ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Final Wish

    ลำดับตอนที่ #1 : การล่มสลายของรูซอิน และการกำเนิดใหม่ของผู้ใช้ลม

    • อัปเดตล่าสุด 21 ก.ย. 54


    Final Wish

    พรข้อสุดท้าย

    ตอนที่ 1 การล่มสลายของรูซอิน และการกำเนิดใหม่ของผู้ใช้ลม

                รูซอิน (Ruizin) ดินแดนที่ตั้งอยู่บนเนินผาใหญ่ พื้นที่เป็นลาน กว้างใหญ่ไพศาลทางตอนเหนือสุดในบรรดาเหล่าแค้วนอาณาจักรทั้งหมดทั้งมวล ในอดีตสถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่อาศัยของชนเผ่าหนึ่ง เป็นชนเผ่าที่ได้รับพลังจากเทพวายุ (เทพเจ้าแห่งลม) เป็นชนเผ่าพลังพิเศษที่สามารถดืงเอาพลังลมจากในอากาศมาใช้เป็นพลังงานของตนเองได้ ความสามารถที่โดดเด่นนี้ได้มาเป็นที่ต้องตาของอาณาจักรใหญ่ ที่มุ่งแต่จะแสวงหาผลประโยชน์ และอำนาจบารมีอย่างอาณาจักร โมโนแมร์ (Monomare)  ด้วยสาเหตุนี้ หายนะจึงได้บังเกิดขึ้นกับดินแดนแห่งนี้ที่ชื่อ รูซอิน

               

    หนี่งเดือนก่อนพิธีบูชาเทพของชนเผ่ารูซ ในฤดูหนาวช่วงที่อากาศแปรปรวน ได้มีการประชุมร่วมระหว่างแค้วนขึ้นที่อาณาจักร ออโรร่า (Aurora)เนื้อหาหลักๆก็เป็นเรื่องที่โมโนแมร์เสนอขึ้น เพื่อมุ่งหมายจะโจมตีกวาดล้างรูซอิน โดยใช้การประโคมเหตุผลให้ร้ายกับรูซต่างๆ นาๆ จนได้ผลสรุปตามที่ตนเองต้องการ เพราะความยำเกรงจากแค้วนต่างๆ จะมีก็เพียงตัวแทนจากแค้วน กรีนเดล เซนจูรี่ และ อีสบลู เท่านั้นที่ยืนยันคัดค้าน แต่อย่างไรก็ตามผลก็คือ โมโนแมร์ ใช้กำลังบุกขึ้นโจมตี และวางกลลวง เพื่อกวาดล้างชนเผ่ารูซในคืนพิธี จนสิ้นซากในที่สุด แต่ทว่า กลับมีเด็กน้อยคนหนึ่งเล็ดลอดพลัดตกเหวไป แม้ว่าทหารของโมโนแมร์จะออกควานหาอย่างละเอียด แต่ก็ไม่อาจพบศพแต่อย่างได

               

    กราโด้ รูซคนสุดท้ายที่พลัดตกเหวได้รับการช่วยเหลือจากเอล์ฟ ผู้ครอบครองป่าใหญ่ อาณาจักร กรีนเดล (Green Dail)แล้วจากนั้นจึงถูกส่งเพื่อรับการดูแลต่อที่อารามหลวง ในดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ เซนจูรี่ (Century)แห่งทิศตะวันออก การที่กราโด้ตกจากหุบเหวที่สูงเสียดฟ้านั้น แม้ว่าร่างกายได้รับเพียงความบอบช้ำภายนอก แต่ความสามารถในการลำลึกถึงความทรงจำเมี่อครั้งอดีตได้เลือนหายไป เหลือเพียงจิตรวิญญาณของผู้ใช้ลมเท่านั้น ที่เป็นสิ่งยืนยันถึงชาติกำเนิดและเผ่าพันธุ์ของตนเอง วัยที่ยังเด็กเป็นช่วงอายุที่จิตรสำนึกขั้นพื้นฐานยังไม่แกร่งกร้าว จึงทำให้ความทรงจำที่สูญเสียไปไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของเขา อาจจะเป็นการดีต่อตัวเขาด้วยซ้ำ ที่จะได้ไม่ต้องแบกรับ ความขมขื่นที่เกิดขึ้นตั้งแต่ยังเยาว์วัย การใช้ชีวิตอยู่ที่อารามหลวง ทำให้เขาได้เรียนรู้การฝึกจิตรทำสมาธิ ที่สามารถช่วยให้เขาควบคุมความแปรปรวนของอารมณ์และจิตรใจที่รุนแรงสำหรับผู้ใช้ลมได้ นอกจากนั้นยังได้ผึกเพลงมวยกับเหล่านักบวชที่ฝึกกันอยู่เป็นประจำเพื่อมีใว้สำหรับป้องกันตัว และกับ เรรินบุตรสาวท่าน ลอร์ด พรีสเนอร์ ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นประมุข ประจำอารามหลวงแห่งนี้ด้วย นอกจากนั้น ท่านลอร์ด พรีสเนอร์ยังเป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น เทพรักษาด้วยวิธีการรักษาโรคภัยโดยการใช้เวทมนต์ แต่ทว่าเรรินบุตรสาว กลับชมชอบวิชาการต่อสู้เสียอย่างนั้น ทำไห้เธอได้คลุกคลีกันกับกราโด้อยู่เสมอๆ ไม่นาน ทั้งสองคนก็สนิทสนมรักใคร่กันดุจพี่น้องร่วมสายเลือดเดียวกันจริงๆ

    เย็นวันหนึ่ง ขณะที่กราโด้นั้งเล่นอยู่แถวสระน้ำข้างบ่อน้ำพุ ได้มีองครักษ์แห่งอารามหลวงนายหนึ่ง เข้ามาเรียกตัวเขาให้เข้าพบท่านลอร์ด พรีสเนอร์ ที่โถงไหญ่ในพระอารามหลวง ลอร์ดพรีสเนอร์ด้บอกกับเขาว่า บัดนี้ตัวเขาได้เติบโตพอควรแล้ว ถึงเวลาที่ต้องออกเดินทางไปยัง ออโรร่านคร เพื่อเรียนรู้และแสวงหาวิถีชีวิตของตนเองเสียที โดยที่นั่นเขาจะได้เข้าอาศัยอยู่กับ มิราจ คาเอร่านักสร้างอาวุธประจำวังหลวง ในฐานะบุตรบุญธรรม และตัวเขาจำต้องใช้ชื่อที่ได้รับการตั้งไหม่คือ มิราจ ไลฟ์ ซึ่งตั้งโดยท่านลอร์ด พรีสเนอร์นั่นเอง ความหมายของชื่อนี้บ่งบอกถึงว่า ช่วงชีวิตอันแสนเลวร้ายที่ผ่านมา มันเป็นเพียงภาพลวง ลอร์ดพรีสเนอร์ไม่อยากให้เขายึดติดและจมอยู่แต่ในห้วงอดีต ซึ่งตัวเขาก็เข้าใจและรับคำแต่โดยดี เรรินที่แอบสังเกตดูอยู่ รู้สึกใจหายไปวาบใหญ่ เมื่อการสนทนานั้นสิ้นสุดลง  

    ในวันออกเดินทาง เรรินพยายามดิ้นรนสุดชีวิตที่จะเดินทางไปกับไลฟ์ แต่ก็ไม่เป็นผล เนื่องจากท่านลอร์ดพรีสเนอร์ ผู้เป็นบิดายืนยันที่จะไม่อนุญาติเป็นเด็ดขาด เธอจึงตัดสินใจขัดคำสั่งแอบลอบออกจากอารามหลวงมุ่งหน้าตามรอยของไลฟ์ไป เมื่อลอร์ดพรีสเนอร์ทราบว่าเรรินได้หายไปจากวิหารหลวงก็เข้าใจทันทีว่าเธอต้องแอบไปตามหาไลฟ์อย่างแน่นอน จึงได้สั่งการให้ทหารออกตามหาอย่างเร่งด่วนโดยทันที

    ช่วงเวลายามเย็นก่อนที่ตะวันจะลับขอบฟ้าไป ไลฟ์ได้เดินทางผ่านพ้นเขตป่าดิบใหญ่เข้าสู่เขตพื้นที่รอยต่อระหว่างเซนจูรี่กับราชอาณาจักร เพียร์(Pear) ในขณะที่เดินทางอยู่นั้นเขาได้พบเข้ากับโจรป่าที่คอยดักปล้นนักเดินทางแถบนั้น แต่ด้วยสติปัญญาและวิชาฝีมิอที่ได้ร่ำเรียนมาจากอารามหลวง ทำให้เขาสามารถเล่นงานโจรป่าพวกนั้นทั้งสี่คนจนกระเจิดกระเจิงหนีหัวซุกหัวซุนหายเข้าป่าไป ชั่วยามไห้หลังตอนพลบค่ำตะวันตะวันตกดินไปแล้ว ทหารประจำวิหารหลวงได้ตามมาถึง ไลฟ์ตกใจจนแทบช็อกเมื่อทราบว่าเรรินได้แอบลอบออกจากอารามหลวงเพื่อตามตนมาเพียงลำพัง แต่ทว่าระหว่างทางมาถึงที่นี่เหล่าทหารที่ออกตามหากลับไม่พบตัวเธอแม้เงา แวบหนึ่งในเสี้ยวของความคิดไลฟ์ได้นึกถึงพวกโจรป่าที่ถูกตนเล่นงานไปตอนหัวค่ำ ถ้าเกิดว่าบังเอิญเรรินไปเจอพวกมันเข้า ถึงแม้ว่าฝีมือของเธอจะเหนือกว่า แต่ด้วยพละกำลังกับจำนวนศัตรูที่มีมากกว่าย่อมเป็นไปได้ไม่ยากที่เธออาจจะพลาดท่า ทันทีที่หัวคิดวิเคราะห์เสร็จ ไลฟ์จึงได้มุ่งเข้าป่าไปอีกครั้งตามทางที่กลุ่มโจรพวกนั้นหนีเข้าไป ช่วงเวลาที่กระวนกระวายใจจนสติไม่คงที่ ไลฟ์ได้เผลอดึงเอาความสามารถของผู้ใช้ลมออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว ขณะที่ในหัวครุ่นคิดถึงเพียงแต่เรื่องความปลอดภัยของเรริน จึงไม่ได้สังเกตถึงความผิดปรกติของตัวเองที่เกิดขึ้น ความเร็วในการเคลื่อนที่ที่รวดเร็วราวกับล่องหน และความรู้สึกสัมผัสแปลกๆถึงสี่งมีชีวิตต่างๆรอบข้างที่ประดังเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย แวบหนึ่งเขาสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่บ่งบอกว่า โจรป่ากลุ่มนั้นอยู่ข้างหน้าไม่ห่างจากตัวเขามากนัก และในกลุ่มพวกมันมีเรรินรวมอยู่ด้วย

    ไลฟ์ปรากฏกายต่อหน้ากลุ่มโจรพวกนั้นอย่างฉับพลัน นั้ยต์ตาสีเขียวมรกตที่เป็นสัญลักษณ์ของรูซหรือชนเผ่าผู้ใช้ลมของเขาสร้างความตระหนกตกใจต่อเจ้าโจรป่าทั้งสี่คนขึ้นมาทันที ยกเว้นเจ้าคนที่ตัวใหญ่สุดในกลุ่มที่มีท่าทางเก่งกาจเอาการ แลดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าในกลุ่มพวกมันด้วย ซึ่งเขาไม่ได้เจอเมื่อตอนหัวค่ำ เขามองดูร่างของเรรินที่ถูกมัดตรึงกับต้นไม้ใหญ่กับสีหน้าที่ห่อเหี่ยวอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกผิดที่สุมอยู่เต็มอกไม่เหลือคราบความสดใสงดงาม กับแววตาช่างสงสัยน่ามองเหมือนอย่างเคย เมื่อเห็นไลฟ์ปรากฎกายต่อหน้าเธอในเวลานี้ แต่เขาก็รู้สึกเบาใจลงเมื่อสังเกตเห็นว่าร่างกายของเธอยังถูกห่อหุ้มด้วยอาภรณ์ศักดิ์สิทธิ์อยู่ ซึ่งมีลักษณะเป็นเหมือนชุดเกราะสีทองเรืองๆห่อหุ้มร่างกายอยู่ เป็นวิชาเวทย์ป้องกันของเซนจูรี่ที่สมบูรณ์และทรงประสิทธิ์ภาพ ทั้งทางกายภาพจากศาสตราวุธและเวทมนต์ด้วย เพียงแต่วิชาเวทย์นี้จำเป็นต้องใช้ออร่าในปริมาณที่มหาศาล และขณะที่สวมอาภรณ์นี้อยู่จะไม่สามารถแบ่งออร่าเพื่อใช้ในการโจมตีได้เลย

    ไลฟ์วิเคราะห์สถานการอย่างคร่าวๆ ก็เดาได้ว่าอาภรณ์ศักดิ์สิทธ็ของเรรินคงไกล้ถึงขีดสุดแล้ว ฉนั้นจึงควรเร่งลงมือก่อนที่เธอจะหมดกำลัง เขาพุ่งเข้าโจมตีตัวหัวหน้าก่อนด้วยหมัดลุ้นๆซัดเข้าเต็มยอดคางด้วยความเร็วที่ใวยิ่งกว่าพริบตา จนร่างของโจรป่าผู้นั้นปลิวว่อนไปกระแทกเข้ากับต้นไม้ใหญ่ไกล้กันกับเรรินก่อน แล้วจึงพับร่างสลบกองอยู่กับพื้น พวกโจรที่เหลือกันอยู่อีกสี่คนเห็นท่าไม่ดีจึงชักอาวุธออกมากันอย่างครบมือทั้งดาบ ทวน ธนู แม้ว่าฝีมือและความว่องใวของไลฟ์จะเหนือกว่า แต่ด้วยวิชาที่มีอยู่อย่างจำกัดทำให้การต่อสู้แบบประจัญหน้ากับศัตรูที่มีอาวุธครบมือกับจำนวนที่เยอะกว่าเป็นเรื่องที่หนักหนาเอาการเลยทีเดียว อีกทั้งยังต้องคอยระวังไม่ให้เรรินได้รับอันตราย การต่อสู้ดำเนินไปพักหนึ่งก็ได้สิ้นสุดลง โดยที่โจรป่าทั้งสี่คนถูกเตะต่อยจนร่างกายบอบช้ำนอนโอดครวญกันระเนระนาด ทางด้านไลฟ์เองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเอาการ ร่างกายโชกไปด้วยเลือดจากบาดแผลที่ถูกฟันแทงจากอาวุธของศัครู ขณะที่พึ่งจะสัมผัสกับกับชัยชนะ เสียงร้องโอดครวญของเรรินก็ดังก้องขึ้น ทันทีที่หันไปก็พบร่างของเธอที่พ้นสภาพจากอาภรณ์ศักดิ์สิทธืไปแล้ว ถูกหัวหน้าโจรป่าร่างยักษ์ตนนั้นขย้ำคอชูขึ้นอย่างสมใจมัน ไลฟ์มองไปรอบๆบริเวณอย่างพิจารณา ไม่เห็นแม้แต่วี่แววของทหารที่ตามมาช่วยเหลือ ในสถานการณ์เช่นนี้เขาจึงทำได้เพียงหลับตายอมรับชะตากรรม ปล่อยให้พวกโจรป่าที่ต่างประคองตัวขึ้นด้วยความรู้สึกของผู้กำชัยชนะในที่สุด ลงมือแก้แค้นตนอย่างตามใจชอบ ทั้งการทรมานและสังหารตนอย่างสาสมใจพวกมัน เพราะเป็นเพียงทางเดียวที่จะยังพอยื้อเวลาให้ได้บ้าง แม้สักนิดก็ยังดี ต่อหน้าเรรินที่ร้องระงม โอดครวญจนแทบคลั่งด้วยความเจ็บปวด ที่จิตใจถูกบดขยี้จนยับเยิน  เขายิ้มให้กับเธอบางๆ ในใจเพียงภาวนาอย่างเดียวว่าขอให้ทหารเซนจูรี่มาช่วยเธอไว้ได้ทัน ก่อนที่เธอจะได้รับอันตราย จนวินาทีสุดท้ายก่อนที่สติของเขาจะหมดลงไป


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×