ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] VAMPIRE & WOLF (TAENY)

    ลำดับตอนที่ #4 : CH4 : ชื่อที่สลักอยู่บนแหวน

    • อัปเดตล่าสุด 21 มี.ค. 57




    CHAPTER 4 



    ความมืดมิดภายใต้ผืนฟ้าปกคลุมไปทั่วบริเวณ แต่กลับมีแสงไฟจากห้องๆหนึ่งที่ยังคงโดดเด่นอยู่ท่ามกลางยามรัตติกาล

     

     

     

    อ้อ...แล้วฉันก็ไม่กินอาหารร่วมกับพวกเลือดผสมด้วย ยิ่งพวกครึ่งคนครึ่งแวมไพร์ ฉันยิ่งเกลียดเลยหล่ะ

     

     

     

    แทยอนยังคงนั่งอยู่ภายในห้อง เขานอนไม่หลับ แต่อันที่จริงควรจะพูดว่าเขาไม่ต้องนอนมากกว่า  ร่างเล็กนั่งเคี้ยงข้างกับเตียงนอนซึ่งมีเด็กสาวกำลังเข้าสู่ห้วงนิทรา ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอบ่งบอกว่าร่างบางอยากได้รับการพักผ่อน นัยตาสีฟ้าจดจ้องไปยังใบหน้าหวาน ในหัวสมองของเขากำลังครุ่นคิดเรื่องที่ห้องอาหารเมื่อตอนเย็น  คำพูดของเจสสิก้ายังคงเล่นเหมือนฟิล์มขาวดำที่ถูกฉายซ้ำไปซ้ำมา แทยอนรู้ถึงเหตุผลของหล่อน เหตุผลที่เจสสิก้าเกลียดมนุษย์

     

     

     

     

    เจสสิก้าเกลียดที่มนุษย์ฆ่าพ่อแม่ของหล่อน เกลียดทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นมนุษย์ 

     

     

    เช่นเดียวกับที่แทยอนเกลียดเจสสิก้า เกลียดที่หล่อนฆ่าแม่ของเขา  เกลียดที่หล่อนฆ่าเพียงเพราะว่าแม่ของแทยอนเป็นมนุษย์....

     

     

     

    ร่างเล็กหลับตา เขาค่อยๆวางหน้าผากไว้บนแขนของตัวเองที่พาดอยู่บนเตียงของเด็กสาว พยายามข่มความทรงจำอันเลวร้ายของตัวเองออกไป  แทยอนกำหมัดแน่น ตั้งแต่วันที่แม่ของแทยอนตาย  ร่างเล็กก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคนกับเมื่อก่อน เงียบ นิ่ง เยือกเย็น นั่นคือเขาในตอนนี้...

    ความทรงจำในวัยเด็กเพียงนิดเดียวที่แทยอนจำได้คือพ่อของตนเองเป็นแวมไพร์ แม่เป็นมนุษย์ และตัวเองเป็นแวมไพร์เลือดผสม  แทยอนมีความสุขกับวัยเด็กของตนเองมาตลอด  จนกระทั่งวันหนึ่ง ครอบครัวของแทยอนเกิดการสูญเสียครั้งใหญ่  พ่อของแทยอนรู้ว่าแม่ของแทยอนนั้นแอบไปมีคนอื่น เขาจึงปลิดชีวิตตัวเองลงไปด้วยน้ำมือของเขาเอง  ตายด้วยความโศกเศร้า ไม่เหลือแม้แต่คราบของแวมไพร์ผู้น่าเกรงขาม  แทยอนมารู้ทีหลังว่าผู้ชายอีกคนของแม่เป็นมนุษย์หมาป่า และทั้งสองยังมีลูกด้วยกัน แต่แน่นอนว่าแทยอนไม่เคยเกลียดหรือโทษแม่ที่ทำให้พ่อต้องตาย  เพราะร่างเล็กรู้ว่าในใจของแม่นั้นก็รักพ่อมากไม่ต่างไปจากตัวเองเลย  จนถัดมาอีกสามปี  ความสูญเสียก็เกิดขึ้นมาอีกครั้ง .....  ท่ามกลางสนามรบของหมาป่าและแวมไพร์ แม่ของแทยอนตายที่นั่น รวมทั้งมนุษย์หมาป่าที่เป็นสามีใหม่ของหล่อนก็ต้องจบชีวิตลงด้วยเช่นกัน 

     

    แทยอนจำภาพที่ผู้หญิงคนนั้นใช้เล็บของหล่อนตวัดเข้าที่คอแม่ของเขาได้

    จำภาพผู้หญิงที่เป็นแวมไพร์คนนั้นได้

    จำภาพเจสสิก้าจองที่ฆ่าแม่ของตัวเองได้....

     

     

    หลังจากเรื่องราวครั้งนั้นจบลง  แทยอนก็ถูกแวมไพร์ที่ชนะในสงครามพาตัวไปอยู่ด้วย ภายหลังจึงได้รู้ว่าบ้านที่รับตัวเองไปอยู่คือบ้านของยุนอากับซอฮยอน ซึ่งซอฮยอนเองก็เป็นแวมไพร์ที่ถูกพ่อแม่ของยุนอารับเลี้ยงมาเช่นกัน อีกทั้งทางครอบครัวของยุนอาเมื่อรู้ว่าแทยอนเป็นแวมไพร์เลือดผสม พวกเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรและยังคงดูและร่างเล็กเป็นอย่างดี

    แต่หลังจากนั้นไม่กี่ปี พ่อและแม่ของยุนอาก็ถูกฆ่าตายที่สนามรบ ทั้งสามคนจึงต้องเติบโตมาด้วยการเอาชีวิตรอดตั้งแต่เด็ก 

    จนกระทั่งวันหนึ่ง ยุนอาก็ได้ไปเจอแวมไพร์ผู้หญิงที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนพากลับบ้านมารักษาตัว  วินาทีแรกที่แทยอนเห็นแวมไพร์คนนั้น เขาก็จำได้ในทันที

     

     

     

    เจสสิก้าจอง...

     

     

     

    ในตอนนั้นแทยอนบอกยุนอาว่าให้ปล่อยทิ้งไว้ซะ แต่คนร่างสูงกลับปฏิเสธพร้อมทั้งบอกว่าผู้หญิงคนนี้ช่วยชีวิตตัวเองเอาไว้   ร่างเล็กที่ได้ยินดังนั้นก็หัวเราะอย่างเย้ยหยัน

     

     

     

    แวมไพร์คนนี้หน่ะเหรอที่ช่วยชีวิตยุนอาเอาไว้...

    แวมไพร์คนที่ฆ่าแม่ของฉันหน่ะเหรอ......

     

     

    หลังจากนั้นเพียงไม่กี่คืน เจสสิก้าก็ฟื้นขึ้นมา แทยอนยังจำได้ ประโยคแรกที่หล่อนพูดกับตัวเอง ประโยคที่แทยอนแทบจะฆ่าเจสสิก้าให้ตายตรงนั้น

     

    อ้าว? เธอมันแวมไพร์เลือดผสมคนนั้นนี่ ไม่ได้ตายไปพร้อมแม่หรอกเหรอ

     

    ใช่... แทยอนเป็นแวมไพร์เลือดผสม ส่วนเจสสิก้า ยุนอา และซอฮยอนเป็นแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์  แวมไพร์เลือดผสมก็ยังคงมีพละกำลังที่เหนือกว่ามนุษย์เหมือนเลือดบริสุทธิ์  เพียงแต่แทยอนจะควบคุมพละกำลังของตัวเองไม่ค่อยได้  นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเวลาสู้กันกับแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ แทยอนแทบจะฆ่าคนๆนั้นได้อย่างสบายๆ

     

    หลังจากนั้น ยุนอาก็ตัดสินใจที่จะให้เจสสิก้าอยู่บ้านหลังนี้ด้วยเนื่องจากอยากขอบคุณหล่อนที่เป็นคนช่วยชีวิตตัวเองเอาไว้   ดังนั้นแทยอนกับเจสสิก้าจึงต้องมาอยู่บ้านหลังนี้ร่วมกันอย่างช่วยไม่ได้

     

    ส่วนเด็กคนที่เป็นลูกของแม่แทยอนและมนุษย์หมาป่าคนนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย  ซึ่งแทยอนทั้งในตอนนั้นและตอนนี้ก็ไม่เคยคิดที่จะตามหา

     

     

     

    แทยอนไม่อยาก...จะผูกพันกับใครทั้งสิ้น  แม้แต่คนที่ร่วมสายเลือดด้วยกันอย่างเด็กคนนั้นก็ตาม

    เพราะความผูกพันดีแต่จะทำร้ายตัวเอง รั้นแต่จะทำให้ความแค้นที่มีอยู่ภายในใจถดถอยลง...

     

     

     

    ร่างเล็กสะดุ้งออกจากภวังค์ความทรงจำในอดีต เมื่อสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวบนเตียง  นัยตาสีฟ้าทอดมองร่างบางที่ค่อยๆยกมือขึ้นมาขยี้ตาตนเองอย่างน่ารัก ก่อนจะค่อยๆปรือตามองแทยอน

    คุณแทยอน...ยังไม่นอนเหรอคะ”                 เสียงหวานใสปนงัวเงียดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ  เด็กสาวค่อยๆยันตัวเองขึ้นเปลี่ยนจากท่านอนเป็นท่านั่งหลังพิงหัวเตียง 

    ฝันร้ายเหรอ”      แทยอนไม่ตอบ แต่กลับเอ่ยคำถามกลับไปเมื่อสังเกตเห็นใบหน้าของเด็กสาวมีเหงื่อผุดพราย และสีหน้ายังดูไม่ค่อยดีนัก   ทิฟฟานี่ที่ได้ยินคำถามก็พยักหน้าเบาๆ

    เค้าแค่ฝันร้ายหน่ะค่ะ ไม่มีอะไรหรอก”       เด็กสาวยิ้มให้ พลางมองใบหน้าของแทยอนที่ขมวดคิ้วแน่นจนหางคิ้วแทบจะชนกัน ร่างบางเอื้อมมือไปสัมผัสตรงใบหน้าขาวของแวมไพร์ ใช้นิ้วมือนวดวนแถวๆขมับ ก่อนจะยิ้มกว้าง

    ไม่เอาไม่ทำหน้าเครียดนะคะ เค้าไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย คุณแทยอนอย่าเครียดเลยนะ”    แทยอนมองใบหน้าหวานของคนตรงหน้า เขายิ้มเล็กน้อย

    ไม่ง่วงเหรอ”      เด็กสาวส่ายหน้า ร่างเล็กยกมือขึ้นดีดหน้าผากทิฟฟานี่เบาๆ

    เด็กดื้อ”                ตามด้วยรอยยิ้มบางๆ เด็กสาวกุมหน้าผากพลางบึนปากใส่คนข้างๆ

    คุณแทยอนดื้อกว่าเค้าอีก

    เถียงเหรอ”          แทยอนถามพร้อมทำท่าจะดีดอีกรอบจนทิฟฟานี่ต้องล้มตัวนอนแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนถึงจมูก

    เค้าไม่เถียงแล้ว”                เด็กสาวพูดเสียงอู้อี้ใต้ผ่าห่ม ร่างเล็กหัวเราะเบาๆ เป็นเสียงหัวเราะที่ไม่ได้ยินมานาน เขาอ้อมมาอีกฝั่งของเตียง พลางล้มตัวลงนอนตาม

    งั้นนอนด้วยละกัน”          พูดจบเขาก็ดึงตัวเด็กสาวมากอด ให้หน้าผากแนบชิดคลอเคลียจนเด็กสาวใจสั่น มือข้างหนึ่งสอดเข้าได้คอของร่างบางเพื่อให้เป็นหมอนหนุน  ส่วนอีกข้างก็รั้งเอวทิฟฟานี่ให้แนบชิด

    นอนได้แล้วเด็กดื้อ”          เสียงหนุ่มเอ่ย เขายังคงคลอเคลียหน้าผากตัวเองไว้กับหน้าผากของร่างบาง   ทิฟฟานี่ก้มหน้างุดเมื่อรู้ตัวว่าโดนอีกคนแกล้งเข้าแล้ว  เด็กสาวบ่นงึมงำด้วยเสียงแผ่วเบาซึ่งมันเป็นประโยคที่ทำให้คนฟังยิ้มไม่หยุด

    คุณแทยอนดื้อกว่าเค้าอีก

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    เอาไงดี”               ร่างสูงทั้งสองคนยืนอยู่บนกิ่งไม้ของต้นไม้ต้นใหญ่ท่ามกลางค่ำคืนอันมืดมิด  ดวงตาของทั้งสองจดจ้องไปยังบ้านหลังหรูเบื้องหน้า

    มาถึงนี่แล้วทั้งที เข้าไปทักทายหน่อยเป็นไง”             ร่างสูงอีกคนยักไหล่อย่างไม่สะทกสะท้าน  พลางทำท่าจะกระโดดลงจากกิ่งไม้

    มันมีตั้งสามคน เรามีแค่สอง ถ้าเกิดปะทะกันขึ้นมา แน่ใจว่าเราจะสู้ไหวเหรอซูยอง”      ยูริเอ่ยถามเพื่อนของตน  ซูยองทำเพียงยิ้มมุมปาก

    ถ้าบอกเรื่องน่าสนใจที่เราเพิ่งเจอมาให้มันฟัง มันคงไม่ทำอะไรเราหรอก”        พูดจบร่างสูงก็กระโดดลงพื้นดิน ตามด้วยร่างของยูริที่โดดตามลงมา

     

    ทั้งสองก้าวเท้าเดินมายังบ้านหลังหรูเบื้องหน้าอย่างไม่รีบร้อน  ซูยองเดินฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี ต่างจากยูริที่แววตาฉายความกังวลอย่างเห็นได้ชัด   เพียงแค่ไม่กี่นาที  ทั้งสองก็มาหยุดอยู่ที่ประตูบ้านของแวมไพร์ทั้งสาม  ซูยองผินใบหน้ามองคนข้างกายพลางยิ้มมุมปาก

    ตามมารยาท มาบ้านเขาเราก็ต้องเคาะประตูใช่มั้ย งั้นแกจะเคาะ หรือให้ฉันเคาะ”           ยูริยกมือขึ้นสองข้างเป็นเชิงว่าไม่เอา

    โอเค งั้นฉันเคาะ”  ซูยองยิ้ม เขายกเท้าข้างขวาขึ้นพลางออกแรงถีบบานประตูเบื้องหน้าให้เปิดออก ประตูไม้กระเด็นหลุดเข้าไปภายในบ้าน แต่เพียงไม่กี่อึดใจ ทั้งสองคนก็สัมผัสถึงบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ขนาบข้าง  ยังไม่ทันได้พูดอะไรกัน ร่างของยูริและซูยองก็กระเด็นออกไปตามแรงเหวี่ยงของผู้มาใหม่   ทั้งสองกลิ้งไปกระแทกกับบานกระจกในบ้าน   ซูยองร้องโอดโอย แต่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกเท้าของใครบางคนเหยียบตรงแถวคอให้นอนลงไปอีกรอบ  ร่างสูงจึงทำได้แต่ค่อยๆลืมตามองคนข้างบน

    ไง มาหาเรื่องพวกฉันถึงนี่เลยเหรอซูยอง”  เสียงของคนมาใหม่เอ่ยถาม  เขาผ่อนแรงตรงเท้าที่เหยียบแถวๆคอซูยองออกเพื่อให้อีกคนได้พูดตอบ

    ไม่เอาน่า พวกฉันแค่มาทักทายเองยุนอา”   ซูยองยิ้มมุมปากอย่างไม่สะทกสะท้าน  เรียกให้คนฟังเลิกคิ้วอย่างสนใจ

    ทักทาย? ด้วยการที่ให้ฉันต้องจ้างคนมาทำประตูบ้านใหม่อ่ะนะ

    ฉันลืมบอกไปนี่ว่าฉันเคาะประตูไม่เป็น เนอะยูริ”    ร่างสูงเอ่ยพลางพยักเพยิดไปทางด้านหลังยุนอาซึ่งมียูริกำลังเดินมาหาหลังจากตั้งตัวจากการเหวี่ยงได้แล้ว

    อ้าว ฉันลืมเลยนะเนี่ยว่าแกไม่ได้มาคนเดียว”             ยุนอาพูดพลางหันหน้ามามองยูริ  นัยตาเป็นประกาย ร่างสูงดึงเท้าออกมาจากคอคนข้างล่าง ซูยองจึงอาศัยจังหวะนั่นลุกขึ้น

    พวกเรามีเรื่องจะมาคุยกับแก”        ร่างสูงปัดฝุ่นตามตัวออกก่อนจะเดินไปหายูริ  ยุนอาถามเสียงหลง

    มาคุย?... กับฉันเนี่ยนะ?”                มนุษย์หมาป่าทั้งสองคนพยักหน้า

    เป็นเรื่องที่น่าสนใจทีเดียวเลยหล่ะ”              ยุนอานิ่งฟังทั้งสองคนตรงหน้าพูด คิ้วขมวดน้อยๆอย่างใช้ความคิด ก่อนจะเผยยิ้มออกมา

    เข้ามาในบ้านก่อนละกัน”  

    ยุนอาพาร่างสูงทั้งสองคนเดินเข้ามาในห้องรับแขกของบ้าน  ซูยองและยูรินั่งลงตรงโซฟาฝั่งตรงข้ามของยุนอา

     “แล้วมีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันหล่ะ”               แวมไพร์ร่างสูงถามขึ้นทันที  ยูริจึงหันไปมองหน้าซูยอง ก่อนจะหยิบอะไรบางอย่างออกมาวางบนโต๊ะตรงหน้า  แล้วเลื่อนมันไปให้ยุนอา  ร่างสูงหยิบมันขึ้นมามองด้วยความสนใจ 

    นี่มัน...สร้อยของพี่แทยอนนี่ แต่เดี๋ยวนะ เมื่อตอนเย็นฉันยังเห็นว่าพี่แทยอนสวมมันอยู่เลย

    ป่าวหรอก นี่หน่ะไม่ใช่ของแทยอน”            ยูริส่ายหน้า เขาชี้ไปยังรอยสลักบนสร้อยเส้นนั้น ซูยองจึงพูดเสริม

    แกลองอ่านดีๆสิ ข้อความที่สลักตรงนั้น ไม่ใช่ชื่อแทยอน”   ยุนอายกสร้อยขึ้นมาดูอีกครั้ง  เขาไล่สายตาอ่านข้อความแล้วก็ต้องเบิกตากว้าง

    เฮ้ย นี่มัน...”       ร่างสูงรีบเงยหน้าขึ้นมาหาคนทั้งสองตรงหน้าอย่างต้องการคำตอบ

    ใช่...นี่หน่ะ เป็นสร้อยของแทงกู”                 ยูริเอ่ยขึ้น  เขายิ้มมุมปากเมื่อเห็นสีหน้าตกใจของยุนอา

    ไง ฉันบอกแล้วว่าเรื่องที่จะมาคุยหน่ะ ถูกใจแกแน่นอน”       

    เริ่มจะสงสัยอะไรบ้างรึยังหล่ะ คุณแวมไพร์”             ซูยองเอ่ยขึ้น  ซึ่งยุนอาเองก็หันไปมองหน้าอย่างสนใจ

    ทำไมพี่แทยอนกับแทงกูถึงมีสร้อยแบบนี้เหมือนกันได้

    พวกฉันเองก็อยากรู้เหมือนกัน ถึงได้มาที่นี่เพื่อจะมาถามแกนี่ไง

    มาถามฉัน? ถ้าถามฉันหน่ะ ฉันคงไม่รู้หรอก ทำไมไม่ลองถามพี่สิก้าหรือซอฮยอนดูหล่ะ”           ยุนอาเอ่ยพลางสายตายังไม่ละออกจากสร้อยตรงหน้า

    แกจะบ้ารึไง”      ซูยองบ่นงึมงำ

    กับเจ๊หน้าโหดที่ชื่อเจสสิก้าอะไรนั่นฉันไม่กล้าถามหรอก โดนปาดคอตายพอดี ส่วนแวมไพร์อีกคนที่ชื่อซอฮยอนอะไรนั่นพวกฉันก็ไม่เคยคุยด้วย มีแต่แกนี่หล่ะที่เคยเจอตอนที่สู้กันเมื่อสองปีก่อน  เลยเลือกจะมาถามแกนี่ไง”  ร่างสูงร่ายยาวพลางทำท่าขนลุกเมื่อเอ่ยชื่อเจสสิก้า

    แต่ขนาดเลือกแกแล้ว พวกฉันยังโดนเหวี่ยงซะกระเด็นขนาดนี้”          ยูริเองก็บ่นตามไปด้วย  ยุนอาที่ได้ยินดังนั้นจึงได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ

    โทษที ก็ฉันไม่ไว้ใจพวกแก

    แล้วตอนนี้ไว้ใจรึยังหล่ะ

    ยัง

    อ่าว”     มนุษย์หมาป่าทั้งสองคนอุทานขึ้นพร้อมกัน พลางหรี่ตาอย่างขุ่นเคือง

    นี่ยังไม่ไว้ใจพวกฉันอีกรึไง

    ใครจะไปไว้ใจคนที่ถีบประตูบ้านฉันกระเด็นไปขนาดนั้นหล่ะ”           ยุนอาเถียงบ้าง ก่อนจะถอนหายใจ

    เอาเป็นว่าถึงฉันจะยังไม่ไว้ใจพวกแก แต่ถ้าเป็นเรื่องสร้อยนี่ ฉันจะลองร่วมมือกับแกดูสักครั้งละกัน”        เมื่อได้ยินดังนั้นซูยองก็ดีดนิ้วอย่างถูกใจ

    ต้องอย่างนี้สิ

    แล้วแกมีอะไรอีกรึเปล่าที่เกี่ยวกับสร้อยเส้นนี้”           ยุนอาเอ่ยถาม  ทำให้ยูริต้องหยิบอีกอย่างออกมาจากกางเกง  มันคือแหวนเก่าแก่ที่สลักตัวอักษรภาษาอังกฤษเอาไว้ ว่า ‘KIM JUNG-AH’   ยุนอามองชื่อบนแหวนนั่นอย่างตกใจ

    พวกแกไปเอาแหวนนี่มาจากไหนหน่ะ!?

    ฉันเจอมันอยู่ในห้องของแทงกูพร้อมสร้อยเส้นนั้น เลยหยิบมาด้วย”      ซูยองตอบก่อนที่ยูริจะพูดต่อ

    ชื่อนี้รู้สึกจะเป็นชื่อแม่ของแทงกูหน่ะ”      

    อะไรนะ? แม่ของแทงกู?”               ยุนอาอุทานเสียงดังจนแทบจะกลายเป็นตะโกน ท่าทางนั่นมันทำให้ทั้งยูริและซูยองหันมามองหน้ากันด้วยความงงงัน

    แกตกใจอะไรหน่ะ?”        ยูริเอ่ยถามพลางขมวดคิ้ว  ซึ่งยุนอาก็เงยหน้าขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยประโยคตอบกลับไป

    ชื่อที่สลักอยู่บนแหวนหน่ะ เป็นชื่อแม่ของแทงกูใช่ไหม”    ยูริและซูยองต่างพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียง  ยุนอาจึงเอ่ยต่อ และประโยคที่เพิ่งพูดออกมานั้นเป็นประโยคที่ทำให้ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบงันแทบจะในทันที...

    แต่ชื่อที่สลักอยู่บนแหวนหน่ะ ก็เป็นชื่อแม่ของพี่แทยอนเหมือนกันนะ








    Supercell
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×