คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3 ย้อนยุค
สายตาแลยาวออกไปสุดลูกหูลูกตา ยิ่งคิดก็ยิ่งอ้างว้าง เมื่อไหล่หนอจะพบเจอนางผู้ที่เป็นดังดวงใจเสียที แม้จะยังมิเคยประสบพบเจอหน้านางผู้นั้น แต่เหมือนมีสายใยบางอย่างผูกพันอยู่รอเพียงนางผู้เดียว
ตำหนักไทเฮา
“กราบเรียนไทเฮาแม่ทับหยางมาขอเข้าเฝ้าพะยะคะ”
“ให้เข้ามาได้”
“ถวายพระพรพะยะคะไทเฮา”
“กำลังคิดถึงเจ้าอยู่พอดีเลย หย่งคัง เข้ามาใกล้ ๆ ข้าสิ ไหนดูชิไม่ได้เจอกันซะนาน ผอมไปหรือเปล่า”
“เปล่าพะยะคะ หม่อมฉันสบายดี ขอบพระทัยไทเฮาที่ทรงเป็นห่วง”
“เจ้านี้นะไม่ยอมมาหาคนแก่ให้หายคิดถึงบ้างเลยนะ”
“หามิได้พะยะคะ กระหม่อมต้องเตรียมฝึกทหารในรอบที่แล้วที่เรารับสมัครเข้ามา ก็เลยต้องทำให้ไทเฮาทรงไม่สบายพระทัย ขอทรงอภัยด้วยพะยะคะ”
“เจ้าเนี่ยนะกีปีก็ไม่เปลี่ยนซักที ข้าบอกให้เจ้าเรียกข้าว่ายาย เจ้าก็ไม่ยอมเรียกซักที”
“ทูลไทเฮากระหม่อมมิบังอาจ ขอทรงอภัยด้วย” พูดพร้อมกับก้มคารวะอย่างนอบน้อม
“ก็ได้ ก็ได้ ไม่เรียก ก็ไม่เรี่ยก แต่เจ้าอย่าลืมนะว่ายายเป็นแม่ของแม่เจ้านะ มาหาคนแก่บ้างซิ อย่ามัวแต่วิ่งหาสาว ๆ แล้วปล่อยให้คนแก่ ๆ อย่างข้าเหงาอยู่คนเดียว ฮ้องเต้ก็อีกคน ปล่อยให้ใยแก่อย่างข้าอยู่ตำหนักคนเดียว สักวันข้าคงตรอมใจตาย ไปพวกเด็ก ๆออกไปก่อนข้าจะคุยกับหลานข้าตามลำพัง” เมื่อได้ยินเช่นนั้นกงกงรับใช้ พร้อมด้วยนางข้าหลวงต่างพร้อมใจกันถอยออกมาจากตำหนักไทเฮาทันที
“โถ่ ไทเฮาพะยะคะ กระหม่อมไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนนี้พะยะคะ อย่าทรงน้อยพระทัยไปเลยนะพระเจ้าข้า” พูดพร้อมกับตรงเข้ามาสวมกอดอย่างประจบเอาใจ
“ไม่ต้องมาเอาใจข้าเลย ข้านะมันใยแก่ไม่มีใครสนใจ จะเป็นจะตายยังไงก็ไม่มีใครมาแลอยู่แล้ว”
“เสด็จยายพะยะคะอย่าทรงน้อยพระทัยไปเลยนะพะยะคะ ถ้าอย่างนั้นไว้วันหลังหลานจะพาเสด็จยายไปเที่ยวที่วัดไท่จินดีไหมพะยะคะ”
“เจ้าก็ดีแต่พูด แต่ช่วงนี้ข้าฝันแปลก ๆ มากเลยนะ”
“ฝันว่ายังไงละพะยะคะ เสด็จยาย”
“ข้าฝันว่าได้แก้วมาสองดวง ดวงหนึ่งเป็นสีขาวเนียนละเอียดสว่างมากข้าก็เลยมอบให้ฮ้องเต้ อีกดวงหนึ่งเป็นสีแดงสดใสมีประกายสีทองส่องออกมาข้าก็เลยมอบให้เจ้า ข้าว่าอีกไม่นานน่าจะมีข่าวดีแน่ ๆ”
“เสด็จยายพะยะคะมันก็เป็นแค่ความฝัน อีกอย่าง แก้วที่ส่องสว่างสีขาวและสีแดงจะมีได้ยังไงพะยะคะ” เมื่อได้ยินดังนั้นไทเฮาก็เลยส่งค้อนวงใหญ่ให้หลานชายคนโปรดวงหนึ่ง
“เจ้าเนี่ยนะไม่รู้อะไรบ้างเลย โบราญว่าถ้าได้แก้วแล้วเป็นผู้ชายเขาบอกว่าจะได้คู่ครองต่างหาก”
“ถ้าเช่นนั้น กระหม่อมคงได้ชายาในเร็ววันนี้กระมังพะยะคะ”พร้อมกับหัวเราะในลูกคอเบาๆ
“แหมเจ้านี้นะ แต่หนนี้เจ้าพูดถูกใจข้ายิ่งนัก ก็ข้าอยากได้เหลนอุ้มเร็ว ๆ แต่เจ้าสองคนก็ไม่ยอมมีให้ข้าซักทีนี้”
“แล้วเจ้าไม่สนใจใครเป็นพิเศษหรือ แล้วองค์หญิงอิ๋งอิ๋งละ เจ้าเห็นนางเป็นยังไงบ้าง”
“นางก็เป็นหญิงที่สวยงานนางหนึ่ง”
“เจ้ามิคิดจะสนใจนางหรือไร”
“เสด็จยายนี้ท่านคิดจะจับคู่ให้ข้ากับอิ๋งอิ๋งหรือ”
“ก็ไม่เห็นเจ้าสนใจหญิงใดนี้ถ้าเจ้าสนใจข้าจะจัดการสู่ขอให้”
ไม่ละเสด็จยาย ข้าไม่ได้รักอิ๋งอิ๋งแบบคนรัก ข้ารักนางแบบน้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น” เมื่อได้ยินเสียงที่ดังออกมาจากห้องในตำหนักไทเฮาทำให้เท้าสวยชะงักลงทันที ใบหน้าสวยเริ่มซีดลงเมื่อได้ยินเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยออกมาเช่นนั้น ขอบตาร้อนผ่าวจึงทำให้ต้องรีบเดินออกจากตรงนั้นเปลี่ยนความตั้งใจในทันทีกระพริบตาเพื่อขับไล่ให้หยดน้ำที่กำลังจะไหลรินกลับเข้าไปแต่ช่างยากเย็นนัก เมื่อไม่สามารถห้ามหยดน้ำใส ๆ ให้ไหลได้เท้าสวยยิ่งเร่งรีบออกจากที่ตรงนั้น ดวงใจดวงน้อยเจ็บแปลบ นี้เขาไม่รู้เลยหรือว่าเธอคิดยังไง เขาเห็นเธอเป็นเพียงน้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น ทั้งๆ ที่เธอเป็นผู้หญิงที่ใกล้ชิดเขามากที่สุดแต่ทำไมเขาถึงไม่เห็นค่าความรักที่เธอมอบให้ซักนิด นี้เธอต้องเจ็บปวดอีกนานแค่ไหน เท้าสวยพาเจ้าของกลับมาถึงตำหนักที่พักร่างน้อย ๆ ทุ่มตัวลงบนเตียงกว้างอย่างอ่อนแรง น้ำตาใส ๆ ไหลลงเคลียแก้มสวยเจ็บชำยิ่งนักกับชายที่รักมิได้มอบรักตอบสะอื้นให้จนแม้แต่สาวใช้ประจำตัวก็ไม่ทราบจะทำเช่นไร ไม่ว่าจะปลอบโยนอย่างไรก็ยิ่งสะอื่นให้ยิ่งขึ้น จึงได้แต่ปล่อยให้คนตัวเล็กร้องอยู่อย่างนั้นเป็นนานกว่าจะเงียบเสียงลง
ด้านในตำหนักไทเฮา หารู้ไม้ว่าผู้ที่ไม่สมควรได้ยินกลับได้ยินประโยคนั้นอย่างเข้า
“เสด็จยายกระหม่อมคงต้องขอตัวก่อนเสด็จยายได้พักผ่อนเสียที”
“ก็ได้ แต่เจ้าอย่าลืมสัญญากับข้านะว่าเจ้าจะพาข้าออกไปไหว้พระที่วัดไท่จินนะ”
“พะยะคะ หม่อมฉันไม่ลืมแน่นอน ทูลลาพะยะคะ” แล้วร่างสูงใหญ่ก็ก้าวออกจากตำหนักไทเฮาทันที
///////////////////////////////////////////////
บนเรือนำเที่ยวล่องแม่น้ำแยงซีเกียง
สองเพื่อนสาวนั่งฟังเจ้าหน้าที่ของเรือบรรยายถึงปลาที่นอนอยู่ตรงหน้าทำให้ได้เห็นถึงความเป็นมาของเจ้าปลาตัวเขื่องที่บัดนี้เป็นเป้าสายตานับสิบคู่
“ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าปลาที่นอนอยู่ในจานด้านหน้าเรียกว่าปลาอู่ซาง ซึ่งเป็นปลาที่ท่านประธานเหมาเจ๋อตุงชอบรับประทานเมื่อตอนที่ท่านว่ายน้ำข้ามแยงซีครั้งประวัติศาสตร์ที่แห่งนี้ ในช่วงที่ท่านมาพักผ่อน เอาละครับ ผมไม่ขัดความสุขของแขกผู้มีเกียรติทุกท่านขอเชิญรับประทานอาหารได้ตามสบายนะครับ แล้วคืนนี้ขอให้ทุกท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย แล้วพรุ่งนี้เรือของเราจะพาท่านเดินทางไปยังดินแดนแห่งประวัติศาสตร์จีนที่ยิ่งใหญ่ มหาไตรโตรก แห่งแยงซี”
ไม่นานอาหารที่อยู่บนโต๊ะก็หายไปอย่างรวดเร็ว เมื่อรับประทานอาหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สองสาวจึงชวนกันออกมานั่งเล่นที่ชั้นดาดฟ้าของเรือ ต่างคนต่างนั่งมองดูสายน้ำที่ไหลเรื่อย ๆ ไม่รู้สีเพราะเพลานี้มีเพียงความมืดเข้าปกคลุมทุกหนทุกแห่งมีเพียงสายลมพัดผ่าน มองขึ้นบนฟ้าก็เห็นดวงดาวน้อยใหญ่ส่งแสงระยิบระยับสวยงาน
“อื้อ...สวยจังนะพู่กัน”
“ใช่สวยมากเลย”
“ฉันซักคิดถึงบ้านซะแล้วซิ”
“จะบ้าเหรอใยออม สนุกจะตาย แต่จะว่าไปก็คิดถึงพ่อกับแม่เหมือนกันนะ”
“ว่าฉันบ้าทีตัวเองก็คิดถึงบ้านเหมือนกันละน่า นึกว่าแน่ ที่แท้ก็พอกัน” สองสาวหัวเราะอย่างมีความสุขไม่รู้เลยว่าจะได้เจอกับอะไรในวันต่อไป
“กริ๊ง...........”
“จ้ารับแล้วจ้า..อื้อ..ใครโทรมาแต่เช้าเนี้ยยังไม่สว่างเลย” เสียงใสๆ ของพูกันบ่นเสียงดังเมื่อเสียงของโทรศัพท์ที่หัวเตียงดังขึ้น
“คะ...คะ..คะ..จะไปเดียวนี้คะขอบคุณคะ”
“เร็วใยออมเร็วเข้าเดี๋ยวไม่ทันดูนะเร็วเข้า”เสียงเร่งของพู่กันทำให้ออมต้องดีดตัวออกจากที่นอน ทั้งที่ยังงัวเงียอยู่
“ดูอะไรใยพู่กัน มันยังเช้าอยู่นะ”
“เจ้าหน้าที่เขาโทรมาเรียกให้ไปดูน้ำวน เขาบอกว่านานๆ จะเกิดขึ้นสักครั้ง เร็วเข้าเดี๋ยวไม่ทันดู”
“ฮ่า...จริงเหรอ อยากดู อยากดู...” ร่างบางรีบดีดตัวออกจากเตียงนอนด้วยความรวดเร็วพร้อมกับรีบแต่งตัวอย่างเร็วที่สุด เพราะกลัวว่าจะไม่ทันดู แต่ก็ไม่ลืมหยิบหยกที่ซื้อมาติดมือไปด้วยพร้อมกับกล้องถ่ายรูปคู่ใจ จากนั้นสองเพื่อนสาวก็รับวิ่งไปยังดาดฟ้าเรือพอมาถึงก็ปรากฏว่ามีผู้โดยสารเรื่อมายืนดูกันอยู่เต็มไปหมด แต่ด้วยกลัวว่าตนจะไม่มีที่ยืนดูก็เลยเปลี่ยนใจวิ่งหัวเรือแทน ก่อนที่จะถึงหัวเรือ เรือก็ตีโค้งเพื่อหลบกระแสน้ำวนเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชมปรากฏการธรรมชาติได้ชัดยิ่งขึ้น เป็นเหตุเรือเกิดการโยกเยกไปมานักท่องเที่ยวที่ไม่ได้ระมัดระวังตัวจึงเซถลา เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจดังขึ้น ในขณะที่พู่กันและออมที่กำลังยืนถ่ายรูปอยู่บริเวนด้านข้างของเรือก็ไม่ได้ระวังตัวทำให้เสียหลักจากการโยกตัวของเรือถลาไปชนกัยผนังเรือด้านในสองสาวต่างกรีดร้องและจับมือกันไว้แน่นด้วยความกลัว เรือเริ่มโครงเครงมากขึ้นเสียงกรีดร้องด้วยตวามตกใจของผู้โดยสารดังจนไม่รู้ว่าเสียงใครเป็นเสียงใคร ทางด้านเจ้าหน้าที่นองเรือก็พยายามบังคับเรือให้หันหัวออกจากกระแสน้ำวน ทันใดนั้น เรือก็โยกเยกอีกครั้งเพื่อไหลทวนกระแสน้ำที่เริ่มไหลแรงขึ้น เพราะแรงหนุนของน้ำวน ก่อนที่สองสาวจะทันได้จับราวเหล็กของเรือ เรือก็เกิดโยกอีกครั้งทำให้สองสาวเซออกไปทางราวข้างเรือและทันใดนั้น
“....กรีด.....ตู่ม....”
“..พู่กัน....”
“....ออม....”
สองสาวพยายามว่ายน้ำเพื่อจะให้พ้นจากกระแสน้ำวนที่ไหลแรงขึ้น แต่ความเย็นเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อง ๆ ร่างของสองสาวเริ่มจมดิ่งสู่ใจกลางกระแสน้ำวนอย่างรวดเร็ว ทำมือน้อยที่จับกันอยู่เริ่มคลายออกจากกันจนในที่สุดสติที่เหลือเพียงน้อยนิดของทั้งสองสาวก็เห็นเพื่อนเริ่มลอยห่างออกไปจนความมืดมิดเข้าครอบครองทั้งคู่
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
มาอัฟใหม่แล้วนะคะ
อาจจะล่าช้าไปหน่อยนะ
แต่จะพยายามลงอย่างต่อเนื่อง
ศิราภรณ์
ความคิดเห็น