ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : หนึ่ง
                  ถ้าใครถามเราว่า มิตรภาพของพวกเราเริ่มต้นขึ้นที่ตรงไหน เราก็คงจะตอบไม่ถูก มันก็งี่เง่าพอๆกับที่จะมานั่งคิดว่าไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกันนั่นแหละ ถ้าจะให้ตอบแบบไม่คิดมากพวกเราก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่มาร่วมหอลงโลง(โรง)เรียนเดียวกัน แต่นั่นมันตั้งนานก่อนที่เราจะได้มาทำความรู้จักและเป็นเพื่อนกันจริงๆ มันหาจุดเริ่มต้นไม่ได้ ว่าความเป็น ‘เพื่อน’ ของพวกเราเริ่มต้นที่ตรงไหน เมื่อไหร่ และอย่างไร สิ่งที่สำคัญจริงๆมีเพียงแต่ว่าพวกเราเป็นเพื่อนรักกันก็เท่านั้น
                  น่าแปลกที่กาลเวลามีวิถีและวิธีของตัวมันเองที่ทำให้อดีตดูไม่ไกลจากปัจจุบันนักในบางครั้ง แต่บางคราวมันก็ดูเหมือนกับว่าระยะทางระหว่างอดีตกับปัจจุบันมันช่างไกลแสนไกลเสียเหลือเกิน มีเรื่องราวต่างๆเกิดขึ้นมากมายที่เมื่อหันกลับไปมองดูยังทำให้นึกสงสัยว่าถ้าตอนนั้นเราไม่ทำอย่างนั้น ถ้าตอนนั้นเราทำอย่างโน้น มันจะเกิดอะไรขึ้น...สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้จะทำให้ปัจจุบันตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน แต่ก็เหมือนกับคำถามที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า ‘ถ้า’ ทั้งหลายทั้งปวง...มันไม่เคยมีคำตอบสักที
                  วันนี้เราทั้งรื้อทั้งเก็บข้าวของส่วนตัวเท่าที่จะทำได้ ทำให้อพาร์ทเมนท์ที่เคยดูกว้างๆของเราคลุ้งไปด้วยฝุ่น และควันหลงของความทรงจำที่ค่อยๆกลับคืนมาพร้อมกับข้าวของและชิ้น โดยเฉพาะเรื่องของ ‘พวกเรา’ ที่ยังคงแจ่มชัดที่สุด มีข้าวของมากมายเหลือเกินที่อบอวลไปด้วยความทรงจำของพวกเราทุกคนและวันเวลาที่ได้อยู่ร่วมกัน เราหยุดถอนหายใจและยิ้มให้ตัวเองน้อยๆทุกครั้งที่หยิบเอากรอบรูปหรือสมบัติของพวกเราขึ้นมา สัมผัสอันคุ้นเคยที่ปลายนิ้วทำให้รู้สึกเหมือนว่าเวลาย้อนกลับไปในอดีตครั้งแล้วครั้งเล่า แต่คงไม่มีชิ้นไหนที่ทำให้เรานั่งค้างอยู่ได้นานเท่าสมุดเล่มนี้
                  ตลอดเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมามีเรื่องราวต่างๆเกิดขึ้นมากมาย เจ้าสมุดเล่มนี้กลับนอนคอยอยู่เงียบๆท่ามกลางกองหนังสือเล่มอื่นๆ เล็ดรอดผ่านสายตาของเรามาได้อย่างอัศจรรย์ สีของปกที่แม้จะซีดจางและดูเก่าคร่ำคร่ากว่าที่เคยจำได้ ก็ไม่ได้ทำให้ลวดลายและรูปทรงผิดเพี้ยนไปจากเมื่อสิบปีก่อน หน้ากระดาษว่างเปล่าและเส้นบรรทัดสีฟ้าซีดๆชวนให้นึกถึงลายมือเลคเชอร์อันสุดแสนจะไก่เขี่ยอีกเป็นร้อยเป็นพันหน้าที่หลั่งไหลจากปลายปากกานับแต่เริ่มเขียนหนังสือเป็น และที่ยังคงติดตรึงอยู่บนปลายนิ้ว สมุดเปล่าๆเล่มนี้เป็นตัวแทน เป็นสัญลักษณ์ และเป็นหลักฐานถึงช่วงเวลาหนึ่งที่เคยเป็นของพวกเรา
                  เราวางสมุดเล่มนี้ลงบนโต๊ะอย่างเบามือราวกับกลัวว่าความทรงจำอันเปรียบเสมือนแก้วที่บอบบางนี้ จะแหลกสลายไปด้วยแรงกระเทือนเพียงเล็กน้อย  ความตั้งใจและสนใจที่จะเก็บของต่อมันหายไปซะดื้อๆ เราก็เลยกวาดเอาของรกๆบนพื้นไปกองไว้ในลังแล้วผลักไปรวมๆกันไว้ให้พ้นหูพ้นตา เป็นนิสัยมักงายที่ยังแก้ไม่หายซักที เรานั่งจ้องหน้าปกซีดๆอยู่นาน อย่างน้อยก็เราก็รู้สึกว่านานก็แล้วกันล่ะกว่าที่จะเปิดมันออกแล้วไล้นิ้วไปตามกระดาษสีขาว ในที่สุดฉันก็เอื้อมมือไปหยิบปากกาแล้วจรดบนหน้ากระดาษช้าๆ สัมผัสที่ห่างหายไปนาน 10 ปีและเรื่องราวตลอดเวลาที่ผ่านมา หวนกลับมาในเพียงเสี้ยววินาทีที่ตัวหนังสือตัวแรกนั้นถูกตวัดลงบนหน้ากระดาษที่ว่างเปล่า
                  น่าแปลกที่กาลเวลามีวิถีและวิธีของตัวมันเองที่ทำให้อดีตดูไม่ไกลจากปัจจุบันนักในบางครั้ง แต่บางคราวมันก็ดูเหมือนกับว่าระยะทางระหว่างอดีตกับปัจจุบันมันช่างไกลแสนไกลเสียเหลือเกิน มีเรื่องราวต่างๆเกิดขึ้นมากมายที่เมื่อหันกลับไปมองดูยังทำให้นึกสงสัยว่าถ้าตอนนั้นเราไม่ทำอย่างนั้น ถ้าตอนนั้นเราทำอย่างโน้น มันจะเกิดอะไรขึ้น...สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้จะทำให้ปัจจุบันตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน แต่ก็เหมือนกับคำถามที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า ‘ถ้า’ ทั้งหลายทั้งปวง...มันไม่เคยมีคำตอบสักที
                  วันนี้เราทั้งรื้อทั้งเก็บข้าวของส่วนตัวเท่าที่จะทำได้ ทำให้อพาร์ทเมนท์ที่เคยดูกว้างๆของเราคลุ้งไปด้วยฝุ่น และควันหลงของความทรงจำที่ค่อยๆกลับคืนมาพร้อมกับข้าวของและชิ้น โดยเฉพาะเรื่องของ ‘พวกเรา’ ที่ยังคงแจ่มชัดที่สุด มีข้าวของมากมายเหลือเกินที่อบอวลไปด้วยความทรงจำของพวกเราทุกคนและวันเวลาที่ได้อยู่ร่วมกัน เราหยุดถอนหายใจและยิ้มให้ตัวเองน้อยๆทุกครั้งที่หยิบเอากรอบรูปหรือสมบัติของพวกเราขึ้นมา สัมผัสอันคุ้นเคยที่ปลายนิ้วทำให้รู้สึกเหมือนว่าเวลาย้อนกลับไปในอดีตครั้งแล้วครั้งเล่า แต่คงไม่มีชิ้นไหนที่ทำให้เรานั่งค้างอยู่ได้นานเท่าสมุดเล่มนี้
                  ตลอดเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมามีเรื่องราวต่างๆเกิดขึ้นมากมาย เจ้าสมุดเล่มนี้กลับนอนคอยอยู่เงียบๆท่ามกลางกองหนังสือเล่มอื่นๆ เล็ดรอดผ่านสายตาของเรามาได้อย่างอัศจรรย์ สีของปกที่แม้จะซีดจางและดูเก่าคร่ำคร่ากว่าที่เคยจำได้ ก็ไม่ได้ทำให้ลวดลายและรูปทรงผิดเพี้ยนไปจากเมื่อสิบปีก่อน หน้ากระดาษว่างเปล่าและเส้นบรรทัดสีฟ้าซีดๆชวนให้นึกถึงลายมือเลคเชอร์อันสุดแสนจะไก่เขี่ยอีกเป็นร้อยเป็นพันหน้าที่หลั่งไหลจากปลายปากกานับแต่เริ่มเขียนหนังสือเป็น และที่ยังคงติดตรึงอยู่บนปลายนิ้ว สมุดเปล่าๆเล่มนี้เป็นตัวแทน เป็นสัญลักษณ์ และเป็นหลักฐานถึงช่วงเวลาหนึ่งที่เคยเป็นของพวกเรา
                  เราวางสมุดเล่มนี้ลงบนโต๊ะอย่างเบามือราวกับกลัวว่าความทรงจำอันเปรียบเสมือนแก้วที่บอบบางนี้ จะแหลกสลายไปด้วยแรงกระเทือนเพียงเล็กน้อย  ความตั้งใจและสนใจที่จะเก็บของต่อมันหายไปซะดื้อๆ เราก็เลยกวาดเอาของรกๆบนพื้นไปกองไว้ในลังแล้วผลักไปรวมๆกันไว้ให้พ้นหูพ้นตา เป็นนิสัยมักงายที่ยังแก้ไม่หายซักที เรานั่งจ้องหน้าปกซีดๆอยู่นาน อย่างน้อยก็เราก็รู้สึกว่านานก็แล้วกันล่ะกว่าที่จะเปิดมันออกแล้วไล้นิ้วไปตามกระดาษสีขาว ในที่สุดฉันก็เอื้อมมือไปหยิบปากกาแล้วจรดบนหน้ากระดาษช้าๆ สัมผัสที่ห่างหายไปนาน 10 ปีและเรื่องราวตลอดเวลาที่ผ่านมา หวนกลับมาในเพียงเสี้ยววินาทีที่ตัวหนังสือตัวแรกนั้นถูกตวัดลงบนหน้ากระดาษที่ว่างเปล่า
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น