ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    <<หนี้แค้นในหัวใจ>>

    ลำดับตอนที่ #5 : แค่เอื้อม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 112
      0
      15 มี.ค. 48

    ตอนที่ 5 แค่เอื้อม

        



    ...อะไรกัน ทำไมเราถึงตอบอะไรไปแบบนั้น ปฏิเสธงั้นเหรอ ไม่ได้นะ โอกาสอยู่ตรงหน้าแล้ว อยู่แค่เอื้อมเท่านั้น ทำไมล่ะ ลังเลอะไรอีก เขาทำเราเจ็บก่อนต่างหาก พวกมันต่างหากที่ต้องชดใช้กรรมที่พวกทำเอาไว้กับเรา พวกมัน...

        

    “คุณปฏิเสธ?” ชายหนุ่มทวนคำพูดของเธออีกครั้งเพื่อความมั่นใจ ในใจของเขานั้นอยากให้หญิงสาวตรงหน้าเป็นคนที่เขารอคอยมานานแสนนานเหลือเกิน ถ้าเธอปฏิเสธ ทุกอย่างก็จบ



    “ขอโทษค่ะ ฉันอาจจะยังสับสนกับเรื่องที่คุณพูดอยู่บ้าง ถ้ายังไงขอฉันกลับไปทบทวนให้ดีก่อน...”

        

    “ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นผมจะขอนัดเจอคุณได้ที่ไหนและเมื่อไรครับ”

        

    “.............”

        

    “ผมให้นามบัตรคุณเอาไว้ ถ้าคุณพร้อมเมื่อไร คุณติดต่อผมได้ไหมครับ” วิธวินท์บอกพร้อมกับยื่นนามบัตรของเขาให้กับเธอ หญิงสาวรับมา และทันทีที่เธอเห็นชื่อของชายหนุ่ม แววตาที่มองชายหนุ่มด้วยความเย็นชาและเรียบเฉยก็เปลี่ยนไป กลายเป็นแววตาที่ดูอ่อนโยน คล้ายกับว่ามองคนคุ้นเคย แต่สักพัก แววตานั้นก็กลับเรียบเฉยเช่นเดิม

        

    “ได้ค่ะ ฉันจะติดต่อคุณเอง ถ้าไม่มีธุระอะไรอีก ฉันขอตัวนะคะ” หญิงสาวรับปาก ทำให้วิธวินท์มีความหวังเรืองรองขึ้นมา เขาพยักหน้ารับให้เธอ ก่อนที่หญิงสาวจะเดินแยกตัวออกไป

        

    “เดี๋ยวครับคุณ....อย่าเพิ่งไป” ชายหนุ่มเรียกเธอให้หันกลับมา หญิงสาวมองกลับมาด้วยความงุนงง

        

    “มีอะไรคะ”

        

    “คุณช่วยบอกชื่อของคุณได้ไหมครับ อย่างน้อยก็เป็นความหวังแรกของพวกผม” ชายหนุ่มถามหญิงสาว เธอไตร่ตรองอยู่สักครู่ก่อนจะตอบไปว่า “ฉันจะบอกคุณเองเมื่อถึงเวลา...ขอตัวนะคะ” เธอตอบเขาแล้วรีบเดินไปอย่างรวดเร็ว



    &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&

        

    “.....คิโนชิตะ ยูเมมิ”

        

    “คนญี่ปุ่นเหรอคะ?” ศริมนถามด้วยความผิดหวังเมื่อได้ยินคำตอบจากปากของมาซายะ

        

    “ครับ...” ชายหนุ่มตอบ เขารู้สึกตะหงิดๆ กับคำถามของหญิงสาวข้างเคียงบ้างเล็กน้อย คนญี่ปุ่น?? เพื่อนสาวของเขาเป็นคนญี่ปุ่นที่เติบโตและใช้ชีวิตอยู่ที่ญี่ปุ่นตลอดเวลาเหมือนกับตัวเขาไม่ใช่เหรอ แต่มันก็มีเรื่องที่น่าแปลกใจ เขาเคยได้ยินยูเมมิพูดภาษาที่เขาไม่เข้าใจกับญาติของเธอ มันคงเป็นภาษาไทย ...ทำไมต้องพูดภาษาไทยด้วย…

        

    ...ล้อเล่นน่า ยูเมมิน่ะเหรอ แต่จะว่าไปแล้ว เธอหาที่พักที่นี่ได้เร็วมาก แถมยังมีคนรู้จักอยู่ที่นี่ด้วย หรือว่าเธอไม่ใช่...ถ้าอย่างนั้น ยูเมมิเป็นใครกันแน่...

        

    ระหว่างที่ความสับสนกำลังเกาะกินจิตใจของชายหนุ่มทีละน้อยนั้น เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นเรียกสติให้กลับมาพอดี ใครกันที่โทร.มาเวลาแบบนี้...ยูเมมิ...

        

    “..............”

        

    “มาซายะ ได้ยินหรือเปล่า” หญิงสาวกรอกเสียงเข้าไปเมื่อไม่ได้ยินเสียงใดใดของมาซายะ เพื่อนของเธอ

        

    “ได้ยิน....เธออยู่ไหน” ชายหนุ่มถามราวกับคนไม่มีสติ แต่เพื่อนสาวของเขาก็มีเรื่องครุ่นคิดมากมายใจจิตใจ จึงไม่สังเกตถึงความผิดปกตินี้

        

    “ขอโทษนะ ฉันรู้สึกเพลียๆ ขอโทษที่เอาแต่ใจ แต่...วันนี้เรากลับกันก่อนได้ไหม มันเหนื่อยๆ ยังไงก็ไม่รู้ เรากลับกันก่อนได้ไหม”

        

    “ดีเหมือนกัน ฉันเองก็อยากกลับเหมือนกัน ตอนนี้เธออยู่ไหน” เขาตอบรับคำของยูเมมิทันควัน ความสับสนมีมากเกินกว่าที่จะทนเล่นสนุกสนานต่อไปได้

        

    “ฉันเดินมาตรงทางออกอยู่...”

        

    “งั้นเจอกันที่ทางออก ตรงที่ซื้อตั๋วก็แล้วกันนะ เธอรออยู่นั่นแหละ” ชายหนุ่มบอกสถานที่ และหยุดการสนทนาลง ถึงแม้ว่าสติจะกระเจิงไม่อยู่กับตัวแล้ว แต่เขาก็ยังมีมารยาทมากพอที่จะหันไปลาศริมนซักคำ

        

    “ขอโทษนะ เพื่อนผมเขาไม่ค่อยสบาย ผมคงต้องกลับล่ะ”

        

    “ไม่เป็นไรค่ะ ไว้เจอกันนะคะ” หญิงสาวโบกมือลามาซายะด้วยความเสียดายที่หมดโอกาสจะได้พบกับเพื่อนสาวของเขา

        

    หลังจากแยกกับมาซายะแล้ว ศริมนจึงเดินกลับไปหาพี่ชายตามที่นัดไว้ สองพี่น้องมีอาการเหมือนกันอย่างน่าประหลาด คือ เงียบงันครุ่นคิดอย่างสงบภายในจิตใจ ซึ่งเรื่องที่ครุ่นคิดนั้นเป็นเรื่องเดียวกัน คือ เรื่องของหญิงสาวคนนั้น ด้วยอาการของทั้งสองทำให้ไม่มีใครอยากจะอยู่ที่สวนสนุกต่อ สองพี่น้องจึงชวนกันกลับ ไม่ใช่กลับบ้าน แต่มุ่งหน้าไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง...ไปหาท่านประธานศักดิ์ชัย เสถียรวงศ์



    &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&



    “ท่านคะ มีแขกมาพบค่ะ” เลขานุการสาวหน้าห้องทำงานกดอินเตอร์โฟนเข้าไปรายงานให้เจ้านายของเธอทราบ

        

    “นัดไว้เหรอ....” ศักดิ์ชัยถามด้วยความสงสัย เขาตรวจนัดหมายประจำวันทุกเช้า แต่ไม่มีข้อความระบุว่ามีผู้เข้ามาติดต่อในเวลานี้

        

    “ไม่ใช่ค่ะ เป็นคุณศริมนกับคุณวิธวินท์ค่ะ”

        

    “ให้เข้ามาเลย” ศักดิ์ชัยรีบออกคำสั่งทันทีที่ได้ยินชื่อคนทั้งสอง มันไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่ลูกของเพื่อนจะมาหาเขาในยามปกติ แสดงว่าจะต้องมีธุระสำคัญ และธุระนั้นอาจจะเป็นสิ่งที่เขาเฝ้ารอคอยมานานก็เป็นได้

        

    “สวัสดีครับ / ค่ะ คุณอา” สองพี่น้องพูดขึ้นพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย

        

    “นั่งก่อนสิ วินท์ หนูออม...คุณพรรณ ช่วยบอกแม่บ้านให้เอากาแฟ 3 ที่เข้ามาหน่อย” ศักดิ์ชัยเชื้อเชิญให้ศริมนและวิธวินท์นั่งที่โซฟารับแขก ก่อนจะกดอินเตอร์โฟนเรียกเลขาฯ ให้ไปบอกแม่บ้านนำกาแฟเข้ามา

        

    “ขอโทษที่รบกวนค่ะ คุณอา พอดีว่าออมมีเรื่องอยากจะปรึกษาคุณอาค่ะ เรื่องพี่คนนั้น” ศริมนเริ่มเรื่อง ทำให้วิธวินท์ต้องมองหน้าน้องสาวอย่างแปลกใจที่เธอมาพบศักดิ์ชัยด้วยเรื่องเดียวกับเขา “ผมก็เหมือนกันครับ เรื่องของเธอ...” ชายวัยกลางคนพยักหน้ารับช้าๆ พยายามควบคุมไม่ให้ความตื่นเต้นพุ่งพรวดจนเกินไป

        

    “งั้นออมเริ่มเลยนะคะ วันนี้ออมกับพี่วินท์ไปสวนสนุกเผื่อว่าจะเจอพี่สาว มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ออมแยกกับพี่วินท์ไปเล่นเฮอริเคน ออมเจอกับผู้ชายคนหนึ่ง เขาเป็นคนญี่ปุ่น...พอดีว่ามีเรื่องนิดหน่อย ออมเลยได้คุยกับเขา เขาเล่าว่าเพื่อนเขา เธอเคยมาที่ไทยตอนเด็กๆ แต่เธอพูดภาษาไทยได้ชัดมาก จากที่เขาเล่ามาเหมือนกับผู้หญิงคนที่ออมบอกว่าหน้าตาเหมือนอาหญิงน่ะคะ ออมเลยคิดว่าอาจจะเป็นคนเดียวกัน แต่...” เธอเว้นระยะเอาไว้ สีหน้าดูหดหู่ลงเมื่อเล่ามาถึงตรงนี้

        

    “แต่อะไรยัยออม” คำถามจากพี่ชายของหญิงสาว ชายหนุ่มดูจะให้ความสนใจกับเรื่องนี้มากเป็นพิเศษเลยทีเดียว

        

    “ออมถามชื่อเธอจากเขา แต่...คำตอบที่ออมได้รับมันทำให้ออมสับสนไปหมด และคิดว่าที่ออมเข้าใจอาจจะผิดก็ได้ เธออาจจะไม่ใช่คนที่เราตามหา เธออาจจะเป็นคนละคนกับคนที่ออมเจอ ออมไม่รู้ว่าออมควรจะคิดยังไงต่อไป มันสับสนมากเลย” ศริมนระบายความอัดอั้น

        

    “เดี๋ยว...หนูออม ผู้หญิงคนนั้นชื่ออะไร”

        

    “ยูเมมิค่ะ คิโนชิตะ ยูเมมิ” ทันทีที่ชื่อนี้หลุดออกจากปากของศริมน ทั้งห้องก็เกิดความเงียบกริบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถูกทำลายความเงียบโดยผู้เป็นเจ้าของห้อง

        

    “อย่างนั้นเหรอ หรือว่า....” ศักดิ์ชัยพูดด้วยความผิดหวัง ไม่ใช่ลูกสาวที่เขาตามหา??

        

    “คุณอาครับ ผมก็เจออะไรบางอย่างเหมือนกัน ผมคิดว่าเธออาจจะเป็นคนที่เราตามหาก็ได้นะครับ” แม้จะเกิดความสับสนมากมาย แต่เมื่อนึกถึงลักษณะท่าทางตลอดจนอาการที่แสดงออกของหญิงสาวคนนั้นแล้ว ก็เกิดมีแสงสว่างดวงน้อยขึ้นในจิตใจของเขา

        

    “ผมเจอเธอในช่วงที่แยกกับยัยออม มันเป็นเรื่องบังเอิญมาก เธอเป็นคนเดียวกับที่ผมเคยเจอที่สนามบิน เท่าที่ผมคุยกับเธอ ผมคิดว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่เธอจะเป็น...” วิธวินท์พูดขณะที่นึกถึงความโกรธที่หญิงสาวผู้นั้นแสดงออกมาด้วย

        

    “ท่าทางของเธอเหมือนกับว่าเธอกำลังโกรธทุกครั้งที่ผมพูดถึงคุณอากับคุณย่า ตอนที่ผมเล่าให้เธอฟังว่าคุณอาเริ่มหมดหวัง เธอแสดงความโกรธออกมาอย่างชัดเจน ผมไม่คิดว่าถ้าเธอเป็นคนที่เพิ่งเคยฟังเรื่องจากผมครั้งแรกจะมีอาการแบบนั้นได้ บางครั้งเธอก็หลุดปากเหมือนกับว่าเธอเป็นคนที่เราตามหาจริงๆ ผมเลยขอให้เธอมาพบคุณอากับคุณย่า เธอดูสับสนมากเมื่อผมพูดถึงเรื่องนี้ พูดถึงตระกูลเสถียรวงศ์ เธอขอเวลากลับไปทบทวนก่อนแล้วเธอจะติดต่อผมอีกครั้ง ผมหวังว่าเธอจะเป็นคนที่เราตามหาจริงๆ ผมหวังอย่างนั้น”



    &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&



    เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงหลังจากกลับมา ทอฝันยังคงเก็บตัวอยู่ในห้อง จ้องมองดูรูปมารดาผู้เป็นที่รักเพียงอย่างเดียว ตอนนี้หญิงสาวไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรดี หนทางดูมืดมนไปเสียหมด

        

    “แม่คะ ทำไมฝันถึงสับสนล่ะคะ ทั้งๆ ที่ฝันรอสิ่งนี้มานานแล้วแท้ๆ ฝันคงอ่อนแอเกินไป แต่แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ ฝันไม่ลืมหรอกค่ะ ...ความแค้น... ฝันไม่ปล่อยให้มันอยู่อย่างมีความสุขอย่างแน่นอน มันต้องเจ็บปวดค่ะ เพราะฉะนั้น ฝันควรจะไปพบพวกเขาใช่ไหมคะ ฝันควรจะทำอย่างนั้น ใช่... ทำไมฝันต้องกลับมาคิดอีก ฝันจะไปพบพวกเขาด้วยความเข้มแข็ง ไม่ใช่คนอ่อนแอให้พวกเขากดขี่ข่มเหงอีกต่อไปแล้ว มันเป็นกรรมที่พวกมันต้องชดใช้ พรุ่งนี้ค่ะแม่ ฝันจะพบเขาพรุ่งนี้ ฝันจะไปเรียกร้องความเป็นธรรมให้แม่นะคะ คุ้มครองฝันด้วยนะคะ”

        

    &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&



    ระหว่างการสนทนา เสียงโทรศัพท์ของวิธวินท์ก็ดังขึ้นขัดจังหวะ สายเรียกเข้าเป็นเบอร์ที่ชายหนุ่มไม่รู้จักมาก่อน หรือว่าจะเป็นคนที่เขารอคอยกันนะ



    “ครับ วิธวินท์ครับ”



    “ฉันเองค่ะ....” ปลายสายตอบเขา ทำให้หัวใจของชายหนุ่มสูบฉีดอย่างแรงขึ้นทุกขณะ คนที่เขารอนั้นติดต่อกลับมาแล้ว



    “ครับ เราจะเจอกันที่ไหนดีครับ”



    “เอ่อ...” หญิงสาวเงียบไปเพราะนึกสถานที่นัดพบไม่ออก เธอเพิ่งมาที่นี่ได้ไม่นาน จึงไม่มีความรู้ด้านนี้มากเท่าไรนัก วิธวินท์เห็นว่าหญิงสาวคงนึกไม่ออก เขาจึงเสนอโรงแรมของเพื่อนของพัฒนา พ่อของเขาเป็นสถานที่นัดพบ



    “ที่โรงแรมเดอ ลุกซ์ดีไหมครับ อยู่ไม่ไกลเท่าไร ถ้าคุณนั่งแท็กซี่มาคงไม่มีปัญหา”



    “ตกลงค่ะ ส่วนเรื่องเวลา เอาซัก 11.00 น....พรุ่งนี้เลยดีไหมคะ” หญิงสาวเสนอขึ้น เธอคงไม่รู้เลยว่าชายหนุ่มตรงหน้ามีท่าทางยินดีแค่ไหนเมื่อได้ยินคำเสนอของเธอ หลังจากนัดแนะสถานที่และเวลาเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็ตัดบทจบการสนทนา



    “งั้นตามนี้เลยนะครับ ...พรุ่งนี้เจอกันครับ”



    “ค่ะ พรุ่งนี้เจอกันค่ะ...........พี่วินท์” ปลายเสียงที่ชายหนุ่มไม่มีโอกาสได้ยิน เพราะหญิงสาวรอให้เขาวางสายไปเสียก่อน



    &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&



    ในคืนนั้น มีหลายคนที่นอนแทบไม่หลับ ศักดิ์ชัยก็เป็นหนึ่งในนั้น เขาหยิบรูปภรรยาที่วางไว้บริเวณโต๊ะตัวเล็กๆ ข้างเตียงขึ้นมาดูด้วยรอยยิ้ม



    “ธรา...รู้ไหมว่าผมรอวันนี้มานานแค่ไหน เด็กคนนั้นที่วินท์กับหนูออมบอกว่าหน้าเหมือนคุณ ขอให้ใช่เถอะ ขอให้เด็กคนนั้นเป็นลูกของเรา ผมรอคอยแกมานานเหลือเกิน ลูกจะจำผมได้ไหมธรา ผมเป็นพ่อที่แย่ ทำผิดเอาไว้มาก ถ้าเขาโกรธผม ผมจะไม่โมโหหรอก มันสมควรอยู่แล้ว ขอแค่ให้ผมได้รู้ว่าลูกยังอยู่ ผมจะดูแลลูกของเราให้ดีที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างของผมจะเป็นของลูก คุณแม่เองก็อยากเจอหลานมาก... ท่านเสียใจกับการกระทำที่ผ่านมานะธรา..........พรุ่งนี้แล้ว พรุ่งนี้”



    &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&



    “คุณยายคะ ฝันเข้าไปได้ไหมคะ” หญิงสาวเคาะประตูเรียกผู้เป็นยายที่หน้าประตู

        

    “เข้ามาสิจ้ะ ยายยังไม่นอนหรอก”

        

    “.....มีอะไรฮึเรา ทุกทีไม่เห็นเป็นอย่างนี้นี่” คุณยายบุหงาพูดอย่างเอ็นดูหลานสาวเพียงคนเดียวที่เข้ามานอนหนุนที่ตักราวกับเป็นเด็ก

        

    “พรุ่งนี้ ฝันจะทำอะไรบางอย่างค่ะ แต่ฝัน...”

        

    “ลังเล ไม่มั่นใจ??....เรื่องอะไรล่ะ บอกยายได้ไหม” ผู้เป็นยายคาดเดาจากอาการของหลานสาว

        

    “นิดหน่อยค่ะ ฝันขอโทษที่ยังบอกคุณยายไม่ได้ ขอให้ฝันมั่นใจเสียก่อนแล้วฝันจะบอกคุณยายทุกอย่างเลยค่ะ” หญิงสาวตอบด้วยแววตามุ่งมั่นมาดหมาย

        

    “ไม่เป็นไร ถ้าพร้อมเมื่อไรค่อยบอกยายแล้วกัน ฟังยายนะฝัน ถ้าคิดว่าสิ่งที่เราจะทำเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนก็ทำซะ แต่ถ้าเป็นสิ่งที่ผิด คนอื่นเดือดร้อนก็อย่าทำ แค่นี้ก็พอ”

        

    “ถ้าถูกต้อง แต่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนล่ะคะ”



    &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&



    เช้าวันถัดมา



    “วันนี้จะไปไหนกันน่ะ วินท์ ออม เดี๋ยวนี้สองพี่น้องมีอะไรปิดบังแม่เยอะเหลือเกินนะ” นันทาพูดประชมแกมเง้างอนลูกชายลูกสาวของตนเอง เมื่อเห็นว่าศริมนพยักเพยิดกับวิธวินท์ให้ลุกขึ้นไปพร้อมกัน



    “โธ่! คุณแม่ขา ออมกับพี่วินท์ไม่ได้ไปเถลไถลที่ไหนซักหน่อย แต่วันนี้ ออมนัดกับคุณพ่อกับอาศักดิ์ชัยเอาไว้นี่คะ”



    “เอ๊ะ! คุณพัฒนา คุณก็ไถลไปกับพวกเด็กๆ ด้วยเหรอคะ ฉันไม่ยักรู้ ปิดบังกันดีจริงๆ” นันทาหันไปเอ็ดตะโรสามีเสียยกใหญ่



    “ไม่ใช่อย่างนั้น คุณนี่ก็ ไอ้ศักดิ์มันบอกให้ผมไปด้วย มันตื่นเต้น ผมก็ต้องเป็นเพื่อนที่ดีสิคุณ” พัฒนาอธิบายให้ภรรยาฟัง แต่ดูนันทาจะไม่ได้ตั้งใจฟังมากนัก



    “ค่ะๆ จะไปก็ไปเถอะ ถ้าเด็กคนนั้นเป็นลูกคุณศักดิ์จริงๆ ฉันก็ดีใจด้วย ครอบครัวนั้นจะได้สมบูรณ์ซักที



    &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&



    เวลา 10.50 น. โรงแรมเดอ ลุกซ์



    หญิงสาวร่างผอมบาง รูปร่างสูงเพรียว แต่งกายด้วยเสื้อแขนยาวสีครีม กระโปรงสีดำยาวเลยหัวเข่าลงมาเล็กน้อย ผมยาวสลวยปล่อยตามธรรมชาติ ใบหน้าและริมฝีปากรูปสวยถูกแต่งแต้มด้วยสีชมพูอ่อนๆ เธอก้าวลงจากรถแท็กซี่เมื่อพนักงานต้อนรับเปิดประตูให้ หญิงสาวเดินเข้ามาภายในโรงแรมเดอ ลุกซ์ ซึ่งตกแต่งอย่างสวยงามและหรูหราสมกับชื่อของโรงแรม



    เมื่อเข้ามาภายในตัวโรงแรม หญิงสาวเดินตรงดิ่งไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ตามที่ได้นัดแนะเอาไว้



    “ขอโทษนะคะ คุณวิธวินท์นัดฉันเอาไว้ค่ะ”



    “ค่ะ...เชิญที่ห้องพิเศษ 4 ได้เลยค่ะ ขึ้นลิฟท์ฝั่งซ้ายนะคะ อยู่ชั้น 2 พอออกจากลิฟท์แล้วไปทางขวา จะเป็นห้องที่ 2 ค่ะ” พนักงานประชาสัมพันธ์ตอบหญิงสาว เธอจึงเดินไปตามทางที่ได้รับคำบอกนั้น



    “ขอโทษค่ะ / ครับ” เสียงประสานดังขึ้น เมื่อชายหนุ่มและหญิงสาวคู่หนึ่งเอื้อมมือไปกดลิฟท์พร้อมกันพอดี



    “คุณ.....” วิธวินท์ทักขึ้นก่อนเมื่อเห็นว่าหญิงสาวตรงหน้านั้นเป็นใคร



    “สวัสดีค่ะ คุณมาคนเดียวหรือคะ” หญิงสาวถามเมื่อเห็นว่ามีเพียงเขาคนเดียวที่อยู่ตรงนั้น



    “เปล่าครับ คนอื่นๆ รออยู่ข้างบนหมดแล้ว ผมลงมาทำธุระข้างล่าง...ลิฟท์มาพอดี เราไปกันเถอะครับ” ชายหนุ่มพูดและตัดบทเมื่อลิฟท์มาถึง



    “คุณพร้อมนะครับ” วิธวินท์หันไปถามความมั่นใจหญิงสาวอีกครั้งก่อนจะเปิดประตูเข้าไปภายใน ซึ่งมีศริมน ศักดิ์ชัยและพัฒนารออยู่นั้น

    “ค่ะ” เธอตอบรับเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะก้าวตามชายหนุ่มเข้าไป



    “คุณอาครับ เธอมาแล้วครับ” วิธวินท์บอกเมื่อก้าวเข้ามาในห้องพิเศษ 4 คำพูดของเขาทำให้สายตาทุกคู่เพิ่งมองไปที่หญิงสาวผู้มาใหม่ทันที เธอก้าวเข้ามายืนข้างวิธวินท์อย่างสง่างาม โดยไม่แสดงความดีอกดีใจหรือเกรี้ยวกราดแต่อย่างใดออกมา



    “ธรา....ธรา....” ศักดิ์ชัยเอ่ยปากขึ้นอย่างเสียมิได้ ใบหน้าของหญิงสาวตรงหน้าผู้นี้ช่างเหมือนกับภรรยาที่จากไปราวกับแกะ เหมือนเสียยิ่งกว่าฝาแฝด เหมือนจนแยกกันไม่ออก คำพูดประโยคนี้ก็ทำให้คนรอบข้างเห็นได้ชัดเจนแล้วว่า หญิงสาวตรงหน้าและภรรยาของศักดิ์ชัยนั้น มีความเหมือนกันมากเพียงใด



    ….คุณพ่อ...นั่นคุณพ่อใช่ไหมคะ ฝันรอวันนี้มาตลอด รอที่จะได้พบกับพ่อ ทักฝันสักคำซิคะ ฝันอยากได้ยิน...ไม่สิ เขาทิ้งเรา เขาทิ้งเรากับแม่ เขาทิ้งเรา ไม่ได้นะทอฝัน ท่องเอาไว้สิ คนอ่อนแอไม่มีวันอยู่บนโลกนี้ได้หรอก เธอลืมไปแล้วเหรอ....  หญิงสาวร่ำร้องในใจ อยากจะทัก อยากจะพูดคุย แต่กำแพงความแค้นที่ใจของเธอสร้างเอาไว้นั้น มันอยู่สูงเกินกว่าที่ใครจะปีนข้ามมาได้



    &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×