คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Step 0:: กาลครั้งนึงนานมาแล้ว
ปราสาทหลังงามบนยอดเขา ถูกประดับประดาด้วยโคมไฟระย้า และ เครื่องเรือนของตกแต่งสีทอง ที่ส่องประกายระยับยามต้องกับแสงไฟ
ชายหนุ่มหยุดยืน พลางเพ่งพินิจภาพเขียนสีน้ำมันขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่เหนือเตาผิง ไม่ทราบว่าเป็นเพราะลายเส้นการลงสี หรือ อำนาจมนต์ใดๆ ที่ทำให้เขาไม่อาจละสายตาจากภาพเขียนผืนนี้ไปได้ ด้วยสีสันสดใสมีชีวิตชีวาที่ศิลปินเลือกมาแต่งแต้ม ทำให้เงือกสาวในภาพดูราวกับมีชีวิตจริงๆ รอยยิ้มของเธอดูอ่อนหวาน เสียจนเขาเผลอยิ้มตอบกลับไปเมื่อครั้งแรกที่พบเห็น เรือนผมสีเงินยวงของเธอ ดูงดงามเหมือนกับแสงจันทร์ที่ส่องประกายเสริมให้ดวงหน้านั้นดูงามยิ่งขึ้น
“ภาพนี้คงจะราคาแพงน่าดูเชียวนะครับ พรีโม่” แรมโพกล่าวขึ้นทันทีที่ก้าวมาถึงข้างตัวของผู้เป็นหัวหน้า ด้ยน้ำเสียงเหมือนไม่ใส่ใจ พลางอ้าปากหาวหวอดๆ อย่างเคยตัว
“เป็นภาพเขียนที่สวยมากนะ” จีอ๊อตโต้กล่าวกับแรมโพ ทั้งๆที่ยังไม่ละสายตาไปจากภาพ
แรมโพอ้าปากหาวอีกหวอด พลางพึมพำกับตัวเองอย่างเบื่อหน่าย ด้วยยังพอจะมีความเกรงใจในตัวชายหนุ่มผมทองอยู่บ้าง จึงเลือกที่จะออกเสียงเพียงเบาๆต่างจากปกติ “ก็แค่ภาพเขียนธรรมดา”
“จริงๆแล้ว ภาพนี้ก็เป็นเพียงภาพเขียนผืนนึงจริงๆอย่างที่นายว่านั่นแหละ แรมโพ”คนหูดีก็ยังเป็นคนหุดีอยู่วันยังค่ำ จีอ๊อตโตพูด พลางกระตุกรอยยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหันมากล่าวกับผู้พิทักษ์แห่งอัสนีด้วยน้ำเสียงทอดกระแสเอ็นดู “แต่ถ้านายลองใช้ใจของนายมองดู นายอาจจะพบโลกอีกใบบนภาพเขียนผืนเดียวก็เป็นได้นะ”
สิ้นคำกล่าว ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีเขียวก็หาวออกมาหวอดใหญ่ พร้อมกับตีสีหน้าเหม็นเบื่อ พรีโม่ชอบทำเหมือนกับเขาเป็นเด็กไม่รู้จักโตอยู่เรื่อย เขามักจะไม่ชอบใจเอามากๆ เมื่อพรีโม่พูดอะไรที่ดูเป็นหลักการ ที่ต่อให้เขาฟังให้ตาย เขาก็ไม่เคยที่จะเข้าใจ แม้ซักประโยคเดียว
“แล้วเราต้องรออีกนานเท่าไหร่ครับ พรีโม่” แรมโพพูดขึ้น ด้วยเจตนาที่ต้องการเปลี่ยนหัวข้อสนทนาในขณะนี้
“นั่นสินะ”จีอ๊อตโต้รับคำ พลางเบนสายตากลับไปยังภาพเขียนผืนเดิม ราวกับต้องมนต์ “ต้องรออีกนานเท่าไหร่กัน” เขาพึมพำกับตัวเองอย่างเลื่อนลอย
ก่อนที่จะถูกปลุกจากห้วงภวังค์ด้วยเสียงบิดลูกบิดประตูดัง คลิก!!!
สาวใช้ในชุดคลุมยาวรุ่มร่ามถึงข้อเท้า เปิดประตูออกด้วยท่าทีสำรวม ก่อนหันมาพูดกับบุรุษทั้งสองอย่างนอบน้อม “เชิญท่านทั้งสองตามดิฉันมาทางนี้ค่ะ สมาชิกวองโกเล่ท่านอื่นได้ล่วงหน้ามารอภายในงานอยู่ก่อนแล้ว”
แรมโพหันไปทางผู้เป็นหัวหน้า ด้วยแววตาราวกับว่าต้องการถามหาคำตอบ
ชายหนุ่มผมสีทองหันไปสบตาลูกน้อง พลางแย้มรอยยิ้มบางๆอย่างเอ็นดู “ไปกันเถอะ แรมโพ”
โถงทางเดินที่เชื่อไปสู่ห้องโถงใหญ่ถูกตกแต่งอย่างเรียบๆ ผนังสองฟากฝั่งเป็นสีขาวสะอาดตา ตกแต่งด้วยลายปูนปั้นอย่างวิจิตรบรรจง บนพื้นปูพรมทอดยาวเป็นแนวตลอดทางเดินสีแดงสด ตัดกับสีขาวของผนัง บ่งบอกถึงรสนิยมของผู้เป็นเจ้าของได้เป็นอย่างดี
จีอ๊อตโต้เหม่อมองทัศนียภาพรอบข้างย่างชื่นชม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเคยมาที่ปราสาทแห่งนี้ แต่ไม่ว่าเขาจะมาเยี่ยมเยียนที่นี่บ่อยสักแค่ไหน เขาก็ไม่เคยเบื่อเลย กับบรรยากาศที่ราวกับหลงเข้าไปอยู่ในโลกแห่งเทพนิยาย
ตุบ!!
แรงกระแทกเบาๆที่ไหล่ข้างขวา เรียกให้ชายหนุ่มกลับมาจากห้วงแห่งความนึกคิด ก่อนจะรีบหันขวับไปมอง
ผู้ชนเขา เป็นหญิงสาวร่างบอบบางในชุดผ้าคลุมผ้าแพรยาว เส้นผมของนางเป็นสีเงินยวงยาวสยาย ชวนให้เขานึกถึงนางเงือกในภาพเขียนสีน้ำมัน นางสาวเท้าผ่าเขาไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เขาไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของนางได้อย่างชัดเจนซักเท่าไหร่นัก
เขามองตามเงาหลังของร่างบาง ด้วยความรู้สึกที่คุ้นเคยอย่างน่าประหลาด อย่างกับว่า เขาเคยพบเห็นสตรีนางนี้มาก่อน
“ท่านนั้นคือ ท่านเซริน่า มิวสิคา ผู้รับสืบทอดนาม เจ้าหญิงเงือก คนใหม่ค่ะ”สาวใช้พูดขึ้นอย่างนอบน้อม เรียกความสนใจจากชายหนุ่มทั้งสอง
“หืม หล่อนเดินชนพรีโม่ แล้วไม่ได้ขอโทษนี่ครับ”แรมโพกล่าวอย่างไม่พอใจลึกๆ “ไม่สิ เหมือนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำนะครับ ว่าเดินชนคนอื่น”
“ไม่เป็นไรหรอกแรมโพ” จีอ๊อตโตกล่าวปรามเบาๆ ในขณะที่สายตาก็ยังคงจับจ้องอยู่ที่สตรีผมสีเงินคนนั้น
“ห้องจัดเลี้ยงอยู่อีกไม่ไกลแล้ว งานพิธีก็ใกล้ที่จะเริ่มแล้วเช่นกันค่ะ” สาวใช้โพล่งขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่แอบแฝงความไม่พอใจ
“แต่ยัยผู้สืบทอดคนนั้น...” แรมโพกล่าวแย้งขึ้นมาตามนิสัย
“ข้าว่า เราควรจะรีบเร่งฝีเท้าสักนิดนะคะ”หล่อนกล่าวขึ้น พลางชักตามองบุรุษผมสีเขียวด้วยแววตาไม่พอใจ ก่อนจะกระแทกเท้าเดินตรงต่อไปอย่างเร่งรีบ
“เอ๋ ผมพูดอะไรผิดเหรอครับพรีโม่”
จีอ๊อตโต้มองตามสาวใช้ที่เร่งฝีเท้าจากไป “นายไม่ได้พูดอะไรผิดหรอกแรมโพ” เขาพูดพลางส่ายหน้าเบาๆ “แต่ถ้าลองมีใครมากล่าวว่าร้ายฉันให้นายฟัง นายเองก็คงจะมีท่าทางไม่ต่างกับนางสักเท่าไหร่หรอก”
“เอ๋” แรมโพอุทานขึ้นอย่างฉงน
ท่าทางของผู้พิทักษ์แห่งอัสนี เรียกรอยยิ้มบางๆอย่างเอ็นดูให้ปรากฏขึ้นบนมุมปากของบอสแห่งวองโกเล่ “ฉันว่า เรารีบเข้างานกันเถอะนะ”
“ห้องจัดเลี้ยง” ที่ใช้สำหรับประกอบพืธี คือห้องขนาดใหญ่ ที่เชื่อมต่อกับแปลงดอกไม้หลังปราสาท บนเพดานประดับด้วยโคมไหระย้าที่ส่องแสงระยิบระยับราวกับดวงดาว ผนังฝั่งหลังเป็นกระจกใส ที่ถูกคลุมไว้ด้วยม่านสีขาวบางเบา พอจะให้ผู้อยู่ในห้องมองลอด ออกไปยังแปลงดอกไม้ได้ถนัดตา ผนังอีกสามฝั่ง วาดเป็นเรื่องราวของนิทานต่างๆโดยช่างผู้มีฝีมือ ที่ยิ่งมองเท่าไหร่ ก็ยิ่งเห็นรายละเอียดอันแสนจะละเอียดอ่อนอย่างเด่นชัดยิ่งขึ้น
ประรำพิธีขนาดใหญ่ วาดเป็นลวดลายภาษาโบราณ ถูกจัดวางไว้กลางห้อง ดูสง่างาม และชวนให้ผู้มองรู้สึกเกรงขาม ไปในเวลาเดียวกัน
แม้ห้องๆนี้จะเป็นห้องขนาดใหญ่ แต่มันกลับดูแคบลงไปถนัดตา เมื่อเต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมาก จากทั่วทุกสารทิศ แต่ละคนล้วนแต่เป็นผู้มีชื่อเสียงจากหลายๆสาขา
แม้ว่า วองโกเล่ จะเป็นแก๊งมาเฟียที่มีอิทธิพลอยู่พอประมาณ แต่พวกเขาทั้งสองก็ยังอดที่จะเกร็งไม่ได้ เมื่อต้องอยู่รวมกับบุคคลเหล่านี้
เสียงเคาะปากแก้วไวน์ดังก้องขึ้นเป็นจังหวะช้าๆ คล้ายเสียงกระดิ่งที่บ่งบอกให้ทุกคนเตรียมพร้อม
ห้องโถงทั้งห้องกลับมาอยู่ในความสงบอีกครั้ง
บนประรำพิธีปรากฏร่างบอบบางในชุดผ้าคลุมฮูดผ้าแพรขึ้นแปดร่าง ทั้งที่เมื่อสักครู่ ยังคงว่างเปล่า!!!
สตรีสองนางในชุดเครื่องแต่งกายผ้าไหมสีขาวทอดิ้นทอง ก้าวเดินผ่านประตูออกมาอย่างแช่มช้า นางหนึ่งสูงสง่างาม อีกนาง กลับดูอ่อนหวานอย่างน่าประหลาด ในมือของทั้งคู่ มีกล่องสีแดงที่ปิดสนิทใบหนึ่ง อย่างชวนให้ผู้คนสงสัยว่า มีอะไรอยู่ในกล่องใบนั้น
นางทั้งสองก้าวขึ้นประรำพิธีอย่างมาดมั่น ในขณะที่ในงาน เริ่มปรากฏเสียงพูดคุยจอแจไปทั่วบริเวณ
บ้างก็ถามกันว่านางคือใคร
บ้างก็ถามถึงสาเหตุที่นางปรากฏตัว
“ข้ามีนามว่า พาโรล่า ดิเพอร์เช่ กริมม์ ส่วนนางมีนามว่า เรเทียร์ ฮาเซวาล แอนเดอร์สัน” สตรีร่างเล็กกว่ากล่าวด้วยน้ำเสียงใสกังวาน ก่อนจะถอนสายบัวอย่างอ่อนช้อย
“พวกเราทั้งคู่ คือผู้บันทึกแห่งโลกนิทาน” หญิงสาวร่างสูงนามเรเทียร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงค่อนข้างแข็งกร้าว
สิ้นคำประกาศของพวกนางทั้งสอง เสียงจอแจในห้องก็ดังขึ้นกว่าเก่า
“พวกนางคือใครเหรอครับ พรีโม่” แรมโพกระซิบถามเบาด้วยความกังขา
“กริมม์และแอนเดอร์สันน่ะ เป็นตำแหน่งของผู้ที่มีหน้าที่บันทึกประวัติศาสตร์ของมีโต้แฟมิลี่ นอกจากนั้น ยังเป็นผู้ที่คอยให้ความช่วยเหลือและประกอบพิธีการในการรับตำแหน่งนี้ไปจนจบสิ้น”จีอ๊อตโต้กล่าวอธิบาย พลางสอดส่ายสายตามองหาแฟมิลี่คนอื่นของตนที่ล่วงหน้ามาก่อนแล้วเพื่อความแน่ใจ
จีและอุเกทสึยืนสนทนากันอยู่ทางมุมของห้อง อเลาดิและนัคเคิลเอง ก็ดูเหมือนจะสนทนากันอย่างออกรสอยู่แถวหน้าต่างที่เชื่อมกับสวนหลังปราสาท ไม่สิ ต้องบอกว่า นัคเคิลเป็นฝ่ายพูดอย่างออกรส และอเลาดิ กปล่อยให้มันเป็นเพียงลมที่ผ่านไป เขาไม่ได้ฟังมันแม้ซักนิดเดียว!!
เดม่อนส่งยิ้มมาให้เขาจากบริเวณประตูห้อง ดูเหมือนว่า การมาของพวกเขา จะไม่สามารถลอดพ้นสายตาของสายหมอกไปได้จริงๆ
พวกชิม่อนแฟมิลี่ ยืนจับกลุ่มพูดคุยกันเสียงดังกันอยู่แถวหน้าประรำพิธี มีเพียงโคซาร์ทคนเดียวเท่านั้นที่ยังคงสงบเงียบอยู่
กิ๊ง
เสียงโลหะกระทบพื้นดังขึ้นมาจากบนประรำพิธี พร้อมกับร่างของพวกนาง
นี่เขาละสายตาไปเพียงชั่วครู่เดียวเท่านั้น!! พวกนางหายไปได้อย่างไร
“พิธีสืบทอด ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว” เรเทียร์ประกาศเสียงกึกก้อง ก่อนที่จะปรากฏลมพายุขึ้นกลางประรำพิธีอย่างไม่ทราบสาเหตุ
และนั่น ก็เป็นสิ่งสุดท้ายที่เขารับรู้
ครึ่งหลัง ธันย์เมามากค่ะ ขออภัยผู้อ่านมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
น้องชายที่น่ารัก(?!)ของธันย์มันเปิดเพลงเสียงดังอยู่ข้างๆ ธันย์เลยรวบรวมสมาธิมาแต่งไม่ค่อยได้ Orz
ฝากเม้นต์ติชมด้วยนะคะ ^^
Theme cinna mon
ความคิดเห็น