ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : คนเดียวกัน?
ตอนที่ 7 คนเดียวกัน?
“...ธรา ผมผิดมากเลยใช่ไหม ผิดจนไม่อาจยกโทษได้ ทอฝันเกลียดผม เธอไม่ยอมรับผม แต่ที่แกแสดง ทำให้ผมรู้อะไรอย่างหนึ่ง ทอฝันรักคุณมากเหลือเกินธรา รักมาก ขอแค่สักวันที่ทอฝันยอมรับผม ผมขอแค่ให้เขารักผมเพียงสักครึ่งเดียวของที่รักคุณ เรียกผมว่าพ่อ เท่านั้นผมก็พอใจแล้ว” ศักดิ์ชัยนั่งพรรณนาอยู่ตามลำพังภายในห้องพักของตน หลังจากแยกกับพัฒนาแล้ว เขาก็กลับมาพักผ่อนบนห้อง โดยหลีกเลี่ยงการตอบคำถามใดใดจากรัตนา ผู้เป็นแม่
&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&
กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
บ้านหลังใหญ่ในย่านธุรกิจของกรุงโตเกียว ที่ป้ายชื่อหน้าบ้าน บ่งบอกไว้ว่าเป็นบ้านของตระกูลคิโนชิตะ ภายในบ้านมีหญิงวัยกลางคนกำลังนั่งพักผ่อนอยู่ที่ห้องนั่งเล่นแต่เพียงลำพัง บ้านหลังใหญ่นี้เป็นบ้านที่บุตรชายคนโตของตระกูลคิโนชิตะได้รับเป็นของขวัญแต่งงาน บ้านนี้มีผู้อาศัยเพียง 2 คนเท่านั้น คือ บุตรชายคนโตแห่งตระกูลคิโนชิตะ เจ้าของกิจการธุรกิจขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในญี่ปุ่น...คิโนชิตะ ฮาจิเมะ และสายธาร สถิตธรณี คิโนชิตะ
   
“กลับมาแล้ว...ทำอะไรอยู่” ผู้เป็นสามีที่เพิ่งกลับจากทำงานเข้ามาหาภรรยาภายในห้องนั่งเล่น
   
“กลับมาแล้วเหรอคะ เปล่าค่ะ นั่งคิดเรื่องยูเมมิน่ะค่ะ ไปเมืองไทยแล้วจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ ไม่ได้ติดต่อกลับมาเลย ทางมาซายะคุงล่ะคะ ได้ข่าวอะไรบ้างไหมคะ”
   
“โธ่! คุณ ลูกน่ะคงจะเพิ่งถึงเมืองไทยได้ไม่นาน อย่าเพิ่งไปรบกวนแกเลย แล้วผมก็ยังไม่ได้เจอนิชิมูระเลย แต่คงไม่มีอะไรหรอก คุณแม่ก็อยู่ไม่ใช่เหรอ ลูกน่ะไม่ได้ไปไทยนานแล้ว อาจจะกำลังเที่ยวสนุกๆ อยู่ก็ได้” เมื่อได้รับคำจากสามี สายธารจึงคลายความกังวลไปได้บ้าง
   
“เอาเถอะค่ะ แต่ฉันยังกลัว ไม่รู้ไปแล้วไปเจอฝ่ายบ้านนั้นบ้างหรือเปล่า” สายธารพูดอย่างกังวลใจพลางนึกถึงเรื่องในอดีตที่ผ่านมา
   
เมื่อ 17 ปีที่แล้ว สายธารซึ่งแต่งงานกับนักธุรกิจหนุ่มชาวญี่ปุ่นกำลังจะโยกย้ายไปอยู่ที่ญี่ปุ่นอย่างถาวร เพราะสามีต้องเข้าไปควบคุมดูแลกิจการมากขึ้น หญิงสาวจึงชักชวนมารดาให้ไปอยู่ด้วยกัน ครอบครัวของเธอในเวลานี้เหลือเพียงตัวเธอ แม่ และพี่สาวซึ่งได้แต่งงานไปแล้ว แต่เมื่อเธอชวนมารดา ผู้เป็นแม่กลับปฏิเสธ โดยให้เหตุผลว่าจะอยู่เลี้ยงหลานที่นี่
   
2 อาทิตย์ก่อนที่สายธารและสามีจะเดินทางไปญี่ปุ่น พี่สาวเพียงคนเดียวของเธอก็ประสบอุบัติเหตุรถชนจนเสียชีวิต หลังจากประกอบพิธีฌาปนกิจให้พี่สาวเรียบร้อยแล้ว จึงเหลือเวลาอีกนิดหน่อยเพื่อเตรียมตัวเดินทาง วันสุดท้ายของการสวดพระอภิธรรมนั่นเอง บุหงา ผู้เป็นมารดาก็ได้เข้ามาหาลูกสาวคนเล็ก
   
“เตรียมตัวไปญี่ปุ่นแล้วเหรอแม่ธาร”
   
“ค่ะ คุณแม่ เรียบร้อยหมดแล้วค่ะ เหลือแค่เดินทางอย่างเดียว คุณแม่คะ คุณแม่จะอยู่ที่นี่จริงๆ ใช่ไหมคะ”
   
“ตอนแรกแม่คิดว่าอย่างนั้น ยังไงก็จะช่วยพี่สาวเราเลี้ยงหลาน แต่ตอนนี้แม่ธราก็มาตายไป แม่ตัดสินว่าจะไปกับเรา แม่ธาร”
   
“จริงเหรอคะ ธารดีใจจังเลยค่ะ ถ้าคุณฮาจิเมะรู้ คงดีใจมากแน่ๆ ขอบคุณค่ะ คุณแม่ ขอบคุณที่ไปอยู่กับธาร” สายธารขอบคุณมารดาอย่างดีใจ
   
“แต่แม่ขอแม่ธารอย่างหนึ่ง...” บุหงาพูดต่อทันที หญิงวัยกลางคนมองไปที่หลานสาวตัวน้อยที่นั่งอยู่กับตุลยดาและยศสวิน
   
“แม่ทิ้งหลานไม่ได้ แม่ธารคงจะไม่ขัดถ้าแม่จะเอาหลานไปด้วย”
   
“คุณแม่หมายถึงฝันเหรอคะ”
   
“ใช่ แม่ทิ้งแกไม่ได้ แม่กลัวว่าแม่จะต้องเสียหลานเหมือนที่เสียแม่ธราไป แม่ไม่อยากเอาหลานไว้กับฝ่ายพ่อเขา แม่กลัว”
   
“ได้อยู่แล้วค่ะ คุณแม่ ยัยฝันก็หลานธารแท้ๆ อีกอย่าง คุณฮาจิเมะเองก็รักเด็กมากนะคะ ยังเคยบอกกับธารเลยว่ายัยฝันเป็นเด็กน่ารัก คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะคะ ธารจะดูแลคุณแม่กับฝันให้ดีที่สุดค่ะ” สายธารรับปากด้วยความมั่นใจ หญิงสาวมองสายเลือดของพี่สาวด้วยความเอ็นดูและรักใคร่
   
หลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงกำหนดวันเดินทาง ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเด็กหญิงตัวน้อยไปตลอดชีวิต ทอฝันตัวน้อยมองไปรอบๆ บ้านของคุณยายบุหงาที่ดูโล่งไปมากเพราะข้าวของส่วนใหญ่ถูกเก็บลงกระเป๋าสัมภาระ ถ้าทอฝันและบุหงาไปแล้ว บ้านนี้ก็เหลือเพียงแต่แม่ยม คนเก่าแก่ของคุณยายบุหงาเท่านั้นที่ปฏิเสธที่จะไปด้วยกันอย่างแข็งขัน
   
“ของมาหมดแล้วค่ะ คุณธาร” แม่ยมส่งเสียงบอกเมื่อหิ้วกระเป๋าใบสุดท้ายออกมา
   
“แล้วยัยฝันล่ะ...ยังไม่ลงมาเลย” คุณยายบุหงาท้วงติงออกมา และจะเดินขึ้นไปดูหลานสาวที่ชั้นบน แต่สายธารบอกว่าเธอจะขึ้นไปพาทอฝันลงมาเอง
   
“ฝัน...อยู่ไหนจ๊ะ” หญิงสาวร้องเรียกหลานสาว
   
“อยู่นี่ค่ะน้าธาร” ทอฝันเดินออกมาจากห้องของผู้เป็นแม่มาหาน้าสาวของเธอ
   
“ไปกันเถอะจ้ะ เดี๋ยวจะขึ้นเครื่องสาย” หญิงสาวพูดอย่างอ่อนโยนกับหลานสาวตัวน้อย พลางยื่นมือให้เด็กหญิงจับ พอเดินไปสักพัก หญิงสาวก็สังเกตเห็นหยดน้ำใสๆ หลายหยดที่ไหลรินลงสู่พื้นห้อง
   
“เป็นอะไรจ๊ะฝัน ไม่ร้องนะคนดี”
   
“น้าธารขา ฝันไม่มีแม่แล้ว อาดาบอกว่าแม่จะไม่ตื่นอีกแล้ว ฝันไม่มีแม่แล้วใช่ไหมคะน้าธาร” สายธารกอดปลอบหลานสาวก่อนจะพูดกับเธออย่างอ่อนโยน
   
“ไม่จริงหรอกจ้ะ ฝันยังมีแม่อยู่ตลอดเวลานะจ๊ะ ทุกครั้งที่ฝันคิดถึงแม่ แม่ของฝันก็อยู่กับฝันเสมอ อยู่ในใจของฝัน ไม่มีใครจะมาพรากแม่ไปจากหนูได้หรอกนะ ถึงตอนนี้แม่ของหนูก็ยังอยู่กับหนู” สายธารชี้ไปที่หัวใจ ทอฝันพยักหน้าเข้าใจที่น้าสาวพูด
   
“แม่อยู่กับฝัน ฝันยังมีแม่ ฝันยังมีแม่อยู่ใช่ไหมคะ ฝันมีแม่ตลอดไป”
&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&
“17 ปีแล้วนะคุณ”
   
“คะ??”
   
“ยูเมมิอยู่กับเรามา 17 ปีแล้ว เห็นครั้งแรกยังตัวเล็กๆ อยู่เลย” ฮาจิเมะนึกถึงเมื่อครั้งที่ยูเมมิมาอยู่กับเขาและภรรยาใหม่ๆ ตอนนั้นเด็กหญิงเพิ่งจะอายุ 5 ขวบเท่านั้นเอง
   
“บ้านใหญ่ดีนะแม่ธาร” บุหงาพูดเมื่อเห็นขนาดบ้านของบุตรสาวครั้งแรก
   
“ค่ะ คุณคิโนชิตะให้เป็นของขวัญแต่งงานน่ะค่ะ มีอยู่หลายห้อง คุณแม่พักตามสบายนะคะ ไม่ต้องเกรงใจ”
   
“จะดีเหรอ แม่มาอยู่กับเรานะ”
   
“คุณแม่คะ คุณแม่กับยัยฝันน่ะมาอยู่ที่นี่ไม่ใช่แขกหรือคนอาศัยนะคะ คุณแม่อย่าเกรงใจเลยค่ะ อะไรที่คุณแม่เคยทำตอนอยู่บ้านที่เมืองไทย คุณแม่ก็ทำเหมือนเดิมได้เลยนะคะ ธารอยากให้คุณแม่มีความสุขที่ได้มาอยู่ที่นี่” สายธารอธิบาย สองแม่ลูกจึงยิ้มให้กันและกันอย่างอบอุ่น ครู่หนึ่ง ฮาจิเมะก็อุ้มทอฝันที่หลับปุ๋ยเข้ามาในบ้าน
   
“พาแม่หนูไปนอนก่อนเถอะครับ” เขาส่งทอฝันให้กับคุณยายบุหงา
   
“พ่อคุณเขาว่าอะไรน่ะแม่ธาร แม่ฟังไม่รู้เรื่อง” บุหงามองลูกเขยที่พูดภาษาญี่ปุ่นมาด้วยความงงงวย
   
“คุณฮาจิเมะบอกให้พายัยฝันไปนอนก่อนน่ะค่ะ ดูสิหลับปุ๋ยเชียว” ลูบแก้มหลานสาวเบาๆ ก่อนจะรับหลานสาวมาจากมารดาเข้าไปภายในห้องนอนซึ่งถูกจัดตกแต่งไว้อย่างดี
   
สองสามวันหลังจากนั้น ผู้ใหญ่ภายในบ้านทั้งสามคนก็ปรึกษากันถึงเรื่องอนาคตของทอฝันที่จะใช้ชีวิตในญี่ปุ่นต่อไป
   
“ผมได้ข้อมูลเรื่องโรงเรียนประถมมาเยอะแยะเลย แต่ผมคิดว่าที่นี่ดีที่สุด ไม่ไกลจากบ้าน แล้วลูกชายของเพื่อนสนิทผมก็เรียนที่นี่ จะได้เป็นเพื่อนเล่นกันไปด้วย” ฮาจิเมะอธิบายให้สายธารฟัง ซึ่งเธอก็อธิบายให้บุหงาฟังอีกต่อหนึ่ง
   
“ก็ดีค่ะ ฉันกับคุณแม่ก็เห็นด้วย” หญิงสาวตอบเมื่อปรึกษากับผู้เป็นแม่แล้ว
   
“แล้วก็อีกเรื่องนึง ผมว่าผมน่าจะรับหลานของคุณมาเป็นลูกบุญธรรมด้วย เพื่อให้เธอเติบโตและอาศัยอยู่ที่นี่ได้อย่างดี มันจะสะดวกสบายกว่ามาก” ฮาจิเมะอธิบาย เพื่อประโยชน์ของทอฝันในอนาคต เธอควรจะเป็นลูกบุญธรรมของเขา เธอจะมีสิทธิ์ใช้นามสกุลของตระกูลเขา และสิทธิ์ต่างๆ มากมายสำหรับคนในประเทศ มันจะสะดวกสบายกว่าการติดต่อในนามของคนต่างชาติต่างภาษาและดูจะมีหลักประกันมากกว่า
   
ต่อมา ฮาจิเมะจึงจดทะเบียนรับเธอเป็นลูกบุญธรรม และได้เปลี่ยนชื่อและนามสกุลของทอฝันให้เป็นภาษาญี่ปุ่นเสีย  แน่นอนว่าถ้าวันไหนเธอคิดจะกลับประเทศไทย เธอย่อมมีสิทธิ์จะใช้ชื่อ ทอฝัน  สถิตธรณี อย่างแน่นอน
   
“ชื่อของหลานคุณมีความหมายอะไรพิเศษหรือเปล่า”
   
“ชื่อนี้พี่สาวฉันเป็นคนตั้งค่ะ จำได้ว่าเธอเคยบอกว่าอยากจะให้ลูกได้ถักทอความฝันของตนเอง แล้วก้าวไปตามความฝันนั้นค่ะ พี่ธราอยากเห็นฝันมีอนาคตที่งดงามอย่างที่ฝันหวังเอง โดยไม่มีใครมาบังคับ”
   
“ฝัน...ความฝันเหรอ งั้นก็ ยูเมะ งดงาม...ทอฝันให้งดงาม...ความฝันที่งดงาม ฝันที่สวยงาม...ถ้าสวยใช้เป็นตัว มิ ยูเมะ กับ มิ...ยูเมมิ...ใช่แล้ว ยูเมมิ ความฝันที่สวยงาม ชื่อยูเมมินี่แหละ คุณเห็นว่ายังไง” ผู้เป็นสามีดูจะตื่นเต้นกับชื่อใหม่ของลูกสาวบุญธรรมเหลือเกิน สายธารพยักหน้าเห็นด้วยกับชื่อที่สามีเป็นผู้ตั้งให้
   
และนับตั้งแต่วันนั้นมา ทอฝันก็กลายเป็นคิโนชิตะ ยูเมมิ ลูกสาวบุญธรรมของฮาจิเมะ คนทั้งคู่เลี้ยงดูยูเมมิเป็นอย่างดีเสมือนลูกของตัวเอง หลังจากนั้นไม่นาน เด็กหญิงก็มีโอกาสได้รู้จักกับเพื่อนใหม่
   
“ฝันจ๊ะ...ลงมารู้จักเพื่อนใหม่เถอะจ้ะ”
   
“ค่ะ” เด็กหญิงเดินลงมาจากชั้นสอง วันนี้เองเป็นวันแรกที่เธอได้พบกับเด็กผู้ชายวัยเดียวกับเธอ เขาก็คือ นิชิมูระ มาซายะ ลูกชายของโนบุโอะ เพื่อนสนิทของฮาจิเมะนั่นเอง
   
“สวัสดี” เด็กชายทักเธอเป็นภาษาญี่ปุ่น ทำให้เด็กน้อยเอียงคอมองด้วยความไม่รู้ว่าจะต้องตอบอย่างไร จึงหันไปมองพ่อและแม่บุญธรรมของเธอ
   
“ฝันจ๊ะ นี่มาซายะคุง เขาอายุเท่าหนูเลยนะ ต่อไปก็เป็นเพื่อนกันนะจ๊ะ...มาซายะคุง นี่ยูเมมิจ๊ะ เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันนะ” ต้นประโยค หญิงสาวพูดเป็นภาษาไทยกับทอฝัน แต่ท้ายประโยคเป็นภาษาญี่ปุ่นที่พูดกับเด็กชายมาซายะ
   
ภายหลังจากนั้น 17 ปี ยูเมมิจึงใช้ชีวิตอยู่ที่ญี่ปุ่นตลอดเวลา จะว่าไปแล้ว เธอก็มีชีวิตเหมือนคนญี่ปุ่นทุกอย่าง ตั้งแต่ชื่อ นามสกุล วิธีการดำเนินชีวิต การศึกษา ตลอดจนภาษาที่ใช้ แต่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ก็ไม่เคยทำให้เธอผู้นี้เลิกคิดถึงแม่และแค้นผู้ซึ่งเธอเรียกว่าฆาตกรได้เลย มันยังคงฝังลึกอยู่ในจิตใจจนไม่อาจจะลบเลือนหายไปได้ จนวันหนึ่งที่เธอตัดสินใจเดินทางกลับสู่ประเทศบ้านเกิด
   
“จะเอาอย่างนั้นเหรอจ๊ะ คิดดีแล้วเหรอลูก” สายธารถามหลานสาวซึ่งเธอเลี้ยงมาราวกับเป็นบุตรสาวแท้ๆ
   
“ค่ะ ฝันคิดแล้วคิดอีก ยังไงก็คงต้องเลือกทางนี้ ฝันต้องกลับไปค่ะ ฝันจะไม่หนีอีกแล้วค่ะน้าธาร” หญิงสาวบอกด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น ผิดกับเด็กหญิงทอฝันขี้กลัวคนเก่า
   
“เรียกน้าธารอีกแล้ว น้อยใจจัง...ทีคุณฮาจิเมะยังเคยเรียกว่าพ่อเลยนี่”
   
“ฝันขอโทษค่ะ น้ำธาร แต่แม่ของฝันมีแค่คนเดียว แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ตลอด 17 ปีที่ผ่านมา น้าธารก็เหมือนเป็นแม่คนที่ 2 ของฝัน ทั้งน้าธาร คุณลุง คุณยาย ทุกคนดีกับฝันมาก ถ้าฝันจะบอกว่าฝันรักน้าธารที่สุด มันก็คงเป็นเรื่องโกหก แต่ฝันอยากจะบอกน้าธารว่า ฝันรักน้าธารมากจริงๆ ค่ะ...ฝันรักน้าธารค่ะ...แม่ธารของฝัน”
   
“แม่ก็พูดไปอย่างนั้นเอง ทำไมแม่จะไม่รู้ว่าฝันรักพี่ธรามากแค่ไหน แต่แม่ก็ดีใจนะที่ฝันเรียกแม่ว่าแม่บ้าง ดีใจที่ได้เลี้ยงฝัน ฝันเหมือนลูกแท้ๆ ของแม่นะ” สายธารยิ้มให้ลูกสาวบุญธรรมของเธอ สายธารไม่มีลูก ดังนั้น เธอจึงฟูมฟักเลี้ยงดูทอฝันอย่างดีที่สุด ทำให้เธอและทอฝันผูกผันกันมากกว่าความเป็นน้าหลานเสียอีก
&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&
“เธอว่าไงนะ จะไปเมืองไทยเหรอ ทำไมล่ะ” ชายหนุ่ม เพื่อนรักของเธอกล่าวถามด้วยความตกใจที่จู่ๆ เพื่อนสาวก็มาบอกเขาเช่นนี้
   
“อืม...ฉันคิดว่าอยากจะไปเที่ยวน่ะ เคยไปที่นั่นตอนเด็กๆ คุณยายก็จะไปด้วย ท่านจะไปเยี่ยมบ้าน ไม่เห็นจะต้องตกใจขนาดนั้นเลยนี่นา”
   
“ยัยโง่เอ๊ย จะไม่ให้ตกใจได้ยังไงล่ะ อยู่ดีๆ ก็มาบอกว่าจะไป ไม่รู้จักคิดถึงความรู้สึกของคนอื่นเขาซะบ้าง”
   
“ขอโทษจ้า ขอโทษ อย่าโกรธเลยนะ มาซายะ ฉันจำเป็นจริงๆ ที่ต้องไปที่นั่น เธออย่าทำหน้าแบบนั้นสิ เดี๋ยวความเป็นหนุ่มฮอต เป็นขวัญใจของสาวๆ จะหายหมดนะ”
   
“ใครบอกเธอไม่ทราบว่าฉันอยากฮอต ถ้าความฮอตความป๊อปของฉันทำให้เธอคนนั้นชอบฉันก็ดีหรอก” ชายหนุ่มพูดด้วยสีหน้าที่เจื่อนลง แม้ว่าจะเป็นขวัญใจสาว แต่หญิงสาวคนที่เขาชอบมานานนั้นกลับไม่เคยแสดงท่าทีว่าชอบเขาบ้างเลย
   
“ไม่น่าเชื่อว่าอย่างหนุ่มสุดฮอตสุดสมบูรณ์แบบเหมือนเจ้าชายอย่างนิชิมูระ มาซายะจะชอบคนที่เขาไม่ชอบตัวเอง ใครน้าผู้หญิงคนนั้น ฉันรู้จักไหม” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงขี้เล่น ชายหนุ่มมองเธอด้วยสีหน้าที่จริงจังก่อนจะตอบว่า “รู้จักสิ รู้จักดีเชียวล่ะ ไม่มีใครรู้จักดีเท่าเธออีกแล้ว”
   
“อืม....ฉันรู้จักดีเหรอ คงเป็นยูกะ หรือว่าอายาโกะ หรือว่าจะจิฮิโระ ฮารุมิ หรือว่าฟุมิเอะล่ะ เดาไม่ถูกเลย ใครกันนะซินเดอเรลล่าผู้โชคดีคนนั้น”
   
ชายหนุ่มผู้หนึ่งกำลังนั่งพักผ่อนสายตาด้วยการนอนเอกเขนกอยู่ที่ม้านั่งภายในสวนหลังบ้าน คิดถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา คิดถึงเจ้าหญิงของเขา คนที่เขาชอบมานาน แต่เธอผู้นั้นไม่เคยรู้ตัวมาก่อน
   
“เธออยู่ไหนนะ...ทำไมฉันต้องชอบเธอด้วย ทำไมต้องชอบเธอขนาดนี้ด้วยยัยเบ๊อะ” เขาตะโกนเสียงดัง แต่ถึงจะมีคนได้ยินก็ไม่มีใครเข้าใจความหมายของเขาอยู่ดี ก็เพราะที่นี่คือประเทศไทย
&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&
   
“จอดตรงนี้ค่ะ” ทอฝันบอกแก่บุคคลผู้ซึ่งบังคับเธอให้ขึ้นรถมากับเขา
   
“ทำไมล่ะ เดี๋ยวพี่เข้าไปส่งในบ้านก็ได้นี่” วิธวินท์แย้งขึ้น แม้จะเห็นว่าทอฝันนั้นปฏิเสธอย่างเต็มที่ทั้งน้ำเสียงและท่าทางก็ตาม
   
“แต่ฉันจะลงตรงนี้ค่ะ คุณบอกว่าจะส่งฉัน ฉันก็ให้คุณส่งแล้ว เพราะฉะนั้นฉันจะลง” หญิงสาวบอกอย่างไม่แยแสกับคำพูดของวิธวินท์ และทำท่าจะเปิดประตูรถออกไป ชายหนุ่มจึงจำต้องจอดแต่โดยดี
   
“เดี๋ยวสิ ทอฝัน...” เขารีบลงมาขวางทางเธอเอาไว้
   
“อะไรคะ”
   
“พี่อยากให้เธอคิดให้ดีอีกครั้งนึงเรื่องของอาศักดิ์ชัย ยังไง อาศักดิ์ชัยกับคุณย่าก็เป็นพ่อและย่าแท้ๆ ของเธอนะ”
   
“ฉันบอกคุณแล้วว่าอย่าพูดถึงพวกเขาอีก ฉันไม่อยากฟัง”
   
“เธอต้องฟัง...ฟังนะ พี่อยากให้ฝันกลับไปคิดให้ดีๆ อีกครั้งหนึ่ง ว่าฝันควรจะกลับไปอยู่กับพ่อกับย่าของตัวเองไหม? รับปากนะ ถามใจตัวเองก่อนตัดสิน” วิธวินท์ย้ำกับหญิงสาว เธอมองหน้าเขาแล้วอึ้งไป ที่เขาพูดมานั้นถูกต้อง หรือว่าเธอควรกลับไป
   
...หรือเราควรจะกลับไป??...
&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&
“คุณออมคะ ของว่างค่ะ”
   
“ว่างไว้ตรงนั้นแหละค่ะ” หญิงสาวตอบโดยไม่หันไปมอง ในมือของเธอกำลังขีดเขียนตัวอักษรหลายตัวอยู่บนกระดาษโน้ตแผ่นสั้น ตัวอักษรมีมากมาย แต่ล้วนเป็นข้อความซ้ำๆ กัน 2 ข้อความเท่านั้น
   
“ทอฝัน...ยูเมมิ...ยูเมมิ...ทอฝัน...ทอฝัน...ยูเมมิ...ยูเมมิ...ทอฝัน”
   
“ยูเมมิ กับพี่ทอฝัน คนเดียวกันหรือเปล่านะ...คนที่เราเจอที่สนามบินคือพี่ทอฝัน แต่เพื่อนของเขาคนนั้นคือยูเมมิ ที่ฟังแล้วคล้ายพี่ทอฝัน คนสองคนจะเป็นคนเดียวกันเป็นไปได้ไหมเนี่ย” ศริมนนั่งคิดตามลำพังอย่างไม่เข้าใจ
   
...ถ้าเป็นคนเดียวกันก็ดีซินะ หรือว่าไม่ดีกันแน่ ไม่เข้าใจตัวเองเลยแฮะเรา...
&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&
“...ธรา ผมผิดมากเลยใช่ไหม ผิดจนไม่อาจยกโทษได้ ทอฝันเกลียดผม เธอไม่ยอมรับผม แต่ที่แกแสดง ทำให้ผมรู้อะไรอย่างหนึ่ง ทอฝันรักคุณมากเหลือเกินธรา รักมาก ขอแค่สักวันที่ทอฝันยอมรับผม ผมขอแค่ให้เขารักผมเพียงสักครึ่งเดียวของที่รักคุณ เรียกผมว่าพ่อ เท่านั้นผมก็พอใจแล้ว” ศักดิ์ชัยนั่งพรรณนาอยู่ตามลำพังภายในห้องพักของตน หลังจากแยกกับพัฒนาแล้ว เขาก็กลับมาพักผ่อนบนห้อง โดยหลีกเลี่ยงการตอบคำถามใดใดจากรัตนา ผู้เป็นแม่
&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&
กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
บ้านหลังใหญ่ในย่านธุรกิจของกรุงโตเกียว ที่ป้ายชื่อหน้าบ้าน บ่งบอกไว้ว่าเป็นบ้านของตระกูลคิโนชิตะ ภายในบ้านมีหญิงวัยกลางคนกำลังนั่งพักผ่อนอยู่ที่ห้องนั่งเล่นแต่เพียงลำพัง บ้านหลังใหญ่นี้เป็นบ้านที่บุตรชายคนโตของตระกูลคิโนชิตะได้รับเป็นของขวัญแต่งงาน บ้านนี้มีผู้อาศัยเพียง 2 คนเท่านั้น คือ บุตรชายคนโตแห่งตระกูลคิโนชิตะ เจ้าของกิจการธุรกิจขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในญี่ปุ่น...คิโนชิตะ ฮาจิเมะ และสายธาร สถิตธรณี คิโนชิตะ
   
“กลับมาแล้ว...ทำอะไรอยู่” ผู้เป็นสามีที่เพิ่งกลับจากทำงานเข้ามาหาภรรยาภายในห้องนั่งเล่น
   
“กลับมาแล้วเหรอคะ เปล่าค่ะ นั่งคิดเรื่องยูเมมิน่ะค่ะ ไปเมืองไทยแล้วจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ ไม่ได้ติดต่อกลับมาเลย ทางมาซายะคุงล่ะคะ ได้ข่าวอะไรบ้างไหมคะ”
   
“โธ่! คุณ ลูกน่ะคงจะเพิ่งถึงเมืองไทยได้ไม่นาน อย่าเพิ่งไปรบกวนแกเลย แล้วผมก็ยังไม่ได้เจอนิชิมูระเลย แต่คงไม่มีอะไรหรอก คุณแม่ก็อยู่ไม่ใช่เหรอ ลูกน่ะไม่ได้ไปไทยนานแล้ว อาจจะกำลังเที่ยวสนุกๆ อยู่ก็ได้” เมื่อได้รับคำจากสามี สายธารจึงคลายความกังวลไปได้บ้าง
   
“เอาเถอะค่ะ แต่ฉันยังกลัว ไม่รู้ไปแล้วไปเจอฝ่ายบ้านนั้นบ้างหรือเปล่า” สายธารพูดอย่างกังวลใจพลางนึกถึงเรื่องในอดีตที่ผ่านมา
   
เมื่อ 17 ปีที่แล้ว สายธารซึ่งแต่งงานกับนักธุรกิจหนุ่มชาวญี่ปุ่นกำลังจะโยกย้ายไปอยู่ที่ญี่ปุ่นอย่างถาวร เพราะสามีต้องเข้าไปควบคุมดูแลกิจการมากขึ้น หญิงสาวจึงชักชวนมารดาให้ไปอยู่ด้วยกัน ครอบครัวของเธอในเวลานี้เหลือเพียงตัวเธอ แม่ และพี่สาวซึ่งได้แต่งงานไปแล้ว แต่เมื่อเธอชวนมารดา ผู้เป็นแม่กลับปฏิเสธ โดยให้เหตุผลว่าจะอยู่เลี้ยงหลานที่นี่
   
2 อาทิตย์ก่อนที่สายธารและสามีจะเดินทางไปญี่ปุ่น พี่สาวเพียงคนเดียวของเธอก็ประสบอุบัติเหตุรถชนจนเสียชีวิต หลังจากประกอบพิธีฌาปนกิจให้พี่สาวเรียบร้อยแล้ว จึงเหลือเวลาอีกนิดหน่อยเพื่อเตรียมตัวเดินทาง วันสุดท้ายของการสวดพระอภิธรรมนั่นเอง บุหงา ผู้เป็นมารดาก็ได้เข้ามาหาลูกสาวคนเล็ก
   
“เตรียมตัวไปญี่ปุ่นแล้วเหรอแม่ธาร”
   
“ค่ะ คุณแม่ เรียบร้อยหมดแล้วค่ะ เหลือแค่เดินทางอย่างเดียว คุณแม่คะ คุณแม่จะอยู่ที่นี่จริงๆ ใช่ไหมคะ”
   
“ตอนแรกแม่คิดว่าอย่างนั้น ยังไงก็จะช่วยพี่สาวเราเลี้ยงหลาน แต่ตอนนี้แม่ธราก็มาตายไป แม่ตัดสินว่าจะไปกับเรา แม่ธาร”
   
“จริงเหรอคะ ธารดีใจจังเลยค่ะ ถ้าคุณฮาจิเมะรู้ คงดีใจมากแน่ๆ ขอบคุณค่ะ คุณแม่ ขอบคุณที่ไปอยู่กับธาร” สายธารขอบคุณมารดาอย่างดีใจ
   
“แต่แม่ขอแม่ธารอย่างหนึ่ง...” บุหงาพูดต่อทันที หญิงวัยกลางคนมองไปที่หลานสาวตัวน้อยที่นั่งอยู่กับตุลยดาและยศสวิน
   
“แม่ทิ้งหลานไม่ได้ แม่ธารคงจะไม่ขัดถ้าแม่จะเอาหลานไปด้วย”
   
“คุณแม่หมายถึงฝันเหรอคะ”
   
“ใช่ แม่ทิ้งแกไม่ได้ แม่กลัวว่าแม่จะต้องเสียหลานเหมือนที่เสียแม่ธราไป แม่ไม่อยากเอาหลานไว้กับฝ่ายพ่อเขา แม่กลัว”
   
“ได้อยู่แล้วค่ะ คุณแม่ ยัยฝันก็หลานธารแท้ๆ อีกอย่าง คุณฮาจิเมะเองก็รักเด็กมากนะคะ ยังเคยบอกกับธารเลยว่ายัยฝันเป็นเด็กน่ารัก คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะคะ ธารจะดูแลคุณแม่กับฝันให้ดีที่สุดค่ะ” สายธารรับปากด้วยความมั่นใจ หญิงสาวมองสายเลือดของพี่สาวด้วยความเอ็นดูและรักใคร่
   
หลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงกำหนดวันเดินทาง ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเด็กหญิงตัวน้อยไปตลอดชีวิต ทอฝันตัวน้อยมองไปรอบๆ บ้านของคุณยายบุหงาที่ดูโล่งไปมากเพราะข้าวของส่วนใหญ่ถูกเก็บลงกระเป๋าสัมภาระ ถ้าทอฝันและบุหงาไปแล้ว บ้านนี้ก็เหลือเพียงแต่แม่ยม คนเก่าแก่ของคุณยายบุหงาเท่านั้นที่ปฏิเสธที่จะไปด้วยกันอย่างแข็งขัน
   
“ของมาหมดแล้วค่ะ คุณธาร” แม่ยมส่งเสียงบอกเมื่อหิ้วกระเป๋าใบสุดท้ายออกมา
   
“แล้วยัยฝันล่ะ...ยังไม่ลงมาเลย” คุณยายบุหงาท้วงติงออกมา และจะเดินขึ้นไปดูหลานสาวที่ชั้นบน แต่สายธารบอกว่าเธอจะขึ้นไปพาทอฝันลงมาเอง
   
“ฝัน...อยู่ไหนจ๊ะ” หญิงสาวร้องเรียกหลานสาว
   
“อยู่นี่ค่ะน้าธาร” ทอฝันเดินออกมาจากห้องของผู้เป็นแม่มาหาน้าสาวของเธอ
   
“ไปกันเถอะจ้ะ เดี๋ยวจะขึ้นเครื่องสาย” หญิงสาวพูดอย่างอ่อนโยนกับหลานสาวตัวน้อย พลางยื่นมือให้เด็กหญิงจับ พอเดินไปสักพัก หญิงสาวก็สังเกตเห็นหยดน้ำใสๆ หลายหยดที่ไหลรินลงสู่พื้นห้อง
   
“เป็นอะไรจ๊ะฝัน ไม่ร้องนะคนดี”
   
“น้าธารขา ฝันไม่มีแม่แล้ว อาดาบอกว่าแม่จะไม่ตื่นอีกแล้ว ฝันไม่มีแม่แล้วใช่ไหมคะน้าธาร” สายธารกอดปลอบหลานสาวก่อนจะพูดกับเธออย่างอ่อนโยน
   
“ไม่จริงหรอกจ้ะ ฝันยังมีแม่อยู่ตลอดเวลานะจ๊ะ ทุกครั้งที่ฝันคิดถึงแม่ แม่ของฝันก็อยู่กับฝันเสมอ อยู่ในใจของฝัน ไม่มีใครจะมาพรากแม่ไปจากหนูได้หรอกนะ ถึงตอนนี้แม่ของหนูก็ยังอยู่กับหนู” สายธารชี้ไปที่หัวใจ ทอฝันพยักหน้าเข้าใจที่น้าสาวพูด
   
“แม่อยู่กับฝัน ฝันยังมีแม่ ฝันยังมีแม่อยู่ใช่ไหมคะ ฝันมีแม่ตลอดไป”
&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&
“17 ปีแล้วนะคุณ”
   
“คะ??”
   
“ยูเมมิอยู่กับเรามา 17 ปีแล้ว เห็นครั้งแรกยังตัวเล็กๆ อยู่เลย” ฮาจิเมะนึกถึงเมื่อครั้งที่ยูเมมิมาอยู่กับเขาและภรรยาใหม่ๆ ตอนนั้นเด็กหญิงเพิ่งจะอายุ 5 ขวบเท่านั้นเอง
   
“บ้านใหญ่ดีนะแม่ธาร” บุหงาพูดเมื่อเห็นขนาดบ้านของบุตรสาวครั้งแรก
   
“ค่ะ คุณคิโนชิตะให้เป็นของขวัญแต่งงานน่ะค่ะ มีอยู่หลายห้อง คุณแม่พักตามสบายนะคะ ไม่ต้องเกรงใจ”
   
“จะดีเหรอ แม่มาอยู่กับเรานะ”
   
“คุณแม่คะ คุณแม่กับยัยฝันน่ะมาอยู่ที่นี่ไม่ใช่แขกหรือคนอาศัยนะคะ คุณแม่อย่าเกรงใจเลยค่ะ อะไรที่คุณแม่เคยทำตอนอยู่บ้านที่เมืองไทย คุณแม่ก็ทำเหมือนเดิมได้เลยนะคะ ธารอยากให้คุณแม่มีความสุขที่ได้มาอยู่ที่นี่” สายธารอธิบาย สองแม่ลูกจึงยิ้มให้กันและกันอย่างอบอุ่น ครู่หนึ่ง ฮาจิเมะก็อุ้มทอฝันที่หลับปุ๋ยเข้ามาในบ้าน
   
“พาแม่หนูไปนอนก่อนเถอะครับ” เขาส่งทอฝันให้กับคุณยายบุหงา
   
“พ่อคุณเขาว่าอะไรน่ะแม่ธาร แม่ฟังไม่รู้เรื่อง” บุหงามองลูกเขยที่พูดภาษาญี่ปุ่นมาด้วยความงงงวย
   
“คุณฮาจิเมะบอกให้พายัยฝันไปนอนก่อนน่ะค่ะ ดูสิหลับปุ๋ยเชียว” ลูบแก้มหลานสาวเบาๆ ก่อนจะรับหลานสาวมาจากมารดาเข้าไปภายในห้องนอนซึ่งถูกจัดตกแต่งไว้อย่างดี
   
สองสามวันหลังจากนั้น ผู้ใหญ่ภายในบ้านทั้งสามคนก็ปรึกษากันถึงเรื่องอนาคตของทอฝันที่จะใช้ชีวิตในญี่ปุ่นต่อไป
   
“ผมได้ข้อมูลเรื่องโรงเรียนประถมมาเยอะแยะเลย แต่ผมคิดว่าที่นี่ดีที่สุด ไม่ไกลจากบ้าน แล้วลูกชายของเพื่อนสนิทผมก็เรียนที่นี่ จะได้เป็นเพื่อนเล่นกันไปด้วย” ฮาจิเมะอธิบายให้สายธารฟัง ซึ่งเธอก็อธิบายให้บุหงาฟังอีกต่อหนึ่ง
   
“ก็ดีค่ะ ฉันกับคุณแม่ก็เห็นด้วย” หญิงสาวตอบเมื่อปรึกษากับผู้เป็นแม่แล้ว
   
“แล้วก็อีกเรื่องนึง ผมว่าผมน่าจะรับหลานของคุณมาเป็นลูกบุญธรรมด้วย เพื่อให้เธอเติบโตและอาศัยอยู่ที่นี่ได้อย่างดี มันจะสะดวกสบายกว่ามาก” ฮาจิเมะอธิบาย เพื่อประโยชน์ของทอฝันในอนาคต เธอควรจะเป็นลูกบุญธรรมของเขา เธอจะมีสิทธิ์ใช้นามสกุลของตระกูลเขา และสิทธิ์ต่างๆ มากมายสำหรับคนในประเทศ มันจะสะดวกสบายกว่าการติดต่อในนามของคนต่างชาติต่างภาษาและดูจะมีหลักประกันมากกว่า
   
ต่อมา ฮาจิเมะจึงจดทะเบียนรับเธอเป็นลูกบุญธรรม และได้เปลี่ยนชื่อและนามสกุลของทอฝันให้เป็นภาษาญี่ปุ่นเสีย  แน่นอนว่าถ้าวันไหนเธอคิดจะกลับประเทศไทย เธอย่อมมีสิทธิ์จะใช้ชื่อ ทอฝัน  สถิตธรณี อย่างแน่นอน
   
“ชื่อของหลานคุณมีความหมายอะไรพิเศษหรือเปล่า”
   
“ชื่อนี้พี่สาวฉันเป็นคนตั้งค่ะ จำได้ว่าเธอเคยบอกว่าอยากจะให้ลูกได้ถักทอความฝันของตนเอง แล้วก้าวไปตามความฝันนั้นค่ะ พี่ธราอยากเห็นฝันมีอนาคตที่งดงามอย่างที่ฝันหวังเอง โดยไม่มีใครมาบังคับ”
   
“ฝัน...ความฝันเหรอ งั้นก็ ยูเมะ งดงาม...ทอฝันให้งดงาม...ความฝันที่งดงาม ฝันที่สวยงาม...ถ้าสวยใช้เป็นตัว มิ ยูเมะ กับ มิ...ยูเมมิ...ใช่แล้ว ยูเมมิ ความฝันที่สวยงาม ชื่อยูเมมินี่แหละ คุณเห็นว่ายังไง” ผู้เป็นสามีดูจะตื่นเต้นกับชื่อใหม่ของลูกสาวบุญธรรมเหลือเกิน สายธารพยักหน้าเห็นด้วยกับชื่อที่สามีเป็นผู้ตั้งให้
   
และนับตั้งแต่วันนั้นมา ทอฝันก็กลายเป็นคิโนชิตะ ยูเมมิ ลูกสาวบุญธรรมของฮาจิเมะ คนทั้งคู่เลี้ยงดูยูเมมิเป็นอย่างดีเสมือนลูกของตัวเอง หลังจากนั้นไม่นาน เด็กหญิงก็มีโอกาสได้รู้จักกับเพื่อนใหม่
   
“ฝันจ๊ะ...ลงมารู้จักเพื่อนใหม่เถอะจ้ะ”
   
“ค่ะ” เด็กหญิงเดินลงมาจากชั้นสอง วันนี้เองเป็นวันแรกที่เธอได้พบกับเด็กผู้ชายวัยเดียวกับเธอ เขาก็คือ นิชิมูระ มาซายะ ลูกชายของโนบุโอะ เพื่อนสนิทของฮาจิเมะนั่นเอง
   
“สวัสดี” เด็กชายทักเธอเป็นภาษาญี่ปุ่น ทำให้เด็กน้อยเอียงคอมองด้วยความไม่รู้ว่าจะต้องตอบอย่างไร จึงหันไปมองพ่อและแม่บุญธรรมของเธอ
   
“ฝันจ๊ะ นี่มาซายะคุง เขาอายุเท่าหนูเลยนะ ต่อไปก็เป็นเพื่อนกันนะจ๊ะ...มาซายะคุง นี่ยูเมมิจ๊ะ เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันนะ” ต้นประโยค หญิงสาวพูดเป็นภาษาไทยกับทอฝัน แต่ท้ายประโยคเป็นภาษาญี่ปุ่นที่พูดกับเด็กชายมาซายะ
   
ภายหลังจากนั้น 17 ปี ยูเมมิจึงใช้ชีวิตอยู่ที่ญี่ปุ่นตลอดเวลา จะว่าไปแล้ว เธอก็มีชีวิตเหมือนคนญี่ปุ่นทุกอย่าง ตั้งแต่ชื่อ นามสกุล วิธีการดำเนินชีวิต การศึกษา ตลอดจนภาษาที่ใช้ แต่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ก็ไม่เคยทำให้เธอผู้นี้เลิกคิดถึงแม่และแค้นผู้ซึ่งเธอเรียกว่าฆาตกรได้เลย มันยังคงฝังลึกอยู่ในจิตใจจนไม่อาจจะลบเลือนหายไปได้ จนวันหนึ่งที่เธอตัดสินใจเดินทางกลับสู่ประเทศบ้านเกิด
   
“จะเอาอย่างนั้นเหรอจ๊ะ คิดดีแล้วเหรอลูก” สายธารถามหลานสาวซึ่งเธอเลี้ยงมาราวกับเป็นบุตรสาวแท้ๆ
   
“ค่ะ ฝันคิดแล้วคิดอีก ยังไงก็คงต้องเลือกทางนี้ ฝันต้องกลับไปค่ะ ฝันจะไม่หนีอีกแล้วค่ะน้าธาร” หญิงสาวบอกด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น ผิดกับเด็กหญิงทอฝันขี้กลัวคนเก่า
   
“เรียกน้าธารอีกแล้ว น้อยใจจัง...ทีคุณฮาจิเมะยังเคยเรียกว่าพ่อเลยนี่”
   
“ฝันขอโทษค่ะ น้ำธาร แต่แม่ของฝันมีแค่คนเดียว แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ตลอด 17 ปีที่ผ่านมา น้าธารก็เหมือนเป็นแม่คนที่ 2 ของฝัน ทั้งน้าธาร คุณลุง คุณยาย ทุกคนดีกับฝันมาก ถ้าฝันจะบอกว่าฝันรักน้าธารที่สุด มันก็คงเป็นเรื่องโกหก แต่ฝันอยากจะบอกน้าธารว่า ฝันรักน้าธารมากจริงๆ ค่ะ...ฝันรักน้าธารค่ะ...แม่ธารของฝัน”
   
“แม่ก็พูดไปอย่างนั้นเอง ทำไมแม่จะไม่รู้ว่าฝันรักพี่ธรามากแค่ไหน แต่แม่ก็ดีใจนะที่ฝันเรียกแม่ว่าแม่บ้าง ดีใจที่ได้เลี้ยงฝัน ฝันเหมือนลูกแท้ๆ ของแม่นะ” สายธารยิ้มให้ลูกสาวบุญธรรมของเธอ สายธารไม่มีลูก ดังนั้น เธอจึงฟูมฟักเลี้ยงดูทอฝันอย่างดีที่สุด ทำให้เธอและทอฝันผูกผันกันมากกว่าความเป็นน้าหลานเสียอีก
&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&
“เธอว่าไงนะ จะไปเมืองไทยเหรอ ทำไมล่ะ” ชายหนุ่ม เพื่อนรักของเธอกล่าวถามด้วยความตกใจที่จู่ๆ เพื่อนสาวก็มาบอกเขาเช่นนี้
   
“อืม...ฉันคิดว่าอยากจะไปเที่ยวน่ะ เคยไปที่นั่นตอนเด็กๆ คุณยายก็จะไปด้วย ท่านจะไปเยี่ยมบ้าน ไม่เห็นจะต้องตกใจขนาดนั้นเลยนี่นา”
   
“ยัยโง่เอ๊ย จะไม่ให้ตกใจได้ยังไงล่ะ อยู่ดีๆ ก็มาบอกว่าจะไป ไม่รู้จักคิดถึงความรู้สึกของคนอื่นเขาซะบ้าง”
   
“ขอโทษจ้า ขอโทษ อย่าโกรธเลยนะ มาซายะ ฉันจำเป็นจริงๆ ที่ต้องไปที่นั่น เธออย่าทำหน้าแบบนั้นสิ เดี๋ยวความเป็นหนุ่มฮอต เป็นขวัญใจของสาวๆ จะหายหมดนะ”
   
“ใครบอกเธอไม่ทราบว่าฉันอยากฮอต ถ้าความฮอตความป๊อปของฉันทำให้เธอคนนั้นชอบฉันก็ดีหรอก” ชายหนุ่มพูดด้วยสีหน้าที่เจื่อนลง แม้ว่าจะเป็นขวัญใจสาว แต่หญิงสาวคนที่เขาชอบมานานนั้นกลับไม่เคยแสดงท่าทีว่าชอบเขาบ้างเลย
   
“ไม่น่าเชื่อว่าอย่างหนุ่มสุดฮอตสุดสมบูรณ์แบบเหมือนเจ้าชายอย่างนิชิมูระ มาซายะจะชอบคนที่เขาไม่ชอบตัวเอง ใครน้าผู้หญิงคนนั้น ฉันรู้จักไหม” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงขี้เล่น ชายหนุ่มมองเธอด้วยสีหน้าที่จริงจังก่อนจะตอบว่า “รู้จักสิ รู้จักดีเชียวล่ะ ไม่มีใครรู้จักดีเท่าเธออีกแล้ว”
   
“อืม....ฉันรู้จักดีเหรอ คงเป็นยูกะ หรือว่าอายาโกะ หรือว่าจะจิฮิโระ ฮารุมิ หรือว่าฟุมิเอะล่ะ เดาไม่ถูกเลย ใครกันนะซินเดอเรลล่าผู้โชคดีคนนั้น”
   
ชายหนุ่มผู้หนึ่งกำลังนั่งพักผ่อนสายตาด้วยการนอนเอกเขนกอยู่ที่ม้านั่งภายในสวนหลังบ้าน คิดถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา คิดถึงเจ้าหญิงของเขา คนที่เขาชอบมานาน แต่เธอผู้นั้นไม่เคยรู้ตัวมาก่อน
   
“เธออยู่ไหนนะ...ทำไมฉันต้องชอบเธอด้วย ทำไมต้องชอบเธอขนาดนี้ด้วยยัยเบ๊อะ” เขาตะโกนเสียงดัง แต่ถึงจะมีคนได้ยินก็ไม่มีใครเข้าใจความหมายของเขาอยู่ดี ก็เพราะที่นี่คือประเทศไทย
&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&
   
“จอดตรงนี้ค่ะ” ทอฝันบอกแก่บุคคลผู้ซึ่งบังคับเธอให้ขึ้นรถมากับเขา
   
“ทำไมล่ะ เดี๋ยวพี่เข้าไปส่งในบ้านก็ได้นี่” วิธวินท์แย้งขึ้น แม้จะเห็นว่าทอฝันนั้นปฏิเสธอย่างเต็มที่ทั้งน้ำเสียงและท่าทางก็ตาม
   
“แต่ฉันจะลงตรงนี้ค่ะ คุณบอกว่าจะส่งฉัน ฉันก็ให้คุณส่งแล้ว เพราะฉะนั้นฉันจะลง” หญิงสาวบอกอย่างไม่แยแสกับคำพูดของวิธวินท์ และทำท่าจะเปิดประตูรถออกไป ชายหนุ่มจึงจำต้องจอดแต่โดยดี
   
“เดี๋ยวสิ ทอฝัน...” เขารีบลงมาขวางทางเธอเอาไว้
   
“อะไรคะ”
   
“พี่อยากให้เธอคิดให้ดีอีกครั้งนึงเรื่องของอาศักดิ์ชัย ยังไง อาศักดิ์ชัยกับคุณย่าก็เป็นพ่อและย่าแท้ๆ ของเธอนะ”
   
“ฉันบอกคุณแล้วว่าอย่าพูดถึงพวกเขาอีก ฉันไม่อยากฟัง”
   
“เธอต้องฟัง...ฟังนะ พี่อยากให้ฝันกลับไปคิดให้ดีๆ อีกครั้งหนึ่ง ว่าฝันควรจะกลับไปอยู่กับพ่อกับย่าของตัวเองไหม? รับปากนะ ถามใจตัวเองก่อนตัดสิน” วิธวินท์ย้ำกับหญิงสาว เธอมองหน้าเขาแล้วอึ้งไป ที่เขาพูดมานั้นถูกต้อง หรือว่าเธอควรกลับไป
   
...หรือเราควรจะกลับไป??...
&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&
“คุณออมคะ ของว่างค่ะ”
   
“ว่างไว้ตรงนั้นแหละค่ะ” หญิงสาวตอบโดยไม่หันไปมอง ในมือของเธอกำลังขีดเขียนตัวอักษรหลายตัวอยู่บนกระดาษโน้ตแผ่นสั้น ตัวอักษรมีมากมาย แต่ล้วนเป็นข้อความซ้ำๆ กัน 2 ข้อความเท่านั้น
   
“ทอฝัน...ยูเมมิ...ยูเมมิ...ทอฝัน...ทอฝัน...ยูเมมิ...ยูเมมิ...ทอฝัน”
   
“ยูเมมิ กับพี่ทอฝัน คนเดียวกันหรือเปล่านะ...คนที่เราเจอที่สนามบินคือพี่ทอฝัน แต่เพื่อนของเขาคนนั้นคือยูเมมิ ที่ฟังแล้วคล้ายพี่ทอฝัน คนสองคนจะเป็นคนเดียวกันเป็นไปได้ไหมเนี่ย” ศริมนนั่งคิดตามลำพังอย่างไม่เข้าใจ
   
...ถ้าเป็นคนเดียวกันก็ดีซินะ หรือว่าไม่ดีกันแน่ ไม่เข้าใจตัวเองเลยแฮะเรา...
&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น