ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เชียนรื่อหง กลรักวังต้องห้าม

    ลำดับตอนที่ #4 : ข้าชื่อเชียนรื่อหง

    • อัปเดตล่าสุด 8 มิ.ย. 64


    สตรีผู้มีใบหน้างดงามนั่งหลังเหยียดตรงภายในศาลาริมน้ำ นางจิบชาดอกเหมยด้วยท่าทีสง่างาม สาวใช้รุ่นราวคราวเดียวกันเดินมากระซิบบางอย่างเเกผู้เป็นนาย เเววตาเรียวระหงส์รี่ลง

    “เช่นนั้นรึ?”

    เชียนรื่อหงขานรับ เเผ่นหลังเหยียดตรงดูสูงส่งสง่างามจนสาวใช้ลอบกลืนน้ำลายเพราะรู้ว่าภายใต้ความสงบนิ่งของคุณหนูนั้นพร้อมเหยียบคนที่เอาเปรียบนางให้จมดิน คุณหนูของนางดูสง่างามขึ้นหลังจากประสบเคราะห์ 

    สง่างามทว่าน่ากลัว

    ข่าวคราวของหลิวซูฮวาดังกระฉ่อนไปทั่วเมืองอี้เเห่งนี้หลังจากนางฆ่าตัวตายภายในคุก ความคิดเห็นของคนในเมืองเเตกเเขนงไปหลายความเห็น บ้างก็ว่าเชียนรื่อหงทำเกินไป บ้างก็ว่าเชียนรื่อหงทำสมควรเเล้ว 

    เงาร่างสูงเดินเข้ามาภายในศาลา เอ่ยถามเชียนรื่อหหงด้วยรอยยิ้มเอ็นดู

    “น้องพี่ ทำกระไรอยู่รึ?”

    เชียนห่าวหรานนั่งตรงข้ามผู้เป็นน้องสาว ใบหน้าคมดุตวัดมองใบหน้าเรียวเล็ก เชียนห่าวหรานนั้นมีรูปร่างใหญ่โตผิวคร้ามเเดดจากการทำสวนมาตั้งเเต่เด็กคิ้วเข้มจมูกโด่งเป็นสัน รอยเเผลข้างเเก้มส่งเสริมให้พี่ชายของเชียนรื่อหงคมคายมากจนดูดุดัน

    “น้องกำลังชมทิวทัศน์เบื้องหน้าเจ้าค่ะ”

    มือเรียวบางวางจอกชาสีเขียวอ่อน นางหันไปสบตาผู้เป็นพี่ชายด้วยเเววตานิ่งสนิท ท่าทีเเปลกประหลาดของน้องสาวทำให้เเววตาของเชียนห่าวหรานเปลี่ยนไป 

    “ท่านพี่สงสัยอันใดในตัวน้องหรือเจ้าคะ”เชียนรื่อหงสบตาอย่างไม่กลัวเกรง 

    “เจ้าไม่ใช่น้องสาวข้า!”

    เสียงตวาดของเชียนห่าวหรานทำให้บ่าวรับใช้ทั้งชายเเละหญิงสะดุ้งตัวโยน กลิ่นอายสังหารเเผ่ออกจากร่างสูงทันที เเววตาเเละอุปนิสัยน้องสาวของตนเปลี่ยนไป คนที่อยู่กับนางมาตั้งเเต่เด็กมีหรือจะดูไม่ออก เพียงเเต่ไม่มีใครพูดอะไรเพียงเท่านั้นตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา

    เชียนรื่อหงหยิบชาขึ้นมาจิบ บรรยากาศกดดันจนบ่าวรับใช้เเทบยืนไม่ไหว กลิ่นอายอย่างคนผ่านโลกมามากเเผ่ออกจากร่างงดงามทันที 

    "ถ้าให้ดี...ก็ไปเชิญท่านพ่อท่านเเม่มาด้วยเลยสิเจ้าคะ"

    รื่อหงเหยียดยิ้มให้คนตรงหน้า นางเป็นคนตรงไปตรงมา การสวมรอยเป็นคนอื่นมานานนับเดือนทำให้นางอึดอัดเช่นกัน เป็นเช่นนี้ก็ดีเเม้นางอาจจะโดนถ่วงน้ำหรือสังหารนางก็ไม่หวาดหวั่น

    "ไปตามท่านพ่อเเละท่านเเม่มา"

    บ่าวใช้ค้อมตัวรับรีบสามเท้าออกไปทันที เเรงเกรี้ยวกราดของนายน้อยไม่ใช่เรื่องดี

    ร่างวัยกลางคนสองคนรีบเดินจนเเทบวิ่งมายังศาลา ใบหน้าของเหม่ยฮวาเเตกตื่น ลูกชายของนางเผลอไปกินอะไรผิดสำเเดงเข้า เหตุใดจึงตะคอกน้องรุนเเรงเสียจนบ่าวรับใช้กลัวไปเสียหมด ไม่ต้องนึกถึงคนโดนตะคอกว่าจะตกใจหรือไม่...

    เเต่ท่าทางของรื่อหงทำให้เหม่ยฮวาคิ้วขมวด บุตรสาวของนางหากโดนตวาดใส่เพียงนิดก็ร้องไห้ตัวโยนเเล้ว

    "เชิญนั่งเจ้าค่ะ"เชียนรื่อหงภายมือไปยังที่นั่ง ทั้งสองนั่งลงได้ชั่วครู่ เชียนห่าวหรานก็เปิดประเด็นทันที

    "เจ้าเป็นใคร?"

    "เชียนรื่อหงเจ้าค่ะ"

    โครม!

    โต๊ะไม้หินอ่อนถูกซัดลงไปในบ่อปลาจนเกิดคลื่นลูกใหญ่ น้ำสาดกระเซ็นมาโดนปลายเเขนเสื้อของรื่อหงที่ยังคงมีท่าทีนิ่งเฉยไร้ความตกใจ ความเงียบเข้าปกคลุมศาลาริมน้ำทันที

     "อย่ามาเล่นลิ้น!"

    "หรานเอ๋อร์ทำไมพูดกับน้องอย่างนั้นล่ะลูก…."เหม่ยฮวาเอ่ยปรามบุตรชายเสียงเข้มมีหรือที่คนใจร้อนจะฟัง เเววตาเเข็งกร้าวตวัดมองร่างเล็กทันที

    "นางไม่ใช่เชียนรื่อหงของเราขอรับท่าเเม่ ท่านเเม่ดูเเลนางมาหลังจากที่นางหายเข้าไปในหุบเขา ท่านเเม่ไม่สังเกตุสิ่งใดเลยหรือขอรับ"เชียนเหม่ยฮวาเม้มปาก 

    ปึก!

    พักราคาเเพงถูกฟาดลงฟื้นจนเเตกหักขาดรุ่งริ่ง ความกดดันยิ่งกว่าคลืบคลานเข้ามาเเทนที่ เเววตาทะมึงตึงของเชียนซีห่าวจ้องมองไปยังบุตรชาย

    "เจ้าเงียบปากซะ ห่าวหราน"คนอารมณ์ร้อนจึงยอมลงปิดปากเงียบสนิท

    "เจ้าบอกว่าเจ้าขื่อเชียนรื่อหงงั้นรึ?"

    เเววตาคมมองไปยังสตรีที่มีท่าทางสูงส่ง ไร้คำเเทนตัวว่าพ่อบ่งบอกว่าซีห่าวคิดเช่นเดียวกันกับบุตรชาย สตรีตรงหน้าไม่ใช่หงเอ๋อร์ที่พวกตนเฝ้าทนุถนอมมาตั้งเเต่เยาว์วัย

    "เจ้าค่ะ…"

    "เเล้วหงเอ๋อร์?"เชียนเหม่ยฮวาถามด้วยความหวัง 

    "นาง...น่าจะตายตั้งเเต่ตกหน้าผาเเล้วเจ้าค่ะ...."ทันทีที่รื่อหงเอ่ยจบ เสียงสะอื้นให้ของสตรีงามล่มเมืองแผดลั่นทันที ไม่มีใครเอ่ยสิ่งใดออกมา ทั้งสี่คนดวงตาแดงก่ำ

    เชียนรื่อหงรียนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น นางกำกระโปรงเเน่น ใบหน้ามีความหวาดหวั่นชัดเจน

    "ข้าผู้นี้มีนามว่ารื่อหง เเซ่เชียน ข้าคือสตรีที่ป่วยตายด้วยโรคร้ายในอีกสามพันปีข้างหน้า ข้าไม่ใช่ลูกสาวเเละน้องสาวของพวกท่าน ข้าขออภัยที่ข้าเสเเสร้งมาถึงหนึ่งเดือนเต็ม ข้านั้นทนความอึดอัดจาดการอยู่ในร่างผู้อื่นไม่ไหวเเล้วเจ้าค่ะ ฮึก"

    หลังจากกล่าวจบทุกอย่างอยู่ในความเงียบกว่าหนึ่งเค่อ พวกเขาล้วนได้ยินเรื่องวิญญาณสวมรอยมาบ้าง เเต่ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงบทละครงิ้วหรือนิยายประโลมโลกชื่อดัง ไม่เคยคิดเคยฝันว่าจะเจอกับตัวเอง

    "เเล้วเราจะเอาอย่างไรกันดีเจ้าคะท่านพี่ ลูกของข้า ฮึก หงเอ๋อร์ของเเม่"เชียนเหม่ยฮวาเอ่นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

    "บางทีเทพเเห่งโชคชะตาจะลิขิตมาเช่นนี้เเล้วกระมัง เจ้านั้นมีนามเดียวเเซ่เดียวกับบุตรสาวข้าไม่ผิดเพี้ยน เเลเจ้าไม่ได้ทำภัยอันตรายเเก่คนในตระกูล หากจะปล่อยเจ้าไปข้าก็ปวดใจเหลือเกินที่จะปล่อยกายสังขารลูกสาวไปลำบาก....เชียนรื่อหง เจ้าจะยอมเป็นบุตรสาวของข้าหรือไม่"เชียนชีห่าวเอ่ย 

    "เจ้าค่ะ"เชียนรื่อหงรีบคำนับทันที นางดีใจจนน้ำตาไหลรินราวกับยกภูเขาออกจากอก ความอึดอันหายไปสิ้น

    "เจ้าคงเจ็บปวดมากก่อนตายใช่หรือไม่"เหม่ยฮวาผละตัวออกจากอ้อมกอดสามี นางลูบหัวรื่อหงด้วยความเอ็นดู รื่อหงพยักหน้า

    "เช่นนี้เราทำป้ายวิญญาณให้นางดีหรือไม่เจ้าคะ "ห่าวหรานเชิดใบหน้าไปอีกทาง เเววตายังคงหวาดระเเวง

    "ดีเหมือนกัน"เชียนเหม่ยฮวาเอ่ยก่อนจะประคองกันไป ทิ้งบุรุษสองคนไว้ในศาลา

    "นางไม่ได้เลวร้าย..."

    "เเต่หงเอ๋อร์...."ห่าวหรานเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

    "น้องสาวคงไม่อยากให้เข้าเศร้า บางทีนางอาจจะเป็นน้องสาวของเจ้าที่เวียนว่ายตายเกิดจนถึงปัจจุบัน"

    "ส่วนพวกเจ้าหากใครปริปากพูด ข้าจะโบยให้หลังขาด!"

    ซีห่าวไล่มองใบหน้าของบ่าวรับใช้หมดทุกคนก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงเเข็งกร้าว กลิ่นอายข่มขู่เเผ่กระจายไปในอากาศจนเหล่าบ่าวใช้ต้องรีบคุกเข่ารับคำทันที

    เชียนชีห่าวตบบ่าบุตรชาย ก่อนจะเดินออกไป

    "อาซาน เจ้าเก็บโต๊ะขึ้นขึ้นมาจากสระ"

    บ่าวรับใช้คนสนิทเเทบร่ำไห้ นายน้อยเป็นคนเอาลงไปเหตุจึงลำบากตนเอาขึ้นมาได้เล่า ความอารมณ์ร้อนไม่คิดหน้าคิดหลังเช่นนี้เขามักเป็นคนตามเก็บกวาดของที่พังเสมอ เเต่ครั้งนี้มันเกินไป

    "เจ้าบ่นข้าอยู่รึ"ห่าวหรานหรี่ตา

    "ไม่เลยขอรับ! บ่าวมิกล้า"

    "ดี"

    ลับหลังห่าวหรานเดินไป อาซานถอยหายใจออกมาทันที 

     .

    .

    .

    สตรีทั้งสองเดินประคองกันจนมาถึงเรือนใหญ่ที่พำนักของฮูหยินตระกูลเชียน เรือนของเหม่ยฮวาเต็มไปด้วยดอกเหม่ยฮวาตามชื่อเจ้าของเรือน ดอกเหมยสีชมพูมากมายออกดอกบานสะพรั่ง บางส่วยหลุดออกจากกิ่งก้านล่องลอยไปตามลม

    จมูกเเละดวงตาเหม่ยฮวงายังคงเเดงก่ำ เป็นไปไม่ได้เลยที่มารดาจะทำใจได้เมื่อรู้ว่าบุตรของตนสิ้นไปในวันเดียว

    “ลูกข้าชอบเรือนข้ามาก มักหนีมานอนกับข้าเสมอเเม้จะผ่านพ้นวัยปักปิ่นเเล้ว….”

    "ให้ข้าอยู่เป็นเพื่อนหรอไม่เจ้าคะ"รื่อหงเอ่ย เหม่ยฮวาส่ายหน้า

    "เจ้ากลับไปพักเถอะ เจ้าคงเหนื่อยเหมือนกัน"

    "เเล้วข้าจะมาเยี่ยมนะเจ้าคะ"

    เหม่ยฮวาพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินดข้าเรือนไป รื่อหงเดินกลับไปยังเรือนของต้น ใบหน้าขอนางเรียบนิ่งเเต่ความอึดอัดในใจหายสิ้นไป

    วันรุ่งขึ้นเชียนเหม่ยฮวารีบสาวเท้าไปยางเรือนฮวา นางเดินเข้าไปตามคำของสาวใช้

    "ท่าน..."คำว่าเเม่จุกอยู่ที่ปากจะเรียกก็เกิดความละอายใจขึ้นมา 

    "มานั่งสิ ข้าอยากฟังเรื่องราวของเจ้า"เชียนเหม่ยฮวาเอ่ย ในโถงมีบุรุษหน้าตาคุ้นเคยอีกสองคนนั่งอยู่ ห่าวหรานกอดอกตนมาสังเกตุการณ์ไม่อยากอยากรู้เรื่องที่นางเบ่าเลยจริงๆ? รื่อหงนั่งข้างๆเหม่ยฮวาก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องของตนทันที

    "ข้ามีอายุได้ 35 หนาวเจ้าค่ะ เเละข้าตายด้วยโรคมะเร็ง มันทำให้ผมข้าร่วงจนหมดหัว ตัวผอมจนเห็นหนังหุ้มกระดูกเเละสิ้นใจ"เหม่ยฮวาลูบมือรื่อหงอย่างปลอบประโบม เเม้จะตกใจที่หญิงสาวจะมีอายุพอๆกับนาง

    "เเล้วโลกในอนาคตเล่าเป็นเช่นใด"ห่าวหรานโพล่งถามด้วยความอยากรู้อย่างเห็น

    "ทุกอย่างศิวิไลซ์มากเสียจนกลบกลืนกลิ่นอายโบราณ มีบ้านเรือนสูงเสียดฟ้า มียานพาหนะที่สามารถบนข้ามเเคว้นข้ามทวีปได้ในเวลาสอง-สามชั่วยามเจ้าค่ะ มีรถที่เดินทางได้เร็วยิ่งกว่าม้า ตัวข้าเป็นเถ้าเเก่เนี้ยอยู่ในที่ทำงานตำเเหน่งค่อนข้างมีหน้ามีตาเจ้าค่ะ"

    "ข้านึกภาพไม่ออกเลย"ซีห่าวลูบเลาพลางนึกคิด ยานพาหนะที่บินบนฟ้ารึ ใครเอารถม้าไปบินอยู่บนท้องฟ้าพวกเขาทำได้อย่างไรกัน? หรือโรคอนาคตจะมีสัตว์วิเศษในตำนาน

    "บ้านเมืองโบราณถูกทุบเเล้วสร้างบ้านเรือนสมัยใหม่คล้ายชาวอิงกั๋วเจ้าค่ะ เเต่พระราชวังของเราอยู่ดีเเม่จะผ่านมานานเเล้วก็ตาม เป็นมรดกโลกสถานที่หนึ่งเลยเจ้าค่ะ"

    "เเบบนี้รึ"ห่าวหรานนำภาพที่ได้จากเรือสำเภาชาวอิงกั๋ว รื่อหงพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งห่อนจะพยักหน้า

    "ดูเเข็งเเรงเเละทันสมัยกว่านี้อีกเจ้าค่ะ ในอนาคตความคิดค่อนข้างเเพร่หลายชายหญิงเท่าเทียมกัน สตรีร่ำเรียนหรือสามารถทำงานหาเลี้ยงตัวเองได้ เเม้จะเป็นชายตัดเเขนเสื้อหรือตุ้ยฉีก็เป็นที่ยอมรับเจ้าค่ะ"

    "จริงรึ"เชียนเหม่ยฮวาป้องปากอย่างตกใจ

    "เเม้จะเสพสังวาสก่อนเเต่งงานก็ไม่ใช่เรื่องเเปลกเจ้าค่ะ "รื่อหงป้องปากกระซิบ

    ทั้งสามคนตกใจจนจอกชาหลดมือ

    "เเล้วจักไม่ตั้งครรภ์รึ"

    "อนาคตมีการป้องกันที่เเพร่หลายเเละได้ผลเต็มสิบส่วนเจ้าค่ะ สามพันปีอะไรๆย่อมเปลี่ยนเเปลงได้เจ้าค่ะ คิคิ"

    "เเล้วเจ้าเช่า เสพสังวาสก่อนเเต่งงานหรือไม่"เมื่อถูกถามกลับรื่อหงพลันหน้าเเดงก่ำด้วยความเขิน ทุกคนหัวเราะทันทีท่าทีเช่นนี้เเม้เเต่สามีคงไม่มี

    "เจ้าอายุมากขนาดนี้ หากเป็นข้าคงมีลูกเป็นโหลเเล้วกระมัง สามีเจ้าก็ไม่เคยมีเลยรึ"

    "ไม่มี"รื่อหงกระเเอ่มตอบ เหม่ยฮวาหัวเราะในลำคอ 

    "ข้ากับเจ้าในที่ลับเรานับถือกันเป็นน้องสาวดีกว่า ให้เรียกเเม่ลูกคงกระดากปากนัก "

    "เจ้าค่ะ"

    "เเล้วห่าวหราน ลูกต้องเรียกรื่อหงว่าพี่สาวนะ นางอายุเยอะกว่าเจ้าเสียอีก"

    "ไม่ขอรับ! หากนับไปอีกข้าอายุมากกว่านางเป็นสามพันปี"ห่างหรานค้านเสียงเเข็ง เพียงเเค่คิดขนกายของเขาก็ลุกชันเสียเเล้ว ทั้งสามคนต่างหัวเราะกับท่าทางของห่าวหราน ไม่นานเสียงพ่อบ้านคนสนิทเอ่ยหน้าประตู

    “นายท่านป้ายวิญญาณของคุณหนูเสร็จเเล้วขอรับ ยามนี้อยู่ในห้องบรรพชน"

    พ่อบ้านหวังเอ่ยอีกฟากของประตู ใบหน้าของเขาเรียบนิ่งเเต่เเววตาปรากฏความเศร้าสร้อย หวังลี่นั้นเป็นบ่าวรับใช้คนสนิทของเชียนซีห่าวตั้งเเต่ยังเเบบเบาะ เรื่องเเปลกประหลาดกับการสูญเสียคุณหนูของตนนั้นทำให้ในใจชายชราเศร้ายิ่งนัก เเต่นายท่านผู้เป็นบิดายังยอมรับได้เหตุใดตนจะยอมรับไม่ได้บ้างเล่า

    “ไปกันเถอะ”

    เหม่ยฮวาลุกออกไปก่อน นางเดินไปยังสุสานบรรพชนประจำตระกูล ป้ายวิญาณมากมายเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ ป้ายของเชียนรื่อหงเด่นหราเพราะเป็นป้ายใหม่ กลิ่นหมึกเเละกลิ่นไม้หอมยังคงฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง เหม่ยฮวาลูบป้านวิญญาณอย่างเเผ่นเบา น้ำตาเรื้อนความเสียใจจุกอยู่ที่อก

    “ลูกเเม่ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงเเม่นะลูก โชคดีที่รื่อหงเป็นคนตรงไปตรงมา ”กลิ่นธูปล่องลอยไปทั่วห้อง ไอสีขาวจากก้านธูปมากมายร่องลอยเเละสลายไปในอากาศ

    เชียนห่าวหรานได้เพียงกอดป้ายวิญญาณของน้องสาวไว้ ซีห่าวโอบกอดภรรยาด้วยความรักสุดหัวใจ กุมมือบางที่สั่นไหวเบาๆ

    “เจ้าไม่ต้องห่วงทางนี้นะ หงเอ๋อร์พี่อยู่ต่อไปได้เเม้จะเศร้าใจเเต่จะไม่นาน”

    ราวกับหญิงสาวรับรู้ ลมเย็นประทะใบหน้าของคนทั้งสี่ทั้งๆที่ห้องปิดสนิท ทั้งสี้มองตากันก่อนจะเดินออกไป






     ......

    ชายตัดเเขนเสื้อ : ชายรักชาย

    ตุ้ยฉี : หญิงรักหญิง

    1 ชั่วยาม : 2 ชั่วโมง

    ชาวอิงกั๋ว : ชาวอังกฤษ


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×