ตอนที่ 9 : BEAST OF NIGHTMARE :: EPISODE 06 100% {อัพครบ}
EPISODE 06
[Fongbia Part]
ผมยกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดหูตัวเองเมื่อได้ยินเสียงแหลมที่ตะโกนลั่นภายในห้องนอน ผมนอนแอ้งแม้งอยู่ที่ห้องนั่งเล่นทั้งคืน ที่ยืมถุงยางจากไอ้เกอร์ก็แค่เอามาเผื่อไว้แค่นั้น เกิดผมควบคุมตัวเองไม่ได้ปล้ำยัยนั่นขึ้นมา จะได้มีเครื่องป้องกัน เมื่อคืนผมก็ไม่ได้เป็นคนเปลี่ยนชุดให้เธอหรอก คนที่เปลี่ยนให้ลามิอาคือแม่บ้านของคอนโดนี้ต่างหาก พอเปลี่ยนชุดเสร็จผมก็ให้แม่บ้านเอาเสื้อผ้าของเธอไปซัก
พอเดินเข้ามาในห้องผมก็เห็นแม่บ้านเอาผ้าห่มคลุมตัวเธอไว้ พอเดินเข้าไปใกล้อีกหน่อย ยัยนั่นก็สลัดผ้าห่มออกจนลูกมะพร้าวของเธอมันโชว์หราเด่นอยู่ต่อหน้าต่อตาผม เมื่อคืนผมแทบจะทนตัวเองไม่ไหว ทำได้แค่กลืนน้ำลายเหนียวๆของตัวเองลงคอแล้วเดินไปเอาเสื้อเชิ้ตของตัวเองในตู้มาสวมให้เธอ
“ไอ้ฟองเบียร์!” เสียงเธอกระทืบเท้าตึงตังเดินออกมา ทันทีที่เห็นใบหน้ายุ่งเหยิงของลามิอา ผมก็รู้ทันทีว่าเรื่องปวดหัวมันกำลังจะตามมาในไม่ช้านี่แหละ “ใครเป็นคนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ฉัน!?”
“แม่บ้าน” ผมเหลือบตามองเธออย่างเหนื่อยหน่าย
ทำไมมนุษย์เมียเป็นสิ่งที่น่ารำคาญอย่างนี้วะ..
“ไม่เชื่อ!” พอบอกความจริงแล้วก็ไม่เชื่อ โกหกคงเชื่อแน่
“งั้นฉันเอง”
ตุบ!
พูดยังไม่ทันขาดคำ หมอนสีขาวใบโตก็ถูกเขวี้ยงมาใส่จนมังงะในมือที่ผมถืออ่านอยู่ก่อนหน้านี้หล่นลงพื้น ผมถอนหายใจแล้วลุกขึ้นจากโซฟา มือข้างหนึ่งเอื้อมไปเกาหัวตัวเองอย่างเซ็งจัด รอก่อนนะโตเกียวโกลลูกพ่อ.. เดี๋ยวมาอ่านใหม่
ผมหยิบมังงะขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ แล้วหยิบหมอนที่หล่นแหมะลงตรงหน้าท้องของตัวเองโยนไปโซฟาตัวตรงข้าม สาบานว่าถ้าเธอแสดงอิทธิฤทธิ์อะไรร้ายแรงจนทำให้ผมโมโห ผมจะปล้ำยัยนี่ตรงโซฟาเนี่ยแหละ
“ใครอนุญาตให้นายเปลี่ยนชุดให้ฉัน!?” ทีพูดเรื่องจริงเสือกไม่เชื่อ ทีเรื่องโกหกล่ะเชื่อดีนัก
ผู้หญิงเป็นเพศที่แปลกมากในความคิดผม..
“ฉันอนุญาตตัวเอง” ผมตอบหน้าตาย
“ทีหลังไม่ต้องเสือก!” เอะอะก็ใช้แต่คำหยาบคาย
อยากรู้ว่าที่บ้านเธอชอบใช้ความรุนแรงหรือไงวะ ถึงได้อ่อนโยนไม่เป็นแบบนี้
“ก็ไม่ได้อยากเสือก แค่เป็นห่วง” ผมตอบก่อนจะเลื่อนสายตามองเสื้อเชิ้ตสีขาวที่พอเวลามันสะท้อนกับแสงจากภายนอก มันโปร่งบางจนแทบจะเห็นสัดส่วนของเธอชัดเจน
สงสัยลืมว่าตัวเองควรปิด เห็นหัวนมด้วยนะ เดี๋ยวจะหาว่าคุย..
“หยุดอ่านกินฉันเดี๋ยวนี้นะไอ้มึน!” ลามิอายกมือขึ้นปกปิดร่างกายของตัวเองเมื่อเธอเริ่มสังเกตว่าผมกำลังสำรวจร่างกายของเธออยู่
เธอวิ่งเข้าห้องนอนไป ยังไม่ทันได้หายใจเต็มอิ่ม ลามิอาก็วิ่งกลับมาที่เดิมพร้อมกับผ้าห่มที่คลุมตัวเองไว้ มือข้างหนึ่งมีกองมังงะประมาณหกถึงเจ็ดเล่มได้ และถ้าจำไม่ผิด.. นั่นมันโตเกียวโกลเรื่องโปรดของผม
“ลามิอา..” ผมกดเสียงต่ำทั้งๆที่สายตายังโฟกัสอยู่ที่มังงะในมือเธอ
ผมหวง.. ถ้ามันชำรุดเสียหายแม้แต่นิดเดียว ยัยนี่ศพไม่สวยแน่!
“ทำไม!?” เธอตอบกลับมาอย่างท้าทาย “อ๋อ.. หวงหรอ?” ก่อนจะยกยิ้มเมื่อสังเกตเห็นว่าผมเอาแต่จ้องมังงะในมือเธอ
“วางมันลง” ผมกัดฟันกรอด พยายามระงับอารมณ์ที่กำลังจะโมโหของตัวเอง
ยุ่งกับข้าวของในห้องผมจะไม่ว่าเลย แต่ขอร้องอย่ามาเจ๊าะแจ๊ะกับมังงะเรื่องโปรด
“ไม่วาง!” ลามิอาเหยียดยิ้มที่มุมปากราวกับกำลังสะใจในสิ่งที่ทำอยู่
ผมค่อยๆเดินไปหาเธอ มองมังงะในมือเธอไปด้วย ให้ตายเถอะว่ะ.. นั่นมันเป็นคอลเลคชั่นที่ผมเก็บสะสมไว้ตั้งแต่เด็กๆเลยนะ ย้ำว่าหวงมากถึงมากที่สุด ขนาดไอ้ฟาโรห์ยังไม่ได้แตะต้องมันเลย แล้วมนุษย์เมียคนนี้เป็นใคร ก็แค่เมียป่ะวะ กล้าดียังไงมาแตะต้องของรักของหวง
Just มนุษย์เมีย!
ตุบ!
อะไรบางอย่างที่แข็งๆคล้ายสันหนังสือลอยมาประทะที่หางคิ้วข้างขวาของผมอย่างจัง มันหล่นตุบลงบนพื้นใกล้ๆกับปลายเท้าผม ผมมองมัน ฟันแท้ทั้งสามสิบสองซี่พร้อมใจขบเข้าหากันแน่น ผมได้ยินเสียงสันกรามของตัวเองที่บดจนเกิดเสียง ปกของมังงะด้านหน้ามีรอยยับย่น ตรงปลายปกมีรอยฉีกขาดนิดหน่อย
โอเค! สงสัยยัยบ้านี่อยากตาย!
ผมค่อยๆย่างสามขุมเข้าไปหาเธอ ลามิอาทำหน้าแตกตื่นเมื่อเห็นจังหวะการสาวเท้าของผมที่รวดเร็ว เธอถอยหลังเข้าไปในห้องนอน ใบหน้าแสดงถึงอาการตกใจ
บอกแล้วไงว่าอย่ายุ่งกับมังงะ!
[Lamiah Part]
สองเท้าของฉันค่อยๆก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นใบหน้าที่เหมือนกับโมโหอย่างรุนแรงของฟองเบียร์ หมอนั่นเดินมาทางฉัน และเขาเดินเร็วมากจนฉันที่ห่อตัวอยู่ใต้ผ้าห่มเดินถอยหลังหนีแทบไม่ทัน
“ยะ..อย่าเข้ามานะโว้ย!” ฉันหยิบมังงะอีกเล่มในมือเขวี้ยงใส่ฟองเบียร์อีกครั้งเมื่อเขาเอาแต่สาวเท้าเข้ามาพร้อมกับใบหน้ามุ่งร้าย
“…….” ฟองเบียร์ไม่ตอบอะไร เขาหยิบมังงะเล่มนั้นที่ฉันเขวี้ยงใส่ขึ้นมาก่อนจะเอาไปวางไว้ที่โต๊ะภายในห้องนอน
“อะ..ไอ้ฟองเบียร์!” เสียงฉันเริ่มติดขัดพอๆกับจังหวะการก้าวเท้าหนีของตัวเองอย่างทุลักทุเล
ตุบ!
มังงะเล่มที่สามถูกเขวี้ยงออกไปหาเขาอีกครั้ง มันกระทบที่หางคิ้วเขาเหมือนตอนที่ฉันขว้างไปครั้งแรก
“อยากตาย?” ฉันตกใจจนหน้าซีดเมื่อเห็นสายตาอาฆาตของฟองเบียร์ที่มองมาพร้อมท่าทางคุกคาม
“ยะ..อย่าเข้า อ๊ะ..”
ตุ้บ!
บ้าจริง!
ฉันสะดุดขาตัวเองล้มลงบนเตียง ฟองเบียร์เดินเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้น ใบหน้าเขาแสดงออกชัดเจนว่าต้องการหาเรื่อง ฉันขยับขาตัวเองขึ้นบนเตียง และตั้งใจว่าจะลุกหนี หากแต่ว่า.. ยังไม่ทันได้ขยับขาออก ฝ่ามือแข็งแกร่งของฟองเบียร์ก็คว้าหมับลงที่ข้อเท้าฉันทันที ทั้งตัวฉันสะดุ้งเมื่อรู้สึกถึงแรงกดที่รุนแรง
“อะ..ไอ้ฟอง อ๊ะ.. นี่!!!” ร่างของฉันถูกลากลงไปตรงปลายเตียงจนเหลือเพียงลำตัวด้านบนเท่านั้นที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนเตียง ส่วนขาน่ะห้องต่องแต่งไปเรียบร้อยแล้ว
ร่างสูงของฟองเบียร์ขยับขึ้นคร่อมฉันทันที ขาทั้งสองข้างของเขาคร่อมอยู่ระหว่างลำตัวฉัน มือทั้งสองข้างของฉันถูกฟองเบียร์คว้าเอาไว้แล้วกดลงกับที่นอน แรงกดที่เจ็บแปลบทำฉันแทบน้ำตาเล็ด
“อยากลองดี?” หมอนี่เลิกคิ้วขึ้นมองฉัน หน้าตาเฉยเมยของเขาแม่งโคตรขัดกับอารมณ์ของเขาตอนนี้เลย
“ปล่อย!” ฉันไล้สายตาของตัวเองมองเขาอย่างสมเพช
“…….” เขาไม่ตอบ นั่นยิ่งทำให้ฉันหงุดหงิดมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
“ไอ้ฟองเบียร์! ฉันบอกให้ปล่อ.. อื้อ!”
ยังไม่ทันได้ประท้วงอะไรหนักไปกว่านี้ จู่ๆฟองเบียร์ก็นาบริมฝีปากทาบทับลงมาอย่างรุนแรงจนฉันเผลอเบิกตากว้างแล้วกระพริบอีกสองสามที ร่างกายฉันดิ้นพล่านเมื่อพบกับการบดขยี้ที่รุนแรงจนแทบแผดเผา น้ำตาฉันไหลออกทางหางตาเมื่อโดนกัดที่ริมฝีปากด้านล่างอย่างแรง
เมื่อคืนฉันก็โดนกัดไปแล้วครั้งหนึ่ง แล้วตอนนี้ยังจะโดนอีก
“อะ..” เสียงฉันถูกอุดไว้ที่ลำคอเมื่อฝ่ามือหยาบเลื่อนไปกระตุกผ้าห่มที่ฉันห่อตัวเองไว้ลง
ฟองเบียร์บดจูบฉันอย่างไม่ลดละก่อนที่ริมฝีปากร้ายกาจของเขาจะผละออกไป มันไล้ไปที่ลำคอฉันก่อนจะกัดลงบนนั้นหนึ่งทีจนฉันสะดุ้งตอบ หัวใจฉันกระหน่ำเต้นเมื่อช่วงท้องมีอาการแปลกๆในยามที่ฝ่ามือของฟองเบียร์ลูบไล้ไปมาแถวๆนั้น คล้ายกับมีพายุขนาดย่อมที่เกิดขึ้นที่ช่วงท้องฉัน
กึก!
“ฟะ..ฟองเบียร์!” ฉันเรียกชื่อเขาอย่างติดขัดเมื่อได้ยินเสียงปลดกระดุมเสื้อเชิ้ต
“หืม?” เสียงครางรับของเขาดังขึ้น
“นายจะ..ทำอะไรฉัน!?” ร่างกายฉันเริ่มสะบัดต่อต้านเมื่อฝ่ามือร้อนร้ายนั้นลูบไล้วนไปมาแถวๆหน้าท้อง
“จะปล้ำ” ฉันเบิกตากว้างเมื่อได้รับคำตอบหน้ามึนกลับมา “ทำไม?”
“…….”
“มีปัญหาอะไร?” ปัญหาน่ะมีแน่! ฉันไม่ยอมให้เขาทำแบบนี้ซ้ำสองกับฉันแน่
“ปะ..ปล่อยฉันไอ้บ้า อะ..” เสียงฉันขาดหายไปเมื่อฝ่ามือของฟองเบียร์แตะเข้าที่ฐานหน้าอก
วูบ..
อาการเสียดวูบทำฉันแทบจะเป็นลมเมื่อฟองเบียร์เคลื่อนฝ่ามือข้างนั้นขึ้นมาเรื่อยๆ มะ..มันเกือบจะแตะลงบนยอดอกฉันแล้ว อาการร้อนๆหนาวๆตีสลับกันจนทำให้ฉันเริ่มที่จะควบคุมตัวเองไม่ได้
“วันนั้นบอกจะดูดนม ยังไม่ได้ดูด” ฟองเบียร์เคลื่อนใบหน้าขึ้นมาสบตากับฉัน คำพูดเรียบเฉยบวกกับหน้าตาตายด้านของเขาโชว์หราอยู่ในสายตาฉัน
“ก็เรื่องของนาย!” ฉันเริ่มจะหงุดหงิดเมื่อรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นง่อยทั้งๆที่อวัยวะครบสามสิบสองแต่ดันเอามาใช้ต่อต้านอะไรเขาไม่ได้
“เรื่องของฉันหรอ? งั้นดี.. ดูดนมก่อนไปเรียนก็ดีเหมือนกัน”
“อื้อ..” ร่างกายฉันแอ่นสะท้านเมื่อพบกับความเปียกชื้นที่แตะลงบนหน้าอกข้างซ้าย
มันไม่ได้แตะลงบนยอดอกฉันซะทีเดียว แต่มันแค่เฉียดไปแผ่วๆเท่านั้น แรงดูดเม้มที่ตรงนั้นทำให้ฉันรู้ได้ทันทีว่าฟองเบียร์กำลังคิดจะทำอะไรกันแน่ สมองฉันเริ่มคิดประมวลผลเพื่อหาทางออก แต่ทางออกที่ว่านั้นมันหาง่ายซะที่ไหนล่ะ
“ไหนปากเก่งนักหนาเมื่อคืน?” คล้ายกับเป็นคำถามที่ถูกสร้างมาเพื่อก่อกวนอารมณ์ฉัน
และมันได้ผลดีซะด้วย.. เพราะฉันเริ่มจะอารมณ์ขุ่นมัวขึ้นมาบ้างแล้ว
“นายก็เหมือนกันนั่นแหละฟองเบียร์ เมื่อคืนฉันก็สลบให้นายแล้ว แต่นายยังไม่คิดจะทำอะไรฉันเลยด้วยซ้ำ นายมันปอดแหกล่ะสิ อ๊ะ..”
กึก!
ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดประโยคที่ตัวเองคิดไว้หมด พลันร่างกายก็ต้องสะดุ้งชาราวกับโดนมนต์สะกดเมื่อฟันแหลมคมของฟองเบียร์ขบลงบนอกข้างซ้ายของฉัน มันให้อารมณ์เจ็บแปลบ แต่ขณะเดียวกันก็ปลุกความรู้สึกบางอย่างในตัวฉันด้วย
“ก็ถ้าอยาก.. จะสนองให้” ขนฉันพร้อมใจกันลุกชันเมื่อได้ยินเสียงกระซิบแหบพร่าของฟองเบียร์ที่ข้างหู
“ละ..ลุกออกไปไอ้เวร!” ฉันขมวดคิ้ว
รู้สึกเหมือนร่างกายโดนสูบเรี่ยวแรงยังไงก็ไม่รู้ ตอนนี้แรงที่จะประทุษร้ายเขามันถึงได้กลายเป็นศูนย์ ทำได้แค่นอนสะบัดตัวเบาๆให้เขาแกล้งเล่นได้สมใจแบบนี้ แล้วเมื่อคืนฉันก็ไม่รู้หรอกว่าฉันโดนทำอะไรไปบ้าง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองบุบหักหรือแตกสลายตรงไหนไหม รู้แค่ว่าฉันอยากจะวอร์กับฟองเบียร์ก็แค่นั้น
“ไม่อยากแล้วหรอ?” น้ำเสียงกวนประสาทของเขายังพ่นออกมาให้ฉันได้ยิน
“ไม่!” ฉันสะบัดหน้าไปทางซ้ายเมื่อฟองเบียร์ฉกริมฝีปากลงมาที่ลำคอด้านขวา
“แต่ฉันอยากสิ ทำไงดีลามิอา?” เสียงแหบพร่าของฟองเบียร์ทำให้สติฉันแทบแตก
“ลุกออกไปไอ้ฟองเบียร์!” ก้อนเนื้อในอกฉันกระหน่ำเต้นอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย
“เรียกผัวจ๋าดีๆ แล้วจะยอมลุกให้” เขาเคลื่อนใบหน้าออกจากซอกคอฉันแล้วบังคับให้หน้าฉันหันไปสบตากับเขาตรงๆ
“…….” ฉันเม้มริมฝีปากแน่น
“…….” ฟองเบียร์เลิกคิ้วขึ้น ทำหน้าทำตาใส่ฉัน
และหน้าตาของเขามันกำลังตะโกนบอกฉันทางอ้อมว่า ‘ถ้าไม่ทำก็จะไม่ได้ออกไปจากสถานการณ์แบบนี้’
“ผะ..ผะ” ฉันอยากกัดลิ้นตัวเองชะมัด ทำไมต้องมาทำอะไรบ้าบอแบบนี้ด้วยวะ
“แค่เรียกผัวมันจะตายขนาดนั้น?”
“ผะ..” อาการสับสนลังเลเกิดขึ้น
“ผัว” เขาเน้นย้ำคำนั้น แล้วค่อยๆโน้มใบหน้าเขามาใกล้ฉันมากขึ้น
ฉันหลับตาปี๋ก่อนจะกลั้นหายใจแล้วพูดออกไปเสียงดัง “ผัวจ๋า” น้ำตาฉันไหลปริ่มออกทางหางตาเมื่อสิ้นพยางค์ที่สอง
“ดี.. พูดแบบนี้ค่อยน่าฟังหน่อย” เสียงเขากระซิบลงที่ข้างหูฉัน
“…….” ฉันลืมตาขึ้น พบว่าฟองเบียร์เบนใบหน้ากลับมาแล้ว ตาฉันจ้องอยู่กับสายตาเย็นชาของเขา
ตึกตัก..
เสียงหัวใจฉัน.. เหตุการณ์เมื่อกี้มันบ้ามาก และมันกลับตาลปัตรไปหมด ทั้งๆที่ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะไม่ยอมให้เขาข่มอีก แต่สุดท้ายฉันก็โดนฟองเบียร์ข่มจนได้ ฟองเบียร์มีส่วนคล้ายฉันอย่างหนึ่งคือไม่ชอบความพ่ายแพ้ และไม่ชอบถูกท้าทาย
“ไม่พูดอะไรหน่อยไง” เขาเลิกคิ้วขึ้น “เธอแก้ผ้าอยู่.. อย่าลืม”
เท่านั้นแหละฉันถึงได้ละสายตาจากเขาแล้วเลื่อนลงไปมองร่างกายของตัวเอง ท่อนบนของฉันเปลือยเปล่า ยังโชคดีที่ท่อนล่างถูกเสื้อเชิ้ตตัวบางนี่บังเอาไว้ ถ้าไม่งั้นความอับอายได้สุมฉันให้มอดไหม้ลงตรงนี้แน่
“อะ..ออกไป” ฉันเบือนหน้าไปทางขวาเมื่อเคลื่อนสายตาขึ้นประสานกับเขา
ฉันไม่ชอบสายตาของฟองเบียร์เลย มันมองฉันราวกับว่าฉันทำความผิดอะไรบางอย่างมา มองฉันคล้ายกับตำหนิ ทั้งๆที่ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรผิด ก็แค่.. โยนมังงะเรื่องโปรดไปกระทบหางคิ้วเขาเท่านั้นแหละ
“จะพยศอะไรก็ให้มันรู้ขอบเขตหน่อย” เสียงทุ้มเอ่ย
“อ๊ะ..” ฉันสะดุ้งทันทีเมื่อฝ่ามือของฟองเบียร์แตะโดนที่หน้าท้องของตัวเอง อาการร้อนวูบวาบเกิดขึ้นอีกแล้ว
นี่ฉันคิดบ้าอะไรอยู่..
“ฉันบอกอะไรเธอก็ควรเชื่อบ้างนะ” ฉันตวัดสายตาไปมองเขาทันที จะหาว่าฉันเป็นพวกไม่เชื่อฟังล่ะสิ “ที่ฉันบอกว่าแม่บ้านเป็นคนเปลี่ยนชุดให้เธอ ฉันพูดความจริง”
“…….” ฉันเงียบไป ก็คงคล้ายกับเถียงไม่ออกพอเจอสายตาที่จริงจังของเขา “ก็ละ..แล้วทำไมต้องยอมรับด้วยล่ะ?”
“แล้วเธอฟังฉันบ้างไหมตอนที่ฉันพูดความจริง?” ฉันเม้มริมฝีปากแน่น
ความจริงแล้ว.. มันก็.. ฉันไม่ได้ฟังเขาเลยจริงๆนั่นแหละ
“อะ..ออกไปได้แล้ว ฉันหนัก” เสียงที่พูดออกไปกระท่อนกระแท่นมาก
“หลับตา” ฉันมองเขาอย่างไม่เข้าใจเมื่อเจอประโยคนี้เข้าไป หมายความว่าไง ให้ฉันหลับตาเพื่อ? “หลับสิ”
“ทำไมฉันต้องหลับตาด้วย?”
“จะติดกระดุมคืนให้ อยากอาย?” เดี๋ยวนะ! เดี๋ยวก่อน!
“นายสิต้องเป็นคนหลับตา ฉันติดของฉันเองได้ อย่ามายุ่ง!” มาบอกให้ฉันหลับตา เพื่อที่เขาจะได้ลวนลามฉันทางสายตาน่ะนะ บ้าไปแล้ว ใครเชื่อก็ควายอ่ะบอกเลย
“ดื้อ!” คำปรามาสถูกส่งมาให้ฉันพร้อมกับการขมวดคิ้วแบบดุๆของฟองเบียร์
ฉันจ้องเขาอย่างไม่เข้าใจนัก เมื่อกี้เขาดูโมโหเอามากๆ ผิดกับตอนนี้อย่างสิ้นเชิง ฉันได้ยินเสียงถอนหายใจหนักๆของฟองเบียร์ด้วย แล้วก็นะ.. ท่าทางเอาเรื่องของเขาก่อนหน้านี้ไม่ได้บ่งบอกเลยว่าทำเล่นๆ ทั้งสีหน้า แววตา ท่าทาง มันบ่งบอกฉันว่าฟองเบียร์โกรธฉันจริงๆ แต่ไหงตอนนี้อารมณ์ถึงได้สงบเร็วนัก
“เอ๊ะ..” ฉันอุทานออกมาเมื่อโดนฝ่ามือหยาบแตะเข้ากับจุดใดจุดหนึ่งบนร่างกาย เสื้อเชิ้ตบนตัวฉันมีการขยับ และถ้าให้ฉันเดา ฟองเบียร์ก็คงกำลังติดกระดุมให้ฉันตามที่เขาบอกก่อนหน้านี้ “บะ..บอกว่าไม่ต้องไง”
“อยู่นิ่งๆได้ไหม? ฉันไม่ได้มอง มันติดไม่ถนัด” หว่างคิ้วฉันขมวดเข้าหากันเมื่อโดนฟองเบียร์ดุ
ตึกตัก.. ตึกตัก..
เสียงหัวใจฉันกระหน่ำเต้นรัวจนเผลอกลั้นลมหายใจของตัวเองไว้ ฉันเบนสายตาไปมองด้านข้างแทนที่จะจ้องหน้าฟองเบียร์ ฉันอยากจะยกมือตัวเองทุบลงบนอกแล้วตะโกนด่าก้อนเนื้อที่มีชีวิตนั้นว่าอย่าเต้นจริงๆ ถ้าฟองเบียร์ได้ยินขึ้นมา ไอ้บ้านี่มันต้องล้อเลียนฉันแน่
“เสร็จยัง!?” ฉันถามเสียงห้วน
“เสียงหัวใจเธอเต้นโคตรแรง” ฉันอ้าปากพะงาบๆจะพูดบางอย่างเพื่อแก้ต่างให้กับตัวเอง แต่พอมองหน้าเขามันก็เหมือนคนเป็นใบ้โดยเฉียบพลัน
“…….” ริมฝีปากฉันเม้มเข้าหากัน ก่อนที่ฉันจะใช้ฟันขบมันอย่างแรง
หยุดเต้นได้แล้วไอ้ก้อนเนื้อบ้า!
“เมี้ยว~” หูฉันได้ยินเสียงแมวตัวนั้นอีกครั้ง
“นาย..” ฟองเบียร์เลิกคิ้วขึ้นคล้ายกับรอฟังคำถามจากฉัน “เลี้ยงแมวด้วยหรอ?”
“อืม..” เขาครางตอบกลับมา ตาปรือนั่นแสงหรี่ลงเล็กน้อย
“นายชอบแมวหรอ?” มันอดถามไม่ได้จริงๆ
เพราะโดยปกติแล้ว ผู้ชายส่วนมากมักจะชอบเลี้ยงหมามากกว่าที่จะมาเลี้ยงแมวแบบนี้ แล้วก็ด้วยบุคลิกลักษณะทั้งหมดทั้งมวลของฟองเบียร์เนี่ย อมพระมาพูดฉันก็ไม่เชื่อแน่ว่าเขาจะชอบเลี้ยงแมว
“แฟนเก่าฉันชอบเลี้ยง”
พอได้ยินประโยคตอบกลับของฟองเบียร์ ไม่รู้ทำไมหัวใจฉันถึงได้วูบโหวงอย่างแปลกประหลาด มันไม่ใช่อารมณ์หึงหวงเขา แต่มันเป็นอารมณ์อีกแบบที่แตกต่างออกไป จะว่าอารมณ์เศร้าสลดก็คงไม่เชิง ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องรู้สึกเศร้ากับประโยคเมื่อกี้ของฟองเบียร์ด้วย
ทั้งๆที่เขาก็พูดถึงแฟนเก่าของตัวเอง..
“อะ..อ้อ! หรอๆ?” ฉันยิ้มเจื่อนแล้วหลบเลี่ยงสายตาฟองเบียร์ด้วยการจ้องขึ้นไปมองเพดานสีขาวแทน
“เธอไม่อยากรู้หรอว่าแฟนเก่าฉันชื่ออะไร?” ฟองเบียร์จ้องเข้ามาในตาฉันเมื่อพูดประโยคนี้
“แล้วทำไมฉันต้องอยากรู้ด้วยล่ะ นายนี่ก็แปลกเนอะ.. แหะๆ” ฉันแสร้งทำเป็นหัวเราะ ทั้งๆที่มันไม่ได้อยากจะหัวเราะด้วยซ้ำ
“แล้วไม่อยากรู้หรอว่าทำไมฉันถึงเลิกกับแฟน?” อะไรกัน.. วันนี้เกิดคึกอะไรเนี่ย? ทำไมเขาถามจี้ฉันแบบนี้
“มะ..ไม่อยากรู้หรอก มันเป็นเรื่องของนาย ไม่ใช่ฉันน่ะ” คำถามแต่ละคำถามของฟองเบียร์ล้วนทำให้ฉันสูญเสียความมั่นใจไปโดยสิ้นเชิง
“หรอ? นึกว่าเธอจะอยากรู้” เขาบอกเสียงเรียบ เป็นจังหวะเดียวกับที่กระดุมเม็ดบนสุดถูกติดจนเสร็จเรียบร้อย และฉันรู้สึกอึดอัดมากถึงได้ขยับร่างกายตัวเอง “ถ้าอยากรู้.. ฉันจะเล่าให้ฟัง”
“นายลุกออกไปได้แล้ว ฉันมีเรียน” ฉันเปลี่ยนเรื่องทันที
ฉันไม่ใช่พวกสอดรู้สอดเห็นขนาดนั้นซะหน่อย ทำไมฉันจะต้องไปอยากรู้เรื่องราวในอดีตของฟองเบียร์ด้วยล่ะ จะทุกข์หรือสุขสำราญขนาดไหนมันก็เป็นเรื่องของเขา ฉันเป็นคนนอก ฉะนั้นอย่าได้ดึงฉันเข้าไปพัวพันกับอดีตของเขาได้จะดีมาก เพราะลำพังอดีตของฉันก็ไม่น่าจดจำมากพอแล้ว
พรึบ!
ฟองเบียร์ลุกออกไป ฉันเลยเด้งตัวเองขึ้นจากเตียง สายตามองไปยังแผ่นหลังกว้างของเขา เขาเดินไปหยิบมังงะที่หล่นอยู่ที่พื้นไปวางไว้ที่โต๊ะ ก่อนที่เสียงทุ้มต่ำจะเอ่ยออกมาเพื่อพูดกับฉัน
“เธอรีบไปอาบน้ำ เสื้อคลุมอยู่ในตู้เสื้อผ้า” เขาบอกเสร็จสรรพก่อนจะชี้นิ้วไปยังตู้เสื้อผ้าสีขาวที่ตั้งอยู่ข้างห้อง
“แล้ว.. ชุดนักศึกษาฉันอ่ะ?” ฉันกระชับเสื้อเชิ้ตที่ห่อหุ้มตัวเองไว้แน่น
“ให้แม่บ้านเอาลงไปซักให้ อีกสักพักคงขึ้นมา”
“อืม..” ฉันครางรับ
สายตาฉันยังคงจับจ้องอยู่ที่ร่างสูงของฟองเบียร์ จนกระทั่งแผ่นหลังเขาหายไป ฉันถึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ฉันมองหากระเป๋าสะพายของตัวเองเพื่อจะเช็กโทรศัพท์ว่ามีใครโทรมาหรือเปล่า ซึ่งแน่นอนว่ามันวางอยู่บนเตียงข้างกับหมอน ฉันเอื้อมมือเข้าไปหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมา
เฮียแวมพ์* (23) สายที่ไม่ได้รับ
แย่แล้ว...
อาการกระวนกระวายใจเกิดขึ้นกับฉัน ฉันกำโทรศัพท์ไว้แน่นแล้วตัดสินใจโทรหาชมพู
[ฮัลโหล..] ทันทีที่ชมพูรับสาย ฉันก็รีบกรอกเสียงของตัวเองลงไปอย่างร้อนรน
“ชมพู.. เมื่อคืนฉันไม่ได้กลับคลับ เฮียแวมพ์ว่าไงบ้าง?”
[แล้วนี่เธออยู่ที่ไหนเนี่ย?] ชมพูถามกลับมา
“ฉัน..” เสียงฉันขาดหายไปพร้อมกับสมองที่เริ่มใช้ประมวลผล “ฉันอยู่คอนโดเพื่อน” และฉันตัดสินใจโกหกชมพู
ชมพูเป็นคนที่ไว้ใจได้ก็จริง แต่ชมพูก็เป็นเมียเฮียฉัน เกิดเฮียฉันมันคาดคั้นเอาความจริงจากปากชมพูขึ้นมาแล้วชมพูดันบอกไป ฉันก็มีแต่แย่กับแย่ เพราะฉะนั้นฉันเลยจำเป็นต้องโกหกเธอ
[แล้วนี่เธอจะมามหาวิทยาลัยหรือเปล่า?]
“ไปสิ เฮียฉันอยู่กับเธอไหม?” แน่นอนว่าเรียนเป็นเรื่องสำคัญกับฉัน แต่ถ้าฉันไปแล้วเกิดเจอเฮียอยู่กับชมพู เฮียไม่จับฉันเค้นเอาความจริงหรอ
“วันนี้เฮียเธอไม่ค่อยสบาย เขาพักอยู่ที่คลับ” เฮ้อ.. โล่งอกไปทีสวรรค์
“โอเค ไว้เจอกันตอนบ่ายนะ”
[อะ..อื้ม] สิ้นเสียงครางรับของชมพู ฉันก็กดวางสายทันที
โชคเข้าข้างจริงๆ ถ้าวันนี้เฮียเห็นว่าฉันอยู่กับฟองเบียร์ ไม่ต้องรอให้เขาถามหรอกว่าฟองเบียร์เป็นใคร อย่างแรกที่เขาจะทำคงเป็นต่อยฟองเบียร์สักสี่ห้าหมัดก่อนที่จะสอบถามเรื่องราวต่างๆ
{Fongbia Part}
ทันทีที่ปล่อยให้ลามิอาอาบน้ำ ผมก็ทำหน้าที่เดินออกมานอนรอเธอที่โซฟาเหมือนเดิม ผมหลับตาลง แต่ก็ต้องลืมขึ้นอีกเมื่อถูกริคกี้หรือแมวเปอร์เซียร์ตัวสีขาวที่ผมเลี้ยงไว้เลียเข้าที่แขน ผมหยิบมันขึ้นมาแล้วลูบหัวมันเบาๆ
“แกรู้ไหมริคกี้ว่าพ่อไม่ได้อยากทำอย่างนี้?” ผมบ่นกับมัน
เรื่องบางเรื่องที่ผมกำลังทำอยู่.. แม้รู้ตัวว่าผิด แต่ผมไม่มีทางเลือก
“เมี้ยว~” ริคกี้มองตาผม มันเอียงคอเล็กน้อย
“แกมันจะไปรู้อะไร แกเป็นแมว..” ผมปรายตามองมันแล้วอุ้มมันขึ้นมาวางบนอกในขณะที่ร่างกายตัวเองเอนราบไปกับโซฟาเรียบร้อยแล้ว
“เมี้ยว~” มันร้องอีกที
ผมหลับตาลง พยายามไม่นึกถึงอะไรอีก
ติ๊งต่อง!
ร่างกายผมสะดุ้งพร้อมกับตาที่ลืมขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงกริ่งหน้าห้อง ผมยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเวลา นี่ก็ผ่านไปสามสิบนาทีแล้ว ผมเหลือบมองเข้าไปในห้องนอน ลามิอายังไม่ออกมา เจ้าริคกี้ที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนตัวผมลืมตาขึ้น มันมองผมอย่างสงสัย ผมลุกขึ้นและอุ้มมันวางลงบนโซฟาก่อนที่ตัวเองจะลุกออกไปเปิดประตู
ทันทีที่ประตูถูกเปิดออก ก็ปรากฏร่างของสาววัยกลางคนอ้วนเตี้ยคนหนึ่งที่หน้าประตู เธอยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร
“ป้าเอาเสื้อผ้ามาให้ค่ะ ซักเสร็จเรียบร้อย หอมสะอาดแน่นอน” ป้าแม่บ้านยิ้มให้ผมพร้อมกับยื่นถุงเสื้อผ้ามาให้
“ขอบคุณครับป้า” ผมรับถุงนั้นมาแล้วคลี่ออกดู เป็นอย่างที่ป้าว่า เสื้อผ้าสะอาดแถมหอมมาก
“คุณฟองคะ ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครหรอคะ? แฟนคุณฟองรึเปล่า?” เธอทำท่าจะมองเข้าไปสำรวจภายในห้อง แต่ผมเอาตัวเองบังไว้ซะก่อน “อะไรกันคะ? ทำไมไม่บอกกันบ้างเลย ป้าอยากรู้” น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยความตื่นเต้น
“ป้าอย่าบอกเรื่องนี้กับพ่อนะครับ”
ความจริง.. พ่อผมเป็นคนที่ซีเรียสมากกับเรื่องผู้หญิง ด้วยนิสัยของผมด้วยมั้ง ท่านเลยไม่ค่อยไว้วางใจผมเท่าไหร่ กลัวผมจะไปทำผู้หญิงท้อง แต่ท่านไม่ได้กลัวผมลำบากหรอก ท่านกลัวผู้หญิงที่เข้ามาพัวพันกับผมจะลำบากต่างหาก บางครั้งผมก็อยากรู้ ผมเป็นลูกท่าเปล่าวะ
“ป้าไม่บอกคุณท่านหรอกค่ะ แต่คุณฟองเล่นควงผู้หญิงมาคอนโดทุกเดือนแบบนี้ไม่ดีเลยนะคะ” ป้าแม่บ้านย่นจมูกใส่ผม เธอยกนิ้วชี้ขึ้นมาแล้วส่ายขวาส่ายซ้าย
“ป้าครับ..” ผมเรียกเธอ ป้าแม่บ้านช้อนตาขึ้นมองผมราวกับกำลังรอฟังประโยคถัดไปที่ผมจะพูด “ป้าว่า.. การที่เราทำร้ายคนที่เราไม่ได้รักนี่ผิดมากไหมครับ?”
เธอหรี่ตาลง ทำหน้าจับผิดผม แต่ต่อมาก็ถอนหายใจแล้วเอ่ยตอบ “คุณฟองคะ ป้าไม่รู้หรอกนะคะว่ามันผิดหรือไม่ผิด เพราะเราเองก็ตัดสินไม่ได้หรอกค่ะว่าการที่เราทำแบบนี้กับเขามันจะผิดไหม แต่ป้าว่า.. มันเป็นการทำร้ายความรู้สึกของคนคนนั้นมากเลยนะคะ เกิดคนนั้นเขาตกหลุมรักคุณฟองขึ้นมาจริงๆ คุณฟองจะจัดการยังไงกับเขาคะ?”
“…….” ผมเงียบ
“คุณฟองตอบไม่ได้ใช่ไหมคะ?” เธอส่ายหน้าเบาๆแล้วเอ่ยต่อ “ป้าอยากให้คุณฟองคิดทบทวนดีๆ คุณฟองรู้ตัวเองอยู่แล้วว่ากำลังทำอะไรอยู่ เรื่องนี้ป้ายุ่งไม่ได้หรอกค่ะ เพราะมันเป็นเรื่องของคุณฟอง แต่ป้าอยากให้คุณฟองคิดทบทวนดีๆก่อนจะทำอะไรนะคะ”
“ผมเข้าใจครับ ขอบคุณมากครับป้า” ผมยิ้มให้เธอ
เธอยกมือข้างหนึ่งขึ้นแตะแขนผมก่อนจะบอกว่า “ป้าไปก่อนนะคะ สู้ๆนะคะคุณฟอง” แถมก่อนเดินออกไปเธอยังทำท่าไฟต์ติ้งส่งให้ผมด้วย
ผมถอนหายใจยาวแล้วปิดประตูลงเหมือนเดิม ก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าห้อง แต่พอหันกลับมาก็ต้องพบกับสีหน้างุนงงสงสัยของลามิอาเข้าเต็มๆ
“คุยกับใครหรอ?” เธอถามผมในขณะที่ในมือยังถือผ้าขนหนูเช็ดผมที่เปียก
“นี่ชุดเธอ” ผมยกถุงชุดนักศึกษาโชว์ให้ลามิอาดู ก่อนจะเดินกลับมายังโซฟาแล้วโยนถุงไว้บนนั้น “อยู่นี่นะ”
เธอเดินเข้ามาหยิบชุดที่ผมโยนไว้ตรงนั้นก่อนจะเอื้อมมือไปลูบหัวเจ้าริคกี้เบาๆแล้วช้อนตาขึ้นมองผม “ขอบใจนะ” ผมขมวดคิ้วเมื่อได้ยินประโยคนั้นจากปากของเธอ
มันทำให้ผมค่อนข้าง.. แปลกใจนิดหน่อย
“เมื่อกี้เธอว่าไงนะ?” ผมเลิกคิ้วขึ้น
“ฉันบอกว่า.. ขอบ..ใจ..” เธอเน้นย้ำคำว่า ‘ขอบใจ’ อย่างชัดเจน
“ไม่นึกว่าจะได้ฟัง หึ!” ผมแค่นหัวเราะก่อนจะเดินมาทิ้งตัวลงนอนบนโซฟา ดันให้เจ้าริคกี้ไปนอนบนหน้าท้องตัวเอง
“ความจริงนายก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้น ยังไงก็ขอบใจ แต่อย่านึกว่าฉันจะยอมญาติดีกับนายนะ!” เธอยกนิ้วชี้ขึ้นมาชี้หน้าผมแล้วถลึงตาใส่ “วีรกรรมนายมันเยอะ!”
“เธอรู้จักฉันดีแค่ไหนล่ะลามิอา? ทำไมถึงได้คิดว่าฉันไม่ได้เลวร้าย” ผมแสร้งถามคำถามกลับไป
“…….” เธอเงียบ
ผมยกยิ้มที่มุมปากแล้วว่าต่อ “นี่เป็นแค่เศษเสี้ยวของนิสัยฉันเท่านั้น เพราะฉะนั้น..อย่าไว้ใจฉันเกินความจำเป็น”
และนี่คือคำเตือนของผม...
------------------------
หลายคนเริ่มเดาปมละ 5555 แต่ยังไม่มีใครถูกน้า 555 บอกแล้วว่าเรื่องนี้ปมมันซับซ้อนนนน งือออ
อัพแว้วววว พร้อมกับจะมาแจ้งข่าวด้วย
ฟองเบียร์เปิดพรีรอบสองวันที่1ธันวาเด้อ มาบอกเพียงเท่านิ 5555
อีกอย่างคือ บางครั้งไรท์อัพแล้วมันไม่แจ้งเตือน เลยอยากให้ทุกคนติดตามหน้าเพจไว้ เพราะไรท์อัพทุกวัน ยกเว้นบางวันถ้ามีธุระจริงๆถึงจะไม่ได้อัพ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

รีดเดาว่าน่าจะใช่ มันต้องใช่แน่ๆ!