คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : Chapter 10 :: Jealousy
Chapter 10 :: Jealousy
นับเป็นครั้งที่ยี่สิบ ที่ซอฮยอนแอบเหล่มองเพื่อนสนิทจากที่นั่งข้างๆ พร้อมกับคิดไม่ตกว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับยุนอาหรือเปล่า? ทำไมน่ะหรือ.. อย่างที่เคยบอกไป ว่ายุนอาเบื่อการนั่งฟังเหล่าครูบาอาจารย์พูดพล่าม พรรณาหน้าชั้นมากแค่ไหน ได้ฟังทีไรราวกับได้ยินเสียงร้องเพลงกล่อมเด็กนอนเมื่อนั้น และแน่นอนว่าเจ้าตัวจะฟุบหน้าลงกับโต๊ะหลับไปในที่สุด ถึงกระนั้นก็ไม่มีอาจารย์คนไหนว่าเธอเลยสักครั้ง เพราะผลการสอบทุกๆครั้งที่ออกมา ยุนอาทำได้ดีกว่าที่คาดแบบไม่น่าเชื่อ
เหตุผลมันจะเป็นอะไรไปได้อีก เหล่าอาจารย์เลยต่างพากันฟันธง คอนเฟิร์มว่าที่ยุนอาทำได้ดีเกินคาดเช่นนั้นก็เป็นเพราะ เพื่อนสนิทอย่างซอฮยอนต่างหากเล่า! เชื่อได้เลยว่าเด็กเรียนอย่างซอฮยอนต้องจดเลกเชอร์ไว้เผื่อเพื่อนตัวดีชัวร์ๆ และเมื่อถึงเวลาใกล้สอบหญิงสาวต้องทำอะไรสักอย่างให้คนอย่างยุนอามานั่งตั้งหน้าตั้งตาติวหนังสือด้วยกันนั่นแล
แต่คราวนี้กลับกลายเป็นว่าซอฮยอนไม่ได้สนใจฟังอาจารย์เท่าที่ควร เธอคอยเหลือบมองไปทางยุนอาด้วยความแปลกใจ คราวนี้ยุนอาไม่หลับเหมือนคราวก่อนๆ นี่ก็ใกล้เวลาจะจบคาบเรียนวิชานี้อยู่แล้ว แถมคาบนี้กินเวลาไปตั้งสองชั่วโมง เป็นไปไม่ได้เด็ดขาดที่ยุนอายังนั่งตาใสแป๋ว ไม่มีวี่แววง่วงนอนเลยแม้แต่นิดเดียว
หากแต่ใช่ว่าจะดีไปเสียทั้งหมด เพราะดูเหมือนเจ้าตัวไม่ได้ฟังที่อาจารย์พูดเลยด้วยซ้ำ ร่างเพรียวนั่งชันคางมองกระดานที่เต็มไปด้วยลายมือหวัดๆ ลบแล้วลบอีกจนแลดูงงไปหมดของอาจารย์ สายตาของเธอดูเหม่อลอยเกินกว่าจะรับรู้เรื่องราวภายนอก ..หรือว่าวันนี้อิม ยุนอาจะพัฒนาจากหลับ เปลี่ยนมานั่งเหม่อตาลอยแทน.. อย่างน้อยๆ ถ้าอยากคิดในแง่ดี ก็ถือว่าดีขึ้น แต่กว่าจะได้ตั้งใจเรียนจริงๆเธอก็คงจบการศึกษาไปแล้วล่ะ เพราะนี่มันก็ปีที่สี่สำหรับพวกเธอแล้วนะ
อาจารย์พูดอะไรบางอย่างทิ้งท้ายสองสามคำก่อนจะเดินออกไปจากห้อง เป็นสัญญาณให้นักศึกษาทุกคนรู้ว่าถึงเวลาเลิกเรียนวิชาอันแสนหฤโหดแล้ว ต่างคนต่างบิดขี้เกียจและเก็บอุปกรณ์ ในขณะที่บางคนรีบวิ่งตามอาจารย์ออกไปเพื่อสอบถามปัญหาบางข้อ ทางด้านซอฮยอนก็เหม่อมองคนข้างๆเสียเพลิน มารู้สึกตัวอีกทีเมื่อเพื่อนร่วมห้องเดินเฉี่ยวแขนเธอ
ร่างบางเก็บอุปกรณ์ของตัวเองเข้ากระเป๋า ดูเหมือนยุนอาเริ่มจะรู้สึกตัวบ้างแล้ว หญิงสาวพ่นลมหายใจพรืดใหญ่ บิดขี้เกียจเล็กน้อยแล้วเนียนเอียงศีรษะลงซบไหล่บางของเพื่อนสนิท ถือเป็นเรื่องปกติที่เธอชอบทำบ่อยๆเสียแล้ว แต่สำหรับซอฮยอน ความรู้สึกมันไม่เคยปกติทุกครั้งที่ยุนอาทำแบบนี้กับเธอ
“ฉันเหนื่อยจังซอ..” น้ำเสียงแผ่วเบาบ่งบอกให้รู้ว่าเธอเหนื่อยจริงๆ ซอฮยอนได้แต่เก็บข้าวของของยุนอาเข้ากระเป๋าอย่างเชื่องช้า แอบรู้สึกได้ว่ามือตัวเองสั่นระริก
“เหนื่อย? เหนื่อยอะไร..ถึงยุนจะไม่ได้หลับเหมือนทุกๆครั้ง แต่ฉันก็เห็นยุนนั่งเหม่อทั้งคาบอยู่ดี ไม่เห็นมีอะไรน่าเหนื่อยเลย” ซอฮยอนร่ายยาวตามธรรมชาติที่เธอควรจะเป็น แม้ว่าลึกลงไปในจิตใจแล้วเธอไม่อยากจะพูดอะไรอีก อาจจะเป็นเพราะเธอรู้ทันเพื่อนคนนี้ มีอยู่แค่เรื่องเดียวที่ทำให้ยุนอาทำตัวแปลกประหลาดไปจากที่เคยเป็น ..เรื่องของรุ่นพี่ เจสสิก้า
“เธอพูดเหมือนกับว่านั่งมองฉันตลอดอย่างนั้นแหละ” ยุนอาเงยหน้าขึ้น เพ่งมองเพื่อนอย่างจับผิด ซอฮยอนชะงักเล็กน้อยก่อนจะยัดหนังสือเล่มสุดท้ายใส่กระเป๋า ส่งให้ยุนอา ส่วนตัวเธอก็ลุกพรวดรีบเดินออกจากห้องโดยไม่หันมามองเพื่อนสนิทที่นั่งงงเป็นกวางตาแตก ...กวางพูดอะไรผิดไปเหรอ? ...
“เฮ้! ซอ จะรีบไปไหนของเธอ รอฉันด้วยสิ .....อ่าว เธอ..” ยุนอาจำต้องหยุดวิ่งตามเพื่อนสนิทที่เดินไปโดยไม่ได้หันกลับมามองเธอเลย ร่างโปร่งมองใบหน้าของผู้ที่มาขวางทางเธอเอาไว้ด้วยสายตางงงัน
“มีอะไรกับพี่หรือเปล่า ฮาร่า” ถามเปิดประเด็นทันที สายตาคอยชะเง้อมองซอฮยอน ..ไม่คิดจะหันหลังมามองกันหรือไง ยัยกบ!
“มีสิคะ เป็นเรื่องที่พี่ยุนต้องรู้ด้วย”
“ขอโทษนะคะ แต่ว่ามันสำคัญหรือเปล่า พอดีตอนนี้พี่รีบน่ะ” ส่งยิ้มรู้สึกผิดตามมารยาท ชะเง้อมองหาซอฮยอนที่หายไปแล้ว
“สำคัญสิคะ พี่ยุนจำเป็นต้องรู้ด้วย นี่ไงคะ..” หญิงสาวยื่นรูปถ่ายสองสามใบมาให้เธอ ยุนอาถอนหายใจเบาๆเมื่อเห็นว่าหมดหวังที่จะตามเพื่อนสนิทให้ทัน ก้มลงมองรูปถ่ายอย่างเสียไม่ได้ แต่แล้วสิ่งที่ฉายแสดงจากภาพเพียงแค่สามใบก็ดึงความสนใจจากเธอไปได้สิ้นเชิง
ภาพของเจสสิก้า คนรักของเธอกำลังเดินอยู่กับสาวร่างสูงคนหนึ่ง เธอจำได้ทันทีว่าคนๆนั้นคือยูริ พี่สาวของซอฮยอน ทั้งสองคนกำลังส่งยิ้มให้กัน อีกรูปหนึ่งเป็นรูปที่ร่างสูงยืนอยู่เหนือโต๊ะทำงาน มีเจสสิก้านั่งอยู่ใกล้ๆกัน รูปนี้จะดูไม่เอะใจเลยแม้แต่นิด เพราะเจสสิก้ากำลังก้มหน้าก้มตาดูงานในแฟ้มใหญ่ กลับกลายเป็นสายตาของร่างสูงที่ทำให้เธอรู้สึกหวั่น ดวงตาเข้มคู่นั้นจับจ้องอยู่ที่คนรักของเธอโดยตรง
ซ้ำ สายตาคู่นั้น ทำให้เธอละสายตาจากภาพ ไม่อยากแม้แต่จะมองดูรูปต่อไป..
“ไปได้รูปพวกนี้มาจากไหน”
คนถูกถามยิ้มกริ่ม ดูพอใจในผลงานของตัวเอง เพราะคราวนี้ยุนอาดูจริงจังกว่าครั้งก่อนๆมาก ใช่แล้ว..เธอหลงรักคนตรงหน้า และก็รู้ด้วยว่าอีกฝ่ายก็รู้ถึงความรู้สึกของเธอที่มีให้เขา ทว่าความรู้สึกที่เธอได้รับกลับมาไม่เคยมากไปกว่าคำว่าพี่น้องเลย แน่นอนว่าเธอไม่ต้องการมัน..และคิดไปเองว่าที่มันเป็นเช่นนั้น ก็เป็นเพราะยุนอามีคนรักอยู่แล้ว นั่นก็คือรุ่นพี่เจสสิก้า..
มันคือสิ่งที่เธอเฝ้าทำมาโดยตลอด หญิงสาวเฝ้าคิดคร่ำครวญว่าที่ทำลงไปนั้นเพื่อตัวเธอเอง เธอรักยุนอาไม่น้อยไปกว่าเจสสิก้า แล้วทำไมความรักของเธอจึงถูกมองข้ามไปอย่างง่ายดาย ทั้งๆที่เธอเอาใจใส่คนตรงหน้ามากกว่าแท้ๆ .. คำว่ายอมแพ้มันจะไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ สำหรับเธอ ..
“ฮาร่า! พี่ถามว่าไปเอารูปพวกนี้มาจากไหน!” ถามย้ำอีกครั้งเมื่อไร้คำตอบใดๆออกมาจากริมฝีปากนอกจากรอยยิ้มหยัน ฮาร่าส่งยิ้มอีกครั้งก่อนจะเอ่ยปากตอบราวกับผู้ชนะ
“ยุน.. เกิดอะไรขึ้น..” ซอฮยอนที่หลังจากหันมาสังเกตเห็นว่ายุนอาไม่ได้เดินตามเธอไป จึงเดินกลับมาเผื่อเกิดอะไรขึ้น แล้วมันก็เป็นไปตามที่เธอคาดเอาไว้ .. เธอเห็นแว๊บๆว่าฮาร่ามายืนลับๆล่อๆอยู่หน้าห้องเรียน ใช่ว่าเธอไม่รู้ว่าหญิงสาวคนนี้คิดอย่างไรกับยุนอา แต่ก็ไม่คิดว่าจะมายืนรอดักเพื่อนของเธอ
“นี่มัน...พี่ยูล” สายตาพลันไปเห็นรูปถ่ายในมือของรุ่นน้อง ฮาร่ารีบชักรูปเก็บ หากแต่มันไม่ทันเสียแล้ว ..ซอฮยอนมองเห็นรูปทั้งหมดและรู้ทันทันทีถึงเหตุผลที่ฮาร่ามาดักรอถึงหน้าห้องเรียน
“ยุน ไปเถอะ เรามีเรียนต่อนะ พี่ขอตัวนะคะฮาร่า” กระตุกแขนเพื่อนหนึ่งครั้ง ยุนอาพยักหน้าเบาๆเลื่อนมือลงประสานมือของซอฮยอนค่อยๆก้าวขาตาม โดยไม่หันกลับไปมองฮาร่าอีก
“ยุน..รูปพวกนั้น อย่าไปคิดมากเลย เธอก็รู้ว่าที่ผ่านมาฮาร่าคอยแต่จับผิดพี่สิก้า รูปพวกนั้นมันไม่มีอะไรเกินเลยด้วยซ้ำ” พูดออกไปเมื่อเห็นว่าเดินห่างมามากแล้ว หากแต่คำตอบที่เธอได้รับก็คือความเงียบเช่นเคย
“ยุนต้องเชื่อใจพี่สิก้านะ ฉันเชื่อว่าพี่ยูลคงไม่ใช่คนแบบนั้นแน่นอน” ถึงแม้จะล่วงรู้มาว่าพี่สาวต่างสายเลือดของเธอรู้สึกอย่างไรกับเจสสิก้า แต่มันก็เป็นแค่เพียงความรู้สึกชั่ววูบของยูริไม่ใช่เหรอ และมันก็เป็นธรรมดาสำหรับผู้ที่พบเห็นเจสสิก้าเป็นครั้งแรก เรียกได้ว่าไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงเป็นต้องหลงเสน่ห์เงียบๆได้อย่างง่ายดาย รวมไปถึงยูริด้วย ..
“อืม.. ฉันไม่คิดมากหรอก ฉันเชื่อใจพี่สิก้าอยู่แล้ว”
แล้วทำไมตัวเธอต้องเจ็บมากมายขนาดนี้ด้วยล่ะจูฮยอน.. เธอเป็นคนปลอบใจเขาเองไม่ใช่หรือไง?
นานพอสมควรกว่าซูยองจะทำใจให้เดินเข้าไปในถิ่นกระรอกดุ เอ้ย! ร้านกาแฟซันชายต่างหาก เพื่อความแน่ใจว่าหญิงสาวร่างเล็กที่เธอเห็นนั้นเป็นคนๆเดียวกับในรูปจริงๆ และเธอไม่ได้ตาฝาดไป แต่ทันทีที่มือบางดันประตูกระจกร้านเข้าไป เสียงกรุ๊งกริ๊งของกระดิ่งหน้าร้านดังพร้อมกับเสียงต้อนรับเจื้อยแจ๊วของ...
....ของยัยกระรอก!
“สวัสดีค่า ร้านซันชายยินดี... เธอ! ยัยเสาไฟฟ้าลามก โรคจิต! กลับมาที่นี่อีกทำไม อ๋อ..หรือว่าอยากได้ของฝากกลับไปอีกข้างห๊ะ!”
นั่นประไร คิดผิดซะที่ไหน .. ทันทีที่ยัยกระรอกจอมโหดเงยหน้าขึ้นเห็นว่าลูกค้าเป็นเธอเอง คำว่ายินดีต้อนรับถูกเปลี่ยนเป็นคำขับไสไล่ส่งอย่างไร้เยื่อใย แถมยังเงื้อหมัดขึ้นมาหวังจะชกเข้าที่เบ้าตาอีกข้างอีกต่างหาก แต่เรื่องอะไรซูยองจะยอมให้ใบหน้าตัวเองหมดหล่อ(?)อีกครั้งล่ะ กว่ารอยช้ำเป็นจ้ำๆจะหายต้องใช้เวลานานมากนะ มือบางคว้าหมัดเล็กๆไว้ได้รวดเร็วตามสัญชาตญาณ
“เฮ้ย! คุณบ้าไปแล้วเหรอไง วันนี้ฉันมาดีนะ”
“ฉันไม่เชื่อ! ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้นะ ย๊ากก ก~!” หมัดเล็กอีกข้างพุ่งเข้ามา แต่ซูยองก็คว้าหมับหยุดยั้งมันได้อย่างง่ายดาย
“อร๊ายยย..! ปล่อยฉันนะ”
“อยู่นิ่งๆก่อนสิ แล้วฉันจะปล่อยคุณ .. คนมองกันหมดร้านแล้วนะ!” ซูยองรวบแขนคนตัวเล็กที่ดิ้นขลุกขลักเมื่อมือทั้งสองถูกพันธนาการเอาไว้โดยร่างสูง กลับกลายเป็นว่าในสายตาของคนทั่วร้านในตอนนี้ คือร่างสูงกำลังกอดเจ้าของร้านกาแฟตัวเล็กจากทางด้านหลัง ถ้าไม่นับว่ามันเป็นอ้อมกอดที่รุนแรงที่สุดในรอบปีล่ะก็นะ..
“ตายแล้ววว นี่มันเกิดอะไรขึ้น แท! ออกมาช่วยห้ามที!” เสียงของฮโยยอนดังมาแต่ไกล ก่อนที่จะตรงปรี่เข้ามาดึงตัวซูยองออกมา ในขณะที่ซันนี่ถูกแทยอนวิ่งเข้ามารวบไม่ให้เข้าไปทำร้ายร่างสูงได้อีกด้วยความยากลำบากเหลือล้น ..ตัวก็เล็ก แต่ไปเอาแรงมาจากไหนเยอะแยะนะซุนคยู
“ปล่อยฉันนะแท” ซันนี่ยังไม่ยอมเลิกราวี ใช้แรงเฮือกสุดท้ายพยายามสะบัดตัวให้พ้นจากแทยอน พร้อมตรงเข้าจะไปตะกุยหน้าร่างสูงได้ทุกเมื่อ ดีที่แทยอนไหวตัวทันรวบคนตัวเล็กกว่าไว้ได้อีกครั้ง
“ซัน เธอจะบ้าเหรอ คนมองกันทั้งร้านแล้วนะ อยากให้ร้านเจ๊งมากนักหรือไง” แทยอนรีบพูดเตือนสติเพื่อนก่อนอะไรๆจะเลยเถิดมากไปกว่านี้ ..ตัวก็เล็กกว่าเขาตั้งหลายเท่ายังจะหาเรื่องได้อีกแน่ะ ว่าแต่เธอไม่เคยเห็นซันนี่โมโหใครขนาดนี้มาก่อน ถึงจะเป็นคนอารมณ์แปรปรวนแค่ไหนก็ตาม แต่นี่คงจะไม่ถูกชะตาเข้าจริงๆถึงได้ทำอะไรไม่เกรงใจลูกค้าคนอื่นเลย ..ถ้าลูกค้าหายหมดร้านจะมาโทษฉันไม่ได้นะ ยัยกระรอก
“ฮึ! ก็ได้ เห็นว่าแทขอหรอกนะ”
“พูดอย่างกับฉันกลัวเธอจัง”
“พอได้แล้วหน่า ทั้งสองคน” ฮโยยอนพูดเสียงหน่ายๆ ยอมปล่อยร่างสูงเมื่อเห็นว่าแม่เพื่อนสนิทตัวดีของเธอยอมหยุดระรานเขาจริงๆ แต่ทั้งคู่ก็ยังไม่วายส่งสายตาจิกใส่กัน ก่อสงครามทางจิตขนาดย่อม จนทั้งเธอและแทยอนพากันเหนื่อยแกมระอาใจ..
เออ..มองกันให้พอเลยนะ ความสูงก็ต่างกันโข อีกคนก้ม อีกคนเงย .. สาธุ ขอให้คอเคล็ดทั้งคู่!
“นี่ พอสักทีหน่า.. มองกันไปมองกันมาเดี๋ยวก็ท้องหรอก”
“คนนะไม่ใช่ปลากัด” ซันนี่หันควับไปตวาดแหวใส่เพื่อน แทยอนยิ้มแหย..ก็คนมันอยากหาเรื่องขำๆมาแก้เครียดนี่นา ไม่เห็นต้องดุกันขนาดนั้นเลย
“ฮึๆ ฉันว่ากระรอกมากกว่ามั้ง”
“เธอว่าใครกระรอก!”
“เอร้ยยย! พอได้แล้ววว..~ จะกัดกันไปถึงไหน” ฮโยยอนพุ่งตัวเข้าไปขวางทางปืนเอาไว้ ดีที่ซันนี่ยั้งไว้ทันเสียก่อนที่หมัดหนักๆจะกระแทกโดนใบหน้าเพื่อนสนิทแทนที่จะเป็นซูยอง
“ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะคะ วันนี้ซันนี่เขาอารมณ์ไม่ค่อยดี”
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ถือ..” ซูยองกระตุกยิ้มกวนๆใส่คนตัวเล็ก ชื่อซันนี่เองงั้นหรือ?
“ส่วนเธอซุนคยู.. ไปทำกาแฟสงบสติอารมณ์หลังร้าน ..ตอนนี้!”
ซันนี่ทำปากบู่ ส่งเสียงจิ๊จ๊ะ เหล่ตามองคนตัวสูงอย่างเคืองๆ ในขณะที่ซูยองยืดอกราวกับผู้ชนะ ก่อนจะสะบัดหน้าหนีเดินหายเข้าไปหลังร้าน ฮโยยอนจำต้องเดินตามไปคุมเผื่อว่าแม่ตัวดีเกิดระบายอารมณ์ใส่ข้าวของเสียจนมันเละเทะไปมากกว่านี้ ... แค่นี้ลูกค้าก็หวดกลัวจนแทบแย่อยู่แล้ว มีหวังต้องปิดร้านถาวรเข้าสักวันชัวร์ๆ
“เอ่อ..คุณ..” ฝ่ายร่างสูงเพิ่งรำลึกได้ว่าเดินก้าวเข้ามาเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายในร้านนี้เพื่ออะไรก็เอ่ยปากขึ้น เมื่อเหลือเพียงเธอกับแทยอนยืนอยู่ คนตัวเล็กละสายตาจากบริเวณทางเข้าหลังร้านหันมามอง คิ้วบางเลิกขึ้นด้วยความสงสัย
“คะ?”
“ฉันมีเรื่องอยากคุยกับคุณ เอ่อ..อยากถามอะไรซักสองสามอย่างน่ะค่ะ ..ขอที่นั่งเงียบๆที่สุดในร้านได้หรือเปล่า?” ซูยองเอ่ยปากบอกเรียบๆ แต่แทยอนกลับงงหนักกว่าเดิม..หรือว่าร่างสูงจะเรียกร้องค่าเสียหายที่ซันนี่เกือบทำร้ายร่างกายไปเมื่อครู่ ตายล่ะหว่า.. แล้วทำไมต้องเป็นแทยอนคนนี้ด้วยล่ะ ขอบอกไว้ก่อนว่าไม่เก่งเรื่องกฎหมายนะ เกิดซวยติดคุกหัวโตข้อหาสมรู้ร่วมคิดขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ
ร่างเล็กจำต้องเดินนำอีกฝ่ายไปโต๊ะเล็กด้านในสุดของร้าน ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งตรงข้ามอย่างเกรงๆ ก้มหน้าลงราวกับกำลังจะถูกสอบปากคำ ..อุตส่าห์เป็นคนห้ามไม่ให้ลงไม้ลงมือกันนะ เสี่ยงต่อชีวิตมากมายแค่ไหนใครๆก็รู้ โดยเฉพาะกับซันนี่แล้วยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ เพราะอาจโดนลูกหลงเมื่อไหร่ก็ได้ ทั้งๆที่ไม่เกี่ยวเลยสักนิด
“คุณ..ชื่อ...?”
“ค..คิม แทยอนค่ะ”
“อ่า..คุณแทยอน ฉันชเว ซูยอง คุณแทยอนเป็นพนักงานในร้านนี้ใช่หรือเปล่าคะ?”
แทยอนพยักหน้าหงึกหงัก กำมือใต้โต๊ะแน่น ท่าทางแล้วพวกเธอจะถูกร่างสูงเรียกร้องค่าเสียหายจริงๆด้วย หาเรื่องแท้ๆเลยยัยกระรอก..
“..อย่ากลัวฉันเลยค่ะ เรื่องเมื่อครู่นี้ถ้าเกิดมีอะไรเสียหายขึ้นมาฉันจะขอเป็นฝ่ายรับผิดชอบเอง เพราะถือว่าฉันเองก็เป็นฝ่ายเริ่มเหมือนกัน .. แต่เรื่องที่ฉันอยากคุยกับคุณก็คืออีกเรื่องนึง...”
แทยอนเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงตรงๆ ชัดๆเป็นครั้งแรก หลังจากพากันเดินมานั่งคุยที่โต๊ะเล็ก ร่างเล็กมองดูคนตรงหน้าหยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋าเสื้อนอก ซูยองยื่นรูปใบหนึ่งวางลงบนโต๊ะยื่นเข้าไปใกล้ๆคนตัวเล็ก
แม้ว่าสิ่งที่ซูยองพูดมาก่อนหน้านี้จะทำให้เธอโล่งใจไปได้เปราะหนึ่งว่าเขาไม่ได้เอาเรื่องอะไรกับร้านนี้ หากแต่รูปถ่ายใบนี้กลับทำให้เธอมีสีหน้าดูแย่ลงกว่าเดิม เมื่อสายตาเริ่มประมวลผลแทบจะทันทีว่าคนในรูปถ่ายเป็นคนที่เธอรู้จักอย่างแน่นอน .. รู้จักดีเสียด้วย ..
ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอันคุ้นเคย รอยยิ้มที่ส่งผลให้ดวงตาใสทั้งสองปิดสนิท ความน่ารักของเจ้าตัวที่ฝังอยู่ในใจเธอตลอดมา..
“มิยอง..” ริมฝีปากขยับเพียงเล็กน้อย ให้น้ำเสียงเล็ดลอดออกมาแผ่วเบา แต่ไม่ได้ทำให้คนตรงข้ามรู้สึกผิดสังเกตแต่อย่างใด ความคิดเพียงเสี้ยววินาทีเมื่อได้ยินคำถาม ดูเหมือนจะหนักหนาสาหัสเหลือเกิน
“คุณแทยอนรู้จัก ผู้หญิงในรูปนี้ไหมคะ?”
ความรู้สึกแบบนี้มันไม่ต่างจากเมื่อสองสามวันก่อนเลย.. เธอได้พบกับคนรู้จักของร่างบางอีกครั้ง และคราวนี้ดูเหมือนว่าจะมีหลักการและข้อผูกมัดได้มากกว่าครั้งก่อน ร่างสูงถามตรงๆไม่มีข้อความอ้อมค้อมให้เปลืองแรง คนตัวเล็กรู้สึกได้ถึงสายตาจับผิดที่กำลังจ้องมองเธอในขณะนี้
..นี่ไม่ใช่หรือไง นี่คือสิ่งที่เธอกำลังเรียกร้องอยู่ไม่ใช่หรือ คิมแทยอน ... คนคนนี้เป็นคนรู้จักของมิยอง เพียงแค่เธอบอกเขาไปว่ามิยองอยู่ที่คอนโดของเธอ และอาศัยอยู่กับเธอเอง เพียงแค่นั้นร่างสูงก็จะรีบไปหา แล้วก็พามิยองกลับไปอยู่ในที่ๆเธอควรอยู่มาตั้งแต่แรกแล้ว .. อยู่ในที่ที่ความทรงจำของเธอไม่ควรมีคนที่ชื่อคิมแทยอนอยู่ข้างๆ เฉกเช่นในเวลานี้ ...
“เธอชื่อทิฟฟานี่ ฉันเป็นญาติของเธอเอง ฟานี่หายตัวไปเป็นอาทิตย์แล้วตามหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ จนคนรู้จักของฉันบอกว่าเห็นเธอเดินเข้ามาในร้านนี้.. ก็เลยอยากถามคุณ ว่าเคยเห็นผู้หญิงคนนี้เข้ามาในร้านบ้างหรือเปล่า”
ทิฟฟานี่.. ชื่อนี้อีกแล้วหรือ ในตอนนี้แทยอนเกลียดชื่อนี้เข้าไส้ ไม่อยากได้ยินหรือรับฟังชื่อๆนี้อีกแล้ว เพราะมันยิ่งตอกย้ำสิ่งที่ร่างบางควรจะเป็น ถ้าไม่ใช่เพราะอุบัติเหตุบ้าๆนั่น ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน เธอคงเป็นทิฟฟานี่ที่ใครๆต่างก็รู้จัก ไม่ใช่ ... มิยอง คนที่มีเพียงแทยอนคนนี้เท่านั้นที่รู้จักเธอ
“ฉัน..”
พูดไปสิว่าเธอรู้จักผู้หญิงคนนี้ .. แล้วตอนนี้ก็อาศัยอยู่ที่คอนโดของเธอเอง พูดออกไปสิคิมแทยอน..
“มัวทำอะไรกันอยู่ แท .. มาช่วยกันเสิร์ฟสิ” ราวกับสวรรคส่งคนมาช่วยช่วยชีวิตคิมแทยอนจากสงครามจิตวิทยาเอาไว้ ฮโยยอนเดินผ่านมาทางนี้พอดี ซูยองรีบคว้ารูปถ่ายของทิฟฟานี่เก็บใส่กระเป๋าก่อนที่คนเดินผ่านมาจะเห็นเข้า
“ฉันต้องขอตัวกลับก่อนนะคะ..แล้วเราคงได้เจอกันอีก” ร่างสูงลุกขึ้นยืนโค้งตัวเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกจากร้านไป สร้างความแปลกใจให้คนทั้งคู่ โดยเฉพาะกับแทยอน เมื่อสายตาคอยมองร่างสูงผ่านกระจกใสบานใหญ่ของร้าน
รถคันสีขาวนั่น.. เฟอรารี่เชียวหรือ.. เธอคงไม่ใช่คนธรรมดาๆเสียแล้วล่ะ มิยอง ..
ประตูถูกดันผลักออกจากตัวอย่างแผ่วเบาเพราะกลัวจะรบกวนคนที่อยู่ในห้องอยู่ก่อนแล้ว เจสสิก้าย่องเท้าเข้าห้อง สายตาสอดส่องมองหาคนรักที่น่าจะกลับมาถึงห้องก่อนเธอ .. ที่เป็นเช่นนี้เพราะเจ้าตัวดีโทรมาบอกว่าไม่ต้องมารับที่มหาวิทยาลัยโดยไม่บอกเหตุผล เจสสิก้าจึงได้โอกาสทำงานที่ค้างอยู่ให้เสร็จ กว่าจะรู้ตัวพระอาทิตย์ก็ตกดินเสียแล้ว
..แปลกดีไหมล่ะ เพิ่งจะเริ่มทำงานเพียงแค่ไม่กี่วัน แต่งานกลับเยอะเสียจนทำแทบไม่ทัน แต่เหตุผลมันก็มาจากตัวเธอเองนั่นแหละ อาสารับงานนู้นงานนี้มาเพราะเห็นว่าหลังจากที่หัวหน้าฝ่ายออกแบบคนเก่าลาออกไป ลูกค้าเจ้าประจำของบริษัทต่างพากันหัวเสียจำนวนมาก เธอจึงไม่อยากทำให้บริษัทเสียความน่าเชื่อถือไป .. ทั้งๆที่ไม่จำเป็นเลยสักนิด ยูริคอยเตือนเธออยู่ตลอดในเรื่องนี้ และสั่งกำชับไม่ให้รับงานไหนมาอีก ถึงรับมาเธอในฐานะประธานจะไม่ยอมเซ็นชื่อให้ผ่านเด็ดขาด ทั้งยังคอยช่วยเหลืออยู่สะสางงานเป็นเพื่อนเธออีกต่างหาก
จนถึงตอนนี้ .. ภาพประธานบริษัทจอมกวนประสาทในตอนแรกที่พบกันถูกทำลายทิ้งลงหมดแล้ว เหลือแต่ภาพดีๆที่ยูริคอยมีให้กับเธอเสมอมาจนน่าประหลาดใจ
หรืออาจจะเป็นเพราะ หัวหน้าทุกคนเขาคอยเทคแคร์ ดูแลคนของตัวเองแบบนี้กันทุกคนแหละหน่า ..
วางกระเป๋าถือใบโปรดลงบนโต๊ะ ขาเรียวพาตัวเข้าหาตู้เย็น หยิบเหยือกน้ำเย็นเฉียบรินใส่แก้วใสก่อนจะยกยกขึ้นดื่มหวังดับกระหาย น้ำเย็นเฉียบไหลผ่านบาดลำคอแห้งผากช่วยทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมาก แต่แล้วร่างบางก็ต้องตกใจจนเกือบปล่อยแก้วใสให้หลุดจากมือ เมื่อมีใครบางคนย่องเข้ามากอดเธอจากทางด้านหลัง
ลมหายใจอุ่นๆรดรินต้นคอขาว ช่วยสร้างรอยยิ้มบางให้แก่เธอ อ้อมกอดอบอุ่น แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์เช่นนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคนรักของเธอเอง น้ำเสียงแผ่วเบากระซิบใส่หูยิ่งทำให้เธอรู้สึกโหวงเหวงในช่องท้องแปลกๆ
“พี่สิก้า..”
“มีอะไร ยัยตัวดี” ถามกลับไปพร้อมกับรอยยิ้ม วางแก้วน้ำลงกับเคาน์เตอร์เพราะกลัวว่ามันจะหล่นแตกซะก่อน
“ฉันรักพี่นะ ..” พูดจบก็กดจมูกโด่งรั้นลงที่ซอกคอขาว พรมจูบไปทั่วบริเวณหัวไหล่จนร่างบางเริ่มทนไม่ไหวผละตัวเองออกมาเสียก่อน
“เด็กเจ้าเล่ห์ ถอยไปนะ พี่จะอาบน้ำ” เจสสิก้าออกแรงผลักคนรักเบาๆ แต่มันกลับเปิดทางให้อีกฝ่ายสวมกอดเธอ ยุนอาดันร่างบางจนชิดติดผนังห้อง ใบหน้าที่ห่างกันเพียงคืบเดียว ส่งผลให้ใบหน้าของเจสสิก้าเริ่มแดงระเรื่อเป็นสีแดงอมชมพู
“ไม่ต้องอาบแล้ว พรุ่งนี้ค่อยอาบทีเดียวก็ได้”
“ใครจะไปเหมือนเธอล่ะ อิมยุนอา .. ปล่อยพี่เดี๋ยวนี้เลย พี่จะอาบน้ำ”
“บอกแล้วไงว่าไม่ต้องอาบ เพราะเดี๋ยวยังไงวันนี้ตัวพี่ก็ต้องถูกฉันทำความสะอาดให้อยู่แล้ว..”
“หืม..มะ....อื้อ อ...” ริมฝีปากเรียวบางของเจสสิก้าถูกปิดและครอบครองด้วยจูบของอีกฝ่ายก่อนที่เธอจะได้พูดอะไรออกไป ยุนอาเอียงคอเล็กน้อยส่งรสหวานหอมและร้อนแรงไปในเวลาเดียวกัน ถอนจูบออกมาและกดซ้ำลงไปอีกครั้งอย่างขัดใจเมื่ออีกฝ่ายปิดปากแน่นไม่ยอมให้ลิ้นอุ่นของเธอผ่านเข้าไป
“อะ..” เจสสิก้าเผยอริมฝีปากอย่างยอมแพ้เพราะเริ่มหายใจไม่สะดวก แต่มันกลับกลายเป็นแย่หนักกว่าเดิมเมื่อยุนอาสบโอกาสส่งลิ้นอุ่นสอดแรกผ่านเข้าไปควานหาความหวานละมุนภายใน ลิ้นทั้งสองคนแตะกันแผ่วเบา
“ย..ยุน ... อื้ม ม..”
ดูเหมือนยุนอาจะไม่ยอมปล่อยให้ร่างบางได้มีโอกาสพูดอะไร ลิ้นอุ่นลากผ่านลงมาสัมผัสกับลำคอขาวสวย ดูดดุนประทับรอยสีแดงกุหลาบแสดงความเป็นเจ้าของ ก่อนจะกลับไปบรรจงจูบที่ริมฝีปากบางอีกครั้ง
“ฉันชักจะทนพี่ไม่ไหวแล้วนะ..” พูดจบก็จูบปิดปากไม่ให้อีกฝ่ายได้โต้ตอบอะไรเช่นเคย กึ่งดึงกึ่งลากร่างบางในอ้อมกอดไปทางโซฟา พันธนาการจากริมฝีปากทำให้เจสสิก้าช่วยตัวเองไม่ได้เลยจากเด็กเจ้าเล่ห์คนนี้ หรือว่าวันนี้เป็นวันที่เธอเสียทียุนอาเข้าให้แล้ว..
ยุนอาโน้มตัวคนรักนอนลงกับโซฟา ในขณะที่ริมฝีปากยังคงส่งจูบอันหอมหวานไม่ยอมละเสียที มือบางเอื้อมปลดกระดุมชุดทำงานน่าอึดอัดให้ร่างบาง เผยให้เห็นเสื้อด้านในตัวบางสีฟ้าอ่อน .. ในที่สุดริมฝีปากก็ถอนออกมาเปลี่ยนมาประทับที่ลำคอขาว ลิ้นอุ่นค่อยลากผ่านแผ่วเบา สร้างความสะท้านให้กับผู้ถูกกระทำ ไหล่มนห่อตัวเพื่อลดความเสียวซ่านที่เริ่มก่อตัวมากขึ้นถูกขณะ กว่าจะมารู้ตัวอีกทีร่างกายท่อนบนของเธอก็เหลือแต่เพียงบราสีชมพูอ่อนปกปิดเนินปกขาวๆเท่านั้น
“พี่เซ็กซี่จัง..” ก้มลงจูบเนินอกขาว ให้เจสสิก้าส่งเสียงร้องกระเส่าออกมาเบาหวิว ..ตกลงว่าเธอกำลังจะเสียทีให้เด็กเจ้าเล่ห์คนนี้จริงๆใช่ไหม
[ นา ฮน จา ซอ ซา รัง งึล มัล ฮา โก ซา ราง งึล โพ แน โก..ฮน จา ซา ฮึน จู ออ เก คยอพ คยอ บี นุน มู รี แม ยอ ]
เสียงโทรศัพท์มือถือของเจสสิก้าดังขึ้นมาท่ามกลางเสียงร้องกระเส่าของเจ้าตัว แต่ยุนอาแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินมัน มือบางกำลังเอื้อมไปปลดตะขอบบราสีชมพูอ่อนอยู่แล้วถ้าเจสสิก้าไม่ตะครุบมือยั้งเธอเอาไว้
“พอก่อนยุน เผื่อว่าใครมีธุระกับพี่”
“ช่างเขาสิ พี่ไม่ว่างอยู่นี่..” จูบปิดปากคนรัก แต่เจสสิก้ากลับไม่เล่นด้วย มือดันไหล่บางออกจากตัวลุกขึ้นยืนเดินไปหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าทำเป็นไม่สนใจสีหน้าบึ้งตึงของยุนอา
“ยูล..” ชื่อของเจ้าของสายเข้าทำให้เธอแปลกใจปนกังวลไม่น้อย ..ยูริโทรมาหาเธอทำไมกันนะ หรือว่าจะงานของเธอจะมีอะไรผิดพลาดไป ..
“สวัสดีค่ะ..คุณประธานบริษัท” กดรับก่อนจะกรอกเสียงอย่างหยอกล้อ บทสนทนาและรอยยิ้มเย้าใส่โทรศัพท์มือถืออยู่ในสายตาของยุนอาอยู่ตลอดเวลา ใบหน้าสวยคมบูดบึ้งแย่หนักกว่าเดิมเมื่อเริ่มเข้าใจว่าคนที่โทรมาหาเจสสิก้านั้นเป็นใคร
[ “ส...สิก้าเองเหรอ” ] เสียงปลายสายตะกุกตะกักแลดูประหม่าเสียเหลือเกิน ..อันที่จริงเจ้าตัวก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนั้นสักเท่าไหร่หรอก ..แต่มันห้ามได้เสียที่ไหนกันล่ะ
“ก็ใช่น่ะสิคะ ก็ยูลโทรมาหาฉัน ถ้าฉันไม่รับแล้วจะให้ใครรับเล่า” หัวเราะขำเบาๆ โดยไม่รู้เลยว่ากำลังโดนสายตาจ้องจับผิด และรังสีกวางเอฟเฟ็คมาจากทางโซฟา
[ “อะ..อืม นั่นสินะ แฮะๆ” ]
“ว่าแต่ ยูลโทรมามีอะไรหรือเปล่า? หรือว่าจะเป็นเรื่องงาน?” เจสสิก้าทำท่าจุ๊ปากและสายตาดุๆให้อีกคนที่อยู่ในห้อง ซึ่งกำลังปาหมอนใส่กำแพง แต่ยุนอาดูจะไม่สนใจเธอเลยด้วยซ้ำ มือคว้าหมอนใบสุดท้ายปาเข้าหากำแพงจนไม่มีอะไรจะให้ระบายอารมณ์อีกแล้ว
[ “อ่ะ..เอ่อ..เปล่าหรอก ไม่มีอะไร แค่อยากรู้ว่าสิก้าถึงบ้านหรือยัง” ]
“ถึงสักพักแล้วล่ะ ว่าแต่ยูลเป็นอะไรหรือเปล่าทำไมดูติดอ่างจัง หรือว่าสัญญาณมือถือไม่ดี?”
เมื่อไม่มีอะไรให้ปาทิ้งเพื่อระบายอารมณ์แล้ว ยุนอาจึงลุกขึ้นเดินไปเดินมาอยู่ตรงหน้าเจสสิก้า บ่งบอกว่าตอนนี้เธอกำลังอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างยิ่ง ก็ดูคนรักของเธอทำเข้าสิ พูดจาหัวเราะต้อกระซิกกับปลายสาย แล้วเคยรู้อะไรบ้างไหม ว่าร่างกายท่อนบนที่เหลือแต่บราตัวเล็กสีชมพูแบบนั้นน่ะ ทำเอาเธอแทบคลั่งแค่ไหน
[ “เหรอ..อย่างนั้นเหรอ คงงั้นแหละ” ] อาการตะกุกตะกักของคนปลายสายทำให้เจสสิก้าเริ่มหัวเราะเบาๆอีกครั้ง จนยุนอาเริ่มทนไม่ไหวกับอาการยั่วยวนกวนอารมณ์ของเธอ ร่างเพรียวตรงเข้ารวบตัวคนรักไว้ในอ้อมกอดทันที
“ว๊าย!”
[ “สิก้า เกิดอะไรขึ้น!” ]
“มะ..ไม่มีอะไรยูล ..ปล่อยพี่เดี๋ยวนี้นะอิมยุนอา พี่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่นะ” ป้องมือปิดช่องกรอกเสียงเพื่อหันไปดุคนรักเสียงกระซิบ แต่เพราะความเงียบภายในห้อง เสียงนั้นจึงผ่านเข้าไปถึงหูของคนปลายสาย
“ฮัลโหลยูล ขอโทษด้วยนะเมื่อกี้ที่ทำให้ตกใจ.. ตกลงยูลมีอะไรหรือเปล่า?”
[ “มะ..ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากโทรมาบอกว่า..ฝะ....พรุ่งนี้มาเร็วๆหน่อยนะ งานเยอะ แค่นี้ล่ะ..” ]
นิ้วเรียวกดวางสายแทบจะทันทีที่พูดจบ แหงนใบหน้าขึ้นมองเพดานพลางกระพริบตาถี่ๆเพื่อให้น้ำตาอุ่นๆที่เริ่มคลออยู่เต็มหน่วยไม่ให้ไหลออกมาแสดงความอ่อนแอที่เธอมี น้ำตาน่ะ..ห้ามมันไม่ให้ไหลยังพอทำได้ แต่อาการเจ็บจี๊ดที่หัวใจ ไม่ว่าจะยับยั้งมันอย่างไรก็ทำไม่เคยได้เสียที
เธอหาเรื่องใส่หัวใจเองนะควอน ยูริ.. ความรู้สึกทั้งหมดที่เริ่มก่อตัวขึ้น ก็เป็นเพราะหัวใจเธอเองไม่ใช่หรือไง หัวใจที่เจ็บแต่ไม่รู้จักจำ ทำไมไม่รีบยั้งใจตั้งแต่ทีแรกว่าเขามีคนรักข้างกายอยู่แล้ว.. เธอทำตัวเองแท้ๆ อย่าได้เที่ยวไปโทษคนอื่นเลย...
“อ้ะ..ยูล เดี๋ยวก่อนสิ...” เจสสิก้าทำเสียงจิ๊จ๊ะ ไม่ใช่กับคนที่เพิ่งวางโทรศัพท์เธอไปหรอก แต่เป็นเจ้าตัวดีที่กำลังกอดเธออยู่นี่ต่างหาก
“ปล่อย.. พี่จะอาบน้ำ” คราวนี้เจสสิก้าพูดทีเล่นจริง แกะมือยุนอาออกจากหน้าท้องขาวแบนเรียบของเธอ คว้าผ้าเช็ดตัวปกปิดท่อนบน ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปโดยไม่หันมามองอีกฝ่ายอีกเลย
“พี่สิก้า.. ฉันรักพี่นะ แล้วฉันจะไม่ยอมปล่อยพี่ไปให้ใครเด็ดขาด”
คิม แทยอนยืนนิ่งค้างอยู่ที่หน้าประตูห้องของตัวเองมานานเกินสิบนาทีแล้ว เหตุผลคือเธอไม่กล้าเปิดประตูเข้าไปเผชิญหน้ากับคนที่อยู่ในห้อง จึงได้แต่ยืนทำหน้าซื่อบื้อจนคนที่เดินผ่านไปผ่านมาได้แต่มอง งงๆ หนำซ้ำบางคนเอ่ยปากถามว่าลืมกุญแจห้องหรืออย่างไรแต่แทยอนก็ปฏิเสธ ยิ่งสร้างความงุนงงให้กับผู้ถามเข้าไปอีก
ก็ในเมื่อไม่ได้ลืมกุญแจห้อง ก็แล้วคุณเธอจะยืนอยู่หน้าห้องเป็นหมาเฝ้าหน้าบ้านหรืออย่างไร?
แทยอนถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยังคงทำใจเข้าไปในห้องไม่ได้อยู่ดี ..อุตส่าห์เสี่ยงตายบากหน้าไปขอซันนี่กลับบ้านก่อนเวลาปิดร้านตั้งหนึ่งชั่วโมงเพื่อจะกลับมาง้อหมีของเธอ แต่ดันลืมถามวิธีง้อจากฮโยยอนเสียนี่ เหตุเป็นเพราะเรื่องเมื่อตอนกลางวัน และท่าทีแปลกๆของหญิงสาวที่ชื่อซูยองนั่นแลที่ทำให้ใจของเธอวกวน ลอยมาอยู่ที่ห้องของเธอ ..
ป่านนี้มิยองจะเป็นอย่างไรบ้าง จะทานอาหารเช้าและอาหารกลางวันที่เธอทำเผื่อเอาไว้ไหม ที่หนักที่สุดคือเมื่อตื่นมาแล้วพบว่าตัวเองอยู่เพียงคนในห้อง ไม่พบคนที่เคยนอนอยู่ข้างๆกันจะเป็นอย่างไร ยิ่งปฏิกิริยาของมิยองหลายๆครั้งที่แสดงออกมาว่าไม่อยากออกห่างจากตัวเธอนานเกินไปยิ่งทำให้เธอเครียดหนักกว่าเดิม ... ทำไมโง่อย่างนี้นะ! คิมแทยอน! ทำไมถึงไม่ทันได้คิดเรื่องนี้..
มือบางกำดอกกุหลาบสีชมพูหนึ่งดอกในช่อที่ห่อด้วยกระดาษใสเล็กๆ .. เคยดูผ่านๆจากละครมาเหมือนกันว่าเวลาพระเอกง้อนางเอก เขาทำกันยังไง เลยลงทุนเดินเข้าร้านขายดอกไม้ที่ไม่เคยแม้แต่จะแลตามองเลยสักนิด เพื่อซื้อดอกกุหลาบเพียงดอกเดียว.. ไม่รู้ล่ะ ถ้าวิธีนี้ใช้ไม่ได้ผล เธอจะขว้างโทรทัศน์ทิ้งเลยเอ้า!
“เป็นไงเป็นกัน” เมื่อรวบรวมความกล้าได้แล้ว จมูกสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด มือบางหมุนลูกบิดประตูเดินผลักออกช้าๆ แทรกตัวเข้ามาในห้องก่อนจะปิดประตูลงแผ่วเบา ไม่อยากให้คนภายในห้องรู้สึกตัว แต่ความมืดและความเงียบก็อดทำให้เธอรู้สึกแปลกปนสังกรณ์ใจไม่ได้..หรือว่าจะอยู่ในห้องนอน ..
ประตูห้องนอนถูกเปิดออก ก่อนจะถูกดันเข้าไปช้าๆ ความมืดมิด ไม่มีแสงสว่างจากหลอดไฟดวงไหนเช่นเดียวกับข้างนอกห้อง สายตาสอดส่องมองไปทางเตียงเผื่อพบว่าร่างบางอาจจะนอนไปแล้ว แต่ก็พบเพียงเตียงนอนว่างเปล่า ทำเอาหัวใจแทยอนกระตุกวูบ ...ไม่จริงหน่า .. อย่าคิดอะไรบ้าๆตอนนี้นะคิมแทยอน
ประตูห้องน้ำถูกเปิดออกอย่างรวดเร็วแทบจะทันทีด้วยความหวัง แต่ไฟที่ปิดมืดสนิทเช่นเดียวกับห้องทุกห้องก่อนหน้านี้ก็ดับความหวังของเธอลง
“มิยอง! มิยอง! เธออยู่ไหน!” ดอกกุหลาบสีชมพูถูกทิ้งลงพื้น เพราะมือนั้นอ่อนแรงเกินกว่าจะถือมันต่อไปได้อีก แทยอนลุกลี้ลุกลนไปรอบๆห้องนั่งเล่นพร้อมกับเสียงตะโกนเรียกชื่อร่างบางดังลั่น
“มิยอง! ฉันไม่เล่นด้วยนะ เธออยู่ไหน ออกมาเดี๋ยวนี้” กำหมัดแน่น ริมฝีปากเม้มจนกลายเป็นสีซีดขาว ขาก้าวไปทางตู้เย็นเปิดออกเพื่อจะดูอาหารที่เธอทำเผื่อไว้ให้หญิงสาวถึงสองมื้อด้วย ..แล้วก็พบว่ามันยังอยู่ที่เดิม ไม่มีร่องรอยการถูกหยิบจับหรือขยับเขยื้อนไปไหนแต่อย่างใด...
“มิยอง! บ้าเอ้ย!!” น้ำตาใสอุ่นไหลเปรอะแก้มอย่างไม่มีวันจะกลั้นมันอยู่อีกต่อไป ยกแขนเสื้อขึ้นปาดมันทิ้งอย่างลวกๆแลดูไม่ใส่ใจ
อย่าทำกับฉันแบบนี้มิยอง..อย่าหนีฉันไปแบบกะทันหันแบบนี้..
อย่าไปจากฉัน ...
ความคิดเห็น