คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : บทพิเศษ 'หนี่งวันกับบังยงกุก'
หนึ่งวันกับบังยงกุก
เสียงแจ้งเตือนโปรมแกรมสนทนาในโทรศัพท์มือถือดังขึ้นตอนเช้าตรู่ของวันหนึ่ง
ผมพลิกร่างหันหลังให้มันก่อนจะคว้าผ้าห่มลากขึ้นคลุมโปง ในหูแว่วเสียงน้ำไหลเบาๆกับกลิ่นหอมของสบู่จากในห้องน้ำ
ผู้อาศัยหน้าตุ๊ดตัวขาวอย่างกับกระดาษนั่นคงตื่นแล้ว และอุณหภูมิที่พอเหมาะของยามเช้าแบบนี้คงเป็นเพราะหมอนั่นกดปิดเครื่องปรับอากาศให้อย่างทุกที
ผมยกยิ้ม
รู้สึกมีความสุขกับเตียงนุ่มๆ
ผ้าห่มอุ่นๆ และกลิ่นหอมๆ
จนกระทั่ง…โทรศัพท์มือถือของผมแผดเสียงดังลั่น!
ผมวาดมือสะเปะสะปะไปมาเพื่อหาต้นเสียง แต่ให้ตายยังไงก็หาไม่เจอ
หลังจากขมุบขมิบปากสรรเสริญฝ่ายโน้นได้แล้วก็จำใจมุดตัวออกจากผ้าห่มเพื่อลุกขึ้นหามันดีๆ
แต่ก็ช้ากว่ามือขาวๆของใครบางคนที่หยิบยื่นมาให้เสียก่อน
“อ่ะ
เมื่อคืนก็ชาร์จมันไว้ที่โต๊ะเองแท้ๆ จำไม่ได้หรือไง”
ผมไล่สายตาไปตามเรียวแขนขาวที่ยังมีหยดน้ำเกาะประปรายจนถึงลำตัวช่วงบนที่ถูกผ้าขนหนูห่อไว้เหมือนเด็กๆ
คิมฮิมชานยืนหัวหูเปียกอยู่ตรงหน้าขณะกระโดดโหยงเหยงไปมาจนน้ำบนหัวกระจายทั่วบริเวณดวงตากลมใสนั่นจ้องผมเขม็งก่อนจะพยักเพยิดให้รับโทรศัพท์สักที
ผมวาดมือออกไป แอบชำเลืองมองช่วงล่างของอีกฝ่ายนิดหน่อยตอนที่กดรับสาย
“มี*วยไร?”
ปากพูดทั้งๆที่ตายังไม่ละไปจากร่างตรงหน้า ผมแอบเห็นหมอนั่นหันมาถลึงตาใส่ทันทีที่จบประโยค
เหอะ! ก็แบบนี้ทุกที หยาบนิดหยาบหน่อยทำมาเป็นค้อน
ผู้ชายที่ไหนเค้าจะเรียบร้อยแต๋วจ๋าแบบมันกัน
‘โอ้โฮ
ทักทายน่ารักจังเลย เพิ่งตื่นหรือไงครับ?’
“เออ
วันนี้กูไม่มีเรียน มึงจะโทรมาปลุกกูทำไมแต่เช้า”คิมฮิมชานกำลังก้มลงค้นอะไรบางอย่างขลุกขลักที่ตู้เสื้อผ้า
ก้นกลมกลึงที่เคยมีโอกาสได้เห็นเมื่อนานมาแล้วลอยเด่น กางเกงซับในขาสั้นที่เจ้าตัวใส่อยู่เลิกขึ้นเล็กน้อยยามหมอนั่นขยับตัว
ผิวพรรณที่ทั้งขาวทั้งเนียนนั่นทำเอาผมเผลอกลั้นหายใจ ไม่นานมือขาวก็คว้าเสื้อยืดออกมาก่อนจะหันกลับมาหาผม
ผมสะดุ้งสุดตัว
รีบหลบตาทันควันเพราะเกรงจะถูกจับได้ว่าแอบลอบมอง
ยิ่งยามที่อีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้ยิ่งเสียขวัญ
ถึงกลับแอบคว้าเอาผ้าห่มข้างตัวขึ้นมากอดไว้ด้วยซ้ำ
“มะ
มีไร” ลดโทรศัพท์มือถือในมือลงเล็กน้อยแล้วใช้อีกมือป้องมันไว้
ฮิมชานจ้องหน้าผมพลางขมวดคิ้ว ก่อนที่สุดท้ายจะถอนหายใจยาวราวกับเหนื่อยใจ
“เราบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเอากางเกงในไปใส่รวมกับเสื้อกล้าม
ถุงเท้าด้วย นอกจากนายจะไม่พับแล้วยังจะยัดมั่วอีก มันหายากนะรู้มั้ย?”
หมอนั่นพร่ำคำบ่นออกมายาวเหยียด หยุดจ้องหน้าผมเล็กน้อยก่อนจะเดินหายไปทางห้องน้ำ
ผมถอนหายใจ
รู้สึกโล่งอกหลังจากคิดว่าถูกจับได้เสียแล้วว่าแอบลวนลามอีกฝ่ายทางสายตา จนกระทั่งเสียงโวยวายดังเล็ดลอดออกมาจากโทรศัพท์ในมือนั่นแหละ
ผมถึงได้รีบยกมันแนบหูแทบไม่ทัน
‘พี่
ไอ้เฮียบังงงง ตายไปแล้วไงวะ เป็นไรป่ะเนี่ยยู้ฮูวววว’
“เปล่าๆ
ไม่มีไร อย่าโวยวายสิวะ” ผมลากเสียงเนือยเมื่อฝ่ายนั้นถามว่าหายไปไหนมาแถมยังส่งเสียงโหวกเหวกน่ารำคาญ
ว่าจะกดตัดสายอยู่แล้วเชียวถ้าไม่ได้ยินชื่อ ‘คิมฮิมชาน’
ขึ้นมาเสียก่อน
‘พี่ฮิมชานอยู่แถวนั้นป่ะ?’
“มึงจะถามหามันทำไม”
ผมขมวดคิ้ว จ้องมองบานประตูห้องน้ำราวกับจะเห็นข้างในได้
‘ก็ถามดู
ไม่ได้เจอมานานก็แค่นึกถึง คนเคยรู้จักนะเว้ยพี่ มันก็ต้องถามถึงบ้างดิ’
“อย่ามาแถ
เอาธุระมึงดีกว่า โทรมาทำห่าไรแต่เช้า ถ้าหาสาระไม่ได้ก็รีบวางไปก่อนที่กูจะโมโห”
ผมว่า แต่อันที่จริงตอนนี้รู้สึกโมโหไปแล้วด้วยซ้ำ
รุ่นน้องที่ผมโคตรเบื่อขี้หน้าอย่างไอ้เปรตจุนฮงทำเสียงกระเง้ากระงอดเล็กน้อยก่อนจะต้องรีบโพล่งประเด็นขึ้นมายกใหญ่เมื่อผมสวดด่ามันไปอีกรอบ
‘คือช่วยมาติวหนังสือให้ผมหน่อยดิ’
“ว่าไงนะ
ติวห่าไรแต่ไก่โห่” ผมเกาหัว อยากจะล้มตัวลงนอนต่อใจจะขาดเมื่อเหตุผลของการโทรมากวนผมแต่เช้าของมันไร้สาระสิ้นดี
‘ผมกับไอ้แด้มีสอบบ่าย
แล้วคือในหัวว่างเปล่าเป็นลูกโป่งอัดแก๊สเลย พี่ยงกุกสุดหล่อช่วยสงเคราะห์หน่อยนะ’
“...”
‘อย่าแกล้งหลับดิพี่
สงสารผมเหอะนะ น้า น้า น้า’ ไอ้เด็กนั่นส่งเสียงออดอ้อนจนผมต้องยกหูโทรศัพท์ออกห่างอย่างขนลุก
ปรายตาไปมองนาฬิกาที่หัวเตียงก็เห็นว่าเพิ่งจะหกโมงกว่า
นี่ไม่ใช่เวลาที่ผมควรตื่นเลยสักนิด แต่เสียงง้องแง้งที่ยังคงดังอยู่ปลายสายก็ทำให้อดรู้สึกสงสารไม่ได้
“เออๆๆ
เดี๋ยวกูออกไป เลิกทำเสียงปัญญาอ่อนสักที”
‘หล่อสัตว์หมาเลยครับ
พ่อพระเหี้ยๆ ผมกับไอ้แด้รออยู่ที่หอสมุดนะ รีบมาด้วยล่ะ’
“*วย!”
.
.
สุดท้ายแล้วผมก็ต้องฝืนลากสังขารอันอ่อนแรงของตัวเองเดินเข้าห้องน้ำไปทำธุระส่วนตัว
คิมฮิมชานลงไปข้างล่างได้สักพักแล้ว ได้ยินแว่วๆว่าเดินมาถามผมว่าอยากกินอะไร
พอไม่ได้คำตอบก็พาลเตะประตูห้องน้ำดังเปรี้ยงแล้วฟึดฟัดออกไป
นิสัยเสียจริงๆเลยให้ตายสิ
ทันทีที่ผมเดินลงมาข้างล่างก็ได้กลิ่นอาหารหอมๆลอยมาแตะจมูก
ที่โซฟามีพี่ชายฝาแฝดกำลังนั่งสะลึมสะลือเปลี่ยนช่องการ์ตูนตอนเช้าไปมา แล้วพอนัมมันหันมาเห็นผม
มันก็กวักมือยิกๆเรียกให้เข้าไปหาทันที
“อะไร?”
“มึงไปทำอะไรให้ไอ้ฮิมมันโกรธวะ
ดูมันดิ จะระเบิดครัวให้ย่อยยับแล้วมั้งนั่น”
มันว่าก่อนจะพยักเพยิดให้หันไปมองทางห้องครัว
แล้วผมก็เห็นว่าคิมฮิมชานกำลังกระฟัดกระเฟียดใส่อารมณ์กับบรรดาจานชามในมือไม่หยุด
ผมยักไหล่
ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆพี่ชายแล้วแย่งรีโมทในมือใหญ่นั่นมาถือเอาไว้เอง
“ไม่ได้ทำอะไร
น้องมึงแม่.งงี่เง่าเองต่างหาก” อันที่จริงผมก็แค่แกล้งนิดหน่อย
ให้หมอนั่นยืนตะโกนถามอยู่หน้าห้องน้ำนานสองนานแล้วแอบหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว
แต่มันก็ไม่น่าจะโกรธขนาดนี้ป่ะวะ แกล้งมานานหลายเดือนแล้วนะเมื่อไหร่จะชิน?
“มึงนี่นะ
อยู่กันมาก็หลายเดือนแล้วเมื่อไหร่จะเลิกแหย่มันซะที”ไอ้นัมทำเป็นถอนหายใจ มือใหญ่ของมันเลิกชายเสื้อกล้ามย้วยๆขึ้นเกาพุงแกร่กๆก่อนจะหันมามองผมหัวจรดเท้า
“แล้วนี่จะออกไปไหนแต่เช้า”
“ไปวิทยาลัย”
“ไปเพื่อ?”
“เรื่องของกูป่ะครับ?”
“สัด!”
ไม่นานคิมฮิมชานก็เดินออกมาเรียกให้ผมกับนัมไปกินข้าว
หมอนั่นอยู่ในชุดอยู่บ้านสบายๆอย่างเสื้อยืดกางเกงขาสั้น
จนผมที่คิดว่ามันจะมีเรียนถึงกับเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
“วันนี้มึงไม่ไปไหนหรือไง?”
ผมเอ่ยปากถามตอนที่เราสามคนนั่งประจำที่แล้วเรียบร้อย
มือขาวที่กำลังแจกชามข้าวชะงักไปนิดหน่อยก่อนจะเอ่ยตอบเสียงแข็ง
“ไม่”
“ไม่มีเรียนเหรอ
ปกติเหมือนวันนี้เรียนเช้านี่หว่า”
“ไม่มี”
เสียงที่ตอบกลับมายังคงกระด้างและเย็นชา ฟังดูก็รู้ว่าแม่.งโกรธผมชัดๆ ผมทำหน้าไม่ถูกพยายามหาเรื่องอื่นคุยแต่ก็นึกออกอยู่อย่างเดียว
“เออดีเลย
งั้นวันนี้มึงออกไปกับกูแล้วกัน” ผมตีมึน ทำเป็นก้มหน้าก้มตากินข้าวตอนที่หมอนั่นเงยหน้าขึ้นจ้องเขม็ง
รู้สึกได้ถึงรังสีอาฆาตที่แผ่ออกมาจะนัยน์ตากลมใสนั่น คิมฮิมชานถอนหายใจพรืด
คว้าจับตะเกียบได้ก็จ้วงอาหารเข้าปากคำโต
“เราไม่ไป”
“กินเสร็จแล้วก็ไปเปลี่ยนชุดด้วยล่ะ
ที่ใส่อยู่นั่นเสื้อหรือผ้าขี้ริ้ววะ”
“บอกว่าไม่ไป”
“เฮ้ยนัม
วันนั้นกูไปเจอสร้อยที่มึงอยากได้ด้วย แพงสัตว์หมาอ่ะ มึงจะซื้อไปให้ใครวะ”
“นี่ยงกุก!”
“ซุกเมียไม่บอกน้องเหรอ
อย่าให้กูจับได้นะมึง กูเคลมเลยนะบอกก่อน”
“นี่!!”
“โอ้ย
วันนี้กับข้าวอร่อยจัง”
“บังยงกุก!!!”
ความรู้สึกเหมือนได้กำชัยชนะไว้ในมือแบบนี้ช่างหอมหวานดีไม่หยอก
คิมฮิมชานที่เปลี่ยนชุดพร้อมออกไปข้างนอกแล้วเรียบร้อยยืนหน้ามุ่ยอยู่ข้างๆผมที่กำลังเข็นมอเตอร์ไซค์คันเล็กออกมาเตรียม
ผมยื่นหมวกกันน็อคอีกใบส่งให้อีกฝ่าย แต่หมอนั่นกลับทำเพียงแค่ชายตามองแล้วเสหน้าหนี
“ไอ้เหี้ยท่าตุ๊ดมากครับ”
ผมว่าก่อนจะได้รับค้อนวงโตส่งกลับมา“คือมึงจะสะบัดสะบิ้งอะไรนักหนาเนี่ย
รีบขึ้นมาเร็วๆ กูสายนะเฮ้ย”
“เราไม่ได้อยากไปสักหน่อย
ทำไมต้องบังคับด้วย”
“เห็นว่าอยู่บ้านเฉยๆกลัวจะเบื่อ”
“...”
มันหรี่ตามองผมเหมือนจะจับผิด
“เออๆๆ
ก็ไอ้จุนฮงมันโทรมาขอให้ไปติวหนังสือให้มันหน่อย
เอามึงไปด้วยก็เผื่อจะไปช่วยกันได้”
“...”
“กูอยากให้มึงไปด้วย
พอใจยัง!”
“หึหึ”
ไอ้หน้าตุ๊ดมันหัวเราะในลำคอทันทีที่จบประโยค มือขาวเอื้อมมาคว้าหมวกในมือผมไปใส่ก่อนจะก้าวขาขึ้นคร่อมซ้อนหลัง
ให้ตายสิ
เสียหน้าชะมัดเลยที่ต้องมาพูดอะไรน่าอายแบบนั้น
ใช้เวลาไม่นานผมก็ปุเลงมอเตอร์ไซค์คันเก่าคู่ใจมาถึงวิทยาลัยได้สำเร็จ
หลังจากจัดการหาที่จอดได้เรียบร้อยแล้วเราทั้งคู่ก็เดินไปหาเป้าหมาย
ซึ่งทันทีที่ไอ้จุนฮงมันเห็นฮิมชาน
ตัวสูงๆเป็นเปรตนั่นก็วิ่งเข้าใส่ราวกับดีใจเสียเต็มประดา
“พี่ฮิมชานนนน~ มาด้วยเหรอครับ” ผมล่ะหมั่นไส้กับน้ำเสียงกระเง้ากระงอดนั่นชะมัด
“อืม
ไม่เจอกันนานเลยเนอะ จุนฮงเป็นไงบ้าง” ไอ้คนข้างตัวผมนี่ก็เอาแต่ยิ้ม
คิดว่าน่ารักมากหรือไงวะ ฟันจะเฉาะหน้าไอ้จุนฮงอยู่แล้วนั่น
ผมส่ายหัว
เดินเข้าไปหาจองแดฮยอนที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่บนโต๊ะแทน
ไอ้เด็กดำมองหน้าผมแล้วขมวดคิ้ว
เดี๋ยวยู่หน้าเดี๋ยวบู้ปากจนทุกอย่างมันแทบจะพับรวมกันอยู่ตรงกลางอยู่แล้ว
“ลูกพี่ไม่น่าหน้าเหมือนพี่ชายพี่เลยให้ตายสิ”
“อะไรของมึง”
ผมทรุดตัวลงนั่งแถวนั้น คว้าเอาชีทเป็นปึกที่ตั้งระเกะระกะอยู่ตรงหน้าขึ้นมาเปิดดูผ่านๆ
ก่อนที่คนข้างตัวจะยื่นหน้าจอโทรศัพท์ที่เปิดโปรแกรมสนทนาทิ้งเอาไว้มาให้ดู
“ฝากบอกไอ้บ้านี่หน่อยว่าเลิกกวนประสาทผมได้แล้ว
จะเป็นบ้าอยู่แล้วเนี่ย”
ผมก้มลงมองไอ้บ้าที่ว่าของมันในจอ
แล้วก็เห็นรูปแทนตัวเป็นหน้าไอ้นัมเด่นหรา พ่วงมาด้วยบทสนทนาที่ค่อนข้างจะเป็นการคุยคนเดียวของพี่ชายจำพวก
‘อรุณสวัสดิ์น้องแดฮยอนคนดำ’
‘วันนี้กูเดินผ่านร้านขายหมา
เจอตัวนึงหน้าเหมือนมึงโคตรๆ’
‘[LINE เกมเศรษฐี] YNM เชิญคุณไปรวย
แต่ถ้าแน่จริงก็ทำให้ฉันล้มละลายให้ได้สิ!’
‘สัตว์!’
‘เฮ้ยส่งผิดๆกูคุยกับเพื่อนอยู่’
‘จริงๆกูด่ามึงว่ะฮ่าฮ่าฮ่า’
‘[LINE เกมเศรษฐี] YNM เชิญคุณไปรวย
แต่ถ้าแน่จริงก็ทำให้ฉันล้มละลายให้ได้สิ!’
และข้อความจิปาถะอีกนับแสนที่หาสาระอะไรไม่ได้เลย
ผมเงยหน้าขึ้นมองจองแดฮยอน ก็เห็นมันไถลตัวลงไปเกลือกกลิ้งใบหน้ากับโต๊ะไม้แล้วบ่นอะไรงุ้งงิ้งอยู่คนเดียว
“ทักมาทีก็มีแต่อะไรไร้สาระ
ไม่เห็นเข้าประเด็นสักที กากว่ะแม่.ง”
“มึงรำคาญก็บล็อคมันดิวะ”
ผมยื่นโทรศัพท์คืนรุ่นน้องแล้วเริ่มหยิบจับเอกสารตรงหน้าให้เป็นเรื่องเป็นราว ก่อนที่สุดท้ายจะหันไปตะโกนใส่ไอ้เด็กเปรตที่ยังก้อร่อก้อติกคิมฮิมชานไม่หยุด
“เว้นแต่ว่ามึงเองก็ชอบอ่ะนะ ไอ้จุนฮงโว้ย! มาติวหนังสือได้แล้วเร็วๆ!”
.
.
.
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงกว่าแล้ว
ผมนั่งมองชเวจุนฮงที่เพิ่งสำนึกตัวว่าควรอ่านหนังสือได้เมื่อไม่นานนั่งติววิชาคำนวณกับคิมฮิมชานอยู่โต๊ะข้างๆ
ส่วนจองแดฮยอนกำลังเร่งอ่านชีทสรุปของผมเมื่อปีที่แล้วที่หยิบติดมือมาด้วยตอนออกมา
ไอ้เด็กดำทำหน้ายุ่ง พลิกแผ่นกระดาษไปมาพรึบพรับก่อนจะวางมันทิ้งแล้วถอนหายใจ
“เฮ้อ~ไม่เข้าหัวเลยอ่ะลูกพี่ ตายแน่ๆเลยงานนี้”
“แล้วมาเร่งอ่านอะไรเอาตอนนี้
อีกไม่ถึงชั่วโมงจะสอบแบบนี้กูว่าหลับตาขอพรอ่ะง่ายสุด”
ผมเขกหัวมันไปทีโทษฐานทำมาเป็นโอดครวญ
ก่อนหน้านี้เห็นเที่ยวเล่นอยู่กับไอ้จุนฮงไม่มีสลดสักนิด
“ฮืออออ
ม๊าเอาผมตายแน่เลยอ่ะลูกพี่”
“ช่วยไม่ได้เว้ย
แต่ว่านะ..” ผมเกาแก้ม
แกล้งเขยิบไปใกล้ๆมันราวกับรื่องที่จะบอกเป็นความลับที่ไม่ควรให้ใครรู้ จองแดฮยอนทำหน้าเสือ.กพลางเอนตัวเข้ามาหา
ผมจึงใช้มือป้องที่หูมันแล้วกระซิบเสียงพร่า “..ทำไมมึงไม่ลองขอกำลังใจจากไอ้นัมดูล่ะวะ
”
“เฮ้ย
อะไรพี่ พูดไรไม่รู้เรื่อง โว๊ะ!”
ไอ้ตัวเสือกเมื่อกี้ร้องโวยวายแล้วถอยออกไปคว้าชีทขึ้นมาปิดหน้า
ผมหยิบเอากระดาษแถวนั้นขึ้นมาม้วนแล้วฟาดหัวมันเบาๆก่อนจะสั่งให้นั่งอ่านหนังสือดีๆ
กระทั่งล่วงเลยมาจนถึงเวลาเข้าห้องสอบ
จองแดฮยอนนั่งเอาชีทปิดหน้าท่องจำสูตรคำนวณงึมงำในขณะที่ชเวจุนฮงกำลังหาทางแอบจดสูตรเข้าห้องสอบบนยางลบ
ผมเห็นคิมฮิมชานยื้อยุดพลางสาธยายถึงผลร้ายถ้าหากว่าอาจารย์คุมสอบจับได้ให้เด็กนั่นฟัง
จนในที่สุดรุ่นน้องทั้งสองคนก็เดินทำหน้าคล้ายจะถูกเชือดเข้าห้องสอบไป
ผมรวบเอาชีทที่ยังคงเกลื่อนโต๊ะเข้าด้วยกันก่อนจะหันไปหาใครอีกคน
“หิวยัง?”
“อืม
นิดหน่อย” คิมฮิมชานก้มลงมองนาฬิกาข้อมือก่อนตอบ ผมพยักหน้ารับ
ออกเดินนำอีกฝ่ายไปทางประตูหอสมุด
“จะกินที่โรงอาหารหรือจะออกไปกินข้างนอกแล้วกลับเลย”
“เราว่าอยู่รอจุนฮงกับแดฮยอนดีมั้ย
จะได้ถามน้องด้วยว่าเป็นไงบ้าง”
“ไหนตอนแรกบอกไม่อยากมา”
ผมยกยิ้ม ส่งสายตาล้อเลียนไปให้หมอนั่นจนได้ค้อนวงโตกลับมา เราเดินเอาชีทมาเก็บที่รถมอเตอร์ไซค์ของผมแล้วตัดสินใจว่าจะไปหาอะไรกินที่โรงอาหารรอไอ้เด็กป่วนสองคนนั่น
ระยะทางระหว่างลานจอดรถกับโรงอาหารอยู่ไม่ไกลกันนัก
อีกนิดเดียวเราสองคนก็จะเดินถึงอยู่แล้วถ้าไม่ติดว่ามีใครสักคนวิ่งมาโถมตัวใส่หลังของผมเสียก่อน
“ไอ้ห้อย!”
“สัตว์!”
“แหม
ทักทายได้น่ารักน่าชังเหมือนเดิม” ผมหันกลับไปมองข้างหลังก็พบว่าเป็นเพื่อนร่วมรุ่นอย่าง
ยองอา ที่กำลังยืนฉีกยิ้มกว้างส่งมาให้ ผมขมวดคิ้ว
ก้มลงมองยัยนั่นที่อยู่ในชุดไปรเวทด้วยความสงสัย
“มาทำไร?”
“มาออเซาะอาจารย์แลกเกรด
มึงอ่ะ? แล้วนี่ใครวะ? หน้าตาไม่น่าคบมึงเป็นเพื่อน” คิมฮิมชานที่ยืนอยู่ทำหน้าตาเหลอหลา
แล้วยิ่งยองอายื่นหน้าไปใกล้ๆอย่างสำรวจก็ยิ่งเลิ่กลั่กทำอะไรไม่ถูก
ผมคว้าคอเสื้อเชิ้ตที่ยัยนั่นใส่อยู่ก่อนจะดึงเข้าหาตัวเมื่อเห็นว่าชักจะใกล้กันมากเกินไปแล้ว
“เพื่อนฉันเองชื่อฮิมชาน
ไม่ใช่เด็กที่นี่ ”
มีโอกาสรื้อไดร์ฟเก่าๆแล้วเจอสเปเรื่องนี้ที่เคยแต่งทิ้งไว้เมื่อนานโข อ่านแล้วคิดถึงมากกกกกกกกก
เลยมาลงให้อ่านกันเล่นๆ จะยังมีใครหลงมาเจอมั้ยง่ะ 555
ปล. เก่าไม่เก่าตอนนั้นพี่ยงนัมจีบน้องแดฮยอนด้วยไลน์เกมเศรษฐีนะ 555555555555
.
ความคิดเห็น