ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (FIC BLOCK B & WINNER) PINK TO GRAY {COYOON} #REWRITE

    ลำดับตอนที่ #14 : 11 กำลังใจที่ต้องใช้ใจแลกมา

    • อัปเดตล่าสุด 20 ก.พ. 59


    กำลังใจที่ต้องใช้ใจแลกมา

     

     

     


     

     

                    อ่าล์ วันนี้เป็นวันที่คัง ซึงยุนรู้สึกและสัมผัสได้ว่าฮอตกว่าอู จีโฮจริงๆจังๆแล้วล่ะ ก็ไม่ได้ตั้งใจจะเปรียบเทียบกับคนๆนั้นแต่ฟิคเรื่องนี้มันดันถูกกล่าวว่าจีโฮนั้นช่างเนื้อหอมเหลือเกินและเป็นสิ่งที่ซึงยุนรับไม่ได้อย่างรุนแรง อะไรกัน ไหนบอกว่าพวกเขาหน้าเหมือนกันแต่ดันเป็นจีโฮคนเดียวที่ถูกกรี๊ดกร๊าดในหมู่สาวๆ

                    ช่างมันเถอะครับ นี่น้องยุนบอกเลยว่าตอนนี้หัวกระได(ทางขึ้นห้องพัก)ไม่แห้งเลยจริงๆ เก๊กจนไม่รู้จะเก๊กท่าไหนละ หมุนหาคนขอเซลฟี่ด้วยแทบคอเคล็ด การันตีความฮอตของน้องได้รึยัง เชื่อรึยังว่าห้อยน้องก็ไม่แพ้ใคร

    ทำท่าทำทางขอตัวเหมือนดาราใหญ่ก่อนจะแหวกฝูงชนเหล่าประชาเกิร์ลทั้งหลายลงมาจากตึกตั้งใจชวนโซฮยอนไปเดินเล่นที่งานด้วยกันแต่เจ้าตัวกลับปฏิเสธบอกว่าขอทำสมาธิสุดท้ายเลยปล่อยให้เขาลงมาคนเดียว

    พอลงมาเท่านั้นแหละถึงรู้เลยว่าสนามบอลตรงหน้าเขานั้นมันเริ่มวุ่นวายกว่าเมื่อเช้านี้มาก ก็จริงที่งานเริ่มสี่โมงเย็นแต่ตลอดทั้งวันนี้เขายังไม่เห็นมันสงบซักที.. มีคนวิ่งถือของไปมา บ้างก็ยังคงตกแต่งซุ้ม บ้างก็ทยอยเอาของมาขาย มองเห็นเวทีอยู่ไกลๆตรงกลางสนามบอลแล้วในใจก็เต้นโครมครามแข่งกับเสียงทดสอบไมค์

    “ซึงยุน! กำลังจะขึ้นไปหาพอดี”

    “อ่าวแทฮยอน ไม่ไปช่วยเค้าจัดซุ้มไง้?”

    “ขออู้แปปดิ” เพื่อนสนิทที่อมจูป้าจุ๊บไว้ในปากตอบด้วยน้ำเสียงไม่ชัดเจนเท่าไหร่ก่อนจะโอบรอบคอแล้วยื้อตัวเขาให้เดินตามไปซึ่งซึงยุนเองก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร

    มองดูร้านขายของที่วางเรียงรายอยู่บนพื้นด้วยความสนอกสนใจ ส่วนมากก็เป็นของทำมืออะไรประมาณนั้นแน่นอนว่าโดยส่วนใหญ่คนขายนั้นก็หนีไม่พ้นเด็กอาร์ตสายครีเอตน่ะแหละ

    “เห้ย! อยากได้อ่ะ” หันตามเสียงตื่นเต้นของแทฮยอนก่อนที่เจ้าตัวจะถลาไปนั่งยองๆหยุดที่ร้านขายต้นกระบองเพชรที่พีคสุดคือกระถางของร้านนี้มันเท่มากๆเพราะมันไม่ใช่กระถางดำๆธรรมดาที่เราเห็นทั่วไปแต่มันทำขึ้นมาจากหินและไม้แกะสลัก

    “พี่ๆ ซื้อของหน่อย” แทฮยอนกวักมือเรียกผู้ชายคนนึงที่หันหลังให้.. และทันทีที่พี่ตัวดำแสนคุ้นหน้าคุ้นตานั่นหันมาน้องยุนกับแทฮยอนนี่แทบลุกออกไปซื้อร้านอื่น โอเค ซึ้ง..

    “อร้ายย น้องหมวย น้องทอม มาดูของร้านพี่หรอจ้ะ” คงรู้ใช่มั้ยว่ามันเป็นใคร..

    “เอ่อ..พี่ขายนี่หรอ” แทฮยอนถามออกมาด้วยความไม่รู้ปะปนด้วยความแปลกใจ ทั้งๆที่ตัวเองก็ไปนอนกับมินโฮแต่ไม่ยักกะรู้ว่าอีกฝ่ายขายของมุ้งมิ้งฟุ้งเฟ่อกับเขาด้วย

    “เปล่า มีคนฝากพี่ไว้อ่ะแต่ถ้าเราจะซื้อเดี๋ยวพี่ให้ฟรีเลย!” บ้าหน่า..

     

    เลือกสิฮร่ะรอไรอยู่ 5555555555555555555555555555555555555555

     

    “สองต้นได้ป่ะพี่” ซึงยุนต่อรอง เอาตรงๆถึงบ้านจะค่อนข้างมีฐานะแต่ใครๆก็ชอบของฟรีทั้งนั้นแหละใช่มั้ย ..น้องยุนก็แอบเห็นใจพี่โนแต่น้องยุนทำได้แค่ภาวนาว่าหลังจบฟิคเรื่องนี้แล้วให้พี่โนไปเก็บเงินกับคนอ่านละกัน

    “สำหรับน้องหมวยนี่พี่ให้ได้เสมอจ้า”

    “เยี่ยม!

    “พี่จะซื้อให้ก็ได้นะแต่มีข้อแม้อย่างนึง.............”

     

    “ข้อแม้อะไ--/เชี่ย อย่าไปฟังมัน” ไม่ทันได้ให้เขาได้ทราบถึงข้อแม้นั่นแทฮยอนของเขาก็ขัดขึ้นมาก่อนแถมยังชี้หน้าคาดโทษซง มินตุ๊ดในเรื่องอะไรเขาก็ไม่สมารถทราบได้ “หยุดเลยไอ่ดำ”

     

     

     

    สรุปเขาและแทฮยอนได้กระบองเพชรที่ถูกใจมาคนละต้นแบบไม่ต้องเสียตังค์แค่ใช้มารยา เอ้ย ลูกอ้อนนิดหน่อยพี่แกก็ยอมจ่ายตังค์แทนละ ขอยกตำแหน่งคนดีศรีประจำฟิคชั่นให้เลยครับ

    เดินดูของกับแทฮยอนจนแทบเหมาร้านได้ซักพักก็ตบท้ายด้วยการมานั่งดูดนมเย็นกันใต้ตึกมองภาพบรรยากาศของงาน ตลอดทางนี่บอกเลยว่าซึงยุนฮอตมากเพราะด้วยการแต่งตัวที่ไม่ใช่ชุดนักเรียนเหมือนทุกวัน หรือด้วยผมที่เซตมากกว่าปกติ หรืออะไรก็ตามทำให้เขาได้ของฟรีแลกกับการถ่ายรูปจากพี่ๆป้าๆน้องๆที่มาขายของจนล้นมือ.. ไม่ใช่แค่ทำหล่อไปวันๆอย่างเดียวแต่น้องยุนก็แอบโปรโมตวงด้วยนะ เป็นไง หล่อแล้วยังมีประโยชน์แถมอร่อยด้วยนะ อิ_อิ

    “แหม่ แต่งตัวแค่นี้ฮอตใหญ่เลยนะเรา”

    “แน่นอนว่ะ” หันไปยักคิ้วข้างนึงให้กับแทฮยอนด้วยความมั่นหน้าแรง

    “เออจะไปละ ขึ้นวงที่เท่าไหร่อ่ะ” อีกฝ่ายลุกจากเก้าอี้พลางหันมาถาม

    “สิบสอง”

    “เดี๋ยวตามไปโดด ไปช่วยงานพี่ๆเค้าที่ซุ้มละบาย”

    “เออไว้เจอกัน”

     

     

     

    งานเริ่มแล้ว..

    ใครบอกน้องยุนไม่ตื่นเต้นนี่คงคิดผิดแล้ว เสียงพิธีกรหน้าเวทีทำเอาใจหลุดออกมา ก้มมองดูมือที่ชื้นเหงื่อของตัวเองแล้วได้แต่คิดว่าวันนี้จะทำได้ดีรึเปล่า นี่เป็นเวทีแรกสำหรับเขาในฐานะฟอนต์แมนและยังเป็นเวทีร่วมกับแบนด์จะไม่ให้ตื่นเต้นได้ไงกัน.. มองซ้ายหันขวามีแต่รุ่นพี่ที่น่าจะเก่งกันทั้งนั้นนั่งเช็คสายกีต้าร์ เบส วอร์มเสียงกันเต็มไปหมด

    ก่อนหน้านี้วงของพี่รหัสแอบมาข่มเล็กน้อยแต่วงเราก็มีหัวหน้าวงที่ขี้อวดไม่แพ้ใครเหมือนกันกว่าจะสงบศึกกันเล่นเอาคนหลังเวทีนี้หันมาให้ความสนใจและลงพนันกับทั้งสองวงนี้อยู่ไม่น้อยว่าระหว่าง The Grayish ที่เป็นตำนานกับ I-Scream ที่กำลังมาแรงในปีนี้ใครจะคว้าชัยชนะไป

     

    “ใจเย็นๆครับหนู”

    “ไม่ไหวว่ะพี่โคตรตื่นเต้น”

    ไม่รู้ไอ่ความมั่นใจตอนก่อนงานเริ่มมันหายไปไหนหมด มองหน้าหัวหน้าวงแล้วยิ่งตื่นเต้นและดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้สึกได้เลยเรียกทั้งวงมารวมตัวกัน

    “เล่นให้เหมือนที่ซ้อม สนุกกับมันก็พอ”

    “ถึงจะแพ้ก็ไม่มีใครตาย แพ้แม่ งไม่น่าเสียใจเท่าพวกมึงไม่สนุกกันบนเวทีหรอกจริง” เขาพยักหน้ารับหลังจากที่พวกเรากอดคอกัน มองสายตาของคนทั้งวงที่ส่งกำลังใจมาให้กันและกันอย่างสัมผัสได้ก่อนที่พวกเราจะบูมข่มขวัญวงรอบๆซักเล็กน้อย

    ขอให้เวทีแรกของเขามันผ่านไปด้วยดี

    เสียง MC ประกาศการแสดงวงแรกดังขึ้นทุกคนเลยไปออกันที่ข้างเวทีเพื่อชมการแสดง วงเปิดเป็นวงของปี 2 ซึ่งแน่นอนว่าปีที่แล้วก็ลงแข่งเหมือนกันเห็นคนเก่าคนแก่ของวงเขาว่าอย่างนั้นนะ..  ไอ่ตื่นเต้นก็ตื่นเต้นแต่พอเพลงขึ้นเท่านั้นแหละน้องยุนโดดไปกับเขาอย่างไม่คิดชีวิตเลย

    “ไอ่หมาตัวไหนมันตื่นเต้นเมื่อกี้วะ” ส่งตาขวางไปให้มือเบสหน้าตายของวงแล้วหันมาสนใจกับเพลง Rock Shit กับวงตรงหน้า โอ้ยมันมันส์ครับ ณ จุดๆนี้

    “อย่าโดดมากค่ะคุณนักร้องนำเดี๋ยวได้เป็นลมก่อนขึ้นแข่ง” โซฮยอนพูดกับเขาเชิงล้อเลียนแต่ก็โยกๆไปตามเพลงเหมือนกัน

    โอ้ย ชักอย่างขึ้นเล่นซะละ!!

     

     

     

    อู จีโฮในสภาพกึ่งเป็นกึ่งตายโดดไปกับคอนเสิร์ตที่พึ่งเริ่มจนลืมไข้ หายใจหอบจนต้องออกมาสูดอากาศนอกวงล้อมของฝูงชนที่เบียดกันเพื่อให้เข้าใกล้เวที ตั้งใจจะเดินไปซื้อน้ำเปล่าซักขวดแต่เพราะของที่ขายระหว่างทางมันช่างดึงดูดใจซะเหลือเกิน

    บรรยากาศในงานเริ่มคึกคักตั้งแต่เริ่มคอนเสิร์ต เหนือโต๊ะขายของมีไฟสีส้มถูกห้อยยาวระย้ามาถึงศูนย์กลางอย่างเวทีนี้ มองไปที่งานประติมากรรมไอ่กีต้าร์กว่าร้อยตัวในกรงใหญ่ที่ถูกแปะด้วยป้ายชื่องาน ‘Noise Market #15’ อีกทีด้วยความแสนภาคภูมิใจ หายเหนื่อยทันทีเมื่อเห็นคนพากันมายืนออถ่ายรูปกับมันเป็นจำนวนมาก

     

    เดินไปซักพักก็ย่อตัวลงที่ร้านหนังสือร้านหนึ่งที่ผู้คนไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก หยิบหนังสือขนาดเล็กเล่มสีน้ำตาลหน้าปกเขียนว่า หายหายขึ้นมาด้วยความสนอดสนใจแล้วกรีดกระดาษดูแต่ละหน้าเพื่อเช็คเนื้อหา ปกติเขาก็เป็นคนชอบอ่านหนังสืออยู่แล้วถึงแม้จะเห็นขี้เกียจตัวเป็นขนแบบนี้ก็ตาม เพราะหนังสือมันมักจะเป็นแรงบรรดาลใจส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาสร้างสรรค์ผลงานออกมาสำหรับทั้งเพลงเองและศิลปะด้วยเหมือนกัน

    ตัดสินใจซื้อก่อนจะลุกไปดูร้านอื่นๆ ระหว่างทางก็มีเด็กมัธยมต้น พี่ๆมหาลัยหรือเด็กในโรงเรียนมาขอถ่ายรูปกับเขาด้วยเหตุอะไรก็แล้วแต่ที่พีคกว่านั้นคือได้ของกินฟรีมาด้วยถือว่าไม่ได้เป็นการขอถ่ายรูปฟรีๆละกัน

    “พี่มี IG ป่ะคะ?” เด็กคนหนึ่งถามเขาหลังจากที่เซลฟี่ด้วยกัน

    “อ่อ..ไม่มีหรอกครับ” ถึงมีเขาก็คงไม่ได้อัพอะไรหรอกเอาตรงๆ ทุกวันนี้ใช้ชีวิตอยู่กับงานก็แทบไม่มีเวลาอยู่แล้ว

     

    เป็นวันที่แสนวุ่นวายของเขาวันนึงเลยเพราะนอกจากจะไม่ให้เขาได้เดินดูงานสงบๆแล้ว หลังจากที่ไปยืนดูวงเปิดหมวกแล้วพวกเด็กๆในสาขายังเรียกเขาไปให้ช่วยโปรโมตของ เรียกลูกค้าให้อีก.. เออ ดีเนอะพวกมึงให้กูเป็นพรีเซนเตอร์ร้านขายเครื่องประดับเนี่ย โคตรเข้ากับกูเลยจริงๆ

    “เด็ดจริงพี่” ไอ่คิม จีวอนมันชื่นชมหลังจากลูกค้าพากันมาเต็มหน้าร้าน

    “ไหนค่าแรงกูอ่ะ?” พูดด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริงพลางยื่นมือไปหารุ่นน้องตรงหน้าก่อนจะได้เพียงแค่ฝ่ามือแข็งๆของมันตบลงมาบนมือตน

    “พี่อยากได้อะไรป่ะล่ะ ผมให้ฟรีอย่างนึง”

    “เห้ย ไม่เป็นไรเกรงใจ” เออ เกรงใจจริงๆเด็กมันอุตส่าทำมาจะให้เอาฟรีก็ยังไงอยู่ เขานี่เห็นงานมันตั้งแต่ออกแบบไปยันซื้อของแล้วลงมือทำจนออกมาวางขาย เห็นทุกขั้นตอน เห็นถึงความเหน็ดเหนื่อยของมันก็ไม่กล้าจะเอามาฟรีๆ

    “เออหน่า เอาไปเหอะพี่ถือซะว่าขอบคุณ”

    “ขอบคุณไรว่ะ?” ชักสีหน้างงแบบสุดขีด

    “ก็แบบ..พูดไม่ถูกว่ะพี่ พี่ทุ่มเทให้งานวันนี้มากแบบ..เออๆเลือกไปเหอะ!

    “อะไรของมึงเนี่ย พูดเนิร์ดๆว่ะ” ว่าพลางหัวเราะ จนแล้วจนรอดมันก็คะยั้นคะยอให้เขาเอาไปสุดท้ายเลยจบที่เขายื่นของกินให้มันถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนกัน

    ก้มมองแผงร้านของมันที่มีเครื่องประดับทำจากไม้วางเรียงรายอยู่แล้วคิดไม่ตก.. เอาจริงๆมันสวยทุกอันจนไม่รู้ว่าควรเลือกอันไหนแต่ไอ่จำพวกตุ้มหูนี่ขอตัดทิ้งไปก่อน เชื่อสิว่าทุกคนคงไม่อยากเห็นเขาห้อยตุ้มหูผู้หญิงหรอก มองดูพวกลูกค้าสาวๆทำท่าเลือกจี้สำหรับสร้อยอยู่เลยเบนสายตาไปดูบ้าง

    และแทบไม่ต้องใช้เวลาคิดเมื่อสายตาไปสะดุดที่จี้ไม้กีต้าร์จิ๋วที่ไร้วี่แววคนซื้ออันนั้น

    “กูเอาอันนี้แหละ”

     

     

    ไม่รู้ว่าหลังเวทีนี้เขาอนุญาตให้คนนอกเข้ารึเปล่าแต่ด้วยความหน้าไม่บางของเขาเลยใช้สิทธิความเป็นรุ่นพี่ขอเข้ามาแบบสบายๆ มองหาเป้าหมายที่ทำให้เขาต้องถ่อมาถึงหลังเวทีท่ามกลางความวุ่นวายจากผู้คนที่เตรียมขึ้นแสง

    “อ้าวจีโฮ มาทำอะไรอ่ะ?” จู่ๆเสียงยูควอนก็ดังขึ้นทักจากด้านหลังทำให้เขาต้องหันไปและละสายตาจากเป้าหมายอย่างช่วยไม่ได้

    “เอ่อ..” เราจะบอกความจริงไม่ได้นะครับ Keep ลุคซึนเข้าไว้ครับตอนนี้

    “อย่าบอกนะว่ามาหา..” เห็นหน้าเหมือนรู้ทันของยูควอนแล้วแทบอยากตะปบ

    “....”

    ไม่..อย่ามาคาดคั้นอะไรจากกู

    “กูมาหามึงอ่ะแหละ สู้ๆนะ”

    “โกหกโคตรเนียน” อีกฝ่ายประชดประชันพลางเบ้ปากหลังจากที่เขากอดแล้วตบหลังปุ๊ๆใส่ แล้วก่อนที่จะถูกล้วงตับ ไต ไส้ พุงไปมากกว่านี้เสียงเรียกชื่อวง I-Scream ก็ดังขึ้นซะก่อนเลยได้หยุดการสัมพาษณ์ไว้เพียงเท่านั้น เพื่อนตัวเล็กของเขาพยักหน้าให้กับคนในวงพลางชี้อย่างคาดโทษไว้ว่าให้ไปเชียร์ข้างเวทีด้วยเขาเลยได้แต่พยักหน้ารับส่งๆไป

    ไปเชียร์แน่แต่ขอเวลาซักแปปได้มั้ย

    ทันทีที่วงของยูควอนขึ้นไปเขาเลยได้กลับมาสนใจกับเป้าหมายในการบุกหลังเวทีครั้งนี้ซักที คิดอยู่ไม่ตกว่าควรเอาเหตุผลไหนมาตอบคำถามดีถ้าเกิดอีกฝ่ายถามเข้าเหมือนเพื่อนสนิทของตนเมื่อครู่จนสองขามันดันไปหยุดที่หน้าอีกฝ่ายซะแล้ว

    มองหน้าคัง ซึงยุนที่หลับตาราวกับทำสมาธิด้วยความว้าวุ่นในใจพอๆกับเสียงเพลงที่ดังขึ้น ที่ตรงนี้ไม่มีใครให้ความสนใจมากนักเหมือนอีกฝ่ายจะตั้งใจมาหลบลดความตื่นเต้นจริงๆและมันก็ดีไม่น้อยสำหรับเขาเพราะอย่างนี้จะได้ไม่ต้องถูกชาวบ้านมาแซวอีก

    ผู้ชายก็เขินเป็นนะคะ

                    มองใบหน้าของคนหน้าเหมือนหลับตาพริ้มแล้วขำขึ้นจมูกเหมือนคนบ้าเมื่อคิดว่าตอนหลับนี่เขาหน้าตาเป็นแบบนี้รึเปล่า เอาเข้าจริงตอนที่อีกฝ่ายอยู่นิ่งๆแบบนี้ก็น่ารักดีเหมือนกัน..

     

    เดี๋ยว

     

    ช่วยเบลอไอ่คำว่าน่ารักออกไปได้มั้ยขอร้อง

     

     

    ไม่แน่ใจว่ามือมันไปหรือใจมันเรียกร้องเขาถึงยก Olympus OM-2 ที่ห้อยคออยู่ขึ้นมากดชัตเตอร์ ไม่นึกเสียดายซักนิดถ้ายกให้รูปนี้เป็น 1 ใน 36 รูปที่ดูดีที่สุดในฟิล์มม้วนนี้

    อารมณ์โคตรเหมือนพี่โชนแอบถ่ายรูปน้องน้ำก็ไม่ปาน

    “พี่..”

    อีกฝ่ายตื่นมาอย่างกะทันหันตอนที่เขากำลังสนใจกับใบหน้านั้นอย่างไม่รู้ตัว เห็นไอ่หมาน้อยมันแปลกไปจากทุกที แววตาที่เป็นกังวลสุดๆนั้นพลอยทำเขาไม่สบายใจเหมือนกันและตอนนั้นเองทำให้เขารู้ว่าคัง ซึงยุนมันเหมือนลูกหมามากกว่าปกติ

    จีโฮกัดริมฝีปากอย่างชั่งใจไม่รู้ว่าควรพูดหรือแสดงท่าทางยังไงดี

    “กินน้ำมั้ย” ตัดสินยกขวดน้ำที่ซื้อมาส่งไปให้คนที่อายุน้อยกว่า อีกคนเลยรับขวดน้ำด้วยสีหน้างงๆสลับกับมองหน้าของเขา

    “ขึ้นตอนไหน”

    “วงต่อไปนี้แหละ”

    “ตื่นเต้นหรอ” ว่าพลางตะปบมือเข้าที่หัวลูกหมาแล้วยีจนอีกฝ่ายแยกเขี้ยวใส่ไม่พอยังปัดมือเขาทิ้งแบบไร้เยื่อใย

     

    รู้สึกตะเตือนใตเล็กน้อย

     

    ...

     

    แต่ความรู้สึกนั้นแทบหายไปทันทีราวกับมีหลุมดำดูดกลืนมันจนลืมไปแล้วว่าตัวเองเคยรู้สึกน้อยใจมาก่อน เมื่ออีกฝ่ายช้อนตาเรียวเล็กนั้นมองมาด้วยสีหน้ากังวลบวกกับคำพูดอันแสนไม่เชื่อหูนั้นดังขึ้นมาทำเอาหัวใจแทบหลุดออกมาจากอก
     

    ‘Since you've stepped into my life
    Like someone brought the vision to the blind
    Every time that you smile
    Like the sun that shines in the midnight sky’

     

    “กอดหน่อยได้มั้ย”

     

    ‘you are the only one

    you are the only one’

                   

    อู จีโฮขอสาบานเลยว่านั่นคืออ้อมกอดที่ทำให้ใจเต้นแรงยิ่งกว่าสิ่งใดๆบนโลกที่เขาได้รับมา อาการไม่สบายดูเหมือนจะกำเริบ อุณภูมิขึ้นสูง รู้สึกเหมือนเลือดมันจงใจไปรวมตัวกันที่แก้ม

    ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ความรู้สึกมันค่อยๆชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่ทันตั้งตัว แรกเริ่มแค่แกล้งให้อีกฝ่ายเจ็บตัวแทนเขาจนค่อยๆเข้าหาคอยไปกวนให้อีกฝ่ายรำคาญ และในระหว่างนั้นมันก็เกิดความรู้สึกดีๆที่ไม่เคยเกิดกับใครแม้กระทั่งคนที่เคยผ่านมาแล้วก็ผ่านไป

    แค่กอดเบาๆจากคนตรงหน้าดูมีอิทธิพลกับเขามากขนาดนี้หรอ? ในใจก็ถามอย่างนั้น.. เสียงเพลง The only one ที่ดังจากหน้าเวทีดูเหมือนจะเป็นใจให้กับบรรยากาศตอนนี้ซะเหลือเกิน

     

    สีชมพูที่ค่อยๆมาแทรกในจิตใจกำลังจะเปลี่ยนชีวิตของผู้ชายที่มีอดีตสีดำอย่างเขาคนนี้ไป.. เพลงรักที่แต่งมันทั้งๆที่ไม่เข้าใจความหมายในตอนนั้นเหมือนกับว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนช่วยตอบคำถามมันทุกข้อ
     

    'You are the only one who can rewrite my story’

     

     

     

     


    #ฟิคพี่โค่น้องยูน
    เขินอ่ะ

    มีคำผิดก็ขออภัยนะขรับ ใครไม่อภัยแต่พระอภัยมณี..

    อดีตพี่โค่นี่มันยังไงเกี่ยวข้องกับนัมจุนเปล่า หุ___หุ
    เหตุผลที่เป็นสีเทากำลังจะเปิดเผย~


    © themy  butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×