ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    <<หนี้แค้นในหัวใจ>>

    ลำดับตอนที่ #15 : มือที่สาม (V)

    • อัปเดตล่าสุด 18 เม.ย. 48


    ตอนที่ 15 มือที่สาม (V)

        



    ก่อนนอนคืนนั้น ธราธารนั่งคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวัน ความมั่นใจของเธอเริ่มสั่นคลอนเมื่อได้เจอกับเขาอีกครั้ง อยู่ดีๆ เขาก็มาหาโดยไม่ได้ตั้งตัวเสียก่อน



        

    “พี่ศักดิ์...” หญิงสาวเรียกด้วยความตกใจ ชายหนุ่มตรงหน้าคือคนที่เธอทั้งอยากพบและไม่อยากพบมากที่สุด เขาเดินเข้ามาใกล้เธอเรื่อยๆ ดูท่าทางเหนื่อยอ่อนแต่กลับปลื้มปิติในเวลาเดียวกัน

        

    “ธรา” ศักดิ์ชัยรั้งตัวภรรยาสาวเข้ามากอดไว้แน่น ร่างบางนั้นยอมให้เขาสวมกอดแต่โดยดี แต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้น “ปล่อยเถอะค่ะ” ธราธารบอกเสียงแข็ง แต่ก็ดูจะไม่มีผล ชายหนุ่มยิ่งกอดเธอแน่นกว่าเดิม “ไม่ปล่อย...ถ้าปล่อย ธราก็จะหนีผมไปอีก ผมไม่ให้คุณไปไหนอีกแน่”

        

    “พี่ศักดิ์ควรไปดูแลคุณบุษนะคะ” หญิงสาวพูดตัดบท ชายหนุ่มคลายอ้อมกอดลงพลางมองหน้าธราธารอย่างเสียใจ “ทำไม?....ผมผิดอะไรเหรอ? ผมทำอะไรผิดไปงั้นเหรอ? ธรา....ทำไมถึงไล่ผม? ทำไมต้องหนีผมด้วย?”

        

    หญิงสาวเมินหน้าไปทางอื่นเพื่อกลั้นหยาดน้ำตา “พี่ศักดิ์ไม่ผิดหรอกค่ะ...” ศักดิ์ชัยดึงตัวเธอให้หันกลับมามองเขาแล้วถามอีกครั้ง “แล้วมันเกิดอะไรขึ้น ทำไมอยู่ดีๆ ธราถึงหนีมาแบบนี้”

        

    “ธราไม่ได้หนีนะคะ...ธราแค่ทำในสิ่งที่ควรทำก็เท่านั้น พี่ศักดิ์น่าจะเข้าใจ ธราบอกไปหมดแล้วในจดหมาย พี่ศักดิ์อ่านมันแล้วไม่ใช่หรือคะ?”

        

    “ผมไม่เข้าใจ....ทำไมแค่ผมไปชลบุรีไม่นาน กลับมาอีกที ทุกอย่างถึงได้เปลี่ยนแปลงไปหมด...” ชายหนุ่มพูดอย่างสับสน “มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมธราถึงบอกว่าตัวเองเป็นต้นเหตุ? ทำไมถึงบอกให้ผมดูแลคนอื่น? ทำไมไล่ผม? ทำไม??” ความไม่เข้าใจเกาะกินจิตใจของศักดิ์ชัยทีละน้อย ทุกอย่างดูสับสนและวุ่นวายไปหมด ชายหนุ่มไม่เข้าใจความหมายของการกระทำของธราธารเลยแม้สักนิด

        

    “พี่ศักดิ์กลับไปเถอะค่ะ เราไม่ควรเจอกันอีก” หญิงสาวตอบสั้นๆ “เรา......เราเลิกกันเถอะค่ะ” หญิงสาวเมินหน้าหนี เอ่ยปากบอกคำพูดที่ไม่ตรงกับหัวใจเลยสักนิดออกไป ถึงมันจะเป็นการทำให้ศักดิ์ชัยเจ็บปวดเพียงไร แต่ก็คงเป็นแค่ช่วงเวลานี้เท่านั้น อีกไม่นาน เขาจะตัดใจจากเธอได้ แล้วทุกอย่างจะจบลงด้วยดี

        

    “ผมไม่เข้าใจ...” เขาก้มหน้าลง “แต่ถ้าจะให้ผมเลิกกับธราล่ะก็ ผมคงทำไม่ได้” ชายหนุ่มตอบเสียงหนักแน่น “มันไม่มีความจำเป็นอะไรเลย”

        

    “คุณบุษเธอรักพี่ศักดิ์มากนะคะ เธอยอมตาย...อย่าทำลายหัวใจของเธอ พี่ศักดิ์ควรไปดูแลเธอ รักเธอให้มาก รักเธอคนเดียว ทำให้เธอมีความสุขที่สุด ทำให้....” ก่อนที่หญิงสาวจะพูดจบ ชายหนุ่มก็ดึงตัวเธอกลับมาอีกครั้ง เขาอยากจะรู้ว่าที่ธราธารพูดออกมาทั้งหมดนั้นมาจากใจจริงหรือไม่ แล้วเขาก็ได้รู้

        

    น้ำตามากมายไหลออกมาจนหญิงสาวไม่อาจห้ามมันได้อีก เธอปิดบังความรู้สึกตนเองไม่ได้อีกแล้ว คำพูดที่เอ่ยออกไปนั้นล้วนแต่เป็นการโกหกเพื่อขับไล่ไสส่งเขาให้ไปจากเธอ หญิงสาวพยายามฝืนทำตัวให้หนักแน่น แต่ก็ไม่สำเร็จ เธอแพ้ใจตัวเอง...หัวใจที่รักเขายิ่งกว่าสิ่งใด...เธอแพ้แล้ว

        

    “ฟังผมนะธรา ฟังแล้วก็เชื่อด้วย ผมไม่มีทางรักบุษราคัมได้เด็ดขาด ไม่มีวัน...ธราบอกว่าอยากให้ผมดูแลเธอ รักเธอ...” ชายหนุ่มส่ายศีรษะ  “ผมทำไม่ได้...ถึงจะทำได้ แต่ก็แค่จำใจ ฝืนใจตัวเอง บังคับตัวเอง...มันไม่ใช่การกระทำที่มาจากใจจริง มันเป็นการเสแสร้ง แกล้งทำให้คนอื่นมีความสุข...ถึงช่วงเวลาหนึ่งอาจทำให้เธอมีความสุขได้ แต่เธอจะไม่รู้เลยเหรอว่ามันเป็นการฝืนใจ วันไหนที่เธอรู้ เธอจะเจ็บปวดที่สุด เธอจะเจ็บยิ่งกว่าวันนี้....เราให้เธอเจ็บวันนี้ไม่ดีกว่าเหรอ ถ้าเธอผ่านมันไปได้ เธอจะได้ไม่ต้องมาจมอยู่กับความทุกข์อีกเลย มันไม่ดีกว่าเหรอธรา มีความสุขแค่เล็กน้อยในตอนนี้ กับมีความสุขช้าแต่ยาวนาน”

        

    หลังจากพูดคุยกันได้สักพัก ศักดิ์ชัยก็กลับไปแต่เพียงลำพัง ธราธารขอเวลากลับไปคิดดูก่อน ใจของเธอเรียกร้องให้กลับไปเหลือเกิน แต่อีกด้านหนึ่งก็ฉุดรั้งไว้ให้คำนึงถึงจิตใจของบุษราคัม แล้วเธอควรทำอย่างไรดี



        

    “แม่ขา...ฝันคิดถึงพ่อ เรากลับบ้านกันเถอะนะคะ” ทอฝันเข้ามาหามารดาพลางขอร้องให้กลับไป เด็กหญิงอยากให้ครอบครัวกลับมาสมบูรณ์อีกสักครั้ง พ่อของเธอบอกเอาไว้ว่าถ้าตัวเธอช่วย ทุกอย่างจะเร็วขึ้น

        

    “ไว้เราค่อยมาหาคุณยายกับน้าธารใหม่ก็ได้นี่คะ นะคะ...นะคะแม่...ฝันยังคิดถึงอาดาด้วย แล้วยังลุงยศอีก ป้าน้อมด้วย เรากลับกันเถอะนะคะ นะคะแม่ขา” ธราธารมองดูบุตรสาวที่อ้อนวอนเธอแล้วยิ่งกังวล หรือว่าเธอควรจะทำตามที่ใจของตนเองและทอฝันเรียกร้องกันแน่...



        



    ถึงแม้ว่าคนทั้งสองจะไม่ได้อยู่ร่วมกัน แต่ก็ไม่สามารถตัดขาดกันได้ กลับยิ่งรู้สึกผูกผันและคิดถึงอีกฝ่ายมากขึ้นทุกที ศักดิ์ชัยเองก็ไม่รอให้ธราธารกลับมาเพียงอย่างเดียว เขาเทียวไปเทียวมาระหว่างบ้านเสถียรวงศ์ บริษัท ร้านดอกไม้ของบุหงา และบ้านของธราธารอย่างไม่ขาด ทำเช่นนี้ทุกวัน ความเข้มแข็งของธราธารก็ละลายไปทุกวันเหมือนกัน ใจที่อ่อนอยู่แล้วก็ยิ่งอ่อนลงไปอีก ดูเหมือนความพยายามของศักดิ์ชัยจะประสบผลด้วยดี มีตัวช่วยทั้งทอฝันและสายธารที่คอยอ้อนธราธาร รวมทั้งบอกความเป็นไปให้ชายหนุ่มได้รับรู้

        

    “พี่ธรา ธารกับยัยฝันช่วยกันจัดของเตรียมกลับบ้านให้พี่แล้วนะ พี่ธรามาอยู่เนี่ยแย่งงานธารไปหมดเลย รีบๆ กลับไปได้แล้ว มีคนเขารออยู่ไม่ใช่หรือเจ้าคะ?” น้องสาวของธราธารหยอกล้อเธออย่างอารมณ์ดี

        

    “ใช่ๆ ค่ะ พ่อก็บอกว่าคิดถึงแม่ที่สุดเลยค่ะ”

        

    “ไม่คุยด้วยแล้วทั้งสองคน คุยด้วยทีไรก็พูดอย่างนี้ทุกทีเลย” ธราธารลุกหนีไปแต่ก็ไม่ปฏิเสธ ทอฝันกับสายธารแอบยิ้มให้กันอย่างมีหวัง



        



    มื้อเย็นของวันนี้ของบ้านเสถียรวงศ์มีอาหารมากเป็นพิเศษ เพื่อฉลองการออกจากโรงพยาบาลของบุษราคัม และที่สำคัญ เพื่อประกาศข่าวดีบางอย่าง

        

    “ทุกคนพร้อมหน้ากันก็ดีแล้ว...” รัตนาลุกขึ้นยืนยิ้มอย่างมีความสุขเต็มล้น

        

    “ข่าวดีอะไรคะคุณแม่?” ตุลยดาถามเซ็งๆ หญิงสาวไม่เคยรู้สึกว่าสิ่งที่มารดาของสามีพูดจะเป็นเรื่องดีเลยสักครั้ง ถ้าจะดีก็ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเธอแน่ คงจะดีกับหญิงสาวด้านข้างของรัตนาที่นั่งอมยิ้มอยู่มากกว่า  

        

    “ตอนนี้เราก็รู้กันดีว่าแม่ธราหายไป เขาก็เขียนจดหมายเอาไว้ชัดแล้วว่าต้องการเลิกกับตาศักดิ์” รัตนาหยุดพูดแล้วหันไปมองหน้าบุษราคัมและลูกชายคนเล็ก “เพื่อตระกูลเสถียรวงศ์ของเรา แม่เลยขอหมั้นหนูบุษให้ตาศักดิ์กับคุณหญิงเรียบร้อยแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร พร้อมเมื่อไรก็ค่อยแต่ง” บุษราคัมหน้าเขินอายเมื่อรัตนาพูดถึงเรื่องหมั้น แต่คนอื่นที่เหลืออีกสามคนกลับยิ้มไม่ออก มองหน้ากันอย่างหาวิธีแก้ไข ในที่สุด คู่หมั้นฝ่ายชายที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยก็พูดออกมา

        

    “ไม่ได้นะครับ ผมขอปฏิเสธ ยกเลิกเรื่องนี้เถอะครับคุณแม่”

        

    “พูดอะไรหึ...ทำไมไม่รู้จักถนอมน้ำใจหนูบุษบ้าง? ไม่รู้ล่ะ แม่ขอหนูบุษกับคุณหญิงแล้วจะให้ยกเลิกได้ยังไงกัน แม่จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?.....ไหนลองบอกมาซิว่าหนูบุษไม่ดีตรงไหน บอกมาซิ” รัตนาคาดคั้น

        

    “คุณแม่คะ คุณแม่เอาธราไปไว้ที่ไหนคะ? ธราเป็น...”

        

    “หยุดนะแม่ตุลยดา หล่อนไม่มีสิทธิ์ออกความคิดเห็น ฉันไม่เคยนับผู้หญิงคนนั้นเป็นสะใภ้ หนูบุษราคัมคนนี้เท่านั้นที่ฉันยอมรับและยินดี” รัตนาขึ้นเสียงใส่ อารมณ์โกรธทำให้ผู้เป็นมารดาเปิดเผยความรู้สึกทั้งหมดที่มีต่อลูกสะใภ้คนเล็ก

        

    “บอกแม่ใหม่อีกที พูดกับแม่สิว่าจะแต่งงานกับหนูบุษราคัม พูดให้ทุกคนได้ยิน” ผู้เป็นแม่บังคับศักดิ์ชัย ชายหนุ่มมองหน้ามารดาแล้วพูดไม่ออก ในฐานะลูก เขาควรจะเชื่อและทำตามคำสั่งของมารดา แต่ถ้าพูดออกไปแล้ว เขากับธราธาร...ทุกอย่างจะดับสูญ ซึ่งหัวใจเขายอมรับไม่ได้

        

    “ผมขอโทษครับคุณแม่ ผมทำอย่างนั้นไม่ได้” ชายหนุ่มเอ่ยปากอย่างตัดสินใจดีแล้ว “ธราจะกลับมาครับคุณแม่ อีกไม่นาน ธรากับทอฝันก็จะกลับมา เราจะไม่เลิกกัน และผมจะไม่แต่งกับใครทั้งนั้นถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ธรา ไม่ใช่คนที่ผมรัก”

        

    รัตนาและบุษราคัมอึ้งไปกับคำพูดของชายหนุ่ม บุษราคัมตกใจถึงขั้นลืมตัวจนวิ่งขึ้นไปบนห้องนอนชั้น 2 ปิดประตูล็อคห้อง หญิงสาวหย่อนตัวลงบนเตียงนอน กำมือทั้งสองข้างไว้แน่นอย่างระงับอารมณ์ เงยหน้าขึ้นมองเพดานด้วยแววตามุ่งมั่นและไม่ยอมแพ้

        

    ...ฉันไม่ยอมแพ้...

        



    ด้วยความมุมานะพยายามบวกกับลูกตื๊อของศักดิ์ชัย สายธารและทอฝัน ธราธารจึงตัดสินใจจะกลับไปใช้ชีวิตร่วมกับศักดิ์ชัยอีกครั้ง การตัดสินใจครั้งนี้ทำให้ทุกคนดีใจมาก เว้นแต่คนสองคนเท่านั้น



        

    “ธรา...” เสียงหนึ่งเรียกหญิงสาวขณะที่เธอกำลังเดินซื้อของอยู่ในห้างสรรพสินค้า ธราธารหันกลับไปมองแล้วก็พบว่าเป็นเธอคนนั้นนั่นเอง “คุณบุษ” หญิงสาวชะงักไปครู่หนึ่ง เธอคิดว่าบุษราคัมอาจจะรู้แล้วก็ได้ว่าเธอตัดสินใจจะกลับไป กลับไปอยู่บ้านเสถียรวงศ์กับศักดิ์ชัย

        

    “ว่างไหม? ขอคุยด้วยหน่อยสิ” บุษราคัมยิ้มหวานชวนธราธาร

        

        



    “เอากาแฟสองที่” บุษราคัมสั่งพนักงาน เมื่อพนักงานรับคำและเดินไปแล้ว เธอก็เริ่มเรื่องทันที “บุษไม่อ้อมค้อมนะ....บุษยินดีด้วยที่ธราจะกลับมา”

        

    “คุณบุษคะ” สีหน้าของธราธารดูลำบากใจ บุษราคัมรู้เรื่องนั้นแล้วจริงๆ

        

    “ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นหรอก บุษยินดีด้วยจริงๆ ที่บุษจะคุยกับธราก็เพื่อแสดงความยินดี บุษยินดีด้วยจากใจจริง ถึงยังไง...บุษก็ไม่เคยมีค่ามีความหมายในสายตาของพี่ศักดิ์อยู่แล้ว”

        

    “ขอโทษนะคะ ขอโทษจริงๆ ธราผิดสัญญา ผิดสัญญาที่ให้ไว้กับคุณบุษ” หญิงสาวกล่าวคำขอโทษบุษราคัมอย่างรู้สึกผิด ทำให้บุษราคัมหน้าแข็งขึ้นมาทันที

        

    “อย่าพูดแบบนี้นะธรา ที่บุษพูดไปไม่ได้ต้องการให้ธรามาขอโทษหรอกนะ ธราพูดออกมาทำไมทั้งๆ ที่รู้ดีว่าคำขอโทษมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย ธราก็รู้ว่าผิดสัญญา แต่ก็ยังทำ...แล้วธรามาให้ความมั่นใจกับบุษทำไม? รู้ไหมว่าบุษทรมานแค่ไหนที่ต้องได้ยินพี่ศักดิ์พูด....ว่าเขาไม่เคยรักบุษเลย....” หญิงสาวมีน้ำตาคลอเบ้า สายตาที่ส่งมาเต็มไปด้วยความผิดหวัง

        

    “คุณบุษ...” ธราธารเรียกอย่างสงสาร เริ่มเกิดความสั่นคลอนความมั่นใจที่จะกลับไปอยู่กับศักดิ์ชัยขึ้นอีกครั้ง

        

    “ขอโทษนะ บุษมันบ้าเอง อย่าสนใจเลยนะ บุษทำใจได้แล้วล่ะ.......บุษยินดีด้วยจากใจจริงนะธรา ขอให้มีความสุข ขอให้โชคดี” หญิงสาวลุกจากโต๊ะไปทันทีที่พูดจบ ธราธารมองตามไปด้วยความวิตกกังวล

        

    ...เธอมั่นใจแล้วเหรอ? การมีความสุขบนความทุกข์ของคนหนึ่งคนเชียวนะ...



        



    “แม่คะ ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะคะ? พรุ่งนี้เราก็จะกลับบ้านกันแล้วนะคะ” ทอฝันถามระหว่างทางกลับบ้านของบุหงา หลังจากที่แม่ของเธอรับตัวเธอมาจากโรงเรียนอนุบาลแล้ว เด็กหญิงดูร่าเริงแจ่มใสมากเป็นพิเศษที่จะได้กลับบ้านของตัวเอง

        

    “ทอฝัน...หนูอยากกลับบ้านจริงๆ เหรอลูก?”

        

    “ค่ะ...ฝันอยากอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาพ่อกับแม่นี่คะ แม่ไม่อยากกลับไปเหรอคะ?...แม่ไม่อยากเจออาบุษคนนั้นใช่ไหมคะ? แล้วก็คุณย่าอีก”

        

    หญิงสาวย่อตัวลงกอดเด็กน้อยไว้แนบอก ลูกสาวคนนี้ช่างรู้ใจเธอได้ดีเสียจริง “แม่จะไม่กลัวอะไรอีกแล้วนะฝัน เราจะอยู่พร้อมหน้ากันไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แม่จะไม่หนีแล้วก็จะไม่กลัวด้วย...แม่สัญญานะลูก” ธราธารให้คำมั่นกับบุตรสาว

        

    “เรารีบกลับไปเก็บของกันเถอะค่ะ เดี๋ยวเก็บไม่ทัน พ่อจะไม่พาเรากลับน้า” เด็กหญิงเอ่ยปากหยอกล้อให้มารดายิ้มออกแล้ววิ่งนำหน้าไปด้วยใบหน้าที่เปี่ยมสุข



        



    “ยัยหนู ระวังลูก” ธราธารรีบวิ่งเข้าไปขวางรถและผลักทอฝันออกไปให้ไกลห่าง รถที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูงนั้นจึงชนหญิงสาวเข้าเต็มแรง แต่ด้วยจิตใจความเป็นแม่ที่เต็มเปี่ยมทำให้ธราธารไม่วายที่จะขยับตัวไปดูลูกสาวของเธอ

        

    “ฝัน...ทอฝัน....ไม่เป็นไรนะ” หญิงสาวพูดอย่างยากเย็น

        

    “แม่ขา....ฮือๆๆ” เสียงเด็กหญิงตัวน้อยร้องไห้ลั่นเมื่อแม่ของเธอถูกรถคันหนึ่งชนเข้าอย่างแรงจนหมดสติไป แต่ก่อนที่จะหมดสตินั้น ความเป็นห่วงบุตรสาวตัวเล็กจึงทำให้เธอเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง

        

    “ไปหาคุณยาย...ไปหาคุณยายนะฝัน หา...คะ...คุณ...ยะ...ยาย” ทอฝันในวัยเพียง 5 ขวบรีบเดินกึ่งวิ่งกลับไปที่บ้านของคุณยายบุหงาด้วยความเร็ว ใจจริงแล้ว เด็กหญิงไม่อยากทิ้งแม่ไว้เพียงคนเดียวเลย แต่นี่เป็นคำบอกของแม่ ซึ่งเธอเชื่อมั่น

        

    และทันทีที่ทอฝันวิ่งหายไป หญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นมองรถที่วิ่งมาชนเธอ ดูท่าว่าเจ้าของรถเองก็ไม่ได้หลบลี้หนีหน้าไปไหน กลับมองมาที่ตัวของธราธารเองเช่นกัน นัยน์ตาของหญิงสาวริบหรี่ลงทุกขณะ แต่เจ้าตัวก็ยังพยายามใช้มันมองดูคนผู้นั้น

        

    “ปะ...เป็น...คุณ...คุณเองเหรอ” หญิงสาวเอ่ยเมื่อเห็นหน้าบุคคลปริศนาชัด

        

    ผู้ที่ชนเธอทรุดตัวลงนั่งด้านข้าง ถึงแม้คนผู้นี้จะสวมแว่นกันแดดเพื่อพรางตัวแต่ธราธารก็ยังคงจำได้ว่าเป็นใคร “ทำไมคะ? ทำไม....?” หญิงสาวถามอย่างไม่เข้าใจ

        

    “คนผิดคือตัวเธอเอง เธอผิดเองนะ ทุกอย่างมันต้องเป็นของฉันต้องแต่ต้นแล้วเธอมันโง่แล้วก็ซื่อเอง คนที่ทำให้เรื่องทุกอย่างเลวร้ายก็คือตัวเธอเอง เธอเลือกทางนี้เอง  ไม่ใช่ฉัน” นี่เป็นคำสุดท้ายที่ธราธารได้ยินจากบุคคลตรงหน้านี้ ก่อนที่เขาคนนี้จะขึ้นรถและขับออกไป

        

    “คะ...คุณ............คะ....คำ....ช่วย.......ดู........ย.....หนู.” หญิงสาวเอ่ยเป็นคำสุดท้ายก่อนที่หมดสติไป คำๆ นี้ ได้รับการบอกเล่าจากคนบริเวณนั้นที่เข้ามาช่วยธราธารก่อนที่บุหงาจะมาถึงว่าคำสุดท้ายที่ธราธารพูดก็คือ คำช่วย

        

    “น่าสงสารจริงนะ สงสัยจะหมายถึงใครสักคนหรือเปล่าก็ไม่รู้ ถึงได้พูดคำนั้นออกมา ยังมีอีกสองสามคำ แต่ฉันก็ฟังไม่ถนัด ยังเด็กอยู่แท้ๆ  ไม่น่าอายุสั้นเลย”




    &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&

        

    รถคันหรูราคาแพงที่ตาฬิกานั่งมากับมารดานั้นมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่งบ้านหลังนี้มีด้วยกัน 2 ชั้น ด้านซ้ายและขวาเป็นสนามหญ้าขนาดกว้างขวางเต็มไปด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาชนิด ดูเหมือนสวนหย่อมเลยทีเดียว เด็กหญิงมองผ่านกระจกหน้าต่างรถเข้าไปภายในด้วยความหวัง ความหวังที่ว่าเธอจะสามารถอยู่บ้านนี้ได้อย่างสงบสุข ตาฬิกาเหลือบมองไปที่ป้ายชื่อบ้านที่ติดเอาไว้ตรงประตูเล็กสำหรับคนเข้าเพื่อจดจำเอาไว้ว่านี่คือชื่อตระกูลของตนเอง

        

    “ที่นี่ใช่ไหมครับคุณผู้หญิง” คนขับรถถามเพื่อความมั่นใจ นายหญิงของเขาพยักหน้ารับอย่างไม่ค่อยสนใจเท่าใดนัก “ก็ที่นี่นั่นแหละ ไปกดออดเรียกคนมาเปิดประตูสิ แค่นี้ก็ต้องให้บอก” ทันที่ที่ผู้เป็นนายพูดจบ คนขับรถก็รีบลงจากไปทำตามคำสั่งทันที

        

    “แม่ขา...หนูจะต้องอยู่ที่นี่จริงๆ เหรอคะ?” เด็กหญิงถามอีกครั้ง หวังว่าคำตอบของมารดาจะเปลี่ยนไปจากเดิม

        

    “ก็ใช่น่ะสิ ต่อไปบ้านของแกก็คือที่นี่ ความจริงฉันไม่ได้อยากมาหรอกนะ แต่เอาเถอะ เดี๋ยวแกก็จะไปๆ แล้วนี่ จำเอาไว้นะ ห้ามติดต่อฉันไม่ว่าทางไหนเด็ดขาด ฉันไม่มีทางจะรับแกกลับไปอยู่ด้วยหรอก ต่อไปชีวิตแกจะเป็นยังไงก็ไม่ใช่เรื่องของฉันอีกแล้ว เข้าใจหรือเปล่า?

        

    “แม่จะไม่มาหาหนูเลยเหรอคะ? ยังไงแม่ก็เป็นแม่ของหนูนะคะ” ตาฬิกาพยายามขอร้อง เด็กหญิงยังคงรักผู้เป็นแม่อยู่ดีไม่ว่ามารดาจะร้ายกับเธอแค่ไหน ความสัมพันธ์แม่ลูกไม่มีวันจะตัดขาดกันได้

        

    “แกอย่ามาพูดคำนี้ให้ฉันได้ยินอีกนะ ฉันเคยบอกแกเมื่อไรว่าฉันอยากเป็นแม่แก อยากให้แกมาเกิดเป็นลูกฉัน....ใช่...ฉันจะไม่มาหาแกแน่นอน เรื่องอะไรล่ะ...ชีวิตฉันกำลังจะมีความสุขอย่างเต็มเปี่ยมเพราะไม่มีแกแล้ว ทำไมฉันจะต้องกลับมาหาความทุกข์อีกล่ะ...นั่นไง มีคนมาเปิดประตูให้แล้ว แกก็เตรียมตัวเจอพ่อแกก็พอ ชีวิตที่เหลือของแกเป็นของเขา ฉันเลี้ยงแกมานานพอแล้ว จบกันซะทีหน้าที่แม่ที่ฉันไม่ต้องการ” ตาฬิกามองผู้เป็นแม่อย่างเสียใจ เด็กหญิงไม่เข้าใจเลยว่าทำไมแม่ของเธอถึงไม่มีความรักให้กับตัวเธอเลย หรือความเธอมีความผิดที่ไม่น่าอภัย หรือว่าเรื่องในอดีตมันน่าเจ็บปวดสำหรับแม่ของเธอมากกันแน่

        

    เด็กหญิงกลั้นน้ำตาที่อยากจะไหลออกมาเอาไว้ มองไปเบื้องหน้าอย่างมุ่งหวัง ชีวิตของเธอในบ้านหลังข้างหน้านี้คงจะเป็นไปด้วยดี บ้านที่เธอกำลังจะเข้าไปอยู่จะให้ความสุขกับตัวเธอ บ้านหลังนี้

        

    ...บ้านเสถียรวงศ์...



    &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×