ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไดอารี่น่าเบื่อๆ

    ลำดับตอนที่ #9 : ว่าด้วยเรื่องต้นแบบ

    • อัปเดตล่าสุด 31 ก.ค. 58


    11:39 31/07/58

    ว่าด้วยเรื่องของต้นแบบ..
    ในความจริง เราเป็นคนที่ถูกครอบงำทางความคิดได้ง่าย
    มองหาต้นแบบอยู่ตลอดเวลา คนที่พอจะเป็นที่ยึดถือได้
    คนที่มีชีวิตที่น่าสนใจ จนอยากจะยึดถือเป็นแบบอย่าง
    แต่วิธีการของเรา  พอมีคนที่สนใจแล้วก็จะวิเคราะห์
    สังเกตข้อดี-ข้อเสียของต้นแบบนั้น
    แต่ไม่ว่าจะรวบรวมข้อมูลเท่าไหร่ก็ไม่พอเลย
    ทำให้วิเคราะห์ได้แบบครึ่งๆ กลางๆ เสมอ
    แล้วพออีกฝ่ายรู้ตัวว่ากำลังถูกวิเคราะห์ก็จะมองเราไม่ดี
    ก็แน่สิ  ใครมันจะไปอยากถูกตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา

    ต้นแบบในครอบครัวของเรา โชคไม่ดีที่ไม่มีพ่อแม่ไว้วิเคราะห์
    พอลองวิเคราะห์คนอื่นๆ ก็พบแต่ข้อเสียเต็มไปหมด
    ทั้งวิธีการพูด  ทั้งวิธีแก้ปัญหา ฯลฯ
    ต้นแบบเพื่อน ก็น่าสนใจอยู่ ทั้งความคิดแบบเสรี
    ทั้งความกล้า  ทั้งความฉลาด  เป็นตัวของตัวเอง
    แต่กลับพ่ายแพ้ให้กับความรัก(ผู้ชาย)ซะหมดรูป
    ตัวเราไม่กล้า แม้แต่จะบอกว่าผิดหวัง เพราะไม่ใช่หน้าที่ด้วย
    ต้นแบบอาจารย์  น่านับถือมากหลายคนที่มีโอกาสรู้จัก
    (ขอไม่พูดถึงประเภทที่แค่รับจ้างสอน)
    มีหลักการและเหตุผล  มีแนวทางปฏิบัติที่แน่ชัด
    ได้รับความเคารพนับถือจากคนมากมาย
    แต่ด้วยความที่เป็นคนเก่งและยึดมั่นในกฎเกณฑ์
    ทำให้มองคนอื่นด้วยสายตากดต่ำแบบไม่ได้ตั้งใจละมั้ง
    ตัวเราทนรับแรงกดดันแบบนั้นไม่ค่อยได้
    ทำให้ดูเป็นคนเคารพผู้ใหญ่แต่ความจริงแล้วกลัวต่างหาก
    กลัวเวลาที่ถูกมองมาด้วยความรู้สึกที่เหนือกว่า
    ไม่มีต้นแบบที่เราพอจะยึดถือได้เลย
    ทั้งที่ทุกคนก็ดีกันไปคนละอย่าง แย่ไปคนละทาง
    ตัวเรานั้นก็ใช่ว่าจะไม่ยอบรับใครเป็นต้นแบบเลย
    ตรงกันข้าม  เรารับต้นแบบมาจากทุกฝ่าย
    ทำให้สับสนในตัวเองมาก ก็มันขัดแย้งกันขนาดนั้น

    มีต้นแบบหนึ่งที่เราค่อนข้างสนใจมากเป็นพิเศษ
    ตอนเรียนมัธยม  มีรุ่นน้องผู้ชายที่เกเรๆคนหนึ่ง
    ด้วยความที่แตกต่างจากเรามากโดยสิ้นเชิง
    เพราะเราในตอนนั้น  ค่อนข้างประเพณีนิยม
    ยึดมั่นในกฏเกณฑ์ และความเป็นเหตุผลมาก
    แต่กลับสนใจคนที่ชอบโดดเรียน อยู่ในแก็งเกเร
    มีเรื่องชกต่อย สูบหรี่ พูดจาหยาบคาย ก้าวร้าว
    ต้นแบบที่แตกต่างเป็นตัวกระตุ้นความสนใจได้มาก
    จากที่มองเห็นแต่ข้อเสียเต็มไปหมด
    ก็เริ่มมองเห็นอีกแง่หนึ่ง ตั้งแต่ความรักเพื่อน
    ปกป้องเพื่อน เวลาอยู่กับเพื่อนแล้วเปล่งประกายมาก
    มองดูจากที่ไกลๆ แล้วมีความสุข (ในตอนนั้น)
    ถ้าบอกว่าความรู้สึกที่เรามีต่อคนๆนั้นเป็นยังไง
    คงเรียกว่า แอบชอบละมั้ง เพราะเฝ้ามองอยู่อย่างนั้น
    ทำให้เราเริ่มเข้าใจเกี่ยวกับต้นแบบอีกประเภทหนึ่งขึ้นมา
    ต้นแบบที่เกี่ยวพันกับความ(หลง)รัก

    ยังมีต้นแบบสื่ออีก สิ่งนี้ค่อยๆ คืบคลานมามีอิทธิพลต่อเราอย่างช้าๆ
    โดยเริ่มจากการสูญเสียต้นแบบที่ให้ยึดถือไปทีละฝ่าย

    เริ่มจากต้นแบบด้านความรัก  เราไม่ชอบผูกมัดตัวเองกับคนอื่น
    แต่พอได้เจอคนที่เราเฝ้าสังเกตแล้วรู้สึกมีความสุขมาก
    จนความรู้สึกมันกลบข้อเสียทั้งหมดของเขาไป
    มันก็คือความหน้ามืดตามัวที่ไม่ได้รับรู้ความรู้สึกของอีกฝ่ายเลย
    เอาแต่กดดันความรู้สึกของอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว
    สุดท้ายก็เลยกลายเป็นความเพ้อเจ้อ ฝันเฟื่องไปคนเดียว
    พอรู้สึกว่าตัวเองทำผิดไปแล้ว ก็เลยต้องบอกลาต้นแบบนั้น
    เพราะอยากให้อีกฝ่ายนั้นสบายใจ ก็เลยเลิกติดต่อกันไปเลย
    ก่อนจากก็พยายามสั่งเสียให้หมดทุกอย่างเหมือนลาตายซะงั้น
    ทั้งสารภาพความรู้สึกโดยเขียนข้อความกลับหน้า-หลัง เพื่อ..
    แต่การล้มเลิกต้นแบบนี้ กลับกลายเป็นการล้มเลิกต้นแบบทั้งหมดไป
    พาลหมดความรู้สึกสนใจในต้นแบบอื่นๆ ไปด้วย
    หมดความสนใจที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อเลียนแบบต้นแบบไปด้วย

    ต้นแบบที่มามีอิทธิพลมากขึ้นคือ สื่อ
    ใช้ชีวิตโดยขับเคลื่อนด้วยแรงผลักของสื่อ ทั้งหนัง เพลง การ์ตูน
    เพราะการสูญเสียความเคารพในต้นแบบที่เป็นมนุษย์แท้ๆไป
    ทั้งหมดนี้ก็เป็นความผิดของเราที่ผลักไสไปให้ต้นแบบนั่นแหละ
    ยอมรับว่าเป็นการเล่าประสบการณ์ในรูปแบบที่ไม่ค่อยปกติสักเท่าไหร่

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×