ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [AU Fic KHR] Through the Night (รับสมัครตัวละคร)

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 1 || Vampire Story || :: Fall For You (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.ย. 54


    . .






    " Hear my soul speak. Of the very instant that I saw you, Did my heart fly at your service."

    (The Tempest, William Shakespeare)

    ฉันได้ยินถ้อยคำจากจิตวิญญาณของฉัน ในคราครั้งที่ฉันมองเห็นเธอ ในบัดนั้น ดวงใจของฉัน ก็ล่องลอยไปยังเธอ

    ( เดอะ เทมเพสท์, วิลเลี่ยม เชคสเปียร์)

     

    แมรี่เจน เร่งมือหน่อยสิ หญิงสาวร่างสูงโปร่งเจ้าของเรือนผมสีแดงกล่าวเสียงดัง พลางรัวมือเรียวๆ ทุบลงบนประตูไม้อย่างไม่เป็นจังหวะด้วยความเร่งร้อน ทั้งๆที่ตัวเธอเองนั้น ก็ไม่ได้เร่งรีบอะไรนัก ยังมีเวลาอีกมาก กว่าที่พิธีมิซซารอบเย็นจะเริ่มขึ้น

    จ้ะ สาวน้อยเบื้องหลังบานประตูขานรับคำเสียงใส ก่อนจะเร่งมือดันร่างผอมโกรกของตน ให้เข้าไปอยู่ในชุดวันพีซสีอ่อนที่ตนถืออยู่อย่างเก้กังๆ

              รีบมาล่ะ ฉันลงไปรอข้างล่างนะ เวอร์มิเลียกล่าวพลางถอนหายใจ ก่อนจะหมุนตัวเดินลงบันไดไม้ไปอย่างเชื่องช้า ใจนึงเธอก็นึกเป็นห่วงเด็กสาวในห้องนั่น แต่การที่เธอจะไปทำตัวเจ้ากี้การช่วยเหลือเจ้าหล่อนทุกอย่างนั้น รังแต่จะเป็นการดูถูก ความพิการของเจ้าหล่อนเสียมากกว่า นั่นเป็นสิ่งที่เธอได้เรียนรู้ในสามปี ตั้งแต่เธอย้ายมาอยู่ที่บ้านหลังนี้

              จ้า แว่วเสียงใสตอบลับมาอย่าร่าเริง คลายความรู้สึกในใจของเธอลงไปได้บ้าง แม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม

              บ้านหลังนี้เป็นบ้านของบาทหลวงนิกายโปรเตสแตนท์ผู้หนึ่ง หากจะกล่าวไปแล้ว บริบทก็คงคล้ายๆกับเป็นสถานสงเคราะห์คนตกยากไร้ที่ไป อย่างเธอ หรือแมรี่เจนนั่นแหละ ไม่รู้ว่าเป็นความใจบุญหรือหลักการของคุณพ่อกันแน่ แต่ที่แน่ๆ ที่นี่ช่วยให้เธอสามารถมีชีวิตต่อไปได้ และอาจจะเป็นชีวิตที่ดีกว่าก่อนหน้านี้ด้วย

              ในครั้งแรกที่เธอมาถึงที่นี่ มีเพียงแมรี่เจนคนเดียวเท่านั้น ที่อาศัยที่นี่เป็นบ้าน คุณพ่อบอกกับเธอว่า สมาชิกอีกคนได้ย้ายออกไป ก่อนหน้าที่เธอจะมาเพียงไม่กี่วัน ดังนั้น ที่นี่ จึงมีแต่เธอและเด็กสาวประหลาดคนนี้ เท่านั้น

              แมรี่เจน ฟาน เฮลันเดน จะเรียกเธอว่า สาวประหลาดก็คงจะไม่แปลกเท่าไหร่นัก เธอเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี จนบางครั้งก็เรียกได้ว่า ดีจนเกินเหตุเสียด้วยซ้ำไป แม้ว่าตัวเธอต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้ง อย่างเช่นความทุพลภาพของดวงตาทั้งสองข้าง หรือการสูญเสียครอบครัวไปในกองเพลิงก็ตาม จนบางครั้ง เธอก็อดไม่ได้ ที่จะรู้สึกนับถือเด็กสาวคนนี้จากใจจริง

    เวอร์มิเลีย เดอ โฟร์เบียน ทิ้งกายลงบนโซฟาผ้าใบ ทันทีที่ก้าวถึงเขตห้องนั่งเล่นของบ้าน พลางครุ่นคิดไปต่างๆนาๆ

    ปีนี้เธอเองก็สิบเจ็ดแล้ว เธอควรที่จะเริ่มคิดถึงเรื่องอนาคต หรือมหาลัยแล้วด้วยซ้ำไป แต่ไม่ว่าเพราะอะไร เธอกลับเลือกที่จะเฉื่อยชา และใช้ชีวิตอยู่ไปวันๆในแบบของเธอ “เหมือนกับเราจะรอคอยอะไรบางอย่างให้เกิดขึ้นกับชีวิตเราอย่างนั้นแหละ เธอพึมพำเบาๆกับตัวเองอย่างเหนื่อยใจ พลางหมุนจี้สร้อยคอในมือไปมา

    รอนานมั้ยจ้ะเสียงสดใสร้องเรียกขึ้น ปลุกเธอจากห้วงภวังค์ แมรี่เจนหอบถี่ คล้ายกับคนที่เร่งรีบ มือขาวผ่องของเธอ กุมไม้เท้าไม้มะค่าไว้แน่น อย่างชวนให้ผู้มองอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขบขันในใจ

    ไม่หรอก เวอร์มิเลียกล่าวตอบอย่างเริงร่า ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้ากุมมือของหญิงสาวตาบอดให้เดินตามตนมาอย่างระมัดระวัง

     

     

     

    ไอ้แมวนี่ชายร่างยักษ์คำรามเสียงดัง พลางกระหน่ำเท้าลงบนร่างเล็กๆของเจ้าแมวดำตัวน้อยอย่างไม่ปราณีวยซ้ำไป

              แมวดำกัดฟันกรอด นี่ถ้าเขาไม่ได้ติดอยู่ในคำสาปบ้าๆนี่ มีหรือ ที่เขาจะโดนพวกมนุษย์อ่อนแอกระหน่ำทำร้ายเช่นนี้ ยิ่งคิดเท่าไหร่ยิ่งรู้สึกถึงความอัปยศจากการพ่ายแพ้เมื่อสิบปีก่อน สำหรับเขา นี่นับเป็นการลงโทษผู้แพ้ ที่เลวร้ายยิ่งกว่าการสังหารให้ตายอย่างทรมาน การปล่อยให้มีชีวิตอยู่ด้วยความรู้สึกอับอาย สำหรับอมนุษย์ที่ไม่รู้จักตายอย่างเขาแล้ว นี่ยิ่งเจ็บปวดมากกว่าความตายเป็นหลายร้อยเท่า

              ความเจ็บปวดเริ่มแล่นไปทั่วสรรพางค์ร่างเล็กๆ พอๆกับสติที่เริ่มเลือนรางหายไป และความหิวแสบไส้ที่ส่งเสียงเรียกมาจากกระเพราะเป็นระยะๆ เขาไม่มีอะไรตกถึงท้องมาเกือบสามวันแล้ว ถึงแม้ว่าจะผ่านไปแล้วหลายขวบปี ที่เขาต้องทนกับการใช้ชีวิตในร่างแมวในยามกลางวัน และคืนร่างเพียงเฉพาะในยามราตรี แต่เขาก็ยังไม่เคยที่จะชินกับมันเสียที โดยเฉพาะ การรับประทานอาหารแบบแมว ที่ต่อให้กี่ครั้ง เขาก็ไม่เคยทำสำเร็จเลยซักครั้ง

              เจ้าแมวดำตัวน้อย ค่อยๆเหลือบดวงตาสีเข้ม มองผู้กระทำอย่างเคียดแค้น

              เขาแค่เผลอวิ่งไปชนกระถางต้นไม้ ทำไมต้องทำร้ายเขาขนาดนี้... ตั้งแต่เขาถูกแย่งชิงความเป็นมนุษย์ไป ก็คล้ายกับว่า เขาจะไม่เคยเข้าใจมนุษย์อีกเลย

              ชายร่างยักษ์จากไปแล้ว ทิ้งเขาไว้ในตรอกมืดๆนี่ ความชื้นของพื้นคอนกรีตเริ่มซึมผ่านขนสีดำสั้น กลายเป็นความหนาวเหน็บที่เข้าโจมตีร่างอย่างทันควัน

              เจ็บปวด... หิวโหย... หนาวเหน็บ...

              เหอะ ถ้าชีวิตนี้ ต้องจบลงในวันนี้จะเป็นอะไรไป ชีวิตที่มันไม่เหลือค่าอะไรแล้วเช่นนี้

              หวังว่าความตาย จะไม่ปล่อยให้เขาต้องรอนาน

              คุณไปทำร้ายเขาได้ยังไงกัน เสียงหวานใสแผดขึ้นด้วยโทสะ ก่อนตามมาด้วยเสียงตุบ คล้ายกับเสียงท่อนไม้เล็กๆ ฟาดเข้าใส่แผ่นหลังของมนุษย์อย่างเต็มแรง




              แมรี่เจน เวอร์มิเลียร้องขึ้นเสียงหลง ทันทีที่เพื่อนสาวตาบอดมุ่งเข้าโจมตีคุณลุงร้านขายเนื้อ ที่เพิ่งเดินตรงออกมาจากตรอกมืด ตั้งแต่เมื่อสักครู่แล้ว ที่แมรี่เจนมีท่าทีร้อนรนแปลกๆ แต่เธอไม่นึกเลยว่า ผู้หญิงที่เรียบร้อยอย่างหล่อนจะกล้าตรงเข้าทำร้ายใครอย่างนี้

              สาวผมแดงรีบคว้าข้อมือของเพื่อนสาว ก่อนที่เธอจะลงมือทำอะไรรุนแรงไปมากกว่านี้

              ยัยเด็กตาบอด นี่แกทำอะไรของแกวะเจ้าของร้านขายเนื้อตวาด พลางพยุงตัวให้ลุกขึ้นด้วยท่าทางโซซัดโซเซ หน้าของเขาเป็นสีแดงก่ำด้วยความโกรธและฤทธิ์สุรา

              คุณนั่นแหละ ทำอะไร เขาไม่มีทางสู้แท้ๆ ทำไมต้องไปทำร้ายเขาด้วย แมรี่เจนตวาดตอบ พลางพยายามดิ้นให้หลุดจากการเกาะกุมของเพื่อนสาว

              ช่างเขาเถอะน่ะ แมรี่เจน เวอร์มิเลียกระซิบกระซาบบอกกล่าว หวังเพื่อที่จะช่วยผ่อนอารมณ์ที่กำลังเดือดพล่านของหญิงสาวผมขาว ให้เบาลงบ้างก็ยังดี

              คุณมันก็ดีแต่ทำร้ายคนไม่มีทางสู้นั่นแหละ ความเห็นใจหรือมนุษยธรรมน่ะ มีบ้างไหม แมรี่เจนยังคงกล่าวต่อ แม้จะมีกิริยาที่ดูจะสงบลงบ้างก็ตาม

              เฮอะ ยัยสาวเพี้ยน ไปหัดพูดจาให้มันรู้เรื่องก่อนเถอะ ชายร่างยักษ์สบถด้วยน้ำเสียงคล้ายดูถูก ก่อนเงื้อหมัดออก หมายทำร้ายร่างบางของเด็กสาว


             
    ทันทีที่หมัดลุ่นๆถูกปล่อย เวอร์มิเลียก็รีบสวนมือข้างที่ว่างอยู่ ตรงเข้าเกาะกุมหมัดนั้นในทันที แม้ว่าเธอจะเสียเปรียบในเรื่องรูปร่าง แต่ประสบการณ์ในด้านต่อยตีที่ได้รับการฝึกฝนมาของเธอ ย่อมที่จะเหนือกว่าหมัดสะเปะสะปะเช่นนั้นอยู่แล้ว

              คุณเองก็พอทีเถอะนะ ลุงจอร์จ หรือจะให้ฉันไปบอกคุณนายแมดดิสัน เรื่องที่คุณแอบกินเหล้าในเวลางานอย่างนี้น่ะ หญิงสาวผมแดงกล่าวตอบเสียงเรียบ พร้อมกับพยายามจิกแววตามองชายร่างยักษ์เป็นเชิงข่มขู่

              เหอะ แกเองก็ดูแลเพื่อนเพี้ยนๆของแกให้ดีเถอะ นังหนูชายร่างยักษ์สบถตอบด้วยท่าทีไม่พอใจ ก่อนจะถ่มน้ำลายลงพื้น และสาวเท้าจากไปอย่างไม่พอใจ

              เวอร์มิเลียระบายลมหายใจพรืดใหญ่ เธอไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะยอมรามือไปอย่างง่ายดาย แต่ก็ดีแล้ว เพราะเธอเอง ก็ใช่ว่าอยากจะให้มันเป็นเรื่องราวใหญ่โตซักเท่าไหร่นัก แม้ว่าเธอ จะมีฝีมือในเชิงต่อยตี แต่การมีเรื่องกับคนที่ตัวใหญ่กว่าตนเองเป็นเท่าตัว เธอคงไม่สามารถจบเรื่องโดยไม่บาดเจ็บได้ รวมถึง เธอไม่อยากให้เรื่องแค่นี้ กลายเป็นปัญหาที่รู้ไปถึงหูคุณพ่อ ลำพังแค่การมาให้ท่านคอยอุปการะเช่นนี้ ก็เป็นการรบกวนที่มากเกินจะตอบแทนแล้วเสียด้วยซ้ำ

              เพียงชั่ววูบเดียว ที่เวอร์มิเลียเผลอใช้ความคิดเพื่อทบทวนเรื่องราวต่างๆในใจ ข้อมือบางๆที่เธอกำลังเกาะกุมก็ค่อยๆเลื่อนหลุดออกไปอย่างแผ่วเบา พร้อมกับร่างเล็กๆ ที่สะบัดหลุด และกำลังตรงไปที่ตรอกที่ชายร่างยักษ์เพิ่งจากมาด้วยท่าทีร้อนรน

              เดี๋ยวสิ แมรี่เจน เวอร์มิเลียร้องลั่น ก่อนจะรีบวิ่งตามไปในทันที

              ให้ตายสิ แม่สาวคนนี้ หญิงสาวผมแดงสบถพรืดในใจ





    เสียงทะเลาะกันข้างนอกตรอกสงบลงแล้ว เขารับรู้ได้ ดูท่าแม่สาวนั่น จะแค้นเคืองเจ้ายักษ์ที่เพิ่งกระทืบเขาเมื่อสักครู่มากๆ จนชวนให้ประหลาดใจ ยิ่งเมื่อรวมกับคำพูดคำจาของเจ้าหล่อน คล้ายกับว่า เธอจะรู้ว่าเขาถูกทำร้าย แต่คงเป็นไปไม่ได้แน่ๆ ถ้าเธอทำได้ขนาดนั้น เธอก็คงไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาเสียแล้ว

    เสียงฝีเท้าเล็กๆออกวิ่ง ค่อยๆตรงมาทางตรอก แว่วเข้ากระทบโสตของเขา นี่อาจจะเป็นหนึ่งในข่อดีไม่กี่ข้อของคำสาบนี้ ที่ช่วยให้ประสาทการรับรู้ของเขา ดีขึ้นเป็นเท่าตัว

    เจ้าหล่อนวิ่งตรงมาทางตรอก ไม่สิ ไม่มีทางที่หล่อนจะรู้หรอก หยุดคิดเข้าข้างตัวเองเสียทีเถอะน่ะ ฮิบาริ อย่างกับว่าสิ่งที่นายรอคอยจะเป็นเจ้าหล่อน ไม่ใช่ความตายอย่างนั้น

    เจ้าแมวตัวน้อยทอดถอนใจ ก่อนจะหลับตาพริ้มลง เพื่อตัดสติตน ออกจากความฟุ้งซ่านทั้งหมด และเฝ้าที่จะรอคอยความตาย อย่างที่เขาควรจะเฝ้ารอ

    เสียงฝีเท้านั่น หยุดลงที่หน้าตรอกพอดี ก่อนจะตามมาด้วยน้ำเสียงหวานใส ที่เรียกให้เจ้าแมวน้อยเงยหน้าขึ้นมองด้วยความฉงน “ดีจริงๆ ที่ยังไม่เป็นอะไร

    สาวน้อยเบื้องหน้าเขา หอบหายใจถี่คล้ายกับเหนื่อยจัด ร่างของเธอสั่นระริกเป็นจังหวะเดียวกับลมหายใจ เส้นผมสีขาวอมเทาของเธอถูกรวบไว้เป็นเปียคู่ คลอนวลแก้มขาวผ่องเจือสีชมพูไล่ลงมาประเหนือแผ่นหลัง ดวงตาทั้งสองข้าของเธอปิดสนิท บวกกับไม้เท้าที่ถืออยู่ในมือ บ่งบอกถึงความทุพลภาพอันน่าสลดของเธอ ฮิบาริไม่ปฏิเสธว่า ชั่วชีวิตของเขา เขาได้พบพานผู้หญิงที่งดงามกว่านี้มามากมายหลายคน แต่ไม่เคยมีคนใด ที่ทำให้หัวใจที่คล้ายกับหยุดเต้นไปแล้วของเขา กลับมาสูบฉีดเลือด และเต้นระรัวราวกับมีชีวิตอีกครั้ง

    คุณไม่เป็นอะไรใช่มั้ยคะ เจ้าหล่อนถามซ้ำ ก่อนจะสาวเท้าตรงมาทางเขาอย่างร้อนรน เขาพยายามอ้าปากที่จะตอบหรือร้องเรียก แต่เรี่ยวแรงที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด ไม่เพียงพอที่จะให้เขากล่าวซักครึ่งคำเสียด้วยซ้ำไป

    แมรี่เจน รีบร้อนอะไรกันน่ะ เวอร์มิเลียถามขึ้น ทันทีที่ก้าวถึงตัวเด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีขาวเทา

    เราต้องช่วยเขานะ เวอร์มิเลีย ถ้าเราไม่ช่วยเขาต้องไม่รอดแน่ แมรี่เจนรีบหันไปบอกเพื่อนสาวทันที

    เธอสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่เริ่มแผ่วเบาของเขามาซักพักแล้ว อันที่จริง เขาเพิ่งละทิ้งความหวังไปเมื่อซักครู่นี้ ก่อนที่เธอจะมาถึง แต่เธอจะปล่อยให้เขาตายไม่ได้ จิตใต้สำนึกลึกๆของเธอมันร้องบอกเช่นนั้น แม้ดวงตาทั้งสองข้างของเธอจะมืดบอดและมองไม่เห็น แต่เธอก็สัมผัสได้ ถึงความรู้สึกผูกพันที่เธอมีต่อเขา ตั้งแต่ครั้งแรก ที่เธอสัมผัสได้ ถึงจิตวิญญาณและเสียงร่ำร้องอันอ่อนแรงนี้

    เขา เธอหมายถึงแมวตัวนี้น่ะเหรอเวอร์มิเลียทวนคำด้วยความฉงน ในเมื่อตรงหน้าของเธอ มีแต่แมวดำร่างผอมโซที่นอนแผ่ไม่ได้สติอยู่ และต่อให้เธอคิดแทบตาย เธอก็ยังคงหาสาเหตุไม่ได้ ว่าอะไรที่ทำให้ผู้หญิงอย่างแมรี่เจน กล้าเข้าไปหาเรื่องผู้ชายที่ตัวใหญ่กว่าตนเอง เพียงเพื่อช่วยเหลือ และแก้แค้นให้แมวตัวนึงที่เธอไม่เคยพบมาก่อนในเมือง

    แมว... เขาไม่ใช่แมวนะจ้ะ แมรี่เจนแย้งลั่น จะเป็นไปได้ไงกัน เมื่อสิ่งที่ประสาทเธอสัมผัสได้ ถึงสิ่งที่ผู้ชายคนนี้เป็น ไม่ใช่แมว อย่างที่เวอร์มิเลียกล่าวเรียก จริงๆแล้ว เขาไม่ใช่แม้แต่มนุษย์ด้วยซ้ำไป

    จะไม่ใช่ได้ไงกัน แมรี่เจน วันนี้เธอเป็นอะไรของเธอ ฮึเวอร์มิเลียทวนคำอย่างประหลาดใจ ถึงแมรี่เจนจะเป็นสาวประหลาดในคำเรียกของใครหลายๆคน กับนิสัยที่คล้ายกับช่างเพ้อฝันของเจ้าหล่อน แต่ตั้งแต่ที่เธอได้รู้จักกับผู้หญิงคนนี้มา หล่อนก็ไม่เคยแสดงออกถึงท่าทางเช่นนี้มาก่อน

    ...หรือที่เธอพูดจะเป็นความจริง และเจ้าแมวตัวนี้ จะไม่ใช่แมวธรรมดาอย่างที่เห็น

    จะบ้าหรือไงเวอร์มิเลีย หญิงสาวสบถพรืดในใจ ก่อนสะบัดหัวไปมา นี่ไม่ใช่นิทานอิสปนะ แมวจะไม่ใช่แมวได้ยังไงกัน

    ช่างเถอะจ้ะเวอร์มิเลีย แมรี่เจนกล่าวขึ้นอย่างสงบ ก่อนจะตรงเข้าไปอุ้มเจ้าแมวตัวน้อย ฉันว่า เรารีบพาเขาไปรักษาเถอะ





              เรียวเฮตรวจเช็คความเรียบร้อยของเสื้อคลุมนักบวชในกระจกอีกครั้ง ก่อนถอนหายใจ เขาได้รับตำแหน่งนักบวชตั้งแต่อายุยังน้อย มันเหมือนกับเป็นภาระหนักอึ้งที่เขาต้องแบกรับ ในฐานะ สานุศิษย์ของพระผู้เป็นเจ้า แต่เขาได้ตัดสินใจที่จะกระทำมันลงไปแล้วกระนั้น เขาไม่ควรที่จะนึกคลางแคลงใจอย่างนี้

              เสียงทุบประตูห้องเปลี่ยนเสื้อดังลั่น ปลุกบาทหลวงหนุ่มจากภวังค์ความคิดสัพเพเหระ ก่อนจะตรงไปเปิดประตูออกอย่างฉงน ตามปกติแล้ว ไม่เคยมีใครที่กล้ามารบกวนเขาก่อนจะเริ่มพิธีมิซซา ยกเว้นเสียว่า จะมีเหตุด่วนเหตุร้ายจริงๆ

              แมรี่เจนยืนรออยู่เบื้องหน้าบานประตูทางหลังโบสถ์ด้วยความร้อนรน โดยมีเวอร์มิเลียยืนทอดถอนใจอยู่ข้างๆ เธอไม่เข้าใจจริงๆ ทำไม แมรี่เจนต้องพยายามช่วยเหลือเจ้าแมวตัวนี้มากมายถึงเพียงนั้นด้วย อย่างกับว่า เจ้าแมวนี่มีอะไรที่พิเศษสำหรับหล่อน แต่ที่เธอรู้ คือเธอรู้สึกไม่ถูกชะตากับเจ้าแมวตัวนี้เอาซะเลย ให้ตายสิ

              คุณพ่อคะแมรี่เจนร้องลั่นทันทีที่ได้ยินเสียงประตูเปิดออก ด้วยสติของเขาในอ้อมแขนที่คล้ายกับจะขาดห้วงไปพักใหญ่ ยิ่งทำให้เธอร้อนใจมากยิ่งขึ้น จนแทบจะทนไม่ไหว

              เธอไม่รู้ว่าเขามีอะไรพิเศษสำหรับเธอเสียด้วยซ้ำไป สิ่งที่มือของเธอสัมผัสได้ คือร่างเล็กๆที่ไม่ต่างอะไรไปจากแมวตัวหนึ่ง ทั้งที่จิตเธอกลับสัมผัสได้ถึงอีกอย่าง เธอไม่เข้าใจจริงๆ ตกลงว่าเขาเป็นอะไรกันแน่ แม้ใจเธอยังคงเชื่อมั่นในสิ่งจิตที่สัมผัสได้ เขาไม่ใช่แมวแน่ๆ ไม่ใช่แม้กระทั่งคน

              แมวตัวนั่นเรียวเฮถามขึ้นอย่างฉงน พลางเพ่งดูเจ้าแมวดำในอ้อมแขนของหญิงสาวตาบอด

              เขาถูกทำร้ายค่ะคุณพ่อ เราต้องช่วยเขานะคะหญิงสาวร้องลั่น ก่อนจะแทรกร่างผ่านช่องว่างอันเหลือเพียงเล็กน้อยระหว่างร่างของบาทหลวงหนุ่มกับขอบประตู ตรงเข้าไปในห้องพักบาทหลวงอย่างรวดเร็ว แม้เธอจะรู้ว่ามันไม่เหมาะสมก็ตาม

     

     


              เอาล่ะ แค่นี้ก็คงพอได้แล้วมั้งเรียวเฮพูดขึ้นทันทีที่พันผ้าพันแผลเสร็จ เขาเหลือบดวงตาสีเทามองผลงานอย่างภาคภูมิใจ แม้ว่าคนรอบข้างจะไม่รู้สึกอย่างเดียวกันก็ตาม

              คุณพ่อพันอย่างนั้น แล้วเจ้าเหมียวจะหายใจออกมั้ยล่ะนั่น เวอร์มิเลียถอนหายใจก่อนจะถามขึ้นเนือยๆ พลางเอานิ้วจิ้มผ้าป่านที่ถูกพันไว้รอบตัวของเจ้าแมวตัวน้อยอย่างหนาเตอะ จนดูคล้ายๆลูกบอลที่มีหัวเป็นแมวโผล่ออกมา

              หึ เวอร์มิเลีย ผู้หญิงอย่างเธอน่ะจะไปรู้อะไรเรียวเฮกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มและท่าทีสนิทสนมเหมือนตอนที่อยู่ที่บ้าน โดยหารู้มั้ยว่า คำว่าผู้หญิงมันได้ไปสะกิดต่อมเดือดอะไรบางอย่างของสาวผมแดง จนเจ้าหล่อนต้องชักสีหน้ามองอย่างไม่พอใจ

              การพันแผลน่ะ มันต้องพันหนาๆอย่างนี้แหละ แผลมันถึงสมานกันดีในเวลาอันสั้น พันแบบธรรมดาน่ะ มันไม่ได้ผลสำหรับลูกผู้ชายหรอกนะ ชายหนุ่มผมขาวตวาดลั่น โชคดีที่สองสาวดูเหมือนจะเคยชินกับท่าทางอย่างนี้ของผู้อุปการะ จึงยกมือขึ้นมาปิดหูได้ทัน ไม่อย่างนั้น พวกเธอคงไม่แคล้ว ต้องทนหูอื้ออีกเป็นวันๆแน่

              ว่าแต่ คุณพ่อแน่ใจแน่นะคะ ว่าแบบนี้จะโอเค แมรี่เจนถามขึ้นอย่างหวาดหวั่น จริงๆ คำพูดประโยคเมื่อครู่ของเวอร์มิเลียก็ทำเอาใจเธอหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้ว เธอไม่คิดเลยว่า คุณพ่อจะพันแผลได้พิสดารขนาดที่ผู้หญิงห้าวๆอย่างเวอร์มิเลียยังร้องทัก

              แบบนี้มันต้องโอเคอยู่แล้วสิ ถ้าเธอไม่เชื่อในตัวพ่อ ก็เชื่อในพระเจ้าเถอะเรียวเฮพูด พลางหัวเราะ ก่อนจะลุกเดินออกไปยังห้องพิธีการตามหน้าที่

              เวอร์มิเลีย แมรี่เจน อย่าได้กังวลไปเลยน่ะ รีบไปหาที่นั่งซะเถอะ เสร็จพิธีมิซซาแล้ว พอกลับถึงบ้าน พ่อจะทำฟิชแอนด์ชิพสูตรพ่อให้กินเรียวเฮกล่าวอย่างร่าเริง ก่อนจะก้าวผ่านบานประตูไป ทิ้งไว้แต่สองสาวที่นั่งมองหน้ากันด้วยสีหน้าเหยเกแบบสุดๆ

              ...ฟิชแอนด์ชิพสูตรคุณพ่อ ฆ่าฉันให้ตายเลยดีกว่ามั้ง

     

     


              ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่กัน บัดนี้ ท้องฟ้าที่เคยโพล้เพล้ก็ได้กลายเป็นมืดสนิทไปเสียแล้ว พอๆกับความรู้สึกเจ็บปวดจากการถูกทำร้ายที่ทุเลาลงไปมาก

              เมื่อฟ้ามืด เขาก็ได้ร่างเดิมคืนมาจากคำสาปนั่น นั่นอาจจะเป็นอีกหนึ่งสาเหตุนอกจากผ้าพันแผลที่ถูกพันเอาไว้รอบลำตัวอย่างแน่นหนา ที่ทำให้อาการของเขาทุเลาลงอย่างเร็ว

              ผ้าพันแผล!?... หรือจะเป็นฝีมือของเจ้าหล่อนกันเขานึกอย่างฉงน

              ภาพใบหน้าขาวๆเจือเลือดฝาดของหญิงสาวผมขาวปรากฏวูบขึ้นมาในมโนภาพของชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีดำ เขาอยากรู้นัก ว่าความรู้สึกประหลาดที่จู่โจมเขาในตอนนั้นคืออะไร คล้ายกับว่า เขาอยากจะครอบครองเรือนร่างนั่น อยากโอบกอดเธอเอาไว้ อยากให้เธออยู่เคียงข้างเขาตราบเท่าที่เขายังคงไม่สามารถตายได้ มันเป็นความรู้สึกที่ต่อให้เขาขบคิดจนหัวแทบจะระเบิด เขาก็คิดไม่ออกเสียที ว่ามันคืออะไรกันแน่

              ความรู้สึกนึกคิดพาร่างเขาก้าวออกจากโบสถ์ที่อาศัยเป็นที่พักฟื้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ สายลมเย็นๆที่พัดวูบมา ไม่ได้ทำให้กายเขาสะท้านแม้แต่น้อย อาจจะเพราะความเคยชินกับการชีวิตท่ามกลางกลางคืนที่หนาวเหน็บ หรือความเฉยชาระคนรังเกียจที่มีต่อการมีชีวิตอยู่ก็ไม่อาจทราบได้ แต่แค่นั้น ก็เพียงพอที่จะสะกิดปมในใจให้เขากลบมาตั้งคำถามกับตัวเองอีกครั้ง ถึงสาเหตุที่ทำให้เขานึกถึงผู้หญิงคนนั้นคล้ายกับจะบ้าคลั่งอย่างนี้

              โชคดีที่กลิ่นกายของเจ้าหล่อนพิเศษเสียจนแยกออกจากกลิ่นกายของคนอื่นได้ชัดเจน จึงไม่เป็นการยากสำหรับเขา ที่จะตามรอยเจ้าหล่อนไป

              เขารู้ดีว่าเขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน เขาไม่เคยคิดหรือสนใจที่จะทำเรื่องอะไรแบบนี้ แต่นานๆที ลองปล่อยให้กายทำตามจิตใจก็ไม่เลวเหมือนกัน....






               

              

    สี่สิบเปอร์เซ็นต์ที่สั้น เมา และชั่วมาก ผลตัวที่สองออกแล้วนะคะ !!!!
    ฝากคอมเมนต์ติชมด้วยค่ะ

    ปล.1 รู้สึกว่าคุณฮิจะหลุดซะจนเหมือนไม่ใช่คุณฮินะเนี่ย

    ปล.2 มีใครสังเกตวาทะเชคสเปียร์รึเปล่าเอ่ย มันอาจจะตามมาในทุกตอนก็ได้นะจ้ะ =w=

    ปล.3 ช่วงหลังอาจจะมึนๆหน่อยนะคะ รู้สึกว่าไรท์จะเริ่มเบลอๆตอนเขียน

      

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×