ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [B.A.P] MOVE (Bangchan)

    ลำดับตอนที่ #8 : บทที่เจ็ด

    • อัปเดตล่าสุด 18 ต.ค. 57


      

     

     

    บทที่ 7

     

                คิมฮิมชานกำลังยืนจ้องมองรองเท้าแตะหูคีบเก่าๆที่บังยงกุกโยนมาให้หลังจากกระชากถุงเท้าในมือเขาแล้วเหวี่ยงไปพาดบนที่วางแขนของโซฟา สีส้มที่คาดว่าน่าจะเป็นสีเก่าของมันซีดจางแถมสกปรก บนพื้นยางปรากฏรูปหน้าของตัวการ์ตูนที่จำได้ว่าเคยเห็นนอนแอ้งแม้งอยู่บนเตียงอีกฝ่ายหรา

     

                ฟันขาวขบลงเบาๆที่ริมฝีปากล่าง สายตาสลับมองใบหน้าของอีกคนกับรองเท้าบนพื้นพลางเลิกคิ้วสงสัย อะไรเหรอ?”

     

                “ใส่ซะ

     

                “หือ?”

     

                “ก็มึงบอกว่าใส่ถุงเท้าไม่ได้เพราะผ้าพันแผล งั้นก็ใส่รองเท้าแตะนี่แทนเอาปลายเท้าเปล่าของเจ้าของบ้านเขี่ยรองเท้าที่ว่าเบาๆก่อนจะเหลือบมองไปยังผ้าพันแผลบนเท้าอีกฝ่ายแล้วเร่งเร้า เร็วๆ

     

                “ถ้างั้นไม่เป็นไรหรอก รองเท้าแตะเราก็มี

     

                “อย่าลีลา

     

                “คือเราก็มี..

     

                “คู่นี้คือคู่โปรดของกู เพราะงั้น..เสียงทุ้มว่าเรียบๆ กดสายตาจ้องเข้ากับใบหน้ามึนงงของอีกฝ่ายนิ่งก่อนเอ่ยปาก “..ใส่ซะ

     

                ..สุดท้ายแล้วก็ลงเอยที่ฮิมชานต้องยอมอายใส่รองเท้าแตะสีส้มลายการ์ตูนเก่าๆไปมหาวิทยาลัย..

     

                หลังจากยืนจ้องหน้ากดดันจนอีกคนยอมทำตามแล้วยงกุกก็คว้าข้อมือขาวก่อนจะลากออกมาด้านนอก ชายหนุ่มจัดการปิดล็อคประตูบ้านให้เรียบร้อย เดินตรงไปยังโรงจอดรถที่รกจนเผลอเตะกระป๋องสเปรย์จนมันกลิ้งหลุนๆไปอีกทางแล้วลากเอารถมอเตอร์ไซค์เก่าๆออกมาเตรียม

     

                คนตัวขาวที่ยืนเอามือยันกับประตูบ้านมองตาม เห็นฝ่ายนั้นก้าวขาขึ้นคร่อมเบาะรถ บิดกุญแจสตาร์ทจนเครื่องยนต์ติดก่อนจะหันหลังกลับมามองหน้าเขา

     

                “ขึ้นดิเสียงทุ้มว่า พยักเพยิดหน้าขณะใช้มือขวาบิดคันเร่งมอเตอร์ไซค์จนควันตลบอบอวล

     

                “แค่กๆๆๆจะเบิ้ลทำไมเนี่ย!” ฮิมชานวาดมือขึ้นกลางอากาศปัดควันจากท่อไอเสียให้พ้นหน้าพ้นตาขณะไอจนตัวโยน ตากลมตวัดมองอีกคนอย่างคาดโทษ แต่กลับพบเพียงชายหนุ่มที่เอาแต่ลูบๆคลำๆรถมอเตอร์ไซค์คันเก่าอย่างรักใคร่แทน

     

                “เอ้านี่ ใส่ด้วยเขาโยนหมวกกันน็อคสีเขียวซีดๆมาให้ มือเรียวรีบตะครุบรับก่อนที่มันจะตกลงพื้นแล้วจัดแจงครอบมันลงกับศีรษะตัวเอง ออกแรงเดินกระเผลกคลำทางเข้าไปหาจนกระทั่งสามารถวาดขาขึ้นคร่อมซ้อนหลังได้สำเร็จ บังยงกุกเอี้ยวหลังกลับมามอง เมื่อเห็นว่าหลังจากที่อีกฝ่ายนั่งลงเรียบร้อยแล้วยังทำเฉยจึงแกล้งกระแอมเบาๆหนึ่งที มือน่ะ...

     

                “หือ?”

     

                “มือ เกาะเอวกูด้วย..เขาสั่งเสียงเรียบพลางตีสีหน้าให้เป็นปกติ “..กูซิ่งนะจะบอกให้ เอ๋อๆอย่างมึงเดี๋ยวได้ร่วงลงไปวัดพื้นทำทางเขายุบหมดพอดี

     

                “นาย!..” ฮิมชานขึ้นเสียง อ้าปากพะงาบๆอย่างคนนึกคำพูดไม่ออก ไม่ทันเตรียมตัวรับประโยคหลอกด่าว่าอ้วนอย่างเมื่อครู่เลยแม้แต่น้อย เขาพยายามสงบสติอารมณ์ ตวัดสายตาคาดโทษคนที่แอบหัวเราะคิกคักอยู่ข้างหน้าไปทีแล้วโถมร่างเข้าใส่แรงๆอย่างจงใจ

     

                “อั่ก!

     

                “พอใจยังเราไม่ค่อยได้ซ้อนมอเตอร์ไซค์บ่อยๆเลยไม่ชินน่ะ อาจจะกอดนายแรง..ว่าพลางกระชับอ้อมแขนรอบร่างแข็งนั่นแรงๆหนึ่งทีแล้วลอบยิ้มสะใจ “..ไปนิด คงไม่เป็นไรเนอะ!!

     

                “ไอ้ห่.าแรงคนหรือแรงช้างวะเขาบ่นอุบอิบ

     

                “ว่าไงนะ?”

     

                “เปล๊า เกาะแน่นๆก็แล้วกัน ร่วงแล้วไม่ตามเก็บนะบอกก่อน

     

                “ได้ แน่นเท่านี้..กระชับอ้อมแขนที่รัดแน่นอยู่แล้วให้แน่นขึ้นอีกแถมด้วยแอบใช้หัวที่ใส่หมวกกันน็อคแข็งๆโขกแผ่นหลังกว้างนั้นแก้แค้นไปสองสามที “..พอมั้ย?”

     

                “อั่ก!..” บังยงกุกถึงกับหายใจกระตุก ก่อนจะปรับสีหน้าเป็นยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วใช้มือใหญ่ของตนรวบข้อมือขาวพร้อมกระชากให้เข้ามาชิดกันกว่าเดิม  “..แน่นกว่านี้ก็ไม่เป็นไร

     

                คิมฮิมชานถึงกับหน้าเหวอเมื่อทั้งตัวถลาเข้าไปแนบชิดกับอีกฝ่ายแทบทุกส่วน แก้มขาวร้อนวาบ ค่อยๆแกะมือตัวเองหวังจะกลับมานั่งที่เดิมดีๆ แต่มือใหญ่นั่นกลับกระชับแขนของเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

     

                “ห้ามปล่อย

     

                “อะ ห๊ะ?”

     

                “ก็..ชายหนุ่มลากเสียงยาวพลางเหลือบมองไปรอบๆเพื่อหาเหตุผลให้กับคำพูดแปลกๆนั่น “..รถกูศูนย์ถ่วงมันไม่ค่อยดี เวลาซ้อนกันต้องแนบๆแบบนี้แหละไม่งั้นเวลาเลี้ยวแล้วตูดมันจะปัด แถมดอกยางก็เสื่อมยังไม่ได้เปลี่ยนด้วย เกิดลื่นขึ้นมาเบรกนี่เอาไม่อยู่หรอก รู้สึกคราวก่อนที่ขี่เบรกมันตื้อจับไม่ค่อยหยุดยังไม่ได้เปลี่ยนเลย

     

                “...”

     

                “เงียบทำไม?”

     

                “รถนี่ยังอยู่ในสภาพใช้การได้แน่เหรอ? เราจะพ้นปากซอยหน้านี่มั้ย?”

     

                “พูดมากน่ะ แค่มึงเกาะกูไว้แบบนี้ทุกอย่างก็โอเคแล้ว บังยงกุกว่าเสียงเรียบผิดกับคนข้างหลังที่ดูจะสติหลุดลอยไปกับสายลมแล้วเรียบร้อย ฮิมชานที่นั่งหน้าแดงหูแดงเบือนหน้าหนีแผ่นหลังกว้างนั่นจนดูเหมือนกับซบอยู่กลายๆ ก่อนจะรู้สึกได้ถึงฝ่ามือใหญ่ที่ค่อยๆคลายแรงจับจนปล่อยออกในที่สุด

     

                อย่าปล่อยมือล่ะ” เสียงเข้มกำชับพร้อมกับวาดรอยยิ้มขึ้นเต็มสองแก้ม รอยยิ้มที่คิมฮิมชานไม่มีทางได้เห็น ก่อนจะต้องส่ายหัวเล็กน้อยกับอาการไม่ปกติของตัวเองแล้วพยายามหุบยิ้ม แต่สัมผัสอุ่นๆกับกลิ่นหอมอ่อนๆของคนด้านหลังก็ทำเอาความพยายามนั้นไร้ผลโดยสิ้นเชิง

     

                เพิ่งรู้..ว่าไอ้อาการมีความสุขจนหยุดยิ้มไม่ได้มันเป็นอย่างนี้นี่เอง...

                  

                .

                .

                .

     

                กว่าจะฝ่าฟันการจราจรและสภาพติดๆดับๆของรถมอเตอร์ไซค์คันเก่ามาได้ก็เล่นเอามาถึงมหาวิทยาลัยสายโด่ง คิมฮิมชานโบกมือไปมาเพื่อให้คนขับชะลอความเร็ว แต่อีกฝ่ายกลับทำหูทวนลมจนเขาต้องชะโงกหน้าไปตะโกนบอกใกล้ๆกัน

     

                “นี่ จอดได้แล้ว!” ลมที่ตีเข้าหน้ากลบคำพูดจนชายหนุ่มต้องเขยิบเข้าไปใกล้กว่าเดิมจนคางเกยไหล่กว้าง ถึงคณะเราแล้ว จอดสิ!

     

                “ห๊ะ?”

     

                “ถึงแล้ว จอดเร็ว

     

                “เออๆเสียงทุ้มรับคำแต่กลับไม่ทำตามปากว่า มือใหญ่บิดคันเร่งให้เร็วขึ้น ขับฉวัดเฉวียนไปมาแล้วหัวเราะเสียงดัง คิมฮิมชานฟาดมือลงกับหลังกว้างด้วยความโมโห ไหนจะอายสายตาคนรอบข้างที่มองมาด้วยความสงสัยนั่นอีก นี่บังยงกุกไม่รู้สึกตัวเลยใช่มั้ยว่าตอนนี้ตัวเองเป็นจุดเด่นขนาดไหน

     

                ไม่นานรถก็หยุดลงที่หน้าอาคารเรียนหลังหนึ่ง คนตัวขาวหันไปมองรอบๆก่อนที่สายตาจะสะดุดเข้ากับแผ่นสลักหินอันใหญ่ที่ตั้งอยู่เด่นหรา เขาถอนหายใจ สะกิดไหล่คนด้านหน้าที่กำลังง่วนอยู่กับขาตั้งรถแล้วชี้นิ้วให้มองตาม

     

                “นั่น..ริมฝีปากสีสดเม้มนิดๆอย่างข่มอารมณ์ “..ป้ายคณะสถาปัตย์...พาเรามาที่นี่ทำไม!!!

     

                “อ้าว ก็เคยมาส่งไอ้นัมที่นี่อ่ะน้ำเสียงใสซื่อนั่นเกือบทำเอาฮิมชานไปไม่เป็น เขาชะโงกหน้าเข้าไปสบตาอีกคนใกล้ๆให้แน่ใจว่าที่พูดนั่นไม่ได้จะกวนตีนกัน

     

                “แล้วหมายความว่าต้องส่งเราที่นี่ด้วยหรือไง?”

     

                “ก็แล้วไม่ได้เรียนคณะนี้หรือไง?”

     

                “ถ้าใช่แล้วเราจะโวยวายแบบนี้เหรอ!

     

                “รู้ตัวด้วยเหรอว่าขี้โวยวายเสียงทุ้มที่ตอบกลับมากลั้วหัวเราะ ทำเอาฮิมชานที่รู้สึกเหมือนกำลังโดนปั่นหัวอารมณ์ขึ้น เขาค่อยๆถดตัวลงจากรถมอเตอร์ไซค์อย่างทุลักทุเลมายืนข้างๆคนที่มองตามด้วยความสงสัย ขบริมฝีปากจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างพยายามข่มอารมณ์แล้วถอนหายใจยาวเหยียด

     

                “กลับไปได้แล้วไป..เมื่อเห็นว่าเถียงไปก็รังแต่จะเสียเวลาเปล่าๆ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจปล่อยผ่านแล้วทำท่าจะเดินหนี แต่ก็ติดที่ข้อมือถูกมือใหญ่รั้งเอาไว้เสียแนบแน่น “..อะไร?..อ้อ ขอบคุณที่มาส่ง

     

                “ไม่ใช่..บังยงกุกกระตุกแขนอีกคนให้เข้ามาใกล้ก่อนจะเอื้อมมือไปปลดสายหมวกกันน็อคที่สวมอยู่บนหัวอีกฝ่ายแล้วเอามากอดไว้ “..เห็นสีสวยไม่ได้จะจิ๊กตลอด นี่ให้ยืมเว้ยไม่ได้ให้เลย

     

                “นาย!..” คิมฮิมชานอ้าปากพะงาบ มองคนที่ดูเหมือนจะเลิกสนใจเขาแล้วและกำลังเตรียมตัวสตาร์ทรถอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ทำไมบังยงกุกถึงได้เป็นผู้ชายที่กวนประสาทได้ขนาดนี้กัน

     

                “อ้อ เลิกแล้วก็โทรมานะเดี๋ยวมารับ..หันมาพูดด้วยขณะมือกำลังบิดคันเร่งเสียงดังอยู่กับที่ “..เบอร์ที่ให้ไว้ตอนแรกนั่นแหละ

     

                “อะไร ไม่ต้องหรอก เกรงใจ!!”

     

                “ไม่โทรมากูจะเผาชั้นในมึงทิ้งให้หมด ไปล่ะเขายกมือบอกลาสั้นๆหนึ่งทีก่อนจะบังคับรถมอเตอร์ไซค์ให้ขับออกไป

     

                ลับหลังบังยงกุกแล้ว ฮิมชานก็ถึงกับทิ้งตัวลงนั่งกับม้านั่งแถวนั้นอย่างเหนื่อยใจ เกิดมาไม่เคยเจอใครกวนประสาทได้เท่ากับบังยงกุกอีกแล้ว มาทิ้งเขาไว้ที่คณะสถาปัตย์ทั้งๆที่ขาเจ็บแบบนี้มันฆ่ากันทางอ้อมชัดๆ หมอนั่นคงไม่รู้เลยสินะว่าคณะที่เขาเรียนมันไกลจากตรงนี้แค่ไหน จะรับผิดชอบขอพาไปส่งหน่อยก็ไม่ได้ ขับออกไปเร็วขนาดนั้นไม่เกินไปหน่อยหรือไง

     

                ตากลมก้มลงมองปลายเท้าตัวเองภายใต้รองเท้าแตะสีส้มซีดๆอย่างโมโห อยากจะถอดแล้วขว้างออกไปไกลๆก็ทำไม่ได้ สุดท้ายก็ได้แต่กระฟัดกระเฟียดอยู่กับตัวเองอีกนานสองนาน

     

                “เมื่อกี้มันพี่ยงนัมไม่ใช่เหรอวะ ทำไมวันนี้ดูมอมๆ..ผู้ชายสองคนที่ดูเหมือนจะนั่งอยู่ตรงนี้ก่อนแล้วเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ สายตาสองคู่นั่นเหลือบมองมาทางเขาเป็นระยะๆ พอหันกลับไปมองก็หลบตาทำทีเหมือนไม่ได้พูดอะไร “..มาส่งใครวะ แฟนเหรอ?”

     

                *ป้าบ*

     

                “มึงดูนั่น นั่นมันผู้ชายเว้ย ว่าแต่ใครวะ ไม่เคยเห็นหน้า ใช่เด็กคณะเราเหรอ?” ใครสักคนในสองคนนั้นฟาดมือลงกับศีรษะของเพื่อนตัวเองก่อนจะกระซิบกระซาบกลับไป ฮิมชานขยับตัวอย่างอึดอัด เหลือบมองด้วยหางตาก็เห็นว่าเป็นเขาแน่ๆที่กำลังเป็นหัวข้อสนทนา คนตัวขาวขยับยืนอย่างทุลักทุเล สองมือหอบสัมภาระตัวเองแล้วรีบเดินหนี เป็นเพราะบังยงกุกแท้ๆเลยเขาถึงต้องถูกนินทาแบบนี้

     

                ได้แต่คิดแล้วก็เคียดแค้นอยู่ในใจ

     

                “เฮ้ย มึงดูรองเท้าน้องเขาดิ แฟชั่นเหรอวะ? ฮ่าฮ่าฮ่า

     

                ฮิมชานก้มลงมองตาม สบตาเข้ากับตัวการ์ตูนตัวโปรดของเจ้าของรองเท้าที่ยิ้มร่าส่งมาให้แล้วก็ได้แต่พยายามสงบอารมณ์

     

    บัง ยง กุก!!!

     

     

    บังยงนัมวิ่งวุ่นจัดการโปรเจ็คเรียนจบมาหลายอาทิตย์แล้ว ตอนนี้เขากับเพื่อนๆในคณะกำลังตกอยู่ในสภาพอิดโรย ยิ่งถ้าใครมีปัญหาหนักอกภายนอกรุมเร้าแบบเขาด้วยแล้วยิ่งไปกันใหญ่ ชายหนุ่มนั่งสไลด์หน้าจอโทรศัพท์มือถือของตัวเองเล่นเงียบๆขณะที่อาจารย์ประจำวิชายืนบรรยายบทเรียนอยู่หน้าห้อง เขาเรียนวิชานี้ผ่านไปนานแล้ว ที่มานั่งหน้าเซ่ออยู่นี่ก็เพียงเพื่อรอเพื่อนสนิทที่กำลังคร่ำเคร่งเรียนหนังสือเอาเป็นเอาตายอยู่ข้างๆ

     

    นิ้วเรียวชะงักค้างเมื่อเผลอใจลอยกดเข้าอัลบั้มรูปในโทรศัพท์ ภาพใบหน้ายับๆจากรอยยิ้มของจองแดฮยอนเด่นหรา เขาเซฟรูปนี้มาจากเฟสบุ๊คของเจ้าตัวเมื่อคืน ให้เหตุผลกับตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าทำไม บางที..อาจจะเป็นเพราะเขาอยากได้มันคืน หลังจากที่ทำหายไปเองกับมือเมื่อวานเพราะเรื่องคราวก่อน

     

    .

    .

    .

     

    เสียงเครื่องยนต์รถมอเตอร์ไซค์ที่ดังอยู่ข้างล่างทำให้รู้ว่าน้องชายฝาแฝดของเขากลับมาแล้ว บังยงนัมชะโงกหน้าไปมองผ่านหน้าต่างห้อง เห็นว่ามีรุ่นน้องของยงกุกเดินตามเข้าบ้านมาด้วยสองคน คนหนึ่งคือชเวจุนฮง ซึ่งเขาเองรู้จักกับเด็กนี่ดีเพราะเข้านอกออกในที่บ้านมาตั้งแต่มันเรียนอยู่ชั้นปีที่หนึ่ง ส่วนอีกคนคือจองแดฮยอน เพื่อนสนิทของจุนฮงที่รู้มาว่าเพิ่งเข้ามาเรียนเมื่อกลางเทอมที่แล้ว เขาเคยเห็นจองแดฮยอนมาบ้านอยู่ไม่กี่ครั้ง ทุกครั้งที่มาก็มีบ้างที่ทักทายกันตามประสา ดูเหมือนว่าเด็กนั่นจะชอบอกชอบใจกับยงกุกเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลส่วนตัวอะไรแต่เขาเห็นว่ามันตลกดี

     

    เสียงพูดคุยเจื้อยแจ้วผสมกับเสียงทะเลาะกันของเด็กสองคนนั้นดังมาเป็นระยะ ยงนัมละความสนใจกลับมามองดูหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ทำงานค้างไว้แล้วตั้งท่าจะพิมพ์ต่อ แต่โปรแกรมสนทนาจากโซเชียลมีเดียชื่อดังก็เด้งขึ้นที่มุมจอเสียก่อน เขาเหลือบไปมอง ชั่งใจว่าจะเปิดดูดีมั้ยเมื่อเห็นว่าคนส่งเป็นเพื่อนสนิทในคณะ จนกระทั่งมันดังขึ้นซ้ำๆอีกสองครั้งจึงตัดสินใจกดอ่าน

     

    มีของดีมาเสนอ

    ‘KDWoN sent a video’

    เปิดดูเร็วๆๆๆ

     

    ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ยังไม่ได้กดเข้าไปในลิ้งค์ที่เพื่อนส่งมาให้แต่เลือกจะพิมพ์ตอบกลับไปแทน

     

    อะไรวะ?’

    งานการไม่ทำนะมึง เดี๋ยวก็ต้องอยู่เป็นทวดของทวดให้อายเด็กมันหรอก

    ไวรัสป่ะเนี่ย

    เปิดดูเหอะน่า แบบเสียตังค์เลยนะเว้ย อย่างเด็ด

    นี่เห็นว่าทำโปรเจ็คเครียดนะเนี่ยเลยเอามาแบ่ง ผ่อนคลายไปกับวัยหนุ่มบ้างนะครับเพื่อนบัง

    รึตายด้าน :P’

    ‘olo’

                ‘ไม่เด็ดขึ้นมาพน.มึงได้ทักทายรองเท้ากูนะครับ

    รับรองจอด

     

    บังยงนัมได้แต่ส่ายหัวให้กับบทสนทนาของเพื่อนตัวเอง มือใหญ่ขยับเม้าส์กดเซฟงานที่ทำค้างไว้ให้เรียบร้อยก่อนจะกลับมานั่งจ้องหน้าต่างสนทนาที่เปิดทิ้งไว้อีกครั้ง เขาชั่งใจ รู้อยู่แล้วว่าเพื่อนส่งอะไรมาให้แต่กลับมีความรู้สึกว่ายังไม่ควรเปิดมันดูตอนนี้ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร

     

    ชายหนุ่มนั่งมองหน้าจอคอมพิวเตอร์อีกชั่วครู่ก่อนจะยักไหล่ เลื่อนเคอร์เซอร์ของเม้าส์เข้าไปใกล้ไฟล์นั่นก่อนจะกดลงไปเบาๆหนึ่งที

     

    ภาพหญิงสาวเอเชียหน้าตาสะสวยพร้อมกับชุดวาบหวิวปรากฏขึ้นกลางจอ บนศีรษะมีที่คาดผมรูปหูแมวประดับเพิ่มความน่ารัก เธอเคลื่อนย้ายตัวอย่างนวยนาดอยู่หน้าฉากที่เป็นเตียงนอนหลังใหญ่สีขาว ก่อนจะค่อยๆคลานอย่างเชื่องช้าขึ้นเตียงโดยหันด้านหลังเข้าหากล้องเต็มๆ

     

    ยงนัมกัดริมฝีปาก ยอมรับเลยว่าสไตล์น่ารักๆแบบนี้ถูกใจเขาเป็นที่สุด ชายหนุ่มขยับตัวเล็กน้อย ทิ้งน้ำหนักลงพิงกับพนักเก้าอี้ทั้งตัวก่อนจะกอดอกแล้วตั้งใจดู

     

    บนกรอบวิดีโอปรากฏร่างของผู้ชายอีกคนที่เดินเข้ามา หมอนั่นไม่ได้ใส่เสื้อ มีเพียงกางเกงขาสั้นตัวจิ๋วปกปิดช่วงล่างเอาไว้ เป็นอีกครั้งที่บังยงนัมขยับตัวอย่างอึดอัด ยิ่งตอนที่ทั้งเนื้อทั้งตัวของหญิงสาวเหลือเพียงชุดชั้นในชิ้นบางเขาก็ยิ่งนั่งไม่ติดเก้าอี้ หยาดเหงื่อผุดซึมตามไรผมพร้อมๆกับมือไม้ที่ไร้ที่วาง

     

    วิดีโอกำลังดำเนินมาถึงจุดไคลแมกซ์ ปราการด้านบนที่ปิดบังทรวงอกของฝ่ายหญิงเลื่อนหลุดไปแล้ว และการตะลุมบอนของตัวแสดงบนจอก็ทำให้เขาต้องลอบกัดริมฝีปาก กลืนน้ำลาย และบังคับลมหายใจของตัวเองให้คงที่ ฝ่ามือใหญ่ของนักแสดงชายลูบไล้ไปมาบนต้นขาเรียบลื่น ก่อนจะจบปลายนิ้วลงที่บริเวณขอบของกางเกงชั้นใน...

     

    แกร้ก!

     

     เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้นเบาๆพร้อมๆกับการปรากฏกายของจองแดฮยอน เด็กนั่นยิ้มร่าตอนที่เขาหันกลับไปเห็น ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเบิกตากว้างด้วยความตกใจกับภาพที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ กระเป๋าเป้ที่เจ้าตัวถือมาร่วงลงกับพื้น ริมฝีปากอวบอิ่มอ้าพะงาบๆเหมือนช็อคทำอะไรไม่ถูก และก่อนที่สติของคนเป็นน้องจะกลับมา บังยงนัมก็รีบพุ่งตัวเข้าไปปิดปากที่ตั้งท่าจะโวยวายนั่นด้วยความรวดเร็ว

     

    อย่าเพิ่งเสียงดัง!

     

    อู้อี้อู้อี้

     

    กูจะปล่อย..เขาขยับตัวเข้าแนบชิดขณะที่พยายามรวบร่างที่ดิ้นเป็นหมาโดนน้ำร้อนลวกนั่นให้อยู่นิ่งๆ “..แต่อย่าโวยวาย เข้าใจมั้ย?”

     

    “...” ดวงตากลมโตเหลือบขึ้นลงเหมือนรับคำพร้อมๆกับฝ่ามือใหญ่ที่ค่อยๆคลายแรงกดบริเวณริมฝีปาก แดฮยอนถอยหลังหนีเมื่อเป็นอิสระ ลอบมองใบหน้าชื้นเหงื่อของอีกฝ่ายด้วยความไม่ไว้ใจ

     

    ผม..เสียงที่เอ่ยสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ ยิ่งวิดีโอตัวปัญหายังไม่ถูกปิดด้วยแล้วยิ่งทำให้เขาสั่นเข้าไปใหญ่ “..เข้าห้องผิด ขอตัวครับ

     

    เดี๋ยว..” เสียงทุ้มเอ่ยชะงักปลายเท้าที่กำลังจะก้าวพ้นขอบประตูอยู่รอมร่อให้หยุดนิ่ง ไหล่มนถูกจับให้ก้าวถอยหลังและหันกลับมาเผชิญหน้ากัน แววตาตระหนกที่ยงนัมได้สบทำเอาชายหนุ่มนึกอยากจะแกล้งตงิดๆ ไหนจะไอ้หน้าตาที่มองยังไงก็เหมือนลูกแมวตื่นกลัวนี่ด้วยแล้ว พาลให้เขาเผลอพูดอะไรที่ดูจะเป็นการลวนลามอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัวออกไป “..ตกใจเหรอ ไม่เคยหรือไง?”

     

    !!!” อาการกระตุกเกิดขึ้นทันทีที่เขาโน้มหน้าลงไปใกล้ๆ ปฏิกิริยาตอบสนองที่ชัดเจนแบบนี้ทำให้บังยงนัมยกยิ้ม เขากำลังรู้สึกสนุก บวกกับอารมณ์ที่ค้างจากสิ่งที่ได้ดูเมื่อครู่ด้วยแล้ว การกระทำและคำพูดของเขาจึงดูจะล้ำเส้นกว่าปกติเกินไปสักหน่อย

     

    กูสอนให้เอามั้ย?”

     

    ผลั่ก!

     

    ไอ้โรคจิต!! แรงส่งจากฝ่ามือเล็กดันอกเขาแรงๆจนต้องถอยห่างพร้อมกับคำพูดสั้นห้วนที่ดูท่าแล้วเจ้าตัวคงจะโมโหไม่น้อย ใบหน้าตื่นตระหนกของจองแดฮยอนแดงก่ำ พยายามยื้อข้อมือตัวเองที่ถูกเขาจับเอาไว้ออกอย่างร้อนรน ไหนจะตากลมที่มองหาทางรอดเลิ่กลั่กและริมฝีปากที่เตรียมร้องขอความช่วยเหลือนั่นอีก ทั้งหมดทั้งมวลนั่นถูกใจบังยงนัมอย่างไม่ทราบสาเหตุ

     

    อย่าคิดจะตะโกนเชียวเขาดันร่างเล็กๆนั่นเข้าหาผนัง ยกนิ้วขึ้นชี้ขู่ให้ดูน่าเกรงขามทั้งที่ในใจกำลังหัวเราะแทบตายกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวนั่น จองแดฮยอนมองเขาอย่างชั่งใจ เดี๋ยวสบตาเดี๋ยวหลุบต่ำจนกระทั่งเห็นช่องว่างช่วงที่เขาเผลอกระชากมือออกแรงๆแล้วร้องตะโกนเสียงดัง

     

    ไอ้วิปริตไอ้บ้าไอ้... อ๊ะ!

     

    กูเตือนแล้วนะ

     

    แรงผลักไม่น้อยที่ดันร่างเด็กหนุ่มเข้าชิดผนังทำให้เกิดเสียงดังตึง ร่างกายสูงใหญ่ของคนโตกว่าบดบังแสงและการมองเห็นเสียแทบมิด จองแดฮยอนเผลอหลับตาปี๋ ก่อนที่ความรู้สึกหนุ่มหยุ่นที่กระแทกลงมาตรงริมฝีปากจะเรียกสติเขาให้ตื่นลืมตา แล้วก็พบว่าใบหน้าของอีกฝ่ายกำลังแนบชิดเบียดจูบช่วงชิงลมหายใจเขาอยู่ไม่ห่างกัน

     

    ร่างกายทั้งร่างเหมือนถูกแช่แข็ง จองแดฮยอนทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าครางเครือเบาๆในลำคอตอนที่ฝ่ายนั้นดูดดึงกลีบปากล่างเขาแรงๆซ้ำๆ ฝ่ามือทั้งสองถูกทิ้งให้ลู่แนบไปกับลำตัวแล้วปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามอำเภอใจ

     

    บังยงนัมค่อยๆลืมตาในขณะที่ปลายลิ้นเ.สือกสอดเข้าไปกวาดต้อนชิมรสปากของคนในอ้อมแขน เขารู้ว่านี่มันชักจะเลยเถิดไปกันใหญ่ แต่รสสัมผัสที่ได้รับจากเด็กหนุ่มตรงหน้านี่ทำให้เขาหยุดตัวเองไม่ได้ จองแดฮยอนหวานเกินไป และความยับยั้งชั่งใจของเขาก็มลายหายสิ้นเพียงแค่ได้สบเข้ากับดวงตากลม

     

    แต่ถ้าเพียงเขารู้ หรือฉุกคิดสักนิดว่าการกระทำของตัวเองจะส่งผลระยะยาวต่ออนาคตสักแค่ไหน

     

    วันนั้นเขาคงไม่บังคับเอาในสิ่งที่ตัวเองต้องการจากจองแดฮยอน เพื่อที่จะมาถูกเกลียดเหมือนอย่างทุกวันนี้...

     

     

    .

    .

    .

     

    เมียหรือไง?” หัวกลมๆของคนที่ชะโงกหน้าเข้ามาบดบังการมองเห็นเรียกสติของเขาให้กลับคืน คลาสเรียนของวันนี้เลิกแล้ว บรรดานักศึกษาต่างทยอยเก็บของแล้วก้าวเดินออกจากห้อง คนข้างตัวที่มีตำแหน่งเป็นเพื่อนสนิทของเขานั่งหันข้างเข้าหาทั้งตัวแล้วจ้องหน้าสลับกับโทรศัพท์มือถือในมือ ยงนัมรีบกดปิดหน้าจอแล้วยัดมันใส่ในกระเป๋า ก่อนจะหันกลับมาตีสีหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

     

    อะไร?”

     

    ก็เห็นนั่งจ้องรูปผู้ชายคนนั้นอยู่ตั้งนานสองนาน สรุปไม่ใช่เมีย?” ใบหน้าทะเล้นของคนข้างๆยื่นเข้ามาใกล้ก่อนจะลอยหน้าลอยตาล้อเลียน ชายหนุ่มหัวเราะเสียงต่ำในลำคอ ใช้มือขยี้เส้นผมสีสว่างนั่นจนฟุ้งกระจายเล่น

     

    ไม่มีอะไร..เขาลุกขึ้นยืน ฉุดแขนของเพื่อนติดมือมาด้วยแล้วกอดคอเดินออกไปด้วยกัน “..แค่คนรู้จัก

     

    อะไรวะ ไม่สนุกเลยอ่ะคนที่ดูจะตัวเล็กกว่าขืนตัวเองออกจากการเกี่ยวรั้งเปลี่ยนมาเดินข้างกันดีๆ ยงนัมมองตาม ยิ้มขำกับท่าทางที่แสร้งทำเป็นหงุดหงิดพร้อมๆกับใช้มือสางผมตัวเองให้เรียบร้อยนั่น เขายื่นมือไปผลักหัวกลมด้วยความหมั่นไส้ ก่อนที่กำปั้นลุ่นๆจะลอยมากระแทกกลางหลังเต็มๆ

     

    โตได้แล้วซองโดฮยอน จะเรียนจบอยู่รอมร่อยังติดเล่นเป็นเด็กๆอยู่อีกเสียงทุ้มว่าพลางยึดข้อมือขาวที่ทำท่าจะเข้ามาประทุษร้ายตัวเองอีกรอบไว้แน่น

     

    ครับผมๆ คุณบังยงนัมร่างโตเต็มวัย..คนโดนว่าลอบทำปากคว่ำ “..เป็นผู้ใหญ่มากนักใช่มั้ย งั้นวันนี้เลี้ยงข้าวผมด้วยโอเคนะ

     

    ขอความเชื่อมโยงประโยคข้างต้นครับ

     

    ไม่มีครับ ผมแค่หิวครับ

     

    เกรียนนะครับ

     

    แล้วเสียงหัวเราะสนุกสนานจากผู้ชายสองคนก็ดังลั่นไปตลอดทางเดิน บังยงนัมกอดคอเพื่อนสนิทลากให้เข้าไปนั่งในร้านอาหารเล็กๆหน้ามหาวิทยาลัย มือใหญ่รับเมนูจากพนักงานก่อนจะเลื่อนไปตรงหน้าคนที่กำลังยิ้มเริงร่าอยู่ฝั่งตรงข้าม

     

    ฟันจะเฉาะจานข้าวแล้วครับเขาแสร้งทำหน้าเอือมระอา ในขณะที่คนโดนว่ารีบหุบยิ้มลงทันที

     

    ดีใจเว้ยอยู่ดีๆก็ได้กินฟรี

     

    งก!

     

    เขาเรียกรู้จักคบเพื่อน

     

    นี่ผมมีเพื่อนเป็นโจรหรือคบโจรเป็นเพื่อนวะเนี่ย

     

    ถ้าไม่ติดว่าแขนสั้นจะยื่นมือไปเบิ๊ดกะโหลกคุณมึงเดี๋ยวนี้แหละ

     

    ฮ่าฮ่าฮ่า

     

    จะรับอะไรดีคะ?” พนักงานสาวที่ยืนจ่อปากกากับโน้ตเล็กๆเตรียมจดอยู่นานแล้วเอ่ยขัดขึ้นท่ามกลางบทสนทนาที่เริ่มจะออกอ่าวออกทะเลไปเรื่อยของคนทั้งคู่ คนตัวเล็กกว่าที่ทำท่าจะพ่นคำสรรเสริญชุดใหม่ให้เพื่อนรีบหันกลับมาก้มหัวขอโทษขอโพยแล้วสั่งอาหารทันควัน แน่นอนว่ารวมถึงเมนูของคนตรงข้ามที่เขาเผด็จการสั่งให้เรียบร้อยไปแล้วด้วย

     

    กูไม่ได้อยากกินอันนั้นบังยงนัมเอ่ยเสียงเรียบเมื่อพนักงานรับออเดอร์โค้งศีรษะให้แล้วเดินจากไป ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วกดเข้าแอพพลิเคชั่นเฟซบุ๊ค สไลด์นิ้วไปกับหน้าจอไม่นานก็หยุดอยู่ที่รูปที่เพิ่งถูกอัพเดทใหม่จากคนที่เขากำลังนึกถึง เป็นรูปใบหน้าตอนหลับอ้าปากหวอในคาบเรียนของชเวจุฮงพร้อมกับคำบรรยายใต้ภาพว่า ‘กูขอโทษนะเสาไฟแต่กูฮาไม่ไหวละ กร๊ากกกกกกกกก

     

    ยงนัมหยุดมองรูปนั้นอยู่นานพร้อมทั้งยกยิ้มน้อยๆที่มุมปาก เผลอจินตนาการไปถึงใบหน้าคู่อริตอนหัวเราะหน้าย่นแล้วก็ยิ่งยิ้มกว้างมากกว่าเดิม น่าแปลกที่การกระทำเล็กๆน้อยๆแค่นี้ของอีกฝ่ายกลับทำให้เขาเองรู้สึกดี อย่างน้อย มันก็คงทำให้จองแดฮยอนหยุดเกลียดเขาได้สักวินาที ถึงจะแอบหงุดหงิดที่เป็นรูปชเวจุนฮงก็เถอะ

     

    ฟันจะเฉาะจานข้าวแล้วครับคนตรงข้ามส่งเสียงดังเรียกสติของเขาให้กลับคืน บังยงนัมทำหน้าป่วยเมื่อถูกย้อนกลับด้วยคำพูดตัวเอง วางโทรศัพท์มือถือในมือลงบนโต๊ะแล้วหันไปมองรอบๆ

     

    กูว่าแล้ว

     

    อะไรวะ?” เพื่อนสนิทหันหน้าไปมองตามพลางทำหน้าสงสัย ก็เห็นว่ามีนักศึกษาหลายโต๊ะจดๆจ้องๆมาทางพวกเขาอยู่

     

    ก็เรื่องเดิม..เสียงทุ้มว่าเนือยๆ “..เรื่องที่คิดว่ากูกับมึงเป็นแฟนกัน

     

    อ๋ออออ..อีกฝ่ายลากเสียงยาว หัวเราะน้อยๆในลำคอ “..ยังไม่ชินอีกหรือไง

     

    ก็เฉยๆ เรื่องไร้สาระ

     

    มึงคิดว่าไร้สาระจริงดิ

     

    เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะเมื่อบังยงนัมเงยหน้าขึ้นไปสบตาอีกฝ่ายแล้วพบเข้ากับใบหน้าจริงจัง ซองโดฮยอนยกยิ้มจางๆส่งมาให้ก่อนจะต้องหัวเราะลั่นร้านเมื่อเห็นว่าคนตัวสูงทำหน้าเหวอแบบไม่คิดปิดบัง

     

    ฮ่าฮ่าฮ่า กูล้อเล่นเหอะ ไม่ต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้นหรอกพ่อคู้ณณณ แม่.งอย่างฮาอ่ะ ฮ่าฮ่าฮ่ามือขาวตบโต๊ะปึงๆระบายอารมณ์ขณะที่หัวเราะจนตัวโยน บังยงนัมขมวดคิ้ว เอื้อมแขนยาวๆไปฟาดศีรษะเพื่อนตัวเองทีนึงแล้วแสร้งทำหน้าบึ้ง

     

    ห่.า ไม่ให้ตกใจได้ไงวะ แค่คิดผมก็ขนลุกแล้วครับมือใหญ่ทำท่าลูบแขนตัวเองประกอบคำพูดจนเพื่อนสนิทอดจะเบะปากด้วยความหมั่นไส้ไม่ได้

     

    เว่อร์ๆ กูเองก็ขนลุกเหมือนกันล่ะโว้ย ล้อเล่นน่ะล้อเล่น เข้าใจมั้ย

     

    ครับๆ เข้าใจแล้วครับ อาหารมาแล้วครับ จะแดกข้าวหรือจะแดกหัวผมครับดูทำหน้าเข้า ฮะฮะฮะว่าก่อนจะไม่วายยื่นมือไปขยี้กลุ่มผมสีสว่างของเพื่อนสนิทอีกที คนตัวเล็กกว่าทำหน้ามุ่ย ปัดมือใหญ่ออกเป็นพัลวัน

     

    เลิกเล่นแดก!

     

    คร้าบ

     

    สิ้นคำ บังยงนัมก็ก้มหน้าก้มตาทานอาหารในจานตัวเองทันทีผิดกับอีกคนที่แอบลอบมองใบหน้าของอีกฝ่ายเป็นระยะๆ คนตัวเล็กแค่นยิ้ม นึกไปถึงบทสนทนาเมื่อสักครู่แล้วก็ต้องโคลงศีรษะ

     

    .

    .

    .

     

    เพราะบังยงนัมคงไม่รู้ ว่าเขาเอง..ไม่ได้ล้อเล่น และ ไม่เคยล้อเล่น..

     

     

    ครบแล้วววววววว เฮือกกกกกกกกกก!!!

    ปล. ซองโดฮยอนไม่มีตัวตนนะคะ จินตนาการอิมเมจกันตามสบาย 

    ปลล. อันนี้แถมให้ สภาพบังและชานตอนไปมหาวิทยาลัยค่ะ 555+

     

      

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×