ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    <<หนี้แค้นในหัวใจ>>

    ลำดับตอนที่ #10 : ชดใช้กรรม

    • อัปเดตล่าสุด 29 มี.ค. 48


    ตอนที่ 10 ชดใช้กรรม

        



    “แม่ผิดเอง เรื่องนี้ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะแม่คนเดียวเท่านั้น”

        

    “ไม่ใช่หรอกครับคุณแม่ เราผิดด้วยกันทั้งหมด”

        

    “แต่ผิดมากที่สุดก็คือแม่ ถ้าแม่ไม่เจ้ากี้เจ้าการเอาผู้หญิงคนนั้นเข้ามา เรื่องก็คงไม่กลายเป็นแบบนี้” รัตนากล่าวโทษตัวเอง แต่ถึงจะพูดมากเท่าไร อดีตก็แก้ไขไม่ได้อยู่ดี

        

    “หลานคงเกลียดแม่มากเลยนะ พ่อศักดิ์ แม่ดูสายตาแกออก แม่ควรทำอย่างไรดี แม่อยากใช้กรรมที่แม่เคยทำกับแม่ธรากับหลานทอฝัน” รัตนาพูดอย่างเศร้าใจ ทอฝันควรจะเห็นใจผู้เป็นย่านี้หรือไม่ ในเมื่อเธอก็ยืนฟังที่คนทั้งสองคุยกันอยู่ตลอดเวลา

        

    ...คนอย่างคุณไม่มีวันสำนึกได้จริงๆ หรอก คงจะกลัวที่ไม่มีใครสืบทอดตระกูลอันยิ่งใหญ่ของตัวเอง ได้...ในเมื่อปากบอกว่าอยากใช้กรรม ฉันก็จะให้คุณชดใช้กรรมให้สาสมเลยทีเดียว...



    &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&

        

    “พี่วินท์...”

        

    “พี่วินท์...พี่วินท์...พี่---วิ---น---ท์”

        

    “ว่าไง ทำหน้ายังกับเจอผีมางั้นแหละ” วิธวินท์ตอบกลับอย่างไร้อารมณ์ เวลาแบบนี้เขาไม่มีอารมณ์จะล้อเล่นกับน้องสาวจอมเฮิ้ยวของเขานัก

        

    “พี่ทอฝันน่ากลัวอีกแล้วอ่ะ ยิ่งตอนที่เห็นรูปอะไรนั่น ดูตาสิ น่ากลัวเป็นบ้าเลย พี่ทอฝันแปลกนะพี่วินท์ เหมือนมี 2 บุคลิกในตัวเอง แบบหนึ่งก็รุนแรง อีกแบบก็อ่อนโยน ดูเวลาที่แสดงกับคุณยายคนนั้นกับอาหญิงสิ โดยเฉพาะกับอาหญิง ใครเห็นก็ต้องบอกว่าพี่ทอฝันอ่อนโยนเอามากๆ เลย ออมชอบพี่ทอฝันที่อ่อนโยนคนนั้นมากกว่า พี่วินท์ว่าไง” ศริมนพูดเป็นชุดเกี่ยวกับทอฝัน

        

    ...ใช่...เธอเป็นใครกันแน่ ทอฝันที่อ่อนโยนหรือเจ้าคิดเจ้าแค้นกันแน่ พี่อยากได้ฝันคนเดิมที่ยิ้มร่าเริงอย่างมีความสุข พี่ไม่อยากเห็นฝันเป็นแบบนี้ มันทำให้พี่รู้สึกว่าเราอยู่คนละโลก สัมผัสกันไม่ได้เลย กลับมาเป็นคนเดิม เป็นเพื่อนสมัยเด็กของพี่เหมือนเดิมเถอะ...

        

    “พี่วินท์”

        

    “อืมๆ...เธอพูดถูก เข้าบ้านเถอะ”

        

    แต่เมื่อสองพี่น้องและคุณพ่ออีกหนึ่งเดินเข้ามาในบ้านแล้ว ศริมนก็ทำหน้าเซ็งเป็นที่สุดที่ต้องพบเจอใครบางคนเข้าพอดี คนที่ว่ากำลังนั่งเอาอกเอาใจนันทา แม่ของเธออยู่ ซึ่งในความคิดของศริมน เธอบรรยายออกมาเป็นถ้อยคำสั้นๆ ได้แค่คำเดียว...ดัดจริต...

        

    “นั่นไง กลับมาพอดีเลย ตาวินท์ หนูวดีมารออยู่ได้สักพักใหญ่ๆ แล้วล่ะจ้ะ งั้นแม่ขอตัวก่อนแล้วกัน” นันทาเปิดโอกาสให้ยุบลวดีเต็มที่

        

    “วินท์ขา ไปไหนมาคะ เวนดี้รอตั้งนานแน่ะ แต่ไม่เป็นไรค่ะ เพื่อวินท์ของเวนดี้ เวนดี้รอได้ค่ะ แล้วนี่ไปไหนกับน้องออมเล็ตเหรอคะ แหม! ไม่ชวนเวนดี้เลย อย่างนี้เวนดี้น้อยใจแย่เลย เหมือนกับว่าวินท์ไม่สนใจเวนดี้” ยุบลวดีมองชายหนุ่มตาหวานเจี๊ยบพลางซบอกเขาเอาไว้

        

    “อยากอาเจียนจังเลย....”

        

    “เป็นอะไรคะน้องออมเล็ต ไม่สบายเหรอคะ ตายจริง!!...” หญิงสาวคู่กัดของศริมนเอ่ยด้วยท่าทางเป็นห่วงเป็นใยอย่างยิ่ง

        

    “ยังไม่ตายค่ะ แต่ถ้าเห็นหน้าพี่เวรนานๆ ก็อาจจะ...อ้อ! พี่เวรขา ไม่ทราบว่าปกติกินอะไรเหรอคะ ออกมาแต่ละคำนี่เลี่ยนสุดยอดเลย แล้วก็อีกอย่างนะคะ ออมไม่เคยได้ยินพี่วินท์พูดสักคำว่าสนใจพี่ เพราะฉะนั้นไม่ต้องน้อยใจหรอกคะ ถึงน้อยใจจนตรอมใจตาย พี่วินท์เขาก็ไม่สนพี่หรอกค่ะ พี่เวรขา...” ศริมนหลอกด่ายุบลวดี ทำให้เวนดี้ถึงกับร้องลั่นราวกับว่าบ้านจะพัง

        

    “กรี๊ด!!!!……….วินท์ขา เวนดี้ไม่ยอมนะคะ ดูน้องออมเล็ตสิคะ ว่าเวนดี้อีกแล้ว เวนดี้ไม่ยอมนะคะ เวนดี้โดนรังแกมามากแล้ว วินท์ต้องให้ความยุติธรรมกับเวนดี้นะคะ” ยุบลวดีหันไปออดอ้อนวิธวินท์

        

    “ยัยออมยังเด็ก อย่าถือเลยนะครับ...ส่วนเรา ยัยออม ขอโทษคุณวดีซะ”

        

    “ไม่มีทาง ถ้าพี่เวรไม่ยอมเลิกเรียกออมว่าไข่เจียวก็ไม่มีทาง”

        

    “เวนดี้ก็ไม่ยอมเหมือนกัน ดูน้องวินท์สิคะ เรียกเวนดี้ว่าเวร หลอกด่าเวนดี้ชัดๆ เลย วินท์ต้องจัดการให้เวนดี้นะคะ ไม่งั้นเวนดี้โกรธจริงๆ ด้วย” ยุบลวดีข่มขู่ แต่เธอคงไม่รู้ว่าคำขู่นั้นไม่มีผลวิธวินท์เลยสักนิดเดียว ออกจะเป็นทางหนีของเขาจากเธอซะมากกว่า

        

    “งั้นก็อย่าหวังเลย ยัยพี่เวรติ๊งต๊องบ๊องตื้นเอ๊ย!!! อ้อ! ลืมบอก ที่เรียกว่าเวรน่ะไม่ได้หลอกด่า แต่ด่าตรงๆ เลยค่ะ พี่เวรขา” ศริมนทำหน้าลิงใส่ยุบลวดีก่อนจะวิ่งขึ้นไปบนห้อง ทิ้งให้ยุบลวดีร้องกรี๊ดให้พอใจอยู่คนเดียว



    &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&



    ย้อนกลับมาที่บ้านเสถียรวงศ์ หลังจากที่แขกทั้งหลายทยอยกลับไปจนหมดแล้ว ส่วนตุลยดาและยศสวินก็ออกไปธุระข้างนอก จึงเหลือเพียงแต่ทอฝัน รัตนา และศักดิ์ชัย ไม่มีใครพูดกับใครก่อน ไม่ใครเริ่มต้น ไม่มีใครรู้ความเป็นไปเบื้องหน้า

        

    “คุณท่านคะ แจกันใบใหม่จะให้ไปวางไว้ตรงไหนดีคะ?” เพลินเข้ามาถามรัตนาพร้อมกับแจกันขนาดค่อนข้างใหญ่สีขาวสวย รูปทรงหรูหรา เป็นใบที่รัตนาเพิ่งซื้อมาใหม่เมื่อไม่นานมานี้ เป็นของที่รัตนาภาคภูมิใจมาก...แจกันใบนี้เป็นสิ่งที่เธอซื้อเข้ามาเพื่อรับขวัญหลานสาว

        

    “หลานทอฝัน ย่าตั้งใจซื้อแจกันนี้มาให้หลาน ถือเป็นการรับขวัญหลาน หลานจะให้ไว้ตรงไหนก็ตามใจหลานเถอะ” รัตนาพูดกับทอฝันเมื่อเห็นว่าหลานสาวใจเย็นลงบ้างแล้ว

        

    “คุณซื้อฉันด้วยเงินหรือวัตถุไม่ได้หรอกนะคะ” หญิงสาวตอบเสียงแข็ง

        

    “ย่าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ย่าแค่อยากทำอะไรให้หลานบ้างเท่านั้นเอง ถึงหลานจะไม่ชอบ แต่ย่าขอแค่ให้หลานช่วยรับมันไว้ก็พอ”

        

    “ได้ค่ะ...ฉันก็ไม่ใช่คนใจจืดใจดำ...ว่าแต่ คุณบอกว่าฉันจะให้ไว้ตรงไหนก็ได้ใช่ไหมคะ?” ทอฝันถามย้ำอย่างมีแผนการ

        

    “ใช่จ้ะ ตามใจหลานเลย”

        

    “.....พี่เพลินคะ เอาไปไว้ที่ถังขยะนะคะ” ทอฝันหันไปบอกเพลิน สาวใช้ของบ้านที่ยืนหน้าซื่อรอรับคำสั่งอยู่ที่ด้านหลัง เมื่อได้ยินคำบอกของทอฝันแล้ว เพลินก็หน้าเหวอไปนิดนึง ก่อนจะหันไปมองรัตนาอย่างช้าๆ ซึ่งรัตนาก็ได้แต่พยักหน้าให้เพลินปฏิบัติตามที่ทอฝันสั่ง

        

    “ทำตามที่หลานฉันบอกนั่นแหละ” รัตนาบอกเพลิน แม้จะรู้สึกเสียดายอยู่มากก็ตาม “ถ้าหลานอยากจะย้ายอะไรในบ้านก็ตามสบายเลยนะ บอกแม่น้อมกับเพลินก็แล้วกัน เดี๋ยวย่าจะไปห้องพระสักหน่อย”

        

    “ถึงไหว้พระทุกวัน บาปที่เคยทำก็ไม่หายไปหรอกค่ะ” ทอฝันพูด ไม่ว่ารัตนาจะทำอะไร มันก็ดูแย่ไปหมดในสายตาของเธอ ผู้เป็นย่าได้แต่ยอมรับในผลกรรมโดยไม่โต้แย้งใดใด หวังเอาไว้ว่า สักวันหนึ่ง ทอฝันจะต้องเข้าใจตนเอง



    &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&



    “อภัยให้แม่เถอะนะแม่ธรา ที่ผ่านมาแม่ทำอะไรไว้ แม่ไม่เคยลืม ที่หลานพูดมันถูกแล้ว คนที่ฆ่าแม่ธราก็คือแม่เอง แม่เป็นต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด ตอนนี้แม่กำลังถูกลงโทษอยู่ใช่ไหม แม่ปวดหัวใจเหลือเกิน เมื่อก่อนแม่ธราก็คงเจ็บปวดแบบนี้ มากกว่านี้ แม่ขอโทษ แม่ขอโทษ”



    &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&

        

    ตกเย็นวันนั้น เมื่อรัตนาเดินลงมาข้างล่างหลังจากไหว้พระสวดมนต์เสร็จ หญิงชราก็ต้องรู้สึกใจหายวาบในทันที เครื่องแต่งบ้านของตัวเอง ทั้งแจกันใบสวย รูปภาพฝีมือศิลปินระดับชาติราคาแพงลิบลิ่วและอื่นๆ อีกมากมายหายไป บ้านดูโล่งขึ้นถนัดตา แม้จะยังเหลือของบางอย่างอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่ที่หายไปล้วนแต่เป็นสิ่งที่รัตนาโปรดปรานมากเป็นพิเศษทั้งสิ้นราวกับจงใจ

        

    “นี่มันอะไรกัน?...” รัตนาเอ่ยเสียงสั่น ป้าน้อมเดินเข้ามาประคองเจ้านายของตน “นั่งพักบนโซฟาก่อนนะคะคุณ”

        

    “แม่น้อม มันเกิดอะไรขึ้น ข้าวของ สมบัติฉันหายไปไหนหมด เมื่อครู่ใหญ่ๆ ยังเห็นอยู่เลย บอกซิแม่น้อม โจรมันขึ้นบ้านหรือไง?”

        

    ป้าน้อมทำหน้าลำบากใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจตอบไปว่าหลานสาวแท้ๆ ของท่านเองที่เป็นคนสั่งให้เก็บของทั้งหลายนี้ลงในกล่อง...เตรียมนำไปทิ้ง... เพียงได้ฟัง รัตนาก็แทบจะเป็นลมเสียให้ได้ สมบัติพัสถานของตระกูลจะถูกทิ้งราวกับเป็นสิ่งไร้ค้างั้นหรือ... คุยกันไปได้ไม่นาน ตัวต้นเรื่องก็เดินเข้ามาพอดี แววตาของหญิงสาวไม่มีความรู้สึกผิดแต่อย่างใด ดูจะพอใจอยู่มากกับการกระทำของตนเอง

        

    “หลานทอฝัน ขอของย่าคืนเถอะนะ”

        

    “คุณบอกเองไม่ใช่หรือคะ ว่าฉันจะทำยังไงก็แล้วแต่ใจ” ทอฝันย้อนถามพลางจ้องหน้าผู้เป็นย่าอย่างไม่เกรงกลัว เรื่องทั้งหมดไม่ใช่ความผิดของเธอ

        

    “ใช่...แต่ขอย่าเถอะนะ ของเหล่านั้นเป็นของสืบทอดกันมา ถ้ามันสูญหาย ย่าคงรู้สึกผิดมาก ยังไงก็ตามตอนที่ย่ายังอยู่ อย่าทิ้งมันเลย ย่าขอร้องหลานก็ได้ ย่าจะได้ไม่รู้สึกผิดไปจนวันตาย เห็นใจย่าเถอะฝัน” รัตนาคร่ำครวญขอของรักคืนจากหลานสาวโดยไม่อายใครกับท่าทีของตนเอง แต่จิตใจอันเข้มแข็งของทอฝันก็ไม่ยอมไหวหวั่นไปกับคำขอร้องของรัตนา เธอกลับปฏิเสธผู้เป็นย่าอย่างแข็งกร้าว

        

    “ไม่ได้หรอกค่ะ จะทิ้งตอนไหนมันก็เหมือนกันนั่นแหละ ดีเสียอีกที่ทิ้งตอนนี้ ผู้ดูแลสมบัติของตระกูลในเวลานี้คือคุณ ถ้าของหาย คนบาปก็คือคุณ คุณก็จะถูกบรรพบุรุษลงโทษ มันก็สาสมกับเวรกรรมของคุณ แต่ถ้าทิ้งทีหลังคุณตายไปแล้ว คนบาปก็จะกลายเป็นคนอื่น คุณก็ไม่เกี่ยวข้องเลยน่ะสิ เพราะฉะนั้นในเมื่อคุณอยากใช้กรรม คุณก็ควรทำแบบนี้นะคะ ถึงคุณจะพูดยังไง ฉันก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้คุณอีกแล้ว” พูดจบ หญิงสาวก็เดินจากไปโดยปล่อยให้ผู้เป็นย่านั่งคร่ำครวญอยู่กับป้าน้อม



    &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&



    สำนวนที่ว่า คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก ดูจะเป็นสิ่งเดียวที่สามารถอธิบายความรู้สึกของทอฝันในเวลานี้ได้เป็นอย่างนี้ บ้านเสถียรวงศ์ใหญ่โตหรูหรา แต่ไม่เคยทำให้เธอรู้สึกมีความสุขเลยสักครั้งเดียว อยู่ในบ้านนี้ก็เหมือนถูกทรมานจิตใจ สถานที่พักผ่อนหย่อนใจของทอฝันจึงมีแต่สนามหญ้าที่ดูเขียวขจี เต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้าและดอกไม้เท่านั้น

        

    …ที่ฝันทำลงไปมันถูกใช่ไหมคะแม่ มันไม่โหดร้ายหรือรุนแรงเกินไปใช่ไหมคะ ฝันไม่แน่ใจว่ามันถูกหรือว่าควรทำหรือเปล่า แต่ฝันรู้ว่าถ้าทำแบบนี้แล้ว เขาจะเจ็บปวดใจ นั่นคือสิ่งที่ฝันต้องการ...หรือคะ ฝันเริ่มไม่มั่นใจ แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่ามันจะรุนแรงหรือร้ายกาจแค่ไหน ฝันก็จะทำ เพื่อล้างแค้น ฝันละทิ้งมา 17 ปี ถึงเวลาสะสางแล้วใช่ไหมคะ แม่บอกฝันหน่อยสิคะ ว่าฝันควรทำ...

        

    ทอฝันกำลังต่อสู้กับความคิดในใจของตนเองอย่างหนัก แม้เธอจะแสดงออกว่าเกลียดชิงชังรัตนาเหลือหลาย แต่สัมพันธ์ทางสายโลหิตก็ยังไม่จางหายไป คงจะเป็นเพราะเหตุนี้ที่ทำให้หญิงสาวต้องรู้สึกผิดทุกครั้งที่ทำไม่ดีกับผู้เป็นย่า จิตใจถูกแบ่งแยกออกเป็น 2 ด้าน ด้านหนึ่งมีไว้เพื่อแก้แค้น เป็นจิตใจที่เข้มแข็ง ด้านชาและไร้หัวใจ อีกด้านหนึ่งคือจิตใต้สำนึกที่คงไว้ซึ่งความดี และคุณธรรม เป็นจิตใจที่อ่อนโยนและตรงกันข้ามกับอีกด้านอย่างชัดเจน ตอนนี้จิตใจสองส่วนกำลังทำงานขัดกัน แล้วร่างกายของเธอควรเลือกทางใด...

        

    ระหว่างที่ความสับสนกำลังครอบงำจิตใจ ทอฝันก็ระลึกถึงคำพูดบางอย่างที่คุณยายบุหงาของเธอเคยพูดเอาไว้

        

    “ถ้าถูกต้อง แต่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนล่ะคะ”

        

    “ถ้ามันเป็นอย่างนั้น เราก็ต้องพิจารณาให้ดีว่าผลดีที่เกิดขึ้นมีมากกว่าผลเสียนั้นหรือเปล่า”




    &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&



    เมื่อผู้เป็นนายกลุ้มใจ ดูเหมือนผู้รับใช้ก็จะกังวลตามไปด้วย ระหว่างการเตรียมอาหารเย็น เพลินจึงถามป้าน้อมเกี่ยวกับเรื่องของคุณหนูของเธอ

        

    “ป้า...คุณหนูทอฝันนี่ปกติดีหรือเปล่า?” คำถามนี้ทำเอาผู้ฟังถึงกับตกใจ

        

    “เจ้าเพลิน ใครให้ถามแบบนั้น คุณหนูจะผิดปกติได้ยังไง อย่าเที่ยวไปพูดแบบนี้อีกล่ะ เข้าใจหรือเปล่า?”

        

    “รู้จ้า...แต่ฉันสงสัยนี่ คุณหนูทอฝันเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ตอนเจอกันหน้าบ้านนะป้า ยังกับนางฟ้านางสวรรค์ แต่พูดกับคุณท่านแต่ละคำนี่ นางยักษ์ นางมารร้ายก็ไม่ปาน คุณท่านกับคุณหนูเป็นย่าหลานกันไม่ใช่เหรอป้า แล้วทำไม?...” เพลินซักไซ้

        

    “เออๆ...อย่าสงสัยให้มันมากนักเลย ท่านเป็นนาย เราเป็นบ่าว” ป้าน้อมตอบเลี่ยง

        

    “พูดแบบนี้แสดงว่าป้ารู้ใช่ไหมว่าทำไม บอกฉันหน่อยสิป้า จะได้เข้าข้างคนถูก” เพลินพูดอย่างนึกสนุก ทำให้ป้าน้อมเคาะศีรษะไปหนึ่งทีเป็นการลงโทษคนสอดรู้สอดเห็น

        

    “โอ๊ย! ป้าอ่ะ ฉันไม่ถามก็ได้”

        

    หลังจากนั้น เพลินและป้าน้อมก็ยกอาหารไปวางบนโต๊ะอาหาร อาหารน่ารับประทานมากมายถูกวางเรียงรายเอาไว้ บริเวณที่โต๊ะรับประทานอาหาร ศักดิ์ชัยและรัตนากำลังปรึกษากันอย่างเคร่งเครียด

        

    “แม่ควรทำยังไงดี มันมืดมนไปหมดเลย”

        

    “ใจเย็นไว้ก่อนครับ คุณแม่ ผมคิดว่าเรื่องทุกอย่างจะต้องผ่านพ้นไปด้วยดี ฝันเองไม่ใช่คนร้ายกาจแบบที่แสดงหรอกครับ ฝันเหมือนธรามาก ทั้งร่างกายและจิตใจ ถ้าฝันลืมความแค้น ผมเชื่อว่าจุดจบของเรื่องนี้จะจบด้วยดี”

        

    “แม่ก็หวังว่าอย่างนั้น” รัตนาปลอบใจตัวเองไม่ให้คิดมากในเรื่องของทอฝัน



        

        

    “ทำไมมีแค่สำหรับ 4 คนล่ะแม่น้อม” คุณท่านของบ้านเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ

        

    “คุณหนูสั่งแบบนี้ค่ะ บอกว่าที่นี่จัดแค่ 4 ชุดก็พอ...”

        

    “ที่นี่ 4 ชุด แล้วมีที่อื่นอีกเหรอจ๊ะ?” ตุลยดาถามบ้างเมื่อได้ยินข้อความแปลกๆ ในคำพูดของป้าน้อม “ค่ะ...คุณหนูสั่งว่าอีกที่จัดไว้ในครัวค่ะ หรือจะให้อิฉันยกมาไว้ที่นี่ดีคะ”

        

    “ไม่ต้องหรอก หลานฉันสั่งอะไรก็ทำตาม”

        

    ไม่มีใครเข้าใจความหมายของการกระทำของทอฝันเลยสักคนเดียว ได้แต่คาดเดาไปต่างๆ นานา หมายความว่าจะต้องมีใครสักคนไปรับประทานในครัวตามลำพังอย่างนั้นหรือ แล้วใครคือคนผู้นั้น...ตัวทอฝันเอง ก็ไม่น่าจะใช่...หรือเป็นเพราะเธอนับจำนวนคนผิดกัน...ดูไม่น่าใช่ แต่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้อาจจะเป็นไปแล้วก็ได้

        

    “ยัยฝันมาพอดีเลย มาเร็วฝัน อาหารน่าทานเชียว” ตุลยดาเรียกหลานสาว ทอฝันยิ้มหวานให้อาสาวซึ่งความจริงควรจะเป็นป้าของเธอมากกว่านั้น

        

    “อาว่าเราต้องนับเลขผิดแน่เลย ทำไมถึงบอกให้ป้าน้อมจัดแค่ 4 ชุดล่ะ แล้วไปจัดให้ใครในครัวฮึ?”

        

    “ไม่ผิดหรอกค่ะ ฝันมั่นใจ ก็วันนี้ที่โต๊ะนี้มีคนทานแค่ 4 คนนี่คะอาดา” ทอฝันตอบอาสาวอย่างมาดมั่น

        

    “แล้วใครคือคนโชคร้ายที่ต้องไปทานในครัวเอ่ย”

        

    “ก็คนที่เคยทำแบบนี้กับแม่ของฝันไงคะ หวังว่าคนนั้นจะยังจำได้” หญิงสาวตอบเสียงเรียบแต่จ้องไปที่รัตนาอย่างเปิดเผย ดูเหมือนว่าผู้เป็นย่าก็จะรู้ดีกับการมองมาของหลานสาว

        



    “แม่ธรา วันนี้หล่อนไปทานอาหารในครัวก็แล้วกัน”

        

    “ทำไมละครับแม่?”

        

    “อ้าว!...ก็วันนี้ครบรอบวันเสียของคุณพ่อเรา แม่ไม่อยากให้คนไม่เกี่ยวข้องมาร่วมโต๊ะเดียวกันสักเท่าไร” อ้างเหตุผลขึ้นมา เพื่อไล่ลูกสะใภ้คนเล็ก

        

    “ธราไม่ใช่คนอื่นนะครับ ธราเป็นภรรยาผม” ศักดิ์ชัยเอ่ยเสียงหนักแน่น

        

    “ใช่ค่ะ ถ้าธราเป็นคนอื่น ดาก็คงเป็นคนอื่นด้วยเหมือนกัน” ตุลยดาเข้าข้างน้องสะใภ้ทันที เธอไม่ชอบใจเท่าไรนักที่แม่สามีชอบตัวเป็นคนหัวโบราณ ไม่ยอมรับในตัวลูกสะใภ้สักที

        

    “ค่ะ เดี๋ยวธราจะทำตามที่คุณแม่บอกค่ะ แล้วยัยหนู...”

        

    “ฉันยกให้ ยังไงแม่ทอฝันก็เป็นคนตระกูลนี้ ถึงแม่เขาจะเป็นหล่อนก็เถอะ อ้อ ถ้ากินเสร็จแล้วก็ช่วยน้อมเก็บโต๊ะอาหารแล้วก็ล้างถ้วยล้างชามเสียด้วยล่ะ”




        

    ภาพอดีตผุดขึ้นมาในสมองของหญิงสาว รัตนาจะต้องชดใช้กรรมที่เคยก่อเอาไว้ทั้งหมด แม่ของเธอเคยเจออะไรมาบ้าง รัตนาจะต้องเจอกับมันบ้าง และต้องหนักกว่าเป็นเท่าตัว นั่นล่ะคือการชดใช้อย่างสาสมที่สุด

        

    “หวังว่าคนคนนั้นคงจะรู้ตัวดี ไม่ต้องให้เอ่ยชื่อออกมา คงไม่ต้องให้อ้างเหตุผลว่าครบรอบวันตายของใครหรอกนะคะ” หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา ตอนนี้จิตใจแห่งความแค้นอยู่เหนือคุณธรรมเสียแล้ว ผลที่ตามมาก็คือแบบนี้

        

    “แล้วก็...ถ้าทานเสร็จแล้ว ช่วยเก็บถ้วยเก็บจานไปล้างด้วยนะคะ ป้าน้อมกับพี่เพลินคงสบายขึ้นเยอะถ้ามีคนช่วย” ทอฝันบอกเมื่อรัตนาลุกขึ้นเดินไปที่ครัวด้วยความรู้สึกยอมรับในชะตากรรม

        

    “ฝัน...พ่อขอเถอะ คุณย่าท่านแก่มากแล้ว อย่าให้ท่านทำเลยนะ เรื่องที่มันผ่านมา แก้ไขไม่ได้อีกแล้วพ่อก็รู้ คุณย่าเองก็รู้ตัวว่าทำผิดพลาดกับแม่ของลูก อย่าทำแบบนี้กับท่านเลย พ่อขอร้อง”

        

    “ก็ได้ค่ะ ฉันไม่ทำก็ได้ค่ะ”

        

    “ดีจัง...เรามากินกันเถอะ อาหารเย็นชืดหมดแล้ว มานั่งเร็วครับคุณแม่ เราด้วยยัยฝัน ป้าน้อม จัดมาอีกที่หนึ่ง เร็วเข้า อาหารวันนี้น่ากินทั้งนั้นเลย” ยศสวินเข้ามาช่วยแก้สถานการณ์เมื่อได้ยินคำตอบอันแสนจะน่ายินดีจากหลานสาว แต่เมื่อรัตนาเดินกลับเข้ามานั่งเหมือนเดิมด้วยความดีใจ เพราะคิดว่าหลานสาวเริ่มจะยกโทษให้ตนแล้วกลับต้องผิดหวังเมื่อได้ยินคำพูดประโยคต่อจากนี้

        

    “ไม่ต้องจัดเพิ่มที่นี่ค่ะป้าน้อม เดี๋ยวฝันจะทานที่ครัวค่ะ” ทอฝันหันไปมองหน้ารัตนาก่อนจะพูดประโยคถัดไป “ในเมื่อคุณไม่ไป ฉันไปเอง...”



    &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×