[OneShort SNSD] .. Juliette .. (Yuri)
[Yuri x Jessica] Juliette.. Sweet addiction, burning temptation.
ผู้เข้าชมรวม
6,106
ผู้เข้าชมเดือนนี้
5
ผู้เข้าชมรวม
One short Juliette
( Yuri x Jessica )
Credit Pic : @tumblr
Juliette, Ill give you my soul
จูเลียต.. ข้าจะอุทิศวิญญาณของข้าให้แก่เจ้า
Juliette, please accept me
ได้โปรดยอมรับกันเถอะนะ
Juliette, sweetly, a little more sweeter
จูเลียต.. ช่างอ่อนหวาน อ่อนหวานอีกนิดนะ
Whisper my serenade
กระซิบบทเพลงรักของข้าให้เจ้าได้ฟัง
Juliette - SHINee
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
“Juliette”
( Yuri x Jessica )
ความผิดเปรียบเสมือนยาพิษแสนหอมหวาน
สิ่งเดียวที่ฉุดดึงสายตาของข้าออกจากทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้คือเจ้า
ได้โปรด.. อย่ากลั่นแกล้งด้วยการเดินหนีกันอีกเลย ..
“ยูริ! ทางนี้”
เสียงทุ้มหนักถูกกดต่ำลงแผ่วเบามากขึ้นไปอีกเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีผู้อื่นหรือใครนอกจากคนที่เขาต้องการให้ฟังมาได้ยินเข้าเสียก่อน คิมจงฮยอนคว้าข้อมือของสหายผู้แสนจะกังวลกับสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่ ความหวาดระแรงมันรวมไปถึงผลกระทบอันเลวร้ายที่อาจตามมา
การมาเยือนงานเลี้ยงภายในบ้านใกล้เรือนเคียงนั่นไม่เท่าไหร่ มันไม่ใช่เรื่องผิดปกติหรือสิ่งเลวร้ายอะไรขนาดนั้น ถ้าสถานที่ที่พวกเขาเข้ามายืนอยู่มันไม่ใช่คฤหาสน์หลังใหญ่สง่างามของตระกูลจอง
ตระกูลผู้ซึ่งมีเกียรติยศศักดิ์ศรีเสมอกับต้นตระกูลควอนมาช้านาน กลายเป็นการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นให้ได้หน้าตาในสังคมมากกว่า เกิดเป็นความเกลียดชังจนแทบไม่อยากจะพบหน้ากัน ..
แต่บุตรผู้สืบทอดตระกูลควอนอย่างยูริกลับมายืนอยู่ที่นี่ ที่ที่ไม่ควรมีคนจากพวกเชื้อสายควอนหลงเข้ามาพัวพันได้ พร้อมกับผองเพื่อนที่เห็นความท้าทายเป็นเรื่องสนุกสนาน โดยไม่คิดเลยว่าถ้าถูกจับได้มันจะเกิดอะไรขึ้น
ในที่สุดยูริก็ได้เข้ามาอยู่ภายในคฤหาสน์ที่บัดนี้คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตาที่ต่างเข้ามามาร่วมเป็นสักขีพยานความโอ่อ่าอลังการภายในงานเลี้ยงของหนึ่งในสองตระกูลผู้ยิ่งใหญ่แห่งเมือง จะว่าไม่มีใครในที่นี้ไม่รู้จักควอนยูริกันจนไม่ทันได้สังเกตว่าเขาได้แฝงกายเข้ามาก็ไม่เชิง..เพราะคงไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ถึงใบหน้าคมคายภายใต้หน้ากากที่บดบังความโดดเด่นไปแล้วครึ่งต่อครึ่ง และอาจไม่ทันได้คาดคิดว่าเขาจะมายืนอยู่ในที่แห่งนี้
“ยิ่งใหญ่เกินไปแล้ว” หนึ่งในสหายลีแทมินได้แต่มองไปรอบๆโถงอันกว้างขวางด้วยความอึ้งคะนึง แม้หน้ากากจะไม่สามารถบดบังความเยาว์วัยบนใบหน้าของเขา แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ใครคนอื่นสงสัยเลยเช่นเดียวกัน
สองดวงตาของยูริปรายมองไปเสียทั่วไม่ยอมหยุดอยู่กับที่ใดที่หนึ่ง หรือหยุดไว้กับเพียงใครสักคน แต่ความโดดเด่นแม้อยู่ท่ามกลางฝูงชนของตัวเองก็ทำให้ลำบากใจไม่น้อย
ถึงพวกนั้นจะคาดไม่ถึงว่าบุตรหลานของตระกูลควอนจะมายืนอยู่ตรงนี้ แต่มันก็ไม่อาจมั่นใจได้หรอกถ้ายังคงมองกันถึงขนาดไม่คลาดสายตา
คนขี้อายและมีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูงอย่างยูริไม่ชอบให้ใครมามองนัก!
“ข้าไปตรงนู้นนะ” ชี้ทางบอกญาติคนสนิทที่สุดอย่างจงฮยอนที่แทบจะไม่ได้สนใจใครมากไปกว่าสตรีแปลกหน้านางหนึ่งตรงหน้าเขา แต่ยูริก็ไม่ได้ใส่ใจพอกัน ร่างสูงเดินแทรกเบียดผู้คนออกมาจากความอัดแน่นพลุ่กพล่านที่ทำใจให้ชอบไม่ได้
เสียงบทเพลงดังกังวาลไปทั่วบวกกับเสียงแขกเหรื่อมากมายที่พากันพูดคุยถึงความยิ่งใหญ่ของตระกูลจองที่ประจักษ์ต่อพวกเขาในค่ำคืนนี้ จนยูริอดไม่ได้ที่จะขำเบาๆในลำคอเมื่อได้ฟังความเห็นที่ว่าเมื่อไหร่ตระกูลควอนถึงจะจัดงานเลี้ยงเฉกเช่นนี้บ้าง
“พวกเจ้าได้เห็นเจสสิก้าหรือยัง?”
“เจ้าเห็นเธอแล้วหรือ?”
บทสนทนาเกี่ยวกับใครสักคนที่ยูริจำได้เพียงลางๆว่ามันคือชื่อของบุตรีแห่งตระกูลจอง แต่แน่นอนว่าเขาไม่เคยเห็นเธอคนนั้นมาก่อน ถ้าเดาไม่ผิดคงเป็นน้องสาวของเจ้าจองซูยอง คู่อริตลอดกาลตั้งแต่เกิดที่เพียงเห็นหน้ากันก็แทบคลื่นไส้ แต่อาการคลื่นไส้แบบนั้นอาเจียนออกมายังไงก็ไม่หาย มันต้องมีเรื่องให้เจ็บตัวกันไปข้างเท่านั้นถึงจะพึงพอใจ
เจสสิก้าจอง จะสวยสักแค่ไหนกันเชียว .. แต่คงจะไม่เท่าไหร่นักหรอก พวกคนจากตระกูลนี้น่ะ ..
สายตาที่เลื่อนลอยมองผ่านช่องหน้ากากอย่างเบื่อหน่ายเมื่อมันไม่มีสิ่งเย้ายวนใจมากเท่าที่ควร เรียกได้ว่าถ้าถูกจับได้มันไม่คุ้มค่าเสียสักนิดเดียว
ทว่าร่างของใครคนหนึ่งทำให้ยูริแทบจะลืมคำสบประมาทก่อนหน้านั้นทิ้งไป แรกเริ่มมองเพียงผิวเผินผ่านไปต้องย้อนกลับมามองอีกครา และเพราะเหตุใดดวงตาคู่ที่แทบจะถูกหน้ากากที่ไม่อาจบดบังและไม่อาจลบเลือนความงดงามบนใบหน้าของเจ้าของเรือนร่างนั้นกลับมองมาทางเขาเช่นเดียวกัน
แค่มอง..แค่สบตา.. แต่ไม่อาจผันหน้าหันไปมองใครทางไหนได้อีก ..
หากไม่เป็นการเข้าข้างตัวเองจนเกินไปนัก มันรู้สึกราวกับเรือนร่างภายใต้ชุดเดรสสวยสีขาวกำลังยั่วยวนเขา ใบหน้าที่เชิดขึ้นเพียงเล็กน้อยยังคงหันมาเพื่อสบตากันและกันแม้ตัวเองจะเคลื่อนกายไปจนไม่อาจเหลียวกลับมามองได้แล้วก็ตาม
ใครกัน..เธอคือใคร ...
“เจ้ามายืนอยู่ตรงนี้ทำไมกันยูริ” ฝ่ามือหนาของจงฮยอนวางทับลงบนเนินไหล่สหายที่หลุดลอยไปกับห้วงภวังค์ราวกับหลงลืมไปเสียแล้วว่าตัวเองยืนอยู่ในที่ใด เพราะถ้าเกิดเจ้าซูยองเดินผ่านมา หากไม่ได้ผ่านไปธรรมดา ถ้าเกิดมันจำเค้าโครงใบหน้าภายใต้หน้ากากได้ จะเกิดเรื่องใหญ่เอา
“ข้า..ข้ากำลังมอง...” น้ำเสียงขาดห้วงบอกให้รู้ว่าสติของยูริยังถูกดึงกลับมาไม่ครบ สายตาเลื่อนลอยมองไปยังจุดที่เรือนร่างงดงามของหญิงสาวคนหนึ่งน่าจะอยู่ เพียงแต่ว่าในตอนนี้เธอหายไปแล้ว ..
เผลอเพียงครู่เดียวเท่านั้นเอง..แล้วเช่นนี้ข้าจะได้พบเจ้าอีกเมื่อใด..
“มอง? เจ้ามองใครกัน? เจ้าเจอคนที่ถูกใจหรืออย่างไร?” จงฮยอนหัวเราะ แม้สหายของเขาจะเป็นสตรี แต่การเลือกคบเพื่อนและการเป็นจุดสนใจในหมู่สตรีด้วยกันมากกว่าเพศตรงข้ามถึงค่อนหนึ่งด้วยเสน่ห์ของบุคคลที่ยากนักหากจะทั้งงดงามดั่งหญิงสาวและสง่าสุภาพดุจชายชาตรีในคนคนเดียวกัน
“ปากดีนัก หญิงสาวคนเมื่อกี้ของเจ้าไปไหนแล้วจงฮยอน”
คำตอกกลับของยูริ จงฮยอนทำแค่เพียงยักไหล่กว้างขวางบึกบึนของเขาเสมือนมันไม่ใช่เรื่องน่าสนใจเท่าที่ควร เพราะคนอย่างจงฮยอนนั้นคิดจะหาผู้หญิงใหม่อีกสักคนมันก็เป็นเรื่องง่ายดาย
“ตาแก่ยุนโฮกำลังจะเปิดตัวลูกสาว เจ้าอยากเห็นนางหรือไม่? แทมินจองที่ยืนดีๆไว้ให้แล้ว”
ยูริที่ไม่ได้สนใจเสียเท่าไหร่หากยอมเดินตามร่างหนาของจงฮยอนไปเสียแต่โดยดีเพราะไม่อยากหลงอยู่คนเดียวในหมู่พวกคนของตระกูลจอง
แทมินยืนจองที่กับพวกคนอื่นๆอีกจำนวนหนึ่งอยู่ตรงปลายบันได จงฮยอนกับยูริเข้ามาร่วมกลุ่มนั้นเพียงไม่นานแสงไฟตะเกียงที่เคยสว่างสไวทั่วห้องก็หรี่ลงจนแทบมืดสนิท มีเพียงไฟตรงช่วงบันไดที่โดดเด่นเป็นเป้าสายตาแขกเหรื่อทุกคนภายในงาน
ชายวัยกลางคนจองยุนโฮผู้มีตำแหน่งสูงสุดในตระกูลมีอำนาจชี้นำทุกสิ่งอย่างยืนอยู่ตรงชั้นบนสุดของบันไดกับภรรยาของเขา สีหน้าของเขาดูภาคภูมิใจกับงานวันนี้ งานที่ยิ่งใหญ่..ประกาศให้พวกควอนรู้กันไปเลยว่าเขาเหนือกว่ามากแค่ไหน
“ข้าขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาร่วมงานเลี้ยงฉลองงานวันเกิดของข้าในวันนี้.....” ยุนโฮกล่าวด้วยรอยยิ้มหยิ่งยะโสเหลือเกินในสายตาของคนเชื้อตระกูลควอนที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากเขา ถ้าเพียงแค่เขาลดระดับใบหน้าที่เชิดขึ้นลงมาก็จะได้เห็นพวกมัน
“...ข้ายินดีพร้อมเปิดตัวลูกสาวคนสุดท้อง บัดนี้นางอายุครบสิบแปดปีแล้ว หวังว่าพวกท่านคงจะยินดีมาร่วมงานแต่งของลูกสาวข้า..กับอคแทคยอนได้นะ”
เสียงหัวเราะของจองยุนโฮถูกตามมาด้วยเสียงกระซิบกระซาบของบรรดาแขกมากมายที่ได้รับฟังข่าวดี แขกบางคนที่เป็นชายก็ต่างมีสีหน้าเสียดายในตัวหญิงสาวผู้พรั่งพร้อมไปด้วยทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นหน้าตา สติปัญญา และฐานะอย่างลูกสาวยุนโฮคนนี้..
แต่มันก็เหมาะสมกันดีนะ.. เพราะอคแทคยอนก็เป็นถึงลูกชายนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่เชียว..
“เมื่อไหร่ตาแก่นั่นจะพูดจบ ข้าอยากกลับบ้าน” สรรพนามที่ใช้เรียกผู้สูงวัยอย่างไม่สุภาพเลยหลุดออกมาจากปากยูริ ..เขาชัดจะเบื่อที่นี่มากเต็มทนแล้ว เมื่อครู่นี้พยายามชะเง้อคอมองหาหญิงสาวเดรสสีขาวคนนั้น หากท่ามกลางความมืดเช่นนี้ฝันไปเถอะว่าจะเจอ
“เดี๋ยวสิ นั่นไงนางมาแล้ว!”
“....ข้าขอเปิดตัวเจสสิก้า”
เสียงกระซิบของจงฮยอนมาพร้อมกันกับเสียงประกาศดังกังวานของจองยุนโฮ พลันความเงียบแผ่เข้าครอบคลุมทั่วพื้นที่เสมือนทุกคนพากันกลั้นหายใจรอเจสสิก้าจอง
ยูริเองก็ใช่ว่าจะไม่สนใจอะไรเสียขนาดนั้น.. พอทั่วทั้งห้องเงียบ หญิงสาวร่างสูงก็หันไปมองตามทางปลายของทุกสายตานับร้อยพันในโถงแห่งนี้ ไปยังจุดๆเดียวกัน .. และควอนยูริก็ได้พบกับหญิงสาวคนนั้น ..
ยูริจำดวงตาคู่สวยภายใต้หน้ากากแวววาวได้ราวกับมันตรึงอยู่ในหัวใจของเขา ริมฝีปากเรียบบางสีแดงเรื่อน่าประทับรอยจุมพิตนั้นเจือยิ้มไว้ ชุดเดรสสีขาวสะอาดรับกับผิวขาวผ่องนวลเนียนน่าสัมผัสเหลือเกิน ..สวย สง่างาม โดดเด่น ทุกสิ่งทุกอย่างที่รวมกันเป็นหนึ่งเดียวได้อย่างงดงามออกมาเป็นเจสสิก้าจอง ทำไมถึงได้ยั่วยวนทรมานจิตใจยูริคนนี้นัก..
เธอคือเจสสิก้าจอง เธอคือลูกสาวคนสุดท้องของจองยุนโฮ เธอคือเชื้อสายของตระกูลจอง ..
เขาคือควอนยูริ เขาคือลูกสาวคนเดียวของควอนจียง เขาคือเชื้อสายของตระกูลควอน ..
แล้วทำไมหัวใจยังบังอาจเต้นแรงได้อีก.. ทำไมดวงตาถึงไม่ยอมละออกจากเรือนร่างของอริได้เลย.. ทำไม..ทำไม..
“ข้าไปก่อนนะ”
“เฮ้ยเจ้าจะไปไหน!”
ร่างสูงเดินแทรกกายออกมาจากที่ตรงนั้นโดยไม่สนใจเสียงเรียกของสหายหรือแม้แต่แววตาและน้ำเสียงขุ่นเคืองของคนที่โดนเขาเบียดกาย ยูริไม่สนใจใครทั้งนั้น..เขาอยากหาที่เงียบๆยืนนิ่งๆไว้เผื่อจิตใจที่ร้อนรุ่มมันจะสงบลงบ้าง
ไม่นานหลังจากนั้นงานเลี้ยงก็ดำเนินต่อไปอย่างยาวนานหากยูริไม่ได้ยืนอยู่ที่ตรงนั้นอีกแล้ว ร่างสูงพาตัวเองลักลอบเข้ามาเดินชมสวนหลังคฤหาสน์ตระกูลจอง ที่หากมีใครมาเห็นเข้าถึงแม้จะไม่รู้ว่าเธอคือควอนยูริ ยังไงเสียไม่ว่าจะเป็นใครก็คงโดนเตะออกอยู่ดี
กึก..
เสียงฝีเท้าของใครบางคนที่เดินเข้ามาใกล้เรียกสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของมนุษย์บอกให้ยูริซ่อนตัว ร่างสูงชิดกายพรางตัวหลังกระถางต้นไม้ต้นใหญ่และรูปปั้นสตรี หัวใจเต้นรัวเร็วจนกลัวว่าจะโดนจับได้เพราะมัน
หากความกลัวของยูริกลับถดถอยลงจนเหลือศูนย์เมื่อเจ้าของเสียงฝีเท้านั้นไม่ใช่คนที่ควรจะกลัวอะไรเลยสักนิด ไม่ใช่เจ้าซูยอง ไม่ใช่ตาแก่ยุนโฮจอมเลอะเลือน แต่เป็นหญิงสาวที่เพิ่งถูกเปิดตัวในงานเลี้ยงเมื่อครู่นี้เอง ..
“ทำไม..ทำไมพ่อข้าถึงต้องประกาศเช่นนั้น ไม่เคยถามข้าสักคำ ข้าเคยคุยกับแทคยอนสักกี่คำกันเชียว จะให้แต่งงานกันได้อย่างไร..”
ถ้อยคำพร่ำเพ้อระบายความในใจของบุตรีคนเล็กแห่งตระกูลจองพรั่งพรูออกมาจากเรียวปาก หากนางทำได้เพียงพูดกับตัวเอง.. จะให้ไปพูดกับท่านพ่อตรงๆนางไม่กล้าหรอก ไม่มีใครอยากขัดความต้องการของท่านพ่อ ไม่มีใครกล้าพอ ..
“เพียงถามข้าสักนิดว่าข้าต้องการหรือไม่ เพียงถามข้าสักนิดว่าข้ารักแทคยอนหรือเปล่า เพียงให้ข้าได้ลองเรียนรู้ความรักบ้าง...”
“ถ้าเช่นนั้น..อยากให้ข้าช่วยสอนเจ้าไหม เจสสิก้าจอง”
“เจ้าเป็นใคร มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
การปรากฏตัวของคนแปลกหน้าแม้เขาอาจจะไม่ได้มาร้ายเข้าจู่โจมเธอแบบไม่ได้ทันตั้งตัวหวังทรัพย์สินหรืออะไรอย่างอื่น แต่เจสสิก้าก็ไม่อาจไว้ใจ เท้าเล็กถอยหลังไปสองก้าวด้วยความตกใจเมื่อใครคนนั้นก้าวเท้าเข้ามาหาเธอช้าๆ
หากเจสสิก้าก็ต้องหยุดนิ่งไม่หนีไปไหนอีกยามได้สบสายตากับเขา ถึงจะจำได้เลือนรางเพราะมันเกิดขึ้นเพียงวูบเดียวภายในงานเลี้ยง แต่เธอจำได้..จำดวงตาที่มองเธอมาด้วยความหลงใหล จำได้มากกว่าหน้ากากปิดใบหน้าครึ่งบนที่ดูเลิศหรูสวยงามมากกว่าแขกคนอื่นใดช่างเข้ากับใบหน้าของเขา แล้วเธอก็จำรอยยิ้มบางๆเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกดีในใจที่ทำให้เธอรู้สึกดีมากเช่นกัน
“เจ้าคงไม่อยากรู้ชื่อข้าหรอกเจสสิก้า”
คิ้วเรียวสวยขมวดขุ่นเล็กน้อยเมื่อเขาไม่ยอมตอบคำถามที่เธอต้องการ มัวแต่เล่นตัวเล่นประโยคสำเนียงอะไร ร่างสูงรู้จักชื่อของเธอ แต่เธอไม่รู้จักชื่อเขา แบบนี้มันไม่ยุติธรรม ..
“บอกข้ามา ไม่อย่างนั้นก็ออกจากสวนบ้านข้าไป”
“ได้โปรดอย่าไล่กันเลย” ร่างสูงก้าวขายาวที่ทำให้ได้เปรียบ ถือวิสาสะเอื้อมแขนไปคว้าข้อมือของคนที่กำลังจะเดินหนี ซึ่งเขารู้สึกว่าตัวเองนั้นโชคดีแค่ไหนที่เจสสิก้าไม่ได้ขัดขืนปัดป้องกายไม่ให้เขาตับต้องแต่อย่างใด
“งั้นเจ้าก็บอกข้ามา เจ้าคือใครคนแปลกหน้า”
“ยูริ ชื่อของข้าคือยูริ” เพื่อไม่ให้เจ้าของเรือนร่างผู้นี้หนีจากเขาไปอีก จึงได้กล่าวบอกนามของตัวเองออกไป แม้จะแอบหวั่นเล็กๆอยู่ในใจ กลัวว่าชื่อของเขา..จะยิ่งทำให้เธอยิ่งหนีไปด้วยความรังเกียจ
“ชื่อของเจ้าช่างคล้ายกันกับบุตรสาวของตระกูลควอน” หากเพราะคาดไม่ถึงว่าใครคนนั้นจะกล้าเข้ามายืนอยู่ภายในงานเลี้ยงของอริ ซ้ำยังเป็นศัตรูตัวร้ายกาจของพี่ซูยอง หรืออาจจะเพราะว่าเธอไม่เคยเห็นหน้าควอนยูริที่พี่ซูยองชอบเล่าให้ฟังบ่อยๆด้วยความเกลียดชังมาก่อน จึงไม่คิดไม่ถึงเลยสักนิดว่าเขาจะเป็นคนคนเดียวกันกับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ
“ไม่แปลกที่ชื่อของข้ากับเขาจะคล้ายกัน เพราะข้าคือควอนยูริคนนั้น”
“เจ้า...” ใจของเจสสิก้าหล่นวูบ เปรียบเสมือนกับเธอหวังอะไรไว้สักอย่าง แต่มันกลับไม่เป็นไปตามอย่างที่เธอต้องการ “...เจ้าคือบุตรของควอน เจ้ามายืนอยู่ที่นี่ได้อย่างไร .. เจ้าไม่กลัวหรือ?”
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงมาที่นี่ แต่หากได้ย้อนเวลากลับไปให้ข้าเลือกว่าต้องการจะมาอีกหรือไม่ ถ้าข้ารู้ว่ามาแล้วได้พบกับเจ้า ข้าก็จะมา..”
“เจ้าพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร บุตรของควอน” คำถามของเจสสิก้าสร้างความไม่พอใจแก่ใครอีกคนที่ได้รับฟัง คิ้วเรียวขมวดน้อยๆยามได้ยินสรรพนามที่เธอใช้เรียกชื่อของเขา ยูริยกมืออีกข้างที่ไม่ได้กุมข้อมือบาง ปิดริมฝีปากบางที่สมควรแก่การสัมผัสด้วยเรียวปากของเขามากกว่า..
“อย่าเรียกข้าเช่นนั้น ยูริ..โปรดเรียกข้าว่ายูริ ข้าไม่ต้องการให้ชื่อวงศ์ตระกูลมาทำให้ใจของเจ้าต้องบาดหมาง”
“ข้าไม่เคยคิดจะบาดหมางต่อใคร .. เจ้ากำลังทำให้ข้าแปลกใจ ทำไมถึงได้ดีเกินคำที่พี่สาวข้าเคยเล่ามามากนัก” ใบหน้าสวยฉายรอยยิ้มเบาบางที่สามารถประทับอยู่ในใจของควอนยูริไปอีกนานแสนนาน มือเรียวยกขึ้นแนบแก้มเนียนของคนตัวสูงกว่า ค่อยๆเลื่อนขึ้นจับหน้ากากอันเล็กดึงมันออกจากใบหน้าเขาช้าๆ
เพียงไม่นานเจสสิก้าก็ได้รับรู้ถึงความละเอียดอ่อนดั่งสวรรค์บรรจงสรรสร้างขึ้นมาให้เป็นเขา ควอนยูริดูไม่น่าใช่อันธพาลเลือดเย็นอย่างที่พี่ซูยองใส่ความเล่าให้ฟังเลยสักนิด
เขาสง่างาม สายตาของเขาอุบอุ่น อ่อนหวาน.. หวังว่ามันจะไม่ใช่การเสแสร้งให้เธอตายใจ ..
“ข้าก็แปลกใจที่ตัวเองเป็นเช่นนี้ แต่ข้ารู้ว่าข้าไม่เคยเป็นเช่นนี้กับใคร มันเกิดขึ้นเพราะเจ้า..เจสสิก้า”
ความหมายของประโยคถ้อยคำแสนหวานถูกถอดออกมาง่ายดายตรงตัวมัน ไม่บ่อยนักที่ยูริจะกลายเป็นคนพูดตรงไปตรงมา เขาจะพูดก็ต่อเมื่อความรู้สึกมันชัดเจน.. ถ้ารู้สึกเกลียด ก็พรั่งพรูถ้อยคำสบถด่าออกไปให้อีกฝ่ายได้เจ็บปวด หากเวลานี้เขากำลังรู้สึกตกหลุมรัก..ตกหลุมรักทุกสิ่งทุกอย่างในตัวบุตรสาวของตระกูลจอง.. ตกหลุมรักจนไม่อาจถอนตัวได้..
“เจ้าพูดเหมือนตัวเองกำลังรู้สึกดีกับข้า..” สำหรับหญิงสาวแรกรุ่นไม่เคยได้ประสบพบเจอกับความรักที่แท้จริง ไม่เคยได้ใช้ความรู้สึกจริงๆของตัวเองเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่เล็กจนโตผู้เป็นพ่อคอยชี้ทางให้เสมอ เจสสิก้าจึงรู้สึกเขินอายกับคำพูดของเขา
“เจ้าคิดถูกแล้ว”
“เจ้าคงใช้ประโยคเหล่านี้พูดกับคนที่เจ้าถูกใจทุกคนฟังสินะ แต่ขอโทษ..ข้าไม่ได้เป็นเหมือนคนพวกนั้น” จบประโยคที่สาวเจ้าใช้พูดเพื่อฉุดรั้งตัวเองกลับขึ้นมาจากความกลัวว่าจะตกลงสู่หลุมพรางที่เขาก่อไว้ เธอจะแน่ใจได้อย่างไรว่าคนคนนี้มาดีหรือมาร้าย ถ้าเขามาดี..อาจจะประสงค์ร้ายก็ได้
ข้อมือบางขยับหลุดออกจากการเกาะกุมของเขา เท้าเล็กเดินเบี่ยงหนีออกนอกทิศทางได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ถูกร่างสูงก้าวเข้ามาขวางทางเอาไว้ เขาจะรู้บ้างหรือไม่..ว่าแววตาจริงใจอ้อนวอนนั่นนอกจากจะทำให้หัวใจของเธอโอนอ่อนลงแล้ว ยังสามารถทำให้มันเต้นแปลกจังหวะเกินคำว่าปกติ
นี่คือวิธีเรียนรู้ความรักอย่างหนึ่งหรือ..?
“อย่ามองข้าผิดไป ข้าไม่ใช่คนกะล่อน ไม่ได้หลงรักใครพร่ำเพรื่อ ไม่เคยพูดเช่นนั้นกับใครมาก่อน”
“พวกเจ้าเป็นเช่นนี้กันทุกคนเลยหรือเปล่า บุตรของควอน”
“ถ้าเจ้าเรียกข้าด้วยชื่อนั้นอีกเพียงครั้งเดียว ข้าจะปิดปากเจ้าด้วยจูบของข้า” คำพูดทีเล่นจริงของยูริไม่ได้ทำให้เจสสิก้ากลัว แต่มันกลับยิ่งทำให้หัวใจเธอเต้นแรง ที่มากไปกว่านั้นคือใบหน้าของเขาที่เลื่อนเข้ามาใกล้อย่างหยอกล้อราวกับหวังจะช่วงชิงความหอมหวานจากพวงแก้มและริมฝีปากของเธอ
“ในที่สุดเจ้าก็เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา” ประโยคที่ฟังเผินๆอาจคิดว่าสาวเจ้ากำลังตำหนิ แต่ถ้าหากได้เห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มอย่างที่ยูริได้เห็นคงไม่รู้สึกสำนึกเลยสักเล็กน้อย ร่างสูงม้วนตัวเดินตามคนที่กำลังจะเดินหนีเขาไปอีกครั้ง อ้อมแขนวาดสัมผัสข้อมือบางทั้งสองข้างของหญิงสาวเกาะกุมไว้
“ข้าไม่ค่อยจะเปิดเผยตัวตนให้ใครเห็นนักหรอก”
“ข้าควรจะดีใจใช่ไหม” ยกยิ้มมุมปากราวกับจงใจยั่วยวน แต่ถึงเจสสิก้าจะทำแค่เพียงยืนอยู่เฉยๆโดยไม่จำเป็นต้องทำอะไรมากมาย ยังไงยูริก็ไม่อาจมั่นใจได้ว่าเขาจะไม่พลาดท่าตกหลุมพรางขนาดใหญ่นี้อีกครา
กึก ..
“มีคนกำลังมา”
ด้วยความตกใจกลัวว่าคนตัวสูงกว่าจะเดือดร้อนเพราะถูกจับได้ เจสสิก้าจึงออกแรงดันร่างของเขาชิดกำแพงหลบซ่อนหลังรูปปั้นตัวเดิมตัวเดียวกันกับที่เขาเคยใช้ซ่อนตัวจากเธอ หากด้วยความที่คราวนี้ต้องซ่อนตัวกันถึงสองคนกับพื้นที่ที่ไม่อำนวย จึงกลายเป็นว่าเธอตกอยู่ภายใต้อ้อมกอดของเขาไปโดยปริยาย
“คุณหนูเล็ก..คุณหนูเล็กอยู่ที่นี่หรือเปล่าคะ”
เสียงของคนใช้ประจำตระกูลดังเรียกชื่อคุณหนูคนเล็กของบ้าน แต่เจสสิก้ากลับพอใจที่จะหลบซ่อนอยู่อย่างนี้มากกว่า เธอรู้ดีว่าคงจะโดนผู้เป็นพ่อคงต้องการตามตัวกลับไปยังงานเลี้ยงเพื่อหวังให้ลูกสาวได้มีโอกาสทำตัวสนิทสนมกับอคแทคยอนอย่างที่เขาต้องการมาโดยตลอด
คนที่ไม่ได้รัก คนที่ฟ้าไม่ได้ลิขิตให้เกิดมาคู่กัน.. ต่อให้ทำอย่างไร พยายามมากแค่ไหนก็ไม่มีวันรัก..
แต่กับใครบางคนที่เพิ่งได้พบกัน ใครบางคนที่สบตาเพียงครั้งแรกก็อยากสานต่อความสัมพันธ์แสนหวานร่วมกัน .. ใครที่ทำให้หัวใจเราเต้นยามได้อยู่ภายใต้อ้อมกอดของเขา เจสสิก้าขอตีความหมายว่ามันคือความรัก ..
“เขาไปแล้ว” แม้จะอยากโอบกอดร่างบอบบางไว้อีกนานแสนนาน แต่ยูริก็จำเป็นต้องผละกายออกด้วยความกลัวว่าตัวเองจะไม่สามารถยับยั้งชั่งใจได้อีก มือเรียวค่อยๆเลื่อนขึ้นมาจับหน้ากากออกจากใบหน้างดงามราวกับหยาดเพชรอันมีค่า คาดหวังเพียงอย่างยิ่งว่าสวรรค์จะสร้างเธอมาเพื่อเคียงข้างเขา ไม่ใช่เพื่อใคร
“ทำไมข้าต้องช่วยเจ้าด้วย”
“.. อาจจะเป็นเพราะเจ้ารู้สึกดีต่อข้าเช่นกัน”
“บุตรของควอนต่างหลงใหลในตัวเองเช่นนี้ทุกคนเลยหรือ..” เจสสิก้าเบือนหน้าเบี่ยงกายหลบคนร่างสูงเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังเขินอายต่อเขามากแค่ไหน หากยังไม่ทันได้ก้าวหนี เอวบางของเธอกลับโดนอ้อมแขนของเขาวาดโอบเข้ามาประชิดกาย ซ้ำยังดันเธอให้แนบชิดติดผนังไร้ทางหนี
“ข้าบอกเจ้าแล้ว ว่าถ้าเรียกข้าด้วยชื่อนั้นอีก ข้าจะจูบเจ้า ..”
ใบหน้าคมคายที่ค่อยๆโน้มลงมาทำให้เจสสิก้าเขินอายมากเกินกว่าจะได้ทันตั้งตัว ร่างบางเบี่ยงหน้าหลบเพียงเล็กน้อยให้ปลายจมูกของเขาได้ช่วงชิงความหอมละมุนไปจากพวงแก้มของเธอแทน
“เจ้ากำลังทำให้ข้าหลง”
“เจ้าอาจจะหลงข้าแค่วันนี้วันเดียว วันต่อไปเจ้าก็ลืมข้าแล้ว” มือบางออกแรงดันกายเขาออกอย่างเล่นตัว ทำท่าจะเดินหนีไปอีกแต่ยังไงก็ไม่พ้นอ้อมแขนที่โอบกอดรอบเอวเธอไว้เสียไม่ยอมปล่อยไปไหน
“ข้าเชื่อว่าไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ข้าก็ยังคงหลงรักเจ้าจนแทบคลั่งเช่นวันนี้”
“เจ้าไม่กลัวหรือ.. ข้าคือเชื้อสายตระกูลจอง”
“ต่อให้พ่อของเจ้านำมีดมาจ่อคอข้าในเวลานี้ ก็ไม่กลัว” ยูริยิ้ม ในขณะที่ปลายจมูกของเขากำลังไล้ไปตามพวงแก้มนวลสูดความหอมเสียจนชื่นใจ
“บางทีเจ้าอาจเก่งแค่ปาก..”
“แต่ละถ้อยคำของข้ามันออกมาจากหัวใจ โปรดเชื่อกันเถิด” กดแนบริมฝีปากกับแก้มนวลอย่างแผ่วเบาหวังให้อีกคนยอมใจอ่อนต่อกันเสียที หากต้องแปลกใจเมื่ออ้อมแขนบางเลื่อนขึ้นโอบรอบท้ายทอยของเขาโน้มใบหน้าลงหาจนเกือบแนบชิดกัน ริมฝีปากที่อยู่ห่างกันเพียงนิดนั้นทำเอายูริแทบคลั่ง..
เจสสิก้ายกยิ้มเมื่อได้เห็นรอยวูบไหวในสายตาเขา ร่างบางผละกายออกอย่างง่ายดายหมุนตัวก้าวเดินออกห่างจนคนถูกยั่วยวนเกือบทำอะไรต่อไม่ถูก
“เลิกกลั่นแกล้งข้าได้แล้วเจสสิก้า..หากเจ้านั้นมีใจต่อข้าเช่นกัน”
“เดี๋ยวเจ้าจะครหาข้าได้ว่าใจง่าย..”
“ข้าไม่บังอาจว่าเจ้าได้หรอก” อ้อมแขนวาดโอบเอวบางรั้งเข้ามาชิดกายกันอีกครั้ง ครานี้ยูริก้มลงจุมพิตแก้มนวลข้อหาแกล้งเดินหนีเขาหลายครั้งหลายครา
“ยูริ..แก้มข้าช้ำหมดแล้ว”
“โทษข้าไม่ได้ ต้องโทษตัวเจ้าเองแล้วล่ะ” ปลายจมูกวาดไล้ไปตามใบหน้างดงาม กดแนบจุมพิตแผ่วเบารับความหอมหวานเสียจนชื่นใจ โดยเจสสิก้าไม่ได้ปัดป้องใดๆเลยสักนิด เธอเต็มใจให้เขาทำอย่างปฏิเสธสัมผัสอ่อนโยนนั้นไม่ได้..
“ข้าหลงรักเจ้า ..”
“หวังว่าเจ้าคงไม่พูดเช่นนี้กับใครอีกมากมาย”
“แค่กับเจ้า..กับเจ้าเพียงคนเดียวเจสสิก้าจอง..”
รสจุมพิตหอมหวานทั้งสองคนไม่อาจรับรู้ถึงพิษร้ายแรงที่เคลือบแฝงอยู่ภายใน มันยากเกินแก่การที่สองหัวใจดวงน้อยจะเข้าใจ อยากให้โลกได้รับรู้ว่าความรักของพวกเธอนั้นไม่ผิด..สิ่งที่ผิดคือสถานะศัตรูตั้งแต่เกิดมาทั้งๆที่ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ
ยูริรู้ดีว่าความรักครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะการละเมิดอย่างใหญ่หลวงและความท้าทายที่เขากับสหายเห็นเป็นเรื่องสนุกสนานถึงได้กล้ามาที่งานเลี้ยงของศัตรูตลอดกาลแห่งนี้ จนได้พบกับความรักที่อาจนำพาชีวิตเขาไปถึงจุดจบ..
มันคือจุดเริ่มต้นในการนับถอยหลังไปสู่ความตาย ..
ทว่าหากต่อให้มียมทูตมายืนรอหวังปลิดชีวิตพวกเธออยู่ตรงหน้า.. ยูริกับเจสสิก้าก็พร้อมน้อมรับความตายด้วยความเต็มใจ
ในเมื่อได้พบกับความรัก..ชีวิตนี้ก็คงไม่ต้องการสิ่งใดอีกแล้ว..
ควอนยูริสะดุ้งตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืด หัวใจที่เต้นตึกตักอยู่ข้างในอกซ้ายราวกับเมื่อครู่นี้เธอเพิ่งผ่านการวิ่งมาราธอนหลายร้อยเมตรมา
ฝันงั้นหรอ.. ฝันบ้าอะไรเนี่ย ..
มือเรียวยกขึ้นเสยปอยผมที่ตกปรกใบหน้าขึ้นไป พยายามทบทวนความฝันอันแสนยาวนาน แต่พอจำได้แค่ลางๆว่ามันคลับคล้ายคลับคลากับนิยายเรื่องหนึ่ง
โรมิโอกับจูเลียต ..
สงสัยจะอินกับหนังมากไปแล้วมั้ง ..
ในฝันมีรุ่นน้องในสังกัดค่ายเดียวกันอย่างจงฮยอนและแทมินวงชายนี คิดแล้วก็ขำดีว่าไปฝันถึงสองคนนั้นได้ยังไง มีรุ่นพี่ยุนโฮดงบังชินกิด้วยนะ.. ฝันได้เป็นเรื่องเป็นราวเลยทีเดียว
ร่างสูงพลิกตัวบนเตียงนอนตัวเอง แต่ต่อให้ข่มตาต่อยังไงก็หลับไม่ลง ยิ่งทบทวนมากเท่าไหร่ความฝันนั้นก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ มากจนยิ่งทำให้ใจเต้น.. คิดอะไรมากมายไปได้ควอนยูริ มันก็แค่ฝันเอง ในฝันมันจะมีใครมาร่วมสมทบด้วยก็ได้ไม่แปลกหรอก ตอนนี้มันก็ดึกมากแล้ว สมาชิกภายในวงคนอื่นคงหลับกันหมดหลังจากเสร็จสิ้นการทำงานอันหนักหนาสาหัสช่วงคัมแบ็คได้ไม่ถึงสองเดือน
จูเลียตของยูริก็คงจะหลับสนิทไปแล้วเช่นกัน..
มองไปยังเตียงของยุนอาที่ว่างเปล่าผ่านความมืดมิด ไม่แปลกหรอกที่เตียงเจ้าเด็กเหม่งจะว่าง เพราะคืนนี้มันขอย้ายไปนอนห้องของมักเน่กับฮโยยอน เห็นว่าจะให้น้องช่วยติวหนังสืออะไรนี่ล่ะ ทิ้งให้เธอต้องนอนคนเดียวหนึ่งคืน
ว่าแต่.. ยัยจูเลียตจะฝันแบบเดียวกันกับเธอบ้างหรือเปล่านะ?
กึก..
เสียงเปิดประตูห้องนอนเรียกให้ยูริรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อกำลังเคลิ้มๆจะเผลอหลับไปอยู่แล้ว ใครกันมาหาดึกดื่นขนาดนี้ ยุนอาหรอ..? ไหนบอกว่าจะนอนกับซอฮยอนไง
“ใครน่ะ?” เอ่ยปากถามเฝ้ามองร่างของผู้มาใหม่ผ่านความมืดมิดที่หยุดชะงักกึกอยู่ปลายเตียงของเธอ หวังว่าจะไม่ใช่ผีนะ ไม่ได้กลัวแค่ไม่อยากเจอ
“ยูล.. ยังไม่นอนหรอ?”
“สิก้า..”
“ฉัน..ฉันนอนไม่หลับ..” น้ำเสียงเอ่ยออกมาแผ่วเบาราวกับเกรงว่าการกระทำของตัวเองมันไร้สาระและงี่เง่ามากพอจนอาจทำให้ยูริไม่พอใจ ประมาณว่านอนไม่หลับก็ไม่เห็นจำเป็นต้องมาปลุกหรือมาหาเขาเลยสักนิด
แลดูเหมือนคนโรคจิตไปนิด.. ถ้าเกิดยูริไม่ได้รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เจสสิก้าคงแค่เข้ามานั่งมองคนร่างสูงกำลังหลับ ..ไม่กล้าปลุกเขา ไม่กล้ารบกวน เพราะไม่รู้ว่าสถานะระหว่างพวกเธอในเวลานี้มันมีสิทธิ์มากพอให้ทำเช่นนั้นหรือเปล่า
แต่เจสสิก้าคิดถึงยูริ..คิดถึงเขาเหลือเกิน..
“มานี่สิคะ” เสียงนุ่มๆของใครอีกคนเรียกความกล้าให้เจสสิก้า ร่างบางค่อยๆเดินอ้อมเตียงไปหายูริที่ยันตัวเองขึ้นนั่ง อ้อมแขนที่เจสสิก้าแสนคิดถึงและโหยหาโอบรอบเอวบางคอดของเธอรั้งลงมานั่งบนเตียงด้วยกัน
“ยูล.... อืม..” น้ำเสียงหวานขาดห้วงแผ่วปลาย เมื่อเจ้าของชื่อที่เธอเรียกกดแนบริมฝีปากประกบจูบจนพูดต่อไม่ได้ ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงทำ..ไม่รู้ว่าเขาจูบเธอเพราะอะไร..แต่รู้แค่ว่าเธอไม่อาจปฏิเสธความหอมหวานนี้ได้เลย
จูบนี้ เจสสิก้าก็คิดถึง ..
ยูริค่อยๆผละริมฝีปากออกอย่างเชื่องช้าราวกับไม่อาจความอ่อนนุ่มนั้นไปได้ ใบหน้าคมคายเลื่อนขึ้นเพื่อประทับเรียวปากบนหน้าผากกลมมนของร่างบางที่หลับตาพริ้มรับด้วยความเต็มใจ
“นอนกันนะคะ”
ร่างบางเอนกายนอนลงเคียงข้างเขาอย่างว่าง่าย ศีรษะของเจสสิก้าวางลงบนท่อนแขนเรียวของยูริที่ เลิกผ้าห่มขึ้นคลุมร่างกันความหนาวเย็นที่อาจมาทำให้อีกคนนอนไม่หลับ
แต่ผ้าห่มมันเทียบไม่ได้กับอ้อมแขนของเขาที่โอบกอดเธอเอาไว้ .. อ้อมกอดอบอุ่นที่เจสสิก้าคิดถึงอีกเช่นกัน ..
“รักยูลนะ ..”
“อืม..รักเหมือนกัน”
เมื่อได้บอกรักออกไปแล้ว..คำตอบที่อยากได้กลับคืนมามากที่สุดคงไม่ใช่สิ่งใดนอกจากคำว่า รักเหมือนกัน ให้หัวใจได้รู้ว่ามันไม่ได้คิดไปเอง.. ได้รู้ว่าไม่ใช่มีแค่ตัวมันที่เต้นผิดจังหวะยามได้ใกล้ชิดกับเขา..
ยังมีหัวใจอีกดวงที่คิดเหมือนกัน.. ยังมีหัวใจอีกดวงที่เต้นเป็นจังหวะผิดแปลกไปพร้อมๆกัน..
ความรักที่เหมือนจะห่างเหินกันไปด้วยเหตุผลหลายต่อหลายอย่างที่ไม่เข้าใจกัน.. เจสสิก้าแค่อยากรื้อฟื้นให้มันกลับคืนมา อยากให้รู้ว่ายังรักเขาไม่เปลี่ยน อยากให้รู้ไว้ว่าหัวใจดวงนี้ยังมีแต่ควอนยูริ ไม่มีใครสามารถมาแทนที่เขาได้เลย
กลับมาเป็นเหมือนเดิมนะ .. คราวนี้จะไม่ยอมเสียเธอไปอีกแล้ว ..
ยูริเฝ้ามองใบหน้าขาวเนียนที่อยู่ใกล้ชิดกันเพียงแค่คืบเดียว เจสสิก้าหลับไปอย่างรวดเร็วจนอดขำออกมาเบาๆไม่ได้ เมื่อครู่นี้บอกนอนไม่หลับ แต่ทำไมตอนนี้มาหลับเสียง่ายดายขนาดนักนะ ..
มือเรียวเอื้อมขึ้นเกลี่ยเส้นผมนุ่มสวยออกจากใบหน้าเจ้าหญิงน้ำแข็งอุ่นของตัวเอง ริมฝีปากกดแนบที่พวงแก้มนวลแผ่วเบาเพราะเกรงว่าอีกคนจะตื่นขึ้นมา
หวังว่าเวลาที่กำลังจะเคลื่อนผ่านนับตั้งแต่นาที จะช่วยให้รักของเรากลับคืนมาเหมือนเดิม ..
จนกว่าจะถึงวันนั้น.. จะไม่มีเรื่องราวใดๆมาทำให้หัวใจของพวกเธอต้องเจ็บปวดเกิดเป็นรอยบาดหมางซ้ำซ้อนต่อกันได้อีก
ให้ความรักที่แสนสวยงามนั้นกลับคืนมา ..
“ฝันดีนะคะ จูเลียตของยูล..”
END.
ผิดหวังกันมั้ยอ่ะ? 555555
คงจะไม่ใช่ไหมคะ ( _ _ )
ตอนแรกคิดว่าจะจบแบบเกรียนๆ เกรียนกว่านี้ แต่จบแบบนี้ดีกว่า(?)
ตอนจบออกแนวไม่ได้เกี่ยวกับโรมิโอจูเลียตเลยสักนิด ไม่เกี่ยวเลยจริงๆอ่ะ 55555555
แค่อยากให้เป็นแบบนี้ มันเบนไปทางเพลง one year later มากกว่า (กำลังหลงเพลงนี้มาก -/- )
ยังไงมันก็จบแล้วเย่ ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ^^
ผลงานอื่นๆ ของ kiddevil16 ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ kiddevil16
ความคิดเห็น