ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    <<หนี้แค้นในหัวใจ>>

    ลำดับตอนที่ #2 : จุดเริ่มต้น

    • อัปเดตล่าสุด 2 มี.ค. 48


    ตอนที่ 2 จุดเริ่มต้น





    “เหมือนคุณแม่อย่างกับแกะเลยค่ะคุณ” ป้ายมเริ่มต้นบทสนทนาขณะที่อยู่กันตามลำพังกับคุณยายบุหงา หญิงสูงวัยมองไปที่ทอฝันอย่างชื่นชม

        

    “ใช่สิ แม่ยมพูดถูกจริงๆ นี่ฉันลืมไปได้ยังไง ถอดแบบแม่เขามาเสียทุกอย่าง เว้นอยู่เรื่องเดียวเท่านั้น...” คุณยายบุหงากล่าวขึ้นอย่างปลงๆ ในอุปนิสัยของหลานสาว

        

    แม้ว่าเธอจะมีหน้าตาสวยหวาน นิสัยร่าเริง อ่อนโยน เป็นที่รักของคนรอบข้างเหมือนกับผู้เป็นแม่ที่จากไป แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่หญิงสาวต่างจากมารดาโดยสิ้นเชิง นั่นก็คือ ความเจ้าคิดเจ้าแค้น จริงอยู่ที่ทอฝันไม่ได้ใช่คนเก็บกดหรือมองโลกในแง่ร้าย เธอไม่เคยเคียดแค้นหรือเก็บเรื่องใดใดมาใส่ใจให้เป็นทุกข์มากนัก เว้นเสียแต่การตายของผู้เป็นแม่ที่ทอฝันทั้งรักทั้งบูชาที่จากเธอไปตั้งแต่หญิงสาวอายุเพียงแค่ 5-6 ปีเท่านั้น ทำให้ทอฝันฝังลึกกับอดีตข้อนี้ ก่อเป็นความแค้นในจิตใจทีละน้อย ความแค้นที่ถูกสะสมมานาน ไม่สามารถลบเลือนไปจากจิตใจของเธอได้เลย นับวันมีแต่จะยิ่งทวีคูณ

        

    ป้ายมรับฟังเรื่องราวของทอฝันอย่างตั้งใจ คุณยายบุหงาถอนหายใจอย่างรู้สึกโล่งที่ได้ปรับทุกข์กับแม่ยมที่เป็นเสมือนเพื่อนเก่าแก่

        

    “แต่อิฉันว่าคุณหนูเธอก็น่าเห็นใจนะคะ เสียแม่ไปตั้งแต่ตัวแค่นั้น เธอคงไม่ยอมรับอะไรง่ายๆ หรอกค่ะ โธ่! คุณหนูของยม”



    &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&

        

    “ยูเมมิ...จะให้ฉันอยู่บ้านเดียวกับเธอได้เหรอ” ชายหนุ่มถามด้วยท่าทีร้อนรนราวกับว่าตัวเองกำลังจะทำอะไรบางอย่างผิดไป

        

    “ทำไมล่ะ เธอก็ไม่ได้ตัวใหญ่คับบ้านนี่ ทำไมจะอยู่บ้านเดียวกันไม่ได้” หญิงสาวถามกลับอย่างไม่เข้าใจในความหมายของเพื่อนหนุ่ม

        

    “ก็ฉันน่ะ เป็นผู้ชาย...ผู้ชายนะ”

        

    “ไม่เห็นจะเข้าใจเลย เป็นผู้ชายแล้วทำไมล่ะ บ้านฉันไม่ได้ติดป้ายห้ามผู้ชายเข้าสักหน่อย นี่เธอกลัวอะไรกันแน่”

        

    “ยัยเบ๊อะเอ๊ย! ยังต้องให้ฉันอธิบายอีกหรือไงเล่า ผู้หญิงกับผู้ชายที่ไม่ใช่ญาติกันอยู่บ้านเดียวกันน่ะมันไม่ดี คนเสียหายคือเธอนะ” มาซายะพูดด้วยความอาย

        

    “โธ่! เรื่องแค่นี้เอง ถึงจะไม่ใช่ญาติกันจริงๆ แต่เราก็เป็นทั้งเพื่อน ทั้งพี่น้องกัน เธอก็เหมือนเป็นพี่ชายแล้วก็เพื่อนที่ดีมากที่สุดของฉันเลยนะ อีกอย่าง เราไม่ได้อยู่แค่สองคน ญาติผู้ใหญ่ฉันก็มี จะกลัวอะไร ใครเขาจะว่าก็ช่างเขา เราบริสุทธิ์ใจซะอย่าง” ยูเมมิตอบด้วยรอยยิ้ม เพื่อไม่ให้ชายหนุ่ม เพื่อนรักของเธอคิดอะไรมากไปกว่านี้

        

    ...เหมือนเพื่อนเหมือนพี่เหรอ นี่เธอคิดแค่นั้นกับฉันเหรอ ทั้งๆ ที่ฉันไม่เคยคิดกับเธอแบบนั้นเลย หรือว่ามันเป็นแค่คำปลอบใจธรรมดาเท่านั้น เธอคงไม่ได้คิดกับฉันแค่นั้นหรอกนะ...



    &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&

        

    รถคันหรูของวิธวินท์เคลื่อนตัวเข้ามาจอดที่หน้าบ้านที่มีคนรอรับอยู่มากมาย ทั้งคุณผู้ชายของบ้าน คุณผู้หญิง แม่นม คนขับรถ และคนงานในบ้านอีกหลายคน คนทั้งหมดนี้มารอรับคุณหนูจอมเฮี้ยวของบ้าน หรือคือศริมน ที่นั่งหน้างอง้ำมาตลอดทางนั่นเอง

        

    “ออม เป็นไงบ้างลูก” นันทา ผู้เป็นแม่ถามอย่างห่วงใยบุตรสาว ทำให้พัฒนาและวิธวินท์แอบอมยิ้ม เพราะจำได้ดีว่าวันที่ศริมนตัดสินใจจะไปซัมเมอร์ที่ญี่ปุ่นนั้น นันทาขัดขวางและเกิดการทะเลาะใหญ่โต จนถึงขั้นไม่ยอมลงมาส่งศริมนในวันเดินทาง แต่ถึงกระนั้น ด้วยความเป็นแม่ นันทาก็ต้องโทร.ไปถามสารทุกข์สุขดิบศริมนอยู่ดี

        

    “แม่ไม่ให้ไปนะออม ห้ามไปจริงๆ ด้วย คิดบ้าอะไรหะถึงจะไป เราน่ะอายุแค่นี้ ถ้าไปแล้วโดนคนเขาหลอกเอาจะว่ายังไง ยังไงๆ แม่ก็ไม่ให้ไป ถ้าคิดจะไปจริงๆ ก็รอเรียนจบ ถ้าถึงตอนนั้น แม่จะให้ไป ฟังแม่อยู่หรือเปล่าหะ”

        

    “สบายดีหรือเปล่า ขาดเหลืออะไรไหม อยู่ที่นั่นได้หรือเปล่า จะกลับบ้านเมื่อไรก็ได้นะลูก ไม่ต้องรอครบกำหนดก็ได้ อยู่ได้แน่นะออม”


        

    “นี่คุณนัน ยัยออมลูกสาวเราไปซัมเมอร์นะ ไม่ใช่กลับจากรบ” พัฒนาพูดอย่างขบขันในท่าทางของภรรยา ทำให้นันทาหันมาค้อนวงใหญ่ให้สามี

        

    “เอ๊ะ! ฉันไม่เหมือนคุณนี่ ลูกกลับมาทั้งทียังยืนเฉยอยู่ได้ คุณนี่เป็นพ่อประสาอะไรคะ คุณพัฒนา”

        

    “โอ๊ยๆๆ!!! พ่อขา แม่ขา ออมเพิ่งกลับมา อย่าทะเลาะกันเลยนะคะ เอาเป็นว่าออมสบายดีค่ะ กินได้อยู่ดี กินอิ่มนอนหลับทุกมื้อ แต่สงสัยว่าวันนี้จะหลับไปลง” ศริมนพูดอย่างเซ็งๆ

        

    “ทำไมละลูก สงสัยจะเหนื่อยมากไปหรือเปล่า แม่บอกแล้วว่าอย่าไปๆ ก็ไม่เชื่อ” นันทายังไม่วายคิดเข้าข้างตนเอง

        

    “ไม่ใช่ค่ะ ที่ออมจะนอนไม่หลับเพราะไปเจอยัยบ้าบ๊องตื้นคนนึงต่างหาก ทำตัวติ๊งต๊อง ยังกะน่ารักตายงั้นแหละ”

        

    “ใครลูก...น้องพูดถึงใครฮึ ตาวินท์”

        

    “เอ่อ....คุณวดีครับ” ชายหนุ่มตอบลำบากใจ เพราะรู้ว่าถ้าคำตอบเข้าหูมารดาแล้ว ผลจะเป็นอย่างไร และมันก็เป็นไปตามคาดทุกอย่าง

        

    “ตายจริง! ออม ทำไมไปเรียกหนูวดีอย่างนั้นล่ะ ไม่เพราะเลยนะลูก หนูต้องเรียกว่าพี่วดีสิ ทีหลังอย่าเรียกอีกนะ ไม่น่ารักเลย” นันทาเตือนให้ศริมนเรียกยุบลวดีอย่างเหมาะสม เพราะถึงอย่างไร ยุบลวดีก็เป็นลูกสาวของเพื่อนตนเอง

        

    สักครู่ สาวรับใช้ก็เดินมาเรียกทั้งหมดไปที่ห้องอาหาร เพราะอาหารจัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ก่อนที่จะเดินไปนั้น ก็มีรถของผู้มาเยือนเข้ามาจอดพอดี ผู้มาเยือนเป็นชายวัยเดียวกับพัฒนา และหญิงชราอีกคน

        

    “อ้าว! นั่นนายศักดิ์กับคุณแม่นี่ สวัสดีครับ คุณแม่”

        

    “สวัสดีจ้ะ มื้อนี้ขอฝากท้องด้วยได้ไหมจ้ะ” หญิงชรากล่าวถามเพื่อนรักของบุตรชายอย่างเป็นกันเอง เพราะเป็นคนรู้จักกันมานาน

        

    “เชิญค่ะ นี่ยัยออมก็เพิ่งกลับมา ยัยออม ตาวินท์ สวัสดีคุณย่าเสียสิจ้ะ”

        

    “สวัสดี นี่เราอายุเท่าไรแล้วล่ะ” รัตนากล่าวถามศริมน

        

    “18 ค่ะ”

        

    “เหรอ พ่อศักดิ์ หลานแม่ป่านนี้จะอายุเท่าไร ถึง 18 หรือยัง” รัตนาหันไปถามบุตรชายถึงหลานสาวเพียงคนเดียวที่หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอยเป็นเวลาหลายสิบปี เธอนึกภาพหลานสาวตัวเองไม่ออก จึงต้องพยายามหาคนรุ่นเดียวกับหลานสาวเพื่อจะได้นึกภาพหลานสาวสุดที่รักออก

        

    “น่าจะประมาณ 21-22 นะครับ น้องเด็กกว่าวินท์กี่ปีนะ ยังจำได้ไหม”

        

    “3 ปีครับ ผมคิดว่าตอนนี้คงประมาณ 22 แล้วละครับ ไม่น่าจะผิดไปจากนี้” วิธวินท์ตอบอย่างมั่นใจเมื่อพูดถึงหญิงสาวคนนั้น เขาจำเธอได้มาตลอด แล้วถ้าเธอยังอยู่ เธอจะยังจำเขาได้ไหม ชายหนุ่มนึกคิดถึงหญิงสาวที่ไม่รู้ว่ามีตัวตนหรือเปล่าในใจ ศริมนเอียงคอมองพี่ชายอย่างงุนงงและไม่เข้าใจว่าคนที่ถูกกล่าวถึงนี้เป็นใคร แต่เธอก็เสนอแนะอะไรบางอย่าง ซึ่งนำไปสู่จุดเริ่มต้นของทุกสิ่งทุกอย่าง

        

    “ทำไมไม่ลองถามจากคุณแม่ของเธอละคะ” คำถามนี้เล่นเอาทำให้คนรอบข้างสะดุ้งไปเสียทุกคน คงจะมีเพียงศริมนเท่านั้นที่ยังไม่รู้เรื่องอะไรดี เพราะในเวลานั้นเธอเด็กเกินกว่าที่จะจำความต่างๆ ได้ ศริมนรู้เพียงแต่ว่าเธอไม่เคยเห็นภรรยาของอาศักดิ์ชัยมาก่อนเท่านั้น

        

    “ไม่ได้หรอก เธอไปจากพวกเรานานแล้ว นานมากแล้ว” ศักดิ์ชัยตอบหญิงสาวอย่างเศร้าใจ เหมือนกับทุกครั้งที่นึกถึงธราธาร คำตอบของเขาทำให้ศริมนรู้ว่าตัวเองพูดอะไรผิดไปแล้ว จึงพยายามหาแนวคิดใหม่เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกไม่ดีของทุกคน

        

    “แต่ออมว่าพี่สาวคนนั้นน่าจะมีหน้าตาที่คล้ายกับคุณอาไม่ก็คุณอาหญิงบ้างนะคะ เราดูจากหน้าตาก็ได้นี่คะ ไม่เหมือนซะทีเดียว แต่ก็น่าจะมีส่วนคล้ายบ้าง ถึงจะไม่ใช่เต็มร้อย แต่ดีกว่าไม่ทำอะไรเลยนะคะ ออมว่าเธอต้องอยู่ที่ไหนสักแห่ง คุณอาพอจะมีรูปคุณอาหญิงไหมคะ ออมมีเพื่อนเยอะ อาจจะมีสักคนที่รู้จักเธอก็ได้นะคะ” ศริมนเสนอความเห็น ทำให้ศักดิ์ชัยเริ่มมองเห็นแสงสว่างในชีวิต ความหวังที่จะได้บุตรสาวกลับคืนมาค่อยๆ เรืองรองมากขึ้นทุกขณะ เขาหยิบรูปธราธารขึ้นมาจากช่องเล็กๆ ในกระเป๋าสตางค์แล้วยื่นมันให้กับศริมนอย่างมีความหวัง

        

    ศริมนรับมาดู รูปใบนั้นดูเก่ามากแล้ว ขนาดก็ไม่ใหญ่เท่าไรนัก และความคมชัดก็เสื่อมไปตามกาลเวลา แต่ยังไง โครงหน้าก็ยังไม่เปลี่ยน

        

    “ผู้หญิงคนนี้....” ศริมนอุทานอย่างตกใจเมื่อได้เห็นรูปภาพชัดๆ เธอมั่นใจว่าเธอเคยเห็นหญิงสาวคนในรูปมาก่อน สักที่หนึ่ง

        

    “ออมรู้จักค่ะ ออมเคยเจอครั้งนึงที่สนามบินนาริตะที่ญี่ปุ่น ประมาณช่วงเช้าของวันนี้เองค่ะ ใช่แน่ๆ เหมือนกันมาก เหมือนทุกอย่าง เหมือนกันจริงๆ” ศริมนยืนยันด้วยความมั่นใจ เธอจำได้ดีว่าหญิงสาวในรูปเป็นคนเดียวกันกับที่เธอชนในสนามบิน หญิงสาวที่ดูเหมือนคนญี่ปุ่น แต่พูดไทยได้คนนั้น

        

    “ขอพี่ดูหน่อยสิออม” วิธวินท์ยื่นมือไปขอดูรูปหญิงสาวที่ว่า เขาคิดว่ามันอาจจะแค่เรื่องที่เขาคิดเอาเองก็ได้ แต่เมื่อรูปมาอยู่ตรงหน้า เขาก็เริ่มมั่นใจเหมือนกับน้องสาวขึ้นมาทันที

        

    “คุณอาครับ ผมก็เคยเจอเธอเหมือนกัน ที่สนามบิน แต่เป็นที่ดอนเมือง ไม่แน่ใจว่าจะใช่ผู้หญิงคนเดียวกับยัยออมหรือเปล่า ออม ผู้หญิงที่เธอว่าเขาบินมาไทยหรือเปล่า” วิธวินท์ถามอย่างร้อนรน ทำให้ศริมนแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทีของพี่ชาย

        

    “ออมไม่รู้ แต่อาจจะใช่มั้ง ออมแค่เดินชนเขาแล้วก็คุยด้วยกันนิดหน่อย แต่อาจจะใช่ก็ได้นะ ออมไม่แน่ใจว่าพี่คนนั้นเป็นคนไทยหรือเปล่า เธอดูเหมือนคนญี่ปุ่น แต่เธอพูดภาษาไทยได้คล่องมากๆ เลย ออมไม่แน่ใจ”

        

    “หมายความว่าทั้งวินท์แล้วก็หนูออมเคยเจอผู้หญิงที่บอกว่าหน้าตาเหมือนอาหญิงเหรอ วินท์เจอที่ไทย ออมเจอที่ญี่ปุ่น ญี่ปุ่น...ญี่ปุ่นเหรอออม” ศักดิ์ชัยถามเพื่อย้ำความแน่ใจ เมื่อพูดถึงประเทศญี่ปุ่น เขาก็นึกถึงเรื่องในอดีตที่ธราธารเคยพูดถึงญาติที่อาศัยอยู่ที่ญี่ปุ่นคนหนึ่ง

        

    “...จะย้ายไปอยู่ที่ญี่ปุ่น ธราเพิ่งรู้จาก...”  

        

    นี่เป็นข้อความที่ศักดิ์ชัยจำได้ แม้จะไม่ใช่ทั้งหมด แต่ในเมื่อมันเป็นคำพูดของธราธาร ก็แสดงว่าคนที่เธอพูดถึงนั้นคงจะเป็นญาติคนใดคนหนึ่งที่รู้จักสนิทสนมกันดีอย่างแน่นอน เพราะธราธารคงไม่เก็บเรื่องของคนอื่นที่ไม่รู้จักมาพูดถึงแน่นอน นั่นก็แปลว่า ลูกสาวของตัวเขาอาจจะอยู่ที่ญี่ปุ่นกับบุคคลลึกลับนั้นก็เป็นได้ อีกความหมายหนึ่งก็คือ หญิงสาวที่วิธวินท์และศริมนพบนั้นอาจจะเป็นลูกสาวของเขาที่เขาเที่ยวตามหามานับสิบปีก็เป็นได้



    &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&

        

    “แม่ขา ฝันมาถึงแล้วค่ะ ที่นี่ ประเทศไทย นี่เป็นบ้านของเราค่ะแม่ เป็นบ้านเดียวที่นี่ที่ฝันอยู่แล้วมีความสุข แม่ก็เหมือนกันใช่ไหมคะ ฝันรู้ดี ถึงฝันจะเด็กแค่ไหน แต่ฝันไม่มีวันลืมคนใจร้าย ใจดำ ไม่มีหัวใจแบบนั้นได้ลง ตอนแม่ยังอยู่ เขาก็ฆ่าแม่ทั้งเป็น ฝันเกลียดเขา ฝันไม่มีวันอภัยให้คนพวกนั้นเด็ดขาด ฝันจะเอาคืน ฝันจะแก้แค้น แม่เคยเจ็บช้ำแค่ไหน พวกมันต้องมากกว่า เป็นร้อยเป็นพันเท่า ฝันจะทำกับพวกมันให้สาสม มันฆ่าแม่ทั้งเป็น ฝันก็จะฆ่ามันทั้งเป็นเหมือนกัน ฝันยอมเป็นคนบาป โดนคนประณาม ฝันยอมทุกอย่าง ขอแค่ให้ฝันได้ชำระหนี้แค้นที่อยู่ในใจฝัน ให้ฝันได้แก้แค้นให้กับแม่ที่ฝันรักมากที่สุดก็พอแล้ว ฝันต้องการแค่นี้เท่านั้น แม่ช่วยคุ้มครองให้ฝันทำสำเร็จด้วยนะคะ ฝันรักแม่ค่ะ ฝันรักแม่” ทอฝันพูดกับรูปมารดาด้วยความเจ็บแค้น เมื่อมีแค้น ก็ต้องชำระ...



    &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&

        

    “แม่ขา...” เด็กหญิงตัวเล็กในวัย 5 ขวบเดินออกจากห้องนอนไปหาหญิงสาวผู้เป็นแม่ซึ่งกำลังทำงานอยู่อย่างขะมักเขม้น

        

    “ฝัน มีอะไรลูก ทำไมไม่นอนจ้ะ ดึกแล้ว กลับเข้าห้องนะคนดี” หญิงสาวพยายามกลั้นน้ำตาที่เอ่อล้นอยู่ที่ขอบตาเอาไว้ไม่ให้เด็กหญิงตัวน้อยได้เห็น

        

    “ดึกแล้ว แม่ก็ไปนอนกับหนูสิคะ หนูนอนไม่หลับ แม่ทำอะไรอยู่คะ”

        

    “เปล่าลูก แม่ทำงานค้างเอาไว้ ฝันเด็กดี กลับไปนอนนะจ้ะ เดี๋ยวคุณย่ามาเห็นจะโดนดุนะลูก อีกเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว หนูไปนอนรอแม่ในห้องนะจ้ะ”

        

    “ฝันอยากอยู่กับแม่ ฝันไม่กลัวคุณย่า ฝันยอมให้คุณย่าดุฝัน ตีฝัน แต่ฝันอยากอยู่กับแม่ ฝันรักแม่นะ ฮึกๆ” เด็กหญิงเอื้อมมือไปโอบกอดผู้เป็นแม่พร้อมกับร้องไห้กระซิก น้ำตาของลูกทำให้หญิงสาวกลั้นน้ำตาตัวเองไว้อยู่ เธอกอดลูกเอาไว้แล้วก็ร้องไห้

        

    “นั่นทำอะไรอยู่หะ งานที่ฉันสั่งน่ะเสร็จแล้วเหรอ มัวแต่โอ๋ลูกจนเสียคนเหรอ” เสียงของแม่สามีดังขึ้น หญิงสาวรีบปาดน้ำตาทิ้งทันที และหันไปตอบแม่สามี

        

    “เปล่าค่ะ คุณแม่ ยัยหนูนอนไม่หลับค่ะ แต่เดี๋ยวจะไปนอนแล้วค่ะ ราตรีสวัสดิ์คุณย่าแล้วไปนอนสิลูก งานที่คุณแม่สั่ง เดี๋ยวก็เสร็จแล้วค่ะ คุณแม่จะให้ทำอะไรเพิ่มอีกไหมคะ” หญิงสาวตอบพร้อมกับไล่ทอฝันให้ไปนอน

        

    “ไม่แล้วล่ะย่ะ เดี๋ยวหล่อนก็วิ่งไปฟ้องลูกชายฉัน แล้วเขาจะได้มาว่าฉันอีกน่ะสิ ฉันไม่กล้าแตะหล่อนหรอก ที่สั่งให้ทำน่ะ ความจริงมันก็เป็นหน้าที่หล่อนอยู่แล้ว อยู่บ้านนี้มาก็นาน หัดรู้อะไรเองซะบ้างซิ ฉันจะได้ไม่ต้องอายชาวบ้านเขาว่ามีลูกสะโภ้ปัญญาทึบ”

        

    “ค่ะ คุณแม่”

        

    “ดี แล้วก็ไอ้นิสัยโอ๋ลูกจนเคยตัวน่ะ เลิกซะบ้างนะ เดี๋ยวเด็กมันจะชิน แล้วคราวนี้พอโตมันก็จะแย่ ถึงจะเป็นหลานสาว แต่ยังไงมันก็ได้ชื่อว่าเป็นคนตระกูลนี้ ฉันไม่อยากให้เสื่อมเสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูล หล่อนน่ะให้ทายาทกับลูกชายฉันไม่ได้ก็ต้องเจียมตัว จะทำว่าเป็นคุณผู้หญิงในบ้านน่ะไม่ได้ เดี๋ยวคนใช้มันจะเอาตาม ที่ฉันพูดน่ะ หล่อนเข้าใจไหม คงไม่โง่ขนาดไม่เข้าใจหรอกนะ”

        

    “ค่ะ คุณแม่ แล้วคุณแม่มีอะไรจะให้ทำอีกไหมคะ” หญิงสาวได้แต่ตอบรับเพียงเท่านี้ ไม่กล้าที่จะเถียงใดใด แม้จะเคยได้รับคำแนะนำว่าไม่ต้องยอมลงให้แม่สามีจากพี่สะใภ้ก็ตาม

        

    “ฉันยังพูดไม่จบ หล่อนก็มาถามเรื่องงานอีก ทำไม เหนื่อยเหรอ เพราะขี้เกียจน่ะสิ มันเป็นความผิดของหล่อนเองนะ ถ้าจะโทษ หล่อนก็โทษตัวเองกับลูกหล่อนสิ หล่อนมีแต่ลูกสาว ไม่มีลูกชาย ถ้าหล่อนมีลูกชาย มีทายาทให้ตระกูล ฉันจะไม่ว่าหล่อนซักคำ จะเป็นคุณผู้หญิงในบ้านมันก็ไม่ผิด แต่ในเมื่อหล่อนทำไม่ได้ หล่อนก็ต้องยอมรับผลของชะตากรรม อ้อ แล้วก็รีบเข้าห้องก่อนลูกชายฉันกลับมาล่ะ ฉันไม่อยากทะเลาะกับลูกชายเพราะลูกสะโภ้อย่างหล่อนหรอกนะ”

        

    ภายหลังจากที่แม่สามีเดินจากไปแล้ว น้ำตาแห่งความคับแค้นพรั่งพรูไหลออกมาจากนัยน์ตาคู่งาม หญิงสาวเร่งมือเก็บของเข้าที่ให้เรียบร้อย ปาดน้ำตาทิ้งเพื่อไม่ให้ใครมาเห็น แล้วจึงเดินเข้าไปดูทอฝันในห้องนอน

        

    “ยัยหนูของแม่...แม่ขอโทษนะลูก” มือของเธอเอื้อมไปสัมผัสตัวของเด็กน้อย ทำให้เด็กหญิงรู้สึกตัวตื่นขึ้น

        

    “แม่ขา แม่มาแล้วเหรอคะ” ทอฝันร้องเรียกอย่างดีใจ

        

    “จ้ะ นอนไม่หลับเหรอ แม่อ่านนิทานให้ฟังนะ เอาเรื่องอะไรดี” หญิงสาวพยายามฝืนทำตัวร่าเริงเพื่อไม่ให้ลูกสาวสงสัยหรือไม่สบายใจ

        

    “แม่ขา...คุณย่าว่าแม่อีกแล้วใช่ไหม แม่อย่าร้องไห้อีกเลยนะ อย่าร้องไห้” แม้ว่าจะปิดกั้นไม่ให้น้ำตาไหลออกมา แต่เด็กหญิงตัวน้อยก็ยังคงจับความรู้สึกของผู้เป็นแม่ได้อย่างแม่นยำอยู่ดี




    &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×