คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : มีพบย่อมมีจากลา
ชีวิตพนักงานเงินเดือนวนเวียนอยู่เเค่กับบริษัทและบ้าน ความวุ่นวายในตอนเช้าของวันปกตินั้นเกิดขึ้นในทุกๆวันวนเวียนไปไม่มีสิ้นสุด เชียนรื่อหงหญิงสาวลูกครึ่งไทยจีนก็ยังคงต้องกระเสือกกระสนทำงานเพื่อเอาชีวิตให้รอดในเเต่ละวัน
Rrrrrrrr Rrrrrrrr
“ฮัลโหลค่ะพี่ปุ้ย”
“กี่เเก้วนะคะ…..โอเคค่ะ”
รื่อหงวางสายหลังจากคุยกับรุ่นพี่ที่ทำงานเสร็จ ฉันเปิดไฟเลี้ยงเพื่อขับรถไปยังลานจอดรถของบริษัท เเวะซื้อกาเเฟที่พี่ปุ้ยฝากซื้อไว้ ก่อนจะเดินขึ้นไปยังเเผนกที่ตนทำงานเป็นประจำ
“สวัสดีค่ะ”
ฉันไหว้รุ่นพี่ในเเผนก ก่อนจะยื่นกาเเฟให้พี่ปุ้ย พี่ปุ้ยเป็นพี่เลี้ยงของฉันตั้งเเต่สมัยฝึกงาน สนิทเหมือนพี่สาวคนหนึ่ง
“ขอบใจนะ”
พี่ปุ้ยเอ่ยขอบคุณก่อนจะเเยกย้ายไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง
ฉันพักสายตาอยู่ครู่หนึ่งเพื่อทำสมาธิก่อนเริ่มงาน ฉันเป็นเด็กกำพร้าที่ต้องกระเสือกกระสนหาเงินตั้งเเต่จำความได้ ช่วงวัยรุ่นมีเพียงร้านอาหารกับห้องสมุดที่เจอทุกวัน ฉันต้องทำงานหนักเเละอ่านหนังสือหนักไม่เเพ้กันเพื่อสอบชิงทุนเข้ามหาวิทยาลัยดังให้ได้ ซึ่งทำสำเร็จหลังจากเรียนจบก็เข้าทำงานที่บริษัทชื่อดังทันทีด้วยดีกรีเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง
ทว่าชีวิตวัยรุ่นของฉันขาดหายไป เเลกมาด้วยความเป็นผู้ใหญ่เเละสามารถพึ่งพาตัวเองได้ จนตอนนี้ฉันพอมีบ้านเเละที่ดินต่างจังหวัดเมื่อเเก่ตัวไปก็คงไม่ลำบากนัก
รื่อหงนั่งทำงานอยู่ที่เดิมตั้งเเต่เช้าจรดเที่ยง มีออกไปทำธุระเป็นครั้งคราว ทว่าวันนี้กลับต่างออกไป อาการปวดศรีษะอย่างรุนเเรงเสียดเเทงเข้ามาจนฉันทรุดตัวลงพื้นทันที ใบหน้าของฉันซีดเซียวจากความเจ็บปวดชาตั้งเเต่หัวจรดเท้า
“พ พี่ปุ้ยช่วยหงด้วย”เธอเปล่งเสียงร้องของความช่วยเหลือ ทุกอย่างเลือนลางไปหมด สิ่งสุดท้ายที่ฉันเห็นคือพี่ปุ้ยวิ่งเข้ามาด้วยความตกใจ
.
.
.
[ปุ้ย]
"หง หงได้ยินพี่ไหม"ฉันพยายามเรียกสติหงเเต่รุ่นน้องกลับหมดสติไปเเล้ว
“มีใครเรียกรถพยาบาลรึยัง!"เธอเงยหน้าไปถามพนักงานร่วมเเผนก มีคนพยักหน้าให้เธอ
“เดี๋ยวผมอุ้มเองครับ จะได้ถึงรถเร็วๆ”
พนักงานชายอาสาก่อนจะรีบอุ้มรื่อหงไปยังลิฟต์เพื่อลงๆไปยังชั้นล่างสุด ระหว่างรอลิฟต์ลงฉันใจสั่นไปหมด
“หง อย่าเป็นไรเลยนะ”
ฉันอดที่จะน้ำตาไหลไม่ได้ เมื่อรู้ดีว่าชีวิตของรื่อหงลำบากกว่าใคร เกิดมาไร้พ่อเเม่คอยประคับประคอง ต้องหาเช้ากินค่ำเลี้ยงตัวเองตั้งเเต่สมัยมัธยมต้น รื่อหงไม่เคยป่วยเลยเเต่ครั้งนี้กลับหมดสติทำให้ฉันอดห่วงไม่ได้
“เดี๋ยวผมบอกบอสเอง พี่ตามไปโรงบาลเหอะ”ฉันพยักหน้าเมื่อรถพยาบาลมาถึง ฉันรีบขึ้นรถตามไปทันทีเมื่อรื่อหงถึงมือหมอ
.
.
.
[เชียนรื่อหง]
สิ่งเเรกที่ฉันเห็นหลังจากลืมตาคือฝ้าเพดานสีขาวสะอาด กลิ่นยาทำให้ฉันรู้ทันทีว่าที่นี่คือโรงพยาบาล
เสียงเปิดประตูทำให้ฉันเบนสายตาไปยังบุรุษชุดขาว หมอตรวจบางอย่างก่อนจะนั่งลงข้างเตียงทำให้ฉันสบโอกาสถาม
“ฉันเป็นอะไรคะคุณหมอ ”
ความเงียบเข้ามาปกคลุมห้องพักทันที
“ทำใจดีๆไว้นะครับ ตอนนี้คุณเป็นมะเร็งสมองระยะสุดท้ายครับ”เหมือนมีใครมาตบใบหน้าจนมึนงงไปหมด มือที่กุมอยู่สั่นขึ้นมาทันที
“ฉันเป็นมะเร็งเหรอคะ”คุณหมอหนุ่มพยักหน้า ฉันค่อยๆเงยหน้าเพื่อกันน้ำตาไหลทั้งๆที่ไม่ได้ช่วยอะไร
“คุณอาจเหลือเวลามากกว่าหนึ่งปีเเต่ไม่เกินสองปีนี้”คุณหมอหนุ่มยื่นกระดาษทิชชู่เพื่อให้ฉันซับน้ำตา ฉันรับมันมาด้วยความเต็มใจ
“ขอบคุณนะคะ เเต่ฉันอยากอยู่คนเดียวสักพัก”
“ครับ”
ฉันนั่งทบทวนชีวิตที่ผ่านมาของฉันอยู่เงียบๆ ชีวิตของฉันทำกรรมอะไรไว้ เหตุใดถึงพบเจอเเต่ความโชคร้ายไม่มีสิ้นสุด เกิดมาไร้พ่อเเม่คอยเป็นร่มโพธิ์ร่มไทร พอเริ่มตั้งตัวได้กลับมีโรคเเทรกเข้ามาให้ไร้ความสุข
สองปีสินะ.....
.
.
.
ในลานพักผ่อนของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง ผู้ป่วยสาวนั่งอยู่ในศาลาริมน้ำ ใบหน้าที่เคยงามสะพรั่งตอนนี้กลับซูบเซียวอันเป็นผลจากโรคร้าย ทว่าเค้าความงามยังคงเหลืออยู่ให้เห็น
เธอนั่งอยู่บนม้านั่ง ข้างกายมีคุณหมอหนุ่มที่คอยดูเเลไม่ห่าง
"นี่ก็ผ่านมาเเล้ว 8 เดือนสินะ"เธอกล่าวออกมาด้วยรู้เวลาของตนเองดี
"ครับ..."
"พี่หมอดูเเลฉันดีมากเลยนะคะ "ทั้งซื้อวิกผมเเท้มาให้เมื่อผมของฉันร่วงจนหมดหัว คอยซื้อของดีๆมาให้ฉันทานตลอดเเม้จะทานไม่ลงก็ตาม
"ฉันขออะไรสักอย่างได้ไหมคะ"เธอเอี้ยวตัวไปเอ่ย พร้อมกลับยิ้มจนดวงตาโค้งคล้ายพระจันทร์
"ไม่นานฉันคงจะจากโลกนี้ไป คุณหมอต้องหาคนดีๆเข้ามาดูเเลคุณหมอนะคะ "เธอเอ่ย เเพทย์หน่มเงียบไปครู่หนึ่ง ด้วยทั้งสองรับรู้ถึงอารมณ์ของตนดี
"....."
ทว่าอีกไม่นานคนหนึ่งต้องตายจาก อีกคนต้องใช้ชีวิตต่อไป หากจะเผยมันออกมาคงไม่ดีนัก
"นะคะ..."
"ครับ "ทั้งสองคนก้มหน้าเพื่อซ่อนน้ำตาไว้ ถ้าเราเจอกันเร็วกว่านี้ก็คงดี.....
วันที่ 15 เดือน 3 ปี 25xx
มือบางถูกกุมไว้เมื่อชีวิตเริ่มโรยรา รื่อหงหันมาเเย้มยิ้มให้พี่หมอ มือหนากระชับมือบางชวนอบอุ่นไปถึงหัวใจ
"ขอให้คุณหมอโชคดีนะคะ "
"พี่ปุ้ยก็ดูเเลตัวเองนะ หนูขอให้ชีวิตทำงานของพี่ปุ้ยเจริญรุ่งเรืองเจอเเต่คนดีๆ"
เสียงเเหบเเห้งของรื่อหงเอ่ย ก่อนเธอจะเข้าสู่ห่วงนิทราอย่างสงบ สัญญาณชีพจรขาดหายไป ในห้องพักตกอยู่ในความเงียบเเละความเศร้าที่กัดกินหัวใจคุณหมอหนุ่ม เสียงสะอื้นของปุ้ยยิ่งทำให้บรรยากาศเศร้ายิ่งขึ้น
"คุณหลับให้สบายเถอะ ไม่ต้องห่วงผม"เอ่ยจบริมฝีปากหยักก็จรดบนหน้าผากงาม ก่อนจะถอนออกมาด้วยจิตใจที่เศร้าสร้อย
ความคิดเห็น