ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    <<หนี้แค้นในหัวใจ>>

    ลำดับตอนที่ #6 : ของขวัญอันล้ำค่า

    • อัปเดตล่าสุด 17 มี.ค. 48


    ตอนที่ 6 ของขวัญอันล้ำค่า



        

    “ธรา....ธรา....”



    “ฉันไม่ใช่คนที่คุณเรียกหรอกค่ะ” หญิงสาวกล่าวขึ้นเพื่อเรียกสติของศักดิ์ชัยให้กลับคืนมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน แต่แววตาของเธอฉายความเจ็บแค้นต่อบุคคลตรงหน้าอย่างไม่ปิดบัง



    “ขอโทษนะหนู นั่งก่อนสิ” ทุกคนนั่งลงบนเก้าอี้ ด้านข้างของทอฝัน คือศริมน และศักดิ์ชัย อีกไม่นาน บทสนทนาอันยาวนานก็จะเริ่มต้นขึ้น



    “ลุงจะเล่าอะไรบางอย่างให้หนูฟังนะ...ลุงชื่อ ศักดิ์ชัย ภรรยาของลุง คือ ธราธาร เธอเสียไปเมื่อ 17 ปีที่แล้ว หนูเคยได้ยินเรื่องพวกนี้บ้างไหม?” ชายวัยกลางคนถามเมื่อเริ่มต้น



    “กรุณาเล่าให้จบก่อนเถิดค่ะ” หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อชายด้านข้างพูดถึงเรื่องนี้



    “ได้สิ แต่ลุงขอถามหนูก่อนได้ไหมว่าหนูชื่ออะไร ปีนี้อายุเท่าไรแล้ว เราสองคนอาจจะเป็นพ่อลูกกันก็ได้”



    “ทอฝันค่ะ ปีนี้ก็ 22 พอดี” หญิงสาวตอบแต่โดยดี เพราะเห็นว่าสมควรแก่เวลาแล้ว คำตอบของเธอสร้างความยินดีแก่วิธวินท์และศักดิ์ชัยเป็นอย่างยิ่ง



    “ทอฝันเหรอ...ธราก็ตั้งชื่อลูกว่าทอฝัน แม่ของหนูล่ะ ธราธารใช่ไหม ใช่หรือเปล่า...” ศักดิ์ชัยพูดด้วยความปลาบปลื้มใจเป็นล้นพ้น หญิงสาวคนนี้ชื่อ ทอฝัน ชื่อเดียวกัน และอาจจะเป็นคนเดียวกัน



    คำพูดด้วยความปลื้มปิติของศักดิ์ชัยนั้นเกือบนั้นทลายกำแพงความแค้นใจจิตใจได้อยู่แล้ว แต่หญิงสาวกลับสร้างมันให้แข็งแกร่งมากกว่าเดิมยิ่งขึ้นไปอีก ...คุณพ่อยังจำฝันได้ ไม่ใช่หรอก  เพราะเรายังมีประโยชน์กับเขามากกว่า เข้มแข็งไว้ทอฝัน เธอไม่ใช่คนอ่อนแออีกต่อไปแล้วนะ...



    “คุณยังจำชื่อลูกตัวเองได้หรือคะ...ส่วนเรื่องแม่ ใช่ค่ะ ฉันยอมรับว่าแม่ชื่อธราธาร แต่สำหรับพ่อ ฉันจำไม่ได้ แต่ความจริง ไม่อยากจำมากกว่า” หญิงสาวประชดศักดิ์ชัยด้วยประโยคสุดท้าย ใครบอกว่าเธอจำไม่ได้เรื่องพ่อ เธอรู้ทุกอย่างจนยากจะลืมต่างหาก ที่พูดไปอย่างนั้น เพื่อให้ผู้เป็นพ่อเจ็บปวด เช่นเดียวกับที่เธอเคยเจ็บก็เท่านั้น



    ดูเหมือนว่าคนอื่นๆ ก็จะจับความหมายของทอฝันได้ เพราะหญิงสาวไม่ได้ปิดบังเอาไว้เสียเลย แต่ในบรรดาคนทั้งหมด คนที่ดูจะไม่แปลกใจกับกิริยาท่าทางเย็นชาไร้ความยินดีของหญิงสาว จะมีเพียงศักดิ์ชัยเท่านั้น เขารู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องผิดปกติใดใดทั้งสิ้น ทั้งห้องจึงตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง



    “เอ่อ...พี่ทอฝันคะ พี่จำออมได้ไหมคะ เราน่าจะเคยเจอกันมาก่อน” ศริมนเริ่มต้นบทสนทนาทำลายความเงียบขึ้นมา เธอยังไม่หายคลางแคลงใจเรื่องผู้หญิงที่เคยเจอที่สนามบิน หญิงสาวที่ชื่อคิโนชิตะ ยูเมมิ คนนั้น และทอฝันคนนี้เป็นคนๆ เดียวกันหรือไม่



    “สนามบินนาริตะ...ใช่ไหมคะ”



    “ใช่คะ เป็นพี่จริงๆ ด้วย มิน่าล่ะ ออมถึงว่าหน้าพี่คุ้นๆ ที่แท้ก็เหมือนอาธรานี่เอง ตอนนั้นพี่ก็บอกว่าพี่คุ้นหน้าออมเหมือนกัน สงสัยจะเป็นเพราะออมหน้าคล้ายพี่วินท์แน่ๆ เลย” น้องสาวตัวดีเริ่มแผนการจับคู่ให้พี่ชายทันที คำพูดของศริมน ทำให้วิธวินท์ต้องเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวด้วยความแปลกใจและดีใจ เพราะความหมายของคำพูดนั้นก็คือ ทอฝันยังไม่ลืมเขา ไม่ลืมเพื่อนเล่นสมัยเด็กคนนี้



    “โลกแคบจริงๆ ห่างกันตั้งไกลยังอุตส่าห์มาเจอกันได้ ดีใจได้แล้วล่ะเพื่อน” พัฒนาที่นิ่งเงียบมานานพูดขึ้นด้วยความดีใจกับเพื่อนสนิทของเขา



    “ในที่สุดพ่อก็เจอลูกแล้ว พ่อรอวันนี้มานานมากเลยนะ เดี๋ยวเราไปหาคุณย่าด้วยกัน ท่านอยากเจอลูกมากเลย ท่านรอลูกมานานแล้ว” เมื่อพูดถึงคุณย่า รอยยิ้มของทอฝันที่ยิ้มให้ศริมนเมื่อครู่ก็จางหาย ปรากฏใบหน้าเย็นชาและชิงชังขึ้นมาทันที



    “คุณแน่ใจหรือคะว่าฉันคือลูกคุณจริงๆ ฉันอาจจะหลอกคุณก็ได้” หญิงสาวแกล้งถามขึ้นมา



    “ไม่ผิดหรอก หน้าตา ชื่อ และอายุก็เป็นตัวบ่งชี้ได้แล้วว่าหนูคือ ทอฝัน ลูกของพ่อจริงๆ” ศักดิ์ชัยยืนยันกับหญิงสาว



    “แล้วคุณแม่ของคุณล่ะคะ จะยอมรับฉันคนนี้เป็นหลานหรือคะ ถ้าจะเป็น ฉันก็เป็นหลานสาวนะคะ ไม่ใช่หลานชาย จะทนได้หรือคะ” ทอฝันยกเรื่องเก่าในอดีตขึ้นมาพูดถึง แม่ของเธอต้องเจ็บช้ำจากคำปรามาสในเรื่องนี้มานับครั้งไม่ถ้วน ไม่มีทางที่เธอจะให้อภัยผู้เป็นย่าได้ง่ายๆ อย่างแน่นอน



    “พ่อรู้ว่าฝันเจ็บปวดเรื่องอดีตมากแค่ไหน พ่อขอโทษนะทอฝัน แต่คุณย่าท่านก็เสียใจ ท่านอยากจะไถ่บาปในเรื่องแล้วๆ มา อภัยให้ท่านเถอะฝัน แม่ของลูกก็ตายไปแล้ว เราอย่าคิดถึงเรื่องอดีตกันอีกเลยนะ ลืมมันซะเถอะ”



    “ไม่...ไม่มีวัน คุณนึกว่าแค่คำขอโทษสั้นๆ ของพวกคุณจะทำให้ฉันให้อภัยได้งั้นเหรอ คิดผิดแล้วล่ะค่ะ ฉันกับแม่เจ็บปวดทรมานมากแค่ไหน ฉันไม่เคยลืม ผู้หญิงคนนั้น แม่ของคุณ ฆ่าแม่ทั้งเป็น ที่แม่ของฉันตายก็เพราะเขา คุณเคยรู้ไหมว่าแม่ช้ำใจแค่ไหน แม่เสียน้ำตาไปมากแค่ไหน พวกคุณทำให้แม่ของฉันตายตั้งแต่อายุยังน้อย แค่ 32 เท่านั้นเอง พวกคุณพรากแม่ไปจากฉัน ตั้งแต่ฉันอายุแค่ 5 ขวบ....คุณคิดว่าฉันจะยอมรับความจริงพวกนี้ได้แล้วยกโทษ...ให้อภัยกับพวกคุณ แม่ฉันตายไปก็แล้วไปงั้นเหรอ พวกคุณมันเห็นแก่ตัวที่สุด พวกคุณใจร้าย ไร้หัวใจ....”



    น้ำตาจากนัยน์ตาของหญิงสาวหลั่งไหลออกมามากมาย ความเจ็บแค้นที่เก็บอัดอั้นมานานได้ถูกระบายออกมาแล้ว แม้ว่าทอฝันจะสั่งตัวเองให้เข้มแข็งเพียงใด แต่ก็ไม่อาจห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาได้ เปรียบเหมือนกับที่คนไม่สามารถควบคุมการตกหรือหยุดของฝนได้เช่นกัน



    ...หยุดร้องเดี๋ยวนี้นะ ทอฝัน อย่าเป็นคนอ่อนแอ เธออ่อนแอเกินไปแล้ว เข้มแข็งสิ ปาดน้ำตาทิ้งซะ...ลืมไปแล้วหรือไง แม่เธอตายเพราะอะไร แม่เธอตายเพราะอะไร...

        

    เมื่อนึกมาถึงตอนนี้ ภาพเหตุการณ์ในอดีตก็ปรากฏขึ้นมาทับซ้อนกันมากมาย ภาพความเศร้าโศกของธราธาร แม่ของเธอ ภาพวันที่ธราธารจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ ภาพเหล่านั้นล้วนตราตรึงอยู่ในหัวใจของทอฝันอยู่ตลอดเวลา

        

    “แม่ขา....ฮือๆๆ” เสียงเด็กหญิงตัวน้อยร้องไห้ลั่นเมื่อแม่ของเธอถูกรถคันหนึ่งชนเข้าอย่างแรงจนหมดสติไป แต่ก่อนที่จะหมดสตินั้น ความเป็นห่วงบุตรสาวตัวเล็กจึงทำให้เธอเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง

        

    “ไปหาคุณยาย...ไปหาคุณยายนะฝัน หา...คะ...คุณ...ยะ...ยาย” ทอฝันในวัยเพียง 5 ขวบรีบเดินกึ่งวิ่งกลับไปที่บ้านของคุณยายบุหงาด้วยความเร็ว ใจจริงแล้ว เด็กหญิงไม่อยากทิ้งแม่ไว้เพียงคนเดียวเลย แต่นี่เป็นคำบอกของแม่ ซึ่งเธอเชื่อมั่น

        

    ร่างของธราธารถูกนำส่งโรงพยาบาลหลังจากเกิดเหตุ 20 นาที ลมหายใจของหญิงสาวรวยรินขึ้นทุกขณะ สภาพร่างกายก็ดูบอบช้ำ ทันทีที่มาถึงโรงพยาบาล หญิงสาวก็ถูกนำตัวเข้าไปในห้องฉุกเฉินอย่างเร่งด่วนทันที

        

    เวลาการรอคอยของคนที่เฝ้าอยู่ด้านนอกห้องฉุกเฉินนั้นผ่านไปอย่างเชื่องช้า เด็กหญิงตัวน้อยซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของคุณยายบุหงาซึ่งมีสีหน้าวิตกกังวล ด้านข้างนั้นเป็นพ่อของตัวเธอเอง...ศักดิ์ชัย เขารีบบึ่งรถมาทันทีเมื่อทราบข่าวพร้อมกับพี่ชายและพี่สะใภ้ คนทั้งหมดเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อด้วยความหวังเพียงอย่างเดียวกัน

        

    ไฟหน้าห้องฉุกเฉินดับลง...การรักษาเสร็จสิ้นแล้ว ทุกคนยืนขึ้นรอคอยนายแพทย์ที่กำลังเดินออกมาด้วยความหวัง แต่...

        

    “คุณหมอครับ ภรรยาผม ธรา เธอปลอดภัยแล้วใช่ไหมครับ”

        

    “หมอเสียใจด้วยนะครับ” นายแพทย์กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สงบ คำว่าเสียใจนี้ทำให้ทุกคนยกเว้นทอฝันเข้าใจได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

        

    “ธรา..... ไม่จริงใช่ไหมครับหมอ ธราปลอดภัยใช่ไหมหมอ...ธรา”

        

    “หมอเสียใจจริงๆ ครับ เราพยายามกันเต็มที่แล้ว ร่างกายคุณธราธารอ่อนแอมากครับ อย่างที่หมอเคยบอกคุณไปแล้วเมื่อประมาณ 4-5 ปีที่แล้ว สุขภาพเธอแย่มากนะครับ แล้วยังได้รับกระทบกระเทือนโดนที่อวัยวะสำคัญอีกด้วย หมอเสียใจด้วยจริงๆ นะครับ” นายแพทย์ตัดใจเดินต่อไป สักครู่หนึ่ง ร่างอันไร้วิญญาณของธราธารก็ถูกนำออกมาจากห้องฉุกเฉิน

        

    “ธรา....” ศักดิ์ชัยปราดเข้าไปหาภรรยาสุดที่รัก ร่างของธราธารไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเขาอีกต่อไป ไม่มีอีกแล้ว เมื่อเห็นผู้เป็นพ่อเข้าไปหาแม่ ทอฝันจึงเดินไปเรียกแม่บ้าง

        

    “แม่ขา แม่หายแล้วใช่ไหมคะ...” เด็กหญิงถามเสียงสดใสด้วยความยินดี แต่แม่ของเธอก็ไม่ตอบสิ่งใด เด็กหญิงหันไปมองรอบๆ ทุกคนที่เธอรู้จักล้วนแต่อยู่ในอาการโศกเศร้าทั้งสิ้น มันหมายความว่าอย่างไรกัน



    “แม่.....แม่ขา.....ตื่นมาคุยกับฝันสิ แม่....” ทอฝันหันไปเรียกธราธารสุดเสียง แต่แม่ของเธอก็ไม่ตื่นขึ้นมาอีกแล้ว เด็กหญิงเริ่มร้องไห้จ้า



    “พ่อขา ทำไมแม่ไม่ตื่นล่ะคะ...คุณยาย...อาดา...ลุงยศ...”



    “อย่าร้องไห้นะจ้ะทอฝัน มาหาอานี่ ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร” ตุลยดา ภรรยาของยศสวินซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่สะใภ้ของศักดิ์ชัยเดินเข้ามาปลอบหลานสาวทั้งน้ำตา



    “อาดาร้องไห้ ทำไมล่ะคะ ทำไมไม่มีใครบอกอะไรฝัน แม่เป็นอะไรคะอาดา ทำไมแม่ไม่ตื่น แม่โกรธฝันเหรอคะ”



    “ฟังอาให้ดีนะทอฝัน ฝันของอา แม่ธราของหนูจะไม่ตื่นอีกแล้ว ไม่อีกแล้วจ้ะ...” ประโยคสุดท้ายของตุลยดาที่ทอฝันจำได้ขึ้นใจ ไม่มีอีกแล้ว เธอไม่มีแม่อีกแล้ว




    &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&



    “ฝัน...พ่อขอโทษนะ มันเจ็บปวดแค่ไหน พ่อเองก็รู้ดีกว่าใคร” ศักดิ์ชัยเอื้อมมือไปจับมือลูกสาวเอาไว้เพื่อปลอบใจ แต่กลับถูกหญิงสาวสะบัดออกอย่างแรง น้ำตาที่ไหลรินถูกปาดทิ้งด้วยนิ้วเรียวงาม เธอหันมามองผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อของเธออย่างเสียใจ



    “อย่ามาแตะต้องตัวฉัน คุณไม่ใช่พ่อฉัน ฉันไม่ใช่ลูกคุณ คุณไม่มีวันรู้ ไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกที่ผ่านมาตลอด 17 ปีของฉันหรอก ตั้งแต่แม่ฉันตายไป หัวใจฉันมันก็ตายไปแล้วเหมือนกัน คนใจร้าย ไร้หัวใจแบบพวกคุณไม่มีวันเข้าใจจิตใจฉันหรอก ไม่มีทาง” ทอฝันพูดเสียงแข็งกร้าวก่อนจะวิ่งหนีไป หญิงสาวกลัวว่าเธอจะอ่อนแออีกครั้งหนึ่ง



    “ฝัน...” ศักดิ์ชัยทรุดตัวลงอย่างเหนื่อยอ่อน ถึงแม้จะทำใจไว้ก่อนแล้วว่าบุตรสาวจะต้องมีปฏิกิริยาเช่นนี้บ้าง แต่มันก็มากจนเกิดคาด จนไม่รู้จะทำอย่างไร



    “ใจเย็นๆ ฉันว่าหนูทอฝันอาจจะฝังใจกับอดีตมากเกินไป เท่าที่ฉันดู เด็กคนนั้นไม่ใช่คนไม่ดีหรอกนะ ให้เวลาเธอหน่อย ฉันเชื่อว่าสักวัน หนูทอฝันต้องเข้าใจแก ตอนนี้ลูกแกยังสบสน ไม่มั่นใจ ให้เวลาเธอหน่อยเถอะ” พัฒนาให้กำลังใจเพื่อนรัก ทำให้ศักดิ์ชัยค่อยมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง



    “วันนี้เรากลับกันก่อนดีกว่า ไว้ค่อยติดต่อหนูทอฝันใหม่ก็ได้” พัฒนาพูดเมื่อเห็นว่าทอฝันคงจะไม่กลับมาอีกแล้ว



    “พ่อคะ พี่วินท์หายไปแล้ว...” ศริมนเรียกบิดาให้ทราบว่าพี่ชายของเธอนั้นไม่อยู่ตรงนั้นเสียแล้ว



    &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&



    หลังจากที่วิ่งหนีออกมาแล้ว น้ำตาของหญิงสาวก็ไหลออกมาอีกครั้ง เธอหาคำตอบให้ตนเองไม่ได้ว่าทำไมน้ำตาถึงไหลออกมา ทำไมตัวเธอต้องเป็นฝ่ายวิ่งหนีด้วย ทำไม...



    “เช็ดน้ำตาซะนะ” มือของชายหนุ่มผู้หนึ่งยืนผ้าเช็ดหน้าของตนเองให้กับทอฝัน ซึ่งมานั่งหลบมุมเพียงลำพังที่ด้านข้างสวนหย่อมของโรงแรม



    “..............” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของผ้าเช็ดหน้าด้วยความขอบคุณ แต่ก็ไม่ยอมรับผ้าเช็ดหน้าในมือของเขา ชายหนุ่มจึงถือวิสาสะเช็ดให้กับเธอเสียเอง จนหญิงสาวต้องชักหน้าหลบ



    “เธอดื้อขึ้นเยอะนะ แต่ก่อนเวลาเช็ดน้ำตาให้ไม่เห็นหันหน้าหนีแบบนี้เลย” วิธวินท์พูดขึ้น ทำให้ทอฝันเผลอมองหน้าเขา เรื่องผ่านมาตั้ง 17 ปีแล้ว แต่ชายหนุ่มตรงหน้าเธอก็ยังไม่ลืม เขายังจำเด็กหญิงตัวน้อยคนนี้ได้ เมื่อเห็นหญิงสาวมองหน้าเขาด้วยความแปลกใจ เขาจึงยิ้มให้เธออย่างอบอุ่น และเดินไปนั่งข้างเธอ



    “ลืมพี่ไปแล้วเหรอฝัน แต่ก่อนเราเล่นด้วยกันบ่อยจะตาย ลืมไปหมดแล้วสินะ คงจำพี่วินท์ไม่ได้แล้วสิ” ชายหนุ่มพูดอย่างน้อยใจที่เห็นหญิงสาวยังคงแสดงท่าทีเฉยเมยกับเขาราวกับเป็นคนไม่รู้จัก



    “จำดะ...ไม่ได้ค่ะ ฉันลืมไปหมดแล้ว” ทอฝันปฏิเสธเสียงเรียบ ไร้ความรู้สึก แต่ส่วนลึกในจิตใจ เธอยังคงจำเขาได้เสมอ จำเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสมัยเด็กได้ทั้งหมด เพียงแต่หญิงสาวไม่มั่นใจพอ เธอกลัวว่าตนเองจะหวั่นไหวและอ่อนแอเหมือนเมื่อ 17 ปีที่แล้ว



    อดีตที่ขมขื่นสร้างความหวาดผวาเหล่านี้ให้กับตัวเธอโดยธรรมชาติ ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับทอฝันก็คือ การแก้แค้นเท่านั้น หญิงสาวจึงต้องแสร้งทำเป็นไม่สนใจเรื่องอื่นที่อยู่นอกเหนือจากการแก้แค้นของเธอไปเสียก่อน เพราะถ้ามีอะไรทำให้ใจไขว้เขว การรอคอย 17 ปีอันยาวนานก็ไร้ความหมาย



    “เหรอ...ช่างเถอะ แต่สำหรับพี่ ฝันก็ยังเป็นทอฝัน เด็กตัวเล็กๆ ขี้แยแล้วก็ขี้งอน เหมือนเดิมอยู่ดีนั่นแหละ”



    “ฉันไม่ได้ขี้แยแล้วก็ขี้งอนสักหน่อย คุณพูดไปเองต่างหาก” หญิงสาวแย้งขึ้น ทำให้วิธวินท์อมยิ้มอย่างมีความสุข เวลาที่ผ่านไป ไม่ได้ทำให้คำพูดของหญิงสาวผู้นี้เปลี่ยนแปลงไปเลย ยังคงเป็นทอฝันคนเดิมอยู่ดี



    “เค้าไม่ได้ขี้แยอย่างนั้นสักหน่อย พี่วินท์พูดไปเอง...”  บทสนทนาเดิมปรากฏขึ้นในความคิดของชายหนุ่ม เขาจึงเผลอหัวเราะเบาๆ แต่ถึงกระนั้น ทอฝันก็ยังคงได้ยิน



    “คุณหัวเราะอะไรคะ”



    “พี่ขำเธอไง ตอน 5 ขวบพี่ว่าเธอว่าขี้แย เธอก็ปฏิเสธเสียงแข็งแบบนี้แหละ ยังไงก็เถอะ ถึงเวลาจะผ่านไปแค่ไหน ฝันก็ยังเป็นทอฝันคนเดิม ทอฝันที่เคยเล่นกับพี่ ทอฝันที่ยิ้มและหัวเราะอย่างร่าเริง...”



    “พอเถอะค่ะ คุณวิธวินท์ ฉันไม่ใช่ทอฝันคนนั้นอีกต่อไป ฉันเป็นคนใหม่ที่เข้มแข็ง ฉันไม่ใช่เด็กหญิงอ่อนแออีกแล้ว คุณเลิกพูดถึงเรื่องพวกนี้ซักที ฉันไม่อยากฟัง” เสียงของหญิงสาวแข็งขึ้นอย่างไม่พอใจ เธอไม่อยากนึกถึงอดีต ไม่อยากรื้อฟื้น เพราะเธอคิดว่ามันจะทำให้เธออยากกลับไปเป็นคนอ่อนแอเหมือนเดิม



    “ทอฝัน อย่ามองโลกในแง่ร้าย พี่มั่นใจว่าอาธราไม่ได้อยากให้เธอทำแบบนี้หรอก เชื่อพี่นะ กลับไปอยู่กับคุณย่า คุณลุงศักดิ์ชัย พวกท่านยินดีต้อนรับเธอและอยากให้เธอกลับไป พี่เชื่อว่าอาธราอยากเห็นเรื่องทุกอย่างจบแบบนี้มากกว่า…”



    “พอซะที คุณก็ไม่ต่างจากพวกเขา พวกคุณเคยเข้าใจฉันไหม ไม่ใช่คุณที่เจ็บ คุณไม่เคยเจออย่างที่ฉันเจอ คุณไม่เคยเสียแม่ คุณไม่เคย...ถ้าคุณคิดจะพูดเรื่องนี้กับฉัน ฉันก็ขอตัว พูดไป ยังไง พวกคุณก็ไม่ใช่คนผิดอยู่แล้วนี่ คุณบอกว่าฉันมองโลกในแง่ร้าย เพราะอะไรคุณรู้หรือเปล่า เพราะ 5 ปีสมัยเด็กทำให้ฉันรู้ว่าการมองโลกในแง่ดีไม่ได้ช่วยให้ฉันหรือแม่มีความสุขเลย มันยิ่งทำให้เราเจ็บมากกว่า เพราะฉะนั้น อย่าพูดเรื่องนี้กับฉันให้เสียเวลาอีกเลย” หญิงสาวยืนขึ้นพร้อมจะก้าวเดิน แต่ชายหนุ่มกลับรั้งเธอเอาไว้



    “ปล่อยนะ” ทอฝันเรียกร้องให้หลุดจากการจับกุม วิธวินท์ปล่อยมือเธอเบาๆ แล้วจึงพูดกับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและอบอุ่นเช่นเดิมว่า “เธอจะคิดยังไงก็ช่าง แต่พี่อยากให้เธอรู้ไว้ เราทุกคนดีใจมากที่ได้เจอฝันอีก สำหรับพี่ เธอเปรียบเสมือนของขวัญอันล้ำค่าที่พี่ได้รับ ที่พี่รอคอยมานาน...ทอฝัน”



    &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×