คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : CH7 : ฉันมีทางเลือกอื่นงั้นเหรอ...
CHAPTER 7
เสียงย่ำฝีเท้าดังไปตามพื้นหญ้าที่ชื้นแฉะ ซอฮยอนหอบหายใจถี่ นัยตาของเธอกวาดไปทั่วทิศ ถึงแม้แวมไพร์จะเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีพละกำลังมากกว่ามนุษย์ปกติหลายเท่า แต่การตามหาคนสองคนที่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ร่างบางหยุดพักหายใจ มือข้างหนึ่งยันต้นไม้เอาไว้ นัยตากวาดไปทั่วบริเวณ
พี่แทยอน...คุณทิฟฟานี่...อยู่ที่ไหนกันคะ...
แม้จะเริ่มรู้สึกเหนื่อยเพราะวิ่งหาสองคนนั้นมาเป็นเวลานาน แต่ตอนนี้เธอจะหยุดพักอีกไม่ได้แล้ว ไม่รู้ว่ายุนอากับเจสสิก้าเป็นยังไงบ้าง ถ้าเกินชักช้ามีหวังสองคนนั้นคงถ่วงเวลาเอาไว้ไม่ไหว ซอฮยอนหยัดตัวยืนขึ้นเต็มส่วนสูง เธอกำลังจะออกวิ่งอีกครั้ง แต่กลับได้ยินเสียงอะไรบางอย่างมาจากทางด้านหลัง
ฟึ่บ! ฟึ่บ!
ร่างบางหันหน้าไปตามทิศทางของเสียง สองเท้าเริ่มค่อยๆถอยออกห่างให้มากขึ้น นัยตาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เธอจ้องไปยังเป้าหมาย
ฟึ่บ! ฟึ่บ!
จากที่เธอคิดว่าเป้าหมายนั้นอยู่ตรงหน้าเธอ ตอนนี้กับได้ยินเสียงจากทางด้านข้าง ร่างบางหันไปดูอีกครั้ง แต่ก็พบเพียงแต่ความมืดมิด...
ฟึ่บ! ฟึ่บ!
เอาอีกแล้ว...เสียงมันเริ่มดังถี่ขึ้นเรื่อยๆ ซอฮยอนเริ่มไม่แน่ใจว่าเธอควรจะปะทะหรือถอยดี ดูท่าบุคคลปริศนานี้จะไม่ธรรมดาซะแล้ว...
ความเร็วระดับนี้...พอๆกับพี่แทยอนเลย
ร่างบางมองดูรอบๆกายอีกครั้ง ตอนนี้เสียงนั้นเงียบไปแล้ว เหลือเพียงงามมืดปกคลุมรอบกาย ซอฮยอนมองซ้ายทีขวาที
ไม่มี...หายไปไหนแล้ว...
เมื่อคิดได้ว่าต้องรีบตามหาแทยอน เธอจึงปล่อยเรื่องเสียงเมื่อกี้ไปแล้วก้าวเท้าออกวิ่งต่อ
ฟึ่บ! ฟึ่บ!
เอาหล่ะ...คราวนี้เธอเริ่มแน่ใจแล้วว่าบุคคลปริศนานี้ตามเธอมาจริงๆ ซอฮยอนหยุดวิ่งอีกครั้ง เธอกวาดสายตาไปรอบๆ แต่ก็ยังหาไม่เจอ บวกกับความมืดมิดของยามราตรีในค่ำคืนนี้ ยิ่งทำให้สายตาของเธอทำงานได้ไม่เต็มที่ แต่เดี๋ยวก่อน...ถ้าเกิดรอบๆตัวหาไม่เจอ...
แล้วถ้าเป็น...ข้างบนหล่ะ...
ไม่ต้องรีรออะไร ร่างบางรีบเงยหน้าขึ้นไปมองบนต้นไม้ทุกต้นที่อยู่รอบๆผืนป่าแห่งนี้ และแล้วเธอก็เจอจนได้... ผู้หญิงปริศนาคนนั้นยืนอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่ หล่อนพิงหลังไว้กับต้นไม้ พลางยืนกอดอกมองมาทางเธอ
“……..”
“..........”
อยู่ท่ามกลางความเงียบนับหลายนาที ไม่มีใครพูดอะไร ไม่มีใครขยับไปไหน สักพักถัดมา บุคคลปริศนาคนนั้นก็กระโดดลงจากกิ่งไม้ใหญ่ หล่อนมายืนอยู่ตรงหน้าซอฮยอน ห่างจากเธอประมาณเกือบๆสิบเมตร นัยตาของหล่อนเรียบนิ่ง ริมฝีปากเหยียดตรง เส้นผมสีทองสะท้อนแสงจันทร์ในยามค่ำคืน หญิงสาวคนนั้นเริ่มขยับยิ้มมุมปาก
“เลิกวิ่งหนีแล้วเหรอ?” น้ำเสียงหวานถูกเอ่ยออกมาจากริมฝีปาก หล่อนเลิกคิ้วเล็กน้อยอย่างจะตั้งคำถามพลางมองมาที่ร่างบาง ซอฮยอนจ้องมองอีกคน
“คุณ...เป็นใครกัน?” ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะ
“อยากรู้ไปทำไม...เดี๋ยวเธอก็ตายแล้ว...”
“คุณคง...เป็นพวกเดียวกับแวมไพร์ต่างถิ่นพวกนั้น” ซอฮยอนยังคงเอ่ยต่อ ไม่สนใจประโยคถากถางเมื่อกี้
“รู้ดีนี่”
“คุณต้องการอะไร”
“ถ้าฉันบอก...เธอจะให้งั้นเหรอ?” หล่อนเลิกคิ้ว แต่ยังคงยืนในท่ากอดอกอย่างสบายอารมณ์
“ที่เล็งเป้าหมายมาที่พวกเรา...คุณมีเหตุผลบางอย่างสินะ”
“นั่นก็ส่วนหนึ่ง...แต่ฉันไม่ได้เล็งเป้าไปที่พวกเธอแค่กลุ่มเดียวหรอกนะ”
“หมายความว่ายังไง?” ซอฮยอนขมวดคิ้ว
“ไม่จำเป็นต้องตอบเธอ...”
ใบหน้าของหล่อนกับมาเรียบนิ่งอีกครั้ง ก่อนที่สักพัก นัยตาของหญิงสาวปริศนาคนนี้จะเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ร่างบางเบิกตากว้างด้วยความตกใจ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ตั้งตัวอะไรมากมายนัก ผู้หญิงคนนั้นก็กลืนหายเข้าไปในความมืด
สวบ! สวบ!
เพียงแค่พริบตาเดียว หล่อนก็โผล่มาทางข้างหลังเธอ ร่างบางที่ยังคงทำอะไรไม่ถูกได้แต่ก้าวถอยกลับไป โดยที่ไม่รู้เลยว่ามันเป็นกับดัก...
“เสร็จฉัน...”
ผู้หญิงคนนั้นเร็วกว่าเธอมาก เพียงแค่พริบตา มือของหล่อนก็เอื้อมมาตวัดโดนใบหน้าเธอแบบเฉียดฉิว ร่างบางกำลังจะเร่งความเร็วถอยหนีมากขึ้น แต่ดูเหมือนจะไม่ได้อีกแล้ว...ซอฮยอนหันกลับไปมองเมื่อแผ่นหลังบางของเธอกระทบกับต้นไม้ขนาดใหญ่ เธอกำลังจะเบี่ยงตัวหนีแต่กลับถูกสองมือจับไหล่ไว้แน่นพลางดันให้ชนกับต้นไม้อีกครั้ง เล็บมือหล่อนจิกเข้าที่ไหล่เธอจนเลือดออก ผู้หญิงคนนั้นจงใจต้อนเธอให้หนีไปไหนไม่ได้ ซอฮยอนมองมือที่กำลังเอื้อมมาจับลำคอของเธอ
หายใจไม่ออก....
รู้สึกถึงแรงบีบที่มากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ไหว...ถ้าไม่รีบหนีตอนนี้หล่ะก็...
“ไหนๆก็จะตายแล้ว...งั้นฉันจะบอกชื่อของฉันที่เธอเคยถามให้ฟังก็ได้...” แววตาของผู้หญิงคนนั้นเรียบนิ่ง ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มบนใบหน้า ไร้ซึ่งความเมตตา
“นานะ...จำชื่อของฉันไว้...” จบประโยค ร่างบางเริ่มจะดิ้นพล่านเมื่อตัวของเธอถูกยกขึ้นสูง ใบหน้าแดงก่ำเนื่องจากหายใจไม่ออก เธอพยายามใช้สองมือจับแขนของนานะให้ออกไปจากคอของเธอ แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ผล หญิงสาวเอ่ยประโยคสุดท้ายกับคนในกำมือ
“หลับไปซะ...หลับไป...ตลอดกาล...”
สวบ! ฟึ่บ!!!
ก่อนที่ผู้หญิงคนนั้นจะได้จัดการปลิดลมหายใจของซอฮยอน หล่อนกับถูกกระชากไปทางด้านหลัง เพียงแค่พริบตาเดียวที่นานะกำลังจะตั้งหลักยืนขึ้น คนที่มีความเร็วพอๆกันกับหล่อนก็ส่งแรงถีบที่มีมหาศาลไป จนตัวของนานะกระเด็นกลิ้งไปตามแรงอัด นัยตาพยายามมองหาบุคคลที่เพิ่งมาใหม่...
“พะ...พี่...แทยอน...”
ซอฮยอนเอ่ยชื่อคนตรงหน้าอย่างติดขัด เธอหอบเอาอากาศเข้าไปในปอดให้ได้มากที่สุด ค่อยๆเหลือบมองขึ้นจนเห็นว่ามีคนมาช่วยพยุงเธอ นั่นคือทิฟฟานี่ ซอฮยอนมองเด็กสาวอย่างขอบคุณ ร่างเล็กค่อยๆเดินมาหาคนทั้งสอง
“คุณแทยอนคะ! ข้างหลัง!”
แทยอนรีบหันไปตามเสียงบอก ก่อนจะพบว่านานะเข้าประชิดตัวเขาแล้ว หมัดลุ่นๆลอบเข้ามากระทบใบหน้าขาวใสอย่างจัง แทยอนหันไปตามแรงอัด เขาเซไปเล็กน้อย ยังไม่ทันได้ตั้งหลัก เท้าของผู้หญิงคนนั้นก็เตะเข้าเต็มต้นคอ ร่างเล็กล้มกลิ้งไปตามทิศทางการเตะ นานะเดินตามไปพลางใช้เท้าเหยียบท้องร่างเล็กเอาไว้
“กล้ามากนะ...ที่มาถีบฉัน...” นานะออกแรงกดที่เท้ามากขึ้นอีก
“อึ่ก...” แทยอนนิ่วหน้า พลางมองคนข้างบน
“หึ...งั้นก็ดี...ฉันจะส่งแกไปคนแรกเลย...”
“ทำได้ก็ลองดู...” สองมือของแทยอนเลื่อนขึ้นมาจับข้อเท้าของคนข้างบนไว้ เส้นเลือดปูนโนนตามแขน ออกแรงดันให้มันออกไป นานะเบิกตากว้าง
“แก...” หล่อนกัดฟันแล้วออกแรงดันเท้าลงไปอีก แต่ดูเหมือนอีกคนจะมีพละกำลังมากกว่า แทยอนกำข้อเท้านานะแน่น ก่อนเขาจะค่อยๆบิดมัน...
กรึ่บ...
“อ้ากกก! แก...ไอ้.....” นานะรีบถอยตัวออกห่าง ก่อนจะล้มลงพื้นพลางกุมข้อเท้าที่เพิ่งถูกบิดจนหักไปเมื่อกี้ นัยตาแดงก่ำจ้องมองแทยอนอย่างเคียดแค้น
“แก....” นานะเตรียมตัวจะลุกขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้กับโดนแทยอนเตะเข้าที่ต้นคอเหมือนที่หล่อนเคยทำกับเขา นานะล้มลงอีกรอบ มือยังคงกำข้อเท้าตัวเองไว้แน่น แต่แล้วความเจ็บปวดก็แล่นเข้ามาอีกเมื่อร่างเล็กใช้เท้าของตนเหยียบตรงบริเวณข้อเท้าที่หักของหล่อน
“อ้ากกกกก!” หล่อนร้องดังระงม ดิ้นพล่านเพื่อจะเอาขาออกจากการถูกเหยียบ
“ใครสั่งให้แกมา...”
“.......” นานะจ้องมองอีกคนอย่างไม่ยอมแพ้
“ฉันถามว่าใครสั่งให้แกมา!” แทยอนกดน้ำหนักที่ปลายเท้าอีกรอบ คราวนี้คนด้านล่างร้องโอดครวญดังระงม
“วัตสัน...ไอ้หมอนั่นเป็นคนสั่งให้ฉันมา...” นานะตอบด้วยน้ำเสียงอิดโรย หล่อนหอบหายใจถี่มากขึ้น
“วัตสัน?...” แทยอนทวนชื่อคนๆนั้นอีกครั้ง เขาปรายตามองคนข้างล่างที่เริ่มจะสงบแล้วแหงนหน้าขึ้นมาร้องขอชีวิตกับเขา
“ใช่...ฉะ...ฉันบอกแกแล้ว....แกก็ปล่อยฉันไปซักทีสิ...”
“คิดว่าฉันจะทำอย่างนั้นเหรอ?...” ร่างเล็กเลิกคิ้วถามพลางหัวเราะเย้ย เขาหันไปสั่งคนเป็นน้องที่คอยสังเกตการณ์อยู่
“ซอฮยอน...ปิดตาทิฟฟานี่ที...” ร่างบางหันมาทำหน้าสงสัยกับคนตัวเล็ก แทยอนยิ้มบางๆให้เด็กสาว
“ถ้าเด็กดื้อดูฉากนี้หล่ะก็คงนอนไม่หลับแน่ๆเลย...” เมื่อแทยอนพูดดังนั้น ซอฮยอนก็ร้องอ๋อขึ้นมาทันที เธอหันไปหาทิฟฟานี่ที่นั่งงงอยู่ข้างๆ
“คุณทิฟฟานี่หลับตาเถอะค่ะ...อย่าดูเลยนะคะ” แม้ร่างบางจะงงกับคำพูดของคนสองคนอยู่ไม่น้อย แต่เธอก็ยอมหลับตาทำตามแต่โดยดี ซอฮยอนพยักหน้าให้แทยอนอย่างรู้กัน คนร่างเล็กจึงหันกลับมาหานานะที่โดนเหยียบขาอยู่ด้านล่าง
“ส่วนแก...หลับไปซะเถอะ...หลับไปตลอดกาลเหมือนที่แกเคยบอกคนอื่นไง...”
พูดจบแทยอนก็ก้มลงจับลำคอของนานะ หญิงสาวเริ่มพยายามหนีออกจากการควบคุม แต่เป็นเพราะความเจ็บที่ขามันแผ่ซ่านไปทั่วตัวทำให้ไม่อาจจะขยับร่างกายได้ดั่งใจ ร่างเล็กใช้มือข้างขวาบีบคออีกคนให้แน่นขึ้น
“ลาก่อน...”
มือข้างหนึ่งจับท้ายทอยของนานะเอาไว้ ผู้หญิงคนนั้นได้แต่ดิ้นพล่านไปมาเพราะร่างเล็กออกแรงเหยียบข้อเท้าที่หักมากขึ้น มืออีกข้างถูกส่งไปวางบนหัว หลังจากนั้นเพียงแค่แวบเดียว...
กรึ่บ...
คอของแวมไพร์สาวหลุดออกมาจากตัว ไม่มีเลือดสักหยด ราวกับร่างกายเป็นน้ำแข็งก้อนที่ถูกหักออก มีเพียงไอเย็นที่หลงเหลืออยู่ หัวของหล่อนถูกวางบนพื้น แทยอนหันไปเจอสายตาของทิฟฟานี่นิ่งค้างอยู่ตรงหน้า ร่างเล็กเดินเข้ามาหาพลางย่อตัวลง เด็กสาวเงยหน้าขึ้นสบตา แต่ใจยังกลัวกลับสิ่งที่เห็น
“คุณแทยอน...” พูดจบเพียงเท่านั้นแทยอนก็ดึงคนขี้กลัวเข้ามากอด
“ไม่เป็นไรนะ...” คนในอ้อมกอดพยักหน้า ร่างเล็กหันไปหาซอฮยอน
“นี่มันเรื่องอะไรกันหน่ะ?”
“พี่แทยอน พวกเราถูกแวมไพร์ต่างถิ่นบุก มันมาเยอะมาก ตอนนี้พี่ยุนอากับพี่เจสสิก้ากำลังถ่วงเวลาอยู่ เราต้องรีบไปแล้ว” คนเป็นน้องเอ่ยรัว ร่างเล็กมีสีหน้าตกใจ ก่อนเขาจะช้อนตัวทิฟฟานี่ขึ้นมาอุ้มไว้แล้วหันไปพยักหน้ากับซอฮยอน
“รีบไปกันเถอะ...”
.
.
.
.
.
.
“โถ่เว้ยยยยย มาจากไหนเยอะแยะวะเนี่ย!” คนร่างสูงสบถพลางเอื้อมมือไปดึงหัวผีดิบบ้าพวกนี้ให้หลุดออกจากคอของมัน
“ซูยอง! มันไม่หมดสักที ทำไงดี!” ยูริหันมาพูดก่อนจะส่งเท้าถีบแวมไพร์ที่จะวิ่งมาจิกหัวเขา
“ถอยเถอะ! สู้ต่อไปพวกของเราก็ยิ่งเหลือน้อยนะ!” ซันนี่เอ่ยความเห็น เธอกวาดสายตาไปรอบๆก็เห็นแต่ชาวบ้านหมาป่าที่กำลังช่วยกันต่อสู้ บางคนก็บาดเจ็บ
“แทงกู! เอาไงดี!” ฮโยยอนถามเพื่อนร่างเล็กที่ใช้แขนตวัดตรงต้นคอผีดิบทั้งหลายที่มีเยอะอย่างไม่รู้จักหมด
“ทำตามที่ซันนี่บอกเถอะ! สู้ต่อไปก็มีแต่ฝ่ายเราที่เสียเปรียบนะ!”
“แล้วจะหนีไปไหนเล่า!” ซูยองหันมาถามบ้าง ตอนนี้ทุกคนยืนกันเป็นวงกลมโดยหันหน้าออกด้านนอก
“ป่าไง! ถ้าไปที่นั่นเรายังพอพลางสายตาจากไอ้ผีดิบบ้าบอพวกนี้ได้”
“งั้นก็ไม่มีเวลาแล้ว ไปเหอะ!” ยูริบอก ก่อนที่ทุกคนจะกลายร่างเป็นหมาป่าแล้ววิ่งตะโกนบอกให้ชาวบ้านออกจากหมู่บ้านก่อนที่พวกแวมไพร์มันจะมาล้อมไว้ทัน
“ไปเร็วทุกคน!!! ไม่มีเวลาแล้วนะ!!!”
เสียงย่ำเท้าดังขึ้นต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ฝูงหมาป่านับหลายสิบตัวกำลังวิ่งกรูกันเข้ามาในป่าทึบ โดยมีหมาป่าห้าตัวเป็นจ่าฝูง ทุกตัวเพิ่มความเร็วเพื่อหนีออกจากหมู่บ้านให้เร็วที่สุด เสียงครวญครางของพวกผีดิบเริ่มถอยห่างและเบาลงเรื่อยๆจนเงียบไป ทุกฝีเท้าค่อยๆชะลอวิ่งให้ช้าลงก่อนจะหยุดพัก แต่ละคนค่อยๆกลับสภาพกลายเป็นมนุษย์เหมือนเดิม เสียงลมหายใจหอบถี่ดังขึ้นปะปนกัน
“มันไม่ตามมาแล้วหล่ะ...” ยูริพูดพลางชะเง้อคอหันกลับไปมองด้านหลัง
“แล้วเอาไงต่อดี” ฮโยยอนถามพลางหอบเหนื่อย
“ต้องขอความช่วยหลือจากใครสักคน” ซันนี่ออกความเห็น
“แล้วไอ่ใครสักคนที่ว่านั่นมันคือใครกัน?” ฮโยยอนย้อนถาม ซูยองทำท่าครุ่นคิดก่อนจะตอบ
“ถ้าเป็นพวกแทยอนหล่ะ?” ชื่อคนในประโยคเรียกความสนใจจากแทงกูได้เป็นอย่างดี
“พี่แทยอนเขาจะยอมช่วยเราเหรอ?...” แทงกูพูดเสียงอ่อนลง เขากับพี่ยังไม่ลงรอยกันเท่าไหร่นัก กลัวว่าแทยอนจะปฏิเสธ แต่แล้วซูยองก็เดินมาจับไหล่ร่างเล็กพลางส่งยิ้มให้
“ไม่ลองไม่รู้...จริงไหม?”
“นั่นสินะ...” ร่างเล็กยิ้มกลับ เขาหยัดตัวยืนขึ้นก่อนจะหันไปมองชาวบ้านทุกคนที่เหลือพลางบอกให้อดทนวิ่งต่อไปอีกนิด และในที่สุดเสียงย่ำฝีเท้าก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง...
.
.
.
.
.
.
แวมไพร์หลายตัวที่เดินโซซัดโซเซค่อยๆล้มลงจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ดูเหมือนว่าแม้มันจะตายมากเท่าไหร่ มันก็ยังเพิ่มจำนวนขึ้นมาเรื่อยๆอย่างไม่รู้จบ
“ทำไมมันเยอะแบบนี้นะ! โอ้ย!” ร่างสูงบ่นยังไม่ทันจบก็ถูกผีดิบพวกมันตัวไหนสักตัวใช้เล็บจิกเข้าให้กลางหลัง
“ยุนอา!” เจสสิก้าเรียกพลางรีบวิ่งไปหา แล้วออกแรงถีบให้แวมไพร์ตัวนั้นกระเด็นออกไป โดยที่เจสสิก้าไม่ทันเห็นเลยว่ามีพวกมันอีกตัวอ้อมมาข้างหลังและกำลังเอื้อมมือหมายจะคว้าคอเธอ
“เห้ย!” ยุนอาร้องอุทาน พลางจะดึงร่างบางมาหลบข้างหลัง แต่ยังไม่ทันได้ออกแรงดึง ก็ดันเป็นผีดิบตัวนั้นที่ถูกกระชากกลับไป ร่างสูงมองภาพเมื่อกี้อย่างตกใจปนสงสัย ก่อนที่จะเข้าใจทันทีเมื่อเห็นซอฮยอนถือหัวผีดิบตัวนั้นอยู่
“ซอฮยอน...แล้วพี่แทยอนหล่ะ?”
“ฉันอยู่นี่” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นทำให้ยุนอารีบเบนสายตาไปทางทิศที่ได้ยิน ก่อนจะเห็นว่าแทยอนมายืนอยู่ข้างหลังและทิฟฟานี่เองก็ยืนอยู่ข้างๆกัน
“หึ มาช้าจริง” เจสสิก้าแขวะ ก่อนจะหยัดตัวยืนขึ้น
“เอาไงต่อดีพี่แทยอน” ยุนอาหันมาถาม พลางมองแวมไพร์อีกฝูงที่กำลังเดินมา
“ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนี่ ยังไงก็ต้องสู้” เป็นเจสสิก้าโพล่งตอบแทน ก่อนจะหันไปตั้งหลัก ทุกคนต่างพยักหน้าให้กัน แทยอนดันทิฟฟานี่ไปไว้ข้างหลัง
“คุณแทยอน...ระวังตัวด้วยนะคะ” เด็กสาวเอ่ยบอกอย่างเป็นห่วง ร่างเล็กยิ้มให้ก่อนจะหันกลับไปทางเดิม
แต่แล้วยังไม่ทันที่เขาจะพุ่งตัววิ่งไปหาแวมไพร์พวกนั้น เขากลับได้ยินเสียงของบุคคลปริศนาที่กำลังเรียกชื่อเขา แทยอนหันหน้าไปตามเสียงเรียก ก่อนจะพบกับฝูงหมาป่านับหลายสิบตัวโผล่ออกมาจากป่าทึบ ร่างเล็กเบิกตากว้างด้วยความตกใจ แต่ดูเหมือนว่าไม่ใช่แค่เขาเท่านั้นที่นึกไม่ถึง แม้แต่คนที่เหลือทุกคนก็ต่างอึ้งไปตามๆกัน
“เห้ยยยย! มาทำไมกันเยอะแยะ!” ยุนอาตะโกนถามเมื่อเห็นว่าซูยองกลับเข้าสู่ร่างมนุษย์ปกติ ดูเหมือนซูยองเองก็ตกใจที่พวกแทยอนดันโดนแวมไพร์ต่างถิ่นพวกนี้มาบุกเหมือนกัน
“แย่หล่ะ...” แทยอนละสายตาจากกลุ่มคนที่มาใหม่แล้วหันไปเห็นว่าพวกผีดิบกำลังเดินมาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
“นี่มันอะไรกันเนี่ย!?” ยูริถามพลางเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“คำถามนั้นอันที่จริงพวกฉันต้องถามสิ” เจสสิก้าพูดด้วยน้ำสียงเหวี่ยงๆก่อนจะพุ่งเข้าไปหาแวมไพร์ตัวนึงที่วิ่งบุกเข้ามา แทยอนหันไปกวาดสายตามองกลุ่มมนุษย์หมาป่าแล้วก็ต้องถอนหายใจ อะไรเนี่ย...ทำไมมากันเยอะแบบนี้ คิดว่าบ้านเขามีงานเลี้ยงรุ่นรึไง...
“ยังไงก็ช่างเถอะ ไหนๆก็มาแล้ว...” ยุนอาหันไปเอ่ยกับยูริพลางยิ้มเจ้าเล่ห์
“มาช่วยพวกฉันหน่อยสิ” ทันทีที่ยูริได้ยินดังนั้นก็ต้องถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน
“พวกฉันก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนี่...” ร่างสูงหันไปพยักหน้ากับซูยอง แล้วค่อยหันไปมองทางแทงกู ร่างเล็กเองก็พยักหน้า ก่อนจะตะโกนขอความร่วมมือจากชาวบ้านหมาป่าทุกคน
“จะมาขอความช่วยเหลือแต่ดันต้องมาเป็นฝ่ายช่วยเองเนี่ยนะ?” ซันนี่บ่นพลางวิ่งมาตั้งหลักข้างๆแทยอน แล้วหันไปเจอทิฟฟานี่ที่ยืนอยู่ข้างหลัง เธอยิ้มทักทายเด็กสาวเล็กน้อย ร่างบางเองก็ยิ้มกว้างตอบกลับไป
“ลงเรือลำเดียวกันแล้วนะ...” แทงกูเอ่ยขึ้นเบาๆเมื่อเขามายืนข้างๆพี่ของตน สายตาเหลือบมองใบหน้าร่างเล็กที่กำลังมุ่งตรงไปทางพวกฝูงผีดิบ แทยอนหันมาเลิกคิ้วใส่เล็กน้อย
“ฉันมีทางเลือกอื่นงั้นเหรอ?” เสียงทุ้มที่คล้ายกันเอ่ยตอบกลับไป แทงกูหัวเราะเบาๆให้กับประโยคของคนเป็นพี่ พลางมองทุกคนที่มายืนตั้งหลักอย่างพร้อมเพรียง มีเพียงทิฟฟานีที่ยืนอยู่ด้านหลัง เขาสบตากับเด็กสาว ทิฟฟานี่ยิ้มให้เขาและเขาก็ยิ้มกลับไป...
“เอาหล่ะ...” ซูยองสูดหายใจเข้าลึกๆพลางจ้องมองไปยังข้างหน้าที่มีกลุ่มแวมไพร์ต่างถิ่นมากมายเช่นเดียวกับทุกคน เขายิ้มมุมปาก
“ได้เวลาเริ่มสงครามแบบจริงๆสักที...”
❀ Supercell
ความคิดเห็น