คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : CHAPTER 0 l ลำนำแห่งดวงดาว
CHAPTER 0
ลำนำแห่งดวงดาว
“สามสิ่งที่สำคัญที่สุดแห่งอาณาจักรไกอานั้นก็คือ จักรวรรดิ จักรพรรดิ และ ศาสนาจักร พวกเราล้วนถูกหลอมรวมเข้าไว้เป็นหนึ่งและยึดโยงเป็นกลุ่มก้อนที่เปรียบเสมือนกงล้อที่จะขับเคลื่อนอาณาจักรแห่งเราให้ดำเนินต่อไปได้ พวกเธอทุกคนจะเติบโตขึ้นเป็นชนชั้นปกครองแห่งอาณาจักรในอนาคต โปรดอย่าลืมสิ่งนี้ไปซะล่ะ วันนี้พอแค่นี้ ขอให้พวกเธอโชคดี” เสียงทุ้มต่ำกล่าวจบประโยคก่อนที่นักเรียนทั้งห้องจะลุกขึ้นทำความเคารพ พร้อมกับเสียงคุยกันที่ดังขึ้นหลังเลิกคลาส
ก็เหมือนมหาวิทยาลัยทั่วไปที่จะมีวิชาศึกษาทั่วไป เซลิเทอร์ก็เช่นกัน
“นี่เราปิดคอร์สเทอมหนึ่งหมดแล้วเหรอเนี่ยะ --” เสียงหนึ่งดังขึ้นมาในกลุ่มนักเรียนชายที่ดูจะมีระดับหน่อยๆ
“ปีสุดท้ายยังได้เรียนวิชาบ้าบออะไรอีกก็ไม่รู้” นักศึกษาชายอีกคนพูดขึ้น
“เอาเถอะน่า อย่างน้อยมันก็ทำให้พวกนายได้เกรด 10 ง่ายๆ ไม่ดีรึไง จริงมั้ย? คาฮิล” นักศึกษาชายอีกคนหันไปหาเพื่อนนักศึกษาที่นั่งอยู่ไม่ยอมลุกไปไหนพร้อมกระจกสีทองประดับเพชรแสบตาในมือ
“ไม่ว่าจะวิชาอะไรคาฮิลก็ไม่เคยได้ต่ำกว่าเกรด 10 อยู่แล้ว” ชายหนุ่มร่างโปร่งเสยผมสีขาวสว่างหนึ่งทีโดยที่ไม่ได้แม้แต่จะให้ความสนใจกลุ่มเพื่อนตรงหน้าเลยด้วยซ้ำ เขายังคงสนใจแต่เพียงใบหน้าหล่อเหลาในกระจกนั่น
“ลืมไปเลย ใครจะไปต้านทานความฉลาดและหล่อเหลาของท่านคาฮิลได้ล่ะ” เพื่อนนักศึกษาคนเดิมเอ่ยขึ้นติดตลกก่อนที่ทุกคนจะหัวเราะชอบใจ
“ไม่เอาน่า -- ฉันรู้เรื่องนี้ดีกว่าที่พวกนายรู้เสียอีก” เขาไม่ได้แสดงท่าที่เคอะเขินกับคำชมสุดกระอักกระอวนนั่นเลย หน่ำซ้ำยังรับคำชมนั้นเสียดื้อๆ ทำเอาทุกคนทำหน้าเหยเก
“นี่พวกนาย คิดไว้รึยัง... เรื่องกีฬาสานสัมพันธ์น่ะ” เสียงของเพื่อนนักศึกษาดูจะดึงความสนใจจากคาฮิลได้บ้างเล็กน้อย
ใช่กีฬาสานสัมพันธ์ที่นักเรียนตัวท็อปต่างพยายามได้มันมาซึ่งตั๋วในการลงแข่ง ไม่ใช่เพียงรางวัลที่ได้รับ อีกทั้งยังชื่อเสียง เกียรติยศ ที่หาไม่ได้ตามโอกาสทั่วไป
“ฉันจะลงยิงธนู” นักศึกษาหนุ่มในวงแทรก
“ฉันลงวิ่งมาราธอน” นักศึกษาอีกคนเอ่ย
“น่าตื่นเต้นสุดก็คงเป็นการประลองศักดิ์สิทธิ์ ปีนี้รางวัลเป็นเทียร่าที่สั่งทำพิเศษจากองค์จักรพรรดิเลยนะ...” หลังจากนั้นคาฮิลก็ไม่ได้ยินวงสนทนาของกลุ่มนักเรียนชายอีก ได้ยินเพียงเสียงอู้อี้ๆ ราวกับว่าเขาหลุดเข้าไปในภวังค์
เทียร่างั้นเหรอ
มันช่างงดงามและนั้นแหละ… ที่สุดแห่งความพิเศษ
เพราะถูกสั่งทำจากท่านองค์จักรพรรดิโดยตรงน่ะสิ
ใช่.. ใช่ มันจะต้องตอกย้ำความเป็นที่หนึ่งของเขาให้กับทุกคนดูเป็นขวัญตา
“คาฮิล คาฮิล” ดูเหมือนการสนทนาจะหยุดชะงักไปสักครู่ พร้อมกับเพื่อนนักศึกษาคนหนึ่งที่เอามือโบกไปมากลางอากาศ
เจ้าตัวที่ถูกเรียกส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองด้วยความสนใจ “แล้วถ้าฉันจะลงการปะลองศักดิ์สิทธิ์ ต้องทำยังไงบ้าง” เขาพยายามเก็บอาการ
“อื้มมม-- ปีนี้กติกาพิเศษ เห็นว่าต้องลงเป็นคู่น่ะนะ” นั่นทำให้คาฮิลชะงัก
ทีม…
“น่าเสียดาย นายคงไม่สนใจจะจับคู่หรอกจริงมั้ย ก็นายชอบฉายเดี่ยวนี่” ทุกคนในวงสนทนาพยักหน้าหงึกหงัก
“แต่ถ้าไม่มีคู่ก็ลงไม่ได้” คาฮิลพึมพำเบาๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมา “ฉันจะลงการประลองศักดิ์สิทธิ์” เสียงของเขาดูหนักแน่นเป็นพิเศษ นัยน์ตาสีฟ้าอมเขียวส่องประกาย
“จริงๆ มันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ ไม่ใช่ว่าใครจะแข่งได้ --นายต้องไปคัดตัวจากนักเรียนทั้งหมดที่คงยาวเป็นหางว่าวเลยล่ะ ตอนนั้นนายก็จะรู้เองแหละว่าจะได้คู่กับใคร” เพื่อนนักศึกษาเอ่ย
คัดตัวงั้นเหรอ…
มีเหรอที่คาฮิลจะยอมแพ้กับเรื่องแค่นี้--
ทางเดินหินใต้ดินตัดสลับกับคบเพลิงเวทย์มนตร์ที่ไม่ได้จุดด้วยไฟธรรมดายาวทอดไปในความมืด ร่างระหงส์ในผ้าคลุมสีน้ำตาลเก่าๆ สาวเท้าฉับๆ อย่างรีบร้อน
มือเรียวยาวฟาดลงบานประตูเก่าๆ ก่อนที่มันจะเปิดออกอย่างแรง เผยให้เห็นกลุ่มคนที่อยู่ข้างในนั้นก่อนแล้ว
“คุณดีว่ามาได้ตรงเวลาพอดีเลยนะครับ” เสียงนุ่มของชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลเทาพริ้ว นัยน์ตาสีแดงทับทิมสะดุดตายกสูงราวกับกำลังยิ้มผ่านสายตาอยู่
หญิงสาวรางระหงส์พยักหน้ารับ “...ขอโทษทีอีวาน ฉันมีสอน” เธอว่าก่อนจะนั่งลงพร้อมกับลดผ้าคลุมลง เผยมัดเปียใหญ่สีเปลือกไม้เข้ม นัยน์ตาสีสกาวสว่างพินิจไปรอบๆ อย่างทีถ้วนก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงหนักแน่น
“วันนี้ฉันมีข่าวด่วนจะมาแจ้ง...” ดูเหมือนจะเป็นการประชุมที่ไม่มีพิธีรีตรองอะไรมากนัก จากตำแหน่งเก้าอี้ในห้องก็พอจะทราบว่าเธอคือประธานในการประชุม
“หลุมใหม่โผล่ออกมาอีกแล้ว” ไม่ทันที่จะพูดจบ เสียงพูดคุยระหว่างสมาชิกในห้องก็ดังขึ้นทันที เธอเว้นระยะสักครู่ก่อนจะเอ่ยขึ้นเพื่อทำลายความสงสัย “เขต 14 สุดเขตสิบสี่ติดกับป่าสี่ฤดู” สิ้นประโยคยิ่งทำเอาคนทั้งห้องตกใจไปมากกว่าเดิม เสียงพูดคุยดังขึ้นกว่าตอนแรก
“ใจเย็นก่อน แม้จะเป็นเรื่องที่ฟังแล้วดูอันตราย แต่เราไม่ได้มีทางเลือกมาก อย่างที่เรารู้ดีว่า พวกเรารอรับการช่วยเหลือจากจักรวรรดิไม่ได้”
“ที่สำคัญ ไม่ไกลจากป่าสี่ฤดูมีหมู่บ้านหลายหมู่บ้าน”
“เพราะฉะนั้นเราต้องทำอะไรสักอย่าง…” ทันที่เธอจะจบประโยคชายคนเดิมก็พูดขึ้นพร้อมกันกับเธอ
“...แบบลับๆ”
สายลมเอื่อยๆ พัดผ่านม่านหน้าต่างลูกไม้มาเป็นระยะ แสงแดดร่ำไรตอนเช้าลอดม่านเข้ามาเผยให้ห้องนอนติดริมทะเลในบ้านหลังกลางค่อนไปทางใหญ่ ภายในห้องตกแต่งด้วยสิ่งของที่บ่งบอกถึงความรักที่มีต่อทะเลของเจ้าของห้องได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นรูปวาดทะเล เกาะ เตียงนอนที่ถูกสั่งทำพิเศษเป็นทรงเปลือกหอย หรือจะเป็นโมบายล์กะลามะพร้าวที่ถูกเพ้นด้วยสีสันฉูดฉาด หนังสือนิยายรักโรแมนติกมากมายถูกจัดอยู่ในชั้นวางดีไอวายที่ทำมาจากใบมะพร้าวสานอย่างดี
แต่ที่ดูจะสะดุดตาเป็นพิเศษก็คงจะเป็นไดอารี่เล่มสีฟ้าน้ำทะเลที่เปิดอ้าอยู่
ปราการสูงสีเงินเป็นสัญลักษณ์แห่งวิทยาลัยแวโรเลีย ธงสีดำลิ้มอาชาทองสะบัดไปตามแรงลม
ธงสำคัญที่ถูกชักขึ้นในช่วงเวลาสำคัญเท่านั้น
วันคัดเลือกตัวแทนเพื่อแข่งการประลองศักดิ์สิทธิ์
“เหล่าทหารแห่งแฟเมียร์ ปราการแห่งจักรวรรดิ ในนามคณบดีสูงสุดขอแสดงความยินดีกับพวกเราทุกคนที่กำลังจะจบภายในเทอมหน้า” ไม่มีเสียงพูดคุยกันระหว่างพวกนักเรียน ทุกคนอยู่ในความสงบ ได้ยินเพียงเสียงธงที่สบัดไปมาตามแรงลมท่ามกลางสนามกว้างนี้
“อย่างที่รู้กันดีเป็นธรรมเนียมว่า เราจะต้องส่งนักเรียนชั้นปีสุดท้ายของเราเพื่อไปแข่งกีฬาสานสัมพันธ์ระหว่างสองสถาบัน”
“ตามธรรมเนียม เราจะเลือกนักเรียนที่เก่งที่สุดและอยู่ชั้นปีสุดท้ายเท่านั้น ตามระบบอาวุโสก่อน” ชายหนุ่มวัยกลางคนเว้นไป “เราจะคัดเลือกจากนักเรียนอันดับที่หนึ่งถึงห้าสิบสำหรับการปะลองศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น และจะมีเพียงคู่เดียวที่ได้รับการรับเลือก ที่เหลือจะได้แข่งในประเภทอื่นๆ แทน” ทุกคนยังคงยืนตระหง่านราวกับปราการที่ไม่มีวันถูกโค่นได้เฉกเช่น ปราการแวโรเลีย
“หลังจากประกาศนี้ขอให้นักเรียนที่รู้ตัวว่ากำลังถูกกล่าวถึง ไปที่โถงใหญ่… แยกแถว”
เสียงสับเท้าอย่างเป็นระเบียบดังขึ้นพร้อมกันราวกับจักรยนตร์ที่ถูกตั้งค่าระบบไว้แล้ว
“นี่พวกนายคิดว่าเราจะชนะมั้ยปีนี้” นักศึกษาหนุ่มคนหนึ่งในกลุ่มพูดขึ้น “เราไม่ชนะมานานมากแล้ว” ดูเหมือนเขาจะทำเอาบรรยากาศในวงสนทนาเสีย
“นี่ หัดมองโลกในแง่บวกซะมั้ง” เพื่อนหนุ่มอีกคนพยายามดึงบรรยากาศ
“ปีนี้อย่าลืมสิ ว่าเรามีริโอน่านะเว้ย ลืมไปแล้วเหรอ” เพื่อนอีกคนในกลุ่มเอ่ยขึ้น
เจ้าตัวที่ถูกกล่าวถึงยกยิ้มก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ “ไม่อยากให้คำสัญญานะ แต่พวกนายไว้ใจฉันได้เลย ฉันนี่แหละจะกู้ชื่อให้กับวิลัยของเรา ถึงฉันจะไม่ใช่ทายาทของพระผู้มาโปรดก็เถอะนะ วะฮ่าๆ” เธอหัวเราะร่าเสียงดัง แต่ดูเหมือนเพื่อนๆ ในกลุ่มไม่ได้ตลกไปกับคำพูดของเธอเท่าไหร่ แถมซ้ำยังทำให้บรรยากาศดูอึดอัดขึ้นกว่าเดิม เพราะพวกเขานั่งคุยกันเสียงดังหน้าห้องสมุด
ไม่ทันที่ทั้งกลุ่มจะได้ทันตั้งตัว ร่างโปร่งปริศนาก็โผล่หน้าออกมาจากขอบประตูห้องสมุดเพียงแค่ครึ่งเดียว เผยให้เห็นเรือนผมสีขาวสว่างสีเดียวกันกับผิวและนัยน์ตาสีเงินที่หรี่ลงราวกับจะฉีกร่างเด็กนักศึกษาออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เขาใช้ปลายร่มกระทุ้งพื้นไม้ดังเป็นจังหวะก่อนจะชี้ไปที่ป้ายหน้าห้องสมุด ‘ห้ามส่งเสียงดังรบกวน’
“ผมเคยคิดมาตลอดว่านักศึกษาปีสี่อ่านหนังสืออกนะครับ”
นักศึกษาทั้งกลุ่มเงียบไปในทันทีก่อนที่ริโอน่าจะมองทะลุเพื่อนชายไปที่บรรณารักษ์หนุ่มที่โผล่หน้าออกมาแค่ครึ่งเดียว
“นี่พวกฉันไม่ได้อยู่ในห้องสมุดด้วยซ้ำนะ” เสียงห้าวดังขึ้นจนเพื่อนในกลุ่มสะดุ้งโหย่ง นัยน์ตาสีอำพันฉายออกมาเพียงแค่โทสะ ณ ตอนนี้ คิ้วคู่สวยสีเดียวกันกับผมสีทองที่มัดไว้แบบไม่เรียบร้อยนักดูจะยุ่งเหยิงพอๆ กัน
“อ่อ… ป้ายนี่ก็ไม่ได้บอกนะครับว่าห้ามเสียงดังบริเวณไหนบ้าง ถ้ามีจิตสำนึกสักนิดก็น่าจะเข้าใจนะครับ” เขาเน้นคำว่าน่าจะ ทำเอาริโอน่าลมออกหู
“นี่นายน่ะ มีอารมณ์ขันแบบมนุษย์ธรรมดาเขาบ้างนะ ฉันเป็นห่วง หรือว่านายอยู่แต่กับหนังสือจนเพี้ยนไปแล้ว”
“ผมมีอารมณ์ขันครับและก็มีมารยาท” ชายหนุ่มเขยิบออกมาจากขอบประตูก่อนที่จะยืนประจันทร์หน้ากันกับหญิงสาว
“นี่ฉันจะเฉลิมฉลองชัยชนะล่วงหน้ากับเพื่อนๆ ไม่ได้เลยรึไง” ดูเหมือนสงครามยังไม่จบและเพื่อนๆ ในกลุ่มเริ่มจะเอามือลูบๆ หญิงสาวให้ใจเย็นลง ถึงจะรู้ว่าไม่ช่วยเลยก็ตาม
“อ่อ… ความมั่นใจของคุณนี่ช่างน่าพิศมัยจังเลยนะครับ ถ้าลดความมั่นใจนั่นลงซักสองหน่อย แล้วเอาไปเพิ่มเรื่อง มารยาท ปานนี้เราคงไม่ต้องมาพูดอะไรกันนานๆ แบบนี้” บรรณารักษ์หนุ่มเอ่ยด้วยใบหน้าเรียบเฉย
หญิงสาวกัดฟันกรอด ดูเหมือนฟางเส้นสุดท้ายขาดออกแล้ว “เอางี้มั้ย… ถ้าฉันผ่านเข้าถึงรอบสุดท้ายของการคัดตัว ซึ่งแน่นอน ฉันต้องผ่าน นายต้องลงคัดตัวด้วย” สิ้นประโยคทำเอาเพื่อนๆ ในกลุ่มร้องโหยหวนแบบไม่มีเสียง
ใช่… เธอรู้ดีว่าเขาลงคัดตัวได้ ด้วยระบบอาวุโสของวิทยาลัย และเธอก็รู้ว่าชายหนุ่มกำลังเรียนปริญญาโทของที่นี่อยู่
ชายร่างสูงยืนนิ่งไม่ไหวติงก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงราบเรียบ “คุณต้องได้รับการคัดเลือกเป็นตัวจริงก่อนเท่านั้น ผมถึงจะรับข้อเสนอ” ชายหนุ่มรู้ดีว่าโอกาสที่หญิงสาวตรงหน้าจะได้รับการคัดตัวนั้นมีสูงเลยทีเดียว แต่เขาหันหัวเรือไม่ได้แล้ว
“ดี!!! เจอกันวันคัดเลือกนะ รามิเรซ!” ร่างบางเดินตึงตังออกไปด้วยโทสะ ทำเอาเพื่อนชายทั้งวงที่ยืนอ้าปากค้างได้แต่มองตามตากระพริบปริบๆ และเดินตามไปเป็นแถว
สายลมเย็นหวิวพัดผ่านลัดเลาะช่องเขาและผ่านเรือนผมสีน้ำตาลสว่างพริ้วไหวไปตามสายลม แดดอ่อนๆ รำไรแหวกผ่านท้องฟ้าสีเหล็กมากระทบที่เขา เผยให้เห็นผิวพรรณที่ดูอิ่มน้ำไม่เหมือนกับคนเร่ร่อนในกองคาระวานสักเท่าไหร่
“ผมคิดว่า… พวกเรากำลังจะขึ้นเหนือแล้ว” เสียงนุ่มละมุนหูดังขึ้น ก่อนที่ทุกคนในกองคาระวานจะส่งข่าวต่อกันเป็นย่อมๆ
“กำลังจะขึ้นเหนือแล้ว…” ราวกับเสียงสะท้อนในถ้ำของทั้งกองคาระวานที่ดังจากข้างหลังไปสู่ข้างหน้า
“นี่พี่ชายฮะ! พี่โอลัส พวกเรากำลังจะถึงแล้วงั้นเหรอ ...แบบว่า พวกเราจะไปเจอแม่มดแล้วจริงๆ ใช่มั้ย!” เสียงใสของเด็กหนุ่มวัยแรกรุ่นเอ่ยขึ้นพร้อมกับเขย่าร่างของชายหนุ่มจนตัวโยก “ชะ.. ใช่แล้วล่ะ เบน” เขายิ้มให้กับเด็กชายพร้อมกับลูบผมสีดำราวขนอีกาเบาๆ นัยน์ตาสีหมอกของเด็กหนุ่มฉายแววดีใจจนเอโอลัสสัมผัสได้
“นี่บีบี เราจะถึงแล้วล่ะ แบบว่าเราจะได้เจอแม่มด แล้วเราจะได้ช่วยเธอสักที” เด็กชายเขย่าร่างเด็กสาวอีกคนที่หน้าตาละม้ายคล้ายเขายังกับแกะแต่เป็นผู้หญิง
“อื้อ… ช่วยเบนด้วย” เสียงแผ่วราวกับกระซิบดังขึ้นแว่วๆ เรือนผมสีเดียวกันกับแฝดถูกสัมผัสเบาๆ ด้วยมืออีกมือหนึ่งของเอโอลัส “เป็นอะไรหรือเปล่าเบอร์ธา” เด็กหนุ่มที่โตกว่าเอ่ยขึ้น
เบอร์ธาหลบตาต่ำ นัยน์ตาสีแซฟไฟร์ฉายแววกังวลทำให้เอโอลัสรู้สึกได้เช่นกัน เธอไม่ได้ต่อต้านอุ้งมือเรียวนั้นก่อนจะส่ายหัวเบาๆ “มีอะไรก็บอกได้เสมอนะ…” เสียงนุ่มๆ นั้นเหมือนทำให้เธอได้อาบน้ำอุ่นๆ ยังไงอยู่ก็ไม่ปาน
แม้จะอยากพูดแต่ก็พูดไม่ได้ ความรู้สึกนี้คงยากที่จะอธิบายว่าเป็นยังไง… มีเพียงเธอที่เข้าใจมันดี
ควันโขมงของจักรไอน้ำและโรงงานอุสาหกรรมลอยขึ้นสูงตัดผ่านกลุ่มก้อนสีขาวที่ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าสีเหล็กไม่ขาดสาย ช่างเป็นภาพที่คุ้นตาสำหรับชาววินเชียนแห่งแดนเหนือ แต่ไม่ใช่สำหรับเขา เซซิส ทาเซเรียส
เสื้อฮู้ตหนาทำให้เขาดูกลมกลืนไปกับชาววินเชียน กระนั้นภายใต้ผ้าคลุมสีน้ำตาลเก่าๆ นั่น เผยให้เห็นเรือนผมยาวระคอไม่เป็นทรงสีเขียวชาสว่างไม่ได้แปลกตาเมื่อเดินท่ามกลางชาวเหนือที่ส่วนมากทุกคนมีเรือนผมสีอ่อนเป็นเอกลักษณ์ ร่างโปร่งเดินลัดเลาะไปเรื่อยๆ ตามตรอกชุมชนแออัด
เสียงเครื่องจักรไอน้ำทำงานตลอดเวลาไม่หยุดพักเฉกเช่นชาวเหนือที่ขยันขันแข็งยิ่งกว่ามดงาน แม้จะเป็นช่วงหิมะตกหนักก็ตาม
สภาพแวดล้อมที่นี่ไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกพิศมัยเท่าไหร่นัก
แต่เขาเลือกได้ที่ไหนล่ะ…. หน้าที่มาก่อนความพึงพอใจเสมอ เซซิสเชื่อแบบนั้น
ร่างโปร่งเดินลัดเลาะลงบันไดต่างระดับตามตรอกหินเก่า บรรยากาศรอบตัวของเขาเริ่มเปลี่ยนไป ฝูงชนเริ่มบางตัวลง ไม่ได้แออัดแล้ว แต่กลับแทนที่ด้วยความเงียบ
เขามาหยุดอยู่หน้าบาร์แห่งหนึ่งก่อนจะเดินเข้าไป และใช่ เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อจะมาจิบเบียร์ยามบ่ายแก้เซ็งหรอก เขาตั้งใจมาที่นี่เพื่อคนคนหนึ่ง
บาร์ที่เงียบสงบแบบนี้ก็ไม่ได้มีคนเยอะพอที่จะทำให้เซซิสสับสนว่าจะมาพบใคร เอาจริงๆ แล้วคนที่เขาอยากจะเจอไม่ใช่คนที่ลักษณะทั่วไปแบบพบเห็นได้ตามบาร์เหล้าหรอกนะ เขาพิเศษ
ร่างสูงกำยำได้มาตรฐานเจ้าของเรือนผมสีดำสนิทนั่งรอรับเขาอยู่ในโต๊ะมุมอับสุดของร้าน “สวัสดีอีกครั้งนะท่านหนุ่มเมืองหลวง ครั้งนี้ได้เจอกันแบบดีๆ ซะที รอบก่อนพิสดารไปหน่อย” เขาเอ่ยก่อนจะเป่าควันบุหรี่ออกมา ควันบุหรี่ดูจะกลืนไปกับนัยน์ตาสีเขียวหม่นของเขา เว้นแต่ขีดสีแดงพิลึกกลางนัยน์ตาจะเด่นขึ้นมาท่ามกลางความมืดนี้
เซซิสมองบุหรี่ในมือของชายหนุ่มตรงหน้าก่อนจะหลุบตาต่ำ “ถ้าหากคุณสะดวก ช่วย….” ร่างโปร่งเว้นว่างไปก่อนจะจ้องบุหรี่ไม่ว่างตา
ชายหนุ่มอีกคนขยี้มวนบุหรี่ใส่ที่ทิ้งก้นบุหรี่ก่อนจะยกมือขึ้นเหนือหัว “ได้ครับคุณชาย ได้ครับ ไม่มีปัญหา ดูเหมือนค่าจ้างก็ต้องเพิ่มหน่อยแล้วนะ” ชายหนุ่มยกยิ้มร่าก่อนจะเอนพิงเบาะนั่งอย่างสบายใจ “ว่าธุระของท่านมาได้เลย”
“เรา… ฉันอยากให้คะ..นายพาฉันไปที่ป่าลับแลหน่อย จะได้หรือ… จะได้มั้ย” ชายหนุ่มเรือนผมสีเขียวเอ่ยประโยคหลังเบาราวกับกระซิบ แม้เสียงจะเบาแต่อาร์เธอร์รู้ดีว่านี่ไม่ใช่แค่คำขอธรรมดา มันมีอะไรมากกว่านั้น มากกว่าจ้างงานที่เขาเคยเจอ
ไม่ใช่ทุกคนจะรู้จักป่าลับแล
“ทำไม… กันล่ะ” เขาเอ่ยถามกลับ เขาแค่ประหลาดใจ
“นี่ไม่ใช่คำขออาร์เธอร์ คะ... คุณ --นายก็รู้เรื่องนั้นดี เรื่องคำทำนาย” ยังไม่ทันจะพูดจบ ขวดแก้วปริศนาก็ถูกเขวี้ยงเข้ามาภายในบาร์พร้อมกับควันที่พวยพุ่งออกมา
“ระวัง!” หลังจากนั้นเพียงแค่เสี้ยววินาที แรงระเบิดมหาศาลก็ระเบิดออกมา
_________________________________________Small talk___
เป็นยังไงกันบ้างครับกับตอนเปิด
คอมเมนต์เป็นกำลังใจให้หน่อยนะครับ
ภาษาอาจจะมีขาดๆ เกินๆ บ้าง ห่างห่ายไปนานอยู่เหมือนกัน
ถ้าจะบรรยายธีมอยากให้นึกถึงอารมณ์ Final fantasy หรืออะไรก็ได้ที่มีความไฮเทคแต่ไม่ได้ไฮเทคจ๋ามาก
มีความโบราณผสมโมเดิร์นแต่เน้นไปทางแฟนตาซี อารมณ์ประมาณนี้ครับ
อาจจะยังออกกันไม่ครบ แต่ก็จะทยอยๆ มานะครับ
คำผิดพบเห็นแจ้งได้เลยนะครับ ผมยังไม่ได้ทานดีเท่าที่ควร เพราะยุ่งทำงานหน่อย
แต่ก็จะมาอัพเรื่อยๆ ไม่ให้หน้านิยายเหงา
ความคิดเห็น