ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฝึกงาน(คนเดียว)ในปักกิ่ง

    ลำดับตอนที่ #5 : อยู่อย่างมนุษย์ออฟฟิศ

    • อัปเดตล่าสุด 22 ก.ค. 52


    บทที่ 5 อยู่อย่างมนุษย์ออฟฟิศ
                    ย่าน()(xīng)(mén)(ฟู่ซิ่งเหมิน) มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่าไฟแนนเชี่ยล สตรีท ถือเป็นแหล่งที่ตั้งของสถาบันการเงินชั้นนำของประเทศมากมาย เมื่อมีตึกสำนักงานอยู่มากมาย มนุษย์ออฟฟิศก็ต้องเยอะตามไปด้วย
                    บริษัท Green Futures ตั้งอยู่ชั้น 20 ของอาคาร Investment Plaza มีหน้าที่เป็นนายหน้าขายตลาดสารอนุพันธ์ หรือเรียกอีกอย่างว่าสัญญาซื้อขายสินค้าล่วงหน้า
                    ยกตัวอย่างง่ายๆ น้ำมัน ข้าว ยางพารา ที่ราคาแพงขึ้นก็มาจากกลไกของตลาดประเภทนี้
                    นักลงทุนแค่จ่ายเงินมัดจำ ก็จะได้สัญญามาครอบครอง ถ้าคาดการณ์ราคาสินค้าในอนาคตถูกก็กำไรเละ
                    เพราะเลือกที่จะซื้อหรือขายก่อนก็ได้
                    หากนักลงทุนคาดว่าทองคำจะถูก ก็สามารถขายสัญญาล่วงหน้าได้แม้ไม่มีของอยู่ในมือ เมื่อราคาลงไปจริงๆ ก็ปิดสัญญาเพื่อจะได้กำไรจากส่วนต่าง โดยไม่ต้องส่งมอบสินค้าแต่อย่างใด
                    เรียกว่าลงทุนน้อย ผลตอบแทนสูง ความเสี่ยงก็สูงด้วย หากเกิดความผิดพลาดในตลาดนี้ จะต้องขาดทุนยิ่งกว่าหุ้นตกเหว
                    พี่เฝิง เซ่า หยาง เป็นเพื่อนร่วมงานที่โต๊ะติดกัน ผมมักจะปรึกษาขอความรู้จากตลาดอนุพันธ์แห่งนี้จากเขาเสมอ
                    หน้าที่ของมาร์เกตติ้งที่นี่ ต่างจากที่เมืองไทยอย่างหนึ่ง คือจะให้คำปรึกษาแก่ลูกค้าเท่านั้น ไม่ต้องป้อนคำสั่งซื้อขายใดๆทั้งสิ้น ลูกค้าต้องทำเองผ่านระบบอินเทอร์เนต ซึ่งก็ดูเหมาะสมกับสไตล์การลงทุนแบบจีนดี หากตัดสินใจลงทุนพลาดจะไม่สามารถโทษบริษัทได้เลย
                    ผมถามพี่เฝิงว่า ลูกค้าของเขาที่ขาดทุนมากที่สุดคิดเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่
                    พี่เฝิงให้คำตอบที่แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า แม้แต่สตางค์แดงเดียวก็ไม่เหลือ หมายถึงลงทุนเท่าไหร่ ก็กลายเป็นศูนย์ แต่ก็มีด้านหนึ่งก็มีคนได้กำไรหลายสิบเท่าของเงินลงทุนเช่นกัน เพราะตลาดนี้มีความผันผวนมากกว่าที่นักลงทุนธรรมดาจะมาลองของได้ จำเป็นต้องมีประสบการณ์ และวินัยในการลงทุนอย่างมาก
                                    วิกฤตการณ์เงินรอบใหม่ที่เริ่มต้นจากสหรัฐอเมริกา ก็เริ่มจากสถาบันการเงินชั้นนำต้องการผลตอบแทนที่มากเป็นพิเศษ จึงนำไปลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงด้วยสัดส่วนที่มากเกินความพอดี
                    เมื่อเกิดปัญหาขึ้นจึงนำมาสู่การล่มสลายของสถาบันการเงินชั้นนำมากมาย
    ส่วนคนที่ได้กำไรนั้นจากตลาดแห่งนี้ พี่เฝิงบอกว่าเดือนเดียวได้กำไรสองเท่าของเงินลงทุนครั้งแรกก็มี
                    แต่ตราบใดที่ยังอยู่ในโลกตลาดล่วงหน้า มีการซื้อการขาย ก็ย่อมมีคำว่ากำไรและขาดทุนคละเคล้ากันไป สิ่งสำคัญคือเมื่อเลิกลงทุนในตลาดอนุพันธ์แล้วจะจะเหลือกำไรทั้งหมดเท่าไหร่ต่างหาก
              เมืองไทยก็มีตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้านี้อยู่เหมือนกัน เพียงแต่ว่าสินค้ายังมีอยู่จำกัดแค่ข้าว ยางพารา และมันสำปะหลังเท่านั้น ทั้งยังอยู่ในระยะแรกเริ่ม ไม่ค่อยได้รับความนิยมเหมือนในตลาดหุ้น
                    ชีวิตตอนเช้าของผมจะมาถึงแปดโมงตรง เริ่มทำงาน8.20 มีเวลาพอให้ไปกินข้าวเช้าบ้าง แต่อาหารการกินย่านออฟฟิศของปักกิ่งนั้นดูจะมีตัวเลือกน้อยเหลือเกิน
                    หากเทียบร้านอาหารระดับรากหญ้าข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยว ฟู้ดคอร์ท มีอยู่เพียงแค่ 2-3แห่งเท่านั้นในถนนแห่งนี้ โดยเฉพาะอาหารเช้ามีแค่ที่เดียวคือชั้นใต้ดินของตึกที่ผมทำงานอยู่ เป็นลักษณะบุฟเฟ่ต์ ซึ่งร้านนี้มีการควบคุมรสชาติของอาหารเป็นอย่างดี เพราะไม่เคยมีการเปลี่ยนรายการอาหารเลย ตลอดช่วงที่ผมฝึกงานอยู่ที่นั่น
    โจ๊ก ข้าวต้ม ปาท่องโก๋ ไข่ต้ม น้ำเต้าหู้ ทุกวันร้านเขาก็ทำอยู่แค่นี้ ไม่มีอะไรใหม่เลย
    กินซ้ำๆไปทุกวันก็เริ่มหวาดกลัว โจ๊ก ข้าวต้ม ปาท่องโก๋ ไข่ต้ม น้ำเต้าหู้  
    ชีวิตตอนเที่ยงก็ไม่ต่างกัน ถ้าไม่ออกไปทานที่ร้านเดิมๆ ก็สั่งอาหารชุด มีกับข้าวอยู่สามสี่อย่าง วนเวียนไปเรื่อยๆ    
    คนจีนจะคุ้นเคยกับการกินอาหารวนเวียนแบบนี้ เพราะสะดวก รวดเร็วและประหยัด พวกเขาไม่มีปัญหาที่ต้องกินอาหารเหมือนกันอาทิตย์ละห้าวันเหมือนผม ชีวิตในตอนนั้นจึงมีทางเลือกอยู่สองอย่าง
    ถ้าไม่ปรับตัวก็ต้องปรับลดน้ำหนักแทน
                    สาเหตุที่มนุษย์ออฟฟิศไม่มีตัวเลือกในการกินมากนักเพราะค่าเช่าพื้นที่ในย่านนี้สูงมาก ทำให้ร้านอาหารแบบธรรมดาสู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหว ไม่สามารถทำกำไรได้ ร้านที่มาเปิดส่วนใหญ่จึงเป็นร้านระดับสี่ดาวขึ้นไป หรือแฟรนไชส์อินเตอร์ทั้งนั้น
                     
                    ความสุขที่สุดของมนุษย์ออฟฟิศแถวสีลมคือการเดินซอยละลายทรัพย์ตอนเที่ยง
                    แต่สำหรับผมคือตอนเลิกงาน
                     เพราะผมสามารถไปดูหนัง เดินเล่น ซื้อของได้อย่างอิสระ และที่สำคัญคือ
    เป็นมื้อเดียวที่ผมจะเลือกกินสิ่งที่ใจต้องการได้
    ชอปปิ้งใจกลางเมือง
    西()(dān)(ซีตัน)
    สถานีรถไฟฟ้าสาย 1 西()(dān)ซีตัน
    แหล่งชอปปิ้งสำหรับคนจีนอย่างแท้จริง เป็นที่รวบรวมกระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า ตุ้มหู กิฟท์ชอบ ฯลฯ รวมถึงศูนย์กลางความบันเทิงหลากหลายชนิด ทั้งโรงหนัง โบว์ลิ่ง เกมส์ ผับ ฯลฯ
    มีอะไรบ้างในซีตัน
    Beijing Books Building (běi)(jīng)()(shū)()(shà)(เป่ยจิงถูซูต้าซ่า)
    สถานีรถไฟฟ้าสาย 1 西()(dān)(ซีตัน)ทางออกA
    ร้านหนังสือที่ใหญ่ที่สุดในปักกิ่ง
    77th Street 西()(dān)(wén)(huà)广(guǎng)(chǎng) (ซีตันเหวินฮั่วกวงฉ่าง)
    สถานีรถไฟฟ้าสาย 1 西()(dān)(ซีตัน)ทางออก B
    แหล่งชอปปิ้งของวัยรุ่น ลักษณะคล้ายกับโบนันซ่าสยามสแควร์
    ห้างอื่นๆรอบ XIDAN
    Gaodeng Plaza(gāo)(dēng)()(shà) (เกาเติงต้าซ่า)
    เป็นห้างที่รวมของกิฟท์ชอบไว้มากมาย เช้นบนขายเสื้อผ้า เปรียบเสมือนมีโบนันซ่าและละลายทรัพย์รวมกันอยุ่ที่เดียว
    Xidan Shopping Center 西()(dān)(gòu)()(zhōng)(xīn)(ซีตันกั้ววู่จงซิน)
    Grand Palace (běi)(jīng)(jūn)(tài)(bái)(huò)(เป่ยจิงจวินไท้ไป๋ฮั่ว) รวมสินค้าแบรนด์เนมชื่อดัง
    Joy City ()(yuè)(chéng)(ต้าเหย่วฉาง)  ห้างสุดฮิบมีสไตล์เหมือนเอสพานาร์ดรัชดา
    Xidan Department Store 西()(dān)(shāng)(chǎng)
    แหล่งรวมของก๊อปขึ้นชื่อ
    แหล่งชอปปิ้งของฝากครบครันในที่เดียว
    Silk Market (xiù)(shuǐ)(jiē)ซิ่วสุ่ยเจีย
    สถานีรถไฟฟ้าสาย 1  (yòng)(ān)()(ยงอันหลี่)
    แหล่งเสื้อผ้า เครื่องประดับ นาฬิกาก๊อปปี้ จากสินค้าแบรนเนมยี่ห้อดังมากมายฯลฯ เป็นที่นิยมในหมู่ชาวต่างชาติมาเดินจับจ่ายใช้สอยกัน หากเลือกซื้อของที่นี่ควรจะมีทักษะในการต่อรองราคาบ้าง เพราะสินค้าทุกชนิดจะถูกบอกราคาให้แพงกว่าปกติถึงหลายเท่าตัว
     
     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×