ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SNSD] You are my dream that comes true. (Yuri)

    ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 8 :: She’s my girl!

    • อัปเดตล่าสุด 1 ธ.ค. 54




    Chapter 8 :: She’s my girl!




                ขาเรียวสวยก้าวลงจากรถหรูคันสีขาวสะอาด  ใบหน้าขมวดยุ่งขัดกับร่างเพรียวสูงระหงของเจ้าตัว  บ่งบอกถึงอารมณ์ขุ่นมัวได้เป็นอย่างดี  มือบางลูบรอยฟกช้ำ ที่เบ้าตาขวาเบาๆ  ความเจ็บแปลบ เสียวซ่านไปทั่วทั้งใบหน้าแทบจะทันทีที่นิ้วเรียวกดรอยช้ำเบาๆ 


                ให้ตายสิ
    เห็นตัวเล็กๆอย่างนั้น ทำไมหมัดถึงได้หนักนักนะ!


                อันที่จริงแล้ว.. ในตอนแรกเธอก็แค่อยากเข้าไปพักในร้านกาแฟ ที่มีเสียงต่อหลายเสียงบอกต่อเล่ากล่าวกันมาว่ามีกาแฟรสชาติกลมกล่อมที่สุด  แถมเจ้าของร้านและเด็กเสิร์ฟยังน่ารักอย่าบอกใคร  ถึงกับขนาดว่าสายตาเอาแต่เฝ้ามองพวกเธอจนลืมกาแฟหอมกรุ่นตรงหน้าไปเลยทีเดียวก็เท่านั้นเอง  ..  แต่พอเธอก้าวเข้าไปในร้าน  สีหน้าบูดเบี้ยว ปั้นปึ่ง  ดูไม่รับลูกค้าเอาเสียเลยของคนตัวเล็กที่นั่งอยู่หน้าร้านก็ทำให้เธอแปลกใจ


                ยิ่งตอนโดนสะบัดหน้าพรืดใส่ ก่อนจะเดินหายเข้าไปหลังร้าน ราวกับเป็นตัวกระตุกต่อมขี้แกล้งของซูยองได้เป็นอย่างดี  เรื่องมันจึงลงเอยเช่นนี้แล..


                มันไม่คุ้มเลยนะ ... แล้วเธอจะทำยังไงกับรอยฝากจากคนตัวเล็กนั่นดีล่ะ   ทั้งปูด ทั้งช้ำ เกิดมีใครมาเห็นเข้า  แล้วบอกไปว่าโดนเจ้าของร้านกาแฟตัวเล็กๆต่อยเอา  ก็เสียท่าหมดสิ ... ซูยองเอ้ยย


                “ซูยอง  กลับมาพอดีเลย ท่านเรียกพบ  ...  แล้วนั่น  ตาไปโดนอะไรมาน่ะ?”


                นั่นประไร.. พูดยังไม่ทันจะขาดคำ  คิบอมเลิกคิ้วขึ้น มองรอยช้ำสีเขียวเป็นจ้ำๆ ปูดๆที่ตาขวาของหญิงสาว  รอยยิ้มที่เห็นได้ยากจากเขา ฉายอยู่บนหน้าหล่อคมเข้ม  มันจะดูน่าดีใจกว่านี้ในสายตาของซูยอง ถ้ามันไม่ใช่รอยยิ้มแห่งความขบขัน


                อุตส่าห์ทำให้เจ้าคนเงียบๆ ขรึมๆ อย่างคิบอมยิ้มได้  แต่คราวนี้ขอเถอะ
    ! กลับไปเก๊กหน้านิ่งเหมือนเดิมน่ะดีแล้ว!


                “โดนกระรอกต่อย” ตอบแบบไม่ค่อยสบอารมณ์  ยิ่งทำให้คิบอมงงเข้าไปใหญ่ .. กระรอกต่อย?


                “กระรอก?  กระรอกต่อยหรือหมีตะปบ?  เขียวช้ำซะขนาดนั้น”


                “จะอะไรก็ช่างเถอะ  ขอยืมแว่นกันแดดหน่อยสิ  ...  ว่าแต่คุณลุงเรียกฉันไป มีอะไรหรือเปล่า?” ซูยองรีบเปลี่ยนเรื่อง เอื้อมมือไปรับแว่นกันแดดสีดำสนิทมาจากคิบอม สวมปกปิดร่องรอยการถูกกระรอกต่อย


                “คงจะเป็นเรื่องคุณหนู  เห็นว่ามีเบาะแสอะไรสักอย่าง  คุณท่านอยากให้เธอรู้”


                “อืม..โอเค” ขาเรียวยาวก้าวพาร่างสูงโปร่งไปหาผู้ที่เรียกตัว  ผ่านชายหนุ่มในชุดดำหลายต่อหลายคนที่ต่างพากันทักทายหญิงสาวอย่างยำเกรงทั้งๆที่ไม่จำเป็นเลย  เพราะถ้ามองแต่ภายนอกแล้ว คนพวกนั้นสามารถเอาชนะเธอได้สบายๆ  แต่ที่ไม่เคยมีใครทำเช่นนั้นมาก่อน  คงจะเป็นเพราะเธอมีฐานะเป็นถึงหลานสาวเจ้านายของพวกนั้น...


                เธอถูกเลี้ยงดูอย่างดีมาพอๆกับทิฟฟานี่ซึ่งเป็นลูกสาวแท้ๆ  เพียงแต่ว่าเธอรับรู้เรื่องทุกอย่างที่ฮวัง จิโมไม่ต้องการให้ลูกสาวของเขารู้  เรื่องเบื้องหลังธุรกิจพันล้านซึ่งเป็นที่กล่าวขานของบุคคลภายนอก  ถึงกระนั้นก็ไม่เคยมีผู้ใดมาตรวจจับตามหลักกฎหมายของพวกเขาได้อยู่ดี  ตระกูลฮวังจึงถูกขนานนามว่า..มาเฟีย


                ฮวัง จินโม ยืนหันหลังรอเธออยู่ตรงนั้น  โต๊ะทำงานของเขามีชายหนุ่มชุดสีดำสนิทราวนกกายืนขนาบข้างอยู่สองคน  คิบอมปิดประตูตามหลังเธอ ก่อนจะเดินมายืนข้างๆ


                “พวกนายสองคน ออกไปก่อน” เสียงทุ้ม น่าเกรงขามกล่าวออกมา  ชายหนุ่มชุดดำสองคนโค้งตัวเล็กน้อย เดินออกจากห้องตามคำสั่งแต่โดยดี


                “คุณลุงมีอะไรหรือเปล่าคะ?” ซูยองเปิดประเด็นทันทีที่บานประตูถูกปิดสนิท  หากแต่ชายตรงหน้ากลับมีท่าทีไม่เร่งรีบในถ้อยคำต่อไป  เสียงลมหายใจถูกผ่อนเข้าออกแผ่วเบาท่ามกลางความเงียบที่แผ่ปกคลุม ก่อนที่น้ำเสียงทุ้มจะถูกเอ่ยออกมาทำลายมันลง


                “เรื่องของฟานี่  มีเบาะแสอย่างหนึ่งที่คนของเราเจอมา .. มีใครบางคนเห็นฟานี่เดินเข้าไปในร้านกาแฟกับผู้หญิงคนหนึ่ง”


                “กับผู้หญิง?  หมายถึงสิก้าเหรอคะ?   แต่ว่าสิก้าบอกเองนี่คะ ว่าไม่เจอฟานี่เลย”


                “ไม่ใช่หนูสิก้า..ผู้หญิงคนนั้นตัวเล็กและไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย  ก็เลยไม่มั่นใจว่าอีกคนนึงใช่ฟานี่จริงๆหรือเปล่า   ลุงเลยอยากให้ซูยองไปเฝ้าร้านนั้นทุกวัน เพราะคนที่คิดว่าน่าจะเป็นฟานี่อาจจะไปที่ร้านนั้นอีกก็ได้”


                “ร้านอะไรหรือคะ?” แต่คำตอบที่เธอได้รับมา  ทำให้เธอแทบจะหงายท้องเสียตรงนั้นให้ได้
    ..


                “ร้านกาแฟซัน ชาย”

               

     




                แทยอนนั่งหน้ามุ่ยเป็นหมาอดรั่วมา 3วันอยู่ปลายเตียง  สายตาพาลดูไม่สบอารมณ์เฝ้ามองคนที่กำลังงุ่นง่านอยู่กับกล่องปฐมพยาบาลเล็กๆที่เธอเป็นคนซื้อมาเก็บไว้เองนานแล้ว  แต่ไม่เคยคิดว่าจะได้ใช้มันเลย  เพราะตั้งแต่จำความได้ คิมแทยอนคนนี้เกลียดการทำแผลที่สุด  เหตุมาจากความซุกซน แก่นเซี้ยวในวัยเด็กจนต้องโดนจับใส่ยาอยู่บ่อยๆ


                มิยองชุบปุยสำลีสีขาวกับยาขวดเล็กๆ สีฟ้าสดใส  หารู้ไม่ว่ายานั่นเป็นหนึ่งในสิ่งที่แทยอนยอมสิโรราบแต่โดยดีแบบไร้ข้อแม้  พอเห็นว่าก้อนสำลีมีตัวยาเจ้าปัญหาแต้มอยู่ก็ส่งเสียงทำปากซี้ดให้ร่างบางรู้สึกหมั่นไส้เล็กๆ


                ...ทำตัวเป็นเด็กกลัวยาทาแผลไปได้ แทยอน...


                “โอ๊ย
    !


                พลันความเย็นจากแอลกอฮอลล์สัมผัสกับรอยช้ำมุมปาก  เสียงร้องก็ดังขึ้นโดยอัตโนมัติแบบไม่จำเป็นเลยสักนิด ..ขอได้ร้องไว้ก่อนเป็นพอ จะแสบหรือไม่ค่อยว่ากันทีหลัง


                “แสบเหรอ แทแท ..เค้าขอโทษนะ ทนหน่อยแล้วกัน” มิยองชะงักเล็กน้อย ค่อยๆบรรจงสัมผัสรอยช้ำผ่านปุยสำลีอย่างเบามือ


                สัมผัสอ่อนโยนแต่งแต้มระบายรอบๆรอยแผล  สีหน้าที่ดูจริงจังเพราะกลัวว่าน้ำหนักมือจะทำให้อีกฝ่ายต้องร้องออกมาอีก  มิยองเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้จนคนตัวเล็กรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ เข้าและออกสม่ำเสมอเป่ารดแก้มนวลของตัวเอง


              เธอทำพลาดแล้วล่ะ มิยอง


                ทั้งๆที่ไม่รู้สึกแสบแผลเลยสักนิด แต่ร่างกายกับร้อนผ่าวไปทั่วทั้งตัวรวมไปถึงใบหน้า  ก้อนเนื้อขนาดเล็กเท่ากำปั้นที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้าอกซ้ายกำลังสั่นไหวอย่างบ้าคลั่ง


                ความรู้สึกที่ถูกปิดตาย ..กำลังถูกใครบางคน  รื้อฟื้นมันให้กลับขึ้นมาใหม่


                .. ความรู้สึกที่ไม่เคยมอบให้ใคร นอกจากเธอคนนั้น ..


              มิยอง.. หรือว่าเธอจะเป็นมิยองของฉันจริงๆ


              ..แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน?

     

     



                คุณครูสาวก้าวขาเข้ามาในห้องเรียน  มันก็เป็นไปตามที่เธอคาดไว้ทุกประการ ดั่งเช่นทุกๆวัน  เด็กๆตัวเล็กในชั้นเรียนของเธอต่างวิ่งกรูเพื่อจะกลับที่นั่งของตัวเอง แทบจะวิ่งชนกันล้มอยู่แล้ว  แต่ใครจะสนล่ะ..ระหว่างโดนครูตีกับวิ่งเฉี่ยวเพื่อนแต่ได้กลับไปนั่งที่ของตัวเอง  ขอยอมเลือกข้อหลังดีกว่า


                เมื่อเห็นว่าเด็กๆของตัวเองนั่งที่ประจำกันเป็นระเบียบเรียบร้อย ครูสาวก็เดินมายืนหน้าชั้นปรายตามองเด็กตัวเล็กๆจนทั่วห้อง  อยู่แค่ระดับเด็กอนุบาลยังซนกันได้ขนาดนี้  แค่ครูขอตัวออกไปทำธุระข้างนอกพักเดียว  ห้องเรียนแทบจะกลายเป็นสนามเด็กเล่น  ตุ๊กตาหุ่นไม้สำหรับการแสดงเล็กในชั้นเรียนยังล้มไม่เป็นท่าระเนระนาดอยู่หลังห้อง หลักฐานมีให้เห็นคาตาแบบนี้ ยังจะตีหน้าซื่อกันได้แทบทุกคน  ทั้งซนทั้งแสบจริงๆเด็กสมัยนี้


                “เอาล่ะ..วันนี้ ครูมีเพื่อนใหม่มาแนะนำให้พวกเรารู้จักจ้ะ” กล่าวด้วยรอยยิ้มใจดีแบบครูเด็กอนุบาลทั่วๆไป  หารู้ไม่..ภายใต้ใบหน้าที่ฉาบไปด้วยรอยยิ้มเอ็นดูเด็กนั้นที่จริงเหนื่อยแค่ไหน  การดูแลเด็กเล็กๆไม่รู้ประสีประสานี่แหละ หนักหนาสาหัสกว่าคอยสอนเด็กชั้นโตๆเสียอีก


                “ผู้หญิงหรือผู้ชายครับครู
    !


                “ผู้หญิงจ้ะ  จางชิก”


                เด็กชายยิ้มกว้าง  เพื่อนๆส่งเสียงโฮลั่น ล้อเลียนกันยกใหญ่  พาครูสาวส่ายหน้าแอบระอาใจเบาๆ  นอกจากจะซนแล้ว ยังกัดแก่แดดแก่ลมกันอีก  ก่อนจะปรบมือดังๆสองครั้งเป็นสัญญาณ  ทั้งห้องจึงตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง


                “เงียบก่อนจ้ะ เดี๋ยวเพื่อนใหม่ของเราจะตกใจนะ .. เข้ามาเลยจ้ะ มิยอง”


                “มิยอง..”  ที่โต๊ะเล็กแถวหน้า  เด็กหญิงตัวเล็กร้องเสียงหลงมา  ยังดีที่เพื่อนๆและครูหันไปสนใจเด็กใหม่มากกว่าเสียงอุทานของเธอเด็กตัวเล็กเด้งตัวขึ้นมาจากเก้าอี้เพื่อมองเพื่อนใหม่ให้ชัดๆ รอยยิ้มกว้างเผยออกมาอย่างไม่รู้ตัว  .. ใช่มิยองจริงๆด้วย ..


                “ช..ชื่อ ..ฮวัง มิยอง ค่ะ” คนมาใหม่ก้มหน้าก้มตาพูดอย่างประหม่า ไม่กล้ามองสบตาเพื่อนๆและคุณครู


                “เงยหน้ามองเพื่อนๆสิจ๊ะมิยอง”


                เด็กใหม่ดูขัดๆเขินๆในอ้อมแขนครู ในที่สุดเธอก็ยอมเงยหน้าขึ้นมองสีหน้าอยากรู้อยากเห็นในตัวเธอของเพื่อนๆ  รวมไปถึง..เด็กตัวเล็กโต๊ะหน้านี้ด้วย


                “แทแท” รอยยิ้มกว้างจนตาปิดส่งไปให้เด็กคนนั้น  แทยอนยิ้มตอบกลับมาพร้อมกับโบกมือ ไม่สนใจสายตาเพื่อนอีกหลายสิบคนในห้องที่มองมาทางพวกเธอ


                “อ้าว รู้จักกันเหรอ .. งั้นแทยอนช่วยดูแลเพื่อนใหม่เผื่อเวลาครูไม่อยู่ด้วยนะ”


                “ค่ะคุณครู  มานั่งนี่สิมิยอง ข้างแทแทตรงนี้ว่าง” ไม่พูดเปล่า ลุกขึ้นจากโต๊ะเดินไปจูงมือมิยองให้มานั่งโต๊ะตัวเล็กสีชมพูข้างๆเธอ


                “ครูครับ
    !  แทยอนมั่วนิ่ม  ที่ตรงนั้นเป็นของซูโฮต่างหาก”


                “แต่ซูโฮไม่อยู่แล้วนะ จางชิก”  แทยอนหันหน้าไปเถียงเพื่อนเด็กชายคนเดิมอีกสุดมุมห้อง


                “เดี๋ยวซูโฮก็มา...”


                “เอาล่ะๆ  พอก่อนนะ แทยอน จางชิก .. ซูโฮเขาย้ายบ้านไปกับพ่อแม่แล้วนะคะจางชิก เพราะฉะนั้นที่ตรงนี้มิยองนั่งได้จ้ะ” คุณครูยุติสงครามเกี่ยงที่นั่งระหว่างเด็กสองคน ปิดท้ายด้วยรอยยิ้มใจดี .. เพราะเป็นเสียแบบนี้หรือเปล่านะ เด็กถึงไม่กลัวกันสักที


                “แบร่..”


                “แทแท..นิสัยไม่ดี แลบลิ้นใส่เขาทำไม” มิยองแอบสะกิดเด็กตัวเล็กที่หันกลับมาพอดี  แทยอนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้


                “ก็มันจะไม่ให้มิยองนั่งข้างแทแทนี่  แทแทไม่ยอมหรอก..”


                “อะแฮ่ม...แทยอน เมื่อกี้ครูพูดอะไรไปบ้างได้ฟังหรือเปล่าคะ?”


                “เอ้อ..อ่ะ..ค่ะ” แทยอนลุกลี้ลุกลน กึ่งลุกกึ่งนั่งทำตัวไม่ถูก  ได้แต่เกาแก้มแก้เขิน ในขณะที่มิยองแอบขำให้กับการกระทำของเธอ


     

     

                ช่วงเวลาบ่ายสองวันเดียวกัน  บริเวณสนามหญ้าของโรงเรียนอนุบาล  จากที่เคยว่างโล่งตอนนี้มีแต่เด็กตัวเล็กๆวิ่งเล่นกัน  แต่มันกลับดูไม่ต่างจากเดิมสักเท่าไหร่ในสายตาคุณครู  แค่เปลี่ยนจากห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ มาเป็นสนามกว้างๆให้ซนได้มากกว่าเดิมเท่านั้นเอง


                คุณครูเฝ้ามองเด็กๆของเธอ  ซึ่งเด็กผู้หญิงส่วนใหญ่จะไปจับกลุ่มกันอยู่ที่สนามเด็กเล่นข้างๆมากกว่า  ส่วนเด็กผู้ชายจะพากันเตะลูกฟุตบอลชายหาดขนาดเล็กเหมาะกับเด็กที่เธอเตรียมมาให้  ที่น่าแปลกใจสำหรับเธอคือตอนนี้ไม่มีเด็กผู้หญิงตัวเล็กจอมแก่นเซี้ยวประจำห้องรวมอยู่ในกลุ่มเตะฟุตบอลอย่างเช่นทุกครั้งที่พามาเล่นสนามหญ้า


              แทยอน..ไปไหนของเขานะ?


                สายตามองผ่านเลนส์แว่นกรอบสี่เหลี่ยมรับกับใบหน้ามองหาเด็กตัวเล็ก แล้วก็พบว่าเด็กคนนั้นเล่นอยู่ที่ชิงช้ารวมกับเด็กหญิงคนอื่นๆอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน  ..เอ๊ะ ไม่สิ  แทยอนกำลังแกว่งชิงช้าเบาๆให้เด็กใหม่ที่ชื่อมิยองต่างหาก


                ครูสาวยิ้มบางๆ ก่อนหน้านี้เธอเคยเข้าไปถามเด็กตัวเล็กว่าทำไมถึงไม่ไปเล่นกับเด็กผู้หญิง  ทำไมถึงเลือกที่จะเล่นฟุตบอลกับพวกผู้ชาย?  ซึ่งคำตอบที่ได้รับคือหน้าตาหงิกงอเล็กน้อย กับคำพูดที่ว่า


             
    แทไม่ชอบชิงช้าค่ะ มันแกว่งไปแกว่งมา ปวดหัว .. เล่นบอลดีกว่า


                แล้วตอนนี้คำพูดจากเด็กคนนั้นกลับเปลี่ยนไปเพราะเด็กใหม่อย่างฮวังมิยอง .. ครูสาวเฝ้ามองดูมิยองดึงมือแทยอนให้มานั่งชิงช้าด้วยกัน  ร่างเล็กๆของทั้งคู่เบียดอยู่บนไม้กระดาน มือขวาของมิยองและมือซ้ายของแทยอนจับลูกโซ่เอาไว้  ส่วนมือที่ว่างอยู่นั้นต่างโอบเอวของกันและกัน  ชิงช้าแกว่งเบาๆ สร้างเสียงหัวเราะและรอยยิ้มให้กับเด็กทั้งสองคน  รวมไปถึงคุณครูด้วย...


                “เอ่อ..คุณครูฮยอนอาคะ ท่านรองฯเรียกพบค่ะ”


                “หืม? มีเรื่องอะไรอีกหรือเปล่าคะ?” ครูฮยอนอาหันไปพูดกับผู้มาใหม่ คิ้วสวยเลิกขึ้นด้วยความสงสัย


                “คงจะเป็นเรื่องของเด็กใหม่ในห้องคุณครูนั่นแหละค่ะ”


                “งั้นเหรอคะ  งั้นฉันขอฝากเด็กๆไว้สักพักได้ไหม?  ถ้าถึงบ่ายสองโมงครึ่งหรือเด็กๆเริ่มเหนื่อย แล้วฉันยังไม่กลับมาช่วยพาพวกเขากลับห้องด้วย”


                “ได้ค่ะ”


                เมื่อมีผู้รับฝากเด็กจอมซนที่เธอแสนจะเป็นห่วงได้แล้ว  ฮยอนอาก็ก้าวออกมาเพื่อไปหาผู้ที่เรียกพบเธอได้อย่างวางใจ  แต่ไม่นานหลังจากนั้น...


                “เด็กๆจ๊ะ  เล่นกันไปก่อนนะ  เดี๋ยวครูมา ขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะคะ” คุณครูผู้รับฝากช่วงต่อตะโกนแข็งกับเสียงเจี๊ยวจ๊าว อื้ออึงของเด็กๆ  แต่อย่างน้อยเธอก็ได้รับเสียงตอบรับกลับมา ก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้เด็กๆเล่นกันตามลำพัง


                “เฮ้
    ! ทุกคน พวกเรามีเรื่องอะไรจะบอกแหละ!” เด็กผู้ชายตัวเล็ก เพื่อนร่วมห้องของแทยอนวิ่งเข้ามาในสนามเด็กเล่น ตะโกนด้วยเสียงดังพอที่จะได้ยินกันทุกคน


                “อะไรยอนจุง  คุณครูให้เลิกเล่นแล้วเหรอ?” เด็กผู้หญิงคนหนึ่งบนเครื่องเล่นสไลด์ถามกลับไป เมื่อเห็นว่าพวกเด็กผู้ชายอีกหลายๆคนพากันเลิกเล่นฟุตบอลมาสมทบกับยอนจุง


                “เปล่า..แต่เราอยากจะบอกว่า จางชิกแอบชอบเด็กใหม่แหละ
    !


                เสียงโฮฮา และเสียงเป่าปากเปี๊ยวมาจากพวกเด็กผู้ชาย  เด็กผู้หญิงพากันอมยิ้ม หันไปมองผู้ที่ถูกกล่าวถึงอย่างจางชิกและมิยอง.. ดูเหมือนฝ่ายชายจะดูเฉยๆ ไม่เท่าไหร่  แต่สำหรับฝ่ายหญิงนี่สิ หน้าแดงไปไหนต่อไหนแล้ว


                “เฮ้ๆ จางชิก  เด็กใหม่เขินหน้าแดงเลย วิ๊ววๆ
    ~


                “มิยองเขินด้วย  มิยองเขิน มิยองเขิน มิยองเขิน
    ~


                เด็กผู้ชายวิ่งไปล้อมเป็นวงกลมรอบชิงช้าตัวที่มิยองนั่งอยู่กับแทยอน  ผลักให้จางชิกเข้าไปอยู่ในวงกลม


                “แทยอน อยากเป็นส่วนเกินนักหรือไง ออกมาสิ” เสียงเรียกร้องให้เด็กตัวเล็กออกมาจากวงล้อมนั้น แต่แทยอนไปไหนไม่ได้เพราะมือของเธอถูกคนข้างกายเกาะกุมไว้น่ะสิ ทั้งไหล่บางยังถูกครอบครองด้วยศีรษะที่ซบมาจากอีกฝ่าย


                แต่ถึงจะไปได้ .. จ้างให้ คิมแทยอนคนนี้ก็ไม่ไปไหนทั้งนั้น
    !!


                “พวกนาย
    ! บ้ากันหรือเปล่า! เล่นอะไรกันอยู่ ทำตัวแก่แดดไปได้!” แทยอนต่อว่า


                “อะไรกันแทยอน  เธออย่ามาขัดสิ”


                “ใช่ๆ  จางชิกชอบมิยอง มิยองก็ชอบจางชิก ดูเธอเขินสิ .. อย่าขัดเลยแทยอน ออกมาเลยนะ”


                “พวกบ้า
    ! แค่วันเดียวกันจะไปชอบกันได้ยังไง” เด็กหญิงตัวเล็กยังไม่ลดละความพยายาม


                “ก็ชอบอ่ะ มีไรปะ?” คราวนี้เป็นจางชิกเองที่พูดออกมาแบบนั้น  ช่วยสร้างเสียงเฮละโลจากเด็กที่เหลือได้อีกเป็นระลอก  จางชิกยิ้มอย่างพอใจในตัวเอง


                “งั้นก็ฝันไปเถอะจางชิก  เพราะมิยองไม่ได้ชอบนาย  ไม่ชอบใครทั้งนั้นแหละ
    เป็นเด็กเป็นเล็ก” แทยอนลุกขึ้นยืนอย่างสุดกลั้น ฉุดร่างบางให้ลุกขึ้นมาด้วย  แต่มิยองยังคงยืนหลบอยู่ที่ไหล่เล็กๆ ไม่กล้ามองหน้าใครๆ


                “เธอตัวเล็กกว่าพวกเราอีกแทยอน ทำมาพูดดีไป .. เธอเป็นอะไรกับมิยองหะ ถึงได้ไปตัดสินใจแทนหมด”


                “ถามแบบนี้ก็ดี  งั้นก็จำไว้ซะด้วยจางชิก  ว่ามิยองเป็นของฉัน
    !  ห้ามใครมายุ่ง!


                เสียงฮือฮาดังมาอีกเป็นระลอก  แต่คราวนี้มีเสียงมาจากพวกเด็กผู้หญิงที่แอบฟังอยู่ด้วย  จางชิกขมวดคิ้ว หน้าเสีย


                “นายยอมเหรอจางชิก .. ยอมเหรอ ยอมเหรอ .. อย่าไปยอมแทยอนมันนะ”


                “แข่งวิ่งๆๆๆ”


                เสียงยั่ว ยุยงส่งเสริมจากเพื่อนๆ พร้อมด้วยเสียงปรบมือเป็นจังหวะฮึกเหิมดังกระหึ่มมา รวมไปถึงพวกเด็กผู้หญิงด้วย  เพราะตั้งแต่เรียนด้วยกันมาพูดได้ว่า ถ้ามีการแข่งวิ่งเมื่อไหร่ แทยอนกับจางชิกจะเป็นตัวเต็งฝ่ายหญิงและฝ่ายชายของทางโรงเรียนว่าวิ่งเร็วที่สุด แต่ทั้งสองก็ไม่เคยแข่งวิ่งร่วมกันสักที


                เรื่องตัวเต็ง..จางชิกนั้นไม่มีใครสงสัย .. แต่สำหรับแทยอนกับขาสั้นๆของเธอ เพื่อนยังพากันสงสัยอยู่เลย ว่าวิ่งแซงคนตัวสูงๆ ขายาวๆกว่าได้ยังไง?


                “มาแข่งวิ่งกันไหมแทยอน  ถ้าฉันชนะ ฉันยุ่งกับมิยองได้ .. แต่ถ้าเธอชนะ ฉันจะไม่ยุ่งกับมิยองก็ได้”


                “ว่าไงแทยอน  กลัวอ่ะดิ๊
    ..ฉันรู้หน่าว่าเธอกลัว ฮ่าๆๆๆ” หลังจากคำท้าทายของจางชิก  เสียงยุยงจากเพื่อนๆดังกระหึ่มอีกครั้ง ราวกับเป็นตัวปะทุความไม่ยอมคนของแทยอนขึ้นมา


                “ใครว่าฉันกลัว
    ! มาเลยจางชิก!  แล้วอย่าลืมสัญญาของนายด้วย”


                “เฮ
    ~~  แทยอนกับจางชิก!  ศึกวิ่งชิงเด็กใหม่!

               


                เด็กชายและเด็กหญิงอยู่ในท่าเตรียมพร้อม สายตาจ้องมองเส้นชัย ซึ่งอยู่สุดเส้นขอบสนามหญ้ามีเพื่อนๆส่วนหนึ่งยืนอยู่  รวมไปถึงมิยองซึ่งถูกแทยอนบอกให้ไปรออยู่ที่ตรงนั้น เพราะเนื่องจากเด็กร่างบางดึงดันจะไม่ยอมให้เธอไปวิ่งแข่ง ตอนนี้จึงนั่งหน้าบูดเป็นหมีอดกินน้ำผึ้งอยู่ปลายทาง


                “ตัดใจตอนนี้ยังทันนะแทยอน”


                “ฝันไปเถอะ
    !” แทยอนตะคอกกลับ  สมาธิมุ่งอยู่ที่ปลายทางอีกครั้ง


                “เตรียมตัววว วว....
    ........ระวังงงง งง......”


                มีมิยองนั่งอยู่ตรงนั้น  ต่อให้วิ่งช้ากว่ายังไง เธอก็ต้องไปให้ถึงร่างบางก่อน
    !


                “ไป
    !!!!


                จางชิกออกตัวได้รวดเร็วกว่ามากเนื่องจากเป็นเด็กผู้ชาย  ยังดีที่คุณครูพาไปเปลี่ยนเป็นกางเกงวอร์มขาสั้นแทนกระโปรงเด็กหญิงอนุบาลสั้นวาบหวิว จึงไม่เป็นปัญหาอะไรต่อแทยอนมากนัก


                เด็กหญิงตัวเล็กวิ่งกวดเด็กชายจนเสมอกัน  เสียงลมผ่านหูดังกลบเสียงเชียร์ของเพื่อนๆ  สายตาของแทยอนมองไปที่ปลายทาง..มิยองอดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นยืนกระโดดเชียร์ไปมา  แต่แล้ว..เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น...


              พลั่ก
    !!


             
    “โอ๊ยย!” ร่างเล็กของแทยอนเซล้มลงไปกองกับพื้น เด็กหญิงใช้ข้อศอกยันรับร่างตัวเองเอาไว้


                “แทแท
    !” เสียงร้องของมิยองดังมาแต่ไกล  แทยอนยกข้อศอกตัวเองขึ้นมาลูบเบาๆด้วยความเจ็บ  บาดแผลถลอกมีเลือดไหลซิบๆ ถือว่ายังโชคดีที่พื้นรองรับเป็นสนามหญ้านิ่ม ถ้าเป็นพื้นคอนกรีตแข็งๆคงเจ็บตัวมากกว่านี้


                “เย้
    ! เราชนะ!” จางชิกยกมือขึ้นเฮอยู่คนเดียว เพราะเพื่อนๆพากันวิ่งมารุมแทยอนกันทุกคน ไม่มีใครสนใจเขา


                “แทแท..เป็นอะไรเปล่า? 
    แทแทเลือดออกนี่” มิยองประคองแขนเล็กขึ้นมา  เลือดไหลออกหนักกว่าเดิม


                “แทแทไม่เป็นไร..แต่แทแทแข่งแพ้แล้วอ่ามิยอง”  แทยอนทำปากบู่ ดูท่าทางไม่ได้สนใจแผลเลยสักนิด


                “แทแทบ้า
    !  เลือดออกขนาดนี้ ยังจะคิดถึงเรื่องนี้อีกเหรอ เค้าบอกแล้วไงว่าไม่ต้องแข่ง” ตีเบาๆไปที่ไหล่เล็กๆ หน้าบูดบึ้งมีน้ำตาคลออยู่เล็กน้อย


                “มิยองร้องไห้เหรอ..แทแทขอโทษนะ  เง้อ..อย่าร้องไห้สิ” แทยอนมองหาตัวช่วย แต่มือเธอก็เปื้อนเพราะหกล้มเมื่อครู่ จะเช็ดน้ำตาให้คนตรงหน้าก็กระไรอยู่


                “ว่าไงแทยอน
    !  เราชนะเธอแล้วนะ!  เพราะฉะนั้นเรายุ่งกับมิยองได้” เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจตัวเขาเลย จางชิกจึงเดินมาหาแทยอนซะเอง  ไม่สนใจสายตาตำหนิจากเด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่รอบๆ


                “ไม่ต้องเลยจางชิก
    ! เราเห็นนะว่านายแอบผลักแทยอน”


                “ใช่ๆ เราก็เห็น  นายใช้ตัวกระแทกแทยอน”


                “ใช้ไม่ได้เลยจางชิก  นายเล่นสกปรกนี่นา”


                เสียงต่อว่า ด้วยความไม่พอใจจากเด็กผู้หญิงรุมใส่จางชิกจนเขาทำหน้าไม่ถูก  เด็กชายก้าวขาถอยหลังเมื่อสังเกตเห็นว่าคำต่อว่าเขาไม่ได้มาจากแค่ฝ่ายหญิง แต่พวกเพื่อนผู้ชายบางคนก็ร่วมด้วยเช่นกัน


                “จะบ้าเหรอไง  เราไม่ได้ทำแบบนั้นนะ พวกนายก็เห็นใช่ไหม” หันไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อน แต่สีหน้าผิดหวังจากพวกเขาก็ยิ่งตอกย้ำความผิด


                “ขอโทษแทยอนเดี๋ยวนี้เลยนะจางชิก”


                “ใช่ๆ ขอโทษแทยอนเดี๋ยวนี้”


                “ก็ได้ๆ ขอโทษ
    !” จางชิกกระแทกเสียงขอโทษใส่แทยอนอย่างเสียไม่ได้เมื่อเจอเพื่อนรุมต่อว่า แต่คนตัวเล็กกลับไม่สนใจเสียงนั้นเลย เพียงแค่ส่งสายตาเรียบเฉยมองเขา


                “ไม่ นายไม่ต้องขอโทษฉัน .. คนที่นายต้องขอโทษ คือมิยอง”


                “ทำไมล่ะ ทำไมฉันต้องขอโทษเด็กใหม่ด้วย”


                “เพราะนายพูดจาไร้สาระกับมิยอง รวมไปถึงพวกนายทุกคนด้วย ขอโทษมิยองเดี๋ยวนี้นะ” แทยอนลุกขึ้นยืนโดยมีอีกคนหนีบลุกขึ้นตาม มือข้างที่ไม่เจ็บยกชี้นิ้วไล่เรียงไปที่เด็กผู้ชายทุกๆคน


                “พวกเราขอโทษนะ มิยอง” เด็กชายผงะไปเล็กน้อย แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ยอมก้มตัวเล็กน้อย เว้นแต่...


                “จางชิก
    !


                “เราก็ขอโทษด้วยนะ มิยอง”


                “เด็กๆ  เด็กๆคะ นี่มันเกิดอะไรกันขึ้น  แล้วคุณครูแตฮีไปไหนคะ?” คุณครูฮยอนอาวิ่งเข้ามาด้วยความตกใจที่เด็กๆของเธอยืนอยู่เป็นกลุ่มๆ  ที่หนักกว่านั้นคือกลางวงล้อมมีแทยอนยืนตัวติดกับมิยอง ซ้ำที่ข้อศอกของเด็กตัวเล็กมีรอยถลอก เลือดไหล


                “ตายแล้ว..แทยอน  หนูไปโดนอะไรมา”


                ครูสาวทรุดตัวลงนั่งข้างเด็กน้อย ประคองแขนบางขึ้นมาสำรวจรอยแผล  จางชิกที่ยืนอยู่ไม่ไกลมีสีหน้าซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะแทยอนอาจจะฟ้องคุณครูก็ได้


                “แทวิ่งเล่นแล้วหกล้มค่ะคุณครู” แทยอนตอบแบบไม่ลังเล จนเพื่อนๆหันมามอง แต่เด็กน้อยขยิบตาเล็กน้อย


                “หืมม.. สงสัยครูต้องไปเคลียร์กับคุณครูแตฮีซะแล้วสิ   ปะ..ไปห้องพยาบาลกับครู ทำแผลก่อน” ครูสาวออกแรงดึงมือเด็กหญิง แต่กลับมีแรงยื้อเอาไว้ไม่ยอมไป


                “แทไม่ทำแผลได้ไหมคะ คุณครู”


                “ไม่ได้นะคะ เดี๋ยวเชื้อโรคจะเข้าไปในแผล เป็นอันตรายได้นะแทยอน”


                “ไปทำแผลนะแทแท เลือดออกใหญ่แล้ว” มิยองบีบมืออีกข้างของแทยอนเบาๆ พลางส่งสายตาขอร้อง


                “มิยองไปกับแทแทนะ .. ครูคะ ให้มิยองไปกับแทได้ไหมคะ?”


                “ได้สิคะ .. เอาล่ะ เด็กๆ  เดี๋ยวครูจะพาเพื่อนไปห้องพยาบาล เล่นกันดีๆ ห้ามไปไหนนะคะ  เดี๋ยวครูมาแป๊บเดียว” คุณครูหันไปพูดกับเด็กที่เหลือ ก่อนจะหันมาจูงมือแทยอนนำทางไปห้องพยาบาล


                “อ้าว ครูฮยอนอา มีอะไรให้ช่วยหรอคะ?  อ้อหนูแทยอนอีกแล้วเหรอ แล้วอีกคนนั่นใครคะ?”


                ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปในห้องพยาบาล แทยอนถึงกับต้องหมิ่นจมูกเพราะกลิ่นยาคละคลุ้งเต็มห้อง คุณครูพยาบาลยิ้มกว้างต้อนรับพวกเขา โดยเฉพาะกับแทยอน เด็กตัวเล็กแต่มีเรื่องเจ็บตัวทำให้ต้องเข้ามาทำแผลที่ห้องนี้อยู่บ่อยครั้ง


                “เด็กใหม่ค่ะ เพิ่งมาวันนี้เอง เธอชื่อมิยอง  มาเป็นเพื่อนแทยอนเขาน่ะค่ะ .. ขอฝากเด็กสองคนนี้ไว้สักครู่นะคะ พอดีว่าปล่อยเด็กที่เหลือทิ้งไว้ตรงสนาม ขอไปพาพวกเขากลับห้องก่อน เดี๋ยวมารับนะคะ”


                “ได้ค่ะ”


                “เดี๋ยวครูมานะคะ  .. แทยอน มิยอง”


                “ค่ะ” มิยองเป็นฝ่ายพูดตอบ ในขณะที่อีกคนยืนหลบอยู่ด้านหลังของเธอ ไม่อยากเดินไปหาคุณครูพยาบาลที่หายเข้าไปเตรียมอุปกรณ์ทำแผลด้านใน


                “แทยอนจ๊ะ เข้ามาเลย” เสียงคุณครูพยาบาลดังมาจากด้านใน แต่แทยอนยังไม่ยอมขยับตัว


                “ไปสิแทแท..” มิยองกระตุกแขนคนตัวเล็กเบาๆ  แทยอนอิดๆออดๆแต่ยอมเดินตามมิยองที่กึ่งจูง กึ่งฉุดเขาเข้าไปด้านใน


                “นั่งตรงนี้เลยจ้ะ แทยอน”


                แทยอนเดินเข้าไปนั่งบนเก้าอี้ตัวเล็ก ยังไม่ยอมปล่อยมือออกจากมิยอง และยิ่งกุมมืออีกฝ่ายแน่นมากยิ่งขึ้นเมื่อสำลีชุบน้ำแอลกอฮอลล์ฆ่าเชื้อสีฟ้าสดใสสัมผัสกับบาดแผล  ริมฝีปากเม้มแน่น  เก็บกลั้นความแสบอันคุ้นเคยระบมไปทั่วผิวหนัง แม้คุณครูพยาบาลจะพยายามทำอย่างเบามือที่สุดก็ตาม


                “แปลกแฮะ..คราวนี้แทยอนไม่มีเสียงร้องเลย  หรือว่ามีกำลังใจดีๆกันแน่น้าา” คุณครูพยาบาลเอ่ยปากแซว อมยิ้มมองเด็กหญิงอีกคนที่ยืนบีบมือให้กำลังใจคนโดนทำแผลไม่ยอมปล่อยเช่นกัน


                “แสบมั้ยแทแท” มิยองเอียงคอถามน่ารัก


                “ไม่แสบหรอก  อ๊ะ
    !” แทยอนหลุดฟอร์มร้องออกมาเสียงแผ่วเบา จนครูพยาบาลอดขำไม่ได้ เธอลงมือปิดบาดแผลด้วยผ้าพันแผลเล็กๆที่ตัดออกมาเรียบร้อยแล้ว กับเทปสีขุ่นสำหรับแปะทับ


                “หลุดฟอร์มซะแล้วเหรอตัวเล็ก .. เสร็จแล้วค่ะ นั่งพักรอคุณครูฮยอนอาก่อนนะ” ทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มใจดี ลุกขึ้นเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานเพื่อเขียนประวัติการพยาบาล


                แทยอนลูบผ้าปิดบาดแผลเบาๆ แอบมีน้ำตาคลอเล็กน้อยจากการเก็บกลั้นเสียงร้องเมื่อครู่ มิยองเดินมานั่งบนเก้าอี้ตัวเดียวกัน ยกข้อศอกบางขึ้นมาเป่าเบาๆ


                “เค้าเป่าให้แล้ว..เดี๋ยวก็หายนะ แทแท”


                “อื้ม..แทแทไม่เจ็บแล้วแหละ”


                “ทำเป็นพูดดีไป เมื่อกี้ร้องซะดังเชียว”


                “มิยองอา...”

     

     

              มิยอง..


             
    “มิยอง..”


                “หืม..อะไรเหรอแทแท แสบเหรอ?”


                แทยอนหลับตาลงพักหนึ่ง ลืมตาขึ้นมองคนตรงหน้า .. มิยองคนปัจจุบันทำหน้าตาเลิ่กลั่กเล็กน้อย เพราะกลัวว่ามือเธอจะหนักไปจนอีกฝ่ายแสบแผล


                “เปล่า ฉันไม่เป็นไร” คนตัวเล็กรีบปฏิเสธ


              เธอ..คงไม่ใช่มิยอง  เพราะมันเป็นไปไม่ได้จริงๆ..


                “แทแท..”


                “หืมม..?”


                แต่แล้วแทยอนก็ต้องแปลกใจ จนเกือบตกใจด้วยซ้ำ  เมื่อร่างบางประคองแก้มเธอเอาไว้แผ่วเบา ก่อนจะค่อยๆเลื่อนใบหน้าเข้ามาแบบไม่ทันให้เธอได้ตั้งตัว


              มิยอง..เธอจะทำอะไร?


                ได้แต่เก็บคำถามนั้นไว้ในใจเมื่อปากไม่สามารถขยับเพื่อเปล่งเสียงออกไปได้  ดวงตาของมิยองหลับพริ้มเลื่อนเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นกว่าเดิม  จนคนตัวเล็กกลัวว่าถ้าใกล้กันมากกว่านี้ร่างบางอาจได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นโครมครามอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน


              ไม่สิ..หัวใจมันเคยหวั่นไหวเช่นนี้นี้  แต่มันนานมากแล้วเท่านั้นเอง


                ริมฝีปากที่อยู่ห่างกันไม่มาก  ไม่พอที่จะทำให้แทยอนเอ่ยปากถามสิ่งที่ร่างบางกำลังคิดอยู่  จึงได้แต่หลับตาพริ้ม  อดบอกไม่ได้ว่าหัวใจของเธอเองนั้นเต้นรัวเร็วกับสัมผัสที่กำลังได้รับ


                “ฟู่ววว์ ..
    ~  หายแล้วนะ เค้าเป่าให้แล้ว”


                แทยอนลืมตาโต มองใบหน้ายิ้มกว้างจนตาปิดของอีกฝ่าย  ยกมือขึ้นลูบรอยช้ำที่เจ้าตัวเพิ่งเป่าลมหายใจอุ่นๆรดมันเบาๆ  ดูเหมือนว่ามันจะเป็นหนักมากกว่าเดิมเสียแล้ว  เพราะเลือดต่างสูบฉีดขึ้นใบหน้าจนร้อนผ่าวไปทั่วทั้งตัว   


                “แทแทหน้าแดง  ไม่สบายเหรอ”


                มือบางลูบหน้าผาก เลื่อนลงมาที่แก้ม ด้วยความเป็นห่วง แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อแทยอนไม่ได้ตัวร้อนอย่างที่เธอคิด


                “ฉัน..ไม่เป็นไร...แต่ตอนนี้...กำลังจะเป็นแล้ว....ขอไปอาบน้ำก่อนนะ” พูดจบก็ลุกขึ้นยืน เดินตรงเข้าห้องน้ำ ปิดประตูไล่หลัง  โดยไม่หันไปมองสีหน้างงงันของร่างบางอีก เอื้อมมือทาบหน้าอกซ้ายของตัวเองที่ยังเต้นเร็วไม่หยุด ราวกับอยากจะหลุดออกมาด้านนอก


              ...นี่ฉัน..เป็นอะไรไป...

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×