[SF SNSD] ..ปากเก่ง.. (Yuri)
หัวใจคิดอีกอย่าง แต่ปากมันพูดไปอีกแบบ ก็ฉันมันเป็นคนไม่มีความมั่นใจ(ต่อหน้าเธอ)เอาซะเลยนี่นา.. [YoonHyun]
ผู้เข้าชมรวม
8,152
ผู้เข้าชมเดือนนี้
10
ผู้เข้าชมรวม
"When you love someone, say it. Say it loud.
Say it right away, or the moment...just passes you by."
เมื่อไหร่ที่คุณรักใครสักคน จงบอกเขา บอกไปเลยดังๆ ว่า คุณรักเขามากมายแค่ไหน
อย่าปล่อยจนถึงวันที่เขาไม่อยู่ให้คุณบอกรัก
อิม ยุนอา
จ..จะบ้าเหรอ!! ฉันเนี่ยนะรักยัยเด็กกบอวกาศ ไม่มีทางซะหรอก.. ฝ..ฝันไปเถอะ!
ซอ จูฮยอน (ซอฮยอน)
พี่เหม่ง เหม่ง เหม่งคะ.. แล้วใครชอบพี่กันคะ? คนหลงตัวเอง
ระวังมีคนคาบเด็กกบไปละกัน แล้วอย่ามานั่งเสียใจทีหลังเพราะปากแกนะ เหม่ง!
Byปากเก่ง เก่ง The Star6
ไม่กลัวหรอก เธอน่ารักเธอดูดีแล้วไง เข้าไปคุย เข้าไปทักได้เสมอ
แค่เกรงใจ เลยยังเฉยทุกเวลาที่เจอ เรื่องแค่นี้ไม่เท่าไร
กี่ประโยค ที่ตัวฉันพูดมันไปทุกที เพื่อกลบเกลื่อน ใจดวงนี้รู้บ้างไหม
บอกไม่ปอด แต่พอหันไปมองเธอครั้งใดมีอาการทุกครั้ง
มันหวั่นไหวควบคุมไม่อยู่ แค่เธอยิ้มมา
ยิ่งเผลอไปสบตา ยิ่งใจเต้นแรง เหงื่อซึม และมือไม้สั่น
ปากเก่งไปอย่างนั้น หัวใจ ไม่เก่งอย่างที่พูด ไม่เลยไม่เคยกล้าพอ
เห็นเธอก็ฝ่อ มั่นใจซะที่ไหน
ทำเก่งจริงๆ แล้วฉันฟอร์ม ก็ใครจะยอมรับตรงๆ ล่ะว่าขี้อาย
เห็นใจได้ไหม อย่าถือสาฉันนักเลย
ไม่เคยเจอใครน่ารักเท่าเธอเลย พูดจริง ทำเป็นหยิ่ง ทำเฉยๆ ก็มันเขิน
เธอคนเดียว ทำให้ฉันวุ่นวายใจเหลือเกิน จะให้บอกยังไง
* One Short ต่อเนื่องที่อาจจะเกี่ยวกันเล็กน้อยจากMy Prince (TaeNy)
* ขอบคุณโค้ดเพลง ขอบคุณเครดิตรูปทุกรูป ขอบคุณคำคม และที่สำคัญ..ขอบคุณคนอ่านทุกคนค่ะ ^^
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
..ปากเก่ง..
แค่เห็นเธอ ใจฉันมันก็สั่นแล้ว
แต่ใครจะทำไม..ถ้าฉันยังเห็นฟอร์มสำคัญกว่าเสมอ
หัวใจคิดอีกอย่าง แต่ปากมันพูดไปอีกแบบ
ก็ฉันมันเป็นคนไม่มีความมั่นใจ(ต่อหน้าเธอ)เอาซะเลยนี่นา..
------------------------------------------------------------------------------------------------
“คุณคิ๊มมม ม ถ้าแกยังเหม่อมองหาฟานี่อีกครั้งละก็.. เตรียมตัววิ่งรอบสนามห้ารอบ!”
เสียงว๊ากดังลั่นโรงยิมใส่คุณเพื่อนตัวดีที่ยืนนิ่งมองเพื่อนร่วมทีมซ้อมเข้าแย่งลูกกับอีกฝ่าย แต่กลับไม่ได้ทำตัวเป็นผู้ร่วมทีมที่ดีเลยสักนิด คนตัวเล็กยืนนิ่งทื่อๆเหมือนมาเดินจงกรมมากกว่าเล่นบาสเก็ตบอล ส่วนสายตาก็มองเหม่อไปยังทางเข้าโรงยิมโน่น เผื่อสุดที่รักของเจ้าตัวจะได้ฤกษ์มาหาเสียที
หากพอได้ยินเสียงตวาดแหวของยูริเข้าไปเท่านั้นแหละ รองประธานตัวเล็กควบตำแหน่งนักกีฬาบาสเก็ตบอลสมัครเล่นแต่เส้นใหญ่(?)ถึงกับสะดุ้งโหยง คนกำลังเคลิ้มๆเล่นเดินเข้ามาประชิดตัวแถมตะโกนใส่แบบนี้เป็นใครก็ต้องตกใจกันบ้างล่ะ ลิงทะมึนเอ้ยย!
“น้องครับ ระวังลูก!”
“โอ๊ะ ..” หากพอลูกบาสเก็ตบอลจากสนามฝั่งรุ่นพี่ผู้ชายก็ลอยมาพอดี.. ไม่ใช่ว่ากลัวบอลหรืออะไรหรอกนะ แต่คนมันเคยมีประสบการณ์น่ะ คุณคิมแทยอนเลยกระโดดหลบทันควันไม่ให้ประวัติศาสตร์มันซ้ำรอยเลือดกำเดาแตกเหมือนวันกอด แค่ทุกวันนี้เลือดมันก็วนเวียนอยู่แถวๆจมูกแทบทุกคืนและทุกเช้าแล้วเถอะ ...พูดง่ายๆคือ ทุกเวลาที่หมีอาบน้ำน่ะ...เลือดแทบหมดตัว
กระโดดหลบลูกบาสเก็ตบอลเสร็จก็ส่งยิ้มตาปริบใส่เพื่อนลิงที่ยังคงยืนหน้าตึงอยู่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันหวังว่าแทยอนจะรับบอลได้จริงๆจังๆสักที ไม่ใช่กระโดดหลบหรือเดินหนี เพราะทุกวันนี้เพื่อนร่วมทีมแทบจะทุกคนเริ่มเรียนรู้การที่จะไม่ส่งบอลไปทางคุณรองประธานนักเรียน พอๆกับที่เจ้าตัวพอใจที่จะไม่เดินตามทิศทางของลูกบอลแล้วล่ะ..
เป็นซะแบบนี้ไม่โดนลูกบอลจูบหน้าเข้าไปอีกรอบก็บุญแล้วนะ ยูริอา..~
“เหม่ง! เก็บลูกให้ด้วย” พอเห็นว่ายังไงก็เอาเรื่องคุณเพื่อนสุดที่รักไม่ได้หรอก จึงหันไปตะโกนบอกรุ่นน้องที่นั่งกดเกมส์พกอยู่ตรงเก้าอี้ยาวข้างสนาม
“แป๊ปนึงพี่” อิม ยุนอาตะโกนสวนกลับไป ก่อนจะหันกลับมาตั้งหน้าตั้งตากับเกมพีเอสพีเช่นเดิม นิ้วเรียวนี่กดปุ่มรัวจนนิ้วแทบด้านยิ่งกว่านักดนตรีมือกีตาร์ที่ต้องใช้นิ้วกดสายไว้หรืออะไรเทือกๆนั้น สายตาจดจ้องไปยังหน้าจอขนาดเล็กราวกับจะเข้าไปอยู่ในโลกอีกมิติหนึ่ง จนไม่มีเวลามาสนใจเสียงดังรอบๆตัว
ก็กำลังติดพันด่านบอสที่โหดแสนโหดอยู่เลยนะ มาใช้เธอเก็บบอลได้ไงล่ะ .. กว่าจะขอเจ้าเกมราคาแพงมาจากแอมเบอร์ได้นี่แทบตายเลยนะ อยากเล่นมานานแล้วด้วย
เพราะเหตุที่ว่าการแข่งขันครั้งสำคัญของโรงเรียนที่เจอกับโรงเรียนคู่หูคู่ปรับตลอดการ ผลต่อเนื่องที่ตามมาคือยุนอาข้อมือเคล็ดจากอุบัติเหตุวันนั้น คุณหมอบอกให้พักห้ามทำอะไร จึงจำต้องงดเล่นบาสเก็ตบอลที่เคยฝึกซ้อมมาเฉกเช่นทุกวัน เป็นเวลาสามถึงสี่สัปดาห์ แต่เพราะไม่มีที่จะไป เลยได้มานั่งเล่นเกมกดอยู่ข้างสนามนี่ไง
แล้วก็คอยเป็นเด็กเก็บบอลไปในตัวด้วยนั่นแหละ..
แป๊ะ!
“อ๋าาา..~ เจ็บนะไอ้คุณพี่ลิงกังง” มือยกขึ้นลูบเหม่ง..เอ้ย..หน้าผากตัวเองป้อยๆ หลังจากโดนมือดีตีแป๊ะเข้ามาให้ เจ็บจนน้ำตาแทบเล็ด เห็นหน้าผากเธอเป็นอะไร เดี๋ยวตบ เดี๋ยวดีด แค่นี้ก็เหม่งจะตายอยู่แล้ว เกิดมันเหม่งขึ้นมากว่าเดิมใครจะรับผิดชอบบ! ตรวจดีเอ็นเอกันเลยมั้ยย!!
“ไม่ต้องมาสะดิ้ง หมั่นไส้มัวแต่เล่นเกม ไปเก็บบอล!”
“ชิ ไปก็ได้ ใช่ซี่..~ อะไรก็เหม่ง เหม่ง เหม่ง” วางเกมพีเอสพีที่กดหยุดพักไว้เรียบร้อยลง ก่อนจะลุกขึ้นเดินสะดีดสะดิ้งจนยูริแทบอยากจับมันมาไถเกรียนให้รู้แล้วรู้รอดเหลือเกิน แต่ไม่เอาหรอก..เด็กมันยังไม่มีแฟน เดี๋ยวหาว่าใจร้ายตัดโอกาสกัน
แต่จะให้ว่าก็อยากว่าเหมือนกันเถอะ..ที่เจ้าเหม่งยุนมันไม่มีแฟนอยู่ทุกวันนี้ทั้งๆที่หน้าตารวมไปถึงรูปร่างส่วนสูงการเรียน กีฬาทุกอย่างดีหมด จนเด็กทั่วโรงเรียนยกให้ชื่อของอิมยุนอานั้นป๊อบไม่แพ้ใคร หากเหตุผลที่ยังไม่มีใครกล้ามาเดินให้มันควงสักที คือ ปากที่อย่างกับเปิดฟาร์มสุนัขเลี้ยงไว้เป็นฝูงๆนั่นแหละ กวนประสาทตั้งแต่รุ่นน้อง รุ่นพี่ยันคุณครูลามไปถึงภารโรง ..อิมยุนอาเลยโสดมาจนถึงวันนี้ล่ะ
“นี่น้อง! เก็บลูกให้หน่อยสิ”
สิ่งที่ยูริคิดยังไม่ทันเลือนจากสมอง เจ้าเด็กเหม่งที่เดินทอดน่องเฉิบๆตามลูกบาสเก็ตบอลไป ส่งเสียงดังๆแบบไม่ควรจะทำตามที่เจ้าตัวขอเลยแม้แต่นิดเดียวใส่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ดูยังไงก็ไม่น่าใช่คนที่จะเฉียดเข้ามาในโรงยิมได้เลย ไม่ต้องพูดถึงหนังสือเล่มหนาๆที่คุณเธอกอดไว้แนบอก แค่เจ้าแว่นตากรอบสี่เหลี่ยมหนาเตอะนั่นสาวเจ้าก็สมควรไปอยู่ตามห้องสมุดมากกว่าโรงยิมแล้วล่ะ
หญิงสาวร่างบางเหลือบมองมาทางยุนอาเล็กน้อยผ่านเลนส์แว่นของตัวเอง ก่อนจะมองไปรอบๆราวกับว่าบริเวณนั้นมีใครคนอื่นนอกจากเธอ
“น้องนั่นแหละ มองหาใครอีกล่ะ แว่นที่ใส่มีไว้อ่านแต่หนังสือหรือไงจนมองไม่เห็นลูกบาสน่ะ” นั่นประไร.. ปากน่าหาอะไรมากระแทกจริงๆ ถึงได้ไม่มีใครกล้าควงเลยสักคนไง มีแค่แฟนคลับเท่านั้นแหละ..แต่ขนาดแฟนคลับ บางทียังต้องก้มหัวหนีเลย
คนโดนว่าถึงกับอ้าปากค้างนิดๆ ไม่กล้ามองอีกคนตรงๆเลยได้แต่มองผ่านทางหางตา โดนพูดถึงขนาดนี้จะเก็บให้ดีหรือเดินผ่านไปเลยดีล่ะ ..หากสุดท้ายแล้วลังเลไปเดี๋ยวโดนมันว่ามาอีก หญิงสาวจึงรวบหนังสือเล่มหนาประคองไว้ในอ้อมแขนข้างเดียว ถึงจะค่อยๆก้มลงเก็บลูกบาสเก็ตบอลหนักๆมา
“โยนมาดีๆล่ะ พี่เอาลูกบาสนะ ไม่ใช่หนังสือ”
คิดดูดีๆ..น่าปาลูกกระแทกปากเสียจริงๆ ..
“ไอ้ยุน! แกวางเกมฉันทิ้งไว้งั้นเหรอ!”
“หืมม..??”
ปึ่กก !
“โอ๊ย ๆ เบาๆหน่อยได้มั้ยอ่ะครู เหม่งนี้พ่อแม่ให้มานะคะ ช่วยถนอมหน่อยสิ”
“ครูน่าจะรักษาปากเธอด้วยก็ดีนะอิมยุนอา”
ควอนยูริกับคิมแทยอนมองหน้าสบตาอย่างรู้กันระหว่างที่พวกเธอพากันมานั่งเฝ้ารุ่นน้องในชมรมบาสเก็ตบอลที่ได้รับอุบัติเหตุจนต้องมาทำแผลที่ห้องพยาบาล อุบัติเหตุที่ว่านั่นก็คือยุนอาโดนลูกบาสเก็ตบอลกระแทกเข้าที่หน้าผากเข้าอย่างจังจนมันบวมปูดเป็นแผลช้ำดูไม่ได้ จากหัวโตๆเหม่งๆเกินคนอื่นตอนนี้มันเลยน่าเกลียดสุดๆจริงๆ
แล้วดูปากมันซะก่อนสิ แซวได้แซวดีกับครูบาอาจารย์มันยังไม่เว้น จนเดี๋ยวนี้ทั่วทั้งโรงเรียนไม่มีใครถือสาปากมันแล้วล่ะ บอกตามตรงว่าชิน ใครก็ตามที่โดนยุนอาแซวหรือเหน็บครั้งแรกน่ะเจ็บ แต่โดนบ่อยๆก็ค่อยๆชินไปเอง ..และมันจะไม่มีใครทำฉันให้ดีอย่างเดิม ~
“อ่าวพวกพี่ แล้วยัยแม่ชีนั่นไปไหนซะแล้วล่ะ”
ห้านาทีต่อมาอิมยุนอาก็เดินออกมาจากส่วนทำแผลของห้องพยาบาลพร้อมกับผ้าก็อตปิดหัวปูดๆน่าเกลียดของมันเอาไว้ด้วย โดยไม่ลืมถามหาตัวต้นเหตุที่ทำให้เหม่งอันแสนสวยงามของมันต้องเป็นแบบนี้ เพราะตอนเดินมาห้องพยาบาลยัยเด็กคนนั้นก็เดินหน้าซีดตามเขามาด้วย
“น้องเขาไปแล้ว เขามีเรียนพิเศษต่อ”
“ชิ่งอ่ะดิไม่ว่า อย่าให้เจอนะอย่าให้เจอ เจอเมื่อไหร่จะเล่นให้เดินกลับโบสถ์ไม่ถูกเลยคอยดู” นึกแล้วก็เคืองจริงๆ ไม่มีใครกล้าปาลูกบอลใส่เธอเลยนะ ยัยนั่นเป็นใครถึงกล้าทำกับเธอ รูปร่างท่าทางอ้อนแอ้นดูขว้างลูกมาไม่ได้ด้วยซ้ำแต่เล่นมาซะเต็มเหนี่ยวเลย
ยูริกับแทยอนมองหน้ากันอีกครั้งอย่างไม่ต้องนัดหมาย น้องเขาไม่ขว้างใส่ปากแกอย่างที่พวกฉันหวังก็บุญเท่าไหร่แล้วไอเหม่งเอ้ยย ..
อิมยุนอาตื่นสาย!
ดูท่าทางจะสายๆมากๆ แถมยังเลยเวลาเข้าแถวไปแล้วด้วย เรื่องอย่างนี้โทษใครไม่ได้นอกจากโทษตัวเอง ยุนอาเป็นคนนอนดึก..แต่ไม่ได้นอนดึกเพราะนั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบเหมือนชาวบ้านเขาหรอก เขานอนดึกเพราะเล่นเกมส์อยู่ต่างหาก แล้วเมื่อคืนก็มันติดพันไปหน่อยลากเวลาเลยยาวไปถึงตีสาม จนซูยองรูมเมทร่วมหอพักตกใจตื่นขึ้นมาเพราะเสียงจากคอมพิวเตอร์และอาละวาดหอแทบแตก เมื่อเช้ามันเลยเคืองไม่ยอมปลุกมาเรียน เธอถึงสายแบบนี้ไง!
“โอ้ย เก็บเงินไปจากนักเรียนก็เยอะทำไมไม่ยอมทำลิฟต์ให้ตึกนี้สักทีเนี่ย” อ้าปากหายใจหอบหลังจากวิ่งขึ้นบันไดมาร่วมสี่ชั้นด้วยกันแต่ก็ยังไม่วายบ่นโทษนู่นโทษนี่ ง่วงก็ง่วง สายก็สาย ดีที่วันนี้ครูฝ่ายปกครองไม่ดักหน้าโรงเรียนเลยไม่มีคนทำโทษเด็กมาสายให้วิ่งรอบสนามห้ารอบ ไม่งั้นอิมยุนอามีหวังตายคาที่ชัวร์ๆ
แค่ทางเลี้ยวทางนั้นอีกนิดเดียวจะถึงห้องเรียนเธอแล้ว วิชาแรกคือวิชาประวัติศาตร์ของครูควอนโบอาสุดโหดสุดแก่หัวโบราณไม่รับมุกตลกที่ควรเอาเวลาไปเลี้ยงหลานมากกว่ามาสอนหนังสือเด็กซะด้วยสิ ยุนอาไม่นิยมคนจริงจังกับชีวิตมากเกินไปหรอกนะ เรื่องแซวเล็กแซวน้อยของเธอมันเพราะอยากสร้างความเป็นกันเองต่างหากเล่า
ตุบ!
“โอ๊ย อะไรอีกเนี่ย”
ยุนอาร้องโวยวายก่อนใครอีกคนที่เขาเดินชนจะได้พูดอะไรเสียอีก ดีนะไม่ล้มไปคนละทิศละทางให้ก้นกระแทกพื้นเล่นน่ะ ใครกันเนี่ยมาก้มๆเงยๆอะไรอยู่ตรงทางเดินไม่รู้หรือไงว่านี่มันทางสัญจร อิมยุนอาโมโหแล้วนะ!
“ขอโทษค่ะ ขอโทษ ขอโทษจริงๆ คือฉันกำลังหาแว่นตาอยู่” ร่างบอบบางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแกมหวาดกลัวเล็กน้อยเมื่อคิดว่าคู่กรณีคงไม่ได้เป็นคนใจดีแถมยังเป็นคนปากร้ายขี้โวยวาย ทั้งๆที่เธอยังไม่เงยหน้าขึ้นมองเขาเลย แต่ถึงจะให้เงยหน้าขึ้นมองเธอก็มองหน้าเขาได้ไม่ชัดอยู่ดี...ในเมื่อเธอสายตาสั้นมาตั้งแต่เด็กๆ และจะมองอะไรไม่ชัดเจนเลยถ้าไม่มีแว่นตาเลนส์หนาๆมาเป็นตัวช่วย ..
“เธอบ้าหรือเปล่าเนี่ย แล้วทำยังไงให้แว่นตามันหลุดออกมา ก้มหาเศษเหรียญอยู่หรือไงเล่า” ด้วยความปากไม่ดีบวกกับความหงุดหงิดจึงทำให้ยุนอาพูดออกไปอย่างไม่ลังเลใจ แม้ว่าใครอีกคนหนึ่งคือคนที่เพิ่งเจอหน้ากันครั้งแรกก็เถอะ
หากทว่าถ้าเป็นนักเรียนคนอื่นที่ได้โอกาสมาคุยกับยุนอาครั้งแรกแล้วได้รับฤทธิ์ปากของเขา อาจจะพอเข้าใจและให้อภัยในตัวนักกีฬาโรงเรียนหน้าตาดีรูปร่างก็ดี ที่ถือว่าป๊อบมากๆคนหนึ่ง ..แต่สำหรับเด็กสาวผู้ไม่เคยรับรู้เรื่องราวอะไรกับโลกภายนอก นอกจากเรื่องที่เธอสนใจและเรื่องในตำราเรียน ผู้ที่แทบไม่เคยเฉียดไปโรงยิมไม่ว่าจะมีการแข่งขันใดๆก็ตามอย่างซอจูฮยอน .. เธอไม่ปล่อยให้ยุนอาพูดแล้วจากไปเหมือนคนอื่นหรอก ..
“ฉันไม่ได้ก้มหาเศษเหรียญนะ” เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของคนที่กล้าว่าเธอตั้งแต่ได้เจอกันครั้งแรก ชื่อเสียงเรียงนามก็ยังไม่รู้จักมาว่ากันได้ไง
สำหรับซอฮยอน..เธอมองเห็นคนตรงหน้าได้ไม่ชัดนักเพราะไม่ได้ใส่แว่นเลยไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ..
แต่สำหรับยุนอา..เขาได้เห็นใบหน้าใครอีกคนชัดแจ๋ว..ดวงตากลมโตคู่ใสกำลังเพ่งมองเขา เส้นผมนุ่มสวยที่มัดเอาไว้ตกเป็นปอยระใบหน้าได้รูปกับพวงแก้มอวบๆน่าสัมผัสน่าหยิกเบาๆ ไหนจะเรียวปากบางๆที่เผยอขึ้นเล็กน้อย .. เธอสวย เธอน่ารัก .. ทำเอาเขาลืมไปเลยว่าจะโต้ตอบอะไรบ้าง ..ทำไมเขาถึงไม่เคยเห็นเด็กคนนี้มาก่อนเลยนะ ..
“ซอฮยอนครับ มาทำอะไรอยู่ตรงนี้”
แต่ก่อนที่ยุนอาจะได้มองสำรวจความน่ารักของคนตรงหน้าได้มากไปกว่านี้ เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ดูแล้วน่าจะเป็นรุ่นพี่ของเธอทั้งสองคนเดินตรงเข้ามาหาร่างบางที่หันไปมองเขาตามเสียงเรียก และถึงเธอจะเห็นเขาไม่ชัดเหมือนใครอีกคน แต่ซอฮยอนก็จำน้ำเสียงทุ้มนุ่มที่เขามักใช้กับเธอบ่อยๆได้
“พี่ยงฮวา ..คือซอทำแว่นตกน่ะค่ะ”
“อีกแล้วหรอ ซุ่มซ่ามจังนะเรา” เด็กหนุ่มคนนั้นก้มลงหยิบแว่นตากรอบหนาที่ตกอยู่อีกมุมหนึ่งมายื่นให้ซอฮยอนพร้อมกับยกมือขึ้นลูบเส้นผมนุ่มของเธออย่างเบามือด้วยความเอ็นดูโดยไม่ได้สนใจใครอีกคนที่ยืนมองสังเกตการกระทำของเขาอยู่
... ที่แท้ ยัยเด็กคนนี้ก็มีแฟนแล้วสินะ ...
และก่อนที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเดินจากไป เมื่อซอฮยอนสวมแว่นตาหนาๆของเธอเรียบร้อยก่อนจะหันมามองอิมยุนอาเพียงครู่เดียวก่อนจะเดินตามรุ่นพี่หนุ่มที่เดินนำหน้าเธอไปก่อนแล้วจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นสีหน้าของคนที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง หรือสังเกตเพียงสักนิดว่าเขาคือคนคนเดียวกันกับคนที่เธอขว้างลูกบาสเก็ตบอลจนหน้าผากปูดเข้าห้องพยาบาลเมื่อวานนี้เอง ..
แต่สำหรับยุนอา..ถึงจะเห็นคนสวยในมาดสาวแว่นเพียงแว้บเดียวแต่เขาก็จำใบหน้านั้นได้ .. ยัยเด็กแว่นตากรอบสี่เหลี่ยมหนาเท่ากรอบรูปคุณปู่ทวดที่บ้าน ยัยเด็กเมื่อวานซืนที่ทำให้เหม่งอันงดงามของเธอต้องมีลูกปูดๆเขียวช้ำดูไม่ได้
“ทำไมยัยแม่ชีนั่นเวลาถอดแว่นออกแล้วถึงได้...... ฮึ่ยย! ลบภาพนั้นไปซะอิมยุนอา! ลืม ลืม ลืม ยัยเด็กบ้าเอ้ย!”
“อิมยุนอา นอกจากเธอจะมาสายเกินเวลาไปยี่สิบนาที เธอยังกล้าสัปหงกในชั้นเรียนของฉันอีกหรอ!?”
เสียงแหวมาจากหน้าชั้นเรียนของคุณครูควอนไม่ได้ทำให้ยุนอารู้สึกอารมณ์ดีขึ้นเลย อุตส่าห์เนียนวางหนังสือเรียนไว้ มือหนึ่งถือปากกาจ่อทำท่าเหมือนเขียนเลกเชอร์ ส่วนอีกมือหนึ่งชันคางไว้หลับตาลงแบบเนียนๆ ชั้นเรียนอื่นไม่เคยมีใครจับได้นะเนี่ย แต่ไม่ใช่กับวิชาประวัติศาสตร์ของคุณครูสุดเขี้ยวคนนี้
“เปล่านะคะ ก..ก็เรียนอยู่” ยกมือขึ้นปิดอ้าปากหาวจนน้ำตาเล็ดอย่างปิดไม่มิดและคงอ้างไม่อยู่ จนซูยองที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆได้แต่ปิดหน้าปิดตาด้วยหนังสือ..แบบว่ามันไม่อายแต่เราอายแทน..
“งั้นไหนลองบอกมาว่าสวนลอยบาบิโลนตั้งอยู่ที่ประเทศอะไรในปัจจุบัน”
“อ..อ่า..เอ่อ....” ยุนอาลอบมองเพื่อนรักโต๊ะข้างๆด้วยหางตากันไม่ให้ครูควอนจับผิดได้ ส่วนประสาทหูก็คอยฟังคำตอบที่ซูยองคอยกระซิบมาให้ ...อะไรของมันนะ จะบอกให้พูดดังๆกว่านี้หน่อยก็ไม่ได้ ..อ..อ ร.. “ - - อ่า..อังกฤษค่ะ อยู่อังกฤษ”
ไม่ใช่แค่คุณครูควอนโบอาเท่านั้นที่แสดงออกทางสีหน้าอย่างชัดเจน แต่ก็มีคนคอยบอกอย่างซูยองด้วย บอกว่าอิรัก อิรัก ฟังยังไงเป็นอังกฤษ ไอเหม่งเอ้ยย.. แถมตอบอย่างมั่นใจอีกต่างหากนะ น่าจับเหม่งโขกกับกำแพงให้ปูดอีกจริงๆ
“เพื่อเป็นการกักบริเวณเธออิมยุนอา ครูจะให้เธอเข้าไปจัดหนังสือสารานุกรมที่ห้องสมุดทุกเย็นเป็นเวลาสามอาทิตย์เริ่มตั้งแต่วันนี้ จัดเสร็จเมื่อไหร่ค่อยมาเช็คชื่อกับครู แล้วครูจะให้ครูปาร์คบอมคอยเฝ้าเธอไว้ว่าเธอจัดจริงหรือเปล่า”
อิมยุนอาอ้าปากค้าง สามอาทิตย์เชียวหรอ จริงอยู่ที่เธอบาดเจ็บที่ข้อศอก(ถึงตอนนี้ก็รวมอาการบาดเจ็บที่เหม่งไปด้วย)จนลงซ้อมกับพวกพี่ๆในชมรมไม่ได้ แต่คนเกลียดหนังสือกับห้องสมุดเข้าไส้อย่างเธอเนี่ยนะจะต้องไปคอยจัดห้องสมุดให้ทุกเย็น ตายย..กวางเหม่งขอลาตายนะที่นี้ค่ะ...
แล้วสวนลอยนั่นไม่ได้อยู่ในอังกฤษแล้วอยู่ที่ไหนกันเล่า ใครเป็นคนสร้างเนี่ย สร้างขึ้นมาก็ลำบากคนรุ่นหลังต้องมานั่งศึกษาอีก โอ้ย โอ้ย อิมยุนอาหงุดหงิด!
“นี่นาย! หยิบมาจากตรงไหนก็เอาไปเก็บตรงนั้นเซ่ ลำบากคนจัดรู้ปะ”
เด็กชายสะดุ้งเฮือกขณะรีบร้อนสอดหนังสือกลับเข้าชั้น เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงน่ากลัวนั่น แล้วเขาก็ต้องคิดถึงว่าใครอีกคนจะเป็นอิมยุนอานักบาสเก็ตบอลหญิงของโรงเรียน แต่ไม่อยากคิดจะถามหรอกว่าเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงเดี๋ยวโดนว่าอีก จึงได้แต่หยิบหนังสือออกมาก้มหน้าก้มตาจะเดินหนีไปอีกทาง
“นี่แล้วจะบอกอะไรให้นะ คิดว่าตัวเองหน้าตาดีเหมือนแทมินชายนีหรือไงถึงได้ตัดหัวทรงเห็ดน่ะ หน้านายก็เหมือนอูด้งขึ้นอืด ยังจะใส่แว่นกลมเท่าลูกปิงปองอีก เดี๋ยวพี่สลักแผลเป็นรูปสายฟ้าให้ปะจะได้เหมือนแฮร์รี่ พอตเตอร์”
ถ้าไม่เจอกับตัวจะคาดไม่ถึงสักนิดเลยนะเนี่ยว่าจะโดนขนาดนี้น่ะ เด็กชายที่โดนว่ามาก็ทำได้แค่พยักหน้ารับอย่างเจี๋ยมเจี๊ยมก่อนจะรีบเดินหนีไปจริงๆ เดี๋ยวโดนมันว่าให้อีก
ยุนอายกมือขึ้นทุบสันหนังสือใหญ่ๆให้เข้าช่องเท่าๆกันระบายความหงุดหงิดไปในตัว วันนี้เธอเป็นอะไรนักหนาเจอแต่เรื่องซวยๆ ไม่สิ..ซวยมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วต่างหาก อารมณ์ไม่ดีหนักเข้าไปอีกเมื่อมาอยู่ในห้องสมุดที่มีแต่หนังสือ หนังสือ และหนังสือแทนที่จะได้ไปนั่งอยู่กับพวกพี่ๆในโรงยิม นี่ยังไม่นับรวมที่เธอต้องมาทนเห็นพวกเด็กเรียนหน้าตาเต้าหู้แข่งกันตัดแว่นหน้าๆ กินพื้นที่ไปครึ่งหน้า พากันมายืมหนังสือเล่มหนาๆโตๆที่ถ้ามาใช้ให้เธออ่าน อย่าว่าแต่จะอ่านให้จบภายในสามปีเลย แค่เปิดหน้าแรกมาอ่านไปสักสามบรรทัดก็สลบแล้ว
ดีนะที่เวลานี้เป็นเวลาเย็นๆไม่ค่อยจะมีเด็กเท่าไหร่ ไม่งั้นใครมาเห็นมากกว่านี้คงขำ นักบาสเก็ตบอลหญิงอิมยุนอาตกระกำลำบากมาจัดหนังสือในห้องสมุดอย่างโดดเดี่ยว
.. วุ้ยย.. หงุดหงิดที่สุด ..
“ไฟฟ้าอิเล็กตรอน ..”
ความคิดของคนขี้หงุดหงิดยังไม่ทันจะเลือนหายไปไหน หางตาของเขาก็สังเกตเห็นเด็กคนหนึ่งที่เดินเข้ามาในมุมแคบๆของตู้หนังสือที่เขายืนอยู่ก่อน เด็กคนนั้นถือกองหนังสือเสยเต็มอ้อมแขนจนบดบังใบหน้า ถ้าไม่บอกก็จะเดาเองเองไปเลยว่าเจ้าเด็กเรียนพวกนี้เวลาอยู่บ้านคงฝึกยกดรัมเบลเล่นกล้ามทุกวันแน่ๆ ไม่งั้นแขนคงยกหนังสือกองโตไม่ได้หรอก
“อิเล็กตรอน .. ” ปากพูดพึมพำให้ตัวเองได้ยินคนเดียว ส่วนมือก็ไล้ไปตามสันหนังสือบนชั้นเหนือศีรษะจนเจอหนังสือที่ต้องการ .. ธรรมดาแล้วถ้าจะให้เอื้อมมือไปหยิบอย่างเดียวก็คงได้ แต่นี่เธอทั้งยกกองหนังสือทั้งต้องเอื้อมแขนด้วยมันเลยไม่ง่ายอย่างที่คิด...
เป็นครั้งแรกที่ยุนอาทนมองความยากลำบากของพวกหนอนหนังสือไม่ไหว พวกความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด ต้องลำบากคนอย่างเธอซะจริง
มือเรียวเอื้อมขึ้นหยิบหนังสือไฟฟ้าอิเล็กตรอนเล่มโตที่อีกฝ่ายต้องการ หากมันเหมาเจาะเหลือเกินกับเวลาที่ยัยเด็กเรียนหยิบหนังสือที่ตัวเองต้องการได้พอดี จึงกลายเป็นว่ายุนอากำลังจับมือใครอีกคนเอาไว้
แต่แทนที่จะรีบผละมือออก หญิงสาวสองคนกลับหันหน้ามาสบตากันกับอีกฝ่าย ยุนอาจึงได้เห็นใบหน้าของเด็กแก้มยุ้ย ดวงตาคู่โตหวานใสที่ถูกบดบังด้วยแว่นเลนส์หนาเตอะ
ยัยเด็กคนที่ปาลูกบอลใส่เหม่งเธอจนปูดบวมและคนที่ถูกเธอชนเข้าให้เมื่อเช้าเพราะก้มหาแว่นนี่เอง ..
“นี่เธออีกแล้วหรอ!”
“พี่หัวเหม่งปูดปากจระเข้..”
“นี่เธอว่าฉันหรอหะ! ......โอ๊ย! โอ๊ยย”
ยุนอาร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวดระบมไปหมด เพราะมัวแต่มองหน้ากันจึงไม่รู้ว่าไอหนังสือไฟฟ้าอิเล็กตรอนเล่มโตนั่นเลื่อนตกลงมายังไม่ทันให้มือได้คว้า เป็นเหตุให้สันของมันหล่นใส่หัวเธอเต็มๆ และเหตุการณ์ภาคต่อเนื่องคือเพราะเสียงร้องของเธอทำให้ยัยเด็กแว่นนั่นตกลงปล่อยกองหนังสือในอ้อมแขนล่วงกราวลงมาทับเท้าทั้งสองของอิมยุนอาแต่เพียงคนเดียว
โอ้ยย ไม่รู้จะกุมหัวหรือกุมเท้าดี ทำไมอิมยุนอาซวยแบบนี้คะเนี่ยย!!
“รุ่นพี่คะ ฉันขอโทษ เจ็บตรงไหนคะ เจ็บมากหรือเปล่า” ฝ่ายคนที่ไม่ได้โดนอะไรเลยน่ะได้แค่ถามไม่ได้รู้สึกเจ็บไปด้วยหรอก แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าหัวเราะสมน้ำหน้านี่นะ
“โอ้ยอย่าถามได้มั้ย เจ็บไปหมดแล้วเพราะเธอเนี่ย เนี่ย เนี่ย เนี่ย!” ยุนอาชี้หัวตัวเองที่รับสันหนังสือเต็ม ชี้เท้าทั้งสองข้างที่ปวดระบมตุบๆ ชี้รอยปูดบนเหม่งที่มีผ้าก็อตปิดไว้ ชี้เหมาไปทั่วทั้งตัวเลยดีกว่ามั้ย ..
“รุ่นพี่ก้มหัวลงมาหน่อยสิ เดี๋ยวดูให้ค่ะ” พูดโดยไม่รอให้ยุนอาก้มศีรษะลงมาหา ร่างบางก็เขย่งปลายเท้า จับมือทั้งสองข้างไว้กับไหล่เจ้าทุกข์เพื่อชะเง้อมองบริเวณกลางหัวน้อยๆที่โดนสันหนังสือหล่นใส่ได้ถนัด โดยไม่รู้เลยว่าความใกล้ชิดขนาดนี้ทำให้ยุนอาคิดไกลไปไหนต่อไหนแล้ว ..
... เด็กคนนี้ .. จะทำอะไรกันแน่เนี่ย ...
“ปูดนิดเดียวเองค่ะรุ่นพี่ เดี๋ยวฉันทายาให้นะ มานั่งก่อนสิคะ” พูดด้วยรอยยิ้มบางๆราวกับจะบอกเด็กคนหนึ่งว่าแผลแค่นี้ไม่ต้องร้องไห้นะ เดี๋ยวก็หายแล้วถ้าทายา
ยุนอาก้มลงมองมือเรียวบางที่กุมมือของเขาเพื่อพาเขาเดินไปนั่งที่เก้าอี้โต๊ะตัวว่าง ร่างบางบอกให้เขารอก่อนจะเดินไปทางตู้เก็บกระเป๋านักเรียนหน้าห้องสมุดและเดินกลับมาพร้อมกับยานวด
“นี่เธอพกยาไว้ติดตัวอยู่ตลอดเลยหรือไง” เอ่ยปากถามขึ้นพลางมองอีกคนที่บีบยาครีมกับนิ้วมือของตัวเองเล็กน้อย ..เด็กคนนี้ทำตัวประหลาดจริง..
“ฉันเป็นคนชอบเดินชนนู่นชนนี่บ่อยๆน่ะค่ะรุ่นพี่”
นับเป็นครั้งแรกที่คนขี้โวยวายปากไม่ดีอย่างอิมยุนอาปิดปากเงียบกริบไม่ร้องสักนิดเมื่อร่างบางยกตัวขึ้นเล็กน้อยเพื่อทายาให้เขา อาจจะเป็นเพราะยุนอามัวแต่คิดเรื่องอื่นเกินกว่าจะทำตัวปากเสียเหมือนเดิม
ความใกล้ชิดถึงสองครั้งในเวลาไล่เลี่ยกันทำให้ยุนอาเริ่มคิดไปไกลมากกว่าเดิม กลิ่นกายหอมอ่อนๆของเด็กคนนี้ไม่ใช่น้ำหอมกลิ่นฉุนเหมือนพวกเด็กผู้หญิงคนอื่นในวัยเดียวกันกับเธอ แต่เป็นเพียงกลิ่นแป้งเด็กหอมจางๆให้พอรับรู้และชวนหลง .. ชวนหลงงั้นหรอ ...
[ L O V E. Girl L O V E . Girl ~ L O V E . Boy ~ ]
เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กในกระเป๋ากระโปรงเรียกให้ซอฮยอนรีบหยิบขึ้นมากดรับเพราะกลัวว่ามันจะดังไปรบกวนคนอื่น ซ้ำคุณครูปาร์บอมบรรณารักษ์ประจำห้องสมุดก็ยังส่งสายตาขุ่นๆโทษฐานทำเสียงดังมาทางนี้อีกด้วย
“ค่ะพี่ยงฮวา ซอเสร็จแล้ว เดี๋ยวตามลงไปนะคะ”
ซอฮยอนกดวางสายจากใครบางคนก่อนจะเก็บมันเข้าที่เดิมพร้อมกับยาที่เธอนวดครีมให้ใครอีกคนเสร็จพอดี เลยไม่ทันได้เห็นสายตาของยุนอาที่มองมา
ใครกันช่างโทรมาตามขัดจังหวะซะจริง .. แต่เท่าที่ได้ยินคงจะเป็นคนคนเดียวกันกับรุ่นพี่ผู้ชายเมื่อเช้าสินะ เป็นแฟนกันโทรตามกันก็ไม่แปลก ...
“ฉันไปก่อนนะคะรุ่นพี่” ส่งยิ้มหวานชวนฝันมาให้ยุนอาได้หลงอีกครา แต่ก่อนที่ร่างบางกำลังจะเดินจากเขาไปไกลมากกว่านี้ คนปากดีก็รีบตะโกนรั้งเอาไว้ไม่สนใจว่าคุณครูปาร์คจะส่งสายตาอาฆาตเธอแค่ไหนก็ตาม
“ยัยเด็กแม่ชี.. เธอชื่ออะไรน่ะ?”
“ซอฮยอนค่ะ ฉันชื่อซอฮยอน ..”
ช่วงเวลายามเช้าก่อนทางโรงเรียนจะเรียกเข้าแถวถือว่ายากนักถ้าจะมีนักเรียนแหกตาตื่นมากันแต่เช้านอกเสียจากว่าจะมานั่งทำงานลอกการบ้านเพื่อนตามจุดตามมุมต่างๆ แต่สำหรับเด็กนักเรียนหญิงกลุ่มหนึ่งที่เฝ้าอุตส่าห์มาโรงเรียนแต่เช้าทุกวันเพื่อมานั่งติดชิดขอบสนามเวลาที่รุ่นพี่ชมรมบาสเก็ตบอลซ้อมกันทุกเช้ากลางวันเย็นเนี่ยสิ อย่างนี่แหละที่เขาเรียกกันว่าแฟนคลับตัวจริงเลยล่ะ
บางกลุ่มก็แยกไปดูรุ่นพี่ผู้ชายที่ซ้อมกันอีกสนาม ส่วนอีกกลุ่มก็มานั่งมองตามกรี๊ดนักบาสหญิงสุดเท่ห์ไม่ว่าจะเป็นรุ่นพี่ควอนยูริกัปตันหุ่นน่าฟัดทั้งลูกหนักลูกพริ้วลูกเร็ว พี่ยูลของแฟนคลับทำได้หมด รุ่นพี่แทยอนที่เป็นทั้งรองประธานนักเรียนไม่พอยังจะมาพ่วงเป็นนักบาสถึงพี่แทแทจะฝีมือไม่ได้เรื่องแต่น่ารักน่าพกขนาดนี้แฟนคลับรับได้ค่า ~
หากสองคนแรกที่กล่าวไปนั้นถึงจะมีแฟนกันแล้วทั้งคู่ แถมแฟนที่ว่าก็มานั่งติดชิดคุมไม่ให้คนรักโปรยเสน่ห์เพิ่ม แต่แฟนคลับก็ไม่แคร์ไม่สนใจ เพราะยังมีพี่ซูยองพี่ฮโยยอนพี่แอมเบอร์พี่ยุนอาที่ยังว่างอยู่ทั้งสี่คนเลย แต่เอ๊ะ..แล้ววันนี้พี่ยุนยุนของแฟนคลับหายไปไหนซะแล้วล่ะ..?
“ซูยอง เหม่งมันตื่นสายอีกแล้วหรอ”
กัปตันทีมควอนเดินเข้ามาหาซูยองที่เพิ่งจะขว้างลูกบาสเก็ตบอลครึ่งสนามเพื่อฝึกทักษะการรับลูกของคุณรองประธานนักเรียนตัวเล็ก ..ที่พอรับลูกได้ก็กระโดดดีใจโบกมือส่งยิ้มให้แม่หมีของมันที่นั่งคุมอยู่ข้างสนาม .. เอากับคุณคิมเขาเถอะน่ะ
“เปล่าอ่ะมันไม่ได้ตื่นสาย”
“แล้วมันไปไหนอ่ะ?” ถามต่อด้วยความแปลกใจ ก็รู้ว่าเฝือกอ่อนที่ข้อศอกของยุนอายังเหลือเวลาอีกสามสัปดาห์กว่าจะต้องไปเอาออก แต่ธรรมดาแล้วเจ้าเด็กปากเสียนั่นจะมานั่งเฝ้าเก็บบอลนั่งเล่นเกมส์นั่งเกรียนใส่แฟนคลับแถวโรงยิมนี่นา แล้วนี่มันหายไปไหนสองวันแล้วนะ
“มันบอกมันไปห้องสมุด”
“ห๊ะ? ห้องสมุดเนี่ยนะ” ได้ยินประโยคเรียบๆจากซูยองเหมือนได้ยินเจสสิก้าขู่ฆ่า... คนอย่างอิมยุนอาเนี่ยนะไปห้องสมุด ถึงจะได้ข่าวมาว่ามันโดนกักบริเวณโดนใช้ไปจัดหนังสือ แต่เฉพาะตอนเย็นไม่ใช่หรอ
“อืม เมื่อวานตอนเช้าก็ไปห้องสมุด ตอนกลางวันกินข้าวเสร็จก็ไปห้องสมุด ตอนเย็นก็ต้องไปจัดหนังสือที่ห้องสมุด เมื่อเช้าก็บอกว่าจะไปห้องสมุด” ซูยองหันมาบอกหน้าตายเหมือนว่าตอนแรกที่ได้รู้เธอก็มีอาการเดียวกันกับยูริที่ทำสีหน้าเหมือนเกิดมหันตภัยร้ายแรงระดับประเทศ
“ที่ห้องสมุดมีอะไรให้มันไปน่ะ.......”
ซอฮยอน..เธออยู่ไหนกัน..
พอบทจะเจอก็เจอพร้อมกับเรื่องเจ็บตัวทุกครั้งที่เห็นหน้า แต่พอบทจะไม่เจอก็ไม่เจอกันเลยแม้ยุนอาจะมาดักรอที่ห้องสมุดแสนน่าเบื่อทุกเช้ากลางวันเย็นตั้งแต่เมื่อวาน หากยังไม่เห็นวี่แววซอฮยอน ไม่เห็นแม้รุ่นพี่ผู้ชายที่ชื่อยงฮวาอะไรนั่นด้วย หรือเธออาจจะเข้าใจผิดคิดว่าเด็กคนนั้นน่าจะสิงห้องสมุดทุกเวลาว่างล่ะมั้ง ..
“อิมยุนอา เธอมาทำอะไรลับๆล่อๆอยู่ตรงนี้”
เสียงโหดๆของคุณครูบรรณารักษ์ทำเอาคนที่ยืนเอาหลังพิงชั้นหนังสือสะดุ้ง มือหนึ่งถือหนังสือบังหน้าหลอกตาคนเดินผ่านไปผ่านมาเพื่อเฝ้ามองว่าเมื่อไหร่ใครคนที่เธออุตส่าห์มาคอยตั้งแต่เมื่อวานจะมาสักที แต่เนียนเท่าไหร่ก็เนียนตบตาพวกครูโหดๆไม่ได้เลย
“เอ่อ..หาหนังสือ ส..สัตว์โลกน่ารู้น่ะค่ะอาจารย์ แอนิมอลแพลนเน็ตอาจารย์เคยดูปะคะ?”
“เรื่องสัตว์มันอยู่หมวดโลกและธรรมชาตินี่มันหมวดประวัติศาสตร์นะอิมยุนอา” คุณครูมองเด็กนักเรียนตัวดีผ่านแว่นตากรอบสี่เหลี่ยมอย่างไม่ไว้วางใจ หนังสือในมือยุนอาไม่ได้เกี่ยวกับสัตว์เลยสักนิด ไม่ได้จ้องจะจับผิดเด็กแต่เขามีพิรุธจริงๆตั้งแต่เมื่อวานแล้ว มาที่นี่ทุกเวลาแถมไม่ได้อ่านหนังสือเหมือนเด็กคนอื่น แต่มายืนลับๆล่อทำตัวเหมือนสายลับแบบนี้
“อ่า..งั้น..คงดูผิดไปนิดมั้งคะ ไปดูตรงนู้นก็ได้”
คุณครูปาร์คบอมมองนักเรียนจอมพิรุธยัดหนังสือกลับเข้าชั้น ก่อนจะเดินไปอีกทางโดยสายตาของเขายังจับจ้องอยู่หน้าประตูห้องสมุด หนำซ้ำทางที่เดินไปมันก็เป็นหมวดวิทยาศาสตร์ไม่ใช่หมวดโลกและธรรมชาติ เด็กอิมยุนอาคนนี้ต้องการอะไรจากห้องสมุดของเธอกันแน่
“คุณครูปาร์คบอมคะอรุณสวัสดิ์ค่ะ ซอเอาหนังสือมาคืน ...”
ได้ยินแค่เสียงหวานๆที่ถึงจะไม่คุ้นเคยกันเท่าไหร่แต่ยุนอากลับจดจำมันได้อย่างแม่นยำ ร่างเพรียวบางหมุนตัวกลับมาแล้วฉายยิ้มกว้างให้สมกับที่มาดักรอถึงสองวัน ..เจอแล้ว..เจอซอฮยอนแล้ว
“ใช้เวลาอ่านแค่สองวันเองหรอซอฮยอน แล้ววันนี้จะยืมเล่มไหน........ว้ายตายแล้ว อิมยุนอา!” ยังไม่ทันจะได้เอ่ยประโยคคำถามกับนักเรียนคนสนิทได้จบ คุณครูปาร์คบอมก็ผงะหลบแทบไม่ทัน เมื่อร่างของยุนอาถลาเฉียดตัวเธอไปนิดเดียว เจ้าเด็กบ้าคนนี้ต้องการอะไรจากห้องสมุดกันแน่เนี่ยย
“ยัยเด็กแม่ชีเธอต้องไปกับพี่!”
“ปะ..ไปไหนคะ เดี๋ยวก่อนสิรุ่นพี่”
เกิดการฉุดกันต่อหน้าต่อตาครูบาอาจารย์ที่งงแล้วงงอีก แต่ก็ทำได้แค่มองเด็กนักเรียนสองคนเดินออกจากห้องสมุดไป ...ไม่คิดจะยืมหนังสือสัตว์โลกน่ารู้ของครูแล้วหรออิมยุนอา...
“รุ่นพี่คะ พาฉันออกมาทำไมฉันยังไม่ได้ยืมหนังสือเลย” ร่างบางบิดข้อมือจากการเกาะกุมให้ตัวเองเป็นอิสระ แปลกใจที่เห็นเขาอยู่ในห้องสมุดไม่พอ ยังต้องแปลกใจที่โดนเขาลากออกมาอีก
“ยืมตอนกลางวันก็ได้หน่า หนังสือนะไม่ใช่เครื่องช่วยหายใจ แค่ไม่ได้ถือแนบตัวมันไม่ทำให้เธอตายหรอก”
ซอฮยอนทำหน้าขุ่น มองค้อนรุ่นพี่จอมปากเสีย เห็นเธอเป็นมนุษย์หนังสือไปแล้วหรือไง เธอไม่ได้บ้าถึงขนาดนั้นสักหน่อย แค่ว่างเมื่อไหร่ก็หยิบขึ้นมาอ่าน ไม่สบายใจก็หยิบขึ้นมาอ่าน เครียดก็หยิบขึ้นมาอ่าน เห็นไหมเธอไม่ได้บ้า
“แล้วรุ่นพี่มารอฉันทำไมคะ” คำพูดตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมให้เสียเวลาของเด็กแว่นทำเอายุนอาอ้าปากค้างพูดต่อไม่ถูก ถึงจะไม่ใช่คนคิดเข้าข้างหลงตัวเองก็คงจะคิดแบบเดียวกับซอฮยอนว่าอีกคนมารอพบเธอ แต่ไม่เห็นจะต้องพูดความจริงออกมาเลยนี่นา
...แล้วทำไมเวลาอยู่กับเด็กคนนี้ เธอถึงหาเรื่องแก้ตัวไม่ได้ง่ายๆเหมือนคุยกับคนอื่นเลยล่ะ...
“หรือรอยปูดบนหัวรุ่นพี่มันยังไม่หายกันคะ?” เลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ ยกมือหวังจะแตะรอยปูดโนบนศีรษะผ่านเส้นผมสีน้ำตาลเข้มแต่โดนยุนอาจับมือเอาไว้ .. เพราะกลัวตัวเองจะมีอาการเหมือนคราวที่แล้ว ดีไม่ดีอาจจะหนักกว่าด้วยซ้ำ
“ก..ก็ทำนองนั้นแหละ” จากคนปากดีปากไม่เคยกลัวใครกลับพูดจาตะกุกตะกักด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่ใช่ตัวเอง ใครได้มาเห็นอาการของยุนอาในตอนนี้อาจจะพากันงงไปเลยก็ได้
.. จะว่าไป มือของซอฮยอนเนี่ยนุ่มจังเลยนะ..พวกเด็กเรียนที่ไม่เคยจับต้องอะไรนอกจากหนังสือมือนุ่มแบบนี้ทุกคนเลยหรือเปล่า ..
“รุ่นพี่เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?” ยกมือขึ้นอีกข้างจะอิงแนบหน้าผากของรุ่นพี่เผื่อเขาจะไม่สบาย แต่มือของซอฮยอนก็โดนจับเอาไว้ กลายเป็นว่าเขากุมมือเธอเอาไว้ทั้งสองข้าง สงสัยโดนลูกบาสเก็ตบอลกระแทกหัวเข้าไปจนสมองเสื่อมแล้วมั้ง ต้องกระแทกอีกทีหรือเปล่าถึงจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้
“ตั้งแต่วันนี้จนกว่าหน้าผากของพี่จะหายปูด เธอต้องมาเป็นเบ๊รับใช้พี่ทุกวันทุกเวลาห้ามขัดคำสั่ง เข้าใจมั้ยยัยเด็กแม่ชี”
“ซอฮยอนนน เรียกตั้งนานไม่ได้ยินเป็นอะไรเนี่ย”
“หืม แล้ว..มิสเอ็มม่าล่ะ?” ซอจูฮยอนกระพริบตาปริบๆมองไปรอบๆตัวเหมือนคนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เมื่อกี้เธอยังนั่งฟังครูบรรยายการใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันอยู่เลยนี่นา แล้วทำไมคุณครูหายไปไหน แถมเพื่อนในห้องก็ยังพากันเดินไปหาคนนู้นคนนี้เหมือนเลิกชั้นเรียนและรอคุณครูวิชาต่อไปเข้ามา
“มิสเอ็มม่าออกไปตั้งนานแล้ว นี่สติแกอยู่กับตัวปะ”
ร่างบางขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างไม่เชื่อหู เธอไม่เคยเหม่อลอยในชั้นเรียนวิชาไหนเลยนะโดยเฉพาะวิชาโปรดอย่างภาษาอังกฤษ และดูเหมือนเพื่อนสนิทของเธอก็คิดอย่างนั้น คิมคีย์บอมมองเพื่อนสาวเหมือนเจ้าตัวไปติดโรคติดต่อร้ายแรงมา
“แกเป็นอะไรปะเนี่ย?” ถามย้ำอีกครั้งเพิ่มความแน่ใจ เป็นเพื่อนกับร่างบางมาตั้งแต่มัธยมต้น ไม่เคยเห็นใครจริงจังกับชีวิตเท่านี้มาก่อน เกร็งจนเนื้อตัวแข็งตามแทบตายตอนที่รู้จักกันช่วงแรกๆน่ะ แต่เขากับซอฮยอนไม่เคยถูกเพื่อนล้อว่าเป็นแฟนกันหรอกทั้งที่เป็นเพศตรงข้าม เพราะนิสัยที่เหมือนเด็กผู้หญิงมากกว่าเด็กผู้ชายของคีย์ ซ้ำยังดูแลตัวเองดีกว่าผู้หญิงบางคนด้วยซ้ำ แต่เขาไม่ได้ทำตัวแต๋วแตกขนาดนั้น อย่างน้อยก็มีความเป็นผู้ชายอยู่บ้างล่ะนะ
“ก็ไม่ได้เป็นอะไรหรอกหน่า”
“เออๆ ตราบใดที่แกยังไม่เป็นลมหรือลุกขึ้นมาถอดเสื้อเต้นบนโต๊ะ ฉันจะไม่พาแกไปห้องพยาบาลละกัน” คีย์พูดติดตลกพลางหยิบไอพอดสีชมพูของตัวเองขึ้นมาเสียบหูฟังเพลงฆ่าเวลาระหว่างคาบเรียน แล้วก็ต้องดึงหูฟังข้างหนึ่งออกเมื่อคิดเรื่องที่จะพูดขึ้นมาได้
“ ... เอ้อ เมื่อตอนเช้าฉันเจอครูคยูฮยอน เขาบอกว่าเย็นนี้แกต้องไปซ้อมเปียโนด้วยนะ อีกสองสัปดาห์ก็จะต้องเล่นเปิดงานเลี้ยงรับคนมาดูงานที่โรงเรียนจากญี่ปุ่นแล้วอ่ะ”
ซอฮยอนพยักหน้ารับคำเพื่อน งานอดิเรกเวลาว่างๆนอกจากอ่านหนังสือก็คือการเล่นเปียโน แต่แม่ของเธอก็อยากจะดันลูกสาวเลยฝากเธอไว้กับคุณครูโจวที่เป็นถึงนักดนตรีหนุ่มอนาคตไกลระดับประเทศผู้ใช้เวลาว่างมารับงานสอนวิชาดนตรีโรงเรียนมัธยม และด้วยนิสัยจริงจังของเธอจึงทำให้เป็นที่ชื่นชอบของคุณครูแทบทั้งโรงเรียน รวมไปถึงคุณครูคยูฮยอนคนนี้ด้วย
“เอ้ยย แก.. หลังจากวันงานของแกถัดไปสองวันนั่นมีแข่งบาสระดับเขตที่เราเป็นเจ้าภาพอ่ะ แกไปดูด้วยกันกับฉันนะเว่ย คราวที่แล้วก็พลาดไปทีนึงละ” ใช้แขนกระแซะไหล่เพื่อนเล็กน้อย พูดแล้วยังเสียดายไม่หาย แข่งบาสคราวที่แล้วเห็นมีแต่คนพูดว่ามันส์มาก สู้กันยิบตา แถมยังเอาชนะได้ทั้งบาสชายบาสหญิงด้วย แต่เขากับซอฮยอนกลับอดไปดูการแข่งเพราะติดซ้อมดนตรี ..พูดถึงแล้วยังเสียดายไม่หาย
แต่ไม่ว่าคีย์จะพูดอะไรต่อ เพื่อนสาวของเขาอย่างซอฮยอนได้หลุดเข้าสู่โลกส่วนตัวของตัวเองอีกแล้ว คราวนี้ดูเหมือนจะไม่สามารถเรียกกลับคืนมาง่ายๆด้วย ..
แค่คีย์พูดคำว่าบาสเก็ตบอลออกมา เธอก็คิดถึงนักกีฬาคนหนึ่ง คนที่ปากเสียๆชอบเรียกเธอว่าแม่ชี แม่ชีไม่หยุดถึงจะรู้ว่าเธอชื่อซอฮยอนแล้วก็ตาม ..
ยิ่งไปกว่านั้นเขายิ่งทำให้เธอคิดถึงมากกว่าเดิม..กับคำพูดแสนเอาแต่ใจที่เขาพูดกับเธอเมื่อเช้านี้เอง..
“กฎของการเป็นเบ๊พี่มีไม่มากหรอก แน่นอนว่าแม่ชีอย่างเธอต้องทำได้” อวดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์กวนประสาทของถนัด ถ้าเป็นแฟนคลับคงกรี๊ดสลบไปแล้วเพราะอิมยุนอาอุตส่าห์ยิ้มให้ แต่ไม่ใช่กับซอฮยอนหรอก
“หนึ่งคือ..เธอต้องซื้อชานมจากร้านหน้าโรงเรียนมาให้พี่ทุกเช้าที่ห้องสมุด ไม่ว่าพี่จะกินหรือไม่กินเธอก็ต้องซื้อมาห้ามบ่น” .. หรืออีกเหตุผลหนึ่งของกฎข้อนี้ของยุนอา คือการได้เจอหน้าเด็กแว่นแก้มยุ้ยคนนี้ก่อนเข้าเรียนทุกเช้า ..
“สองคือ..พี่เกลียดเลขกับวิทย์ เธอต้องมาสอนพี่ด้วยทุกเย็นที่ห้องสมุด เพราะหลักสูตรของสายศิลป์ภาษาอย่างพี่คงเรียนน้อยกว่าเธอ ยังไงเธอก็สอนได้” ..แน่นอนว่าเหตุผลข้อนี้ คงไม่พ้นการใกล้ชิดกันทุกวันมากกว่าเดิม..
“สามคือ..เธอเลิกเรียกพี่ว่ารุ่นพี่ได้แล้ว พี่ชื่อยุนอา เธอต้องเรียกพี่ว่าพี่ยุน เข้าใจปะ?” ซอฮยอนอยากจะค้านกฎข้อนี้เหลือเกิน ที่เขาเรียกเธอว่ายัยเด็กแม่ชีแก้มป่องอะไรนั่นเธอยังไม่บ่นสักคำ
“มีแค่สามข้อเองทำได้มั้ย? จนกว่ารอยปูดบนหน้าผากจะหาย เธอต้องเป็นเบ๊พี่ไปทุกวัน โอเค๊?”
“กว้างขนาดนั้นรุ่นพี่ยังจะกล้าเรียกว่าหน้าผากอีกหรอคะ? แถวบ้านซอเขาเรียกว่าเหม่ง ดีไม่ดีเรียกว่าโหนกด้วยซ้ำนะ” ประโยคกล้าตายของซอฮยอนถูกชดใช้ด้วยการถูกดีดหน้าผากอย่างจังจนระบม เธอพูดอะไรผิดตรงไหนกัน
“เธอผิดกฎข้อที่สาม ต้องเรียกพี่ว่าพี่ยุน แล้วพี่จะเพิ่มกฎข้อที่สี่ว่าห้ามว่าพี่ว่าเหม่ง มันไม่เหม่งสักหน่อยนะ!” ยกมือลูบปอยผมมาปิดๆหน้าผากของตัวเอง เดี๋ยวก็ไปตัดหน้าม้ามาซะเลยหนิ
“ก็ได้ค่ะ พี่ยุนเหม่ง เหม่ง เหม่ง”
“ซอฮยอน!”
คีย์ลอบมองเพื่อนสาวของเขาที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียวพร้อมกับยกมือขึ้นลูบหน้าผากตัวเอง ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นซอฮยอนเป็นแบบนี้ แม้จะมีรุ่นพี่ยงฮวามาคอยตามจีบทุกวี่ทุกวันซอฮยอนก็ไม่เคยมีท่าทีจะชอบ กับคุณครูคยูฮยอนที่ดูปลื้มในตัวร่างบางมากกว่านักเรียนคนอื่นซอฮยอนก็ไม่สน สงสัยเสียสติไปแล้วมั้งซอฮยอนอา ..
“ไอลิงอย่าบังเด้”
“แกก็อย่าเบียดได้มั้ยเล่าไอหมา”
“พี่สองคนเลิกทะเลาะกันสักที เดี๋ยวครูปาร์คบอมก็เดินมาด่าให้หรอก”
เสียงเรียบๆของชเวซูยองปรามสองรุ่นพี่ในชมรมที่กัดกันอย่างกับหมากับลิง นี่มันห้องสมุดนะไม่ใช่โรงยิม จะมาทำตัวเสียงดังไม่ได้หรอก เดี๋ยวโดนเตะออกก่อนจะได้เรื่องพอดี
“ไอเหม่งนะไอเหม่ง นึกว่าหายไปไหนเป็นอาทิตย์สองอาทิตย์ที่แท้ติดเด็ก!” ยูริพูดอย่างเคืองๆระหว่างแอบซุ่มดูรุ่นน้องของตัวเองกับเด็กที่ไหนไม่รู้นั่งสอนการบ้านกันอยู่ที่โต๊ะมุมห้องสมุด ไม่ใช่ยุนอาสอนน้องหรอก แต่น้องสอนยุนอาต่างหาก ไม่ใช่ระดับเทพทำไม่ได้หรอกนะแบบนี้
“เด็กมันน่ารักซะด้วย ว่าปะ”
“อืม ตาก็โตหุ่นก็เป๊ะ ไม่มีเงิงด้วย เหม่งตาถึงมาก!” พูดจบก็หัวเราะคิกคักกันอยู่สองคนไม่ได้รู้ดำรู้กีกับชะตาชีวิตของตัวเองเอาซะเลย ไม่รู้หรอกว่ารุ่นน้องซูยองหลีกทางให้กับใครบางคนเพื่อรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ อย่าว่ากันเลยนะรุ่นพี่ หยองเผ่นก่อนล่ะ ~
“ใครน่ารักกันหรอคะคิมแทยอน ..”
“มีเงิงแล้วผิดมากมั้ยคะคุณควอนซอบัง ..”
แทยอนกับยูริหันมาสบตากันด้วยสายตาที่ไม่ต้องเอ่ยปากบอกก็รู้ใจกันดี ยิ่งกว่าได้ยินเสียงคุณครูบรรณารักษ์สุดโหดซะอีก.. สบตากันเสร็จก็ค่อยๆหันไปมองด้านหลังตัวเองช้าๆ สูดลมหายใจเย็นๆเข้าไปเต็มปอดราวกับกลัวว่าจะไม่ได้หายใจอีกแล้ว
“ฟ..ฟานี่จ๋า..”
“..สิก้า..ที่รัก..”
มิน่าทำไมอุณหภูมิห้องสมุดถึงลดลงฮวบฮาบชอบกล มีทั้งหมีขาวทั้งน้ำแข็งขั้วโลกมารวมตัวกันอยู่แล้วจะเหลืออะไร อย่าทำอะไรสามีตาดำๆเลยนะเมียจ๋าา...เค้าผิดไปแล้วว..
“ตายกับตาย เลือกอะไรดีคะคุณสามี..”
โฮกก..คิมแทยอนกับควอนยูริขอลาทุกคน ณ ที่นี้ .. อาเมน
“โอ้ย ไม่เอาแล้วอ่ะ คิดนู่นคิดนี่ย้อนไปย้อนมาน่าเบื่อ!”
ฝ่ายคนที่ไม่รับรู้ชะตากรรมของรุ่นพี่ในชมรมตัวเองว่าจะเป็นตายร้ายดียังไงอย่างยุนอาก็วางปากกาลง ก่อนจะฟุบหน้าลงกับโต๊ะพักสมองเป็นรอบที่หกทั้งๆที่เพิ่งเริ่มทำไปได้แค่ยี่สิบนาที จนรุ่นน้องผู้รับหน้าที่ติวถึงกับส่ายหน้าน้อยๆ นี่เขากะจะบ่นกะจะฟุบทุกๆสามนาทีเลยใช่ไหม
“พี่ยุนคะ ทำข้อนี้ให้เสร็จก่อนสิแล้วค่อยนอน” จับไหล่ฉุดรุ่นพี่จอมเอาแต่ใจขึ้นมา แต่คราวนี้ออกแรงมากกว่าเดิมยังไงเขาก็ขืนตัวไว้ไม่ยอมลุก เป็นแบบนี้ต่อให้เธอสอนถึงสามทุ่มสี่ทุ่มการบ้านของยุนอาก็ไม่เสร็จหรอก หนักกว่าสอนการบ้านเด็กประถมซะอีก
“งือ..ไม่เอา พี่เหนื่อยแล้วขอพักก่อน” เหตุผลเดิมประจำทุกวันตั้งแต่เริ่มหน้าที่ติวการบ้านมาถูกยกขึ้นมาใช้ แต่คราวนี้ซอฮยอกไม่ยอมแล้วล่ะ ยุนอาเล่นเป็นแบบนี้เมื่อไหร่การบ้านจะเสร็จ
“พี่ยุนคะลุกขึ้นมาก่อน” ออกแรงดึงเฮือกสุดท้ายฉุดยุนอาขึ้นมาได้สำเร็จ แต่คนขี้เกียจของเธอกลับทำตัวอ่อนปวกเปียกโงนเงนไปมาเหมือนซอมบี้ สุดท้ายศีรษะของเขาก็เอนซบกับไหล่บางของเธอจนได้
“ซอจ๋า..ทำการบ้านให้พี่หน่อยสิ นะนะ” เนียนซบไม่พอยังขยับหัวถูบ่าบางไปมาอย่างออดอ้อนขนาดที่ใครไม่ใจอ่อนก็ให้มันรู้ไป แล้วสงสัยถ้าไม่ได้กำลังขอร้องคงไม่ได้ยินเขาเรียกชื่อซอจากปากหรอกมั้ง
“ถ้าซอทำแล้วซอจะได้อะไรคะ”
“เป็นเบ๊แล้วห้ามต่อรองกับเจ้านายสิ เข้าใจมั้ย” เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยวางคางแนบกับไหล่เล็กๆ พร้อมกับใช้นิ้วเรียวจิ้มแก้มยุ้ยๆของเด็กแว่นเบาๆ ..เห็นหรือเปล่าว่าเธอเนียนแค่ไหน..
“แล้วถ้าซอทำ พี่ยุนจะได้อะไรคะ”
“ได้การบ้านที่เสร็จแล้วไปส่งอาจารย์ไง น้าา..ซอ นะนะ ทำให้พี่ยุนหน่อยนะ” กระพริบตาปริบๆเรียกคะแนนสงสาร ทำเอาคนถูกขอร้องถึงกับจนมุม อ้อนถึงขนาดนี้จะไม่ให้ใจอ่อนได้ยังไง ซอฮยอนหยิบการบ้านของยุนอาเลื่อนมาอยู่ตรงหน้าแล้วเริ่มต้นเขียนท่ามกลางรอยยิ้มแป้นของคนเอาแต่ใจ
...มีความสุขจัง..ไม่ได้มีความสุขที่จะมีการบ้านดีๆไปส่ง แต่มีความสุขที่ได้อยู่ข้างๆเด็กแก้มยุ้ยคนนี้ต่างหาก..ตอนนี้อิมยุนอาอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูกเลยล่ะ
“นี่ยัยเด็กแม่ชี ทำไมเธอถึงชอบอ่านหนังสือล่ะ?” เอ่ยปากถามแทรกความเงียบในระหว่างที่ซบไหล่บางมองดูคนทำการบ้านให้เธอ ความเงียบที่คนพูดมากไฮเปอร์อย่างยุนอาไม่ค่อยชอบอยู่กับมันเท่าไหร่
“ก็ไม่ได้ถือว่าชอบหรอกค่ะ แค่รู้สึกสงบที่ได้อ่าน” ตอบคำถามของรุ่นพี่โดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นจากสมุดการบ้าน
“สงบจนจะหลับน่ะสิ ไม่เบื่อบ้างหรอพวกหนังสือเรียนภาษาเข้าใจยากน่ะ” ยุนอาทำปากขมุบขมิบเพราะเธอไม่ชอบหนังสือเรียนเลยจริงๆ ไม่รู้จะใช้ภาษาเป็นทางการยากแก่การเข้าใจพูดวกไปวนมามีแต่น้ำทั้งๆที่เนื้อความประเด็นมีอยู่นิดเดียว สู้เขียนบอกมาตรงๆเลยก็ไม่ได้
“เข้าใจยากแต่บางครั้งก็รู้สึกดีที่แปลความหมายมันออกไงคะ”
“แต่ว่ามันก็น่าเบื่ออยู่ดีนั่นแหละ..”
“ถ้าเบื่อมากก็พักก่อนก็ได้นี่พี่ยุน และไม่ใช่หนังสือเรียนอย่างเดียวที่ซออ่านหรอก พวกนิยายซอก็อ่านค่ะ มันมีจินตนาการช่วยให้เรานึกภาพตาม มีอะไรแฝงไว้เยอะในหนังสือถ้าเราเข้าใจและพร้อมจะอ่าน” ซอฮยอนตอบยุนอาราวกับเธอกำลังลงแข่งขันโต้วาทีอย่างเป็นทางการ และนั่นก็ทำให้คนเข้าใจอะไรยากได้คิดตามเธอไปด้วย
“แล้วเธออ่านนิยายเยอะมั้ยอ่ะ?” เมื่อเงียบไปกับการคิดทบทวนสักพักยุนอาก็เริ่มถามต่อเหมือนเด็กอยากรู้อยากเห็นในเรื่องที่ไม่เคยรู้มาก่อน
“ก็เยอะนะคะ”
“ชอบนิยายแบบไหนหรอ?”
“นิยายแฟนตาซีมั้งคะ ช่วยให้เราคิดตามจินตนาการไปได้เยอะดี” เงยหน้าขึ้นมาพักสายตาจากการบ้านเด็กช่างถาม แต่ไม่ได้หันไปมองสบตากับเขาหรอก ..จะให้หันไปมองเขาได้ยังไง.. ถ้าหันไปแก้มของเธอคงชนกับจมูกของเขาแน่ๆ..
“พวกเหนือธรรมชาติน่ะหรอ อย่างแฮร์รี่ พอตเตอร์ใช่ปะ?” เอ่ยยกตัวอย่างที่น่าจะใช่ขึ้นมา ที่จริงเธอไม่ได้อ่านหรอกแต่ดูหนังเอาต่างหาก หนังสือแฮร์รี่แต่ละเล่มก็สองร้อยหน้าขึ้นไป จนถึงเกือบสองพันหน้า คูณเข้าไปเจ็ดภาคเจ็ดเล่ม แค่คิดอยากจะอ่านก็ขอโบกมือลาก่อนล่ะ
“อื้ม ประมาณนั้นแหละค่ะ” ตอบรับด้วยรอยยิ้มก่อนจะเงียบไปชั่วอึดใจเมื่อเดาออกว่าเดี๋ยวเขาก็ต้องหาเรื่องพูดอีก ..และมันก็เป็นไปอย่างที่เธอคิดจริงๆ
“แล้วอะไรในนิยายที่เธออยากเป็นได้ที่สุดล่ะ? แบบว่า..ที่มันเป็นไปได้ ที่เธอเห็นว่ามีใครทำอะไรให้ตัวเอกในนิยาย แล้วเธออยากได้แบบนั้นบ้าง” เป็นครั้งแรกที่คนอย่างยุนอาหัดพูดอะไรจริงจังไม่ไร้สาระไม่กวนประสาท และเขาก็รู้ตัวดีว่าน้อยครั้งนักที่ตัวเองจะเป็นแบบนี้ นอกจากคู่สนทนาจะเป็นคนที่ทำให้เขาหงอ.. แต่ยัยเด็กแม่ชีนี่ไม่ได้ทำให้เขาหงอสักหน่อยนะ
“ก็.. ” เงียบไปสักพักหนึ่งกับคำถามที่ต้องใช้ความคิด นึกภาพนานๆ สุดท้ายซอฮยอนก็ได้คำตอบกับตัวเอง “..คงจะเป็นอะไรที่พวกพระเอกทำให้นางเอกมั้งคะ ได้เล่นเปียโนให้คนที่เรารักฟังสักครั้ง ได้รับดอกไม้จากเขา เจอกับความรักที่ไม่ต้องอาศัยเวลา และจูบกันใต้ต้นไม้ ...”
“ทำไมต้องจูบกันใต้ต้นไม้อ่ะ?” ข้ออื่นน่ะพอเข้าใจ แต่ทำไมต้องจูบกันใต้ต้นไม้ จูบกันที่อื่นไม่ได้หรอ
“ก็ไม่รู้สิคะ แค่คิดว่ามันคงโรแมนติกดี ....ซอทำเสร็จแล้วค่ะการบ้านของเด็กประถม” วางปากกาลงพร้อมกับยื่นสมุดการบ้านให้ยุนอาดู ได้รู้ว่ามันเสร็จจริงๆแถมเรียบร้อยมากๆลายมือสวยๆของซอฮยอนช่างขัดกับลายมือหวัดๆของคนขี้เกียจเขียนอย่างเธอเสียจริง แต่ครูคงดูไม่ออกหรอก ถึงดูออกเธอก็ไม่ผิด ยังไงมันก็การบ้านเธอ
“พี่ไม่ใช่เด็กประถมนะ พี่โตกว่าเธอตั้งปีนึง” ยกใบหน้าของตัวเองขึ้นจากไหล่เล็กพร้อมกับทำปากตุ่ยๆทำแก้มบวมๆที่ดูยังไงก็เด็กจนซอฮยอนอดยิ้มขำไม่ได้
“พี่ยุน พรุ่งนี้ตอนเย็นๆซออาจมาหาพี่ยุนสายหน่อยนะ”
“ทำไมอ่ะ เธอจะไปไหน?”
“ไม่บอกค่ะ ..”
อิมยุนอากำลังกลับมามีอารมณ์หงุดหงิดอีกครั้ง ตอนนี้เธอกำลังยืนอยู่หน้าห้องเรียนประจำของรุ่นน้องที่คอยอยู่กับเธอทุกเวลาเช้ากลางวันเย็นมาได้สักระยะหนึ่ง พอเสียงกริ่งบอกเวลาเลิกเรียนยุนอาก็รีบเก็บของใส่กระเป๋าวิ่งออกมาจากห้องโดยทิ้งท้ายบอกซูยองว่าเธออาจจะไม่ได้ไปโรงยิมเหมือนเคย เพื่อมาดักรอที่หน้าห้องๆนี้ แต่เธอก็ต้องผิดหวังเมื่อมันปิดเงียบเหมือนไม่ได้มีนักเรียนมาใช้ห้องทั้งวัน
ซอฮยอนไปทำอะไรกันนะ เมื่อวานขอให้บอกยังไงร่างบางก็ไม่ยอมบอกเขา ต่อให้บังคับยังไงเธอก็บอกว่าไม่ได้อยู่ในกฎของการเป็นเบ๊ เมื่อเช้าก็ไม่เห็นหน้ามีแต่ถ้วยชานมที่คุณครูปาร์คบอมยื่นมาให้เธอบอกว่าซอฮยอนฝากมาให้ และแน่นอนว่าตอนกลางวันก็ไม่เห็น โทรหาก็ไม่ยอมรับสาย
หายไปไหนของเธอกันยัยเด็กแม่ชี..ถ้าเจอนะจะตีก้นลายเลยโทษฐานทำพี่อารมณ์ไม่ปกติ!
“นี่เจ้าแว่น เดินให้มันดีๆหน่อยสิ แล้วกระเป๋าเป้ของนายแบกหินมาหรือไงถึงตุงขนาดนั้นน่ะ อยากเป็นเต่าหรอ”
เมื่ออะไรๆมันไม่ได้ดั่งใจเลยหาวิธีระบายอารมณ์เหมือนทุกครั้งโดยการว่าเด็กนักเรียนที่เดินผ่านไปผ่านมา ต้องว่าแต่เด็กตัวเล็กๆเหนียมๆด้วยนะ ไม่ว่าพวกเด็กโตๆหรือพวกรุ่นพี่หรอกเดี๋ยวโดนต่อยปากเอา
“โอ้ย กว่าจะถึง ซอนะซอ ลืมอะไรไม่ลืมดันลืมโทรศัพท์ ลำบากเราอีก”
เอ๊ะ..ใครกันใครพูดชื่อซอ..
เพราะมัวแต่ด่าเด็กนักเรียนกระเป๋าตุงคนนั้น ยุนอาจึงไม่ทันได้ทักเด็กชายอีกคนที่วิ่งกระหืดกระหอบเปิดประตูห้องเรียนของซอฮยอนเข้าไปอย่างไว เธอรอจนเด็กชายคนนั้นเดินออกก็รีบคว้าแขนเอาไว้ทันที
“ว๊ากก ใคร..อ่ะ..พ..พี่ยุนอา..” เด็กชายสะดุ้งร้องตกใจจนโทรศัพท์มือถือในมือแทบหล่น พอหันมามองว่าใครคว้าแขนเขาก็ต้องอ้าปากค้างเล็กน้อย อีกฝ่ายไม่รู้จักเขาหรอก แต่เขาในฐานะแฟนคลับบาสเก็ตบอลจึงรู้จักทุกคนในชมรมนั้นล่ะ และก็รู้ด้วยว่าคนตรงหน้าคืออิมยุนอา ว่าแต่เธอมีอะไรกับเขากัน?
หรือจะมาพาเขาเข้าชมรมบาสเก็ตบอลหญิง .. ไม่นะ..ถึงจะดูแลตัวเองดีกว่าผู้หญิงบางคนแต่คิมคีย์บอมคนนี้ก็ยังเป็นผู้ชายแมนทั้งแท่งนะ..ไม่เอาาาา...
“ซอฮยอนเป็นเพื่อนนายใช่ไหม?” ถามย้ำเพื่อความแน่ใจเผื่อเขาฟังผิดไป แต่ถึงไม่ใช่เพื่อนสนิทก็น่าจะเป็นเพื่อนร่วมห้อง อย่างน้อยก็น่าจะรู้บ้างว่าซอฮยอนไปไหน
“ใช่แล้วครับรุ่นพี่” แอบดีใจเล็กน้อยถึงปานกลางที่ยุนอาไม่ได้มาหาเขาด้วยเหตุผลที่เขาคิดไปเอง แต่ทำไมถึงมาถามอะไรเกี่ยวกับซอฮยอน พี่ยุนอากับเพื่อนของเขาเป็นอะไรกัน? ไปรู้จักกันตอนไหน ทำไมซอฮยอนไม่เคยเล่าอะไรให้ฟังเลย วันหลังต้องถามจัดให้หนักๆ
“ซอฮยอนอยู่ไหน”
“รุ่นพี่ถามทำไมครับ?”
“บอกมาเถอะหน่า ไอหน้าสวย!” สาบานได้ว่านั่นคือคำด่า .. และมันก็ทำให้คีย์เจ็บมากซะด้วย
“ซ..ซอกำลังจะขึ้นเวทีเล่นเปียโนรับแขกที่มาดูโรงเรียนจากญี่ปุ่นครับรุ่นพี่..” ตอบคำถามไปเหงื่อตกไป รู้ชื่อเสียงกิตติศัพท์ของรุ่นพี่อิมยุนอาคนนี้ดีพอกับแฟนคลับคนอื่นๆว่าปากร้ายแค่ไหน นี่ถือว่าโชคดีนะที่เขาโดนแค่หน้าสวย หากเจ็บนิดๆแต่มันจี๊ดชอบกลแฮะ ..
“แล้วนายน่ะ เป็นอะไรกับซอหะบอกมา! ถ้าเป็นเพื่อนนายรอดแต่ถ้ากำลังจีบซอนายโดนต่อยแน่”
“...จัสท์เฟรนด์ครับรุ่นพี่ จัสท์เฟรนนด์” ตอบคำถามตามความเป็นจริงว่าแค่เพื่อนจริงๆ ไม่มีแอบรักแอบคิดอะไรเกินเลยทั้งสิ้น ตั้งแต่คบกับซอฮยอนมายังไม่เคยมีใครถามเลยแม้แต่เพื่อนในห้อง แต่รุ่นพี่ยุนอานี่สิทำเหมือนจะงับหัวเขาให้ได้ ..โอ้ยไม่เอาด้วยนะ
“จัสท์เฟรนด์แปลว่าอะไรหะ! แปลด้วยเด้!”
หลังจากข่มขู่ปนระบายอารมณ์ด้วยการเกรียนใส่คีย์จนได้มาหาซอฮยอนอย่างที่ตัวเองต้องการ ยุนอาก็ยืนอยู่หน้าประตูซึ่งเป็นห้องหลังเวทีของหอประชุมใหญ่ที่โรงเรียนใช้เป็นสถานที่รับแขกจากประเทศญี่ปุ่น ที่เธอไม่ได้เข้าไปเพราะคีย์บอกว่าข้างในมีแต่พวกนักเรียนที่จะแสดงโชว์พิเศษและพวกครู ถ้ายุนอาเข้าไปคงจะเป็นจุดสนใจมากไปหน่อย ก็เลยต้องมายืนรออยู่ตรงนี้แหละ
... แล้วเมื่อไหร่ไองานบ้านี่จะจบ เธออยากเจอซอฮยอนแล้วนะ ...
ยุนอาขยับตัวหลบทางให้ภารโรงของทางโรงเรียนสองคนที่ช่วยกันยกช่อดอกไม้ผ่านเธอเข้าไปในห้องหลังเวที ปลอมตัวเป็นภารโรงเข้าไปได้ปะล่ะ..แต่ไม่เอาดีกว่า หน้าไม่ให้ ไม่ได้ชงตัวเองนะแค่พูดความจริง
“ได้ยินมาว่าครูคยูฮยอนคนหล่อจะขึ้นแสดงด้วยใช่ปะแก”
“ใช่ๆ รุ่นพี่ยงฮวาก็จะขึ้นไปโชว์กีตาร์เหมือนกัน เห็นว่าให้พวกนักเรียนเข้าไปได้นะแต่ต้องนั่งหลังๆ”
“เออดี ฉันจะได้เอาดอกไม้ไปให้พี่ยงฮวาหน้าเวที”
บทสนทนาของเด็กนักเรียนมัธยมต้นคู่หนึ่งที่กำลังเดินผ่านหน้าเขา ดึงความสนใจจากยุนอาให้แอบฟังและมองตาม ในมือของหนึ่งในสองคนนั้นถือดอกกุหลาบสีขาวดอกเดี่ยวที่ถูกห่อผูกด้วยริบบิ้นสีเอาไว้อย่างดีหลายช่อ ดอกไม้หรอ.. ซอฮยอนเคยบอกเขาว่าอยากได้ดอกไม้นี่นา...
“นี่พวกเธอ!” ออกปากเรียกโดยไม่ลองคิดก่อนพูดสักนิดเหมือนทุกครั้ง ก่อนจะกวักมือเรียกเด็กสองคนที่ยืนลังเลเหมือนไม่แน่ใจว่าเขาเรียกเราหรอ
“ดอกไม้นั่นอ่ะ พี่ขอซื้อต่อได้ปะ” ชี้ไปทางช่อดอกกุหลาบหลายช่อในมือเด็กหญิงที่ยังดูงุนงงเล็กน้อย
“อ..เอากี่ดอกคะพี่ยุนอา” เด็กทั้งสองคนกระพริบตามองรุ่นพี่ยุนอาด้วยสายตาคาดไม่ถึง เมื่อกี้เดินผ่านไม่ทันได้สังเกตเพราะไม่คิดว่านักกีฬาบาสเก็ตบอลประจำโรงเรียนอย่างยุนอาจะมายืนลับๆล่อๆอะไรตรงหลังเวที
“ดอกเดียวพอแล้ว พี่จะให้แค่คนคนเดียว” หยิบกระเป๋าสตางค์หยิบธนบัตรออกมายื่นให้อีกคนแลกกับการได้ดอกไม้ช่อสีขาวมาไว้ครอบครองอย่างง่ายดาย แต่ไม่ต้องห่วงนะ..อยู่กับเธอแค่ครู่เดียวเท่านั้น เดี๋ยวมันก็จะได้ไปอยู่กับคนอื่นแล้วล่ะ ..
“..คงจะเป็นอะไรที่พวกพระเอกทำให้นางเอกมั้งคะ ได้เล่นเปียโนให้คนที่เรารักฟังสักครั้ง ได้รับดอกไม้จากเขา เจอกับความรักที่ไม่ต้องอาศัยเวลา และจูบกันใต้ต้นไม้ ...”
เสียงหวานๆของเด็กแว่นแก้มยุ้ยดังหวนกลับเข้ามาให้ยุนอาได้ยิ้มกว้าง ...ได้เล่นเปียโนให้คนที่เรารักฟังสักครั้ง ได้รับดอกไม้จากเขา .. คนที่เรารักอย่างนั้นหรอ แต่ซอฮยอน..ไม่ได้รักเขานี่นา..แล้วเขาล่ะ..เขารักเด็กนั่นหรอ?
“ซอฮยอน ถ้ายงฮวาเล่นเสร็จเราก็เตรียมแสตนด์บายได้เลยนะ”
“ค่ะอาจารย์” ซอฮยอนยิ้มรับคำของคุณครูคยูฮยอนผู้รับหน้าที่เป็นหัวหน้างานฝ่ายการแสดงดนตรีของเด็กนักเรียน ซึ่งคุณครูหนุ่มก็ส่งยิ้มอย่างภูมิใจให้ลูกศิษย์คนโปรดคนนี้
“มือถือครับคุณหญิงซออ” คีย์ที่เพิ่งจะเดินเข้ามาถึงตัวเพื่อนยื่นโทรศัพท์มือถือคืนเจ้าตัว เพราะซอฮยอนเพิ่งรู้ตัวว่าลืมมือถือไว้ที่ห้องเรียนแต่จะไปเอาก็ไปไม่ได้เพราะกลัวกลับมาไม่ทันเลยให้คีย์ที่คิวแสดงของเขาอยู่คิวสุดท้ายไปเอาแทน
“เออ..ตอนไปเอามือถือแกเราเจอพี่ยุนอาด้วยล่ะ ตอนนี้เขายืนอยู่หน้า...”
“ซอฮยอน ขึ้นแสตนด์บายได้แล้ว” เสียงทุ้มของคุณครูคยูฮยอนกลบความสนใจจากเรื่องเล่าจากคีย์ไปจนหมด
“ขอโทษนะคีย์ เดี๋ยวค่อยเล่านะ” เพราะไม่ค่อยจะได้ยินอะไรอยู่แล้วในเมื่อเสียงดนตรีจากหน้าเวทีก็ดังกระหึ่มไปทั่ว ซอฮยอนจึงจับใจความจากคีย์ไม่ได้ ร่างบางลุกขึ้นเดินไปหาคุณครูโจวที่พาเธอไปยืนอยู่ตรงจุดที่กำหนดไว้หลังม่าน ทิ้งให้คีย์ยักไหล่พร้อมกับคิดต่อเองว่าเดี๋ยวรุ่นพี่ยุนอาคงเดินไปหาที่นั่งในหอประชุมเองได้ล่ะมั้ง
เสียงปรบมือต้อนรับการแสดงชุดต่อไปดังขึ้นทั่วหอประชุมหลังจากจบการเดี่ยวกีตาร์ของจองยงฮวานักเรียนชั้นมัธยมปีที่หก ซึ่งการแสดงต่อมาหลังจากม่านสีแดงเข้มของหอประชุมถูกเลื่อนแยกออกจากกัน เปียโนหลังโตก็ถูกนำมาวางไว้เกือบส่วนกลางของเวทีใหญ่ ข้างๆคือเด็กผู้หญิงหน้าตาเรียบร้อยที่เคยใส่แว่นหนาๆกรอบสี่เหลี่ยม แต่วันนี้ซอฮยอนหันมาใส่คอนแทคเลนส์ตามคำแนะนำของคีย์แทน
ซอฮยอนโค้งให้ผู้ชมก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปนั่งบนเก้าอี้เปียโน ดวงตาคู่โตใสหลับลงเพื่อตั้งสมาธิดั่งเช่นทุกครั้งที่เธอมักจะทำมันก่อนเริ่มบรรเลง
ใบหน้าแสนเอาแต่ใจเหมือนเด็กเล็กๆของใครบางคนที่เธอใช้เวลาช่วงหลังๆมานี้กับเขาแทบทุกวัน ทำให้ใบหน้าของซอฮยอนเปื้อนรอยยิ้มบางๆอย่างมีความสุข .. ใครคนนั้นคงจะนั่งรอเธออยู่ที่ห้องสมุด เขาไม่ได้อยู่ที่นี่หรอกเพราะเธอไม่กล้าจะบอก เธอคงไม่ได้สำคัญพอขนาดให้เขาสละเวลามาดูการแสดงครั้งนี้ และใครคนนั้นคงไม่ชอบมานั่งฟังดนตรีน่าเบื่อแบบนี้ด้วย..
แต่ให้ตัวเธอเองได้รู้ไว้ ว่าบทเพลงเพลงนี้เธอจะเล่นมันให้เขา ..
ความเงียบเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆถูกแทนที่ด้วยบทบรรเลงจากเปียโนของซอฮยอน เรียวนิ้วที่กรีดกรายลงอย่างคล่องตัวสัมพันธ์กันกับสายตาที่เฝ้ามองตัวโน้ตจากแผ่นกระดาษ บทเพลงของเด็กหญิงค่อยๆซึมซับเข้าสู่จิตใจของผู้ฟังภายในหอประชุม บางคนหลับตาลงเพื่อเปิดประสาทสัมผัสการได้ยินได้อย่างเต็มที่ บางคนเฝ้ามองคนบรรเลงเปียโนเพื่อจดจำใบหน้าของเธอเอาไว้
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยหากคิดจะทำผลงานเพื่อให้ผู้อื่นประทำใจ และเป็นเรื่องที่ยากกว่าถ้าคิดจะรักษามาตรฐานเดิมเอาไว้เพื่อทำให้มันดีขึ้น..ดีขึ้นไปอีกในครั้งต่อๆไป
กลุ่มนักเรียนที่เข้ามาเฝ้าชมการแสดงด้านหลังพวกแขกพิเศษวีไอพีโยกตัวซ้ายขวาอย่างเคลิบเคลิ้มกับบทเพลง แต่ทำได้ไม่นานนัก..เมื่อเด็กคนหนึ่งในกลุ่มยกแขนสะกิดไหล่เพื่อนข้างๆให้ลืมตาขึ้นมาดูอะไรที่ผิดสังเกต ..
อิมยุนอาไม่ได้สนใจว่าพวกเด็กนักเรียนจะพากันมองเธอแทบทุกคนได้ เมื่อเขาลุกขึ้นยืนจากที่นั่งก้าวขาเดินไปอย่างช้าๆไม่รีบร้อนรับฟังจังหวะดนตรีขับกล่อมและเฝ้ามองใบหน้าของเด็กแก้มยุ้ยของเธอที่ไม่ได้ใส่แว่นกรอบสี่เหลี่ยมหนาเตอะบดบังใบหน้าแสนน่ารักนั่นอีก
ใช้เวลาไม่นานเลยที่ยุนอาจะเดินมาหยุดอยู่หน้าเวทีใหญ่ ประจวบเหมาะกับบทเพลงของซอฮยอนที่จบลง ร่างบางยิ้มให้กับตัวเองก่อนจะหันมาโค้งให้คนดูเฉกเช่นทุกครั้งที่เคยทำ หากคราวนี้มันไม่ได้ปกติ..เมื่อสายตาของเธอเห็นใครคนที่เธอไม่คิดว่าเขาจะมายืนอยู่ตรงนี้ พร้อมกับรอยยิ้มและดอกไม้ ..
เสียงปรบมือดังก้องทั่วหอประชุมอีกครั้งเมื่อซอฮยอนเดินมาหาคนที่ส่งช่อดอกกุหลาบสีขาวดอกเดียวให้เธอ ร่างบางคุกเข่าลงยื่นมือไปรับมันไว้ หากคอยก้มหน้าก้มตาเพื่อไม่ให้ยุนอาได้เห็นว่าพวงแก้มของเธออาจจะกลายเป็นสีแดงเรื่อแค่ไหน
“เธอสวยมาก” เสียงกระซิบให้พอได้ยินกันแค่สองคนของยุนอา ยิ่งทำให้ซอฮยอนรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองชักจะร้อนผ่าวมากขึ้นเรื่อยๆ เด็กแก้มยุ้ยของคนเอาแต่ใจลุกขึ้นเดินกลับเข้าหลังเวทีก่อนม่านสีแดงเข้มผืนใหญ่จะปิดลงอีกครั้ง และแน่นอนว่าเธอหนีไม่พ้นเพื่อนสนิทอย่างคีย์ที่รีบตรงเข้ามาทั้งถามทั้งแซวหลังจากที่เฝ้ามองทุกเหตุการณ์หน้าเวที
แหม่..ก็เล่นมีอะไรกันถึงขนาดมาให้ดอกไม้หน้าเวทีแล้วไม่ยอมบอกเพื่อน ใครเป็นคนพารุ่นพี่ยุนอามาต้องชมนะต้องชม ..ไม่งั้นไม่มีโอกาสเขินหน้าแดงขนาดนี้หรอกซอฮยอนอา..
ข่าวลืมพร้อมรูปภาพประกอบแพร่สะพัดไปทั่วทั้งโรงเรียนภายในวันนั้นว่านักบาสเก็ตบอลอิมยุนอาสละโสดตามสองรุ่นพี่ในชมรมยูริและแทยอนเป็นที่เรียบร้อย และคนรักของเจ้าเด็กเหม่งปากไม่ดีก็ไม่ใช่ใครที่ไหน นอกเสียจากเด็กแว่นแสนเฉิ่มที่เป็นทั้งนักเรียนดีเด่นและนักเรียนชมรมดนตรีด้วย
บางคนก็แทบไม่อยากจะเชื่อ แต่พอได้เห็นภาพรุ่นพี่ยุนอายื่นดอกไม้ให้เด็กแว่นคนนั้นก็ถึงกับพูดไม่ออก นิสัยต่างกันขนาดนั้นสปาร์กติดกันได้ยังไงคะเนี่ย
สองวันหลังจากข่าวลือถูกแพร่ออกไปชีวิตของซอฮยอนดูไม่สงบเหมือนแต่ก่อน ร่างบางรู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่ามีคนคอยตาม เดินผ่านไปทางไหนก็มีแต่คนมองคนซุบซิบ ขนาดคนที่ชอบเข้าสังคมอย่างคีย์ที่เดินอยู่ข้างๆเธอยังไม่ชอบปรากฎการณ์แบบนี้เลย แล้วนับประสาอะไรกับคนเงียบๆรักสงบอย่างเธอกัน
คนที่มีความสุขที่สุดในโลกดูจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากอิมยุนอา วันนี้เป็นวันแข่งขันบาสเก็ตบอลระดับเขตอีกหนึ่งวันหลังจากพวกเธอเอาชนะไปได้ในนัดที่แล้ว ตอนนี้คนเอาแต่ใจกำลังนั่งเนียนซบไหล่อย่างขอขวัญกำลังใจจากรุ่นน้องสุดที่รักของตัวเอง โดยมีสายตาหมั่นไส้จากพวกพี่ๆ
“น้อยๆหน่อยไอยุน ดูหน้าน้องเขาสิเขารับมุขกับแกมั้ย”
“แหมมม.. อิจฉาหรอคะคุณพี่ขาา ~ ”
ยูริแทบจะข่วนหน้ากวนประสาทที่ยิ้มระรื่นนั่นให้ได้ หนอยแหน่ะ..พอมีแฟนแล้วทำตัวน่าหมั่นไส้ ไอคนติดแฟนติดเด็ก เอะอะไปหาเอะอะไปหา ดูอย่างควอนยูริเป็นตัวอย่างนี่สิ! แฟนเป็นฝ่ายมาหานะไม่อยากจะอวด เกิดมาเป็นเซเมะต้องขรึมเข้าไว้จะบอกให้
“ควอนยูริ! กินน้ำส้มที่ฉันทำให้หรือยัง!”
“จ๋า..จ่ะๆ กินแล้วจ้าที่รัก กินหมดขวดเลยด้วย ขอกินตัวเองด้วยได้ไหม” หมุนตัวหันกลับไปหาคุณแม่คนที่สองแทบไม่ทัน พร้อมกับเดินเข้าไปกอดออดอ้อนจนโดนฝ่ามือฟาดเข้าให้เต็มแขน อุตส่าห์โม้ไปซะเต็มที่ เสียมาดกัปตันลิงหมด
“ยูลล ไม่ต้องให้แทแทลงจนกว่าจะจำเป็นจริงๆนะ เดี๋ยวแทแทเหนื่อย”
ยูริหันไปมองทิฟฟานี่ผู้เป็นทั้งเพื่อนของคนรักและคนรักของเพื่อนที่หลังจากบอกเธอจบก็หันไปหยิกแก้มลูกหมาตัวขาวๆของเจ้าตัว ไอคู่นี้ก็พอๆกัน ทิฟฟานี่ที่เธอคิดว่าน่าจะโหดบ้างอะไรบ้างยังโหดไม่ได้ครึ่งหนึ่งของเจสสิก้าเลย แทยอนมันเลยได้ใจทั้งกอดทั้งหอมเหมือนคนรักเป็นตุ๊กตาหมี ..ชีวิตลิงช่างเลวร้ายไร้ความปราณี ฮืออ..
“แล้วข้อศอกแกหายเจ็บแล้วหรอยุน” ซูยองเดินมานั่งข้างๆเพื่อนที่ยังคงอ้อนเด็กของมันเต็มที่ เออ..อย่าให้หยองมีแฟนบ้างละกัน จะหาให้ล้ำหน้ากว่าเจ้ายุนและพวกพี่ๆเลยคอยดู เน้นว่าล้ำหน้า!
“หายปวดแล้ว ขยับได้ปกติ มีคนทายาให้ทุกวัน” พูดจบก็หันไปส่งยิ้มให้เด็กแก้มยุ้ยที่เลิกใส่แว่นตาหันมาใส่คอนแทคเลนส์เป็นการถาวรเพราะถูกรุ่นพี่จอมเอาแต่ใจคนนี้บังคับ และเธอก็ยอมเขาง่ายๆเหมือนเคย
“ - - ชเวซีวอนปิดท้ายด้วยลูกดังค์สวยๆให้มัธยมเอสเอ็มเอาชนะไปด้วยคะแนนขาดลอยถึงสี่สิบหกต่อสามสิบสองครับ! แต่อย่าเพิ่งลุกหนีไปไหนเพราะต่อไปเราจะมีการแข่งขันบาสเก็ตบอลหญิงต่อระหว่างมัธยมเอสเอ็มเจ้าเดิมกับอาฟเตอร์สคูลครับผมม”
เสียงปิดท้ายการแข่งขันของบาสเก็ตบอลฝ่ายชายจากผู้บรรยายเป็นสัญญาณเรียกตัวนักกีฬาคู่ต่อไปให้ออกมายืนอยู่ภายในสนามได้แล้ว นำโดยกัปตันทีมอย่างยูริ ตามด้วยลูกทีมที่เหลือยกเว้นแทยอนที่ยอมเป็นตัวสำรองด้วยความเต็มใจนั่งกอดหมีข้างสนามดีกว่าลงไปหอบเสียหน้าเยอะ
“พี่ยุนคะ สู้ๆนะ” ซอฮยอนบีบกระชับมือเรียวที่กุมมือเธอไว้ก่อนเขาจะปล่อยและเดินตามพวกพี่ๆเข้าสนาม ยุนอาหันมาส่งยิ้มกว้างๆก่อนจะโน้มใบหน้าตัวเองเข้ามากดปลายจมูกเข้าสัมผัสกับเส้นผมอ่อนนุ่มของซอฮยอนเบาๆ
“พี่จะชนะให้เธอดูเลย”
“นักกีฬาลงสนามแล้วครับ สองกัปตันทีมยูริกับกาฮีจับมือกัน ก่อนจะเข้าประจำที่รอเสียงนกหวีดจากกรรมการและรอกรรมการโยนลูกบาสขึ้นครับผม...”
“ว้าวว ไม่เคยได้นั่งชิดติดขอบสนามขนาดนี้เลย เอ้านี่น้ำของแกอ่ะ” คีย์ที่เพิ่งเดินเข้ามานั่งข้างๆเพื่อนบหน้าตักตัวเองด้วยความตื่นเต้น โชคดีอะไรขนาดนี้ที่ได้เป็นเพื่อนของแฟนนักกีฬา ได้มานั่งตรงที่นั่งพิเศษวีไอพีไม่ต้องไปเบียดฟังเสียงกรี๊ดแสบแก้วหูของพวกกองเชียร์ธรรมดาอยู่บนแสตนด์ด้วยล่ะ
ซอฮยอนยิ้มรับท่าทีดูมีความสุขของเพื่อน สายตาของเธอเฝ้ามองยุนอาที่ยืนประจำตำแหน่งอยู่อีกมุมของสนามและกำลังโบกมือพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ แต่คีย์กลับแย่งซีนด้วยการเกยแขนกับไหล่บางดันเธอออกและโบกมือตอบยุนอา ดูท่านคิมคีย์บอมจะร่าเริงมากกับการแกล้งแซวเพื่อน
“วู้ววว~ พี่ยุนอาาของน้องซออ น้องซออยู่ทางนี้ค่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า”
ปรี๊ดดด ด ..
เสียงนกหวีดดังขึ้นขัดจังหวะเสียงหัวเราะของคีย์พร้อมกับการแข่งขันที่เริ่มต้น แม้บอลลูกแรกจะไปตกอยู่ในมือของอีกฝ่าย แต่ยูริก็แย่งมันมาอยู่ในมือตัวเองได้ก่อนจะส่งให้ฮโยยอนทำเกมส์ต่อ
“เอสเอ็มเป็นฝ่ายบุกขึ้นมาก่อนครับ วนส่งลูกอยู่ด้านนอกระหว่างฮโยยอนกับแอมเบอร์เพราะเข้าไปในกรอบไม่ได้ .. -- ลูกสุดท้ายอยู่ที่ยุนอาครับ! และนั่นยุนตั้งท่าจะชู๊ตไกล และ..หมดห่วงครับ! สามแต้มแรกเป็นของเอสเอ็ม”
“ว๊ากกก สุดยอดดด!” ดูเหมือนคีย์จะทำหน้าที่เป็นฝ่ายแสดงอารมณ์ให้คนเงียบๆอย่างซอฮยอน เด็กชายลุกขึ้นกระโดดตบมือพร้อมกับร้องออกมาดังๆ ในระหว่างที่เพื่อนของเขาทำแค่ส่งยิ้มให้คนทำแต้มแรกที่ยกมือสองข้างขึ้นมางอเข้าหากันเป็นรูปหัวใจให้เธอ
แบบนี้ล่ะเขาเรียกกันว่าคู่ข้าวใหม่ปลามัน ..
แต่แม้ยุนอาจะทำสามแต้มแรกได้ หากรูปเกมส์ที่ออกแนวเกร็งๆต่อกันทั้งสองฝ่าย จึงทำได้แค่ทำแต้มเพิ่มคนละสี่แต้มเท่านั้น เท่ากับว่าโยนเข้ากันแค่คนละสองห่วงก่อนครึ่งแรกจะหมดลง
ยูริเดินนำลูกทีมเดินกลับมารับน้ำดื่มแก้คอแห้งจากข้างสนาม ก่อนจะไปรับฟังการแก้เกมส์ของโค้ชหนุ่มของพวกเธอ เพียงไม่ถึงสามนาทีเสียงนกหวีดก็เรียกนักกีฬาให้กลับเข้าสนาม ยุนอากับซอฮยอนจึงทำได้แค่ส่งยิ้มให้กัน
“พี่ทิฟฟานี่พี่แทยอนพี่เจสสิก้าใช่มั้ยครับ ผมชื่อคีย์เป็นเพื่อนของซอฮยอน...........”
ซอฮยอนอดส่ายศีรษะเบาๆกับเจ้าจอมมนุษย์สัมพันธ์ดีเลิศอย่างคีย์เพื่อนของเธอไม่ได้ แต่ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้จักพวกพี่ๆเขาหรอกนะ เพราะก่อนหน้านั้นยุนอาพาเธอมาแนะนำกับทุกคนเรียบร้อยอย่างกับเปิดตัว และแน่นอนว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากพี่ทิฟฟานี่และพี่เจสสิก้าสองสาวสองนางที่สามารถกุมหัวใจนักบาสเก็ตบอลได้อยู่ ต่างเข้ามาถามเธอว่าทำยังไงถึงจัดการกับคนปากเสียแถมเกรียนเข้าขั้นประสาทอย่างยุนอาได้
เธอได้แต่ตอบว่าไม่รู้..ก็เธอไม่รู้จริงๆนี่นา..
“.. ยุนอาล้มลงไปแต่ไม่ได้ฟาล์วครับ ดูท่าทางจะเจ็บนิดหน่อยตรงข้อศอกที่เดิมแต่ยกมือบอกยูริว่าไม่เป็นไร -- ..และซูยองหลุดเดี่ยวไปครับ! ฝ่าลิซซี่ไปได้ง่ายๆ กระโดดดังค์ลงห่วงสวยมากครับ! ทำคะแนนให้เอสเอ็มทิ้งช่วงห่างไปเลย”
ระหว่างที่ซอฮยอนเฝ้าสังเกตคนที่บอกยูริว่าไม่เป็นอะไรแต่กลับยกมือกุมข้อศอกข้างที่เคยบาดเจ็บด้วยความเป็นห่วง ใครบางคนก็เข้ามาสะกิดเรียกให้เธอหันไปมอง ..จองยงฮวามายืนอยู่ข้างๆด้วยสายตาที่เธอคาดเดาไม่ออกว่าเขาต้องการอะไร จนชายหนุ่มก้มลงมากระซิบชิดใบหูเธอ
“ขอพี่พูดอะไรด้วยหน่อยตอนนี้เลยได้หรือเปล่าครับซอ”
“แต่ว่า...” ซอฮยอนอึกอักเล็กน้อย เธอหันกลับไปมองยุนอาที่ยังอยู่ในสนามและหันกลับมามองยงฮวาอย่างลังเล
“นะครับ แป๊บเดียว”
ซอฮยอนพยักหน้ารับอย่างช่วยไม่ได้ จะหันไปบอกเพื่อนของเธอว่าเดี๋ยวเธอกลับมาคีย์ก็มัวแต่จับวงเม้าท์อยู่กับสองสาวทิฟฟานี่และเจสสิก้า หนำซ้ำยงฮวาก็ออกเดินนำเธอไปแล้ว ร่างบางจึงลุกขึ้นเดิมตามไปโดยไม่ได้บอกใครอย่างช่วยไม่ได้
“หมดเวลาควอเตอร์ที่สองกับโอกาสสุดท้ายของอาฟเตอร์สคูลครับ มัธยมเอสเอ็มยังนำอยู่ขาดลอยถึงยี่สิบเจ็ด ต่อ สิบสามแต้ม”
“อ่าวหมดเวลาแล้วหรอ อ้าว..ซอหายไปไหนอ้ะ?” คีย์หันหน้ากลับมาจากสองสาวรุ่นพี่ก็พบว่าเพื่อนสนิทของเขาไม่ได้นั่งอยู่ข้างๆ เฮ่ย..หายไปไหนหนีไปไหนไม่บอกกันเลย หันไปคุยนิดเดียวเองนะ
“ซอหายไปไหนคีย์” ประโยคแรกของยุนอาดังขึ้นมาก่อนเจ้าตัวจะดื่มน้ำเสียอีกเมื่อไม่เห็นร่างบางของเด็กแก้มยุ้ยที่ควรจะนั่งอยู่ที่เดิม
“เอ่อ..ปะ..ไปห้องน้ำมั้งครับพี่” เอ่ยปากตอบอย่างกล้าๆกลัวๆ ราวกับเกรงว่าจะถูกประหารชีวิตเนื่องจากทำเจ้าหญิงสุดที่รักขององค์ชายอิมหาย คิมคีย์บอมคนนี้ไม่เห็นไม่รู้เรื่องจริงๆนะอย่าว่ากันเลย
แต่อิมยุนอาก็เชื่อครึ่งหนึ่งแม้จะรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆพิกลเพราะซอฮยอนคงไม่หนีเธอไประหว่างการแข่งหรอก ก่อนเธอจะเข้าไปร่วมรับฟังแผนการของเกมส์จากโค้ชที่แม้ว่าจะนำอยู่ด้วยคะแนนที่มากกว่าแค่ไหนแต่ก็ขออย่าให้ลูกทีมได้ประมาทมากนัก
“ควอเตอร์ที่สามเริ่มขึ้นแล้วครับ นักกีฬากลับมาลงสนามพร้อมเปลี่ยนฝั่งบุกและมัธยมเอสเอ็มเป็นฝ่ายโยนลูกก่อนโดยแอมเบอร์ครับ .. -- แอมโยนข้ามฟากมาให้ฮโยยอนที่ส่งต่อให้ยูริบุกขึ้นไป ยูริโดนดักไว้ครับ ส่งต่อให้ยุน.. อ้าวยุนอาโดนกาฮีตัดเกมส์ง่ายๆครับ”
ความผิดพลาดครั้งแรกทำให้ยุนอารีบยกมือขอโทษพวกพี่ๆ แต่มันกลับไม่ใช่ครั้งสุดท้ายเมื่อยุนอาเริ่มส่งลูกไม่ตรงเพื่อนร่วมทีมสักครั้ง และเวลาใครส่งลูกมาให้เขาก็ถูกตัดเกมส์เป็นเหตุให้เสียคะแนนหลายต่อหลายครั้ง ทีมคู่ตรงข้ามตีตื้นคะแนนขึ้นมา จนโค้ชหนุ่มข้างสนามต้องขอเวลานอก
“เกิดอะไรขึ้นยุน แกเจ็บแขนหรอ” ซูยองวิ่งเข้ามาถามเพื่อนที่เดินคอตกกลับข้างสนาม แต่ยุนอากลับส่ายหน้าช้าๆเฝ้ามองไปยังที่นั่งของซอฮยอน ..เด็กคนนั้นยังไม่กลับมาเลย ถ้าไปแค่ห้องน้ำนี่มันก็นานเกินไปแล้วนะ ..
“พี่แทลงแทนหน่อยสิ ยุนพักก่อนดีกว่า” เอ่ยปากบอกกับรุ่นพี่ตัวเล็กที่พอจะเข้าใจว่าอารมณ์ไม่ปกติของเธอ เมื่อนกหวีดของกรรมการดังขึ้นสิ้นสุดการขอเวลานอก ร่างเล็กๆของแทยอนก็ลงสนามแทนอิมยุนอา
แม้การมีแทยอนลงไปแทน รูปเกมส์จะไม่ได้ออกมาดีมากนักแต่อย่างน้อยก็ดีกว่าช่วงขอเวลานอกที่ยุนอาเริ่มเสียสมาธิ จนกระทั่งเวลาของควอเตอร์ที่สามหมดด้วยคะแนนที่ทีมของเธอทิ้งช่วงห่างให้พอหายใจหายคอได้สะดวกบ้าง แต่ยุนอากลับไม่ได้ดีใจเมื่อซอฮยอนก็ยังไม่กลับมา ..
“จะไปตามก็ไป ไม่ต้องห่วงทางนี้หรอก” กัปตันควอนยกมือขึ้นตีไหล่รุ่นน้องเบาๆอย่างเข้าใจ
“พี่ยุนอาครับ ถ้าไม่ใช่ที่ห้องเรียนก็น่าจะเป็นห้องชมรมดนตรี เดี๋ยวผมจะช่วยไปตามด้วยครับ” คีย์เดินเข้ามาบอกด้วยสีหน้าสำนึกผิดที่ไม่ได้เฝ้าดูซอฮยอนให้ แต่จริงๆแล้วอีกเหตุผลหนึ่งคือเขากลัวยุนอาอาละวาดใส่มากที่สุด
ยุนอาพยักหน้ารับก่อนจะออกจากสนามการแข่งขันที่เสียงนกหวีดดังเพื่อเริ่มควอเตอร์ที่สุดท้าย เธอกับคีย์แยกกันไปคนละทางโดยคีย์จะไปทางห้องเรียนของเขา ส่วนยุนอาก็ออกวิ่งไปทางห้องชมรมดนตรีที่ระหว่างทางนั้นไร้ผู้คนทั้งครู เด็กนักเรียน และภารโรง อาจจะเป็นเพราะทุกคนพากันไปรวมอยู่ที่สนามบาสเก็ตบอลหมดก็ได้
“...นี่ซอกำลังปฏิเสธพี่ใช่ไหม”
“ขอโทษค่ะพี่ยงฮวา แต่ซอไม่ได้คิดกับพี่แบบนั้นจริงๆ ..”
บทสนทนาของใครสองคนฉุดให้ยุนอาไม่วิ่งต่อไปหลบอยู่หลังมุมตึก เด็กประถมอิมหยุดหายใจหอบเล็กน้อยเพราะระยะทางจากสนามมาถึงหน้าห้องชมรมดนตรีนี่ก็ไกลพอสมควร แต่มันก็คุ้มค่าที่ทำให้เธอได้เจอซอฮยอน..แม้ว่าซอฮยอนกำลังยืนพูดกับใครบางคนอยู่ก็ตาม
“งั้นแสดงว่า..ข่าวลือว่าซอกำลังคบกับอิมยุนอาคงจะจริงใช่ไหม”
ความเงียบของซอฮยอนทำให้เสียงรอบๆตัวพลอยเงียบตามไปด้วย ไม่มีแม้แต่เสียงเดินหรือเสียงพูดคุยของใคร เงียบจนเหมือนกับว่าไม่มีใครเหลืออยู่ในโรงเรียนเลย
“..ซอรักอิมยุนอาหรอ” ยงฮวาป้อนคำถามที่ทำร้ายจิตใจของตัวเขาเองอีกครั้งเมื่อร่างบางไม่ยอมตอบ ที่เขากล้าสารภาพความรู้สึกกับเธอเพราะเขาเห็นข่าวลือและรูปภาพนั่นหลังมากมายหลังจากวันที่เขาที่ทำได้เพียงเฝ้ามองอิมยุนอามอบดอกไม้ให้ซอฮยอนอยู่หลังเวที
และวันนี้..เมื่อเขาไม่เจอซอฮยอนไปซ้อมเปียโนจึงลองมาตามหาที่สนามบาสเก็ตบอลแล้วเขาก็ได้พบเธอ..อยู่กับอิมยุนอา.. ภาพนั้นมันทำให้เขาเจ็บปวดจนตัดสินใจพาตัวร่างบางออกมาที่นี่เพื่อขอเธอคบ.. แต่ซอฮยอนก็ปฏิเสธเขา..
“ซอได้ยินที่พี่ถามหรือเปล่า”
ไม่ใช่แค่ยงฮวาที่รอคอยกับคำตอบที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้ฟัง แต่คนที่ถูกกล่าวถึงอย่างอิมยุนอาก็เฝ้ารอเช่นกัน ..
ยอมรับว่าไม่เคยมีคำว่ารักหลุดออกจากปากของทั้งตัวเองและซอฮยอนเลยสักคำ หนำซ้ำเขาเองก็ไม่เคยขอซอฮยอนคบกันเลยสักครั้ง.. รู้แค่ว่าตั้งแต่การแสดงเปียโนวันนั้น..เขากับเธอก็ตัวติดกันเสียยิ่งกว่าเก่า พูดให้ถูกคือเขาติดเด็กร่างบางแก้มยุ้ยคนนั้นมากกว่า
“ซอฮยอน.. ”
“ค่ะ ซอรักพี่ยุน ..เราสองคนกำลังคบกันอยู่”
คำตอบจากซอฮยอนให้ความรู้สึกที่แตกต่างระหว่างคนสองคน ใครคนหนึ่งที่รู้สึกราวกับถูกกรีดซ้ำเข้าที่หัวใจหลังจากการถูกปฎิเสธไม่พอ ยังต้องมารับฟังว่าคนที่เขาแอบรักนั้นรักอยู่กับคนอื่น .. กับใครอีกคนที่ได้ฟังแล้วรู้สึกดี ดีอย่างบอกไม่ถูก ยุนอาอย่างเดินตรงเข้าไปกอดซอฮยอนเสียเดี๋ยวนั้นเลย
“ครับ พี่เข้าใจแล้ว” จองยงฮวาเบือนหน้าหนีจากใบหน้าของรุ่นน้องที่เขาเฝ้าแอบรักเธอมานาน แต่ซอฮยอนกลับไม่เคยคิดจะเปิดใจให้เขา เขาพ่ายแพ้ให้กับอิมยุนอาที่เข้ามาในชีวิตของหญิงสาวเพียงช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้นเอง ..
ยงฮวาเดินจากไปแล้วแต่ซอฮยอนยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เธอรู้สึกผิดที่ปฎิเสธผู้ชายดีๆอย่างเขา รู้สึกผิดกับการกระทำของเธอที่ดูเหมือนจะให้ความหวังชายหนุ่มมาตลอด หากสุดท้ายแล้วก็กลับมาบอกว่าเธอไม่ได้รักเขา..เหมือนที่เธอรักอิมยุนอา..
มือของใครบางคนที่เข้ามาจับมือบางของเธอเอาไว้ทำเอาซอฮยอนตกใจเกือบสะบัดมือทิ้ง แต่เมื่อหันไปมองแล้วได้รู้ว่าคนคนนั้นเป็นใครเธอกลับยอมปล่อยให้เขากอบกุมมือตัวเองแต่โดยดี
“มากับพี่สิ..”
อิมยุนอาแทบจะไม่ต้องออกแรงดึงร่างบางก็เดินตามเขาไปเรื่อยๆแม้ไม่รู้ว่าเขาจะพาเธอไปไหน ..ซอฮยอนได้แต่ก้มลงมองปลายเท้าตัวเองสลับกับมือบางที่อยู่ภายใต้การดูแลจากมืออุ่นๆของเขา.. แม้จะคิดไม่ตกว่าเขามาตามหาเธอทำไม เขามาตั้งแต่เมื่อไหร่ และเขาได้ยินอะไรบ้าง..
หญิงสาวทั้งสองคนลงจากตึกเรียน เดินเรื่อยมาจนหยุดอยู่ที่สวนหย่อมเล็กๆหลังโรงเรียนที่ไม่มีวี่แววของนักเรียนคนไหนเหมือนกับส่วนอื่นๆยกเว้นสนามบาสเก็ตบอลที่กำลังมีการแข่งขันครั้งสำคัญนั่นอยู่ ซอฮยอนมองไปรอบๆกายและหยุดสายตาอยู่ที่ต้นไม้ประจำโรงเรียนต้นใหญ่สูงเท่าตึกสามชั้น ..ยุนอาพาเธอมาที่นี่ทำไมนะ ..
“ถ้าวันนี้มีคนมาสารภาพความรู้สึกกับเธอถึงสองคน เธอจะรับไหวหรือเปล่า” ยุนอาเอ่ยปากพูดขึ้นมา ก่อนจะหันมาสบตากับร่างบางของเด็กคนที่เคยสวมใส่แว่นตากรอบหนาบดบังใบหน้าน่ารัก ใบหน้าเดียวกันกับที่เธอกำลังเฝ้ามองด้วยสายตาที่ไม่ต่างจากเมื่อครั้งที่ได้เห็นเป็นครั้งแรก
“พี่ยุน..หมายความว่าไงคะ?” กับประโยคอ้อมไปอ้อมมาแค่นั้น ถ้าเป็นคนอื่นพูดซอฮยอนอาจจะเข้าใจได้ง่ายๆ แต่กับอิมยุนอาเธอกลับไม่เข้าใจ
“ซอ.. คบกับพี่ได้มั้ย” ยุนอาพูดประโยคที่จริงจังที่สุดในชีวิต ประโยคที่เขาไม่เคยพูดกับใครมาก่อน และไม่คิดด้วยว่าหากไม่ได้มาได้ยินสิ่งที่ยงฮวาบอกกับซอฮยอนในวันนี้ เขาจะมีความกล้าขนาดนี้หรือเปล่า
“พี่ยุน .. ”
“มันอาจจะดูเร็วไปถ้าพี่จะบอกว่ารัก แต่ทุกอย่างที่ผ่านมาช่วงระยะหลังมันทำให้พี่มีความสุข ซอทำให้พี่รู้สึกดี..พี่ไม่รู้ว่าซอรู้สึกแบบเดียวกับพี่หรือเปล่า แต่พี่ก็ไม่บังคับซอหรอกนะ.. ถ้าซอไม่ชอบ พี่ก็ขอโทษ..” จากคนที่เคยมีความมั่นใจและไม่กลัวว่าใครจะทำอะไรไม่ว่าเขาจะพูดอะไรออกไปดีหรือไม่ดีแค่ไหน แต่ไม่ใช่กับร่างบางตรงหน้า..
ยุนอากำลังกลัว..กลัวว่าซอฮยอนจะไม่ชอบ.. เขาเข้าใจความรู้สึกของยงฮวาดีพอ คำที่สาวเจ้าบอกกับชายหนุ่มว่ารักตัวเองอาจจะเป็นแค่คำบอกปัด ซอฮยอนอาจไม่ได้คิดอะไรกับเขาก็ได้ ..
ทำไมถึงกลัวอะไรขนาดนี้นะ..
มือบางยกประคองแก้มของคนขี้กลัวชั่วขณะให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเธอ ถึงยุนอาจะแปลกใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ สายตาเลื่อนลงต่ำเฝ้ามองริมฝีปากที่ฉายรอยยิ้มเบาบางของเด็กแก้มยุ้ย
“ถ้าซอบอกว่าซอไม่ได้ชอบพี่ยุนเลยสักนิด..พี่ยุนจะทำยังไงคะ?”
“ก็..” ดวงตาของยุนอาผลุบลงต่ำฉายแววเศร้าออกมาอย่างชัดเจน เขากำลังจะถูกซอฮยอนปฏิเสธงั้นหรอ “..พี่คงไม่ว่าอะไรหรอก ก็คงจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม”
ซอฮยอนยิ้มขำในท่าทีหมดความมั่นใจของรุ่นพี่จอมเอาแต่ใจและไม่เคยยอมใคร ตอนนี้ยุนอาทั้งหงอยทั้งจ๋อยจนไม่มีแรงไปปากเสียใส่คนอื่นแล้วล่ะ
“แล้วถ้าซอบอกพี่ยุนว่าซอตกลงจะคบกับพี่ยุน..พี่ยุนจะทำยังไงคะ?”
“ซ..ซอจะคบกับพี่จริงๆหรอ? จริงๆใช่มั้ย” จากอาการเศร้าๆถูกเปลี่ยนจากหลังมือพลิกกลับมาเป็นหน้ามืออย่างไว เหมือนเด็กตัวเล็กๆที่พ่อแม่ยอมตกลงซื้อของเล่นให้หลังจากลงทุนงอแงหน้าร้านขายของเสียนาน มือของยุนอายกขึ้นกุมมือบางของซอฮยอนที่ยังประคองแก้มเธอไว้
“ซอแค่สมมติเองนะพี่ยุน”
“ไม่รู้ล่ะ ซอตอบตกลงแล้ว ซอเป็นแฟนพี่แล้วนะ” เกิดอาการมัดมือชกกันดื้อๆ แต่เธอไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองขนาดนั้นหรอกนะ แค่รู้อยู่ดีว่ายังไงซอฮยอนก็ต้องตอบตกลงต่างหากเล่า
“ค่ะ เด็กประถมจอมหลงตัวเอง” ทันทีที่ซอฮยอนพูดจบ ร่างบางก็เข้าไปอยู่ภายในอ้อมกอดของเด็กประถม ยุนอารวบตัวซอฮยอนมากอดไว้แน่นอย่างรู้สึกดี และรู้สึกดีมากขึ้นไปอีกเมื่ออีกฝ่ายกอดเธอตอบ
... ซอฮยอนอา..เธอน่ารักจริงๆ ...
“ซอ ที่เรายืนอยู่นี่คือใต้ต้นไม้” หลังจากกอดร่างบางจนพอใจ ยุนอาก็ค่อยๆผละอ้อมกอดออกช้าๆด้วยรอยยิ้มหากยังไม่ยอมละกายไปไหนจึงกลายเป็นว่าเขากำลังโอบรอบเอวบางไว้อยู่
“ใต้ต้นไม้ แล้วยังไงคะ?”
“พี่เป็นคนรักเธอแล้ว” สิ้นคำพูดสั้นๆได้ใจความแต่ไม่มากพอให้เข้าใจ ซอฮยอนยกมือขึ้นดันไหล่รุ่นพี่ตัวดีก่อนที่ระยะห่างระหว่างใบหน้าของพวกเธอจะน้อยไปกว่านี้
“พี่ยุนจะทำอะไร..”
“พี่จะจูบซอไง”
คราวนี้ยุนอาไม่รอให้ริมฝีปากเรียวบางของซอฮยอนว่างพอจะค้านอะไรเขาได้อีก .. จูบแรกเพียงแผ่วเบาระหว่างพวกเธอทั้งคู่ ไม่หวือหวาร้อนแรง หากแผ่วเบาและเนิ่นนานให้หัวใจดวงน้อยได้ซึมซับความรู้สึกดีๆที่มีต่อกัน ..
และให้ซอฮยอนได้รู้ ว่าจูบของคนปากเก่งอย่างอิมยุนอาน่ะ มันเป็นยังไง ..
“คีย์ ไปตามซอฮยอนมาทีสิ เห็นไปห้องน้ำนานแล้วช่วยไปดูทีว่าเป็นอะไรหรือเปล่า” คุณครูคยูฮยอนพูดขึ้นมาหลังจากเงยหน้าขึ้นจากแฟ้มงานของเขา เมื่อรอนานเท่าไหร่เด็กนักเรียนคนโปรดที่ขอตัวไปห้องน้ำและควรจะกลับมาได้แล้วยังไม่มาเสียที
“ซอบอกว่าไปนานหน่อย เดี๋ยวก็คงมาแล้วมั้งครับอาจารย์” คีย์ตอบครูหนุ่มตามที่เพื่อนสนิทของเขาบอกมา แต่ทั้งสองคนไม่รู้หรอกว่าจริงๆแล้วซอจูฮยอนไม่ได้ไปเข้าห้องน้ำอย่างที่พูด ..
แต่ร่างบางมาพาตัวเองมาหยุดอยู่ที่ข้างสนามบาสเก็ตบอลที่กำลังมีการแข่งขันอยู่ต่างหาก ..
“ -- ยุนอาล้มลงไปนอนกับพื้นซะแล้วครับ สุดท้ายต้องเดินออกไปนั่งข้งสนามครับเพราะดูท่าทางจะเล่นต่อไม่ไหว มีทีมแพทย์ช่วยเข้ามาปฐมพยาบาลที่แขนอยู่.. -- ”
เสียงประกาศจากผู้บรรยายประจำสนามแข่งทำเอาเด็กหญิงแว่นหนาเตอะข้างสนามดูไม่เป็นสุขเอาเสียเลย แต่เธอคงทำได้แค่ยืนมองคนที่กัดฟันให้ทีมแพทย์ปฐมพยาบาลให้อยู่ไกลๆ เธอเข้าไปหาเขาไม่ได้หรอก..ถึงเธอจะรู้จักเขา แต่เขาไม่รู้จักเธอเลยด้วยซ้ำ .. หวังว่าพี่จะไม่เป็นอะไรมากนะ พี่ยุนอา ..
“นี่น้อง! เก็บลูกให้หน่อยสิ”
ซอฮยอนตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อลูกบาสเก็ตบอลกลิ้งมาหยุดอยู่ที่ปลายเท้าเธอ และใครคนที่ตะโกนบอกให้เธอช่วยเก็บบอลขึ้นมานั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น นอกเสียจากคนที่เธอตั้งใจจะมาแอบดูเขา ..
“น้องนั่นแหละ มองหาใครอีกล่ะ แว่นที่ใส่มีไว้อ่านแต่หนังสือหรือไงจนมองไม่เห็นลูกบาสน่ะ” ดูเหมือนว่าเธอจะแสดงท่าทีเลิ่กลั่กออกไปมากพอสมควรเลยทีเดียว อายก็อายแต่จะให้เดินหนีไปเลยก็ไม่ได้ จึงจำใจก้มเก็บลูกบอลหนักๆขึ้นมาและโยนไปทางเขาเต็มแรงเพราะกลัวจะไม่ถึง
แต่กลับกลายเป็นว่ามันกระแทกหน้าผากเขาอย่างจังเลย..โอ้ย ซอจูฮยอน ทำไมเธอถึงเป็นคนแบบนี้นะ..
หลังจากเดินผ่านห้องเรียนของอิมยุนอา..แต่เท่าที่มองเข้าไปภายในห้องเรียนกลับไม่พบร่างของเขาอยู่ข้างในห้องโดยเฉพาะโต๊ะนั่งประจำของเขาเลย หรือว่าเขาอาจจะเจ็บหน้าผากจนปวดหัวนอนซมไม่สบายมาโรงเรียนไม่ได้กันนะ
เพราะมัวแต่เหม่อจนเดินไม่ดูทางร่างบางจึงสะดุดกับพื้นต่างระดับแสดงความซุ่มซ่ามออกมาจนแว่นตาหลุดออกจากใบหน้าจนใครบางคนเดินมาชนเธอที่กำลังควานมือหาแว่นตาเข้าให้อย่างจัง ใครคนนั้นร้องโวยวายซะดังลั่นแถมยังปากเสียว่าเธออีก
แม้จะมองเห็นใบหน้าของเขาไม่ชัดนักด้วยสายตาที่สั้นผิดปกติ และเธอก็ไม่อาจแน่ใจได้ว่าเขาคือใครจนรุ่นพี่ยงฮวายื่นแว่นมาให้และได้รู้ว่าเขาคืออิมยุนอา ..
ทั้งเขินทั้งอายจนไม่กล้าสู้หน้าเขาอีกแล้ว ..
แต่สุดท้ายดูเหมือนเธอจะหนีโชคชะตาของตัวเองไม่พ้น ..
ในเย็นวันเดียวกันกับเหตุการณ์เมื่อเช้า เธอทำให้เขาถูกสันหนังสือเล่มโตตกใส่กลางศีรษะ แถมยังตกใจจนปล่อยกองหนังสืออีกจำนวนมากใส่เท้าของเขาอีก และตอนนี้เธอก็เดินเลี่ยงออกมาเพื่อหยิบยาไปนวดแผลให้เขา
เธอไม่รู้ว่าเพราะใครที่ทำให้เขาได้มาพบกับเธอทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เธอทำได้เพียงเฝ้ามองเขาจากที่ไกลๆเท่านั้น แต่ซอฮยอนก็อยากขอบคุณ ขอบคุณที่ทำให้เธอได้ใกล้ชิดกับอิมยุนอา แค่นี้เธอก็มีความสุขอย่างบอกไม่ถูกเลยล่ะ ..
แป๊ะ!
“โอ๊ย มาตีเหม่งยุนทำไมอ่ะไอพี่ลิง” ยุนอายกมือขึ้นลูบเหม่งป้อยๆแบะปากอย่างกับจะร้องไห้ให้ได้ เอะอะเดี๋ยวก็ดีดเกี๋ยวก็ตี ถ้าโง่ลงเมื่อไหร่จะโทษพี่ยูริ!
“ก็เรียกตั้งนานแล้วไม่ตอบ ไปสอนไอคุณแทมันเลี้ยงลูกหน่อยดิ๊” ยูริชี้นิ้วไปทางคุณเพื่อนตัวเล็กที่แม้ว่าจะลงสนามถึงสองครั้ง ลงซ้อมไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแต่มันก็ไม่เคยทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยสักที
“พี่แทอยากเลี้ยงลูกก็ไปบอกพี่ฟานี่เด่ะ เกี่ยวอะไรกับยุนเล่า”
“แกกวนประสาทฉันไอยุน ตายซะ” ยกขาขึ้นหวังจะถีบส่งรุ่นน้องจอมเกรียนให้มันกระเด็นไปติดข้างฝา แต่อย่างยุนอาน่ะหรอจะยืนอยู่เฉยๆให้ยูริทำอย่างนั้น
“ซอออ ไอพี่ลิงมันแกล้งพี่อ่ะ” วิ่งถลาเข้าไปกอดสุดที่รักที่นั่งอยู่ข้างสนามกับบรรดาแฟนของพวกพี่ๆอีกสองคน เธอนั่งมองพี่ยูริกับพี่แทยอนออดอ้อนคนรักมาหลายต่อหลายครั้งแล้วนะ คราวนี้ถึงตาอิมยุนอาบ้างล่ะ ..
“เกรียนมากก สู้ไม่ได้แล้ววิ่งไปฟ้องเด็กก” แทยอนวิ่งเข้ามาผสมโรงช่วยยูริแกล้งเจ้าเด็กเหม่ง หมั่นไส้มานานตั้งแต่มันมีแฟน แกล้งนิดแกล้งหน่อยไม่ได้เป็นต้องวิ่งเข้าไปฟ้องซอฮยอน มันน่าปาลูกบอลกระแทกหน้าผากอีกสักทีสองที
“พี่แทพี่ยูล! ยู อาร์ โซ คิวท์! ( you are so cute! ) ”
“หะ!?” งงกันทั้งหมาทั้งลิง เราแกล้งมันแต่มันชมเราว่าน่ารักมาก อ่าวมันยังไงกัน?
“งงอะไรอ่ะ คิวท์ที่แปลว่าบ้าไง”
End.
โอ้เย จบไปอีกเรื่องนึงแล้วค่ะ 55555555555
เหลือยูลสิกอีกเรื่องนึงเนอะ ขอคิดก่อนว่าจะเอาเพลงไหนดี
ที่แลดูฟิตมากเพราะอยากแต่งให้จบก่อนเปิดเทอม เพราะถ้าเปิดเทอมคงแต่งไม่ได้ T^T
เลยนั่งอยู่หน้าคอมมันทั้งวันจนโดนแม่ดุ แง้ .. -.-
ขอบคุณที่ติดตามเรื่องปากเก่งเรื่องนี้อีกเรื่องนึงนะ
บางตอนมันก็มาจากชีวิตจริงๆของเราเนี่ยแหละ ตอนแรกไม่มีสักคำที่มาขอคบ สุดท้ายก็มาขอคบทีหลัง
(นินทาเด็กตัวเอง เพราะมันไม่เข้ามาอ่านฟิคเรา 55555 )
ไปแล้วค่ะ ฟิ้วว
ผลงานอื่นๆ ของ kiddevil16 ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ kiddevil16
ความคิดเห็น