ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฝึกงาน(คนเดียว)ในปักกิ่ง

    ลำดับตอนที่ #10 : Korean Town ที่ Wudaokou

    • อัปเดตล่าสุด 22 ก.ค. 52


    บทที่ 10 Korean Town ที่WU DAO KOU  
                    ()(dào)(kǒu)(อู๋เต้าโขว่) อยู่บริเวณวงแหวนที่4ทางตะวันตกเฉียงเหนือ สามารถนั่งรถไฟฟ้าสาย13มาได้ ถือเป็นย่านที่มีต่างชาติอยู่เยอะที่สุดในปักกิ่ง เพราะเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยชื่อดังมากมาย ทั้งมหาวิทยาลัยปักกิ่ง มหาวิทยาลัยชิงหัว มหาวิทยาลัยภาษาและวัฒนธรรมปักกิ่ง โดยเฉพาะที่หลังก็มีนักศึกษาต่างชาติมากกว่า6,000คนต่อเทอมแล้ว
                    แน่นอนว่าชาติที่มีจำนวนเยอะที่สุดคือ เกาหลี จึงมีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านตัดผม สไตล์เกาหลีเปิดกันมากมายในย่านนี้จนได้ชื่อว่า Korean Town เพราะเดินไปทางไหนในย่านนี้ก็ต้องไปยินภาษาเกาหลีเข้าหูตลอด
                    ผมชอบมุมมองคนเด็กเกาหลีสมัยนี้ ที่ให้ความสำคัญในเรื่องการเปิดโลกทัศน์ กับการเรียนหนังสือ นักศึกษาเกาหลีใต้ส่วนใหญ่ เมื่อจบปีสามแล้ว จะดรอปเรียนไว้หนึ่งปีเพื่อไปหาประสบการณ์ บางคนอาจจะมาเรียนภาษา บางคนอาจจะไปฝึกงานบริษัทเป็นเวลา 1 ปี ก่อนที่จะกลับไปเรียนชั้นปีที่สี่
                    ผมถามฮันน่า เพื่อนสาวชาวเกาหลีใต้ดูว่าเขาไม่เสียดายเวลาหรือ ที่ต้องเรียนจบช้าไปหนึ่งปี
                    เธอกลับบอกว่าเป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่ามาก สมัยก่อนเหมือนได้เรียนมิติเดียว คือฟังอาจารย์สอน แต่พอมีประสบการณ์จากโลกแห่งความเป็นจริง แล้วได้กลับไปสู่ชีวิตมหาวิทยาลัยในปี4 ก็จะเริ่มเปรียบเทียบสิ่งที่เรียน กับการทำงาน หรือกับวัฒนธรรมอื่นๆที่ได้เรียนรู้มา รู้จักขบคิดวิเคราะห์และกล้าที่จะตั้งคำถามกับอาจารย์มากขึ้น
                    ขึ้นชื่อว่ามาKorean Town เห็นคนไว้ทรงผมสไตล์กอล์ฟไมค์กันเยอะ ผมก็อยากลองดูว่า
                    ถ้าไปตัดผมแบบทรงปกติ ช่างเขาจะตัดให้ได้ไหม
                    สอบถามคาร์สัน เพื่อนชาวฟิลิปปินส์ที่พักอาศัยในย่านนี้ว่า แถวนี้ตัดผมร้านไหนชัวร์สุด ได้รับคำตอบมาว่ามีร้านเปิดใหม่ ตกแต่งดูดีมีสไตล์อยู่ที่ห้างHualian ติดกับสถานีรถไฟฟ้า
                    ที่ผมต้องถาม เพราะเมืองจีนไม่เหมือนเมืองไทย ที่อาชีพช่างตัดผมถือเป็นอาชีพสงวนสำหรับคนไทย มีการถ่ายทอดเทคนิคมาอย่างยาวนาน มีการฝึกวิชาชีพ มีสถาบันที่ได้รับการยอมรับ มีการแข่งขันระดับประเทศ ยกระดับมาตรฐานของช่างตัดผมโดยทั่วไปให้สูงขึ้น
                    ต่างกับเมืองจีนที่ช่างตัดผมโดยทั่วไป ไม่ได้รับการฝึกอบรมตัดผมมาอย่างถูกต้อง แค่จะหาคนซอยผมที่เก่งๆยังหาได้ยาก และโดยส่วนใหญ่ฝึกโดยการเรียนรู้เอาเอง
                    ร้านดูสะอาด และโปร่งดี แต่ว่าค่าตัดผมแพงถึง 80 หยวน โชคดีที่อยู่ในช่วงเปิดใหม่เลยลดให้ครึ่งราคา เลยทำให้ผมตัดสินใจง่ายขึ้น
                    ช่างตัดผมเป็นผู้หญิงซึ่งดูอายุน้อยมาก เอาแคตาลอกทรงผมมาให้เลือก ทั้งเล่มมีแต่สไตล์เกาหลี ผมเหลืองๆทองๆ เป็นหนามๆอย่างที่วัยรุ่นสมัยนี้นิยมกัน เห็นแล้วเครียดเพราะไม่น่าจะมีทรงไหนที่เข้ากับผมเลยสักนิด              ถ้าตัดไปแล้ว อาจจะต้องออกไปเลือกซื้อเสื้อผ้า รองเท้าใหม่ทั้งชุดเพื่อให้เข้ากับทรงผมใหม่ก็เป็นได้
                    หลังสระผมเสร็จ จึงมาเจรจากับน้องช่างตัดผมว่า ขอเป็นทรงเดิมและสั้นลงแล้วกัน  เธอทำหน้าผิดหวัง พร้อมกับบอกว่าทรงผมปัจจุบันของผมดูแย่มาก ต้องทรงแบบหนามแหลมๆสิ พร้อมกับเอามือขยี้หัวผมให้ดูยุ่งๆ
                    นี่สิ ต้องอย่างนี้ถึงจะดูอินเทรนด์ ทันสมัยสุดๆ หน้าดูสว่างขึ้นมาทันตาเห็น เธอกล่าวอย่างมั่นใจ
                    ผมเลยต้องยืนยันหนักแน่นว่าเอาแบบเดิมและทรงเดิมแหละดีแล้ว เพราะผมทำงานแล้วไว้แบบเด็กแนวไม่ได้หรอก
                    น้องช่างเริ่มทำหน้าตกใจ ราวกับเกิดมาไม่เคยตัดผมแบบธรรมดามาก่อน เลยต้องให้กำลังใจว่าตัดไปเถอะ ผมแค่อยากมาลองดูเท่านั้นเอง
                    บรรยากาศเป็นไปด้วยความตึงเครียด ระหว่างตัดผมนั่งเงียบไม่ออกความคิดเห็น ไม่ชวนคุยใดๆอีกเลย เพราะอยากจะลองดูว่ามีประสบการณ์แค่ไหน ช่างตัดด้วยอาการเกร็งอย่างเห็นได้ชัด
                    ผลออกมาเธอตัดผมออกไปหมด ตัดเหมือนจะเสร็จแล้ว ก็ทีละนิดจนผมแห้งแล้ว ก็สเปรย์น้ำแล้วตัดต่อ ถึงสามรอบกว่าจะเรียบร้อย ทรงผมกลายเป็นนักเรียนม.ปลายบ้านเรายังไงยังงั้น เรียกได้ว่ารู้สึก “เด๋อมากกกกก”
                    กลับมาบ้าน อลันทักถามเรื่องไปตัดผมมา เขาก็มองแล้วบอกว่า
                    เขาตัดที่หน้าคอนโดแค่ 7 หยวน ไม่เห็นต่างกันเลย
                    ผมเลยบอกไปว่า ต่างกันสิ เพราะผมจ่าย 40 หยวน แต่ได้นั่งในร้านถึง 2 ชั่วโมง แถมช่างก็สวยกว่า คุ้มจริงๆ
    มีอะไรแถวWudaokou
    Summer Palace ()()(yuán)(อี้เหอหยวน)
    ป้ายรถเมล์ ()()(yuán)(อี้เหอหยวน)
    สายรถเมล์ที่ผ่าน 209 330 330 331 332 346 394 683 690 696 718 732 801 808 826
    เวบไซต์ http://www.summerpalace-china.com  
    ราคาตั๋ว 60 หยวน สำหรับบัตรผ่านเข้าทุกโซน
    พระราชวังฤดูร้อน สร้างครั้งแรกขึ้นในสมัยจิ้น ถูกเปลี่ยนชื่อมาหลายยุคสมัย ถือเป็นอุทยานหลวงที่มีความหรูหราและอลังการ สำหรับใช้พักผ่อนสำหรับบุคคลในราชวงศ์ โดยมีทะเลสาบคุนหมิงเป็นจุดศูนย์กลาง ในยุคพระนางซูสีไทเฮา โปรดให้มีลงทุนสร้างสิ่งปลูกสร้างเพิ่มอีกมากมาย โดยเฉพาะโรงงิ้วซึ่งเป็นที่โปรดปานมาก มีสิ่งปลูกสร้าง รูปปั้น อุทยาน ตำหนักโบราณอีกมากมายภายในพระราชวังแห่งนี้ ต้องใช้เวลาเดินอย่างน้อย1วันถึงจะทั่วถึง
    อาคารใหม่มีความใหญ่โตและทันสมัยกว่า แต่เนื่องจากตั้งอยู่ไกลจากตัวเมืองกว่า15กิโลเมตร จึงเน้นใช้จัดการประชุมนานาชาติ และงานนิทรรศการขนาดใหญ่เท่านั้นฯ
    Old Summer Palace (yuán)(míng)(yuán)(หยวนหมิงหยวน)
    ป้ายรถเมล์ (yuán)(míng)(yuán)(dōng)(mén)(หยวนหมิงหยวนตงเหมิน)
    สายรถเมล์ที่ผ่าน 365 432 656 664 681 717 743 814 957 963 982
    บัตรผ่านประตู 10 หยวน บัตรผ่านทุกโซน 60 หยวน
    เวบไซต์ http://www.yuanmingyuanpark.com
    สร้างขึ้นครั้งแรกในสมัยจักรพรรดิ์คั่งซี โดยผสมผสานสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกเข้ามาใช้ และสวนสไตลล์จีนดั้งเดิมประกอบเข้าด้วยกัน ถือเป็นสวนที่ได้ชื่อว่าสมบูรณ์แบบแห่งหนึ่งในยุคสมัยนั้น ใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของราชวงศ์ เก็บโบราณวัตถุ และทรัพย์สมบัติที่มีค่า แต่ว่าสวนแห่งนี้ถูกทำลายในปี 1860 โดยพันธมิตรอังกฤษและฝรั่งเศส  ภายหลังทางการจีนได้ทำการบูรณะและเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าชม น่าเสียดายที่ส่วนของสถาปัตยกรรมนั้นไม่อาจซ่อมแซมได้ คงเหลือให้เห็นร่องรอยของความยิ่งใหญ่ในอดีตเท่านั้น
    *** ประตูทางเข้ามีมากกว่าหนึ่งทาง สามารถดูรายละเอียดป้ายรถเมล์ และสายรถเมล์ได้จากเวบไซต์***          
                   
                   
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×