ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มีเธอ...อยู่ร่ำไป

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 3 เม.ย. 49


    เจสซี่
             "คืนนั้น ฉันตื่นขึ้นมากลางดึกแต่อลันกลับยังไม่นอน เขากำลังใจจดใจจ่ออยู่กับรายงานเดอะฟุตตี้ส ลีเจนด์ รายการที่เอาแมตช์คลาสสิคมาฉายทางช่องสกาย ฉันเพ่งมองไปที่ทีวีแต่สายตาก็พร่ามัวเกินกว่าที่จะเห็นอะไร อลันหยิบแว่นส่งให้ฉัน แล้วพูดว่า นี่อาร์เจนติน่าปี 86 หัตถ์พระเจ้าเชียวนะ... ฉันถอดแว่นออกทันที อลันคงจะดูฟุตบอลแมตช์นี้มาซักสามพันรอบได้แล้วมั้ง
               ผมขอโทษนะ คุณจะนอนเหรอ เขาถาม พร้อมกับเอื้อมไปหยิบรีโมทเพื่อจะหรี่เสียง
               ฉันว่าฉันหิวมากกว่า ฉันลุกขึ้นจากเตียง ก่อนที่จะโดนอลันหยุดไว้
               นั่นคุณจะไปไหนนะ เขาถามอย่างจริงจัง 
               นี่มันเพิ่งจะห้าทุ่มสี่สิบ ฉันว่าจะออกไปหาอะไรกินสักหน่อย ฉันตอบ อลันอาสาที่จะไปซื้อพิซซ่าที่พิน็อกคิโอ ร้านพิซซ่าที่อร่อยที่สุดในเมืองให้ อลันเดินไปใส่เสื้อคลุม หยิบกระเป๋าสตางค์แล้วก็ออกไป
               ใครจะไปรู้ว่านั่นจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะได้เห็นเขา...เป็นๆ"


    อลัน
              อากาศคืนนั้นหนาวตายชัก ผมเดินลงมาตามทางเดินในอพาร์ตเมนต์ของเรา พอออกนอกประตูไปผมก็ต้องค้นพบว่าผมไม่มีกุญแจ แต่ช่างเถอะ เดี๋ยวกลับมาให้เจสซี่เปิดให้ก็ได้ ผมคิด
              พิซซ่าร้านพิน็อคคิโอไม่เคยทำให้ผมผิดหวัง กลิ่นหอมของชีสและมะเขือเทศที่โชยออกมาทำให้ผมรู้สึกอยากอาหารขึ้นมาทันที แต่อดใจไว้ก่อน พิซซ่าถาดนี้ต้องเก็บไว้ให้ยอดยาหยีของผมกินเท่านั้น


    เจสซี่ 
              ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นอีกครั้ง ที่บนเตียงข้างฉันยังคงว่างเปล่า ไออุ่นจากตัวอลันที่ค้างอยู่กับเตียงนั้นหายไปแล้ว ทุกอย่างที่บอกความเป็นตัวตนของอลันดูจะหายไปแล้ว อากาศหนาวทำให้ฉันไม่อยากที่จะลุก หรือแม้แต่คิดว่าทำไมอลันถึงมาช้าสุดๆ อลันต้องคุยกับมาร์ค เด็กทำพิซซ่าเพลินแหงๆ แต่เอ...นี่มันก็เที่ยงคืนแล้วนะ ร้านก็น่าจะปิดแล้ว อลันมัวแต่ทำอะไรอยู่นะ คิดได้แค่นี้ฉันก็เผลอหลับไปอีก


    อลัน
               ผมเดินข้ามถนนมา โยนก้อนกรวดสองสามก้อนขึ้นไปให้โดนหน้าต่างห้องนอนเรา เจสซี่ดูท่าว่าจะไม่รู้ตัว แถมเวลานี้ก็ไม่ใช่เวลาที่จะมากดกริ่งให้ข้างห้องเปิดให้เสียด้วย ผมถอยหลังลงไปบนถนนเพื่อจะได้เหวี่ยงก้อนหินให้โดนเป้ามากขึ้น
               แสงไฟสาดส่องเข้ามาทางด้านซ้าย แรงปะทะอันหนักหน่วงชนเข้ากับสีข้างของผม แรงนั้นไม่ได้ลดความเร็วลงเลย ผมตกลงบนพื้น หนังตาของผมเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ แล้วสติสัมปชัญญะของผมก็ดับวูบ
               ใครจะไปรู้ว่า นั่นจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะได้หายใจ...ในร่างนี้


    เจสซี่ 
               ทุกอย่างมันผิดปกติมากแล้ว อลันยังไม่กลับมาแถมหน้าอพาร์ตเมนต์ยังมีเสียงเอะอะ ความรู้สึกที่หนักอึ้งนี่มันอะไร
               ฉันใส่เสื้อคลุมอย่างเร่งรีบ หยิบกุญแจแล้วออกจากห้องไป เสียงเอะอะนั่นหายไปแล้ว เมื่อลงมาถึงถนนก็ไม่มีวี่แววของอลัน ฉันรออยู่นานไม่ว่าจะนั่นรอ ยืนรอ แต่ทุกอย่างก็เงียบสงัดแบบฤดูใบไม้ร่วง เสียงที่ดังอยู่ก็มีแค่เพียงเสียงใบไม้ร่วงที่ถูกลมพัดดังกรอบแกรบเท่านั้น
               ฉันขึ้นมานั่งรออยู่ที่ขั้นบันได ความหนาวนี้แม้จะเป็นเพียงแค่ความหนาวของช่วงกลางฤดูใบไม้ร่วง แต่เมื่อใส่ชุดนอนบางเฉียบกับเสื้อคลุมที่ไม่ค่อยหนาเท่าไหร่มานั่งอยู่หน้าบันใดอย่างนี้คงไม่ดีแน่ ฉันพิงหัวกับเสาที่อยู่ข้างๆ ผ่านไปนานเท่านาน... 
               
                "วูบ" ลมพัดผ่านอย่างเร็ว สายลมนี้ดูเหมือนจะโอบกอดฉันไว้ ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ที่น้ำตาฉันไหลออกมาโดยไม่มีเหตุผล อลันอยู่ไหนเนี่ย ถ้าเขาอยู่ตรงนี้เขาก็จะคอยซับน้ำตาให้ฉัน คอยปลอบใจฉัน แต่ตอนนี้ไม่มีทั้งอลัน ทั้งคำปลอบใจ ความรู้สึกเศร้าที่บอกไม่ถูกนี้มันกวนใจมากกว่าที่ฉันคิด ฉันออกเดินไปที่พิน็อกคิโอ ทุกอย่างปิดแล้ว ฉันเขย่าประตูเหล็กดูให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ในร้านแล้ว ถึงจะรู้คำตอบแต่ฉันก็ยังหวัง ว่าจะมีเสียงตอบกลับมา แต่แล้ว...ทุกอย่างก็ยังเงียบ 
                เวลาผ่านไปนานเท่าใดไม่อาจรู้ได้ แสงตะวันเริ่มจับขอบฟ้าทางด้านตะวันออก มันคงจะเป็นภาพที่สวยงามมากทีเดียวหากฉันรู้ว่าอลันอยู่ที่ไหน พอแดดเริ่มออกฉันก็กลับเข้าบ้าน

                "คุณมีข้อความใหม่ 11 ข้อความ" เสียงเครื่องฝากข้อความดังขึ้นแทบทันทีที่ฉันกดปุ่มไฟที่กะพริบอยู่
                "ข้อความที่หนึ่ง เวลา 19.21น. เจส นี่โจนะ ดีวีดีที่ฉันเอาไปดูวันนั้นน่ะ ฉันลืมไว้ที่บ้านเธอ ฝากเอาไปคืนที่ร้านของมอนตี้ด้วย ขอบคุณนะ" ฉันหยิบดีวีดีแผ่นหนึ่งออกมาจากใต้เบาะของโซฟา "ขี้ลืมจริงๆ" ฉันคิด แล้วโยนมันกลับลงไปบนโซฟา 
                "ข้อความที่สอง เวลา 01.28น. ...." เทปในเครื่องตอบรับวิ่งไป คำพูดพรั่งพรูออกมาจากเครื่องแต่ฉันไม่สามารถจับใจความได้สักอย่าง ความรู้สึกมากมายวิ่งผ่านหัวฉันไม่ยอมหยุด นี่มันอะไรกัน เรื่องโกหกใช่ไหม ใครกัน รายการแคนดิตคาเมร่าหรือไง ไม่เอาน่า อย่ามาล้อเล่นฉันด้วยเรื่องพรรค์นี้นะ 
                "ตู๊ด.." ฉันกดปิดเครื่องตอบรับ ตามด้วยปุ่มลบข้อความทั้งหมด
                ขาฉันอ่อนแรงจนแทบยืนไม่อยู่ ฉันทรุดลงไปกับพื้นแถวๆ นั้น น้ำตาไหลอาบสองแก้ม ได้แต่ภาวนาว่าสิ่งนี้มันไม่เป็นความจริง มันต้องมีการเข้าใจอะไรผิดแน่ๆ


                "ทางโรงพยาบาลมีความเสียใจที่จะแจ้งให้ทราบว่า อลัน โดโนแวนเสียชีวิตไปแล้ว" ประโยคนี้วนเวียนอยู่ในหัวฉัน ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับเครื่องเล่นเทปที่จะเล่นไปจนกว่าถ่านจะหมด 

                "ทางโรงพยาบาลมีความเสียใจที่จะแจ้งให้ทราบว่า อลัน โดโนแวนเสียชีวิตไปแล้ว.........."
                
            

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×