ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ป่าต้องห้าม

    ลำดับตอนที่ #8 : การตัดสินใจ

    • อัปเดตล่าสุด 28 ม.ค. 47


    แน่นอนไม่มีใครอยากตายหรอก แต่อันตนเองก็ไม่อยากโดนประนามชั่วลูกชั่วหลานว่าขี้ขลาด ในใจลึกๆ เขารู้สึกโกรธครอบครัวตัวเองขึ้นมา เวลาอย่างนี้แทนที่จะอยู่ให้กำลังใจกัน กลับหนีหน้าไปเฉย เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ไม่ว่าเขาจะตัดสินใจทางไหน ก็มีแค่ร้ายกับร้ายกว่าเท่านั้น แต่ปัญหาคือเขาไม่รู้ว่วทางไหนมันจะแย่กว่ากัน



    \"นายคิดอย่างนี้สิ นายยกลูกนายให้มัน...\"

    \"นายจะบ้าหรือไง\" อันตนพูดขัดขึ้นมาก่อนที่มาร์คุสจะพูดได้จบประโยค

    \"ฟังฉันให้จบสิ นายยกลูกให้มัน แล้วนายก็ไปทำหมันซะ ทุกอย่างก็จบไม่ใช่เหรอ นายจะรับลูกมาเลี้ยงหรืออะไรก็ได้ ขอให้ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของนายเท่านั้นก็พอ\"

    อันตนต้องยอมรับว่ามาร์คุสมีหัวทางด้านวิธีโกงชั่วๆ อย่างนี้พอตัว แต่เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าทุกอย่างมันจะไปย้อนถึงพ่อหรือซิโมน หรือลูกชายของซิโมนหรือเปล่า

    \"แล้วนายก็ให้ซิโมนทำหมันด้วย\" มาร์คุสพูดเสริมเมื่อพอเดาออกว่าอันตนกังวลเรื่องอะไรอยู่

    \"ถ้าทำอย่างนั้นตระกูลเออลินก็สูญพันธุ์น่ะสิ\" ไม่ว่าอันตนจะคิดท่าไหนมันก็เป็นความคิดที่ไม่เข้าท่าเท่าไหร่ ดูท่าวิธีที่จะทำให้ทุกฝ่ายเจ็บปวดน้อยที่สุดก็คงจะเป็นการเสียสละตัวเอง ความตายนั้นมันน่ากลัวกว่าที่คิด พอคิดว่าอีกสองวันเขาก็จะไม่มีชีวิตอยู่ในโลกนี้อีกแล้วเขาก็ผวา ตายแล้วจะไปไหนนะ เขาต้องปรนนิบัติวิญญาณร้ายเหล่านั้นงั้นเหรอ ความตายมันจะรู้สึกยังไง เจ็บไหม ปวดไหม คำถามนับร้อยเกี่ยวกับความตายผ่านเข้ามาในหัวเขา

    \"แล้วฉันจะกลับมาบอกนายนะ ว่าความตายมันเป็นยังไง\" อันตนพูดด้วยเสียงที่หดหู่ที่สุด ทำเอาน้ำตาไหลซึมออกมาจากเบ้าตาของมาร์คุส อันตนตัดสินใจได้แล้ว เขาตัดสินใจที่จะสังเวยตัวเอง

    \"ฉันขออยู่เป็นเพื่อนนายจนวันนั้นได้มั๊ย\" มาร์คุสเสียงสั่นแล้วกอดอันตนไว้ ทั้งคู่ตกอยู่ในภาวะสิ้นหวังอย่างที่สุด จะไม่มีอีกแล้ววันที่เขาได้อยู่ด้วยกัน การจากกันก็เจ็บปวดพอแล้ว แต่เมื่อได้รู้ว่าจะไม่มีวันได้เจอกันอีก ไม่ว่าจะพยายามเท่าไร และอันตนก็ไม่ได้พักผ่อนอย่างสงบต้องมากลายเป็นทาสรับใช้ของวิญญาณสมัยหลายร้อยปีที่แล้วมันทำให้มาร์คุสเจ็บปวดขึ้นไปอีก คืนนั้นทั้งคืนทั้งคู่ไม่ได้นอนแต่นั่งคุยกันถึงเรื่องในอดีตกันแทน



    \"นายจำครั้งแรกที่ฉันเจอนายได้ไหม\" มาร์คุสถามขึ้นราวกับว่ามันเป็นอะไรที่เขาจะไม่มีวันลืม แต่อันตนกลับอึ้งไป และพยายามคิดว่าเกิดอะไรขึ้นครั้งแรกที่เขาเจอกับมาร์คุส เขามีเพียงแต่ความรู้สึกว่ามันเป็นเวลาที่นานมาจนเขาจำอะไรไม่ได้แล้ว

    \"นายน่ะ ร้องไห้จ้าเพราะฉันเล่นสโนว์บอร์ดไปชนตุ๊กตาหิมะของนายไง ตอนนั้นเราอายุแค่สี่ห้าขวบเองมั้ง\" แล้วอันตนก็นึกขึ้นได้ เขาไม่คิดเลยว่าเขาจะรู้จักกับมาร์คุสมานานขนาดนี้ เขาไม่ได้เรียนโรงเรียนเดียวกับมาร์คุสจนปีที่ผ่านมา เนื่องจากบ้านของเขาสองคนอยู่คนละเขต ถึงเขาจะมีเพื่อนหลายคนที่รู้จักกันตั้งแต่สมัยไปสถานรับเลี้ยงเด็กกลางวันด้วยกันแต่ก็ไม่มีใครที่เขารู้สึกผูกพันและพึ่งพาได้เท่ามาร์คุส

    \"อ้อ ใช่ จำได้แล้ว ฉันโกรธนายมาเลยนะนั่น นายน่ะเล่นอะไรไม่ดูตาม้าตาเรือเลย\" อันตนพูดแล้วหัวเราะ

    \"ไปเล่นสโนว์บอร์ดกัน\" มาร์คุสพูดแล้วฉุดอันตนขึ้นจากเตียง

    \"จะบ้าเหรอ ตอนนี้เนี่ยนะ\" อันตนมองออกไปนอกหน้าต่างซึ่งก็มืดสนิทตามที่คาด มีเพียงแสงดวงจันทร์แล้วดวงดาวที่สาดส่องเท่านั้น \"นายรู้มั๊ยว่ามันกี่โมงกี่ยามแล้ว\"

    \"ตีสี่สิบนาที เป๊ะๆ\" มาร์คุสตอบพร้อมกับใส่เสื้อแจ็กเก็ตไปพร้อมๆ กัน \"หยิบสโนว์บอร์ดแล้วไปเร็ว\" ก่อนที่จะจบประโยคมาร์คุสก็วิ่งออกไปนอกบ้านพร้อมกับสโนว์บอร์ดคู่ใจแล้ว หิมะตกอยู่เบาๆ ทำให้มีหิมะตกใหม่อยู่เต็มบริเวณเต็มไปหมด อันตนล็อกเท้าของตัวเองเข้ากับสโนว์บอร์ดแล้วไถไปตามทางเนินลาดเล็กๆ ที่เริ่มตั้งแต่หน้าบ้าน



    \"มาร์คุส...นายอยู่หนายยย\" อันตนเริ่มใจเสียเมื่อไม่เห็นมาร์คุส

    \"อยู่นี่\" เสียงดังมาจากข้างหน้าของเขาเอง แต่เขาไม่เห็นใครเลย แล้วทันใดนั้นมาร์คุสก็โดดออกมาจากพุ่มไม้ข้างทาง \"แน่จริงก็ตามให้ทันสิ\" แล้วมาร์คุสก็โน้มตัวเพื่อเร่งสปีดหนีอันตน ถึงเรื่องเรียน เรื่องผู้หญิง และเกือบทุกอย่างเขาจะแพ้อันตนหมด (ก็อันตนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นมิสเตอร์เพอร์เฟ็กต์คู่กับมิสเพอร์เฟ็กต์อย่างซิสซี่) แต่เรื่องสโนว์บอร์ดนี่เขาไม่มีทางแพ้อันตนเด็ดขาด จะว่าไปแล้วก็เป็นเขาเองที่ทำให้อันตนเริ่มเล่นสโนว์บอร์ด นานๆ ทีเขาจะปล่อยให้อันตนชนะทีเนื่องจาก...

    \"มาร์คุส มาแข่งสโนว์บอร์ดกัน\"

    \"อีกที\"

    \"อีกที\"

    \"อีกทีเดียว\"

    \"ครั้งสุดท้ายแล้ว\"

    จะผ่านไปกี่ทีผลก็เหมือนเดิม จนมาร์คุสต้องปล่อยให้อันตนชนะเพื่อที่จะได้เลิกเล่นเสียที อันตนที่จะไม่มีวันยอมแพ้จนกว่าจะได้สิ่งที่ต้องการนั้นหายไปไหนแล้วนะ อันตนเคยเล่นสโนว์บอร์ดจนแทบจะยืนไม่อยู่เพราะต้องการที่จะสไลด์ไปบนขอนไม้ให้ได้ เขายังจำวันนั้นได้ดี...

    \"อันตน พอแล้วลูก ไปกินข้าวแล้วอาบน้ำนอนเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาเล่นต่อก็ได้\" เสียงแม่ของอันตนมาอ้อนวอนให้อันตนเลิกเล่น

    \"อีกนิดเดียวฮะแม่ เห็นมั๊ยผมจะทำได้อยู่แล้ว\" อันตนพูดทั้งๆ ที่ตัวเองแทบจะล้มกองลงไปกับพื้น เขาทำซ้ำอย่างๆ นี้มาเกือบจะพันครั้งแล้วมั้ง \"ถึงจะทำไม่สำเร็จพันครั้ง ก็ใช่ว่าผมจะล้มเหลวพันครั้ง แต่ผมรู้วิธีที่จะไม่ประสบความสำเร็จตั้งพันวิธีแน่ะ\" ทุกครั้งที่เขาพยายามทำอะไร คตินี้มักจะหลุดออกมาจากปากเขาทุกครั้ง กว่าเขาจำสไลด์ไปบนขอนไม้สำเร็จเวลาก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืน และหลังจากนั้นอีกสี่วันเขาก็พบว่าตัวเองแขนหักจากการเล่นสโนว์บอร์ดครั้งนั้น

    อันตน เด็กชายที่มีความพยายามอย่างไม่สิ้นสุดคนนั้นหายไปไหน ตอนนี้กลายเป็นอันตนที่ท้อแท้และสิ้นหวัง แต่เขาจะทำอะไรได้นอกจากถอนหายใจ

    เมื่อตื่นขึ้นมาจากภวังค์ความคิดของตัวเองด้วยเสียงเรียกจากด้านหลัง เขาก็ต้องพบว่าด้านหน้าของเขาเป็นต้นสนต้นโต จะหลบตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว เขาได้แต่ยกมือขึ้นมาปัดป้องหน้าของตัวเองไว้ เมื่ออันตนเห็นมาร์คุสชนเข้าอย่างจังกับต้นสน เขาก็รีบสไลด์ตัวเองหยุดสโนว์บอร์ด ถอดสโนว์บอร์ดแล้วรีบวิ่งขึ้นมาดูว่ามาร์คุสจะเป็นอะไรมากรึเปล่า

    \"คราวนี้นายชนะนะ\" มาร์คุสพูดก่อนที่ทั้งคู่จะระเบิดหัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน



    เมื่อเห็นว่ามาร์คุสไม่เป็นอะไร เขาก็ใส่สโนว์บอร์ดเพื่อไปต่อ สักพักเขาก็ได้ยินเสียงคนคุยกันแต่เป็นภาษาที่เขาไม่อาจเข้าใจได้ เขารีบหยุดสโนว์บอร์ดแล้วโบกมือให้มาร์คุสหยุดด้วย เขากระซิบถามว่ามาร์คุสได้ยินเหมือนที่เขาได้ยินหรือเปล่า

    \"ไม่นี่ เสียงใครพูดอะไร\" มาร์คุสตอบหน้าตาเฉย ทำเอาอันตนงงเพราะเสียงที่เขาได้ยินนั้นดังมาก มีเสียงชายคนหนึ่งโหยหวนอยู่ตลอดเวลา เป็นเสียงที่อันตนฟังแล้วต้องขนลุก เขาพยายามเข้าไปให้ใกล้ที่มาของเสียงที่สุด มาร์คุสเองก็ตามเขาไปอย่างงงๆ แล้วเขาก็ต้องเห็นว่าเบื้องหน้าเป็นสถานที่ที่เขาคุ้นเคยมากในช่วงสองสามวันมานี้

    \"ที่นี่มัน...สุสานประจำตระกูลนายนี่\" มาร์คุสร้องขึ้น ก่อนที่อันตนจะเอามือปิดปากให้มาร์คุสเงียบ เขาไม่แน่ใจว่าถึงมาร์คุสจะไม่ได้ยินสิ่งนั้น แต่สิ่งนั้นจะได้ยินมาร์คุสหรือเปล่า



    \"นายรู้ไหมว่าตอนที่ฉันปวดหัวจนทนไม่ได้ที่บ้านลุงมัทธิอัสน่ะ ฉันเห็นอะไร\"

    \"นายเห็นอะไรล่ะ\"

    \"เห็นอย่างที่ฉันเห็นตอนนี้ บรรพบุรุษของตระกูลเออลิน\" อันตนพูดและเอามือชี้ไปที่สุสาน ทางด้านมาร์คุสนั้นไม่เห็นอะไรเลยนอกจากสุสานที่ว่างเปล่า

    \"ทุกคนที่ตายในวันคริสต์มาส ทุกคนที่มีรูปอยู่ที่บ้านลุงมัทธิอัสอยู่ที่นี่หมด เหมือนกำลังประชุมอะไรซักอย่าง\"

    \"ประชุมหาวิธีฆ่านายไงเล่า\" มาร์คุสพูดแทรกขึ้นมาเบาๆ แบบไม่ตั้งใจให้อันตนได้ยิน อันตนเองก็ไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่ เพราะพยายามที่จะทำความเข้าใจกับภาษาที่พวกเขาพูด เมื่อฟังดีๆ แล้วเขาก็ต้องพบว่าพวกเขาพูดภาษาสวีดิชนั่นแหละ แต่เป็นภาษาสวีดิชยุคเก่า เขาเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ มันดูจะเป็นภาษาสวีดิชผสมกับลาติน แต่คำหนึ่งที่เขาเข้าใจแน่ๆ \"อันตน เออลิน\"



    อันตนพยายามเล่าทุกอย่างที่เห็นให้มาร์คุสฟังเผื่อที่มาร์คุสจะมีความคิดอะไรดีๆ ขึ้นมา

    \"ตอนนี้ล่ะอยากมีเลือดของตระกูลเออลินอยู่ในตัวจริงๆ อย่างน้อยก็จะได้เข้าใจว่านายเห็นอะไร\" มาร์คุสพูดประชดแต่ก็จุดประกายให้อันตนในขณะเดียวกัน อันตนหยิบมีดพับออกมาพร้อมทั้งกรีดแขนตัวเองนิดหนึ่ง แล้วเอานิ้วแตะไปใส่ปากมาร์คุส

    \"เดี๋ยวๆ คำถามสุดท้าย\"

    \"อะไร\" อันตนพูดด้วยความรำคาญและพร้อมจะยัดนิ้วตัวเองเข้าปากมาร์คุสทุกเมืื่อ

    \"นายเป็นเอดส์รึเปล่า\" พออันตนได้ยินคำถามอันตนก็ยัดนิ้วตัวเองเข้าไปในปากมาร์คุส

    \"ฉันหวังว่านั่นจะแปลว่าไม่นะ\" มาร์คุสแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง แต่เขาเริ่มเห็นและได้ยินสิ่งที่อันตนพูดถึงมาตลอด \"ไม่น่าเชื่อว่าแค่ดูดเลือดนายจะทำให้ฉันกลายเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเออลินได้\" มาร์คุสพูดก่อนที่จะเงี่ยหูฟังว่าเขาพูดอะไรกัน



    ในที่สุดทั้งคู่ก็พอจับใจความได้ว่าพวกเขากำลังพูดถึงการสังเวยที่จะมาถึงนี้ ชายคนที่ดูจะเป็นหัวหน้าก็คือกุสตาฟ เออลิน คนที่ถูกพูดถึงก็คือเขาเอง เขาไม่เข้าใจถึงรายละเอียดทั้งหมด แต่เขารู้สึกว่าที่บรรพบุรุษพูดถึงเขานั้นไม่ได้มีเจตนาร้าย เหมือนพวกเขาเป็นห่วงอันตนมากกว่า เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าบรรบุรุษเป็นฝ่ายเดียวกับเขาหรือเป็นศัตรูกันแน่

    \"เขาพูดเหมือนเป็นห่วงฉัน ถ้ายังไงฉันก็ต้องตายแล้วเขาจะเป็นห่วงฉันทำไม\" อันตนพึมพัมขึ้นมา

    \"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ถ้าฉันเป็นนายนะ ตายไปจะไปต่อยหน้ากุสตาฟ เออลินสักที ทำเรื่องวุ่นขึ้นมาได้\" ทั้งตระกูลเออลินเหมือนได้ยินสิ่งที่มาร์คุสพูด และทั้งภาพทั้งเสียงก็เลือนหายไปต่อหน้าต่อตาของทั้งสองคน



    \"ฉันว่าพวกเขาได้ยินนาย\"

    \"แต่พวกเขาจะเข้าใจได้ไงล่ะ เราพยายามแทบตายกว่าจะเข้าใจภาษาเขา\"

    \"พวกเขาไม่ใช่คนนะลุง\" อันตนลุกขึ้นหยิบสโนว์บอร์ดและทำท่าจะเดินกลับบ้าน ระหว่างทางทั้งคู่เถียงกันไปตลอดทางถึงเรื่องที่มาร์คุสพูด

    เหตุผลที่อันตนพยายามยกขึ้นมาว่าพวกเขาเข้าใจมาร์คุสก็คือ \"พวกเขาไม่ใช่คน\" ส่วนเหตุผลที่มาร์คุสยกขึ้นมาสนับสนุนว่าพวกเขาไม่เข้าใจก็คือ \"นายคิดดู ถ้านายใช้เซฟไฟล์มาในเวิร์ดสองพัน แล้วนายมาเปิดในเวิร์ด 6.0 จะเปิดได้มั๊ย\" เหตุผลนี้ทำเอาอันตนอึ้งไปว่าคิดได้ไง

    \"ถ้าพวกเขาไม่เข้าใจพวกเขาจะหายไปไหม\"

    \"ถ้านายหายตัวได้แล้วนายรู้ว่ามีคนอยู่ใกล้ๆ แอบดูนายอยู่นายจะหายตัวมั๊ยล่ะ\"

    ไม่นานพวกเขาก็มาถึงบ้าน พวกเขามัวแต่เถียงกันจนไม่ได้สนใจระยะทาง อันตนมองนาฬิกาและต้องพบว่าเป็นเวลาเจ็ดโมงเช้าแล้ว พอเข้าบ้านพวกเขาก็เปิดตู้เย็นหาของกินกันทันที วันนี้วันที่ 23 ธันวาคมแล้ว อันตนเหลือเวลาหาความสุขใส่ตัวแค่สองวันเท่านั้น
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×