ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อาณาจักรพฤกษามหาเวท (ออนไลน์)

    ลำดับตอนที่ #4 : เวทย์มนต์พฤกษา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.64K
      28
      18 ก.ย. 56

    เวทย์มนต์พฤกษา

     

     


     

              วันนี้เป็นวันที่สามนับจากเริ่มฝึก วันเวลาที่ผ่านมาเขาเพียรรับรู้สัมผัสที่ผิวอย่างไม่สนใจสิ่งใด ในวันนี้อยู่ดีๆ เขาก็รู้สึกเหมือนว่าเขาเห็นสภาพรอบกายทุกด้านพร้อมกันอย่างไม่มีจุดบอดใดๆ แต่เป็นการเห็นที่แสนจะเบลอจนไม่สามารถจะรู้ได้ว่ารอบกายของเขามีสิ่งใดบ้าง และอยู่ที่ไหนบ้าง


              ........
     

              วันนี้น่าจะเป็นวันที่สี่นับจากเริ่มฝึก การเห็นของเขาเริ่มดีขึ้นเขามองเห็นได้ทุกด้านพร้อมกันทั้งด้านหน้าและด้านหลัง บนและล่างจริงๆ ความเบลอนั้นน้อยลงพอที่จะแยกได้ว่านั่นคือท้องฟ้า ป่า และแผ่นดิน เขายังได้กลิ่นเหม็นไปพร้อมๆ กันด้วย ราวกับเอาจมูกไปแนบพื้นดิน รักแร้ และเส้นผมพร้อมๆ กัน กลิ่นต่างๆ ผสมปนเปจนแยกกันไม่ออก เขาต้องพยายามไม่ใส่ใจมัน



              ......

     

              วันนี้อาจจะเป็นวันที่ห้านับจากเริ่มฝึก เขาสามารถแยกแยะท้องฟ้าว่ามีเมฆหรือไม่ เริ่มแยกต้นไม้ต้นใหญ่ๆ ออกจากกันถึงแม้ว่าจะยังไม่ชัดเจน น่าแปลกที่เขาเริ่มแยกได้ว่าเขาได้กลิ่นบริเวณไหน เช่นได้กลิ่นดินจากบริเวณขาและก้นที่สัมผัสพื้น กลิ่นเหม็นจากข้อพับต่างๆ และกลิ่นเหงื่อบนเส้นผม วันนี้เขายังรับรสได้อีกด้วย รสที่รับได้สุดแสนจะแย่มันผสมผสานกันจนแทบจะทนทานไม่ได้ เช่นเดียวกันเขาต้องพยายามไม่ใส่ใจมัน


              .......
     

              หลายวันที่ผ่านมา การรับรู้ทั้งสามส่วนเริ่มดีขึ้นสามารถจำแนกสิ่งต่างๆ ได้ละเอียดขึ้น เขาสามารถรับรู้เห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวราวกับการมองเห็นปกติ เริ่มชินกับกลิ่นต่างๆ ในตัวเอง และแยกแยะได้ว่าต้นกำเนิดกลิ่นอยู่ที่ใด เขาเริ่มรับรู้กลิ่นที่อยู่ห่างตัวออกไปเล็กน้อยได้ว่า กลิ่นนั้นเป็นกลิ่นของพืชใกล้ๆ ต้นไหน และเริ่มชินกับรสต่างๆ น่าแปลกเหมือนกับว่าเขาเอาลิ้นไปเลียพื้น เลียตัวเอง เลียน้ำค้างจากต้นพืชที่อยู่ข้างๆ

              เขาแยกแยะได้ว่าสิ่งใดบริเวณไหนมีรสเช่นใด นอกจากนี้สัมผัสของเขาและการได้ยินก็ตื่นขึ้นพร้อมๆ กัน เขารู้สัมผัสสิ่งรอบๆ กายใกล้ๆ ได้ว่านุ่ม สากแข็ง ได้โดยไม่ต้องสัมผัส สามารถได้ยินเสียงจากต้นกำเนิดเสียงต่างๆ ใกล้ๆ พร้อมกับรู้ตำแหน่งของเสียงชัดเจนราวกับตัวเองเป็นผู้ส่งเสียงเองอย่างนั้น


     

              วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการฝึก อนันต์มองสิ่งรอบกายได้ชัดเจนเป็นปกติ ได้ยินเสียงปกติ ที่ผิดปกติก็คือ ในขอบเขตพื้นที่พิเศษ 3 เมตร รอบกายเขาเหมือนมองได้อย่างไม่มีจุดอับสายตา เขาได้ยินเสียง กลิ่น รส และสัมผัสของสิ่งต่างๆ ในพื้นที่นั้นอย่างชัดเจน และเขาสามารถรับรู้ถึงขอบเขตกระแสวิญญาณพิภพไกลถึง 10 เมตร


     

                ...เอาละ..เจ้าฝึกได้สำเร็จระดับหนึ่งแล้ว..คิดว่าคงพร้อมที่จะฝึกเวทย์แล้วสิ..เอาละเรามาฝึกเวทย์กันต่อดีกว่า... มหาพฤกษาส่งกระแสความคิดมาให้เขาหลังจากที่ไม่ได้ติดต่อกันนานหลายวัน


     

               ...ผมใช้เวลาฝึกนานเท่าไรหรือครับ... ชายหนุ่มส่งกระแสจิตถาม


     

               ...สองสัปดาห์พอดี...หึหึ...เอาใหม่ลองกำหนดกลุ่มหมอกเบื้องหน้าของเจ้า..แล้วเปลี่ยนมันกลายเป็นกลุ่มไฟเมื่อเจ้าคิดว่าทำได้ดีแล้ว... ชายหนุ่มรีบทำตามคำกล่าวของมหาพฤกษาทันที น่าแปลกที่ครั้งนี้เขาสามารถรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของกระแสพลังได้อย่างชัดเจนทุกซอกทุกมุม การเปลี่ยนจากกลุ่มหมอกเป็นกลุ่มไฟทำได้อย่างง่ายดาย

               เขาใช้เจตนาเคลื่อนกลุ่มไฟวนไปรอบตัวได้อย่างคล่องแคล่วไม่มีติดขัด เปลี่ยนจากกลุ่มไฟเป็นวงแหวนครอบร่างของเขาไว้ แล้วเปลี่ยนวงแหวนไฟกลายเป็นวงแหวนน้ำ จากน้ำกลายเป็นหิน เมื่อฉุกใจคิดขึ้นมา เขาเปลี่ยนหินเวทย์กลายเป็นหมอก แต่คราวนี้เป็นหมอกยาสลบ สัมผัสของเขาชี้ให้เห็นได้ชัดเจนว่า หมอกนั้นเป็นหมอกยาสลบจริงๆ ทำเอาเขาดีใจจนแทบหลุดออกจากสติ


     

                 ...หึหึ..พร้อมแล้วละสิ..ต่อจากนี้ไป..เวทย์ของเจ้าขึ้นกับจินตนาการของเจ้าแล้ว....อืม..อาจจะต้องมีฝึกอะไรอีกสักหน่อย..แต่..ทีหลังก็ได้..ตอนนี้ลองไปสู้กับสัตว์อสูรนอกป่านี้ดูสิ..เพื่อดูว่าเจ้าพร้อมจริงหรือยัง... มหาพฤกษาแนะนำ


     

              ...ขอบคุณครับ..งั้นผมถือโอกาสลาเลยละกันนะครับ... อนันต์กล่าวอย่างนอบน้อมต่อมหาพฤกษา


     

              ...โชคดีนะหนุ่มน้อย...อนันต์... มหาพฤกษาส่งกระแสจิตร่ำลา ชายหนุ่มยกมือไหว้มหาพฤกษาก่อนที่จะก้าวเท้าออกไปจากป่าตามกระแสวิญญาณแห่งพิภพที่บอกว่าเป็นทางเข้าสู่มหานครมนตรา


     

              เมื่อเขาก้าวเท้าเข้าสู่ป่าอสูรเวทย์ เขาก็แยกตัวออกจากกระแสวิญญาณแห่งพิภพของป่าเพื่อฝึกการใช้เวทย์ตามคำแนะนำ ทันทีที่เขาแยกตัวออกมาจากกระแสวิญญาณ สิงโตขนเพลิงที่เดินอยู่ด้านข้างก็หันขวับมาหาเขาทันที


     

               ...เริ่มเลยรึ... ชายหนุ่มรับรู้ถึงสิงโตขนเพลิงได้ สูดลมหายใจใช้เจตนาสร้างหมอกขาวขึ้นมาคลุมรอบตัว จนสิงโตมองไม่เห็น แล้วเปลี่ยนหมอกก้อนเล็กๆ เป็นดวงไฟพุ่งเข้าหาสิงโตขนเพลิงที่อยู่ห่างไปในระยะ 12 เมตร


     

                 “ฟุ่บ” ดวงไฟดับไปที่ระยะ 10 เมตร ซึ่งเป็นระยะกระแสวิญญาณแห่งพิภพของตัวเขา ทั้งตัวเขาและสิงโตต่างก็ตกตะลึง สิงโตขนเพลิงตกตะลึงที่ถูกโจมตีจากผู้ที่ไม่เห็นตัว ส่วนเขาตกตะลึงที่ดวงไฟดับไป


     

                “โฮกกก” สิงโตจับทิศทางดวงไฟได้ วิ่งเข้ามากระโดดตะปบอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มก้าวออกไปด้านข้างได้อย่างฉิวเฉียด หมอกหนาช่วยทำให้สิงโตต้องโจมตีแบบเดาสุ่ม ขณะที่ชายหนุ่มสามารถรับรู้ถึงสิงโตได้อย่างง่ายดายในระยะ 3 เมตร เขาสร้างหินแหลมงอกออกมาจากพื้นหลายแท่ง แล้วสร้างฝนกรดยิงใส่สิงโตโดยไม่ปราณี


     

               “ง้าวววว ฮู่มมม” สิงโตส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด หันตัวกลับมากระโจนเข้ามากลางหมอกหนา แหล่งที่มาของฝนกรดทันที


     

               “ฉึกๆๆ” สิงโตขนเพลิงเคราะห์ร้าย พุ่งเอาตัวเข้าไปเสียบกับหินแหลมอย่างจัง โดยมีชายหนุ่มยืนดูอยู่ข้างๆ สิงโตพยายามหันหน้ามามองชายหนุ่มอย่างไม่เข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนที่จะขาดใจตายอยู่ตรงนั้น


     

                 ...ดูเจ้าจะยังติดกับการใช้เวทย์แบบเดิมๆ.นะ..ลองใช้เวทย์แบบใหม่ๆ..บ้างสิ... ไม้เท้าพฤกษาเอ่ยขึ้น


     

                 ...ยังไงละ... ชายหนุ่มส่งกระแสความคิดถาม


     

                 ...ลองสร้างเวทย์ที่มีเจตนาของตนเองดูสิ..เรียกได้อีกอย่างว่าเวทย์มีชีวิตก็คงพอไหว..เช่นสร้างฝูงต่อเสือ.ให้บินอยู่ในขอบเขตเวทย์ของเจ้า..แล้วกำหนดเจตนาไว้ให้โจมตีสิ่งที่เข้ามาใกล้เจ้าเป็นไง... ลองฝึกดูสิ... ไม้เท้าพฤกษาแนะนำ ชายหนุ่มลองทำตามทันที

               เขาสร้างฝูงต่อเสือบินอยู่ในขอบเขตเวทย์ของตนเอง แต่การสร้างฝูงต่อเป็นสิ่งที่ยุ่งยากต่อเขาพอสมควร เพราะต่อแต่ละตัวอย่างน้อยต้องประกอบไปด้วยปีก เพื่อพยุงตัวอยู่ในอากาศ ลำตัวเพื่อยึดทุกสิ่งเข้าด้วยกันและบรรจุภายในด้วยพิษ เหล็กไนสำหรับทิ่มแทง และพิษ เขาสร้างต่อได้เพียง
    1 ตัว พร้อมกับใช้เจตนาควบคุมไว้ตลอดเวลาจนไม่สามารถสร้างตัวถัดไปได้


     

               ...ผิดแล้ว...เจ้าสร้างขึ้นมาแล้วใส่เจตนาเข้าไปหลักๆ..ให้มันก็พอ..ไม่ต้องควบคุมมันตลอดเช่นนี้..อีกอย่างเจ้าสร้างมันอยู่ในกระแสวิญญาณแห่งพิภพอยู่แล้ว..ไม่จำเป็นต้องมีปีกก็ได้..เพียงแต่ใส่เจตนาให้มันบิน..มันก็จะบินได้เอง..แต่ฝึกใส่ปีกเอาไว้ก็ดี..เวลาที่ต้องการให้บินออกไปนอกกระแสวิญญาณแห่งพิภพ..จะได้บินได้.. ไม้เท้าพฤกษาทักท้วง

              ชายหนุ่มหูผึ่งเมื่อได้ยินว่าสามารถส่งสัตว์เวทย์ออกไปนอกขอบเขตของกระแสวิญญาณแห่งพิภพได้ เขาส่งตัวต่อของเขาบินออกไปนอกเขตอย่างรวดเร็ว


     

              “ฟุ่บ” ตัวต่อหายวับไปกับตาทันทีที่กระทบกับเขต ชายหนุ่มจึงต้องสร้างต่อขึ้นมาอีกตัว พยายามใส่เจตนาให้มันว่าให้บินวนเวียนอยู่ภายในกระแสวิญญาณ และโจมตีสิ่งมีชีวิตที่เข้ามาในเขตตามคำแนะนำของไม้เท้าพฤกษา ต่อตัวน้อยลอยออกไปจากเบื้องหน้าเขาโดยไม่ต้องควบคุม ล่องลอยไปในกระแสวิญญาณแห่งพิภพ

              อนันต์มองตามไปด้วยความทึ่ง ก่อนที่จะสร้างต่อตัวถัดไป และถัดไป เพียงพักเดียวรอบตัวของเขาก็ห้อมล้อมไปด้วยฝูงต่อ ต่อแต่ละตัวล้วนมีพิษที่แตกต่างกัน บางตัวมีพิษของงูเห่า บางตัวมีพิษของปลาปักเป้า บ้างก็มีพิษของหอยเต้าปูน พิษจากยางไม้ พิษจากมดพิษ ยาสลบ และอีกมากมายตามที่เขารู้จักสูตรของพิษชนิดนั้น


     

              เขาเดินมาเจอฝูงหมาป่าเลือดอีกครั้ง การต่อสู้ระหว่างฝูงหมาป่าและฝูงต่อเป็นไปอย่างดุเดือด ซึ่งแน่นอนว่าผู้ชนะย่อมเป็นอนันต์ หมาป่าเกือบยี่สิบตัวที่พยายามไล่กัดเขา เมื่อถูกหมอกพรางตาจึงโจมตีได้สะเปะสะปะ ถึงแม้ว่าจะอาศัยกลิ่นในการค้นหาทิศทางได้ แต่ก็ต้องอาศัยสายตาในการกะระยะ จึงต้องงมหาชายหนุ่มได้อย่างเชื่องช้า

              อีกทั้งอนันต์ยังสร้างหนามแหลมคอยดักหมาป่าที่พุ่งตัวเข้ามาอย่างไม่ระมัดระวัง ผิดกับฝูงต่อที่อาศัยกระแสวิญญาณแห่งพิภพแทนตา จึงไม่สนใจกระแสหมอกที่พรางตาจึงโจมตีได้ตั้งแต่หมาป่าตัวแรกเข้ามาในระยะ ไม่นานเกินไปต่อพิษทั้งหลายก็ล้มหมาป่าลงบนพื้น ขณะที่ชายหนุ่มกำลังหลอกหมาป่าให้หลงทางไปในกระแสหมอก


     

              ...ลองแบบฝึกหัดต่อไปดีกว่า..เจ้าต้องสลายฝูงต่อไปก่อน.. ไม้เท้าพฤกษาเสนอ ชายหนุ่มสลายฝูงต่อทั้งหมดไปแล้วนิ่งรอฟังคำอธิบาย


     

              ...เอาเมล็ดพืชหรือหัวพืชในกระเป๋าเจ้าออกมา..ถ่ายเทกระแสวิญญาณแห่งพิภพลงไปใน..พยายามสัมผัสพลังพิเศษของเมล็ดพืชแต่ละพันธุ์ว่าทำอะไรได้บ้าง..จะมีเพียงบางส่วนของบางพันธุ์เท่านั้นที่จะมีคุณสมบัติพิเศษ..เมื่อเลือกได้แล้วเจ้าต้องถ่ายเทกระแสวิญญาณแห่งพิภพเข้าไปเรื่อยๆ.จนกว่าพวกมันจะอิ่มตัว..ซึ่งจะใช้เวลานานไม่เท่ากัน..เร็วที่สุดหนึ่งนาที..ช้าที่สุดไม่ทราบ..ขึ้นกับว่ามันจะตื่นหรือไม่ ..และมีความฉลาดเฉลียวหรือมีคุณสมบัติพิเศษมากน้อยเพียงใด... ไม้เท้าพฤกษาแนะนำ

              ชายหนุ่มกางเต็นท์ หยิบเมล็ดพืชและหัวพันธุ์ที่มีอยู่ในตัวทั้งหมดออกมากองเป็นกลุ่มๆ ภายในเต็นท์ ถ่ายเทกระแสวิญญาณแห่งพิภพออกไปยังกองพันธุ์พืชทั้งหมด ไม่นานนักเขาก็สัมผัสถึงพลังจากเมล็ด พืชหัวและว่านบางกอง

              ชายหนุ่มเดินตรงไปคัดเอาส่วนที่มีพลังไว้ ได้เมล็ดถั่ว
    22 เมล็ดมีพลังฟื้นฟูพลังชีวิต ฝ้าย 27 เมล็ดมีพลังเวทย์สายลม สน 2 เมล็ดมีพลังเวทย์ไฟ กิ่งแก้วกลืนหมอก 5 กิ่งมีพลังตาทิพย์ กระชายเพลิง 8 หัวมีพลังปราณไฟ ว่านสลายพิษ 3 หัวมีพลังสลายพิษ ผลเถาวัลย์หนาม 8 ผลมีพลังดูดกลืนและย่อยสลาย ส่วนที่เหลือชายหนุ่มเก็บเข้ากระเป๋ามิติไป


     

              ...ลองใช้เมล็ดถั่วที่มีพลังน้อยที่สุดนั่นดูสิ..ส่งพลังกระแสวิญญาณเข้าไป..สัมผัสถึงร่างของมันแล้วส่งพลังเข้าไปช่วยสร้างร่าง..น่าจะใช้เวลาเพียงหนึ่งนาที... ชายหนุ่มหยิบเมล็ดถั่วขึ้นมา ค่อยถ่ายทอดกระแสวิญญาณพิภพเข้าไปอย่างช้าๆ ตามคำแนะนำ เพียงหนึ่งนาทีเมล็ดถั่วก็หยุดรับพลังแล้วงอกลำต้นออกมายาวหนึ่งนิ้ว


     

              ...ทำกับเมล็ดถั่วเมล็ดอื่น..ให้ครบตามที่สัมผัสได้... เขาทำซ้ำๆ กับเมล็ดถั่วเมล็ดอื่นแล้วนำมากองรวมกัน เมล็ดถั่วเมื่อกองรวมกันลำต้นที่งอกออกมาก็กระหวัดพันเข้าด้วยกันเป็นสายยาวโดยมีเมล็ดของมันห้อยอยู่เป็นระยะเหมือนสร้อยมรกตที่มีอัญมณีหลากสีประดับอยู่บนตัวสร้อย


     

               ...เจ้าสามารถเพิ่มจำนวนเมล็ดถั่วมากขึ้นไปได้เรื่อยๆ..เจ้าคงรู้ชื่อของสร้อยเส้นนี้แล้วใช่ไหม... ไม้เท้าพฤกษาสอบถามถึงความเข้าใจ ชายหนุ่มพยักหน้ารับ


     

              “หยดน้ำแห่งชีวิต(22) ฟื้นฟูพลังชีวิตผู้สวมใส่วินาทีละ 2,200 หน่วยด้วยพลังชีวิตสะสม พลังชีวิตสะสม 18,435/110,000 หน่วย ถ้าพลังชีวิตสะสมต่ำกว่า 22 หน่วยจะเริ่มแตกสลาย สามารถเพิ่มพลังชีวิตสะสมด้วยการแช่น้ำกลางแสงแดด” ชายหนุ่มพึมพัมอย่างใจลอย เหม่อมองดูไอเทมที่เกิดจากสร้างสรรค์ของเมล็ดถั่ว


     

              ...ลองทำกับเมล็ดฝ้ายดูบ้างสิ... ไม้เท้าพฤกษาแนะนำ เขาทำตามอย่างรวดเร็วด้วยความอยากรู้ เมื่อเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง แมลงภู่ขนาดเท่าหัวแม่มือจำนวนเท่ากับเมล็ดฝ้ายก็โบยบินไปทั่วจนเขามองไม่เห็นตัวมัน แต่เขาก็รู้วิธีใช้งานมัน ไม่รอช้าเขาเริ่มทดลองกับเมล็ดต่างๆ ยกเว้นสนเมล็ดหนึ่งซึ่งเขาสัมผัสได้ว่ามันต้องใช้เวลายี่สิบปี และผลเถาวัลย์หนามอีกผลหนึ่งซึ่งพบว่าต้องใช้เวลานานถึงหนึ่งเดือน

              เมล็ดสนที่เหลือหนึ่งเมล็ดใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงไม่เปลี่ยนสภาพแต่มีแสงสว่างในตัว กิ่งแก้วกลืนหมอกใช้เวลาสองชั่วโมงรวมตัวกันกลายเป็นลูกแก้วทำนายดวงเล็กขนาดกำปั้น กระชายเพลิงใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงกลายเป็นชุดจอมยุทธสีแดงเสริมพลังปราณไฟให้ผู้สวม ว่านสลายพิษใช้เวลายี่สิบนาทีได้แหวนที่ช่วยป้องกันผู้สวมติดพิษสามวง

              ผลเถาวัลย์หนามที่เหลือเจ็ดผลใช้เวลาชั่วโมงกว่ากลายเป็นทากตัวสีขาวเจ็ดตัว เขาเก็บทั้งหมดไว้ในกระเป๋ามิติ มองดูเมล็ดสนกับผลเถาวัลย์หนามที่เหลือในมืออย่างข้องใจ


     

              ...เมล็ดสนที่มันใช้เวลายี่สิบปีก็เพราะมันจะกลายเป็นมหาพฤกษาเมื่อให้กระแสวิญญาณพิภพต่อเนื่องไปยี่สิบปี..แต่ถ้าไม่ได้รับกระแสวิญญาณพิภพแล้วมันจะใช้เวลานานหลายร้อยปี..หรืออาจจะไม่กลายเป็นมหาพฤกษาก็ได้...แต่ถ้าเจ้าถ่ายทอดปราณธรรมชาติให้จะทำให้มันตื่นไวขึ้น..ซึ่งก็คงใช้เวลาประมาณหกสิบวัน..มันจะกลายเป็นอสูรพฤกษา..คล้ายข้า..เก็บสะสมประสบการณ์รอเวลาเป็นมหาพฤกษา..เป็นผู้ช่วยเจ้าได้...

              ....ส่วนผลเถาวัลย์หนามไม่สามารถกลายเป็นมหาพฤกษาได้คงเป็นได้เพียงระดับพฤกษาเพราะอายุมันสั้น..แค่พันปี..เมื่อปลุกขึ้นมาไม่เกินครึ่งวัน..ก็น่าจะเป็นอสูรพฤกษาผู้ติดตามเจ้าได้นะ... ไม้เท้าพฤกษาอธิบาย เขาใช้เวลาปลุกผลเถาวัลย์หนามขึ้นมาทันที เมื่อผ่านไปประมาณครึ่งวันมันก็ตื่น งอกหนวดเล็กๆ สีแดงขนาดเส้นผมยาวกว่าศอกสามเส้น ตรงปลายสุดมีใบสีเขียวเล็กๆ เส้นละใบ ออกมาจากผลขนาดเท่านิ้วโป้ง


     

              ...ป้อ..ป๋มหิวฮับ... เสียงทักทายดังมาจากผลเถาวัลย์หนาม อนันต์อึ้งไปชั่วขณะ


     

              ...เอ้อ..แล้วเธออยากกินอะไรละ... ชายหนุ่มยังรับไม่ได้กับลูกที่เป็นต้นไม้จึงกล่าวเรียกแทนตัวเถาวัลย์หนามข้างหน้าว่าเธอ


     

              ...ป๋มหิวเลือดฮับ... เถาวัลย์หนามตัวจ้อยส่งกระแสความคิดด้วยเสียงเล็กๆ ไร้เดียงสา


     

               ...ดูท่าเถาวัลย์หนามที่เจ้าเพาะพันธุ์มาจะไม่ใช่ต้นไม้ธรรมดานะ..ปล่อยให้มันไปหาอาหารกินเองดูสิ... เสียงไม้เท้าพฤกษาแนะนำ


     

              ...เธอไปหากินเองได้ไหม...


     

              ...ได้ฮับป้อ..ป๋มก๋อต้ากเงินมาเป็นฉมุนได้ไหมฮับ... ลูกเถาวัลย์หนามเอ่ย ชายหนุ่มหยิบทากเงินออกมาจากกระเป๋ามิติยื่นส่งให้ สิ่งที่เห็นเป็นใบของเถาวัลย์หนามพลันเปิดออกมาเป็นดวงตาสีแดง มันใช้ส่วนปลายของดวงตาแตะไปบนหลังทากเงินตัวเท่านิ้วก้อยทั้งเจ็ดอย่างรวดเร็ว ทากเงินทั้งเจ็ดพลันมีดวงตาสีแดงเปิดออกมาจากตัวมันนับสิบดวง


     

             “กี้ๆๆๆๆ” ทากเงินทั้งเจ็ดพลันยกส่วนหัวขึ้นชูร่อนไปในอากาศ ราวกับจะสูดดมหากลิ่นเลือด พลางส่งเสียงร้องแหลมเล็ก ลูกเถาวัลย์หนามพลันพองตัวขึ้นเล็กน้อย แล้วลอยขึ้นไปบนอากาศ ออกไปจากเต็นท์ โดยมีทากเงินทั้งเจ็ดกระโดดตามไปบนพื้นดิน ชายหนุ่มมองตามไปด้วยความรู้สึกสยองขน


     

               ...เจ้าคงสงสัยว่าถ้าเราปลุกพวกพิเศษนี้ได้..แล้วจะปลุกพวกก่อนนี้ได้ใช่หรือไม่..ข้าตอบได้เลยว่าไม่ได้..พวกนั้นจะอยู่ในภวังค์ฝันตลอดไปไม่มีวันตื่น... ไม้เท้าพฤกษาพูดขึ้นลอยๆ


     

              ...เก็บเต็นท์เถอะ..พรุ่งนี้ไม่ใช่รึที่เจ้าจะต้องไปร่วมแข่งขันเวทย์..เจ้ารู้ไหมว่าอยู่ในเต็นท์นานเท่าไรแล้ว... ไม้เท้าพฤกษากล่าวเตือน ชายหนุ่มรีบเก็บของทั้งหมดเข้ากระเป๋ามิติอย่างรวดเร็ว


     

               ...ไม่ต้องรอ..เจ้าเถาหนามนั่นรู้อยู่แล้วว่าจะหาเจ้าได้อย่างไร..เดี๋ยวมันก็ตามมาเอง..เดินทางเถอะ... ไม้เท้าเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นชายหนุ่มรีรอถึงลูกเถาวัลย์หนาม เขาจึงสงบสติสัมผัสกระแสวิญญาณพิภพที่เชื่อมโยงกับมหานครมนตรา แล้วค่อยก้าวเดินไปตามกระแสอย่างสบาย


     

               เขาสัมผัสถึงสัตว์ใหญ่ที่วิ่งตามมาจากเบื้องหลัง หมาป่าเลือดแปดตัว แต่เขาไม่ตื่นตกใจเพราะสัมผัสของเขาพบลูกเถาวัลย์หนาม และทากทั้งเจ็ดเกาะซ่อนอยู่ในขนบริเวณคอของหมาป่าทั้งแปด เขารับรู้จากลูกเถาวัลย์หนามว่า พวกมันไปเกาะกินและควบคุมพวกนี้มา


     

              มีเสียงกลุ่มคนวิ่งมาจากอีกฟากหนึ่งของป่า เมื่อคนกลุ่มนั้นวิ่งพ้นแนวป่าออกมาก็เห็นเป็น นักรบเกราะเหล็กบนหลังเสือดาวเกราะเหล็ก 2 คน นักเวทย์บนบ่าโกเล็ม และนักรบที่วิ่งตามมาบนพื้นอีกหลายสิบคน


     

              “นี่นาย หมาป่าแปดตัวนั่นเป็นสัตว์เลี้ยงนายเหรอ” นักรบบนหลังเสือดาวคนหนึ่งถามเขาด้วยท่าทางคาดคั้น เขารู้จักเครื่องหมายของคนกลุ่มนี้ กิลด์นักรบเวทย์มนต์ มักจะค้นหาสัตว์อสูรพิเศษ และอาวุธเวทย์มนต์ต่างๆ มาใช้ในกิลด์เสมอ ทำให้กิลด์นี้เป็นกิลด์หนึ่งที่น่ากลัวในเกมนี้ ซี่งผู้นำของกิลด์นี้ชื่อว่า จินด์ ฉายาอัศวินมังกรเวทย์ เป็นลูกค้าคนหนึ่งของเขา


     

             “หยุดก่อน เฟม นั่นท่านปราชญ์ยาอนันต์นี่ ต้องขอโทษด้วยนะครับที่พวกเราเสียมารยาท” นักเวทย์ที่อยู่บนโกเลมลดตัวลงมาบนพื้น เขาจำได้ว่าเป็นที่ปรึกษาของจินด์ ชื่อ พายุ ฉายาโกเลมโลหะ


     

               “ไม่เป็นไรครับ พวกนี้เป็นสัตว์ทดลองของผมเอง” ชายหนุ่มตอบเลี่ยง


     

               “งั้นพวกเราขอตัวไปละครับ” พายุกล่าวก่อนที่จะโบกมือให้ทุกคนวิ่งจากไป


     

              ...ให้เรียกเธอว่าอะไรดี... อนันต์ส่งคลื่นความคิดไปให้ลูกเถาวัลย์


     

              ...ป้อตั้งจื้อให้ป๋มสิฮับ... ลูกเถาวัลย์อันตรายตอบ


     

              ...อืม งั้นพ่อให้ชื่อเธอว่า “หนาม” นะ... อนันต์ตั้งชื่อแบบง่ายๆ


     

              ...ฮับป้อ..ป๋มมีจื้อแย้ว..ดีใจจังเยย... ลูกเถาวัลย์โยกลำต้นและใบสีเขียวไปมา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×