ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ความจริงทั้งหมด
เมื่อกลับมาถึงบ้านของอันตน ทั้งคู่รีบขึ้นไปที่ห้องของอันตนเพื่อต่อกล้องกับโน๊ตบุ๊กดูรูปที่ถ่ายมา มาร์คุสแกะเอาเมมโมรี่ สติ๊กมาเสียบกับโซนี่ วีออสของอันตน อันตนมือสั่นขณะที่เรียกไฟล์ขึ้นมาดู เขากลัวว่าสิ่งที่กำลังจะปรากฎบนหน้าจอโน๊ตบุ๊คของเขานี้จะเป็นสิ่งที่เขาไม่อยากเห็น
เขาสองคนไม่ทันสังเกตว่าทันที่ที่เขาเปิดคอม MSN ก็ล็อกออนโดยอัตโนมัติ
\"Cissi says : หวัดดี\" กรอบสี่เหลี่ยมสีฟ้าขึ้นมาที่มุมล่างซ้ายของสกรีน ถ้าเป็นคนอื่นในช่วงเวลาคับขันอย่างนี้เขาคงจะล็อกออฟ MSN ไปแล้ว แต่เมื่อเห็นว่าเป็นซิสซี่ อันตนก็คลิกหน้าจอซิสซี่ขึ้นมาพร้อมกับพิมพ์บนสนทนาตอบ
Ant says : หวัดดี
Cissi says : ขอโทษนะที่วันนั้นทิ้งนายสองคนไว้ ขอโทษ ขอโทษจริงๆ
Ant says : ไม่เป็นไรหรอกซิส ไม่เป็นไร
แ่ต่อันตนก็ต้องพบว่าข้อความถูกตีกลับ เขาเหลือบมองด้านบนของหน้าต่างสนทนา Cissi appears to be offline and might not answer อันตนปิดหน้าต่างนั้นลงไป และกลับมาสนใจกล้องของมาร์คุสต่อ
อันตนเลือกโหมดสไลด์โชว์เพื่อดูรูปทั้งหมด รูปที่ถ่ายไว้มีหลายสิบรูป ทั้งคู่พยายามสังเกตรายละเอียดในบ้านให้ได้มากที่สุด อันตนโล่งใจเมื่อรูปทั้งหมดดูจะไม่มีอะไรผิดปกติ แต่เมื่อมาถึงคลิปวีดิโอสุดท้ายที่มาร์คุสถ่ายไว้ ทั้งคู่ต้องย้อนกลับมาดูเป็นรอบที่สอง
\"นายเห็นอย่างที่ฉันเห็นรึเปล่า\" อันตนถามขึ้น
\"นายเห็นอะไรล่ะ\"
\"เก้าอี้ มันโยกอยู่\" อันตนพูดพร้อมกับชี้ไปที่เก้าอี้โยกที่ปรากฏอยู่บนจอ \"นายโยกมันรึเปล่า\"
\"ฉันยืนถ่ายอยู่นี่ จะเอาเวลาที่ไหนไปโยกมันล่ะ\"
อันตนคิดไม่ตกว่าเก้าอี้นั่นโยกได้อย่างไร เวลาที่มาร์คุสถ่ายวีดิโอนั้น ก็คงจะเป็นเวลาที่เขากำลังยืนจ้องรูปวาดบนผนังอยู่ จะเป็นไปได้หรือเปล่าว่าเขาเดินผ่านแล้วไปชนเก้าอี้โดยไม่ได้ตั้งใจ แต่เก้าอี้นั้นโยกราวกับว่ามีคนนั่งแล้วโยกมันอยู่ \"ลุงมัทธิอัสเป็นใครกันแน่\" เขาคิด ที่แน่ๆ เขาคงไม่ใช่ตาแก่ขี้เมาธรรมดาแน่นอน
มาร์คุสเริ่มหาว อันตนเองก็รู้สึกเหนื่อยเต็มที วันนี้เป็นวันที่ยาวนานสำหรับเขาทั้งสองคน นาฬิกาบนจอคอมพิวเตอร์บอกเวลา 21.16 อันตนคว้าผ้าเช็ดตัวเพื่อจะไปอาบน้ำที่ห้องน้ำชั้นล่าง ส่วนมาร์คุสก็จัดที่นอนสำหรับเขาในคืนนี้ เขาหยิบถุงนอนออกมาจากเป้ และปูลงบนพื้นห้องของอันตน เขานอนเล่นบนเตียงของอันตนคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาในสองวันนี้ระหว่างที่นอนรออาบน้ำต่อจากอันตน มีเรื่องมากมายผ่านเข้ามาในหัวสมองของเขา มีเรื่องเกิดขึ้นมากมายจนสมองเขาแทบจะรับไม่ทัน เขาหลับตาลง นี่นับเป็นครั้งแรกในสองวันที่เขารู้สึกผ่อนคลายจริงๆ เรื่องๆ ร้ายๆ มันยังไม่จบแต่สำหรับวันนี้ ทุกอย่างจบลงแล้ว
อันตนใช้ผ้าเช็ดตัวพันตัวขึ้นมาจากชั้นล่าง เมื่อเขาเปิดประตูเข้ามาในห้องนอน มาร์คุสก็นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงของเขาเองแล้ว \"ท่าทางมันคงจะเหนื่อยสุดๆ\" เขาคิดก่อนที่จะปิดไฟแล้วเดินไปนอนที่ถุงนอนของมาร์คุสแทน
เช้าวันถัดมา ทั้งคู่ตื่นขึ้นมาอย่างสดใสเมื่อได้นอนอย่างเต็มอิ่มทั้งคืน โต๊ะอาหารเช้าวันนี้เพรียบพร้อมไปด้วยขนมปัง เนย แยม แฮม โยเกิร์ต และชีสนานาชนิด ผิดกับเมื่อวานที่เขาเริ่มต้นวันด้วยอาหารกระป๋อง ทั้งคู่แทบจะจำไม่ได้ว่าพวกเขามีอะไรตกถึงท้องครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ดูท่าว่าทุกครั้งที่ได้เวลากินข้าว พวกเขาก็กำลังตื่นเต้นหรือไม่ก็เหนื่อยเกินกว่าที่จะทำกินกัน
มาถึงตอนนี้แล้ว พวกเขาก็ตระหนักว่าสิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้ก็คือเผชิญหน้ากับลุงมัทธิอัส ลุงมัทธิอัสเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องทั้งหมดและเขาก็ต้องเค้นเอาความจริงจากลุงมัทธิอัสให้ได้ หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ ทั้งคู่ทำแซนวิชใส่ถุงไปอีกคนละสามชิ้นแล้วก็ออกเดินทางด้วยเวสป้าคู่ใจไปบ้านลุงมัทธิอัส ระหว่างทางพวกเขาไปแวะที่บ้านของเพื่อนบ้างเพื่อขอของบางอย่าง เมื่อได้ของครบแล้วก็เดินทางต่อ ทั้งคู่ใจเต้นตึกตัก \"เอาละวะ ถ้าเผชิญหน้ากันอย่างนี้แล้วไม่ได้ความจริงก็ให้มันรู้ไป\" อันตนพูดขึ้นเมื่อเข้าไปใกล้บ้านลุงมัทธิอัสพอสมควรแล้ว พวกเขาก็ทิ้งเวสป้าไว้และเริ่มเดิน
ทั้งคู่ยืนอยู่หน้าบ้านมัทธิอัส ในใจภาวนาให้แผนของพวกเขาสำเร็จ มาร์คุสเอาเชือกที่ขอมาจากเพื่อนบ้านคล้องบ่าแล้วมุดเข้าไปทางห้องใต้ดินที่พวกเขาสองคนหนีออกมาเมื่อวาน ส่วนอันตนก็เดินไปที่ประตูบ้านพร้อมกับเคาะประตูอย่างแรง เสียงรองเท้ากระทบกับพื้นดังมาตลอด จนลูกบินประตูเคลื่อนที่ ชายแก่ที่เขาเห็นอยู่ข้างในดูแก่กว่าที่เคย
\"หวัดดีฮะ ลุงมัทธิอัส\"
\"เอ็งต้องการอะไรจากข้า\" ลุงมัทธิอัสตวาด
\"ผมต้องการรู้ความจริง และผมก็รู้ว่าลุงรู้เรื่องทุกอย่าง ถ้าถึงอย่างไรผมก็หนีมันไม่พ้น อย่างน้อยผมก็มีสิทธิที่จะได้รู้ว่าอะไรที่ต้องการตัวผม ตัวพ่อผม หรือคนในตระกูลเออลิน\" ลุงมัทธิอัสถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเปิดประตูให้อันตนเข้าไปในบ้าน \"สงสัยงานนี้จะไม่ต้องใช้กำลังกัน\" อันตนคิด
\"นั่งสิ\" ลุงมัทธิอัสพูดพร้อมกับผายมือไปทางเก้าอี้โต๊ะกินข้าว \"แล้วบอกให้ไอ้หนุ่มในห้องใต้ดินออกมาฟังด้วย\"
อันตนถึงกับหน้าถอดสี ลุงมัทธิอัสรู้ได้อย่างไร \"ใครในห้องใต้ดินเหรอลุง วันนี้ผมมาคนเดียว\" เขาทำใจกล้าโกหกออกไป
\"เหลวไหล!!!\" มัทธิอัสตวาด \"พวกเอ็งมาทำอะไรลับๆ ล่อๆ ในบ้านข้าข้ารู้หมดแหละ อย่าคิดนะว่าตัวเองรู้เรื่องเยอะ รู้แค่กระพี้แล้วยังมาทำอวดเก่ง พวกเอ็งคิดจะทำอะไรข้ารู้หมดแหละ เอ้า บอกให้มันออกมาได้แล้ว\"
\"มาร์คุส\" อันตนต้องยอมรับแ้ล้วเรียกมาร์คุสออกมา มาร์คุสเองก็แทบไม่เชื่อสิ่งที่ตัวเองเพิ่งจะได้ยิน ลุงมัทธิอัสรู้ได้อย่างไร
\"ก็อย่างที่พวกเอ็งรู้ เอ็งต้องถูกสังเวย เมื่อยี่สิบปีก่อน พ่อเอ็งกลัวตายก็เลยยกลูกชายให้แทน พ่อแม่เอ็งนะรักเอ็งมาก พวกเขาไม่เคยคิดว่าเอ็งจะเป็นลูกที่ต้องถูกสังเวย\"
\"ซิโมน...\" อันตนเอ่ยขึ้นมาเบาๆ \"ใช่แล้ว ซิโมน พี่ชายเอ็งนั่นแหละ ซิโมนถูกเลี้ยงมาอย่างชุ่ยๆ เพราะพ่อแม่เอ็งไม่อยากจะรักมัน กลัวว่าจะรักมันจนปล่อยมันไปไม่ได้เมื่อมันอายุครบสิบหกปี ในขณะเดียวกันพ่อแม่เอ็งไม่คิดว่าเอ็งต่างหาก ที่จะต้องเป็นคนโดนสังเวย\"
\"ทุกห้าสิบปี ตระกูลเออลินจะ้ต้องถูกสังเวย มันเป็นอย่างนี้มาหลายชั่วคนแล้ว ส่วนคนที่ทำหน้าที่ดูแลการสังเวยให้ลุล่วง ก็คือตระกูลทิงวอลล์ของข้าไงล่ะ รูปที่เอ็งเห็น ข้าไม่จำเป็นต้องเห็นพวกเอ็งถึงจะวาดได้ รูปของเอ็งน่ะ ข้าวาดขึ้นตั้งแต่เอ็งเกิด ตั้งแต่เอ็งเกิดมา ชะตาก็ลิขิตไว้แล้วว่าเอ็งต้องตายเพราะโดนสังเวย\"
มาร์คุสถึงกับขนลุก ตาลุงนี่รู้แม้กระทั่งว่าอันตนจะหน้าตาเป็นอย่างไรเมื่ออายุครบ 16 \"แล้วคนที่นอนอยู่ในตู้ฟรีซล่ะฮะ\" มาร์คุสถามเมื่อนึกขึ้นได้
\"นั่นคือคนที่เป็นตัวแทนของความแค้นที่มาจากทหารนับหมื่นที่โดนบรรพบุรุษตระกูลเออลินฆ่า เขาไม่มีวันตาย เขาทำหน้าที่นี้มาหลายร้อยปี และเขาก็จะทำหน้าที่นี้ต่อไปจนกว่าตระกูลเออลินจะไม่ต้องโดนสังเวยอีก ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ข้าเห็นเอ็งมาตั้งแต่เล็กจนโต ข้าเองก็ไม่อยากให้เอ็งโดนสังเวยหรอก แต่ทุกอย่างโดนลิขิตไว้แล้ว เมื่อถึงเวลา ข้าเองก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ สิ่งที่ข้าจะทำในวันคริสต์มาส ก็คือฆ่าเอ็งด้วยสิ่งนี้\" มัทธิอัสพูดพร้อมทั้งหยิบกริชเล่มยาวเกือบหนึ่งศอกออกมาจากห่อผ้า \"กริชนี้จะแทงทะลุหัวใจเอ็ง\" เมื่อได้ยินคำนี้อันตนถึงกับเสียวสันหลังวาบ
\"ไม่มีทางไหนเลยเหรอ ที่จะยุติการสังเวยนี้น่ะ\"
\"มีอยู่ทางนึง เอ็งต้องยกลูกชายของเอ็งให้กับเขา ทำอย่างเดียวกับที่พ่อเอ็งทำเมื่อยี่สิบปีก่อนไงล่ะ\" อันตนต้องอึ้งไป เขาเองก็ไม่อยากตาย แต่เขาก็ไม่อยากทำให้ลูกของเขาในอนาคตต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์นี้เช่นเดียวกับเขา \"เอ็งกลับไปคิดดูละกันว่าเอ็งจะเอายังไง เอ็งยังเหลือเวลาอีกสองวัน\"
\"กริชเล่มนี้ เป็นกริชที่กุสตาฟ เออลินแทงทะลุหัวใจของทหารทุกคนที่ตายในวันนั้น บรรพบุรุษของเอ็งมันโหดเหี้ยม ทารุณ ดุร้ายราวกับสัตว์ป่า ถึงข้าจะไม่อยากให้เอ็งตาย แต่กริชเล่มนี้ก็ต้องทำหน้าที่ของมัน\" มัทธิอัสเสียงแผ่วเบาลงเรื่อยๆ
\"ตระกูลทิงวอลล์ก็เหมือนกับตระกูลเออลิน ถึงจะอยากย้ายออกไปจากป่านี้ แต่พวกเราก็ออกไปไหนไม่ได้ พวกเราต่างมีหน้าที่ต้องทำในป่าแห่งนี้ เออลินต้องโดนสังเวย ส่วนทิงวอลล์ก็ต้องคอยฆ่าพวกเออลิน\"
\"เมื่อประมาณร้อยปีที่แล้ว ป่านี้วิญญาณดุร้ายมากเพราะวิคเตอร์ เออลินอ่อนแอ เขาไม่สามารถทำให้วิญญาณแค้นพอใจได้ วิญญาณแค้นเลยฆ่าคนไม่เลือกหน้า ถึงเอ็งจะตายไปแล้ว แต่หน้าที่ของเอ็ง ก็คือควบคุมวิญญาณเหล่านั้น ทำให้พวกเขาพอใจ ไม่งั้น นอกจากตระกูลเออลินและทิงวอลล์แล้ว จะไม่มีใครอื่นอาศัยอยู่ในป่านี้ได้เลย\" มัทธิอัสพูดด้วยเสียงจริงจังพร้อมกับจับไหล่ของอันตนไว้ จับแรงจนเขาเจ็บและร้องขึ้นมา
\"ความเจ็บปวดแค่นี้มันไม่เท่ากับสิ่งที่เอ็งกำลังเผชิญหน้าอยู่หรอก\" พอพูดจบมัทธิอัสก็เดินเอากริชกับไปเก็บไว้บนชั้นตามเดิม
\"เอ็งกลับไปคิดดู เอ็งหรือลูกชายเอ็งที่จะต้องตาย\"
เขาสองคนไม่ทันสังเกตว่าทันที่ที่เขาเปิดคอม MSN ก็ล็อกออนโดยอัตโนมัติ
\"Cissi says : หวัดดี\" กรอบสี่เหลี่ยมสีฟ้าขึ้นมาที่มุมล่างซ้ายของสกรีน ถ้าเป็นคนอื่นในช่วงเวลาคับขันอย่างนี้เขาคงจะล็อกออฟ MSN ไปแล้ว แต่เมื่อเห็นว่าเป็นซิสซี่ อันตนก็คลิกหน้าจอซิสซี่ขึ้นมาพร้อมกับพิมพ์บนสนทนาตอบ
Ant says : หวัดดี
Cissi says : ขอโทษนะที่วันนั้นทิ้งนายสองคนไว้ ขอโทษ ขอโทษจริงๆ
Ant says : ไม่เป็นไรหรอกซิส ไม่เป็นไร
แ่ต่อันตนก็ต้องพบว่าข้อความถูกตีกลับ เขาเหลือบมองด้านบนของหน้าต่างสนทนา Cissi appears to be offline and might not answer อันตนปิดหน้าต่างนั้นลงไป และกลับมาสนใจกล้องของมาร์คุสต่อ
อันตนเลือกโหมดสไลด์โชว์เพื่อดูรูปทั้งหมด รูปที่ถ่ายไว้มีหลายสิบรูป ทั้งคู่พยายามสังเกตรายละเอียดในบ้านให้ได้มากที่สุด อันตนโล่งใจเมื่อรูปทั้งหมดดูจะไม่มีอะไรผิดปกติ แต่เมื่อมาถึงคลิปวีดิโอสุดท้ายที่มาร์คุสถ่ายไว้ ทั้งคู่ต้องย้อนกลับมาดูเป็นรอบที่สอง
\"นายเห็นอย่างที่ฉันเห็นรึเปล่า\" อันตนถามขึ้น
\"นายเห็นอะไรล่ะ\"
\"เก้าอี้ มันโยกอยู่\" อันตนพูดพร้อมกับชี้ไปที่เก้าอี้โยกที่ปรากฏอยู่บนจอ \"นายโยกมันรึเปล่า\"
\"ฉันยืนถ่ายอยู่นี่ จะเอาเวลาที่ไหนไปโยกมันล่ะ\"
อันตนคิดไม่ตกว่าเก้าอี้นั่นโยกได้อย่างไร เวลาที่มาร์คุสถ่ายวีดิโอนั้น ก็คงจะเป็นเวลาที่เขากำลังยืนจ้องรูปวาดบนผนังอยู่ จะเป็นไปได้หรือเปล่าว่าเขาเดินผ่านแล้วไปชนเก้าอี้โดยไม่ได้ตั้งใจ แต่เก้าอี้นั้นโยกราวกับว่ามีคนนั่งแล้วโยกมันอยู่ \"ลุงมัทธิอัสเป็นใครกันแน่\" เขาคิด ที่แน่ๆ เขาคงไม่ใช่ตาแก่ขี้เมาธรรมดาแน่นอน
มาร์คุสเริ่มหาว อันตนเองก็รู้สึกเหนื่อยเต็มที วันนี้เป็นวันที่ยาวนานสำหรับเขาทั้งสองคน นาฬิกาบนจอคอมพิวเตอร์บอกเวลา 21.16 อันตนคว้าผ้าเช็ดตัวเพื่อจะไปอาบน้ำที่ห้องน้ำชั้นล่าง ส่วนมาร์คุสก็จัดที่นอนสำหรับเขาในคืนนี้ เขาหยิบถุงนอนออกมาจากเป้ และปูลงบนพื้นห้องของอันตน เขานอนเล่นบนเตียงของอันตนคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาในสองวันนี้ระหว่างที่นอนรออาบน้ำต่อจากอันตน มีเรื่องมากมายผ่านเข้ามาในหัวสมองของเขา มีเรื่องเกิดขึ้นมากมายจนสมองเขาแทบจะรับไม่ทัน เขาหลับตาลง นี่นับเป็นครั้งแรกในสองวันที่เขารู้สึกผ่อนคลายจริงๆ เรื่องๆ ร้ายๆ มันยังไม่จบแต่สำหรับวันนี้ ทุกอย่างจบลงแล้ว
อันตนใช้ผ้าเช็ดตัวพันตัวขึ้นมาจากชั้นล่าง เมื่อเขาเปิดประตูเข้ามาในห้องนอน มาร์คุสก็นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงของเขาเองแล้ว \"ท่าทางมันคงจะเหนื่อยสุดๆ\" เขาคิดก่อนที่จะปิดไฟแล้วเดินไปนอนที่ถุงนอนของมาร์คุสแทน
เช้าวันถัดมา ทั้งคู่ตื่นขึ้นมาอย่างสดใสเมื่อได้นอนอย่างเต็มอิ่มทั้งคืน โต๊ะอาหารเช้าวันนี้เพรียบพร้อมไปด้วยขนมปัง เนย แยม แฮม โยเกิร์ต และชีสนานาชนิด ผิดกับเมื่อวานที่เขาเริ่มต้นวันด้วยอาหารกระป๋อง ทั้งคู่แทบจะจำไม่ได้ว่าพวกเขามีอะไรตกถึงท้องครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ดูท่าว่าทุกครั้งที่ได้เวลากินข้าว พวกเขาก็กำลังตื่นเต้นหรือไม่ก็เหนื่อยเกินกว่าที่จะทำกินกัน
มาถึงตอนนี้แล้ว พวกเขาก็ตระหนักว่าสิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้ก็คือเผชิญหน้ากับลุงมัทธิอัส ลุงมัทธิอัสเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องทั้งหมดและเขาก็ต้องเค้นเอาความจริงจากลุงมัทธิอัสให้ได้ หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ ทั้งคู่ทำแซนวิชใส่ถุงไปอีกคนละสามชิ้นแล้วก็ออกเดินทางด้วยเวสป้าคู่ใจไปบ้านลุงมัทธิอัส ระหว่างทางพวกเขาไปแวะที่บ้านของเพื่อนบ้างเพื่อขอของบางอย่าง เมื่อได้ของครบแล้วก็เดินทางต่อ ทั้งคู่ใจเต้นตึกตัก \"เอาละวะ ถ้าเผชิญหน้ากันอย่างนี้แล้วไม่ได้ความจริงก็ให้มันรู้ไป\" อันตนพูดขึ้นเมื่อเข้าไปใกล้บ้านลุงมัทธิอัสพอสมควรแล้ว พวกเขาก็ทิ้งเวสป้าไว้และเริ่มเดิน
ทั้งคู่ยืนอยู่หน้าบ้านมัทธิอัส ในใจภาวนาให้แผนของพวกเขาสำเร็จ มาร์คุสเอาเชือกที่ขอมาจากเพื่อนบ้านคล้องบ่าแล้วมุดเข้าไปทางห้องใต้ดินที่พวกเขาสองคนหนีออกมาเมื่อวาน ส่วนอันตนก็เดินไปที่ประตูบ้านพร้อมกับเคาะประตูอย่างแรง เสียงรองเท้ากระทบกับพื้นดังมาตลอด จนลูกบินประตูเคลื่อนที่ ชายแก่ที่เขาเห็นอยู่ข้างในดูแก่กว่าที่เคย
\"หวัดดีฮะ ลุงมัทธิอัส\"
\"เอ็งต้องการอะไรจากข้า\" ลุงมัทธิอัสตวาด
\"ผมต้องการรู้ความจริง และผมก็รู้ว่าลุงรู้เรื่องทุกอย่าง ถ้าถึงอย่างไรผมก็หนีมันไม่พ้น อย่างน้อยผมก็มีสิทธิที่จะได้รู้ว่าอะไรที่ต้องการตัวผม ตัวพ่อผม หรือคนในตระกูลเออลิน\" ลุงมัทธิอัสถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเปิดประตูให้อันตนเข้าไปในบ้าน \"สงสัยงานนี้จะไม่ต้องใช้กำลังกัน\" อันตนคิด
\"นั่งสิ\" ลุงมัทธิอัสพูดพร้อมกับผายมือไปทางเก้าอี้โต๊ะกินข้าว \"แล้วบอกให้ไอ้หนุ่มในห้องใต้ดินออกมาฟังด้วย\"
อันตนถึงกับหน้าถอดสี ลุงมัทธิอัสรู้ได้อย่างไร \"ใครในห้องใต้ดินเหรอลุง วันนี้ผมมาคนเดียว\" เขาทำใจกล้าโกหกออกไป
\"เหลวไหล!!!\" มัทธิอัสตวาด \"พวกเอ็งมาทำอะไรลับๆ ล่อๆ ในบ้านข้าข้ารู้หมดแหละ อย่าคิดนะว่าตัวเองรู้เรื่องเยอะ รู้แค่กระพี้แล้วยังมาทำอวดเก่ง พวกเอ็งคิดจะทำอะไรข้ารู้หมดแหละ เอ้า บอกให้มันออกมาได้แล้ว\"
\"มาร์คุส\" อันตนต้องยอมรับแ้ล้วเรียกมาร์คุสออกมา มาร์คุสเองก็แทบไม่เชื่อสิ่งที่ตัวเองเพิ่งจะได้ยิน ลุงมัทธิอัสรู้ได้อย่างไร
\"ก็อย่างที่พวกเอ็งรู้ เอ็งต้องถูกสังเวย เมื่อยี่สิบปีก่อน พ่อเอ็งกลัวตายก็เลยยกลูกชายให้แทน พ่อแม่เอ็งนะรักเอ็งมาก พวกเขาไม่เคยคิดว่าเอ็งจะเป็นลูกที่ต้องถูกสังเวย\"
\"ซิโมน...\" อันตนเอ่ยขึ้นมาเบาๆ \"ใช่แล้ว ซิโมน พี่ชายเอ็งนั่นแหละ ซิโมนถูกเลี้ยงมาอย่างชุ่ยๆ เพราะพ่อแม่เอ็งไม่อยากจะรักมัน กลัวว่าจะรักมันจนปล่อยมันไปไม่ได้เมื่อมันอายุครบสิบหกปี ในขณะเดียวกันพ่อแม่เอ็งไม่คิดว่าเอ็งต่างหาก ที่จะต้องเป็นคนโดนสังเวย\"
\"ทุกห้าสิบปี ตระกูลเออลินจะ้ต้องถูกสังเวย มันเป็นอย่างนี้มาหลายชั่วคนแล้ว ส่วนคนที่ทำหน้าที่ดูแลการสังเวยให้ลุล่วง ก็คือตระกูลทิงวอลล์ของข้าไงล่ะ รูปที่เอ็งเห็น ข้าไม่จำเป็นต้องเห็นพวกเอ็งถึงจะวาดได้ รูปของเอ็งน่ะ ข้าวาดขึ้นตั้งแต่เอ็งเกิด ตั้งแต่เอ็งเกิดมา ชะตาก็ลิขิตไว้แล้วว่าเอ็งต้องตายเพราะโดนสังเวย\"
มาร์คุสถึงกับขนลุก ตาลุงนี่รู้แม้กระทั่งว่าอันตนจะหน้าตาเป็นอย่างไรเมื่ออายุครบ 16 \"แล้วคนที่นอนอยู่ในตู้ฟรีซล่ะฮะ\" มาร์คุสถามเมื่อนึกขึ้นได้
\"นั่นคือคนที่เป็นตัวแทนของความแค้นที่มาจากทหารนับหมื่นที่โดนบรรพบุรุษตระกูลเออลินฆ่า เขาไม่มีวันตาย เขาทำหน้าที่นี้มาหลายร้อยปี และเขาก็จะทำหน้าที่นี้ต่อไปจนกว่าตระกูลเออลินจะไม่ต้องโดนสังเวยอีก ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ข้าเห็นเอ็งมาตั้งแต่เล็กจนโต ข้าเองก็ไม่อยากให้เอ็งโดนสังเวยหรอก แต่ทุกอย่างโดนลิขิตไว้แล้ว เมื่อถึงเวลา ข้าเองก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ สิ่งที่ข้าจะทำในวันคริสต์มาส ก็คือฆ่าเอ็งด้วยสิ่งนี้\" มัทธิอัสพูดพร้อมทั้งหยิบกริชเล่มยาวเกือบหนึ่งศอกออกมาจากห่อผ้า \"กริชนี้จะแทงทะลุหัวใจเอ็ง\" เมื่อได้ยินคำนี้อันตนถึงกับเสียวสันหลังวาบ
\"ไม่มีทางไหนเลยเหรอ ที่จะยุติการสังเวยนี้น่ะ\"
\"มีอยู่ทางนึง เอ็งต้องยกลูกชายของเอ็งให้กับเขา ทำอย่างเดียวกับที่พ่อเอ็งทำเมื่อยี่สิบปีก่อนไงล่ะ\" อันตนต้องอึ้งไป เขาเองก็ไม่อยากตาย แต่เขาก็ไม่อยากทำให้ลูกของเขาในอนาคตต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์นี้เช่นเดียวกับเขา \"เอ็งกลับไปคิดดูละกันว่าเอ็งจะเอายังไง เอ็งยังเหลือเวลาอีกสองวัน\"
\"กริชเล่มนี้ เป็นกริชที่กุสตาฟ เออลินแทงทะลุหัวใจของทหารทุกคนที่ตายในวันนั้น บรรพบุรุษของเอ็งมันโหดเหี้ยม ทารุณ ดุร้ายราวกับสัตว์ป่า ถึงข้าจะไม่อยากให้เอ็งตาย แต่กริชเล่มนี้ก็ต้องทำหน้าที่ของมัน\" มัทธิอัสเสียงแผ่วเบาลงเรื่อยๆ
\"ตระกูลทิงวอลล์ก็เหมือนกับตระกูลเออลิน ถึงจะอยากย้ายออกไปจากป่านี้ แต่พวกเราก็ออกไปไหนไม่ได้ พวกเราต่างมีหน้าที่ต้องทำในป่าแห่งนี้ เออลินต้องโดนสังเวย ส่วนทิงวอลล์ก็ต้องคอยฆ่าพวกเออลิน\"
\"เมื่อประมาณร้อยปีที่แล้ว ป่านี้วิญญาณดุร้ายมากเพราะวิคเตอร์ เออลินอ่อนแอ เขาไม่สามารถทำให้วิญญาณแค้นพอใจได้ วิญญาณแค้นเลยฆ่าคนไม่เลือกหน้า ถึงเอ็งจะตายไปแล้ว แต่หน้าที่ของเอ็ง ก็คือควบคุมวิญญาณเหล่านั้น ทำให้พวกเขาพอใจ ไม่งั้น นอกจากตระกูลเออลินและทิงวอลล์แล้ว จะไม่มีใครอื่นอาศัยอยู่ในป่านี้ได้เลย\" มัทธิอัสพูดด้วยเสียงจริงจังพร้อมกับจับไหล่ของอันตนไว้ จับแรงจนเขาเจ็บและร้องขึ้นมา
\"ความเจ็บปวดแค่นี้มันไม่เท่ากับสิ่งที่เอ็งกำลังเผชิญหน้าอยู่หรอก\" พอพูดจบมัทธิอัสก็เดินเอากริชกับไปเก็บไว้บนชั้นตามเดิม
\"เอ็งกลับไปคิดดู เอ็งหรือลูกชายเอ็งที่จะต้องตาย\"
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น