คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 0 :: Blood & Fire
คืนนี้ เป็นคืนที่จันทร์ถูกย้อมไปด้วยสีแดงราวกับโลหิต
ชายหนุ่มทรุดร่างลงแทบพื้น ความเจ็บปวดจากบริเวณปากแผลแถวไหล่ซ้าย ที่เกิดมาจากการโดนศัตรู ‘ฉีกกระชาก’ แขนออกไปอย่างไม่ปราณี เริ่มแทรกซึมเข้ามาตามสายเส้นประสาท แผ่ซ่านไปทั่วร่างในเวลาอันสั้น
เลือดข้นๆรินไหลออกจากปากแผลราวกับเขื่อนแตก ฉุนคาวไปทั่วบริเวณโดยรอบ อาจจะเป็นโชคดีของบุรุษเจ้าของดวงตาสองสี ที่เขาเลือกตรอกเปลี่ยวผู้คนเป็นสนามสู้ เพราะพระจันทร์เต็มดวงที่ลอยโดดเด่นในค่ำคืนนี้ ส่องสว่างให้เห็นใบหน้าและรอยยิ้มของผู้ชนะอย่างชัดเจน
มุคุโร่เพ่งดวงตาสองสีไปทางผู้แพ้อย่างสังเวช เขารู้ดีว่า แผลแค่นั้น คงไม่อาจสังหารชายหนุ่มเบื้องหน้าได้ หากไม่เผาทำลายทั้งร่างทิ้งไป คงไม่มีทางใดที่จะสังหารอมนุษย์ตนนี้ได้แน่
ฮิบาริ กระอักโลหิตคำโต ก่อนจะใช้แขนข้างที่เหลือ พยายามพยุงกายให้ตั้งตรงอีกครั้ง เพื่อรอรับมือการโจมตีระลอกที่สอง
“ฮิบาริ สำหรับแวมไพร์อายุเท่าคุณ คุณจัดได้ว่ามีฝีมือดีทีเดียว” เจ้าของดวงตาสองสีกล่าวด้วยโทนน้ำเสียงกึ่งเย้ยหยันกึ่งเวทนาตามอุปนิสัย พลางกวัดแกว่งสามง่ามสีเงินในมือซ้ายอย่างชำนาญ
“แต่กับผมแล้ว ยังห่างชั้นอีกมาก” เขาพูดต่อ ก่อนกระแทกด้ามสามง่ามในมือลงบนพื้นคอนกรีต จนเกิดเป็นรอยร้าว
“จะฆ่าก็รีบฆ่า อย่ามัวแต่พิรี้พิไร” ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีดำสนิทเค้นน้ำเสียงขึ้นแย้ง
“คุณยังไม่มีคุณค่า เพียงพอที่จะให้ผมลงมือ”ผู้ชนะตอบด้วยท่าทีไม่แยแส พร้อมกับสาวเท้าตรงมาหาผู้แพ้ด้วยจุดประสงค์บางอย่าง ที่ยากจะอธิบาย
กลิ่นอายความมืดสีดำทมิฬ แผ่กระจายไปทั่วบริเวณโดยรอบ เข้มข้นจนชวนให้ร่างเล็กของเด็กหญิงวัยสิบขวบภายใต้ผ้าคลุมผ้าป่านเนื้อหยาบ รู้สึกวิงเวียนและคลื่นไส้ เธอพยายามเพ่งดวงตามองร่างของผู้เป็นอาจารย์ด้วยน้ำตาที่เอ่อท่วมขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว
แม้ว่าเธอจะอยู่ร่วมกับบุรุษผู้นี้มากว่าห้าปี แต่ความหวาดกลัวจากส่วนลึกของจิตใจก็ไม่เคยลดลงแม้แต่น้อย
เขา...โหดร้าย และ เลือดเย็น
ผู้แพ้พยายามพยุงร่าง ด้วยแขนข้างเดียวที่เหลืออยู่ แต่ความเหนื่อยล้าที่อาบไปทั่วร่าง ทำให้มันกลายเป็นเรื่องยาก ยิ่งในยามที่ผู้ชนะก้าวเข้ามาใกล้ เลือดที่เคยสงบนิ่งในกลาย กลับเดือดพล่าน จนเขาไม่สามารถปฏิเสธความกลัวที่มีต่อ ‘ปิศาจ’ ตนนี้ไปได้เลยแม้แต่น้อย
“กลัวเหรอครับ” ร่างสูงถามขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มเยาะ พลางย่อกายนั่ง เพื่อให้อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับบุรุษตรงหน้ามากที่สุด
“สำหรับชาวรัตติกาลอย่างพวกเราแล้ว ความหวาดกลัวถือเป็นสิ่งต้องห้ามเลยไม่ใช่หรือไง” เขาถามต่อ ก่อนจะเอื้อมนิ้วมือเรียวยาว วางลงบนหน้าผากของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา
“ผมยังไม่ฆ่าคุณในเวลานี้ แต่จะรอเวลา วันที่ความแค้นนั้นสุมใจจนคุณแทบจะอดทนไม่ไหว” เข้าเว้นช่วงถอนหายใจ “และในเวลานั้น พลังของคุณจะสูงถึงขีดสุด จนไม่แน่ว่าคุณจะสามารถล้มผมลงได้”
“ทำไมแกต้องทำอย่างนั้น” ฮิบาริเค้นน้ำเสียงอันเหือดแห้งกล่าวๆออกมาอย่างโกรธแค้น
“ถึงวันนั้น คุณจะเข้าใจเองครับ”มุคุโร่กล่าวต่อ ก่อนลุกขึ้น กลับหลังหันจากไป
ฮิบาริมองตามบุรุษเจ้าของนัยน์ตาสองสีด้วยความโกรธแค้น ในขณะที่เขาเริ่มรู้สึกราวกับร่างนี้ ไม่ใช่ตัวเขาอย่างที่เคยเป็น
ความเจ็บเริ่มแล่นแปลบปลาบอีกครั้ง พร้อมกับสติที่ค่อยๆลางเลือน
หญิงสาวร่างเล็กเลือกที่จะออกวิ่งตรงมาหาเขา แทนที่จะตามผู้เป็นอาจารย์ไป จนเขาแอบประหลาดใจถึงสาเหตุที่หล่อนทำมิได้
“ตามหาคู่แท้”เด็กหญิงกระซิบกระซาบ “คำสาปนี้จะถอนได้ ด้วยชีวิตของสตรีผู้เป็นคู่แท้เท่านั้น”
และนั่น ก็เป็นเสียงสำเนียงสุดท้าย ที่ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีดำสนิทได้ยิน
เด็กหญิงสาวเท้าวิ่งตามผู้เป็นอาจารย์อย่างเร่งรีบ
“อาจารย์กำลังโกรธใช่มั้ยคะ”เด็กหญิงโพล่งถามขึ้นด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว
“ผมไม่ได้โกรธ”ชายหนุ่มกล่าวตอบ พลางชะลอฝีเท้าลง หยุดยืนลงหน้าคฤหาสน์หลังน้อยเบื้องหน้า
“อาจารย์...”เด็กหญิงร้องออกมาอย่างตื่นตระหนก เธอรู้จักบ้านหลังนี้ และเธอก็เข้าใจเจตนาของผู้เป็นอาจารย์ของเธอดี
“คืนนี้ ผู้ที่หลั่งเลือดมิได้มีเพียงหนึ่ง” มุคุโร่กล่าวด้วยรอยยิ้มราวกับมารร้าย
ร่างของเด็กหญิงสั่นเทาด้วยความกลัว ในขณะที่ดวงตายังคงจับจ้องมองภาพของผู้เป็นอาจารย์ที่กำลังย่างสามขุมตรงไปยังคฤหาสน์เบื้องหน้า
เธอรู้ดีว่า สามชีวิตในบ้านหลังนั้น คงมิได้จบลงด้วยชะตากรรมที่งดงามแน่
แม้ว่าเธอจะทราบอย่างนั้น แต่เธอก็ไร้ซึ่งพลังเพียงพอที่จะร้องห้าม
เด็กหญิงทรุดร่างลงนั่งแทบพื้น น้ำตาค่อยๆหลั่งรินลงมาจากดวงตาใต้ผ้าคลุมผ้าป่าน พร้อมๆกับเสียงกรีดร้อง และเปลวเพลิงที่โหมขึ้นมา โอบคลุมคฤหาสน์ทั้งหลังไว้ราวกับผืนดินพิโรธ
ตามชะตากรรม ชีวิตน้อยๆของเด็กหญิงในคฤหาสน์หลังนั้นต้องไม่เป็นอะไร แต่ไม่มีทาง ที่อาจารย์ของเธอจะปล่อยให้หล่อนมีอนาคตที่สงบสุขแน่
เมื่อชีวิตของหล่อน ถูกลิขิตมาให้ถูกฉุดลากเข้าสู่โลกแห่งรัตติกาล เธอเองก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ นอกเสียจากการมองดูรัตติกาล ค่อยๆกลืนกินตัวตนของจิตวิญญาณนั้นไป
ฟันเฟืองอีกตัว ได้เคลื่อนที่เข้ามาอยู่ในตำแหน่งของมันแล้ว ไม่นานนักหรอก ที่กงล้อแห่งโชคชะตานี้จะเริ่มหมุน เพื่อสร้างความวิบัติให้แก่รัตติกาลนี้
---------------------------------------------------------------
จบแบบงงๆอีกแล้ว......
คนแต่งก็งง เชื่อว่าคนอ่านก็งงไม่แพ้กัน Orz
เอาเป็นว่า ฝากเม้นต์ติชมด้วยนะคะ
มีคำถามอะไรสอบถามได้เสมอค่ะ ส่วนเรื่องตัวละคร นย์ใกล้จะประกาศแล้วค่ะ แต่ขอเวลาอีกซักนิดนะคะ
. .
ความคิดเห็น