ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ฝีเท้าลึกลับ
วันนี้ก็เป็นอีกครั้ง ที่อันตน เด็กหนุ่มวัย 16 ปีต้องเดินกลับบ้านคนเดียว มันเป็นเรื่องปกติเสียแล้วสำหรับเขา ระยะทางกว่าสามกิโลเมตรที่เขาเดินผ่านมานับครั้งไม่ถ้วน ต้นไม้ทุกต้น หินทุกก้อน ต่อให้หลับตาเดินเขาก็คงเดินถึงบ้านได้สบายๆ ทางที่เขาเดินเป็นประจำทุกวันมาตั้งแต่เล็กจนโต ถึงแม้ว่ามันมืดจนมองเห็นแค่ระยะ 5 เมตรข้างหน้า เขาก็ยังเดินได้โดยไม่ต้องส่องไฟซักนิด
ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงเวลาสี่โมงเย็น แต่เนื่องจากเป็นกลางฤดูหนาวแล้ว มันช่างมืดสนิทราวกับเป็นยามราตรี มีเพียงแสงจันทร์เพียงเล็กน้อยที่สะท้อนกับหิมะบนพื้นเท่านั้น ทุกอย่างรอบตัวเขาเงียบสงัด มีเพียงเสียงลากเท้าของเขาเองที่กระทบกับก้อนกรวดบนพื้น เขานึกถึงภาพที่มาร์คุส เพื่อนสนิทของเขามาถ่ายระหว่างที่เขาสองคนพาสุนัขออกไปเดินเล่นเมื่อวันก่อน ถึงมันจะลางเลือนและเบลอเพียงใด แต่สิ่งที่พวกเขาสองคนถ่ายติด มันคือหัวคน ลอยอยู่บนท้องฟ้า มาร์คุสกลัวจนไม่มาค้างบ้านเขาอีก แต่เขากลับคิดแค่ว่า สิ่งใดก็ตามที่มาร์คุสถ่ายติด อย่างไรมันก็ไม่เคยทำร้ายเขา ไม่เคยประกฏให้เห็น ไม่เคยก่อเรื่องวุ่นวาย แล้วทำไมเขาถึงจะต้องไปกลัวเล่า อันตนยังคงก้าวขาฉับๆ อย่างคงที่ ในใจพลางคิดถึงเตาผิงที่บ้าน อากาศกลางฤดูหนาวนี่ช่างหฤโหดจริงๆ
ผ่านบ้านคน ผ่านคอกม้า จนมาถึงถนนที่ตัดผ่านป่า ถึงมันจะเป็นระยะสั้นๆ แค่ 500 เมตร แต่มันก็มืดซะจนคุณไม่สามารถที่จะมองเห็นคนที่เดินมาด้วยกันได้ เมื่ออยู่ในป่าแล้ว จะท้องฟ้า แสงดาวก็ถูกความมืดกลืนหายไปเสียหมด 
\"แซก แซก แซก แซก...\" เสียงรองเท้าเดินครูดกับพื้น อันตนยังคงก้มหน้าก้มตาเดินต่อไป เสียงนั้นยังคงดังอยู่ไม่หยุด และดังขึ้นเรื่อยๆ ด้วยซ้ำ มันคงจะเป็นเสียงของคนที่จะเดินสวนกับเขาเร็วๆ นี้ เพียงแต่เขายังมองไม่เห็นตัวเท่านั้นเอง เขายังคงเดินไปเรื่อยๆ เสียงนั้นดังมากราวกับว่าเจ้าของรองเท้ามาเดินอยู่ข้างๆ เขา แต่เขาก็ยังไม่เห็นใคร อันตนเริ่มหวาดหวั่น เขาหยิบไฟฉายในกระเป๋าขึ้นมาส่องดู แต่เขาก็ไม่เห็นใคร เสียงรองเท้านั้นยังคงดังอยู่ แต่เบาลง และเบาลง พอพ้นระยะป่าแล้วเสียงนั้นก็จางจนแทบจะไม่ได้ยิน
\"เขาเดินสวนเราไปตั้งแต่เมื่อไหร่นะ\" อันตนพูดกับตัวเอง ตอนนี้เขาสามารถมองเห็นท้องฟ้าได้เต็มตาแล้ว ดวงดาวนับพันส่องแสงระยิบระยับอยู่บนท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้ม
ก่อนถึงบ้านของเขามีบ้านอยู่สองสามหลัง ก็เป็นพวกเพื่อนบ้านที่เขารู้จักดีทั้งนั้น ในชนบทเช่นนี้แทบจะเรียกได้ว่าทุกคนรู่จักทุกคน ตอนนี้พวกเขาเริ่มประดับต้นคริสต์มาสกันแล้ว มันทำให้ถนนช่วงนี้ดูสดใส เป็นสีสันให้ความมืดกลางฤดูหนาว อีกไม่กี่วันก็จะถึงคริสต์มาสแล้วสินะ เทศกาลที่ทุกคนรอคอย
อันตนเดินขึ้นบันไดเข้าบ้านไป โซย่าสุนัขที่เลี้ยงไว้มากระโดดรอรับอยู่ที่หน้าประตูทำท่าออดอ้อนให้เขาพาไปเดินเล่น อันตนโยนกระเป๋าทิ้งไว้แล้วเดินไปหยิบโซ่เพื่อนที่จะพาโซย่าไปเดินเล่น ยังไม่มีใครเลยกลับถึงบ้านหน้าที่พาโซย่าไปเดินเล่นก็เลยตกเป็นของเขาอย่างช่วยไม่ได้ แต่เขารู้สึกสงบและมีความสุขที่ได้อยู่กลางป่าเช่นนี้ จะเรียกว่าเขาหลงเสน่ห์ของต้นไม้และสัตว์ป่าก็ว่าได้ รอบบ้านของเขาล้อมรอบไปด้วยต้นไม้และนานาสัตว์ ทั้งวัว ม้า กวาง เอลค์ล้วนเป็นสิ่งที่เขาเห็นเป็นเรื่องปกติ ในขณะที่คนที่อาศัยในสตอกโฮลม์หรือเมืองใหญ่ๆ ทั้งชีิวิตอาจไม่มีโอกาสได้เห็น คนในเมืองใหญ่ไม่มีโอกาสได้เก็บลูกไม้ป่ากินเองเหมือนกับเขา ทั้งราสเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่สดๆ ล้วนรสชาติดีเป็นที่สุด ถึงแม้ว่าบ้านคนแถวนี้จะร้างลงไปทุกทีเนื่องจากมันค่อนค้างจะห่างไำกลความเจริญมาก แต่สำหรับเขาแล้ว ไม่เคยมีแม้แต่เสี้ยววินาทีที่เขามีความคิดจะย้ายออกจากป่าแห่งนี้ แต่เขาไม่เคยรู้หรอกว่า เหตุผลที่ครอบครัวเขาไม่ย้ายไปไหน ไม่ใช่เป็นเพราะไม่อยากย้าย แต่เป็นเพราะพวกเขาย้ายออกไปจากป่าแห่งนี้ไม่ได้ต่างหาก
-----------------------------------------------------
ทางที่เขาพาโซย่าไปเดินเล่นเป็นประจำ เป็นอีกฟากหนึ่งของป่าที่เขาผ่านขณะเดินกลับบ้าน พอออกจากบ้านได้ซักพัก เขาก็ปล่อยให้โซย่าเดินเล่นเองเป็นปกติ อันตนหยิบเครื่องเล่นเอ็มดีขึ้นมาเปิดเพลงฟังพร้อมกับฮัมเพลงไปด้วย ตอนนี้น้ำในลำธารเล็กๆ แข็งเป็นน้ำแข็งหมดแล้ว เขาต้องคอยระวังไม่ให้ตัวเองลื่นบนหิมะหนาเตอะ
\"เอ้า เป็นไรเนี่ย\" อันตนบ่นพร้อมกับเคาะเครื่องเล่นเอ็มดีเนื่องจากจู่ก็เกิดติดขึ้นมากระทันหัน ทันใดนั้น เขาก็ต้องหันหน้าตามเสียงที่ได้ยิน เขาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เขาได้ยินเสียงน้ำไหล ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีน้ำไหลตอนกลางฤดูหนาวเช่นนี้ เขามองไปที่ลำธารใกล้ตัว พร้อมกับยื่นเท้าลงไปสัมผัสผิวน้ำนิดหนึ่ง น้ำแข็งสนิท
ทันใดนั้น เสียงอีกเสียงก็มาดึงความสนใจของเขาไปจากน้ำแข็ง เสียงฝีเท้า อีกแล้ว คราวนี้เป็นเสียงฝีเท้าที่ชัดเจนมากๆ ถ้ามีใครเดินมาเขาก็คงจะเดินมาประชิดตัวอันตนแล้ว แต่ .... ไม่มีใครอยู่แถวนี้ นอกจากตัวเขาเอง เขาเริ่มเรียกหาโซย่า
\"โซย่า...\" ไม่มีเสียงใดๆ ตอบมาทั้งสิ้น ทั้งๆที่โซย่าน่าจะรีบวิ่งมาหาเขาเหมือนปกติ หัวใจของเขาสูบฉีดอย่างแรง เสียงที่เขาได้ยินยังคงชัดเจนทุกอย่าง \"โซย่า...\"
ทันใดนั้น เสียงทุกอย่างก็เงียบลง โซย่าวิ่งเข้ามาหาเขา เขารีบเก็บเอ็มดีที่ตกอยู่ และรีบเอาโซ่คล้องคอโซย่าพาเดินย้อนกลับทางเดิมกลับบ้านทันที
ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงเวลาสี่โมงเย็น แต่เนื่องจากเป็นกลางฤดูหนาวแล้ว มันช่างมืดสนิทราวกับเป็นยามราตรี มีเพียงแสงจันทร์เพียงเล็กน้อยที่สะท้อนกับหิมะบนพื้นเท่านั้น ทุกอย่างรอบตัวเขาเงียบสงัด มีเพียงเสียงลากเท้าของเขาเองที่กระทบกับก้อนกรวดบนพื้น เขานึกถึงภาพที่มาร์คุส เพื่อนสนิทของเขามาถ่ายระหว่างที่เขาสองคนพาสุนัขออกไปเดินเล่นเมื่อวันก่อน ถึงมันจะลางเลือนและเบลอเพียงใด แต่สิ่งที่พวกเขาสองคนถ่ายติด มันคือหัวคน ลอยอยู่บนท้องฟ้า มาร์คุสกลัวจนไม่มาค้างบ้านเขาอีก แต่เขากลับคิดแค่ว่า สิ่งใดก็ตามที่มาร์คุสถ่ายติด อย่างไรมันก็ไม่เคยทำร้ายเขา ไม่เคยประกฏให้เห็น ไม่เคยก่อเรื่องวุ่นวาย แล้วทำไมเขาถึงจะต้องไปกลัวเล่า อันตนยังคงก้าวขาฉับๆ อย่างคงที่ ในใจพลางคิดถึงเตาผิงที่บ้าน อากาศกลางฤดูหนาวนี่ช่างหฤโหดจริงๆ
ผ่านบ้านคน ผ่านคอกม้า จนมาถึงถนนที่ตัดผ่านป่า ถึงมันจะเป็นระยะสั้นๆ แค่ 500 เมตร แต่มันก็มืดซะจนคุณไม่สามารถที่จะมองเห็นคนที่เดินมาด้วยกันได้ เมื่ออยู่ในป่าแล้ว จะท้องฟ้า แสงดาวก็ถูกความมืดกลืนหายไปเสียหมด 
\"แซก แซก แซก แซก...\" เสียงรองเท้าเดินครูดกับพื้น อันตนยังคงก้มหน้าก้มตาเดินต่อไป เสียงนั้นยังคงดังอยู่ไม่หยุด และดังขึ้นเรื่อยๆ ด้วยซ้ำ มันคงจะเป็นเสียงของคนที่จะเดินสวนกับเขาเร็วๆ นี้ เพียงแต่เขายังมองไม่เห็นตัวเท่านั้นเอง เขายังคงเดินไปเรื่อยๆ เสียงนั้นดังมากราวกับว่าเจ้าของรองเท้ามาเดินอยู่ข้างๆ เขา แต่เขาก็ยังไม่เห็นใคร อันตนเริ่มหวาดหวั่น เขาหยิบไฟฉายในกระเป๋าขึ้นมาส่องดู แต่เขาก็ไม่เห็นใคร เสียงรองเท้านั้นยังคงดังอยู่ แต่เบาลง และเบาลง พอพ้นระยะป่าแล้วเสียงนั้นก็จางจนแทบจะไม่ได้ยิน
\"เขาเดินสวนเราไปตั้งแต่เมื่อไหร่นะ\" อันตนพูดกับตัวเอง ตอนนี้เขาสามารถมองเห็นท้องฟ้าได้เต็มตาแล้ว ดวงดาวนับพันส่องแสงระยิบระยับอยู่บนท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้ม
ก่อนถึงบ้านของเขามีบ้านอยู่สองสามหลัง ก็เป็นพวกเพื่อนบ้านที่เขารู้จักดีทั้งนั้น ในชนบทเช่นนี้แทบจะเรียกได้ว่าทุกคนรู่จักทุกคน ตอนนี้พวกเขาเริ่มประดับต้นคริสต์มาสกันแล้ว มันทำให้ถนนช่วงนี้ดูสดใส เป็นสีสันให้ความมืดกลางฤดูหนาว อีกไม่กี่วันก็จะถึงคริสต์มาสแล้วสินะ เทศกาลที่ทุกคนรอคอย
อันตนเดินขึ้นบันไดเข้าบ้านไป โซย่าสุนัขที่เลี้ยงไว้มากระโดดรอรับอยู่ที่หน้าประตูทำท่าออดอ้อนให้เขาพาไปเดินเล่น อันตนโยนกระเป๋าทิ้งไว้แล้วเดินไปหยิบโซ่เพื่อนที่จะพาโซย่าไปเดินเล่น ยังไม่มีใครเลยกลับถึงบ้านหน้าที่พาโซย่าไปเดินเล่นก็เลยตกเป็นของเขาอย่างช่วยไม่ได้ แต่เขารู้สึกสงบและมีความสุขที่ได้อยู่กลางป่าเช่นนี้ จะเรียกว่าเขาหลงเสน่ห์ของต้นไม้และสัตว์ป่าก็ว่าได้ รอบบ้านของเขาล้อมรอบไปด้วยต้นไม้และนานาสัตว์ ทั้งวัว ม้า กวาง เอลค์ล้วนเป็นสิ่งที่เขาเห็นเป็นเรื่องปกติ ในขณะที่คนที่อาศัยในสตอกโฮลม์หรือเมืองใหญ่ๆ ทั้งชีิวิตอาจไม่มีโอกาสได้เห็น คนในเมืองใหญ่ไม่มีโอกาสได้เก็บลูกไม้ป่ากินเองเหมือนกับเขา ทั้งราสเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่สดๆ ล้วนรสชาติดีเป็นที่สุด ถึงแม้ว่าบ้านคนแถวนี้จะร้างลงไปทุกทีเนื่องจากมันค่อนค้างจะห่างไำกลความเจริญมาก แต่สำหรับเขาแล้ว ไม่เคยมีแม้แต่เสี้ยววินาทีที่เขามีความคิดจะย้ายออกจากป่าแห่งนี้ แต่เขาไม่เคยรู้หรอกว่า เหตุผลที่ครอบครัวเขาไม่ย้ายไปไหน ไม่ใช่เป็นเพราะไม่อยากย้าย แต่เป็นเพราะพวกเขาย้ายออกไปจากป่าแห่งนี้ไม่ได้ต่างหาก
-----------------------------------------------------
ทางที่เขาพาโซย่าไปเดินเล่นเป็นประจำ เป็นอีกฟากหนึ่งของป่าที่เขาผ่านขณะเดินกลับบ้าน พอออกจากบ้านได้ซักพัก เขาก็ปล่อยให้โซย่าเดินเล่นเองเป็นปกติ อันตนหยิบเครื่องเล่นเอ็มดีขึ้นมาเปิดเพลงฟังพร้อมกับฮัมเพลงไปด้วย ตอนนี้น้ำในลำธารเล็กๆ แข็งเป็นน้ำแข็งหมดแล้ว เขาต้องคอยระวังไม่ให้ตัวเองลื่นบนหิมะหนาเตอะ
\"เอ้า เป็นไรเนี่ย\" อันตนบ่นพร้อมกับเคาะเครื่องเล่นเอ็มดีเนื่องจากจู่ก็เกิดติดขึ้นมากระทันหัน ทันใดนั้น เขาก็ต้องหันหน้าตามเสียงที่ได้ยิน เขาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เขาได้ยินเสียงน้ำไหล ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีน้ำไหลตอนกลางฤดูหนาวเช่นนี้ เขามองไปที่ลำธารใกล้ตัว พร้อมกับยื่นเท้าลงไปสัมผัสผิวน้ำนิดหนึ่ง น้ำแข็งสนิท
ทันใดนั้น เสียงอีกเสียงก็มาดึงความสนใจของเขาไปจากน้ำแข็ง เสียงฝีเท้า อีกแล้ว คราวนี้เป็นเสียงฝีเท้าที่ชัดเจนมากๆ ถ้ามีใครเดินมาเขาก็คงจะเดินมาประชิดตัวอันตนแล้ว แต่ .... ไม่มีใครอยู่แถวนี้ นอกจากตัวเขาเอง เขาเริ่มเรียกหาโซย่า
\"โซย่า...\" ไม่มีเสียงใดๆ ตอบมาทั้งสิ้น ทั้งๆที่โซย่าน่าจะรีบวิ่งมาหาเขาเหมือนปกติ หัวใจของเขาสูบฉีดอย่างแรง เสียงที่เขาได้ยินยังคงชัดเจนทุกอย่าง \"โซย่า...\"
ทันใดนั้น เสียงทุกอย่างก็เงียบลง โซย่าวิ่งเข้ามาหาเขา เขารีบเก็บเอ็มดีที่ตกอยู่ และรีบเอาโซ่คล้องคอโซย่าพาเดินย้อนกลับทางเดิมกลับบ้านทันที
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น