเข้ามานั่งคุกเข่าตรงหน้าเด็กน้อย ดวงตาใสแป๋วมองดูก็รู้ว่ากำลังจะร้องไห้อยู่รอมร่อ ..ติดแทยอนขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
“คิดถึงแทยอนเหรอ” ครูฮยอนอาถามย้ำด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนกว่าเดิม แต่กลับกลายเป็นว่าคำพูดของเธอไปกระตุกต่อมความอ่อนไหวของเด็กเอาแต่ใจอย่างมิยอง
“..ฮึก.. แทแทไม่ยอม..มา...โรงเรียน” ก้มหน้าร้องไห้กับมือเล็กๆที่พยายามปาดน้ำตาทิ้ง ครูสาวจับมือเล็กออกมากุมไว้กับตักของเจ้าตัว ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดน้ำตาให้แผ่วเบา
“ฟังครูนะคะมิยอง ที่แทยอนมาโรงเรียนไม่ได้เพราะว่าเขาไม่สบาย คุณพ่อของแทยอนโทรมาบอกครูว่าแทยอนเขาป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ อาจจะไม่ได้มาเล่นกับมิยองสักสองสามวัน”
“แทแท...ฮึก...แล้วแทแทจะหายไหมคะ”
“หายสิคะ แต่ตอนนี้ต้องให้แทยอนเขานอนพักผ่อนอยู่บ้านเยอะๆ จะได้หาย มาเล่นกับมิยองต่อได้ ..ส่วนมิยองก็ต้องไม่งอแงแล้วก็คอยเป็นกำลังใจให้แทยอนเขา ..นะคะคนเก่ง” ยิ้มใจดีปิดท้าย ลูบผมเด็กน้อยเบาๆอย่างเอ็นดู
“ค่ะ..”
“เอาล่ะ กลับห้องกับครูนะคะ”
ครูฮยอนอาอุ้มร่างของเด็กหญิงขึ้นมาแนบตัว ปล่อยให้มิยองกอดคอ และซบไหล่เธอไปตลอดทาง..
“ไม่เอา! แทไม่กิน!”
จินยงถอนหายใจเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ของวันนี้ มือที่ถือยาและแก้วน้ำแทบจะผล็อยตกด้วยความเหนื่อยใจกับอาการดื้อดึงของลูกสาว ตั้งแต่เช้ามาแทยอนยังคงยืนกรานไม่ยอมทานยา ส่วนข้าวก็ทานไปได้แค่สองสามคำเท่านั้นก็เลิก .. สภาพอิดโรยเพราะพิษไข้แบบนี้ ยังทำเอาเขาเหนื่อยใจไม่เท่ากับความดื้อดึง เสียงแข็งเวลาปฏิเสธยาจากเขา
“อย่าดื้อสิแทยอน เราต้องกินยานะ ไม่งั้นไม่หาย” คำพูดซ้ำๆ แบบเดิมๆเวลาล่อให้เด็กกินยาถูกฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้กี่รอบ เห็นว่าไม่สบายอยู่หรอกนะ เขาถึงได้ทนทำเสียงอ่อนแบบนี้ ยิ่งรู้ว่าลูกสาวตัวเล็กไม่ได้เป็นแค่ไข้หวัดธรรมดาๆก็ยิ่งบังคับไม่ลง
“ไม่หายก็ช่าง..”
นั่นไงล่ะ..ความดื้อดึง เอาแต่ใจ และทำเป็นเก่งเคยเป็นรองพ่อซะที่ไหน หายใจหอบจนแทบไม่มีแรงจะพูดก็ยังจะมาปฏิเสธยาได้อีก จินยงวางยาลงบนโต๊ะข้างเตียงอย่างจนปัญญา กล่อมให้กินยามาตั้งแต่เช้าแล้ว ตอนนี้ก็ปาเข้าไปเกือบเย็น แทยอนยังไม่ได้แตะยาเลยสักนิด .. ไม่น่าเลี้ยงเอาใจมาตั้งแต่เด็กเลย เห็นว่ามีแค่สองคนพ่อลูกหรอกนะ
“ทำไมไม่กินยาล่ะแทยอน ยิ่งเป็นแบบนี้ก็จะยิ่งไม่สบายหนักนะ”
“แทไม่กิน ไม่กินอะไรทั้งนั้นแหละ แทจะออกไปข้างนอก” ทำหน้าบูดบึ้งเอาแต่ใจทั้งๆที่ใบหน้าดูซีดเผือด ขนาดไม่สบายยังดื้อได้ขนาดนี้เชียว
“อยากออกไปก็ต้องพักผ่อนก่อน ให้หายดีกว่านี้ แล้วก็กินยาด้วย..ไม่งั้นพ่อจะพาไปนอนที่โรงพยาบาล”
“ไม่! แทไม่ไป! แทเกลียดหมอ!” เด็กตัวเล็กกระฟัดกระเฟียดเท่าที่เรี่ยวแรงอันน้อยนิดพอมีอยู่ แต่ผลที่ได้รับตอบกลับมามันทำให้ร่างกายเธอแย่หนักลงกว่าเดิม แทยอนสู้ร่างกายตัวเองไม่ไหวฟุบลงนอนกับเตียง หายใจหอบ เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นเต็มใบหน้าและลำคอ แม้ว่าผู้เป็นพ่อจะปรับเครื่องปรับอากาศให้อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุดแล้วก็ตาม
“งั้นก็ต้องกินยา”
“ไม่ แทไม่กิน แทจะไปหามิยอง”
“มิยองเขายังไม่กลับจากโรงเรียน จะไปหาได้ยังไง” น้ำเสียงเริ่มแสดงออกว่าเหนื่อยใจแค่ไหนกับความดื้อดึง เขาก็พอจะรู้มาบ้างว่าที่ลูกสาวตัวแสบออกไปวิ่งเล่นที่สวนสาธารณะบ่อยๆนั้นก็เป็นเพราะเพื่อนใหม่ที่ชื่อว่ามิยองคนนี้จากคำพูดของแทยอนที่มักจะกลับมาเล่าให้พ่อฟังอยู่บ่อยๆ แม้จะไม่เคยเห็นหน้าเด็กคนนั้นแต่เขาก็พอเดาได้ว่าคงจะน่ารักใช่ย่อย ถึงขนาดทำให้แทยอนดูร่าเริงและแก่นขึ้นมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
“อืม..งืม...” เสียงงึมงำช่วยบอกให้เขารู้ว่ายัยเด็กแสบหลับหมดสภาพไปแล้วเรียบร้อย สุดท้ายก็ไม่ได้กินยาจนได้..
จินยงเดินเข้าไปคลุมผ้าห่มให้เด็กตัวเล็ก ถึงจะเอาแต่ใจอย่างไรเขาก็ดุไม่ลง อาจจะเป็นเพราะกลัวว่าลูกสาวของเขาจะมีปมด้อยไปมากกว่านี้ มีแต่พ่อไม่แคยมีแม่มาตั้งแต่แบเบาะ เท่าที่เขาพอทำได้คือเติมเต็มในสิ่งที่แทยอนขาดหายไป แต่ตอนนี้หน้าที่การงานเขาก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆเขาก็ไม่อยากฝากแทยอนให้คนข้างบ้านคอยดูแลระหว่างที่เขาไปทำงานสักเท่าไหร่ อย่างเช่นวันนี้..
ก้าวเท้าเดินออกมาจากห้อง ปิดประตูให้เงียบที่สุดเพราะกลัวรบกวนการนอนหลับของเด็กตัวเล็ก เดินลงมาชั้นล่างตั้งใจจะเข้าครัวหาน้ำดื่มให้หายเหนื่อย แต่แล้วสายตาของเขามองลอดออกไปนอกหน้าต่าง เจอเข้ากับเด็กหญิงตัวน้อยยืนเก้ๆกังๆอยู่หน้าบ้าน ดูท่าทางลังเลเพราะไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเมื่อส่วนสูงเธอไม่พอที่จะเอื้อมมือขึ้นกดกริ่ง หรือไม่ก็ไม่กล้าจะเข้ามาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว..
เด็กหญิงผมสั้น..หรือว่าจะเป็นหนูมิยองที่แทยอนเล่าให้เขาฟังอยู่บ่อยๆ..
ร่างกายตอบสนองไวกว่าความคิด จินยงเปิดประตูบ้านเดินตรงไปเปิดประตูรั้ว ทำเอาเด็กหญิงที่ไม่ทันตั้งตัวว่าจะมีใครมาเปิดประตูให้ถึงกับสะดุ้งเฮือก ก้มหน้าก้มตาไม่ยอมมองหน้าเจ้าของบ้าน
“หนู..มิยอง ใช่ไหม?”
เด็กตัวน้อยเงยหน้าขึ้นมองแกมหวาดกลัว พยักหน้าหงึกหงักไม่กล้าตอบออกไปเต็มเสียง
“มาหาแทยอนหรออคะ?” พูดจาอ่อนโยนอย่างง่ายดายเพราะต้องเอาใจลูกสาวบ่อยครั้งอยู่แล้ว ขาก้าวลงไปคุกเข่าตรงหน้าเด็กน้อย รอยยิ้มบางๆฉายให้ดูใจดี
“ค..ค่ะ..”
“ไม่ต้องกลัว ลุงเป็นพ่อของแทยอนเอง แทยอนเขานอนพักผ่อนอยู่ข้างบนห้อง อยากไปเยี่ยมมั้ย?”
เด็กน้อยลังเลอยู่ครู่ใหญ่ สายตาลอบมองซ้ายขวา หน้าหลัง ก่อนจะพยักหน้าเบาๆให้ผู้ใหญ่พาเดินเข้าไปในบ้าน .. จินยงจูงมือพาเด็กน้อยขึ้นมาจนถึงห้องของแทยอน ใช้ความคิดนานอยู่สักพักเพราะเกรงว่ามิยองจะพลอยติดไข้ไปด้วยแต่ดวงตาใสแป๋วที่เงยขึ้นมองเขาราวกับจะถามอะไรบางอย่างก็ทำให้ยอมเปิดประตูพาเข้าไปในห้อง
“อืออ..” เสียงครางแผ่วเบาที่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพิษไข้ หรือเพราะมีเสียงดังรบกวนการนอนของเด็กตัวเล็ก มิยองก้าวขาเดินเข้าไปใกล้เตียงมองร่างซมเพราะไข้หวัด
“แทแท..”
“อือ..มิยองอา..” ละเมอพึมพำโดยไม่รู้ตัว แทยอนค่อยๆเปิดเปลือกตาหนักอึ้งร้อนผ่าวมองไปรอบๆ ก่อนจะเบิกตาโตเพราะคาดไม่ถึงว่าคนที่เธอละเมอเอ่ยถึงจะมายืนอยู่ข้างเตียง
“มิยอง..มิยอง” แทยอนสลัดคราบไม่สบายไปไม่เหลือ กระโดดลุกขึ้นตรงเข้ากอดมิยองที่เซจนเกือบล้ม ทำเอาผู้เป็นพ่อซึ่งยืนสังเกตการณ์อยู่หน้าประตูส่ายหน้าด้วยความระอาใจ
ให้มันได้อย่างนี้สิ..ลูกพ่อ..~
“แทแทคิดถึงมิยองจังเลย...อ๊ะ แทไม่สบายนี่นา มิยองออกไปก่อนนะ เดี๋ยวติดหวัด” แทยอนผละตัวออก กลับไปนั่งบนเตียงตามเดิม
“เค้าไม่กลัวหรอก เค้ามาเยี่ยมแทแทนะ”
“อืม..เหรอ ขอบใจนะ แทแทไม่เป็นไรแล้วล่ะ”
“แทแทโกหก ตัวแทแทร้อนจี๋เลย .. นี่ไง เห็นไหม ร้อนจริงๆด้วย” มิยองทิ้งตัวลงนั่งข้างๆตัวเด็กแสบ ใช้หลังมือทาบไปตามใบหน้าและลำคอของอีกฝ่าย พร้อมทำหน้าดุๆบึ้งๆใส่
“แค่ตัวร้อนเอง แทแทไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย ...แค่กๆ ๆ...” ปิดปากไออย่างหมดท่า
“แทแทไม่ยอมกินยาใช่ไหม”
“รู้ได้ยังไง ป๊าฟ้องมิยองเหรอ” แทยอนตวัดสายตาขวับใส่พ่อของตัวเองที่ส่ายหน้ารัว ปฏิเสธยกใหญ่
“มิยองคิดเองแหละ ก็แทแทไม่ชอบยา แล้วยาของแทแทตรงนี้ก็ยังเต็มขวดอยู่เลย” มิยองชี้ไปทางหัวเตียงซึ่งมีขวดยาน้ำสีชมพูอ่อนตั้งอยู่เต็มขวด เล่นเอาแทยอนหน้าเสีย ส่วนผู้เป็นพ่อของเธอนั้นได้แต่ยืนอึ้งอยู่หน้าห้อง เด็กคนนี้ฉลาดไม่เบา ..หนำซ้ำยังทำให้เจ้าเด็กตัวแสบอย่างแทยอนยอมสยบเสียขนาดนั้น ดูหน้าสิ..ถ้าไม่ติดว่าไม่สบายอยู่คงจะคลับคล้ายคลับคลาเหมือนลูกหมาหลงทางไม่มีผิด เห็นแบบนี้ต้องเชียร์ เอ้ย! ต้องใส่ความ
“ดีเลย หนูมิยอง ลุงจะป้อนยาแทยอนเขามาตั้งแต่เช้าแล้วแต่แทยอนดื้อมากไม่ยอมกินยาเลย ..หนูมิยองช่วยลุงป้อนยาเด็กดื้อให้ลุงหน่อยได้ไหม?” แทยอนตวัดสายตาใส่พ่ออีกครั้ง ซึ่งเขาก็ได้แต่ยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้
“มา..เค้าป้อน..” มิยองค่อยๆเทยาสีชมพูอ่อนใส่ช้อนขนาดเล็กสำหรับตวงยา มือเล็กเอื้อมไปตรงหน้าของคนที่เม้มปากปิดสนิท
“แทแท อ้าปากสิ..”
แทยอนกอดอก เมินหน้าหนี ... หัวเด็ดตีนขาดเธอก็จะไม่กินยา ไม่มีทางเสียหรอก
“ถ้าแทแทไม่กิน เค้าจะโกรธแล้วนะ”
“อ๋าา.. กินก็ได้ๆ แทแทกินก็ได้” เจอคำขู่แบบนี้ถึงกับยอมแพ้ราบคาบ สิโรราบแต่โดยดี มิยองป้อนยาสีชมพูเข้าปากแทยอนที่ทันทีที่ยาเข้าปากก็รีบกลืนยาลงคอดังเอื๊อก หลับตาปี๋ เม้มปากแน่น ก่อนจะรับแก้วน้ำเปล่ามาจากมิยองมาดื่มล้างปากเสียหมดแก้ว
จินยงอ้าปากเหวอ นี่เขาทนง้อแทยอนมาตั้งแต่เช้ายันเย็น ไม่มีแม้แต่วี่แววว่าจะได้ผล แต่กลับกลายเป็นเด็กตัวน้อยอย่างมิยองที่แทยอนยอมกินยาอย่างง่ายดายขนาดนี้.. สงสัยเขาต้องลองปล่อยให้เด็กสองคนอยู่กันตามลำพังสักพักแล้วล่ะ คิดแล้วก็เปิดประตูก้าวออกจากห้องอย่างเงียบๆไม่ให้เด็กทั้งสองคนรู้ตัว
“มิยองอยู่กับแทแทก่อนนะ” แทยอนล้มตัวลงนอน มือกุมมือเล็กของมิยองเอาไว้
“อื้ม..เค้าจะอยู่กับแทแทจนกว่าแทแทจะหลับ” มิยองล้มตัวลงนอนข้างๆเด็กตัวเล็กอย่างไม่กลัวติดไข้
“ไม่เอา.. มิยองนอนค้างบ้านแทแทไม่ได้เหรอ อยู่เป็นคุณหมอให้แทแทไง”
“ไม่ได้หรอก พรุ่งนี้เค้าต้องไปโรงเรียน ..แต่เค้าจะมาเยี่ยมแทแททุกวันนะ” พูดต่อประโยคหลัง เมื่อเห็นแทยอนเริ่มแบะริมฝีปากล่าง
“ที่โรงเรียน เจ้าจางชิกมันยังแกล้งมิยองอยู่หรือเปล่า”
“ไม่มีใครแกล้งเค้าหรอก”
“อืม ดีแล้ว..แทแทเป็นห่วงนะ”
“เค้าก็เป็นห่วงแทแท..แทแทต้องกินยา จะได้หายเร็วๆรู้ไหม”
“อื้อ ถ้ามิยองมาป้อนให้ แทแทจะกินทุกวันเลย”
จินยงแง้มบานประตูออกเล็กน้อย ชะเง้อหน้าเข้ามองเด็กทั้งสองคนซึ่งตอนนี้ผล็อยหลับไปทั้งคนป่วย ทั้งคุณหมอจำเป็น แขนบางเอื้อมกอดเอวของอีกฝ่ายจนตัวแทบจะแนบชิดติดกัน ใบหน้ายามหลับแสนไร้เดียงสาน่ารักของทั้งคู่สร้างรอยยิ้มให้แก่เขาไม่น้อย
โดยที่เขาไม่ทันรู้เลยว่า เด็กน้อยคนนั้นจะเป็นลูกสาวของใครบางคนที่เขาคาดไม่ถึงเลย..
หญิงสาวกอดตัวเองอย่างหมดหวัง ปรายตามองท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเข้ม ผู้คนแปลกหน้ารอบๆตัวเริ่มเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆเมื่อเวลานี้เป็นช่วงเลิกงาน จึงไม่แปลกที่การจราจรจะเริ่มแอดอัด ตามทางเท้าจึงเพิ่มจำนวนคนเดินตามไปด้วย
“ขอโทษค่ะ” ร่างบางกล่าวคำขอโทษให้กับบุคคลที่ดูไม่ใส่ใจสิ่งรอบตัวเลยสักนิด มีเพียงแววตาขัดใจที่มองมาทางเธอราวกับว่าเธอตั้งใจจะถอยหลังไปชนเขาเสียอย่างนั้น
“คราวหลังมองทางบ้างสิคุณ ไม่ใช่ถอยหลังเดิน” ชายหนุ่มนักธุรกิจต่อว่าเธออย่างกราดเกรี้ยว ก้มลงทำท่าปัดฝุ่นบนกระเป๋าใส่โน้ตบุ๊คสุดหวงของตัวเองอย่างกับว่ามันเป็นต้นกล้าเล็กๆที่พร้อมจะล้มตายทันทีที่มีอะไรก็ตามมากระทบกระทั่ง ก่อนจะเดินต่อไปโดยไม่หันมามองเธออีก
นี่สินะ.. สังคมของโลกภายนอก ความเป็นอยู่และความดิ้นรนเพื่อชีวิตของตัวเอง ไม่สนใจสิ่งรอบข้างหรือแม้แต่ความรู้สึกของคนรอบๆตัว ยิ่งสำหรับคนที่จำอะไรไม่ได้แม้แต่ชื่อตัวเองเช่นเธอแล้ว มันช่างเลวร้ายเหลือเกินที่มาเผชิญหน้ากับความความเห็นแก่ตัวของสังคมเช่นนี้
คงไม่มีใครดีกับฉันได้เท่าเธอแล้วล่ะ ..แทยอน
กับคนที่ไม่เหลืออะไรให้เป็นความทรงจำพอที่จะบ่งบอกได้ว่าตัวเองเป็นใคร มาจากไหนอย่างฉัน กลับมีเธอยื่นมือเข้ามาพร้อมกับบอกว่า’ฉันจะดูแลเธอเอง’ ทั้งๆที่มันไม่จำเป็นเลยสักนิดอย่างที่เพื่อนของเธอและผู้ชายที่มาบอกว่าแอบรักเธอคนนั้นบอกมา แล้วยิ่งเธอทำดีกับฉันมากเท่าไหร่..ความรู้สึกแปลกๆและความผูกพันในหัวใจของฉันที่มีให้เธอก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
จนในตอนนี้.. ฉันไม่อยากกลับไปเป็นตัวตนเดิมที่ฉันควรจะเป็น ตัวตนเดิมของฉันที่เธอพยายามผลักไส ฉันอยากอยู่กับเธอ อยู่ข้างๆเธอ .. อยากเป็นมิยองของเธอตลอดไป ..
“..ฮึก..แทแท เค้าขอโทษ” กอดตัวเองอย่างอ่อนแรง เป็นเพราะความน้อยใจและอารมณ์ชั่ววูบแท้ๆ ทันทีที่เห็นแทยอนหันหลังเดินออกจากห้องเพื่อไปทำงานโดยทิ้งเธอไว้อยู่ในห้องเพียงคนเดียว น้ำตาที่คิดว่าแห้งเหือดไปตั้งแต่เมื่อคืนก็กลับมาอีกครั้ง ..หัวใจพร่ำบอกตลอดเวลาว่าเธอคงเบื่อฉันแล้วจริงๆ
ขาเรียวก้าวเดินตั้งใจจะกลับไปที่คอนโดของเธอแต่ก็ต้องหยุดเมื่อความคิดวูบหนึ่งฉายซ้ำกลับมาอีกครั้งว่าเธอไม่ควรกลับไปเป็นภาระให้แทยอนอีก หารู้ไม่ว่า..ที่ๆเธอกำลังยืนอยู่ตอนนี้มันไม่ใช่ริมฟุตบาท หากแต่เป็นกลางถนน..
เอี๊ยดด ดด ด!!
เสียงยางล้อรถเสียดสีกับพื้นถนนดังลั่นเรียกความสนใจและสายตาทุกคู่ในบริเวณนั้นให้หันมามองอยู่ที่จุดๆเดียว ร่างบางยืนตัวแข็งก้มหน้าลงด้วยความหวาดกลัว ไม่มีเสียงร้องหรือคำอุทานใดๆออกจากปากเธอ หากแต่ความตกใจกับอาการขวัญเสียต่างพลุ่กพล่าน ที่มากไปกว่านั้นคือเสียงเบรกดังยังคงดังก้องอยู่ในหู
“คุณ! มายืนอะไรกลางถนน อยากตายนักหรือไง!” คนขับรถชะโงกหน้าออกมาด่ากราด ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเป็นผู้หญิงหรือใครก็ตาม ก็ถ้าเมื่อครู่ถ้าเขาเหยียบเบรกไม่ทัน คนตรงหน้าคงไม่ได้มายืนตัวสั่นงกอยู่อย่างนี้หรอก
“ว่าแล้วยังไม่หลบไปอีก ..อ๋อ หรืออยากจะเรียกร้องค่าทำขวัญ ฝันไปเถอะ!”
ทว่าหญิงสาวยังคงยืนนิ่งราวกับไม่ได้ยินในสิ่งที่เขาพูด เสียงเบรกยังคงดังลั่นก้องอยู่ในหูไม่หยุดราวกับเป็นภาพหลอน มือข้างเดียวที่ใช้การได้ยกขึ้นกุมศีรษะแน่นเมื่อจู่ๆอาการปวดจี๊ดเริ่มประดังเข้ามาไม่ให้เธอได้ทันตั้งตัว
“ขอโทษด้วยครับ..ผมขอโทษแทนเธอด้วย”
ร่างบางรู้สึกได้ถึงอ้อมแขนของใครบางคนที่เข้ามาประคองเธอเอาไว้ได้ทัน คนๆนั้นก้มหัวขอโทษขอโพยคนขับรถเจ้าอารมณ์ก่อนจะพาเธอเดินกลับมาที่ริมฟุตบาท ซึ่งร่างบางไม่ได้ขัดขืนเขาเลยแม้แต่นิดเดียว หรือจะพูดให้ถูก..ตอนนี้เธอไม่มีเรี่ยวแรงที่จะทำเช่นนั้นมากกว่า
“ฟานี่..ฟานี่ เป็นอะไรหรือเปล่า”
“คุณ..” เสียงเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากสั่นเครือเมื่อเห็นใบหน้าของชายหนุ่มที่เข้ามาช่วยเธอเอาไว้ หากแต่สติของเธอกลับเริ่มเลือนรางจนไม่มีแรงจะเอ่ยปากพูดได้อีกต่อไป
“ฟานี่ ฟานี่!” ชาหยนุ่มร้องเรียกชื่อของอีกฝ่าย ในขณะที่ร่างบางภายในอ้อมแขนของเขาหมดสติไปดื้อๆ
แทยังประคองคนร่างบางไปนั่งที่ม้านั่งสาธารณะใกล้ๆ จับท่าทางให้เธอซบไหล่เขา พลางคอยร้องเรียกชื่อคนรักเก่าพร้อมกับแตะแก้มนวลใสเบาๆ แต่เธอก็ยังคงไม่ได้สติ
เธอเป็นอะไรไปทิฟฟานี่..
ชายหนุ่มคิดทบทวนเหตุการณ์ครั้งล่าสุดที่เขาได้พบกับเธอหลังจากวันเลิกรา ในวันนั้นเธอทำท่าราวกับไม่รู้จักเขา หนำซ้ำผู้หญิงตัวเล็กคนนั้น เขาได้กลับมาคิดทบทวนแล้วว่าไม่เคยเห็นทิฟฟานี่มีเพื่อนคนไหนนอกจากเจสสิก้า แล้วคนตัวเล็กคนนั้นเป็นใครกัน?
“..ทะ..แท...”
เสียงครางแผ่วเบาทำให้เขาหยุดความคิดทั้งหมด ก้มหน้าลงมองร่างบาง ..เมื่อครู่นี้ เธอเอ่ยชื่อเขางั้นหรือ?
“แท..แท...”
“ทิฟฟานี่..ผมอยู่นี่..” กุมมือบางกระชับไว้แน่น ใจเต้นเป็นลิงโลดอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อได้ฟังชื่อของตัวเองหลุดออกมาจากปากคนรักเก่า .. ชื่อที่เขาห้ามไม่ให้เธอเรียกในวันที่เขาต้องการให้อีกฝ่ายตัดใจ หากแต่สิ่งที่เขาทำลงไปทั้งหมด มันกลับทำให้เขาเจ็บปวดมากกว่าเธอเสียอีก
“แท..ยอน...”
หัวใจที่เคยสั่นไหวตอนนี้กลับเต้นได้ช้าลงจนเขากลัวว่ามันจะหยุดไป ความรู้สึกชาด้านระบายไปทั่วทั้งตัว เมื่อรู้ว่าคนที่เธอพยายามเรียกร้องหานั้น ไม่ใช่ชื่อเขา..
เจ็บ..หากแต่พอเข้าใจว่าวินาทีที่เขาเอ่ยบอกเพื่อจบความสัมพันธ์คนรัก หญิงสาวตรงข้างคงจะเจ็บมากแค่ไหน บางที..อาจจะเจ็บมากกว่าเขาที่เคยเข้าข้างตัวเองมาตลอด หลังจากช่วงเวลานั้นเธอคงจะไปเจออะไรมาที่สามารถทำให้เธอเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้ ...หรือบางที เขาเองต่างหากที่เป็นฝ่ายเปลี่ยนไป ..
เวลาล่วงเลยผ่านไปนานมากมายแค่ไหน หากแต่หญิงสาวร่างเล็กดูจะไม่ใส่ใจมันเลย ..แทยอนนั่งกอดเข่าอยู่หลังบานประตู ข้างๆตัวเธอมีดอกกุหลายสีชมพูสดใสวางอยู่ บริเวณแก้มนวลยังมีรอยคราบน้ำตาให้เห็น แม้ว่ามันจะหยุดไหลไปแล้วสักพักก็ตาม
ท่าทางดูราวกับคนไร้วิญญาณ ดวงตาทั้งคู่เหม่อลอยแทบไม่มีความรู้สึกยังคงมีน้ำตาใสปริ่ม มือบางยกขึ้นเช็ดน้ำตาให้ตัวเองลวกๆ ก้มลงมองดอกกุหลาบ เย้ยหยันในความโง่ของตัวเอง
แกมันบ้า คิมแทยอน.. แกผิดเองและสมควรแล้วที่ต้องมานั่งเจ็บปวดอยู่แบบนี้ ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะต้องไปโทษใครเขา..
“เธอไปโดยไม่คิดจะลาฉันสักคำเลยเหรอ มิยอง..”
ก๊อกๆ ๆ ..
แทยอนลุกขึ้นพรวด จนแทบจะทรงตัวไม่อยู่ ร่างเซไปอีกทางแต่ยังใช่มือยันผนังไว้ได้ก่อนจะล้ม ปฏิกิริยาขาขยับก้าวไปไวกว่าความคิดด้วยความหวังว่าคนที่มาเคาะประตูจะเป็นคนที่เพิ่งทิ้งเธอไป
บานประตูถูกเปิดออก แทยอนมองร่างไร้สติของมิยองซึ่งอยู่ในอ้อมแขนประคองของชายหนุ่ม ..สมองประมวลผลตอบคำถามจากทางสายตาทันทีว่า คนตรงหน้าคือชายที่อ้างว่าเป็นคนรักเก่าของร่างบาง
“นาย..มิยองเป็นอะไร” แทยอนเลือกที่จะสนใจร่างบางมากกว่าการพบกันอีกครั้งกับชายหนุ่ม
“นายทำอะไรมิยอง! บอกมานะว่ามิยองเป็นอะไร!” ถามซ้ำอีกครั้งด้วยความใจร้อนเมื่อไม่ได้รับคำตอบกลับมาสักที มือบางผลักไหล่หนาอย่างเอาเรื่อง
“ผมควรจะเป็นฝ่ายถามคุณมากกว่า ว่าคุณทำอะไร ทำไมทิฟฟานี่ถึงได้เป็นแบบนี้ คุณทำอะไร ทำไมถึงได้ปล่อยให้ทิฟฟานี่ออกไปเดินอยู่ด้านนอกที่อันตรายเกินไป ..” คำถามสวนกลับทำเอาแทยอนถึงกับสะอึก อ้าปากตอบคำถามนั้นอย่างยากลำบาก จนประโยคของเธอดูตะกุกตะกักไปหมด
“ฉัน..กับมิยอง..เราสองคน..ทะเลาะกัน ... มิยองเลย..หนีฉันไป”
“หึ.. แล้วคุณก็ปล่อยให้เธอไปง่าย ไม่คิดจะออกตามหา .. ทิฟฟานี่เกือบถูกรถชน ก่อนจะหมดสติไป ไหนคุณบอกผมเองไงว่าคุณจะดูแลเธอ แล้วทำไมถึงปล่อยให้เธอออกไปเดินอยู่คนเดียว” พูดจบก็ส่งตัวร่างบางให้คนซื่อที่รับมาประคองว่าในอ้อมแขนอย่าง งงๆ
“ผมไม่รู้หรอกนะว่าทิฟฟานี่เป็นอะไรไป แต่ที่ผมอุตส่าห์ถามคนแถวๆนี้จนมาถึงที่ห้องของคุณ เพราะผมเชื่อใจคุณ .. ดูแลทิฟฟานี่ให้ดีที่สุด อย่าทำให้เธอเสียใจ และอย่าปล่อยให้เธออยู่คนเดียวอีก ผมเคยทำผิดพลาดมาแล้ว และคิดว่าคงไม่สามารถกลับไปแก้ตัวได้อีกครั้ง และหวังว่าคุณจะดูแลเธอได้ดีกว่าผม..” น้ำเสียงทุ้มนั้นสั่นเครือเล็กน้อยแม้เจ้าตัวจะพยายามบังคับตัวเองไม่ให้แสดงออกมากไปกว่านี้ แทยอนกระชับร่างบางในอ้อมแขน มองชายหนุ่มด้วยแววตาจริงจัง
“ฉันอาจรู้จักเธอไม่ดีเท่าคุณ แต่ฉันสัญญา..เธอจะไม่มีวันเสียใจเพราะฉันอีกแล้ว”
“ขอบคุณครับ..ผมขอตัว” ชายหนุ่มโค้งตัวเล็กน้อย มองร่างบางของคนรักเก่าก่อนจะหันหลังเดินจากไป ให้แทยอนประคองร่างคนหมดสติเข้าห้อง ปิดประตูด้วยเท้า
แทยอนวางร่างบางลงแผ่หงายกับเตียงแผ่วเบา ส่วนตัวเองนั่งลงข้างๆเตียงจัดท่าทางให้อีกฝ่ายได้นอนในท่าที่สบายที่สุด
“อื้อ อ..” คนนอนหลับปัดมืออีกฝ่ายออกจากตัวเมื่อโดนรบกวนมากเกินไป หารู้ไม่ว่ามือของเธอปัดมือบางให้ลากผ่านเนินอกตัวเองอย่างไม่ตั้งใจ ส่งผลให้คนตัวเล็กเลือดลมสูบฉีดขึ้นใบหน้าจนรู้สึกร้อนวูบวาบไปหมด
ไม่ได้ๆ อย่าไขว้เขวสิ แทยอน
แทยอนลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป กลับเข้ามาพร้อมกับกะละมังเล็กๆใส่น้ำอุ่น พร้อมกับผ้าขนหนูผืนเล็กเพื่อจะเช็ดตัวให้คนตัวรุมๆ ..ผ้าขนหนูผืนเล็กชุบน้ำบิดหมาดๆ แตะแผ่วเบาไปตามใบหน้าเพราะกลัวอีกฝ่ายจะรู้สึกตัวละเมอแบบเมื่อครู่อีก
“แท..แท...”
คนร่างเล็กหยุดการกระทำของตัวเองทันที เมื่อมิยองเริ่มรู้สึกตัวอีกครั้ง ร่างบางลืมตาปรือมองมาทางเธอ ดวงตาคู่สวยดูเหนื่อยล้าและอ่อนแรงจนเธอรู้สึกผิด
“มิยอง..เป็นไงบ้าง”
“ป..ปวดหัว” คนถูกถามยกมือขึ้นแตะศีรษะ น้ำเสียงอ่อนแรง แทยอนคว้ามือบางนั้นมากุมไว้หลวมๆ ประคองใบหน้าของเธอช้อนขึ้นสบตากัน
“มิยอง..ฉันขอโทษ”
“แทแท..”
“ฉันขอโทษที่พูดออกไปแบบนั้น อันที่จริงฉันเป็นห่วงเธอนะ ไม่อยากให้เธอต้องมาทนเป็นคนไร้ความทรงจำแบบนี้ ฉันสงสารเธอ .. ฉันอยากให้เธอหายดี แต่ฉันก็ไม่อยากให้เธอจากฉันไปไหน ....ฉัน.......”
แทยอนตาเบิกโตด้วยความตกใจ เมื่อถูกคนร่างบางประคองใบหน้าดึงเข้ามาปิดปากก่อนทันจะได้พูดจบด้วยจูบของเธอ ริมฝีปากของทั้งสองคนแนบชิดปิดสนิทไม่ให้คนตัวเล็กได้พูดอะไรอีก ลมหายใจอุ่นๆของอีกฝ่ายทำให้ใบหน้าของร่างเล็กแดงระเรื่อขึ้นให้กับสัมผัสที่ไม่เคยได้รับมาก่อน
มิยองถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง รอยยิ้มบางฉาบอยู่บนใบหน้า กว่าแทยอนจะรู้สึกตัว ร่างบางก็เอนตัวนอนหลับตาพริ้มไปแล้ว นิ้วเรียวยกขึ้นแตะริมฝีปากตัวเองลูบเบาๆ ใบหน้ายังคงแดงเรื่อ
เธอทำอะไรลงไปรู้ตัวบ้างไหมเนี่ย มิยอง..
ความคิดเห็น