คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1 ความฝันประหลาด (1)
“ถังชุน...นี่ถังชุน ตื่นได้แล้ว!”
จางอวี่เอ่ยกับลูกศิษย์ที่กำลังฟุบหลับ
เสียงหัวเราะดังขึ้นเมื่อถังชุนยังนอนนิ่งไม่ไหวติง
ขนาดเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ มีน้ำใจช่วยเขย่าแขนปลุกก็ยังไม่รู้สึกตัว
ปกติถังชุนไม่ใช่เด็กเหลวไหล เขามักเลือกที่นั่งด้านหน้าและตั้งใจเรียนเสมอ
ความผิดปกตินี้ทำให้จางอวี่ซึ่งเป็นอาจารย์ประจำชั้นต้องเดินเข้าไปดูใกล้ๆ
“ถังชุน...ไม่สบายหรือเปล่า”
อาจารย์สาวถามด้วยความห่วงใย
ขณะที่กำลังเอื้อมมือไปแตะหน้าผาก
อยู่ๆ คนที่ฟุบหลับก็ลุกพรวดขึ้นมาจากโต๊ะ แล้วพ่นประโยคภาษาอังกฤษออกมายาวเหยียด
“สำเนียงดี แต่ช่วยมีสติหน่อย
ลืมแล้วหรือไงว่าครูสอนฟิสิกส์” จางอวี่ส่ายหน้า
ถังชุนได้แต่ยืนเอ๋อทำหน้าเหลอหลา
พอเห็นอาจารย์จางอยู่ตรงหน้า เขาก็รีบเช็ดคราบน้ำลายแล้วยิ้มแห้งสร้างเสียงหัวเราะให้ดังขึ้นอีกครั้ง
“ขอโทษครับ” ถังชุนก้มศีรษะลงด้วยความอาย
ไม่คิดฝันว่านักเรียนดีเด่นอย่างเขาจะต้องมาเสียประวัติเพราะเผลอหลับในห้อง
ถ้าเป็นเด็กคนอื่นจางอวี่คงอดบ่นไม่ได้ว่าให้เริ่มจริงจังได้แล้ว
ตอนนี้ทุกคนเป็นนักเรียนชั้นม.6 เหลือเวลาเตรียมสอบอีกไม่มาก
เก้าเดือนนั้นเหมือนอึดใจ ถึงเวลามานั่งเสียใจก็สายไปแล้ว
แต่เนื่องจากถังชุนตั้งใจเรียนเสมอมา อาจารย์สาวจึงตำหนิเพียงสองสามคำ
แล้วเรียกให้มาทำโจทย์หน้าห้อง
ถังชุนกวาดตามองกระดานดำ อึดใจก็หยิบชอล์กขึ้นมาเขียนสูตรฟิสิกส์และแสดงวิธีทำอย่างคล่องแคล่ว
เขาเรียนด้วยตัวเองจนจบหลักสูตรไปนานแล้ว ต่อให้เผลอหลับตอนต้นคาบก็ไม่เป็นปัญหา
“ถูกต้อง” จางอวี่บอกให้ถังชุนกลับไปนั่งที่
แล้วเริ่มสอนต่อ
ถังชุนถอนใจอย่างโล่งอกที่รอดมาได้
แม้ตอนหมดคาบจะถูกเรียกให้ไปคุย แต่ก็เป็นการตักเตือนด้วยความปรารถนาดี
“ถึงวิชาภาษาอังกฤษของเธอจะไม่ดีเท่าวิชาอื่น
แต่ก็ไม่ได้แย่เลย อย่าฝืนตัวเองจนละเลยสุขภาพล่ะ เกิดล้มหมอนนอนเสื่อขึ้นมา ที่พยายามมาตลอดก็ไร้ความหมาย”
ถังชุนรับคำอย่างว่าง่าย
อาจารย์จางคงคิดว่าเขาอดตาหลับขับตานอนพยายามเรียนอย่างหนัก
ทั้งที่ความจริงช่วงนี้เขาแทบไม่ได้อ่านหนังสือเลย หัวถึงหมอนก็หลับทันที
สาเหตุที่คะแนนภาษาอังกฤษดีขึ้นเพราะความฝันในระยะนี้
ความฝันประหลาดเริ่มต้นเมื่อสัปดาห์ก่อนตอนที่ถังชุนแกล้งป่วย
แม้จะเรียนดีแต่เนื้อแท้ถังชุนไม่ใช่คนขยัน ที่ตั้งใจเรียนอย่างเอาเป็นเอาตายก็เพื่อกรุยทางไปสู่อนาคตที่สุขสบายเท่านั้น
เขาใฝ่ฝันว่าจะได้เกษียณอายุในวัยสี่สิบ แล้วนอนกลิ้งเกลือกทั้งวัน
โดยไม่ต้องห่วงเรื่องการกินอยู่ แต่การมุ่งสู่จุดหมายโดยไม่หยุดพักเลยไม่ใช่วิถีของถังชุน
เขาจึงหาเรื่องอู้พอให้ชุ่มชื่นหัวใจ
โดยใช้สถานะนักเรียนดีเด่นยึดครองเตียงในห้องพยาบาลแบบเนียนๆ
วันไหนขี้เกียจก็แกล้งป่วย เพื่อจะได้นอนอย่างสบายอุรา
แถมตื่นมายังได้กินขนมอร่อยๆ
วันนั้นถังชุนจำได้แม่นว่าไม่ได้ทำอะไรผิดแผกไปจากเดิม
พอทิ้งตัวลงนอนเขาก็เริ่มหลับฝัน ในฝันถังชุนได้พบกับเด็กชายตัวเล็กๆ ที่มีชื่อว่า
‘เหยียนเล่อ’ เด็กคนนี้เกิดในครอบครัวชนชั้นกลาง
มีพ่อแม่เป็นอาจารย์ทั้งคู่ ความที่แม่ของเหยียนเล่อสอนวิชาภาษาอังกฤษ
เด็กน้อยจึงมีใจรักในภาษา ตรงกันข้ามกับถังชุน ที่ชีวิตเหมือนมีภาษาอังกฤษเป็นยาขม
ในความฝันเหยียนเล่อเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
แม้ภาพเหตุการณ์จะไหลไปค่อนข้างเร็ว ถังชุนก็ยังได้เพลิดเพลินไปกับเรื่องราว
หลายฉากเรียบง่ายแต่ก็ทำให้อบอุ่นหัวใจ อย่างตอนที่เหยียนเล่อสอบได้คะแนนไม่ดี
พ่อแม่ก็ไม่ได้ตำหนิเขา เพียงแต่พูดว่า
“พ่อไม่สนใจตัวเลขพวกนี้หรอก
ถ้าลูกพอใจและคิดว่าทำดีแล้วพ่อก็ไม่ว่าอะไร แต่ถ้าลูกรู้สึกไม่ดีหรือต้องการความช่วยเหลือ
ก็บอกพ่อกับแม่ได้นะ เราสองคนจะอยู่ตรงนี้คอยรับฟังลูก”
ต่อจากนั้นก็ไม่มีคำปลอบใจใดๆ อีก
มีแต่น้ำตาของเด็กชายที่ไหลเอ่อ
‘เจ้าหนูนี่โชคดีจริงๆ’ ถังชุนอดคิดไม่ได้
พูดกันตามตรงชีวิตในวัยเด็กของเขาไม่ค่อยดีนักแม้จะเกิดในครอบครัวร่ำรวย
แต่กลับเต็มไปด้วยความกดดัน
ต่อให้สอบได้คะแนนสูงก็ยังถูกต่อว่าว่าทำไมไม่ได้คะแนนเต็ม บ้านตระกูลถังปลูกฝังแต่คำว่า
‘ต้องเป็นที่หนึ่ง’ ด้อยกว่านั้นถือว่าเป็นไอ้ขี้แพ้บ่อยครั้งที่เขาถูกหยิกตีด้วยเรื่องผิดพลาดเพียงเล็กน้อย
อย่างเขียนหนังสือไม่สวยหรือมีกิริยาไม่สำรวม
ตอนยังเด็กและไร้เดียงสาถังชุนเชื่อว่าทั้งหมดที่แม่ทำไปเกิดจากความรักและปรารถนาดี
ทั้งที่ความจริงไม่มีอะไรมากไปกว่าความเห็นแก่ตัว
เรื่องเริ่มต้นจากการที่พ่อมีภรรยาหลายคน
พ่อรักภรรยาคนแรกที่สุดแต่ต้องแอบอยู่กินกันเพราะผู้ใหญ่ไม่เห็นชอบ ส่วนภรรยาคนที่สองมาจากตระกูลที่มั่งคั่ง
พ่อแต่งงานกับเธอเพื่อผลประโยชน์ จึงใช้ชีวิตคู่ร่วมกันได้ไม่นาน หลังจากที่ให้กำเนิดลูกสาวเธอก็ขอหย่าขาด
แล้วพาลูกไปอยู่ต่างประเทศ ถังชุนจึงไม่เคยพบหน้าพี่สาวต่างแม่เลย
แม้แต่ชื่อก็ยังไม่รู้
ส่วนแม่ของถังชุนเป็นภรรยาคนที่สาม
ซึ่งแต่เดิมเคยเป็นบ้านเล็กมาก่อน แม่มีหน้ามีตาขึ้นมาได้เพราะให้กำเนิดเขา ทว่าความสุขของแม่กลับคงอยู่ได้ไม่นาน
พ่อพาลูกซึ่งเกิดจากภรรยาคนแรกมาอยู่ในบ้าน เพราะแม่เด็กเสียชีวิต
‘ถังคุน’ หรือพี่ใหญ่อายุมากกว่าถังชุนสี่ปี
ตามหลักทรัพย์สินของตระกูลต้องส่งต่อให้ลูกชายคนโต
ทว่าแม่กลับอยากให้ถังชุนได้เป็นผู้สืบทอด จึงบังคับให้เรียนอย่างหนัก
ไม่ว่าเรื่องไหนก็ห้ามแพ้พี่ใหญ่เด็ดขาด ส่วนพ่อแม้จะรักแม่ของพี่ใหญ่มาก
แต่ก็ให้ค่าคนที่ความสามารถ เมื่อพบว่าลูกชายคนโตไม่มีอะไรโดดเด่น ก็เริ่มไม่ใส่ใจ
ไม่นานพี่ใหญ่ก็ถูกทอดทิ้ง ในขณะที่เขาถูกเคี่ยวกรำสารพัด
ถังชุนรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นลูกโป่งที่ถูกอัดลมจนเต็ม
เขาเฝ้าคิดอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันว่าอยากให้พ่อกับแม่หายไป
แล้ววันหนึ่งความคิดของเขาก็กลายเป็นความจริง ในปีที่ถังชุนขึ้นชั้นม.3
พ่อกับแม่ก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต
พวกท่านจากไปโดยไม่มีคำร่ำลาหรือข้อความสั่งเสียใดๆ
‘โล่งใจ เสียใจ เคว้งคว้าง
รู้สึกผิด’
อารมณ์เหล่านี้วนเวียนมาเยี่ยมเยียนถังชุนตลอดเวลาจนเขาแทบบ้า
เหตุการณ์ช่วงนั้นเหมือนเป็นภาพเบลอ ไม่ทันหายเศร้าบ้านที่เคยอยู่
ทรัพย์สินที่เคยมีก็ถูกขายเพื่อใช้หนี้ที่พ่อกู้มาลงทุน
ญาติมิตรที่เคยมีอย่างอุ่นหนาฝาคั่งกลับหนีหาย
พวกเขาสองพี่น้องเหลือเพียงของดูต่างหน้าไม่กี่ชิ้นกับเงินประกันชีวิตของพ่อกับแม่
พี่ใหญ่เลยตัดสินใจพาเขาย้ายจากสภาพแวดล้อมเดิมๆ แล้วมาเริ่มต้นใหม่ที่เมืองนี้
ในขณะที่ถังชุนกำลังเปรียบเทียบครอบครัวตัวเองกับเหยียนเล่อ
ข่าวร้ายก็มาเยี่ยมเยือนตระกูลเหยียน พ่อของเหยียนเล่อตรวจพบว่าเป็นมะเร็ง
มันลุกลามอย่างรวดเร็ว ไม่ถึงครึ่งปีชายผู้แสนดีก็จากไป
ตอนนี้ทั้งถังชุนและเหยียนเล่อต่างก็เป็นกำพร้า จะต่างก็ตรงเหยียนเล่อยังเหลือแม่เป็นที่พึ่งพิง
เหตุการณ์ถูกตัดจบเมื่อถังชุนตื่น
เขาหลับไปสามชั่วโมงเต็มแต่กลับไม่รู้สึกสดชื่นเลย
เนื่องจากถังชุนกับตัวละครในฝันเสียพ่อไปในวัยเดียวกัน เขาเลยคิดว่ามันเกิดจากจิตใต้สำนึกเลยไม่สนใจอีก
ทว่าคืนนั้นถังชุนกลับฝันถึงเรื่องราวของเหยียนเล่อต่อ
เขาฝันแบบนี้ทุกคืนและมักสะดุ้งตื่นกลางดึกเสมอ
ในฝันเหยียนเล่อเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
เพียงหนึ่งสัปดาห์คนในฝันก็กลายเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย สิ่งที่เหยียนเล่อเรียนรู้ไม่ว่าจะเป็นความรู้ทางด้านวิชาการหรือทักษะต่างๆ
ถังชุนได้รับมากว่าครึ่ง ที่เห็นได้ชัดคือทักษะภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะฟัง พูด อ่าน
เขียน ล้วนพัฒนาอย่างก้าวกระโดด บางครั้งก็มีความสามารถใหม่โผล่มา เช่นอยู่ๆ
ก็ซ่อมหม้อหุงข้าวได้ ทั้งที่เมื่อก่อนแค่ซื้อหลอดไฟมาเปลี่ยนยังซื้อผิด
เนื่องจากไม่อยากถูกหาว่าบ้าและเห็นว่าเจ้าฝันนี่ส่งผลดีมากกว่าผลเสีย
ถังชุนจึงเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ
โชคดีอีกอย่างคือความฝันประหลาดไม่ได้รบกวนเขาบ่อยนัก มันมาแค่วันละครั้ง
และมักจะเกิดขึ้นในช่วงกลางคืน นอกจากนี้ระยะหลังก็เหมือนจะฝันสั้นลงด้วย
ถังชุนเลยรีบกินอาหารเที่ยงแล้วงีบหลับ เพื่อชดเชยเวลานอนที่หายไป
สาเหตุที่วันนี้ง่วงนอนตอนบ่าย
เป็นเพราะถูกเว่ยเหวินเป่าลากออกไปกินข้าวนอกโรงเรียน เจ้าเพื่อนบ้าเลือกร้านที่อยู่ไกลลิบ
ขากลับเลยต้องวิ่งกันตาเหลือก ไม่เพียงไม่ได้นอนพัก พลังงานของทั้งวันยังถูกใช้ไปเกินครึ่งหลอด
คิดถึงไม่ทันไรตัวการทำให้ประวัตินักเรียนดีเด่นด่างพร้อย ก็มาตะโกนโหวกเหวกที่ประตูห้อง
“ชุนโดดเรียนช่วงค่ำกันเถอะ”
เว่ยเหวินเป่าพูดเสียงดังแบบไม่เกรงใจใคร
โรงเรียนของเขาวันจันทร์ถึงวันพฤหัสบดีมีคาบเรียนตอนเย็นถึงสามทุ่ม
โดยจะให้พักช่วงห้าโมงถึงหกโมงครึ่ง นักเรียนส่วนใหญ่เลยใช้เวลาช่วงนี้ไปกินอาหารเย็นไม่ก็เล่นกีฬา
แต่สำหรับพวกเด็กสายวิทย์ห้องพิเศษอย่างถังชุน จะมีเวลาพักแค่สิบนาที
ต้องเรียนอีกคาบหนึ่งก่อนถึงจะได้พักกินข้าว นักเรียนส่วนใหญ่จึงยังอยู่กันครบ
“ชุนโว้ย!...ได้ยินไหม”
เว่ยเหวินเป่าเพิ่มเสียงให้ดังขึ้นอีก
หนุ่มร่างสูงใหญ่ผู้มีภาพลักษณ์ของเด็กเกเรคนนี้ไม่แคร์ใครอยู่แล้วขนาดพวกที่นั่งอยู่ตรงประตูพากันกลัวจนถอยห่างก็ยังไม่สังเกต
“อย่าเสียงดังรบกวนคนอื่น”ถังชุนดุ
เพื่อนในห้องเห็นถังชุนกล้าเผชิญหน้าก็ชื่นชมผสมกริ่งเกรง
ปกติถังชุนจะเป็นคนเงียบๆ ดูไม่มีพิษภัย หากไม่รู้จักก็จะเข้าใจว่าเป็นแค่เด็กเรียนคนหนึ่ง
แต่ความจริงแล้วเขาเป็นเสือซ่อนเล็บ
ไม่อย่างนั้นคงพูดกับเจ้าพ่อคุมโรงเรียนอย่างเป็นกันเองไม่ได้
หากถังชุนได้ยินความคิดของเพื่อนร่วมชั้นคงกรีดร้องในใจเสียงดัง
เสือซ่อนเล็บอะไรกัน เสือไม่มีเล็บต่างหาก ตัวเขาน่ะกีฬาห่วย ต่อยตีก็ไม่เป็น
นอกจากวิถีชีวิตประหยัดพลังงานกับเป้าหมายเกษียณสุขสันต์ ก็ไม่เคยนึกถึงสิ่งอื่น
ที่ดูสนิทกับเว่ยเหวินเป่าเพราะเรียนม.ต้นที่เดียวกัน
อีกทั้งฝ่ายนั้นยังเป็นคนเข้าหาก่อน
เนื้อแท้เว่ยเหวินเป่านิสัยไม่แย่เลย
เขาแค่เกิดมาตัวโตไปหน่อย หน้าตากวนส้นไปนิด เลยถูกหาเรื่องเป็นประจำ ความที่เจ้าตัวมีนิสัยต่อยมาต่อยกลับไม่โกง
ขาใหญ่ในโรงเรียนที่มาท้าไฟต์เลยโดนเก็บเรียบ ขาใหญ่นอกโรงเรียนก็ล้วนมีชะตาไม่ต่างกัน
รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็น ‘ลูกพี่เว่ย’ ที่มีสมุนนับร้อยไปแล้ว
“ก็นายห้ามฉันเข้าไปนี่”
เว่ยเหวินเป่าอยู่คนละห้องแต่ชอบมาป่วนประจำ
ก็เลยถูกยื่นคำขาดห้ามไม่ให้เข้ามากวนในห้องเรียน ถังชุนถอนใจเฮือกหนึ่ง
ก่อนดึงแขนเพื่อนออกไปคุยกันที่ชานพักบันได
“พูดมาว่าชวนกลับก่อนนี่ต้องการอะไร”
“ได้ข่าวว่าวูบตอนเรียนก็เลยเป็นห่วง
นี่ลงทุนเรียกให้รถมารับเชียวนะ”
ถังชุนฟังแล้วอยากแก้ต่างว่าเขาแค่เผลอหลับไม่ใช่วูบ
แต่ถ้าอธิบายเรื่องจะออกนอกประเด็นไปใหญ่ ถังชุนจึงเอ่ยเสียงเข้ม
“อยากได้อะไรก็ว่ามา”
เว่ยเหวินเป่าฉีกยิ้มประจบเมื่อถูกจับไต๋ได้
“ไปล่าผีกัน”
“หา!”
ความคิดเห็น