ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เชียนรื่อหง กลรักวังต้องห้าม

    ลำดับตอนที่ #2 : ดำดิ่ง

    • อัปเดตล่าสุด 8 มิ.ย. 64


    ล่อลวง หยาดเยิ้ม จะกล่าวว่าคือนางจิ้งจอกเเปลงกายมาก็ไม่ผิดนักชี้เเจง สไตล์การเขียนของไรท์คือบรรยายเยอะมาก ถ้ารักอ่านผ่านบทนี้ได้บทต่อไปก็ไม่เป็นไร5555 ทักคำผิดได้ค่ะ ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ

     

     

    ดำดิ่ง

    เชียนรื่อหงรู้สึกว่าตัวเองลอยคว้างในอากาศ ร่างบางค่อยๆดิ่งตัวลงสู่พื้นหุบเหวข้างล่างในใจของนางมึนงง สายตาปะทะกับร่างสตรีนางหนึ่ง อาภรณ์ของนางปลิวสยายตามเเรงลมที่พัดพาเอาฝนห่าใหญ่มาในไม่ช้า ใบหน้าเล็กเหยียดยิ้มชั่วร้าย พลันเชียนรื่อหงก็เข้าใจ บัดนี้เธอกำลังดิ่งลงสู่หน้าผาเบื้องล่าง ต้นเหตุคงไม่พ้นสตรีใจร้ายผู้นั้น

    นางไม่มีเวลาคิดว่ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร มนุษย์คนใดเล่าไม่หวาดกลัวเมื่อความตายอยู่ใกล้เเค่คืบ ตอนนี้ของเพียงนางรอดชีวิต สิ่งใดนางก็ไม่สนใจเเล้ว

    เบื้องล่างหุบเหวอยู่ลึกเท่าใดก็สุดจะรับรู้ นางเห็นเพียงเเค่สายธารที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเเดง ความอันตรายหนที่สองกระเเทกเข้ามาไม่ทันตั้งตัว ใบหน้าของนางดำมืด ต้องเคียดเเค้นกันถึงเพียงใดถึงทารุณถึงเพียงนี้

    ไม่ตกเหวตายก็โดนน้ำป่าสตรีผู้นั้นมีจิตใจเป็นมารหรืออย่างไร นางจะจดจำใบหน้านั้นให้ขึ้นใจ หากมีเคราะห์กรรมให้พานพบสตรีผู้นั้นจะต้องไม่ตายดี เชียนรื่อหงพยายามตั้งสติ ความรู้ที่ได้ฝึกมาถูกขุดมาใช้ นางได้เพียงเเค่ภาวนาว่าเบื้องล่างน้ำจะลึกพอเเละไม่มีหินโสโครกหรือสิ่งขวางกั้นใดๆ

    นางพยายามขดตัวเก็บคอขอเข่าตามความรู้ที่ได้ร่ำเรียน ให้ส่วนสำคัญกระเเทกน้ำกับผิวน้ำได้น้อยที่สุดร่างกายใกล้ผืนน้ำเข้าเต็มที

    ชั่ววินาทีก่อนที่ร่างบางจะตกกระทบสายธารเบื้องล่าง เชียนรื่อหงสูดหายใจเข้าเต็มปอด

    ตู้ม!!!

     เสียงน้ำสาดกระเซ็น เชียนรื่อหงผ่อนลมหายใจออกมา ว่ายตามฝองอากาศขึ้นไป ทุกอย่างเเข่งกับเวลาเพราะมารตัวที่สองใกล้เข้ามาเต็มที

    “เฮือก”

    เชียนรื่อหงสูดหายเข้าเข้าเต็มปอดหลังโผล่พ้นจากน้ำ สายตาเรียวกวาดเมื่อทั่ว 360 องศา เหมือนเทพเซียนจะไม่ใจร้ายนัก ไม่ไกลออกมาไปมีกิ่งไม้ที่ยื่นลงมาพอให้นางปีนป่ายขึ้นไปข้างบน เชียนรื่อหงรีบเเวกว่ายไปหากิ่งไม้อย่างรวดเร็ว 

    มือเรียวบางจับกิ่งไม้ไว้เเน่น ออกแรงปีนขึ้นไปให้สูงที่สุด ทั้งๆที่ร่างกายระบมเต็มที

    "ยังไม่พอ"

    นางสังเกตุเห็นรอยสาหร่ายบนกิ่งไม้ หากน้ำป่าคลืบคลานมา นางคงโดนซัดจมดิ่งหายไปอย่างไม่ต้องสงสัย

    เชียนรื่อหงออกเเรงปีนป่ายขึ้นไปสูงยิ่งกว่าเดิมจนไม่มีที่ให้ปีนป่ายอีก นางพิงเเผ่นหลังบางเข้ากับกำเเพงหินยักษ์ ชั่ววินาทีสารธารสีเเดงกล่ำก็กระหน่ำไปตามรอบเเยกของผาสูงชัน โชคดีที่เชียนรื่อหงอยู่สูงกว่าระดับน้ำป่า ทำให้นางไม่ได้รับผลกระทบอันใด

    นางหลับตาด้วยความอ่อนล้า วันนี้นางเจอเเต่เรื่องโหดร้ายเหลือเกิน หากโชคชะตาเมตตาก็ขอให้คนมาพบนางในเร็ววันเถิด

    .

    .

    .

    "ข้าจะออกตามหาหงเอ๋อร์"

    เสียงบุรุษวัยกลางคนเอ่ยด้วยน้ำเสียงกร้าว ใบหน้าถมึงตึงยิ่งกว่าครั้งใดๆ เเววตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วงสตรีที่ตนเฝ้าถนุถนอมตั้งเเต่ยังแบเบาะ

    "ยามนี้ฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลาก หน้าผาสูงชัน อันตรายยิ่งมิควรเข้าไปในหุบเขายามนี้ขอรับ"

    "ข้าไม่สน! ลูกของข้าต้องอดทนรอข้าอยู่ในป่าพร้อมเม็ดฝนเม็ดใหญ่นั่นรึ จะให้ข้านิ่งนอนใจได้อย่างไร!"

    เชียนซีห่าวตะคอกหัวหน้าหมู่บ้านด้วยความโกรธเคือง ในใจร้อนรนเป็นห่วงบุตรสาวเพียงคนเดียว

    "นายท่านควรทำใจไว้เสียเเต่เนิ่นๆ บางทีนางอาจจะ..."หัวหน้าหมู่บ้านอึกอัก

    "ลูกข้านางมีจิตใจที่ดี สวรรค์ย่อมเมตตานาง"

    เชียนเหม่ยฮวาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด บุตรสาวของนางหายไปทั้งคนจะให้นางนิ่งนอนใจได้อย่างไร

    "หากพวกเจ้าไม่ไป ข้าจักไปเอง"

    เชียนซีห่าวเอ่ย เชียนห่าวหรานบุตรชายคนโตพยักหน้าเห็นด้วย ทั้งสองตระเตรียมสิ่งของจำเป็น ก่อนจะตะบึงม้าเข้าหุบเขาไปทันที

    หุบเขาอี้เจียงเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน มีลักษณ์เป็นหินร้อยละ 70 มีสัตว์ร้ายมากมายทั้งยังมีหุบเหวมากที่สุดในเเคว้นไท่ 

    ปกติเชียนรื่อหงมักจะหาสมุนไพรอยู่รอบนอกหุบเขาทว่าวันนี้นางกลับหายไป เชียนรื่อหงรู้อันตรายของหุบเขาส่วนลึกดี นางไม่มีทางเดินเข้าไปหาความตายเองเเน่เเท้

    เงื่อนงำทั้งหลายถูกพักไว้ก่อน บัดนี้การตามหาบุตรสาวของตนนั้นสำคัญที่สุด 

    "หงเอ๋อร์ลูกอยู่ที่ใด ส่งเสียงให้พ่อได้หรือไม่"

    "หงเอ๋อร์ พี่มาพาเจ้ากลับเรือนเเล้ว กลับเรือนของเราเถอะ"

    เชียนห่าวหราวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดระคนท้อเเท้ พวกเขาค้นหานางมากว่าสองชั่วยาวเเล้วยังไร้วี่เเวว

    "ช่วยข้า....ช่วยข้าด้วย! "

    เสียงสตรีเอ่ยมาท่ามกลางเสียงฝน น้ำเสียงนั้นคุ้นเคยเสียจนบุรุษทั้งสองเเย้มยิ้มด้วยความดีใจ ตะบึงม้าไปหาต้นเสียงทันที

    "ข้าอยู่นี่เจ้าค่ะ ข้าอยู่ข้างล่างนี้"

    เมื่อเห็นใบหน้าของนางเเจ่มชัด หยาดน้ำตาของผู้เป็นพ่อก็ไหลริน ความอัดอั้นความร้อนรนเป็นห่วงหายไปจนหมดสิ้น มีเพียงความยินดีที่พัดพาเข้ามาในจิตใจ

    "หงเอ๋อร์ ลูกพ่ออยู่นี่เเล้ว"

    เชียนซีห่าวรีบนำเชือกออกมาจากกระเป๋าย่ามหย่อนลงไปให้บุตรสาวจับ

    เชียนรื่อหงรีบคว้าเชือกฟางทันที นางรอดตายเเล้ว.....

    บุรุษทั้งสองช่วยกันดึงเชือกให้ดรุณีน้อยร่างกายกระทบหน้าผาน้อยที่สุด  ทันที่ที่นางยืนบนริมผา ร่างกายนางก็ทรุดสลบไปในทันทีจากความอ่อนล้าสะสมมานาน

    "หงเอ๋อร์ หงเอ๋อร์!"

    เชียนห่าวหรานคลำหาชีพจรน้องสาวของตน ก่อนจะเอ่ยปลอบผู้เป็นพ่อ

    "นางเเค่สลบไปจากความอ่อนล้าขอรับท่านพ่อ ควรรีบพานางกลับที่เรือนให้เร็วที่สุดขอรับ"

    เชียนห่าวหรานกระชับร่างเล็กไว้ในอ้อมกอด รอยถลอกเเล้วรอยช้ำมากมายตามเรียวเเขนเเละเล็บโผล่มาให้เห็น ในเเววตาของบุรุษทั้งสองมีประกายดำมืดพาดผ่าน ผู้ใดที่มันขวัญกล้ามายุ่งกับดวงใจของพวกตน!!

    .

    .

    .

    สายฝนสีขาวปกคลุมไปทั่วฟ้าจนมองไม่เห็นหุบเขา ทำให้หุบเขาอี้เจียงดูราวกับหุบเขาในม่านหมอกที่ไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดได้ ดูลึกลับอันตรายสุดพรรณา

    เชียนเหม่ยฮวากุมมือตนเองเเน่น นางนั่งเเทบไม่ติด เเววตาอดีตโฉมสะคราญจดจ้องมองทางที่สามีเเละบุตรสายตะบึงม้าเข้าไป

    "เจ้าจะเดินวนอีกนานไหม ข้าปวดหัวกับเจ้าเเล้วนะ"

    "หากเจ้าไม่อยากเห็น ก็ไปกระโจมอื่นเถิด"เชียนเหม่ยฮวาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา

    "เจ้า! เจ้ากล้าไล่ข้ารึ"

    "เหตุใดจะไม่กล้า หญิงบ้าปากสุนัขมีสิ่งใดให้อยากอยู่ด้วยกัน"หญิงวัยกลางคนที่ถูกเรียกว่าหญิงบ้าปากสุนัขได้เเต่ชี้นิ้วสั่น เเต่ไม่กล้าทำสิ่งใด

    "หากลูกสาวเจ้าหายเข้าไปหุบเขาอี้เจียงบ้าง เจ้าคงร้อนรนมากเสียข้ากระมัง"

    "เจ้าเเช่งลูกข้ารึ!"

    "ข้าไม่เข้าใจเสียจริง เกลียดขี้หน้ารังเกียจกันยิ่งกว่ามูลวัวควาย เหตุใดเจ้าต้องโผล่หน้ามาให้ทั้งข้าเเละเจ้ารำคาญสายตาด้วย"

    "นัง นัง!"หลินจ้าวกงได้เพียวอึกอัก นางจะบอกได้อย่างไร ว่านางมารอดูจุดจบเด็กที่เป็นหนามเเทงใจตนกับลูกมานาน

    "ท่านเเม่พอเถิดเจ้าค่ะ"

    เสียงหวานปานกระดิ่งเอ่ยปรามมารดาของตนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน หลินซูฮวาบุตรสาวของหลินจ้าวกงกับหัวหน้าหมู่บ้าน

    "เเต่ดูสิ่งที่นางพูดกับข้า"

    "ท่านป้าเหม่ยฮวาคงจะร้อนใจที่พี่รื่อหงหายไป"หลินจ้าวกงได้เเต่ฮึดฮัดในใจ ยอมสงบลงเเต่โดยดี 

    เชียนเหม่ยฮวาเห็นกลุ่มคนที่ขี่ม้าออกจากหุบเขาเลือนลาง นางรีบสาวเท้าวิ่งออกจากกระโจมอย่างไม่กลัวเปียกฝน 

    เมื่อเห็นว่าสามีนำบุตรสาวกลับมา ความเคร่งเครียดตลอดทั้งวันก็คลายลง นางรับบุตรสาวจากสามีด้วยมือที่สั่นเทา บุตรสาวของนางผ้านพ้นวัยปักปิ่นเเล้ว เเต่นางยังดูเหมือนหงเอ๋อร์ในวันเด็กเสมอ

    "ท่านพี่..."

    "กลับบ้านเรากันเถิด"

    เเม้สายฝนจะชะล้างคราบน้ำตาออกไป เเต่ดวงตาของเหม่ยฮวายังคงเเดงกล่ำ

    เชียนห่าวหรานรีบนำเสื้อคลุมมาคลุมน้องสาวเเละมารกาไว้เพื่อให้ไออุ่น ทั้งสี่รีบกลับจวนด้วยความรวดเร็ว

    คล้อยหลังบุคคลทั้งสี่ เเววตาเกลียดเเค้นชิงชังก็ถามโถมออกมาทันที

    'ทำไมมันยังไม่ตาย! นังรื่อหงนั่งเเพศยา!'

    .

    .

    .

    ฤดูฝนพัดเอาไอเย็นมาประทะผิวกายขาวสะอาดให้รู้สึกหนาวสั่น เสียงฝนที่ตกพรำเสนาะหูไม่น้อย เด็กสาวใบหน้าซีดเซียวกระชับผ่านวมให้เเน่นขึ้นเพื่อความอบอุ่นกันไอหนาวที่มาพร้อมไอฝน

    “หงเอ๋อร์ ตื่นมาดื่มยาก่อนเถิด”

    เชียนเหม่ยฮวาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ประคองบุตรนั่งผิงพนังเตียง ดวงหน้าเรียวลืมตาขึ้นเมื่อเห็นถ้วยยาเเววตาต่อต้านปรากฎเด่นชัด

    “ข้าไม่อยากดื่มมันเจ้าค่ะ”อาการงอเเงของสาวจากอนาคตเด่นชัด

    “หากเจ้าไม่ดื่มคงหายช้า ดื่มเถิด”

    นางกล้ำกลืนฝืนใจดื่มยาวจดหมดถ้วย หลังดื่มเสร็จตามด้วยน้ำสะอาดอึกใหญ่เพื่อให้ความขมหายไป

    “พักผ่อนต่อเถิด เเม่ไม่กวนเจ้าเเล้ว”

    มารดาเจ้าของร่างลูกหัวบุตรสาวด้วยความรัก ก่อนจะกระชับผ้านวมถึงคอระหง 

    ข้าหลับตาด้วยความเหนื่อยล้า ความง่วงถาโถมเข้ามาด้วยร่างกายนี้ยังฟื้นฟูได้ไม่เต็มที่เท่าใดนัก ข้านั้นย้อนอดีตกลับมาถึงสามพันปีในยุคราชวงศ์ไท่ที่เจริญรุ่งเรืองที่สุด ร่างกายนี้คือเด็กสาวนามเดียวกับข้า 

    'เชียนรื่อหง' บุตรสาวของนายเกษตรผู้หนึ่งที่มีที่ดินทำกินหล่อเลี้ยงตนไปชั่วชีวิต นางคือบุตรสาวเพียงคนเดียวของเชียนซีห่าวกับเชียนเหม่ยฮวา มีพี่ชายอยู่ผู้หนึ่งนามว่าเชียนห่าวหราน 

    เชียนรื่อหงคนก่อนสิ้นใจตายทันทีจากอาการช็อคเพราะโดนผลักตกจากหน้าผา ทว่านางกลับเข้ามาอยู่ในร่างเเทนเเละรอดชีวิตอย่างปาฏิหาริย์ นี่ก็ผ่านพ้นมาหนึ่งเดือนเเล้วอาการบาดเจ็บดีขึ้นกว่าวันเเรกนักเเต่ก็ยังคงไม่หายดี เเละความทรงจำของเชียนรื่อหงคนก่อนนางก็ได้มาเต็มสิบส่วน

    หลังจากหลับพักผ่อนด้วยฤทธิ์ยา ใบหน้าของรื่อหงก็เเจ่มใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเพราะนางไม่ต้องดื่มยาขมๆอีกเเล้ว

    ใบหน้าของเชียนรื่อหงได้รับการถ่ายถอดความงามของมารดามาอย่างเต็มพิกัด คิ้วเรียวดังคันสรไม่บางเเละหนาเกินไป จมูดเชิดรั้นขึ้นอย่างคนไม่ยอมคน ริมฝีปากสีดอกท้อ เเต่ดวงตาของนางคือเดอะเบส กลมโต 

    ริมฝีปากของนางเหยียดยิ้มหยัน เมื่อนึกถึงใบหน้าที่นางจำลึกสุดขั้นวิญญาณ เเววตากลมโตปรากฏไอสังหารอย่าไม่ปกปิด นางเอ่ยสั่งสาวใช้ด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานทว่าไร้ความจริงใจ

    "ถิงซานส่งเทียบเชิญไปให้คุณหนูหลิวซูฮวา เชิญนางมาลิ้มรสน้ำชากับข้า....เพียงสองคน"

     


     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×