ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    <<หนี้แค้นในหัวใจ>>

    ลำดับตอนที่ #1 : การกลับมา

    • อัปเดตล่าสุด 29 พ.ค. 48


    ตอนที่ 1 การกลับมา

        



    เช้าอันแสนสดใสที่มีแสงแดดอ่อนๆ พัดโชยเข้ามาพร้อมกับอากาศที่แสนจะอบอุ่น หญิงสาวผู้หนึ่งกำลังตระเตรียมจัดเสื้อผ้าราวกับจะเดินทางไกล แววตาของเธอดูมุ่งมั่นราวกับจะตัดสินใจอะไรที่หนักหน่วง เธอจัดกระเป๋าอย่างรวดเร็วแข่งกับเวลาที่เดินไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีวันหวนกลับ เธอไม่ยอมเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ เว้นอยู่เรื่องหนึ่ง เมื่อเธอหยิบกรอบรูปหนึ่งขึ้นมา เธอก็นั่งจดจ้องกับภาพนั้นเสียนาน หญิงสาวคนนี้ คือ ทอฝัน  สถิตธรณี

        

    “ฝัน... เสร็จหรือยัง จวนจะได้เวลาแล้วนะ” เสียงเรียกของผู้เป็นยายดังมาจากชั้นล่าง ทำให้ทอฝันได้สติ และรีบปิดกระเป๋าเดินทางให้เรียบร้อย เธอเหลือบมองกรอบรูปนั้นพลางหยิบขึ้นมากอดไว้อย่างหวงแหน

        

    “ทำอะไรอยู่จ้ะ....ฝัน” คุณยายเดินเข้ามาในห้องและเห็นว่าหลานสาวของตนกำลังกอดกรอบรูปหนึ่งไว้ หญิงสูงวัยก็ถอนหายใจอย่างสงสาร พร้อมกับเดินเข้ามาปลอบโยน “ยายเข้าใจว่าฝันรู้สึกยังไง แต่เรื่องทั้งหมดมันก็ผ่านมานานแล้วนะลูก เลิกคิดถึงอดีตซะทีเถอะ”

        

    “ไม่ค่ะ...ฝันทำไม่ได้ ฝันลืมไม่ได้หรอกค่ะ ไม่มีวัน” หญิงสาวตอบเสียงแข็งกร้าวเช่นเดียวกับทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องนี้ อาการแข็งกร้าวของหญิงสาวนี้ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสักครั้ง ทำให้คุณยายบุหงาได้แต่พยายามยอมรับกับความจริงในเรื่องนี้ และทำทุกวิถีทางที่จะทำให้หลานสาวของเธอลดความแข็งกร้าวลงไปบ้าง แต่นับวัน หญิงสาวกลับยิ่งเพิ่มทวีความแข็งกร้าวนี้มากเข้าไปทุกที

        

    “หมอเสียใจด้วยนะครับ”

        

    “แม่.....แม่ขา.....ตื่นมาคุยกับฝันสิ แม่....”




    &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&

        

    “ยูเมมิ แฮ่กๆ” เสียงหอบของชายหนุ่มผู้หนึ่งซึ่งวิ่งมาอย่างกระหืดกระหอบตรงเข้ามาหาหญิงสาวที่กำลังนั่งรออยู่ที่บริเวณทางเข้าสนามบินนาริตะ

        

    “มาช้าจังเลยนะ มาซายะ....เกือบจะไม่รออยู่แล้ว” ยูเมมิตอบกลับไปด้วยเสียงหยอกล้อชายหนุ่มตรงหน้า

        

    “มาช้าแค่นี้จะไม่รอกันแล้วเหรอ ใจร้ายชะมัด” มาซายะบ่นอุบอย่างน้อยใจในคำพูดของเพื่อนสาวของเขา

        

    “โอ๋ มาซายะ แค่นี้ก็เชื่อด้วย หลอกง่ายจังเลย อย่าน้อยใจไปเลยนะ แล้วนี่ไม่มีใครมาส่งเหรอ คุณป้ากับคุณลุงล่ะ” ยูเมมิถามถึงคุณนิชิมูระ โนบุโอะและคุณทามาเอะ พ่อและแม่ของมาซายะ

        

    “แม่น่ะไม่ว่าง แต่พ่อนี่สิยังโกรธไม่หายตั้งแต่ที่ฉันบอกว่าจะไปเมืองไทย ไม่พูดอะไรซักคำเลย เฮ้อ” ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ การที่เขาตัดสินใจเดินทางไปประเทศไทยนั้นก็เพราะเหตุผลประการเดียว คือ ต้องการจะตามยูเมมิ เพื่อนสาวที่สนิทที่สุดของเขาไปด้วย แม้ว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะทำให้ชายหนุ่มต้องทะเลาะขั้นรุนแรงกับผู้เป็นพ่อ แต่อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มคงจะทนไม่ได้ถ้าต้องเสียหญิงสาวอันเป็นที่รักของเขาไป เขายอมเสียทุกอย่างดีกว่าจะเสียเธอไป

        

    “ถ้างั้น นายอย่าไปกับฉันเลย กลับเถอะ เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ นายกลับไปเถอะ ฉันคงรู้สึกผิดมากถ้าเป็นต้นเหตุทำให้นายต้องทะเลาะกับคุณลุง”

        

    “ยัยเบ๊อะ คิดมากไม่เข้าเรื่อง พ่อน่ะก็เป็นอย่างนี้แหละ เดี๋ยวพอฉันกลับไปอีกที พ่อก็ลืมหมดแล้ว เรามาคิดกันดีกว่าว่าเราจะไปทำอะไรที่เมืองไทย ฉันยังไม่เคยไปเมืองไทยสักครั้งเลย แต่ได้ยินคนบอกว่าที่นั่นสวยมากนี่ เธอเคยไปหรือเปล่า” มาซายะพูดไปเรื่อยๆ โดยไม่ทันได้สังเกตว่ายูเมมินั้นเริ่มจะมีสีหน้าขรึมมากขึ้นเมื่อพูดถึงประเทศไทย

        

    “......” ไม่มีการตอบรับจากหญิงสาว เธอกัดริมฝีปากแล้วนึกภาพอดีตขึ้นมาอีกครั้ง เธอกำมือทั้งสองไว้แน่นอย่างเคียดแค้นอะไรบางอย่าง

        

    “ยูเมมิ เธอ...เป็นอะไรหรือเปล่า”

        

    “เปล่าหรอก นายว่าอะไรนะ อ๋อ เคยสิ แต่ก็นานมากแล้วล่ะ ฉันก็ลืมหมดแล้วด้วย” หญิงสาวตอบ แต่คำตอบของเธอนั้นไม่เป็นจริงเลยแม้แต่น้อย หญิงสาวไม่ได้ลืม เธอไม่เคยลืมต่างหาก



    &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&

        

    “สัพเพสัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น .......” หญิงชราวัยประมาณ 80 ปีคนหนึ่งกำลังนั่งสวดมนต์ทำสมาธิภาวนาอย่างตั้งใจในห้องพระ ด้วยสมาธินี้เอง ทำให้หญิงชราไม่ได้ยินเสียงของผู้ที่เปิดประตูเข้ามา

        

    “คุณแม่ครับ” บุตรชายวัย 51 ปีของหญิงชรากล่าวเรียกแม่ของเขา

        

    “....มีอะไรเหรอ หรือว่าได้ข่าวหลาน”

        

    “ยังครับ ผมเพียงแต่จะมาบอกคุณแม่ว่า พรุ่งนี้ผมคงไม่อยู่บ้านทั้งวัน ผมจะไปทำบุญครบรอบวันเกิดของ......” ผู้เป็นบุตรชายละชื่อของบุคคลที่เขาต้องการจะเอ่ยถึงเอาไว้ เพื่อไม่ให้เป็นการกระทบกระเทือนจิตใจของมารดา

        

    “พูดออกมาเถอะ แม่ก็ว่าจะชวนอยู่เหมือนกัน นี่ครบรอบวันเกิดปีที่เท่าไรแล้วล่ะ แม่ไม่เคยจำได้เลย จำอะไรไม่ได้ทั้งวันเกิด วัน....วันตาย ไม่รู้ป่านนี้ แม่ธราจะยกโทษให้แม่หรือเปล่า”

        

    “แน่นอนครับ ธราเขาไม่เคยโกรธใคร ผมมั่นใจว่าธราไม่เคยโกรธคุณแม่หรอกครับ ไม่เคยเลย ตั้งแต่วันแรกจนถึงวัน...สุดท้าย” ศักดิ์ชัยกล่าวถึงธราธาร ภรรยาของตนเองเสียชีวิตไปเป็นเวลานานแล้ว

        

    “ธรา..... ไม่จริงใช่ไหมครับหมอ ธราปลอดภัยใช่ไหมหมอ...ธรา”



    &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&

        

    “Konnichiwa หวัดดีค่า เฮีย” เสียงใสๆ ของสาวน้อยคนหนึ่งดังขึ้นมาในโทรศัพท์มือถือของชายหนุ่มผู้หนึ่งซึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่อย่างสบายอารมณ์ในห้องนั่งเล่นตามลำพัง

        

    “ยัยออม ญี่ปุ่นจ๋ามาเชียวนะ แค่ให้ไปซัมเมอร์ที่ญี่ปุ่นแป๊ปเดียว เดี๋ยวนี้เธอพูดไทยไม่เป็นแล้วหรือไง”

        

    “โธ่! พี่วินท์อ่ะ ออมก็แค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง เดี๋ยวออมกำลังจะขึ้นเครื่องนะ จะบินกลับไปหาพี่วินท์แล้ว ดีใจเปล่า” ศริมน หรือออม น้องสาวเพียงคนเดียววัย 18 ปีที่เดินทางไปซัมเมอร์ที่ญี่ปุ่นของชายหนุ่ม หรือวิธวินท์ สุธรรมรพี เธอกำลังจะเดินทางกลับมา

        

    “แล้วมาบอกทำไม นี่จะให้พี่ไปรับเมื่อไรล่ะ เครื่องลงเมื่อไร” วิธวินท์ ชายหนุ่มที่สุดหล่อที่แสนจะเป็นสุภาพบุรุษ เป็นพี่ชายที่ศริมนทั้งรักทั้งหวงเป็นที่สุด

        

    “ยัยออมก็จะกลับมาแล้ว แล้วเมื่อไรเธอถึงจะกลับมาซะทีนะ เวลามันผ่านไปเร็วจริงๆ” วิธวินท์หยิบรูปเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่เขาสอดไว้ในหนังสือขึ้นมาดู รูปนี้ค่อนข้างจะเก่ามากแล้ว เวลานี้ เด็กผู้หญิงในรูปคงจะโตเป็นสาวรุ่นแล้ว



    &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&



    “โอ๊ย” เสียงของหญิงสาวสองคนดังขึ้นพร้อมกัน ความรีบของศริมนทำให้เธอวิ่งมาชนกับยูเมมิพอดี

        

    “ขอโทษค่ะ” ศริมนกล่าวอย่างเร็ว เธอสังเกตว่าคิ้วของผู้ที่ถูกเธอชนนั้นขมวดเข้าหากันอย่างสงสัยในตัวเธอ และเธอก็นึกออกว่าคำขอโทษที่เธอพูดไปเมื่อสักครู่นั้น เธอพูดเป็นภาษาไทยนั่นเอง

        

    “คุณเป็นคนไทย...คะ”

        

    “ใช่ค่ะ พี่ก็เหมือนกันเหรอคะ อุ๊ย ดีใจจัง” ศริมนแสดงท่าทางดีใจเมื่อเห็นว่ายูเมมิพูดภาษาไทยได้ “ทำไมออมคุ้นหน้าพี่จัง เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่าคะ” ศริมนถามเสียงซื่อ ยูเมมิยิ้มให้หญิงสาวเล็กน้อยก่อนจะตอบคำถาม

        

    “ไม่น่าจะเคย แต่รู้สึกคุ้นมาก” ยูเมมิตอบ หญิงสาวเองก็รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตากับศริมนไม่ใช่น้อย

        

    “อาจจะเป็นที่ไทยก็ได้ ยังไงๆ ออมก็ว่าออมคุ้นหน้าพี่มากๆ”

        

    “ถ้าเป็นที่ไทย คงไม่ใช่หรอกค่ะ พี่ไปที่นั่นครั้งสุดท้ายยังเด็กมาก” ยูเมมิพูด แล้วความทรงจำในอดีตก็เริ่มผุดขึ้นมาอีกครั้ง

        

    “นังเด็กดื้อ ดื้อนักใช่ไหม ดี...นี่แน่ะ เจ็บไหม เจ็บก็ดี จะได้หลาบจำ นี่....”

    &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&



    สนามบินดอนเมือง เวลา 15.00 น.

        

    “เฮีย ออมถึงแล้วนะ มารับยัง”

        

    “มารออยู่นานแล้ว รับกระเป๋าหรือยัง ยัยออม แล้วนี่ออกทางไหน” วิธวินท์ถาม โดยที่สองพี่น้องต่างก็เดินตามหากันอย่างขวักไขว่ การหาคนในที่แบบนี้ลำบากอยู่แล้ว วันนี้ยิ่งมีสายลงมากกว่าปกติ ทำให้มองไปทางไหนก็เจอแต่ผู้โดยสาร

        

    และเนื่องจากจำนวนคนในสนามบินเยอะมากนั่นเอง อุบัติเหตุการเดินชนจึงเป็นเรื่องปกติ ซึ่งทำให้คนคู่หนึ่งได้พบกัน

        

    “ขอโทษครับ เป็นอะไรหรือเปล่าคุณ” วิธวินท์ถามเมื่อเห็นว่าเขาเดินมาชนกับหญิงสาวที่เดินมาอย่างรีบเร่งคนหนึ่ง

        

    “ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณ” หญิงสาวตอบก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา ทำให้สายตาของคนทั้งคู่ประสานกัน เมื่อเห็นใบหน้าชัดๆ ของอีกฝ่าย ก็ทำให้แต่ละฝ่ายจ้องมองกันและกันอย่างคนคุ้นเคยที่ไม่ได้พบกันมาเป็นระยะเวลานาน

        

    “เอ่อ...คุณลุกไหวไหม ผมช่วย” ชายหนุ่มพูดแก้เก้อ เขายื่นมือให้หญิงสาวจับเพื่อให้เธอพยุงตัวเองลุกขึ้นมา

        

    “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันลุกเองได้” หญิงสาวปฏิเสธความช่วยเหลือจากชายหนุ่ม เธอพยายามช่วยเหลือตนเอง เมื่อล้มได้ เธอก็ต้องยืนหยัดขึ้นด้วยตนเองได้

        

    เสียงโทรศัพท์ของวิธวินท์ดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้เขาหันไปสนใจกับการพูดโทรศัพท์ และเมื่อหันกลับมาอีกครั้ง ก็ไม่พบหญิงสาวยืนอยู่ที่นั่นอีกแล้ว

        

    “เฮียจ๋า....” เสียงใสๆ ดังขึ้นอีกครั้ง โดยที่มาพร้อมกับมือที่กอดชายหนุ่มเอาไว้จากด้านหลัง

        

    “เฮ้ย...ยัยออม” วิธวินท์สะดุ้งและคลายความกังวลเมื่อเห็นว่าเป็นศริมน น้องสาวของเขา

        

    “พี่วินท์อ่ะ ทำไมชอบให้ออมเซ็งอยู่เรื่อยเลย กอดนิดกอดหน่อยก็ไม่ได้ ทีกับยัยเวรนั่นไม่เห็นจะปฏิเสธเลย ออมไม่เอายัยเวรนั่นนะ”

        

    “ทำไมไปเรียกคุณวดีอย่างนั้นล่ะ เขาชื่อยุบลวดี เรียกให้มันถูกๆ หน่อย”

        

    “ไม่มีทาง จะให้เรียกยัยเวรนั่นแบบนั่นไม่ได้ ที่ออมเรียกแบบนี้ไม่ได้อุปโลกน์ขึ้นเองนะ ยัยนั่นทำตัวเปรี้ยวซะ แล้วยังมาเรียกตัวเองซะฝรั่ง เวนดี้อย่างนั้น เวนดี้อย่างนี้ ไม่เห็นจะสมกับชื่อยุบลวดีเลย ชื่อยังกับหญิงไทย ออมบอกไว้ก่อนนะว่าห้ามพี่วินท์เอายัยนั่นมาเป็นพี่สะใภ้ออม บอกตามตรงว่ารังเกียจมากๆๆๆๆๆ สู้พี่คนนั้นก็ไม่ได้ น่ารักมากเลย” ศริมนกล่าวถึงหญิงสาวที่ตนเองพบที่สนามบินนาริตะคนนั้น

        

    “เรานี่น้า จะว่าคุณวดีเขาไปถึงไหน เขาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรสักหน่อย” วิธวินท์แก้ต่างแทนหญิงสาวที่เป็นหัวข้อสนทนาอยู่ หรือยุบลวดี ลูกสาวของเพื่อนของแม่เขา

        

    “ไม่รู้ เห็นเจอพี่วินท์ทีไรก็ วินท์ขา เวนดี้คิดถึ๊งคิดถึงจังเลยค่ะ” ศริมนเลียนแบบยุบลวดีทั้งน้ำเสียง แววตาและท่าทาง และสักพัก ก็มีเสียงแบบเดียวกันดังขึ้นจากด้านหลัง

        

    “วินท์ขา อยู่นี่เอง เวนดี้หาตั้งนาน คิดถึ๊งคิดถึงค่ะ” และแล้วผู้ที่ถูกกล่าวถึงก็มาปรากฏตัวตรงหน้า เธอคือ ยุบลวดี อมรรัตน หญิงสาววัยใกล้เคียงกับวิธวินท์ ที่ศริมนรำคาญเป็นที่สุด

        

    “คุณวดีมาได้ไงครับ” วิธวินท์ถามแปลกใจ และด้วยมารยาทเขาจึงไม่กล้าดึงมือของหญิงสาวที่สอดคล้องกับแขนของเขาออก แม้ว่าน้องสาวตัวดีของเขาจะทำหน้าเอาเรื่องแค่ไหนก็ตาม

        

    “ถามอย่างนี้ เวนดี้น้อยใจแย่เลย ก็ที่ไหนมีวินท์ ที่นั่นก็ต้องมีเวนดี้ไงคะ จริงไหมคะ น้องออมเล็ต” ยุบลวดีหันไปถามความเห็นของศริมน โดยไม่สังเกตว่าหญิงสาวทำหน้าไม่พอใจอย่างรุนแรงเมื่อยุบลวดีเรียกเธอว่า ออมเล็ต

        

    “ออมค่ะ ไม่ใช่ไข่เจียวนะคะพี่เวนดี้ขา ที่พี่เวนดี้ขาถาม ออมว่ามันเกือบถูกค่ะ ที่ไหนมีพี่วินท์ ที่นั่นก็ต้องมี......ออมไงคะ ใช่ไหมพี่วินท์” ศริมนตอบเสียงกวนพลางเดินเข้าไปคล้องแขนกับวิธวินท์แล้วผลักยุบลวดีออกไป และสงครามสายตาก็เริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง ท่ามกลางความลำบากใจของคนกลางอย่างวิธวินท์

        

    และโดยที่ไม่มีใครสังเกต เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดตกเป็นเป้าสายตาของคนผู้หนึ่งอยู่ตลอดเวลา



    &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&

        

    สถานที่แห่งหนึ่งซึ่งหญิงสาวเคยมาพักอยู่เพียงไม่นานเมื่อนานมาแล้วปรากฏขึ้นแก่สายตาของเธออีกครั้ง บ้านหลังขนาดกลางที่ดูไม่ใหญ่โตหรูหรา แต่ก็เป็นสถานที่ที่ให้ความสุขและเกิดความทรงจำดีๆ เอาไว้มากมาย เป็นสถานที่เดียวที่หญิงสาวสามารถเรียกได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าเป็นบ้านที่แท้จริงของเธอ

        

    “ไม่ได้กลับมาตั้งสิบกว่าปี บ้านยังดูสะอาดไม่เปลี่ยน เพราะแม่ยมแท้ๆ เชียว” หญิงชรากล่าวขึ้นกับหญิงอายุไล่เลี่ยกันที่เป็นผู้เฝ้าดูแลบ้านให้กับตนผู้เป็นเจ้าของบ้านมาตลอด

        

    “ไม่หรอกค่ะคุณ แค่นี้มันเทียบไม่ได้กับบุญคุณท่วมหัวของคุณหรอกค่ะ นี่ถ้าเป็นคนอื่น อิฉันคงถูกเฉดหัวออกไปตามมีตามเกิดแล้วล่ะค่ะ” แม่ยมตอบเสียงเรียบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มกับเจ้าบ้าน

        

    “ความจริงฉันบอกให้ไปด้วยกันตั้งแต่สิบกว่าปีที่แล้ว แม่ยมก็ไม่ยอมไป น่าจะไปด้วยกัน”

        

    “อูย จะให้อิฉันขึ้นไอ้เครื่องยนต์นั่นเห็นจะไม่ไหวหรอกค่ะ แล้วนี่คุณหนูมาด้วยหรือเปล่าคะ คุณหนูตัวเล็กของยม ป่านนี้โตเป็นสาวแล้วแน่ๆ เลย” แม่ยมนึกย้อนถึงคุณหนูตัวเล็กของเธอที่เธอได้มีโอกาสช่วยเลี้ยงอยู่พักหนึ่งก่อนที่ผู้เป็นยายของเด็กน้อยจะพาเธอออกไป

        

    “คุณยายคะ บ้านร่มรื่นดีจังค่ะ” เสียงหวานรื่นหูดังขึ้นเรียกหญิงชราผู้เป็นเจ้าของบ้าน เสียงนั้นเองที่ทำให้แม่ยมใจเต้นตุบๆ ด้วยความยินดีว่าเจ้าของเสียงหวานนี้จะใช่คุณหนูน้อยของเธอหรือเปล่า

        

    “คุณหนูของยม จำยมได้ไหมคะ ป้ายมที่เคยเลี้ยงคุณหนูตอนเล็กๆ” แม่ยมพูดเสียงสั่นระริกอย่างกลัวว่าหญิงสาวจะจำเธอไม่ได้แล้ว

        

    “ทำไมฝันจะจำป้ายมไม่ได้ละคะ ป้ายมรักแล้วก็ดีกับฝันจะตายไป ฝันลืมไม่ลงหรอกค่ะ” ทอฝันตอบแล้วก็เดินไปให้ป้ายมของเธอกอดด้วยความชื่นใจ รอยยิ้มของป้ายมที่ดูจะมอบความรักให้อย่างเต็มล้นกับหญิงสาวนั้น เกือบทำให้ทอฝันลืมไปเสียสนิทว่าการกลับมาของเธอนั้นมีเพื่อจุดประสงค์ใด



    &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&



    บริเวณสุสานภายในวัดแห่งหนึ่งซึ่งอยู่บริเวณชานเมืองมีชายวัยกลางและหญิงชราเดินมาเพื่อจะไปเยี่ยมผู้ที่ล่วงลับแล้วคนหนึ่ง....พวกเขามาหยุดอยู่ที่หน้าสุสานของใครคนหนึ่งซึ่งดูจากสภาพป้ายหน้าหลุมศพแล้วจะเห็นได้ว่าคงจะผ่านมานานหลายปีแล้ว รูปสีที่ติดไว้เริ่มจะมีร่องรอยร้าวขึ้นมาเล็กน้อย แต่ผู้มาเยี่ยมก็พยายามที่จะทำให้รอยเหล่านั้นจากลงไปให้มากที่สุด รูปใบนั้นแสดงให้เห็นถึงใบหน้าเรียวได้สัดส่วน ผิวขาวนวล ผมยาวสลวย รอยยิ้มจางๆ และแววตาที่ปนเศร้าเล็กน้อย...ธราธาร   คือชื่อของหญิงสาวในรูป ถ้าภาพนั้นคือระยะเวลาสุดท้ายของชีวิตของเธอ จะทำให้ผู้เห็นรู้สึกว่าทำไมหนอ เมื่อถือกำเนิดมาแล้ว ทำไมฟ้าถึงปล่อยให้จากไปเร็วเช่นนี้



    &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×