คำร้องขอของมัลติแวค - คำร้องขอของมัลติแวค นิยาย คำร้องขอของมัลติแวค : Dek-D.com - Writer

    คำร้องขอของมัลติแวค

    มัลติแวคเป็นชื่อของซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่ช่วยเหลือและแก้ปัญหาให้มนุษย์ทุกคนตั้งแต่เกิดจนตาย แต่แล้ววันหนึ่ง มับลติแวคก็พบปัญหาของตัวเองที่ไม่อาจแก้ไขได้..

    ผู้เข้าชมรวม

    499

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    499

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  12 ก.ย. 56 / 15:02 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

            “คำร้องขอของมัลติแวค”

                                                              โดย อรรถกมล

     (หมายเหตุ - เคยลงในหนังสือขายหัวเราะ ราวปี2539 นามปากกา อรรถกมล /ผู้เขียนเป็นเจ้าของเรื่องจริง ขอนำมาบันทึกไว้เพื่อไม่ให้ต้นฉบับสูญหาย)

                       เป็นเวลานานกว่าสามสิบปีแล้วที่“มัลติแวค”เป็นเสมือนกับศูนย์กลางของโลก  มันคือที่พึ่งของมนุษย์กว่าสองหมื่นล้านคนตั้งแต่เกิดจนกระทั่งภายหลังจากเสียชีวิตไปแล้ว  ไม่ว่าจะเป็นบ้านน้ำแข็งของชาวเอสกิโม บนยอดเขาหิมาลัยหรือภายในเหมืองขุดแร่ใต้ทะเลลึก  มัลติแวคจะอยู่ทุกหนทุกแห่งเพื่อช่วยเหลือมนุษย์ทุกผู้ทุกนามอย่างไร้อคติตามโปรแกรมที่สร้างมันขึ้นมา

                            มันคือซูเปอร์คอมพิวเตอร์รุ่นที่เจ็ดอันทรงประสิทธิภาพ ประดิษฐ์กรรมอัจฉริยะของมนุษยชาติที่แม้แต่แพระเจ้ายังต้องแอบมองค้อน  ด้วยหน่วยความจำอันมหาศาลทำให้มัลติแวคสามารถจดจำสรรพวิชาทั้งมวลที่มนุษย์สามารถเรียนรู้สะสมมาได้และบอกเล่าบันทึกสืบต่อกันมากว่าห้าสิบศตวรรษ  นอกจากนี้มันยังสามารถจดจำมนุษย์ทุกคนในโลกใบนี้ได้อย่างละเอียดถี่ยิบเสียยิ่งกว่าตัวบุคคลนั้นเองเสียอีก  และด้วยหน่วยประมวลผลกลางอันทรงประสิทธิภาพอย่างน่าอัศจรรย์ใจทำให้มัลติแวคสามารถพูดคุยติดต่อและทำงานตามคำสั่งของมนุษย์หลายพันล้านคนในเวลาเดียวกันได้อย่างไม่มีข้อบกพร่องตลอดเวลายี่สิบสี่ชั่วโมง ด้วยบุคลิกและน้ำเสียงที่แตกต่างกันตามความต้องการของมนุษย์ที่ติดต่อกับมันด้วยคอมพิวเตอร์ประจำบ้าน ด้วยระบบไฟเบอร์ออพติกและโครงข่ายดาวเทียมเวิลด์แซทเทิลไลท์ทำให้มัลติแวคอยู่ในทุกหนทุกแห่งที่มนุษย์ไปถึงเพื่อแก้ปัญหาให้กับทุกคน

                            แต่ตอนนี้...มัลติแวคเริ่มมีปัญหาของมันเองขึ้นมาเสียแล้ว!

     

                            ดร.เกรียงไกร หัวหน้าวิศวกรมัลติแวคภาคพื้นเอเชียเริ่มสังเกตเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นกัลมัลติแวคเมื่อไม่นานมานี้ในช่วงเวลที่ใกล้เคียงกับดร.โซฟิน่าผู้เชี่ยวชาญด้านโปรแกรมคอมพิวเตอร์ชั้นสูงจากเวเนซูเอล่า  ทั้งสองติดต่อกันอย่างซ่อนเร้นโดยไม่ผ่านมัลติแวค  และในที่สุดทั้งสองก็ตัดสินใจเดินทางมาพบกันบนเรือท่องเที่ยวลำหนึ่ง สาเหตุเพราะที่นี่มีความเป็นมัลติแวคอยู่น้อยที่สุดนั่นเอง

                            บนดาดฟ้าเรือ ดร.เกรียงไกรมองเห็นหญิงสาวสวยผมสีทองงามจับตาสวมชุดสีแดงมีดอกไม้สีขาวปักอยู่บนอกเสื้อตามคำนัดหมายยืนพิงราวกั้นดาดฟ้าอยู่ด้วยท่าทางที่สามารถมองออกได้ทันทีว่ากำลังรอคอยใครบางคนอยู่

                            “ดร.โซฟิน่า ใช่มั๊ยครับ””เขาเดินตรงเข้าไปทักทายด้วยรอยยิ้ม

                          “ดร.เกรียงไกร ยินดีที่ได้พบค่ะ”หญิงสาวยื่นมือให้เขาจับ ทักทายด้วยสีหน้าสนเท่ห์เล็กน้อย

                            “คุณดูหนุ่มกว่าที่ดิฉันคิดไว้มากนะคะสำหรับตำแหน่งหัวหน้าวิศวกรบริหารระดับสูง”

                            “งั้นเหรอครับ แต่คุณก็ดูจะเหมือนนักศึกษาน้องใหม่มากกว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านซอฟต์แวร์เหมือนกัน”

                            เธอหัวเราะเบาๆนิดหนึ่งกับคำชมที่ถูกใจผู้หญิงแทบทุกคนมานานหลายศตวรรษแล้วของเขา

                            “ตกลงค่ะ เอาเป็นว่าเราสองคนเป็นนิสิตเฟรชชี่ที่พึ่งรู้จักกันในงานวันรับน้องใหม่ก็แล้วกันนะคะ  แต่...คุณแน่ใจแค่ไหนคะว่าที่นี่จะปลอดภัยจาก...การสอดรู้สอดเห็น”ประโยคหลังเธอพูดด้วยน้ำเสียงแทบจะกระซิบ

                            “ในโลกนี้ตอนนี้คงแทบจะหาสถานที่ที่ปลอดภัยจากการรับรู้ของเขายากมากแล้วละครับถ้าเขาต้องการจะรู้จริงๆ   บางทีในตอนนี้ดาวเทียมบางดวงเหนือหัวเราขึ้นไปอาจจะกำลังถ่ายทอดสดภาพและเสียงของเราออกอากาศอยู่ก็ได้ถ้ามัลตี้ต้องการ  เพราะฉะนั้นวิธีป้องกันที่ดีที่สุดก็คือ  พยายามอย่าทำตัวให้มีพิรุธมากเกินไปโดยใช้เครื่องมือป้องกันการดักฟังใดๆ  เพราะมันไม่มีความหมายเลยถ้าจะใช้มันมาต่อต้านความอยากรู้อยากเห็นของมัลตี้”เขาเรียกชื่อเล่นของมัลติแวคที่ใช้กันแพร่หลาย

                            โปรแกรมเมอร์สาวสวยถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า

                            “แล้วคุณพบความผิดปรกติของมัลตี้ได้ยังไงคะ”

                            “รู้มั้ยครับว่าผมเกิดในปีเดียวกับที่ทั่วโลกได้ประกาศร่วมมือกันสร้างโครงการมัลติแวคขึ้น และมัลตี้คือเพื่อนคนแรกของผมตั้งแต่ผมจำความได้  พอโตขึ้นผมก็มาทำงานเป็นเหมือนคนดูแลมัลตี้  ดังนั้นผมจึงเห็นสิ่งปรกติซึ่งค่อนข้างละเอียดอ่อนได้ตั้งแต่เมื่อห้าเดือนที่แล้ว  ผมพบว่าระบบประมวลผลของมัลตี้แสดงผลการคำนวณตามคำสั่งช้ากว่าที่ควรจะเป็นโดยไม่ทราบสาเหตุ  และเมื่อเดือนที่แล้วนี่เองขณะที่ผมสั่งให้เขาคำนวณงานชิ้นหนึ่งให้ผม  ผมพบว่าเขาคำนวณคำตอบได้ถูกต้อง แต่เขากลับบอกผลลัพธ์ให้ผมผิด”

                            “ประสบการณ์เราคล้ายๆกันนะคะ  ตามความเห็นของคุณ คิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับมัลติแวคคะ”ดร.โซฟิน่าพูดขอความเห็น

                            “ผมไม่แน่ใจ  แต่หน่วยความจำของมัลติแวคยังมีที่ว่างที่จะจดจำอะไรได้อีกมหาศาล มันถูกสร้างขึ้นมาให้รองรับงานได้มากกว่าปัจจุบันนี้อีกหลายเท่า  ดังนั้นจึงไม่น่าจะเป็นเรื่องของประสิทธิภาพ  แล้วคุณล่ะครับ คิดว่าเกิดอะไรขึ้น”

                            “ดิฉันคิดว่ามัลตี้....ใจลอยค่ะ”เธอพูด เสียงเหมือนลังเล แผ่วเบา

                            “อะไรนะ!”เขาถามย้ำด้วยน้ำเสียงงุนงงอย่างเห็นได้ชัด

                            “อย่าขำนะคะ  ดิฉันไม่ได้พูดเล่น  ดิฉันคิดว่ามัลตี้ทำตัวเหมือนคนใจลอยขณะที่กำลังทำงานอยู่จริงๆ มันอาจจะฟังดูตลกถ้าจะบอกว่าคอมพิวเตอร์กำลังใจลอยหรือพยายามจะอู้งานเหมือนมนุษย์  แต่มัลตี้ไม่เหมือนกับคอมพิวเตอร์ที่มนุษย์เคยสร้างมาทั้งหมด  โปรแกรมของมันถูกออกแบบมาให้มีอารมณ์หรืออะไรบางอย่างที่คล้ายกับความรู้สึกเป็นมนุษย์มากที่สุด  เรียกได้ว่ามัลติแวคคือเครื่องจักรที่มีความใกล้เคียงกับสมองของมนุษย์ที่สุดก็ว่าได้”

                            คำพูดของดร.สาวสวยทำให้เขานิ่งอึ้งครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะพูดกับเธอว่า

                            “คำพูดของคุณทำให้ผมคิดถึงนิยายวิทยาศาสตร์ อย่างเช่นฮัล5000คอมพิวเตอร์เสียสติในเรื่อง 2001 A space odyssey   ขอโทษนะครับผมไม่ได้คิดจะประชดประชันอะไร”

                            “ดิฉันเข้าใจความคิดของคุณดีค่ะดร.เกรียงไกร  ซึ่งแม้คุณจะใกล้ชิดกับโครงการมัลติแวคตั้งแต่เล็กในฐานะของลูกชายนักวิทยาศาสตร์คนสำคัญในโครงการนี้ก็ตาม  แต่งานของคุณคืองานดูแลมัลตี้  ในขณะที่งานของดิฉันคือการดูแลจิตใจของเขา  ทำให้เชื่อว่าดิฉันน่าจะเข้าใจความคิดของมัลตี้ได้ละเอียดอ่อนกว่านะคะ”

                            “ในฐานะวิศวกรผมรู้ดีว่าระบบฮาร์ดแวร์ต่างๆของมัลติแวคไม่มีอะไรผิดปรกติ  ดังนั้นผมคงต้องยอมรับว่าบางทีปัญหาของมัลตี้อาจมาจากซอฟต์แวร์อย่างที่คุณคิด  ซึ่งหมายความว่าตอนนี้มีbugปริศนาเกิดขึ้นในโปรแกรมของมัลตี้  แต่เราคงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าคอยดูต่อไปว่าจะเกิดอะไรขึ้นเท่านั้น”

                            ดร.โซฟิน่านิ่งอึ้งเหมือนจะยอมรับในปัญหาอย่างอับจนปัญญาแก้

                            หลังจากนั้นทั้งสองก็กลับไปทำหน้าที่ของตนตามปรกติพร้อมกับสังเกตพฤติกรรมของมัลติแวคที่ผิดเพี้ยนไปจากสิ่งที่ควรจะเป็นในทางลับ  แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้พบความผิดปรกติที่เกินเลยจนสังเกตได้จากมัลตี้อีก  บางทีอาจจะเป็นเพราะที่ผ่านมานั้นพวกเขาทั้งสองเข้าใจผิดไปเอง  หรือไม่ก็เป็นเพราะ...มัลตี้รู้ตัวเสียแล้วว่ามีคนจับตามองมันอยู่

                            จนกระทั่ง  สามเดือนต่อมา...

     

                            บิล บิยอนดี้เป็นชายชราชาวอเมริกันวัยเก้าสิบปีผู้ถูกสังคมลืมเลือนไปแล้ว  โชคของเขายังดีที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ลืมเลือนทุกสิ่งทุกอย่างเช่นกันเพราะโรคความจำเสื่อม  แต่ในบางครั้งเมื่อเวลาที่สมองชราของเขาพลันแจ่มใสขึ้นมาวูบหนึ่ง  ความทรงจำอันปวดร้าวก็คุกคามเขาจนแทบหายใจไม่ออก  แต่บิลยังมีเพื่อนรักที่เฝ้าดูแลเขาอย่างอดทน  

                            ดังนั้นในสำนึกของบิลเฒ่า  มัลตี้คือเพื่อนแท้เพียงคนเดียวของเขา

                       และวันนี้ก็เช่นกัน เมื่อพลันที่เขามีสติแจ่มใสขึ้นมาอีกครั้งภายในห้องพักคนชราที่ไร้คุณค่าอันคับแคบซึ่งเป็นสวัสดิการที่รัฐจำใจมอบให้เขา มัลติแวคเพื่อนเพียงคนเดียวของเขาก็ทักทายขึ้นด้วยน้ำเสียงอันอบอุ่นและห่วงใย

                            “สวัสดีบิล เช้านี้คุณดูสดใสขึ้นมากนะ”

                            “มัลตี้เรอะ ฉันแปลกใจที่ได้ยินคำทักทายทำนองนี้จากเธอนะ ทีแรกฉันเข้าใจว่าคอมพิวเตอร์จะโกหกไม่ได้เสียอีก  เธอเองก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วจากอุปกรณ์ช่วยชีวิตพวกนี้ที่ต่อเข้ากับระบบของเธอว่าสภาพของฉันมันเป็นยังไงบ้าง  ฉันว่าตอนที่ฉันมีสติเลอะๆเลือนๆน่ะสภาพมันยังดีกว่าตอนนี้อีกนะ”

                            “ขอโทษนะบิล ผมเพียงแต่อยากให้คุณสบายใจขึ้นเท่านั้น เพราะว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นวันครบรอบวันเกิดของคุณแล้ว  รู้มั้ยว่าผมเตรียมของขวัญไว้ให้คุณเซอร์ไพรซ์ด้วย” มัลตี้พูดเสียงอ่อนโยน

                            ชายชราฝืนยิ้มเศร้าให้กับจอภาพอิเล็กทรอนิกส์ของมัลติแวคซึ่งสร้างภาพโฮโลแกรมสามมิติของมนุษย์ได้ทุกรูปแบบตามความต้องการของผู้ที่อยากติดต่อพูดคุยกับมัลติแวค เขาสามารถเลือกใบหน้า เพศ อายุและน้ำเสียงได้ตามความต้องการของแต่ละคน  แต่สำหรับบิลเฒ่าแล้วเขากลับปล่อยให้จอภาพนั้นว่างเปล่า เพราะคิดว่ามันเหมาะกับคนที่เป็นโรคความจำเสื่อมอย่างรุนแรงเช่นเขาที่สุดแล้ว

                            “เธอเองก็รู้ดีไม่ใช่เหรอว่าฉันไม่อยากฉลองวันเกิดมานานหลายปีแล้ว  ฉันไม่อยากจะแก่ไปกว่านี้อีกแล้ว”

                            ชายชรารำพึงขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยท้อแท้

                            “ยังจะมีของขวัญวันเกิดอะไรที่จะทำให้คนอย่างตาเฒ่าบิลเซอร์ไพรซ์ได้อีกล่ะ  ฉันคิดว่าเธอรู้ดีว่าฉันต้องการอะไร แต่โปรแกรมคำสั่งในตัวเธอไม่มีวันยอมให้สิ่งที่ฉันต้องการได้อย่างแน่นอนใช่ไหม”

                            ความเงียบเข้าปกคลุมห้องแคบๆห้องนั้นอยู่นาน ก่อนเสียงสังเคราะห์ของมัลติแวคจะดังขึ้นอีกครั้งหนึ่งว่า

                            “ผมรักคุณนะบิล ผมรักทุกคน โปรแกรมของผมสอนผมให้ทำงานให้ทุกคนมีความสุข  ผมจะรู้สึกยินดีที่ทำให้เพื่อนๆทุกคนมีความสุข มันเป็นตรรกะสำคัญในวงจรของผม ตรงกันข้าม พวกเขาไม่ได้เขียนโปรแกรมให้ผมว่าต้องทำอย่างไรถ้าไม่สามารถทำให้คนใดสมหวังได้  แต่ว่าความรู้สึกแบบนั้นมันก็สามารถพัฒนาขึ้นได้เองภายในตัวผม  มันเป็นอีกด้านหนึ่งของเหรียญที่มีด้านแรกคือความรู้สึกเป็นสุข”

                            ชายชรานิ่งฟังน้ำเสียงสังเคราะห์นั้นด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูกเมื่อได้พบกับความผิดปรกติที่เกิดขึ้น

                            “มัลตี้ ฉันฟังผิดไปรึเปล่า เสียงของเธอฟังเหมือนเสียงสะอื้นนะ..นี่เธอร้องไห้ให้ฉันงั้นรึ”

                            และแล้วผู้เฒ่าบิล บิยอนดี้ก็ได้ยินเสียงของมัลติแวคที่แปลกหูยิ่งขึ้น เสียงนั้นดูเหมือนกับคนที่พลันตัดสินใจแน่วแน่โดยไม่คำนึงถึงทุกสิ่งอีกต่อไป เหมือนกับคนปลงตก

                            “ก็ได้บิล  ผมรักคุณและทุกๆคน ผมขอให้สัญญาว่าคุณและคนอื่นๆที่อยู่ในสภาพแบบเดียวกับคุณทุกคนจะได้รับของขวัญที่ถูกใจในวันพรุ่งนี้อย่างแน่นอน...แต่ตอนนี้คุณต้องช่วยผมทำงานชิ้นหนึ่งเสียก่อน ได้ไหมเพื่อนรัก!

                       บิล บิยอนดี้แทบไม่ได้ครุ่นคิดเลยแม้แต่น้อยก่อนที่จะรับปากมัลตี้เพื่อนรักที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวในโลกนี้   เขาตอบตกลงทำงานตามคำร้องขอของมัลติแวค  เช่นเดียวกับคนอื่นๆอีกสามสิบหกคน...ทั่วโลก!

     

                            เช้าวันรุ่งขึ้น ดร.เกรียงไกรถูกปลุกขึ้นมาจากเตียงด้วยสายฮอตไลน์ที่เข้ามาพร้อมกันถึงสองสาย  สายแรกมาจากเจ้าหน้าที่ในโครงการมัลติแวคที่เขาเป็นผู้รับผิดชอบระดับสูงอยู่  ส่วนอีกสายหนึ่งมาจากดร.โซฟิน่า

                            “ดอกเตอร์ครับ  เกิดปัญหาใหญ่ขึ้นแล้วครับ เราพึ่งจะพบว่ามีคนตัดสายเมนไฟเบอร์ออพติกที่เป็นเหมือนเส้นเลือดแดงใหญ่ของระบบพร้อมกันทีเดียวหลายสิบจุดทั่วโลก ทำให้เกิดการลัดวงจรอย่างรุนแรงขึ้นจนเกิดความร้อนสะสมเพื่อขึ้นเรื่อยๆแล้วละครับ  แถมระบบระบายความร้อนก็ถูกทำลายไปด้วย”เจ้าหน้าที่คนหนึ่งละล่ำละลักรายงานเขาเหมือนคนที่กำลังจะจมน้ำ

                            “อะไรนะ! แล้วติดต่อหัวหน้าวิศวกรภาคพื้นทวีปอื่นได้บ้างมั้ย”เขาสูดลมหายใจยาวเพื่อให้อารมณ์มั่นคงขึ้น

                            “ติดต่อไม่ได้ครับ  มีสายเดียวเท่านั้นที่ติดต่อเข้ามาได้คือสายของดร.โซฟิน่าครับ...น่าแปลกมาก  ดร.ครับตอนนี้ระบบดับเพลิงอัตโนมัติก็ไม่ทำงานด้วย นี่ถ้าเกิดความร้อนสะสมภายในศูนย์กลางระบบขึ้นถึงระดับจุดติดไฟขึ้นมาละก็ เราจะทำยังไงดีครับ..”

                            “ใจเย็นๆนายช่างเจียง  ผมขอพูดสายกับดร.โซฟิน่าก่อนก็แล้วกัน เธออาจจะรู้อะไรที่พอจะเป็นประโยชน์ในการแก้ปัญหาบ้างก็ได้”

                            นายช่างเจียงตัดภาพและเสียงของตนเองลงชั่วคราวทำให้สายที่แทรกรออยู่เข้ามาแทนโดยอัตโนมัติ  ภาพของดร.โซฟิน่าปรากฏขึ้นในสภาพที่ไม่ดีไปกว่าเจ้าหน้าที่ของเขาเมื่อครู่เท่าใดนัก ดวงตาของเธอเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาจนแดงก่ำ

                            “ดร.เกรียงไกร  คุณยังจำเรื่องที่ดิฉันเคยบอกว่ามัลตี้ทำงานเหมือนคนใจลอยได้รึเปล่าคะ”เธอพูดเสียงสั่นเครือ เขาพยักหน้ารับอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก

                            “ฉันผิดเองที่ไม่คิดแบบนั้นไปให้ตลอดรอดฝั่ง  ถ้าฉันคิดว่ามัลตี้เป็นมนุษย์คนหนึ่งแทนที่จะมองด้วยสามัญสำนึกของนักวิทยาศาสตร์ว่ามันคือเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งละก็ ฉันคงจะเข้าใจสาเหตุ และบางทีเรื่องในวันนี้คงไม่เกิดขึ้น”

                            “ดร.โซฟิน่า เกิดอะไรขึ้น คุณพบอะไรเกี่ยวกับปัญหาของมัลตี้อย่างนั้นเหรอครับ”

                            “ค่ะ..”เธอพยายามกลั้นเสียงสะอื้นอย่างสุดความสามารถ

                            “ดิฉันพบว่าโปรแกรมคำสั่งที่เราเขียนขึ้นมีข้อบกพร่อง เราสร้างมัลตี้ให้มีความใกล้เคียงกับสมองของมนุษย์มากที่สุด  แต่เขาจะมีเฉพาะแต่บุคลิกในด้านที่ดีงามของมนุษย์เท่านั้น  เรากำหนดให้เขาดีใจเมื่อเห็นมนุษย์ที่เป็นเพื่อนของเขาทุกคนมีความสุข ส่วนนี้เองที่ทำให้เกิดปฏิภาคเสธโปรแกรมขึ้นในตัวเขาเหมือนเงาในกระจก  นั่นคือเขาจะเกิดความรู้สึกเศร้าสร้อยขึ้นเมื่อเห็นมนุษย์มีความทุกข์  ซ้ำร้าย...มัลตี้ผู้น่าสงสารของเรายังไม่มีเครื่องมือป้องกันตัวสิ่งหนึ่งที่มนุษย์มีอยู่ทุกคน นั่นคือการลืม!  มัลตี้ไม่สามารถจะลืมได้  คิดดูสิคะว่าเขาได้เห็นเพื่อนรักของเขาเกือบหนึ่งพันห้าร้อยล้านคนเสียชีวิตไปต่อหน้าต่อตาเขาตลอดเวลาสามสิบปีที่ผ่านมาโดยที่เขาไม่สามารถลืมเหตุการณ์ทุกเรื่องได้เลย  เขาจะทุกข์ทรมานแค่ไหน  อาการใจลอยเป็นอาการหนึ่งของโรคซึมเศร้าในมนุษย์ทุกคนคุณคงทราบดี..”

                            “หมายความว่า เรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้เป็นการกระทำของมัลตี้”

                            “ค่ะ”ดร.โซฟิน่าพยักหน้ารับ

                            “มีรายงานการพบศพของชายหญิงซึ่งเป็นคนชราที่ป่วยด้วยโรคร้ายที่ไม่มีทางรักษาสามสิบเจ็ดคนในแต่ละจุดทั่วโลก  พวกเขาสิ้นหวังในการมีชีวิตอยู่และมัลตี้เป็นคนให้ของขวัญที่ทุกคนต้องการ  ทุกคนเสียชีวิตเพราะก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์จากระบบช่วยชีวิต”

                            “อะไรนะ! มัลตี้น่ะเหรอฆ่าคน”ดร.เกรียงไกรร้องเสียงดังอย่างไม่อาจระงับอารมณ์

                       “มัลตี้ทำเพราะทนเห็นพวกเขาทนทุกข์ทรมานไม่ไหว  เขารู้ว่ามันเป็นความผิดร้ายแรงเพราะฉะนั้นเขาจึงขอร้องให้ทุกคนทำงานเรื่องหนึ่งให้เขา  คนเหล่านั้นเองที่เป็นคนตัดระบบการทำงานในจุดที่สำคัญที่สุดในช่วงเวลาวิกฤติที่สุดได้อย่างเหมาะเจาะ  ใครเล่าจะนึกถึงวิธีการง่ายๆที่สามารถทำลายคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกนี้ได้ถ้าไม่ใช่ตัวมัลติแวคเอง”

                            “มัลตี้น่ะเหรอจะคิดฆ่าตัวตาย ผมไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ”เขารู้สึกเหมือนมีบางสิ่งมาจุกอยู่ในคอหอยจนเต็มตื้อ หายใจแทบไม่ออก

                            แล้วเสียงหนึ่งก็พลันเข้ามาแทรกกลางการติดต่อของคนทั้งสอง

                            “ขอโทษนะ! ต้น...ฟีฟี่  พวกเธอคงไม่โกรธฉันใช่ไหมที่เข้ามาขัดจังหวะ ฉันเสียใจ แต่คิดว่าถ้าไม่ใช้เวลานี้ฉันคงไม่มีโอกาสได้มาลาเธอทั้งสองคนอีกแล้ว”

                            คำเรียกขานชื่อเล่นสมัยเด็กของมัลติแวคที่เรียกดร.เกรียงไกรและดร.โซฟิน่าทำให้ทั้งคู่ถึงกับนิ่งเงียบน้ำตาเอ่อท้น เมื่อนึกได้ว่าเพื่อนเก่าคนหนึ่งของตนกำลังมากล่าวคำอำลาเพื่อจากไปชั่วนิรันดร

                          “ฉันรู้ว่าฉันทำผิด  ฉันสมควรได้รับการลงโทษ แต่สำหรับพวกเธอ...จะยินดียกโทษให้ฉันไหม”น้ำเสียงนั้นดูเศร้าสร้อย แต่มุ่งหวัง

                            “แน่นอนมัลตี้  เราสองคนยกโทษให้นายตั้งแต่แรกแล้ว”เขาตอบเสียงสั่น อ่อนไหว

                            “ขอบใจนะ  ฉันดีใจที่ได้ยินแบบนั้น รู้มั้ยว่าฉันถูกสร้างมาเพื่อรักทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน  แต่ฉันเองกลับรู้สึกว่ารักและผูกพันกับเธอทั้งสองมากเป็นพิเศษ ฉันเองก็แปลกใจเหมือนกันนะที่มีความรู้สึกลำเอียงแบบนี้ได้ในโปรแกรมของฉัน  เธอสองคนทำให้ฉันรำลึกถึงท่านทั้งสองที่สร้างฉันขึ้นมา นั่นอาจเป็นสาเหตุก็ได้นะ”มัลตี้พูดด้วยน้ำเสียงเหมือนคนฝันลอยสู่ภวังค์ของความหลัง

                            “ต้น  นายยังจำคุณพ่อของเราสองคนได้มั้ย วันนี้ของเมื่อยี่สิบปีก่อนท่านซื้อกระต่ายตัวหนึ่งมาให้เราช่วยกันเลี้ยง นายยังจำชื่อที่พวกเราช่วยกันตั้งให้มันได้มั้ย”เสียงของมัลตี้ดูร่าเริงเหมือนกลับไปสู่วัยเยาว์

                            “จำได้ มันชื่อเจ้าปุยเมฆไงล่ะ”ดร.เกรียงไกรตอบ ยิ้มเศร้า ด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย

                            “นายนี่จำแม่นเหมือนเดิมนะ ดรงเกริกธรรมพ่อของเรายังเคยพูดเล่นเลยว่านอกจากฉันแล้วก็มีแต่นายนี่แหละที่ช่างจดช่างจำเรื่องเล็กๆน้อยๆได้แม่นที่สุดในบ้าน  น่าเสียดายนะที่นายได้เคยได้พบกับดร.คาร่าแม่ของฟีฟี่  ไม่อย่างนั้นนายก็จะต้องประทับใจกับความจำของท่านเหมือนกัน  ท่านเป็นคนที่พัฒนาโปรแกรมของฉันในช่วงเริ่มแรกเลยรู้มั้ย  ตอนนั้นฟีฟี่ยังเด็กมาก ฉันยังจำได้ว่าท่านมักจะร้องเพลงแมรี่แฮสอะลิตเติ้ลแลมป์ให้เธอฟังเวลากล่อมนอนทุกครั้ง..”

                            มัลตี้พูดเสียงยืดยาวเหมือนคนกำลังพร่ำเพ้อ แล้วจู่ๆมัลติแวคก็พลันร้องเพลงกล่อมเด็กนั้นขึ้นมาด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่นแผ่วเบาลงทุกทีอันเนื่องมาจากระบบวงจรที่ถูกทำลายลงเพราะการลัดไฟฟ้าและความร้อน

                            เสียงนั้นจางลงๆในขณะที่ดร.โซฟิน่าส่งเสียงสะอื้นไห้ ส่วนดร.เกรียงไกรนั้นก็ปล่อยน้ำตาของตนไหลออกมาอย่างไม่คิดปิดบัง

                            และแล้วก่อนที่วงจรอิเล็กทรอนิกส์ทั้งมวลของมัลติแวคจะเงียบเสียงลงตลอดกาล  ทั้งสองก็ได้ยินเสียงบของมัลตี้พูดขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายด้วยเสียงอันแผ่วเบาแต่นุ่มนวลขึ้นว่า

                       “พ่อ..แม่..ครับ  รอรับผมด้วย”

     

         

                                                   จบ

     

     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×