ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มีเธอ...อยู่ร่ำไป

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3

    • อัปเดตล่าสุด 15 เม.ย. 49


    อลัน

                แก๊ก...แก๊ก... เสียงหินกระทบกับกระจกดังไม่ยอมหยุด เจสหูหนวกหรือไงนะ ผมเลิกโยนหินเพราะหมดความอดทนแล้วมานั่งรออยู่หน้าอพาร์ทเมนต์ อีกแค่ห้าชั่วโมงก็จะเช้าแล้ว หวังว่าผมคงไม่หนาวตายไปเสียก่อนนะ

              เช้าวันนั้นเป็นเช้าที่เงียบสงบที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา โลกนี้แทบไม่มีความเคลื่อนไหว ผมตั้งใจจะเช็กนาฬิกาข้อมือเพื่อดูว่ากี่โมงแล้ว แต่ผมก็พบว่าหน้าปัดมันแตก และเข็มสั้นก็หยุดนิ่งอยู่ที่เลขสิบเอ็ด สงสัยจะเป็นตอนที่ผมไปเล่นฟุตบอลกับโจเมื่อวันก่อนแน่ๆ หวังว่าโจจะชดใช้ค่าเปลี่ยนหน้าปัดให้นะ ผมคิด

              แสงอาทิตย์แยงตาผมแล้ว ผมแน่ใจได้เลยว่ามันเกินเที่ยงแล้วแน่ๆ แม้ว่าผมจะไม่มีนาฬิกาก็ตาม ผมเริ่มรู้สึกหิว แต่ผมก็ไม่อยากจะกินพิซซ่าที่ผมตั้งใจซื้อมาให้เจส ผมเลยเดินไปที่ตลาดเพื่อซื้อขนมปังกับกาแฟกินแทน น่าอายจริงๆ ที่คนขายจะต้องมาเห็นผมในสภาพนี้ แต่เอาเถอะ อย่างน้อยผมก็จะมีอะไรทำระหว่างที่รอให้เจสตื่น

              ตลาดนั้นเงียบเสียยิ่งกว่าป่าช้า แม้แต่เสียงลมพัดหวิวๆ ก็ดูจะหายไป เสียงใบไม้ร่วงกราวลงจากต้น เสียงคนเดินย่ำใบไม้แห่งกรอบแกรบๆ ซึ่งดูจะเป็นเสียงประจำที่มากับฤดูใบไม้ร่วงก็ดูจะหายไปกับสายลม ลมตึงๆ ของฤดูใบไม้ร่วงปะทะหน้าผมอย่างแรง แต่น่าแปลกที่ผมกลับไม่รู้สึกว่ามันเย็น มันจะต้องเป็นเพราะหน้าผมชาไปแล้วแน่ๆ เจสนะเจส เธอลืมไปแล้วหรือยังไงว่าผมยังอยู่ข้างนอกนี่น่ะ

              ที่หน้าร้านกาแฟ คนไม่ขวักไขว่เหมือนเคย นี่อาจจะเช้าเกินไปสำหรับวันอาทิตย์ ใครๆ ก็อยากจะนอนแช่อยู่บนเตียงเท่านั้นแหละ คนที่จะออกมาเดินอยู่กลางตลาดในเวลาแบบนี้ก็คงมีแต่ผมที่ออกมาซื้อพิซซ่าให้คนรักแล้วถูกลืมทิ้งไว้นอกบ้านเท่านั้นแหละ

                เวลาว่างๆ อย่างนี้ก็ทำให้ผมได้คิด ผมยอมรับว่าผมอาจจะไม่ใช้ผู้ชายที่ดี แต่เรียกได้ว่าผมเป็นผู้ชายที่โชคดีเชียวล่ะ ผม-อลัน โดโนแวน ชายหนุ่มที่เกิดและเติบโตมาในย่านสลัมเลยก็ว่าได้ อย่างน้อยๆ ก็ต้องเรียกว่าย่านเสื่อมโทรมนั่นแหละ คนในละแวกบ้านผมเป็นได้ทุกอย่างตั้งแต่ฆาตกรยันโสเภณี แม้แต่แม่ของผมเองก็ยังเป็นสาวบาร์ และตั้งแต่เกิดมาผมก็ยังไม่เคยรู้ว่าพ่อผมเป็นใคร อย่าว่าแต่ผมเลย ผมว่าแม้แต่แม่ผมก็ไม่รู้ด้วยซ้ำมั้ง

              กับเธอ- เจสซิกา เนวิลล์ เจสเกิดในย่านคนรวย ประเภทถนนสายที่นักฟุตบอลทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดแห่กันไปซื้อบ้านนั่นแหละ ครั้งแรกที่ผมย่างเท้าเข้าไปในบ้านเจส ผมนึกว่ามันเป็นโรงเรียนด้วยซ้ำ บ้านคนรึนั่น ผมคิด เจสโตมากับการออกงานสังคมเพราะแม่ของเธอเป็นประธานสมาคมแม่บ้านอะไรซักอย่างในละแวกนั้น ซึ่งหมายความว่า มันคือตำแหน่งแม่บ้านผู้บริจาคเงินสูงสุดแห่งปี บ้านเจสเรียกได้ว่ามีเงินเหลือใช้จนเอาไปเผาทำฟืนได้ ในขณะที่บ้านผมต้องพึ่งเงินจากรัฐบาลเพื่อให้อยู่รอดไปวันๆ

              เจสถูกส่งไปโรงเรียนประจำที่ดีที่สุดในเกรทเทอร์ แมนเชสเตอร์ ค่าเทอมของเจสคงพอเลี้ยงบ้านผมได้ทั้งปีล่ะมั้ง ถึงมันจะเป็นโรงเรียนที่ดี แต่ลึกๆ แล้วเจสคงโดดเดี่ยวอยู่ไม่น้อยที่จะต้องจากบ้านไปตั้งแต่ยังเล็ก คิดดู เด็กผู้หญิงอายุแค่เจ็ดขวบก็ถูกส่งไปเข้าโรงเรียนประจำเพราะพ่อแม่หย่ากัน พ่อก็ต้องทำงานหาเงินมาบำเรอเหล่าเมียเก็บ และอดีตภรรยาที่ใช้เงินยังกับเบี้ย ในขณะที่แม่ของเจสก็ต้องแสร้งทำตัวเป็นกุลสตรีผู้ดีตีนแดง วันๆ เอาแต่ดูละครเชคสเปียร์เพื่อสร้างภาพปัญญาชน สุดท้ายแล้ว คนที่ต้องแบกรับความเศร้าทั้งหมดของครอบครัวเนวิลล์ก็คือเจส

              เราเริ่มต้นคบกันจากตรงไหนน่ะเหรอ ผมรู้จักเจสเป็นครั้งแรกตอนผมอายุได้สิบสี่ ตอนนั้นผมกำลังบ้าเล่นฟุตบอลมากๆ และก็หวังจริงๆ จังๆ เสียด้วยว่าสักวันผมจะกลายเป็นยอดนักเตะระดับมาราโดน่า (เพราะเราถนัดเท้าซ้ายเหมือนกัน) การได้รับคัดเลือกเข้าไปเป็นหนึ่งในเด็กหกสิบหกคนที่ได้เข้าค่ายสามวันกับบรรดาโค้ชฝีมือดีของยอดทีมอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผมคิดมาตลอดตั้งแต่วันที่ผมได้รับจดหมายตอบรับว่านี่แหละ เป็นก้าวแรกแห่งการเป็นนักฟุตบอลอาชีพของผม แต่ฝันผมแทบสลายตอนที่ผมได้พบกับเพื่อนร่วมค่ายเป็นครั้งแรก

     

    ....     

    อลัน โดโนแวน ผมยื่นมือให้เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ผมสีน้ำตาลอ่อนและมีใบ้หน้าที่มีกระเต็มไปหมด ผมดูไม่ออกเลยว่ากระพวกนี้มันติดตัวมาแต่เกิดหรือมันเกิดมาจากการตากแดดมากเกินไป เธอดูเด่นที่สุดในบรรดาเด็กทั้งหกสิบหกคน หนึ่งคือเธอเป็นคนที่เด็กที่สุด เธออายุแค่แปดขวบแล้วก็ตัวเล็กนิดเดียว เธอสูงแค่เอวผมเองมั้ง ผมนึกภาพไม่ออกเลยว่าเวลาที่พวกเราเล่นฟุตบอลกันเธอจะมีปัญญาแย่งลูกจากคนอื่นได้ยังไง สอง ภายใต้ใบหน้าที่ตกกระ ผมเปียสองข้างและผมม้าที่ยุ่งเหยิง ผมมองเห็นแววตาที่กระจ่างใส ผมเห็นแววตาที่มุ่งมั่น และผมก็เห็นดวงตาคู่ที่สวยที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมาเลยทีเดียว

              อย่างไรก็ตาม เด็กแปดขวบคนนี้เข้ามาในค่ายนี้ได้ยังไง ผมคิดว่าจะมีแต่เด็กหัวกะทิเสียอีก หรือว่าจริงๆ เขาใช้วิธีสุ่มเอา ถึงมีเด็กพรรค์นี้เล็ดลอดเข้ามาได้ เธอเป็นที่เลื่องลือเพราะเด็กนั่นตัวเล็กมากจนผมสงสัยว่าตั้งแต่เกิดมาเธอเคยแย่งโหม่งบอลถึงรึเปล่า ถ้าเด็กอย่างนี้เข้ามาอยู่ในค่ายได้ แล้วผมโง่ไปรึเปล่าที่คิดว่าตัวเองจะได้เป็นนักฟุตบอลชื่อดัง ทั้งๆ ที่เด็กผู้หญิงอายุแปดขวบก็สามารถเข้าค่ายนี้ได้แล้วน่ะ

              นั่นทำเอาผมฝันสลายเลยทีเดียว      

    ....


    โจ

              เจสก็ยังคงไม่ยอมออกจากห้อง เจสจะออกมาก็เฉพาะเวลาที่เธอหิวเท่านั้น และเธอก็จะเปิดถั่วกระป๋องกินแล้วก็กลับเข้าไปนอนต่อ วันๆ เธอก็ทำอยู่แค่นี้แหละ งานศพผ่านไปเกือบหนึ่งเดือนแล้ว เจสออกจากงานโดยปริยายเพราะเธอไม่ได้โผล่หัวไปที่ทำงานเลยตั้งแต่เกิดเรื่อง อลันคงไม่อยากเห็นเจสในสภาพนี้ อลันคงไม่อยากเห็นเจสนอนซมอยู่บ้านทั้งวัน และนั่นก็คือสิ่งที่เราทั้งหมดพยายามอธิบายให้เจสเข้าใจ

              เจส เธอต้องลุก ลุก ลุก ลุกเดี๋ยวนี้นะ เธอจะนอนซมยังงี้ไปถึงเมื่อไหร่ เราสี่คนพยายามกระชากเจสออกจากเตียง แบรี่บอกว่าเราไม่น่าทำอะไรรุนแรงกับเจส แต่ผม จอนนี่และสตีฟลงความเห็นกันแล้วว่าถ้าปล่อยไว้อย่างนี้ต่อไป เจสต้องแย่แน่ๆ พ่อแม่เจสไม่รู้เรื่องเพราะพวกเขาประกาศตัดพ่อตัดลูกกับเจสไปเรียบร้อยตั้งแต่ตอนที่เจสแต่งงานกับอลัน ซึ่งจริงๆ แล้วพวกเขาก็ไม่เคยทำตัวเป็นผู้ปกครองที่ดีอยู่แล้ว พวกเราตังหากที่เลี้ยงเจสมาจนโตน่ะ

              ไม่นะ ปล่อยฉันไว้ยังงี้ พวกนายกลับบ้านไปได้แล้ว เห็นบ้านฉันเป็นที่รับแขกรึยังไง เจสตะโกนบอกโดยไม่หันหน้ามองพวกเราด้วยซ้ำ

              วันก่อนฉันออกไปซื้อถั่วกระป๋องมาแล้วหนึ่งลัง ฉันคงจะมีชีวิตรอดอีกพักใหญ่ๆ แต่ถ้าไม่ ก็น่าดีใจแล้วที่ฉันจะได้เจอกับอลันซักที เสียงของเจสแผ่วลงในตอนท้ายด้วยความหมดอาลัยตายอยาก

              เธอพูดยังงี้ไม่ได้นะเจส เธอต้องมีชีวิตอยู่รอดต่อไป อลันตาย แล้วเธอจะตายตามงั้นเหรอ ถ้าเธอตายไปเธออยากให้อลันทำตัวแบบที่เธอทำอยู่ตอนนี้รึ

              พวกนายไม่ต้องมายุ่ง พวกนายบอกว่ารักเพื่อนนักหนา แต่สุดท้ายแล้วพวกนายก็ไม่เคยทำอะไรที่แสดงออกว่าพวกนายรักอลันเลย ที่ผ่านมาคงเป็นแค่การเสแสร้งสินะ เจสพูด

              ..และตอนนี้เองที่ทำให้ผมทนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว วาจาสามหาวของเจสจะต้องจบลงเสียที มือขวาของผมทาบเข้าไปที่แก้มซ้ายของเจสโดยไม่รู้ตัว มันแรงมากจนฝากรอยแดงไว้บนแก้ม มือซ้ายของเจสขึ้นมาจับแก้มตัวเองทันที เสียงสะอื้นของเจสดังไม่ยอมหยุดและผมก็รู้สึกผิดจนต้องเดินหนีออกจากห้องนั้นไป ผมกระแทกประตูห้องนอนเจสปิดลง แล้วมานั่งสำนึกผิดอยู่ในครัว แล้วน้ำตาอุ่นๆ ก็ไหลลงมาอาบแก้มโดยไม่รู้ตัว

     

    เจส

              เธอก็รู้ว่าอลันเป็นเพื่อนที่โจรักมากที่สุด แบรี่พูด ในพวกเราหกคนแบรี่ดูจะเป็นผู้ใหญ่ที่สุดและเขาก็เป็นคนที่ตัดสินใจอะไรด้วยเหตุผลตลอด ผิดกับฉัน อลัน และโจลิบลับ

              ฉันพยักหน้า โจกับอลันแทบจะตัวติดกัน บางครั้งฉันเองก็อิจฉาโจเหมือนกันที่สนิทกับอลันมากขนาดนั้น หลังจากสอบเอเลเวลได้ อลันก็ได้ทุนไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยในเอดินเบรอะห์ ในขณะที่โจก็เล็งที่จะเรียนที่นั่นเหมือนกัน พวกเขาสองคนเช่าห้องอยู่ด้วยกันในแคมปัส ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ในขณะที่ฉันยังคงต้องเรียนโรงเรียนมัธยมอยู่  ตลอดสามปีนั้นเป็นช่วงที่อลันมีเวลาให้ฉันน้อยมาก โจบอกว่ามันถึงเวลาที่ฉันกับอลันจะโตจากกันแล้ว ต่างคนต่างแยกไปมีเพื่อนของตัวเอง ไม่ใช่มาขลุกอยู่ด้วยกันตลอด และสามปีนั่นเองที่ทำให้ฉันตระหนักว่า ฉันรักอลันมากแค่ไหน อลันเองก็เพิ่งมารู้คุณค่าของฉันก็ตอนที่เราจากกันนานๆ อย่างนี้แหละ เราเริ่มคบกันหลังอลันเรียนจบ เรามีความสุขด้วยกันถึงเจ็ดปี ก่อนที่ความตายจะมาพรากเราจากกันอย่างนี้

              เจส เธอเองก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ คนเรามีเกิด แก่ เจ็บ ตาย เธอจะยึดติดกับอลันไปตลอดไม่ได้นะ สตีฟบอกพร้อมกับลูบหัวฉันเบาๆ สตีฟนั้นอายุมากที่สุดในกลุ่ม ถึงแบรี่จะทำตัวเหมือนกว่าก็ตาม

              ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเมื่อเรารักใครเราถึงแสดงออกมาอย่างที่ต้องการไม่ได้ และทำไม เมื่อเรารักใครเราถึงตายตามเขาไปไม่ได้ ทั้งๆ ที่นั่นเป็นเพียงวิธีเดียวที่เราจะไม่ต้องทนทุกข์ทรมาณกับการสูญเสียคนรักไปอย่างนี้

              ฉันเข้าใจแล้ว ออกจากห้องไปได้รึยัง ฉันบอกด้วยเสียงเย็นชา สตีฟยิ้มเฝื่อนๆ ให้ฉันเหมือนจะให้กำลังใจแล้วก็เดินออกจากห้องไป คนอื่นๆ ก็เดินตามพี่ใหญ่ออกไปหมด

              ในที่สุดฉันก็กลับอยู่ในสภาวะสงบอีกครั้ง ในห้องนอนเงียบสนิท ไม่มีแม้แต่เสียงลมที่พัดเข้ามาจากหน้าต่างที่เปิดอยู่ ลมหนาวที่เริ่มพัดนั้นเย็นยะเยียบ ฤดูใบไม้ร่วงเป็นการเตรียมตัวเตรียมใจกับการเข้าสู่ฤดูหนาว เมื่อถึงฤดูหนาว ฉันคงต้องจำศีลเสียที

              ห้องเงียบแต่ใจฉันกลับร้อนรุ่ม ความโกรธแค้นในโชคชะตานั้นสุมทรวง ฉันเฝ้าถามตัวเองว่า ทำไมนะ ทำไมทุกอย่างนี้จะต้องเกิดขึ้นกับฉัน เป็นเพราะฉันไม่เคยกตัญญูต่อพ่อแม่รึเปล่า หรือเป็นเพราะชาติก่อนฉันไปพรากผัวพรากเมียใครเขา  ท่าทางว่ามันคงจะเป็นกรรมเก่าจริงๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×