ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] VAMPIRE & WOLF (TAENY)

    ลำดับตอนที่ #6 : CH6 : ได้เวลาสงครามแล้ว...

    • อัปเดตล่าสุด 21 มี.ค. 57




    CHAPTER 6






    เสียงฝีเท้าของคนสองคนที่ย่ำพื้นดินยังคงดังติดต่อกันไปเรื่อยๆ หลังจากที่เดินออกจากบ้านมา ทั้งแทยอนและทิฟฟานี่ต่างก็ยังไม่มีใครปริปากพูดอะไรกันสักคำ  มือของร่างเล็กยังคงกุมมือของเด็กสาวไว้แน่น ทิฟฟานี่เองก็ไม่รู้ว่าแทยอนจะพาเธอไปที่ไหน รู้เพียงแค่ว่าสองขายังคงเดินตามเขาไปเรื่อยๆอย่างเชื่อฟัง มือบางที่เคยถูกกอบกุมอยู่เพียงฝ่ายเดียวเริ่มขยับไปกอบกุมมือเล็กกลับ ทิฟฟานี่สัมผัสได้ถึงไอเย็นที่มาจากมือของแทยอน แม้มือของเขาที่กุมมือเธอไว้จะไม่ได้ทำให้ร่างกายเธออบอุ่น แต่มือของเขายามที่กระชับมือบางของเธอมันทำให้เธออุ่นใจอย่างแปลกประหลาด หลังจากที่เดินมานานสักพัก แทยอนก็ค่อยๆชะลอฝีเท้าให้ช้าลง ก่อนจะพาทิฟฟานี่เลี้ยวเข้าไปยังสถานที่เล็กๆแห่งหนึ่ง ใบหน้าหวานค่อยๆกวาดตามองบริเวณทั่วรอบก่อนจะหันไปมองใบหน้าของคนร่างเล็กที่หันมายิ้มบางๆให้เธอ

     

     

     

     

    แทยอนพาเธอมา....สนามเด็กเล่น....

     

     

     

     

    ทิฟฟานี่ไม่เคยรู้เลยว่าบริเวณใกล้ๆบ้านของแทยอนนั้นจะมีสนามเด็กเล่นอยู่แถวนี้ด้วย  รอยยิ้มกว้างถูกระบายเต็มใบหน้าของร่างบาง 

    ชอบมั้ย”             

    เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยขึ้นเริ่มบทสนทนาหลังจากเธอทั้งสองต่างเงียบกันมานาน  ทิฟฟานี่พยักหน้าพลางยิ้มอย่างน่ารัก   แทยอนจูงมือทิฟฟานี่ให้เดินตามมาก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ชิงช้าตัวหนึ่ง

    อยากนั่งมั้ย”       แทยอนถาม ซึ่งทิฟฟานี่ก็ตอบรับโดยการรีบไปนั่งชิงช้าตัวนั้นทันที  แทยอนหัวเราะเบาๆก่อนจะเดินตามไปแล้วใช้สองมือช่วยแกว่งชิงช้าให้เด็กสาว

    ทำไมคุณแทยอนถึงพาเค้ามาทีนี่หล่ะคะ”    คำถามที่วนเวียนอยู่ในหัวทิฟฟานี่มาตลอดตั้งแต่มาถึงที่นี่ถูกถามออกไป   คนร่างเล็กเลิกคิ้วเล็กน้อย เขาปล่อยมือจากโซ่ชิงช้า ก่อนจะอ้อมตัวมาด้านหน้าเด็กสาว แล้วค่อยๆย่อตัวลงนั่งยองๆให้ระดับสายตาตรงกัน  แทยอนยังคงยิ้มแล้วมองใบหน้าหวานของทิฟฟานี่

    เพราะว่าที่นี่มันเป็นที่ๆฉันเคยมากับแม่ตอนเด็กๆหน่ะ”        

    เมื่อได้ยินคำตอบจากปากแทยอน ร่างบางก็ยิ่งไม่เข้าใจเข้าไปใหญ่ แต่ดูเหมือนคนร่างเล็กจะอ่านใจเธอออก เขาขำเบาๆอย่างที่มักจะทำ ก่อนจะใช้สองมือประคองใบหน้าของเธอ ทิฟฟานี่สัมผัสได้ถึงไอเย็นที่เริ่มแผ่มายังสองแก้ม เด็กสาวจ้องมองนัยตาสีฟ้าของคนตรงหน้า นัยตาที่สะท้อนเพียงใบหน้าของเธอ

    ฉันมักจะมาที่นี่...กับคนที่ฉันอยู่ด้วยแล้วสบายใจ”                   

    แทยอนพูดต่อ มือของเขายังคงแนบเข้ากับสองแก้มของเธอ แต่สักพักคนตัวเล็กก็ทำในสิ่งที่ทิฟฟานี่ไม่คิดว่าเขาจะทำ  เด็กสาวเบิกตากว้างด้วยความตกใจ 

     

     

     

    แทยอนเคลื่อนใบหน้าเข้ามา...ก่อนจะวางแนบหน้าผากของตนเองเข้ากับหน้าผากมนของทิฟฟานี่...

     

     

     

                    ปลายจมูกของเขาคอยคลอเคลียอยู่แถวๆปลายจมูกของเธอ ทิฟฟานี่มองการกระทำของคนตรงหน้าอย่างเคอะเขิน  แอบสังเกตเห็นรอยยิ้มของเขาทั้งๆที่ใบหน้าเราใกล้กันขนาดนี้

    รู้รึยังว่าทำไมฉันถึงพาเธอมา”        แทยอนพูดขึ้น เขาใช้ปลายนิ้วโป้งลูบวนข้างแก้มใสของคนตรงหน้าเบาๆ

    เพราะเวลาที่ฉันอยู่กับเธอ ฉันมักจะรู้สึกสบายใจ และเป็นตัวของตัวเองเสมอ

    เสียงนุ่มของเขายังคงเอ่ยต่อไปเรื่อยๆ เด็กสาวได้แต่นั่งฟังถ้อยคำที่ทำให้เธอใจเต้นอย่างนี้  สักพักคนร่างเล็กก็ค่อยๆขยับใบหน้าเข้ามาใกล้  สายตาของเขาค่อยๆเลื่อนลงมาจนถึงริมฝีปากอิ่มของร่างบาง ทิฟฟานี่มองแทยอนที่กำลังเคลื่อนใบหน้าเข้าใกล้ด้วยความเขินอาย แค่เพียงลมหายใจกั้น ริมฝีปากของทั้งสองก็จะประกบกัน เพียงแต่ถ้าไม่มีนิ้วเรียวของใครบางคนมากั้นไว้ แทยอนก้มลงมองนิ้วมือของร่างบางที่กำลังกั้นระหว่างริมฝีปากทั้งสอง ทิฟฟานี่ใช้นิ้วของตนดันให้คนตัวเล็กออกห่างด้วยความเคอะเขินถึงขีดสุด  ใบหน้าของร่างบางแดงก่ำ  เธอหลบนัยตาสีฟ้าคู่นั้น

    คะ...คุณแทยอน...คนบ้า...อย่าฉวยโอกาสสิคะ...”    เด็กสาวใช้มือตีเข้าที่ไหล่ของเขาอย่าลืมตัวพลางบ่นพึมพำเบาๆ เธอไม่กล้ามองหน้าเขาเพราะรู้ว่าคนตัวเล็กต้องแอบลอบยิ้มอยู่แน่ๆ 

    เขินเหรอ?”        

    คะ...ใครเขินคะ...มะ...ไม่มีสักหน่อย”       

    ร่างบางตอบไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักเรียกรอยยิ้มจากแทยอนได้เป็นอย่างดี  ร่างเล็กค่อยๆยันตัวลุกขึ้น ก่อนจะโน้มตัวลงมาจรดริมฝีปากเข้ากับหน้าผากมน ทิฟฟานี่มองค้อนคนขี้แกล้งที่ยักคิ้วให้เธอ

    งั้นขอแค่นี้ก่อนละกัน...เด็กดื้อ”    ก่อนที่ร่างบางจะได้เอ่ยอะไรไปก็มีบางอย่างตามมากระทบหน้าผากของเธออีกรอบ  แทยอนดีดหน้าผากมนของเด็กสาว ก่อนที่ร่างเล็กจะต้องถอยหนีเมื่อเห็นว่าทิฟฟานี่ทำท่าจะดีดคืน

    เอ้า วิ่งตามฉันให้ทันสิ”   พูดจบคนเย็นชาแต่ขี้เล่นก็วิ่งหนีร่างบาง เรียกให้ทิฟฟานี่มองค้อนคนตัวเล็กพลางออกวิ่งตาม

    คุณแทยอน! มาให้เค้าดีดบ้างเลย อย่าหนีนะคะ!”    

     

    .

    .

    .

    .

    .

    แทงกู ไม่เป็นอะไรนะ?”                 ร่างสูงเดินฝ่าความมืดเข้ามาในห้องของเพื่อนตัวเล็ก หลังจากกลับมาจากบ้านของแทยอน แทงกูก็เอาแต่ปิดปากเงียบ ไม่ยอมคุยกับใครเลย เอาแต่มานั่งอยู่ในห้องนอนคนเดียว ไฟก็ไม่เปิด

    ยูริ...ฉันขออยู่คนเดียว...

    แทงกู...ฟังฉันหน่อยเถอะ ทุกคนเขาเป็นห่วงแกนะ แกรู้บ้างมั้ย

    ยูริ...ฉันบอกว่าอยากอยูคนเดียว…”                              แทงกูยังคงดื้อรั้นไม่ยอมฟังคนร่างสูง ยูริได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน  เขามองแผ่นหลังคนตัวเล็กสักพัก

    งั้น...ไว้อยากเล่าเมื่อไหร่ค่อยเรียกฉันละกัน”             เสียงปิดประตูดังขึ้นพร้อมๆกับที่ความเงียบเข้ามาเยือนอีกครั้ง  แทงกูนั่งก้มหน้า มือทั้งสองของเขากำไว้แน่นจนเห็นเส้นเลือด

    แม่...แทงควรทำยังไงดี...”              คนตัวเล็กยกมือสองข้างขึ้นมายันหน้าผากไว้

    พี่แทยอน...”       แทงกูพึมพำชื่อพี่ของตัวเอง แววตาของเขาสั่นระริก

    ฉันควรทำยังไง...ถ้าเกิดฉัน...รักผู้หญิงคนเดียวกับพี่ขึ้นมา...

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    เป็นยังไงบ้างยูริ?”                             เสียงของซันนี่เอ่ยถามเมื่อเห็นคนร่างสูงที่กลับออกมาจากห้องของแทงกู  ยูริถอนหายใจพลางส่ายหน้าเบาๆ  ทำให้คนที่เหลือต่างมองหน้ากัน

    ฉันคิดว่ามันคงตกใจหน่ะ ก็เรื่องแบบนี้ใครจะไปตั้งตัวทัน”                   ฮโยยอนออกความเห็น ก่อนที่ซูยองจะพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

    ก็จริงนะ ขนาดตอนแรกที่ฉันรู้ฉันยังตกใจเลย

    แต่ฉันคิดว่าไม่ใช่แค่เรื่องนี้นะ”     ยูริขมวดคิ้ว เขาคิดว่ามีเหตุผลอื่นอีก เหตุผลที่ทำให้แทงกูเป็นแบบนี้

    หมายความว่ายังไงยูริ?”   ซันนี่ถามกลับ หล่อนปิดหนังสือในมือลงพลางจ้องคนตัวสูงอย่างขอคำตอบ

    ฉันเองก็ไม่แน่ใจนักหรอก”            ยูริตอบกลับไป  ก่อนที่ใครจะทันได้พูดอะไรต่อ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นหน้าบ้าน

    ใครมาเอาเวลานี้เนี่ย”       ซูยองบ่น ก่อนจะลุกขึ้นเพื่อจะไปเปิดประตูแต่กลับถูกยูริจับแขนไว้ ร่างสูงจึงหันกลับไปมอง

    อะไรเล่ายูริ?”     ซูยองถาม แต่ก็ต้องสะดุดใจเมื่อเห็นสีหน้าตื่นตระหนกของเพื่อนตัวสูง ยูริขมวดคิ้ว ใบหน้าของเขาซีดเผือด

    ซูยอง...อย่าเปิดประตูนะ

    ยูริ...เกิดอะไรขึ้น?”           ซูยองยังคงไม่เข้าใจสิ่งที่ร่างสูงจะสื่อ ยูริบีบแขนเพื่อนของตนแน่นขึ้น

    ฉันได้กลิ่น...

    ได้กลิ่น?...แกได้กลิ่นอะไรยูริ”       เป็นซันนี่ที่เอ่ยออกมาอย่างฉงน  พร้อมกับฮโยยอนที่ลุกขึ้นมาสมทบด้วย

    ฉันได้กลิ่น...พวกแวมไพร์

    หา?...งั้นก็อาจจะเป็นพวกแทยอนก็ได้นี่ แกจะตกใจอะไรกันเล่า”        ซูยองถามอย่างไม่เข้าใจ

    ไม่ใช่...ไม่ใช่กลิ่นพวกแทยอน...”    ยูริส่ายหน้า เขายังคงมองไปที่บานประตูที่ถูกเคาะอย่างไม่มีท่าทีว่าจะหยุด

    นี่มัน...กลิ่นแวมไพร์ต่างถิ่น...

    อะไรนะ!?”        ทุกคนต่างอุทานขึ้นอย่างพร้องเพรียง  ซูยองหันไปมองบานประตูที่เหมือนว่าเริ่มจะพังลงเรื่อยๆจากแรงเคาะของคนข้างนอก

    ยูริ มันมากันกี่คน?”          ฮโยยอนถาม นัยตาของคนตัวเล็กเปลี่ยนเป็นสีทองเช่นเดียวกับคนอื่นๆ

    จากกลิ่น...ฉันคิดว่าไม่ต่ำกว่ายี่สิบคน”        

    ห้ะ? อะไรนะ? ยี่สิบคน!”               ซันนี่โพล่งขึ้นอย่างตกใจ ยูริทำเพียงพยักหน้า  เขากวาดสายตามองเพื่อนทุกคนที่เหลือ

    ซันนี่ ไปตามแทงกูออกมาเร็ว! ส่วนคนที่เหลืออยู่กับฉัน”       ซันนี่พยักหน้าอย่างรวดเร็วก่อนจะพุ่งตรงไปที่ห้องของแทงกู   เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับบานประตูไม้ที่ใกล้จะพังลงเต็มที  

    ซูยอง ฮโยยอน พร้อมนะ?”            ยูริสูดหายใจ เขามองไปยังประตูเบื้องหน้า

    ได้เวลาสงครามแล้ว!

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    ซอฮยอน พี่เจสสิก้าเป็นยังไงบ้าง?”              เสียงของแวมไพร์ร่างสูงถามพลางเดินเข้ามาในห้องนอนที่บนเตียงมีร่างของเจสสิก้ากำลังหลับอยู่

    ไม่เป็นอะไรมากแล้วค่ะ พักอีกสักหน่อยก็น่าจะหาย”              ซอฮยอนเอ่ยตอบคนอายุมากกว่าพลางยกถาดยาไปไว้บนโต๊ะ

    แล้วพี่แทยอนกับคุณทิฟฟานี่หล่ะ”               ซอฮยอนส่ายหน้า

    ยังไม่กลับมาเลยค่ะ”         ยุนอาพยักหน้าอย่างเข้าใจ

    ดึกป่านนี้แล้ว หายไปไหนของเขากันนะ”                  เสียงบ่นงึมงำตามประสาของคนร่างสูงดังขึ้น ก่อนที่เขาจะหยุดชะงักเมื่อเห็นความเคลื่อนไหวบางอย่างข้างนอกบ้านจากทางหน้าต่าง   ยุนอารีบสาวเท้าเข้าไปตรงบานกระจก ก่อนใช้มือเลื่อนเปิดหน้าต่างออก แล้วชะโงกหน้าลงไปดู

    พี่ยุนอา มีอะไรรึเปล่าคะ?”             ซอฮยอนเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าคนเป็นพี่อยู่ดีๆก็มีท่าทีเปลี่ยนไป

    ซอฮยอน มาดูนี่สิ

    ร่างบางเดินมาที่หน้าต่างพร้อมมองลงไปตามที่ยุนอาบอก ก่อนที่เธอจะเห็นบางอย่างที่ทำให้แววตาเบิกกว้าง   กลุ่มคนนับหลายสิบคนกำลังเดินวนเวียนอยู่รอบบ้านของพวกเธอ

     

     

     

     

    ไม่สิ...ไม่ใช่กลุ่มคน...กลุ่มแวมไพร์ต่างหาก...

     

     

     

    พี่ยุนอาคะ...”     ยังพูดไม่ทันจบ ซอฮยอนก็ถูกมือของร่างสูงปิดปากเอาไว้

    อย่าพูดเสียงดังนะ           ยุนอาบอกก่อนเขาจะค่อยถอยออกห่างจากหน้าต่าง แล้วปิดมันลงอย่างเงียบที่สุด

    พี่ยุนอาคะ...เมื่อกี้มัน...”   ซอฮยอนเอ่ยกับคนเป็นพี่ ซึ่งยุนอาก็พยักหน้าตอบกลับไป

    ใช่...พวกแวมไพร์ต่างถิ่น...”          ยุนอาพูดก่อนที่เขาจะไปคว้าเสื้อแจ็กเก๊ตตัวนอกมาสวม

    คนพวกนั้น...มาที่นี่ทำไมกันคะ” 

    ฉันเองก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน  แต่มาเยอะขนาดนี้ คงไม่ได้มาทักทายแล้วหล่ะ”  ยุนอาขมวดคิ้ว ร่างสูงบิดข้อมือเล็กน้อย  ก่อนจะหันไปพูดกับร่างบางต่อ

    ซอฮยอน ปลุกพี่เจสสิก้าที...”        

    แต่ว่าพี่เจสสิก้าเค้า...

    ไม่มีเวลาแล้ว ปลุกเร็ว!”                  คนตัวสูงเร่ง เมื่อเขามองผ่านบานกระจกใสแล้วเห็นว่าแวมไพร์กลุ่มนั้นกำลังค่อยๆย่างกรายเข้ามาในตัวบ้านมากขึ้น ซอฮยอนพยักหน้าพลางเรียกคนบนเตียงให้รู้สึกตัว

    เกิดอะไรขึ้น...”                 เสียงเหนื่อยอ่อนของร่างบางดังขึ้นก่อนที่ยุนอาจะเดินมาหา 

    พี่เจสสิก้า รีบลุกเถอะ เราไม่มีเวลาแล้ว”      เจสสิก้าขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ นัยตาของหล่อนจ้องมองใบหน้าของร่างสูง

    มีแวมไพร์ต่างถิ่นอยู่รอบบ้านเลย...แถมเกินสิบคนซะด้วย”                    ยุนอาอธิบายให้คนบนเตียงเข้าใจ   เจสสิก้าเบิกตาโพลงพลางขมวดคิ้ว

    เกินสิบเลยงั้นเหรอ?”       ยุนอาพยักหน้า   ร่างบางจึงลุกขึ้นจากเตียงโดยมีซอฮยอนคอยช่วยพยุง

    พี่ไหวรึเปล่า”     แวมไพร์ร่างสูงเอ่ยถาม  เจสสิก้าพยักหน้า หล่อนใช้มือนวดตามลำตัวไปมาก่อนจะฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้

    แล้ว...แทยอนกับมนุษย์คนนั้นหล่ะ...

    ยังไม่กลับมาเลยค่ะ”         เป็นซอฮยอนที่ตอบกลับไปแทน เจสสิก้าหัวเราะในลำคอเล็กน้อย

    ทีเวลาแบบนี้ไม่เคยจะอยู่เลยนะ”                   หล่อนพูด แต่ก่อนที่จะได้เอ่ยอะไรไปมากกว่านั้น  ยุนอาก็ทำมือส่งสัญญาณว่าให้พูดเบาๆ  ก่อนที่จะลอบมองออกไปทางหน้าต่างอีกครั้ง

    พวกมันเริ่มเข้ามาใกล้มากขึ้นแล้ว

    งั้นจะเอายังไงหล่ะ จะสู้หรือถอย”                เจสสิก้าถาม  ยุนอาหันมายิ้มพลางตอบ

    ก็ต้องสู้สิ”            เจสสิก้าลอบหัวเราะ

    งั้นก็ไปกันเถอะ”               ยุนอาพยักหน้า เขาเปิดหน้าต่างออก เจสสิก้าเองก็มายืนข้างๆกัน ร่างบางหันมาหาซอฮยอนที่เดินตามมา พร้อมเอ่ยสั่ง

    ซอฮยอน เธอไม่ต้องไปคนอายุน้อยสุดขมวดคิ้วพลางกำลังจะเอ่ยปากถาม แต่กลับถูกร่างบางพูดตัดหน้าเสียก่อน

    ไปตามแทยอนกลับมาที่นี่ซะ”        คำพูดประโยคนั้นยิ่งทำให้ซอฮยอนไม่เข้าใจกว่าเดิม ไม่ใช่เพียงแค่ซอฮยอนเท่านั้น แม้แต่ยุนอาเองก็ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่เจสสิก้าต้องการจะสื่อ

    ฉันเองก็ไม่อยากจะยอมรับหรอกนะ แต่ก็ต้องพูดตามความจริงนั่นหล่ะว่าแทยอนเก่งกว่าฉัน”     เจสสิก้าพูดก่อนจะมองหน้าคนอีกสองคนที่เหลือ

    พวกเราไม่ชนะแน่ หากไม่มีไอ่แวมไพร์เลือดผสมนั่น”          แม้จะไม่อยากยอมรับความจริงข้อนี้นัก แต่ในช่วงเวลาแบบนี้มันก็ไม่มีทางเลือกแล้ว หล่อนมองหน้าซอฮยอน

    ในระหว่างนี้ ฉันกับยุนอาจะถ่วงเวลาไว้ให้ก่อน เธอรีบไปตามแทยอนมาซะ เข้าใจมั้ย?”               คำสั่งรัวและยาวออกมาจากปากร่างบาง  ซอฮยอนพยักหน้าทันที

    เข้าใจแล้วค่ะ...พี่สองคนระวังตัวด้วยนะคะ”             

    เธอเองก็เหมือนกัน”         ยุนอาพูดพลางยิ้มให้ เมื่อตกลงกันเสร็จ ร่างสูงก็บอกให้ซอฮยอนรีบหนีไปทางหลังบ้านก่อนที่แวมไพร์พวกนั้นจะตามทัน 

    หลังจากที่แยกกันเรียบร้อย ตอนนี้ก็เหลือแค่เจสสิก้ากับยุนอาเพียงสองคนเท่านั้น 

    พี่เจสสิก้า พร้อมมั้ย?”      ยุนอาถามพลางหันไปมองใบหน้าของคนข้างๆ  เจสสิก้ายักไหล่พลางยิ้ม

    พร้อมอยู่แล้ว

    งั้นไปกันเถอะ”                  แวมไพร์ร่างสูงเอ่ย เขาค่อยๆยันตัวเองขึ้นไปนั่งยองๆบนขอบหน้าต่างก่อนจะยิ้มมุมปาก

    ได้เวลาสงครามแล้ว...




    Supercell
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×