ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [B.A.P] MOVE (Bangchan)

    ลำดับตอนที่ #10 : บทพิเศษ 'หนี่งวันกับบังยงกุก'

    • อัปเดตล่าสุด 17 ต.ค. 60



    หนึ่งวันกับบังยงกุก

     

                    เสียงแจ้งเตือนโปรมแกรมสนทนาในโทรศัพท์มือถือดังขึ้นตอนเช้าตรู่ของวันหนึ่ง ผมพลิกร่างหันหลังให้มันก่อนจะคว้าผ้าห่มลากขึ้นคลุมโปง ในหูแว่วเสียงน้ำไหลเบาๆกับกลิ่นหอมของสบู่จากในห้องน้ำ ผู้อาศัยหน้าตุ๊ดตัวขาวอย่างกับกระดาษนั่นคงตื่นแล้ว และอุณหภูมิที่พอเหมาะของยามเช้าแบบนี้คงเป็นเพราะหมอนั่นกดปิดเครื่องปรับอากาศให้อย่างทุกที

     

                ผมยกยิ้ม

     

                รู้สึกมีความสุขกับเตียงนุ่มๆ ผ้าห่มอุ่นๆ และกลิ่นหอมๆ

     

                จนกระทั่ง…โทรศัพท์มือถือของผมแผดเสียงดังลั่น!

     

                ผมวาดมือสะเปะสะปะไปมาเพื่อหาต้นเสียง แต่ให้ตายยังไงก็หาไม่เจอ หลังจากขมุบขมิบปากสรรเสริญฝ่ายโน้นได้แล้วก็จำใจมุดตัวออกจากผ้าห่มเพื่อลุกขึ้นหามันดีๆ แต่ก็ช้ากว่ามือขาวๆของใครบางคนที่หยิบยื่นมาให้เสียก่อน

     

                “อ่ะ เมื่อคืนก็ชาร์จมันไว้ที่โต๊ะเองแท้ๆ จำไม่ได้หรือไง” ผมไล่สายตาไปตามเรียวแขนขาวที่ยังมีหยดน้ำเกาะประปรายจนถึงลำตัวช่วงบนที่ถูกผ้าขนหนูห่อไว้เหมือนเด็กๆ

     

    คิมฮิมชานยืนหัวหูเปียกอยู่ตรงหน้าขณะกระโดดโหยงเหยงไปมาจนน้ำบนหัวกระจายทั่วบริเวณดวงตากลมใสนั่นจ้องผมเขม็งก่อนจะพยักเพยิดให้รับโทรศัพท์สักที ผมวาดมือออกไป แอบชำเลืองมองช่วงล่างของอีกฝ่ายนิดหน่อยตอนที่กดรับสาย

     

    “มี*วยไร?” ปากพูดทั้งๆที่ตายังไม่ละไปจากร่างตรงหน้า ผมแอบเห็นหมอนั่นหันมาถลึงตาใส่ทันทีที่จบประโยค เหอะ! ก็แบบนี้ทุกที หยาบนิดหยาบหน่อยทำมาเป็นค้อน ผู้ชายที่ไหนเค้าจะเรียบร้อยแต๋วจ๋าแบบมันกัน

     

    โอ้โฮ ทักทายน่ารักจังเลย เพิ่งตื่นหรือไงครับ?

     

    “เออ วันนี้กูไม่มีเรียน มึงจะโทรมาปลุกกูทำไมแต่เช้า”คิมฮิมชานกำลังก้มลงค้นอะไรบางอย่างขลุกขลักที่ตู้เสื้อผ้า ก้นกลมกลึงที่เคยมีโอกาสได้เห็นเมื่อนานมาแล้วลอยเด่น กางเกงซับในขาสั้นที่เจ้าตัวใส่อยู่เลิกขึ้นเล็กน้อยยามหมอนั่นขยับตัว ผิวพรรณที่ทั้งขาวทั้งเนียนนั่นทำเอาผมเผลอกลั้นหายใจ ไม่นานมือขาวก็คว้าเสื้อยืดออกมาก่อนจะหันกลับมาหาผม

     

    ผมสะดุ้งสุดตัว รีบหลบตาทันควันเพราะเกรงจะถูกจับได้ว่าแอบลอบมอง ยิ่งยามที่อีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้ยิ่งเสียขวัญ ถึงกลับแอบคว้าเอาผ้าห่มข้างตัวขึ้นมากอดไว้ด้วยซ้ำ

     

    “มะ มีไร” ลดโทรศัพท์มือถือในมือลงเล็กน้อยแล้วใช้อีกมือป้องมันไว้ ฮิมชานจ้องหน้าผมพลางขมวดคิ้ว ก่อนที่สุดท้ายจะถอนหายใจยาวราวกับเหนื่อยใจ

     

    “เราบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเอากางเกงในไปใส่รวมกับเสื้อกล้าม ถุงเท้าด้วย นอกจากนายจะไม่พับแล้วยังจะยัดมั่วอีก มันหายากนะรู้มั้ย?” หมอนั่นพร่ำคำบ่นออกมายาวเหยียด หยุดจ้องหน้าผมเล็กน้อยก่อนจะเดินหายไปทางห้องน้ำ

     

    ผมถอนหายใจ รู้สึกโล่งอกหลังจากคิดว่าถูกจับได้เสียแล้วว่าแอบลวนลามอีกฝ่ายทางสายตา จนกระทั่งเสียงโวยวายดังเล็ดลอดออกมาจากโทรศัพท์ในมือนั่นแหละ ผมถึงได้รีบยกมันแนบหูแทบไม่ทัน

     

    พี่ ไอ้เฮียบังงงง ตายไปแล้วไงวะ เป็นไรป่ะเนี่ยยู้ฮูวววว

     

    “เปล่าๆ ไม่มีไร อย่าโวยวายสิวะ” ผมลากเสียงเนือยเมื่อฝ่ายนั้นถามว่าหายไปไหนมาแถมยังส่งเสียงโหวกเหวกน่ารำคาญ ว่าจะกดตัดสายอยู่แล้วเชียวถ้าไม่ได้ยินชื่อ คิมฮิมชานขึ้นมาเสียก่อน

     

    พี่ฮิมชานอยู่แถวนั้นป่ะ?

     

    “มึงจะถามหามันทำไม” ผมขมวดคิ้ว จ้องมองบานประตูห้องน้ำราวกับจะเห็นข้างในได้

     

    ก็ถามดู ไม่ได้เจอมานานก็แค่นึกถึง คนเคยรู้จักนะเว้ยพี่ มันก็ต้องถามถึงบ้างดิ

     

    “อย่ามาแถ เอาธุระมึงดีกว่า โทรมาทำห่าไรแต่เช้า ถ้าหาสาระไม่ได้ก็รีบวางไปก่อนที่กูจะโมโห” ผมว่า แต่อันที่จริงตอนนี้รู้สึกโมโหไปแล้วด้วยซ้ำ รุ่นน้องที่ผมโคตรเบื่อขี้หน้าอย่างไอ้เปรตจุนฮงทำเสียงกระเง้ากระงอดเล็กน้อยก่อนจะต้องรีบโพล่งประเด็นขึ้นมายกใหญ่เมื่อผมสวดด่ามันไปอีกรอบ

     

    คือช่วยมาติวหนังสือให้ผมหน่อยดิ

     

    “ว่าไงนะ ติวห่าไรแต่ไก่โห่” ผมเกาหัว อยากจะล้มตัวลงนอนต่อใจจะขาดเมื่อเหตุผลของการโทรมากวนผมแต่เช้าของมันไร้สาระสิ้นดี

     

    ผมกับไอ้แด้มีสอบบ่าย แล้วคือในหัวว่างเปล่าเป็นลูกโป่งอัดแก๊สเลย พี่ยงกุกสุดหล่อช่วยสงเคราะห์หน่อยนะ

     

    “...”

     

    อย่าแกล้งหลับดิพี่ สงสารผมเหอะนะ น้า น้า น้าไอ้เด็กนั่นส่งเสียงออดอ้อนจนผมต้องยกหูโทรศัพท์ออกห่างอย่างขนลุก ปรายตาไปมองนาฬิกาที่หัวเตียงก็เห็นว่าเพิ่งจะหกโมงกว่า นี่ไม่ใช่เวลาที่ผมควรตื่นเลยสักนิด แต่เสียงง้องแง้งที่ยังคงดังอยู่ปลายสายก็ทำให้อดรู้สึกสงสารไม่ได้

     

    “เออๆๆ เดี๋ยวกูออกไป เลิกทำเสียงปัญญาอ่อนสักที”

     

    หล่อสัตว์หมาเลยครับ พ่อพระเหี้ยๆ ผมกับไอ้แด้รออยู่ที่หอสมุดนะ รีบมาด้วยล่ะ

     

    “*วย!

     

    .

    .

     

    สุดท้ายแล้วผมก็ต้องฝืนลากสังขารอันอ่อนแรงของตัวเองเดินเข้าห้องน้ำไปทำธุระส่วนตัว คิมฮิมชานลงไปข้างล่างได้สักพักแล้ว ได้ยินแว่วๆว่าเดินมาถามผมว่าอยากกินอะไร พอไม่ได้คำตอบก็พาลเตะประตูห้องน้ำดังเปรี้ยงแล้วฟึดฟัดออกไป

     

    นิสัยเสียจริงๆเลยให้ตายสิ

     

    ทันทีที่ผมเดินลงมาข้างล่างก็ได้กลิ่นอาหารหอมๆลอยมาแตะจมูก ที่โซฟามีพี่ชายฝาแฝดกำลังนั่งสะลึมสะลือเปลี่ยนช่องการ์ตูนตอนเช้าไปมา แล้วพอนัมมันหันมาเห็นผม มันก็กวักมือยิกๆเรียกให้เข้าไปหาทันที

     

    “อะไร?”

     

    “มึงไปทำอะไรให้ไอ้ฮิมมันโกรธวะ ดูมันดิ จะระเบิดครัวให้ย่อยยับแล้วมั้งนั่น” มันว่าก่อนจะพยักเพยิดให้หันไปมองทางห้องครัว แล้วผมก็เห็นว่าคิมฮิมชานกำลังกระฟัดกระเฟียดใส่อารมณ์กับบรรดาจานชามในมือไม่หยุด

     

    ผมยักไหล่ ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆพี่ชายแล้วแย่งรีโมทในมือใหญ่นั่นมาถือเอาไว้เอง

     

    “ไม่ได้ทำอะไร น้องมึงแม่.งงี่เง่าเองต่างหาก” อันที่จริงผมก็แค่แกล้งนิดหน่อย ให้หมอนั่นยืนตะโกนถามอยู่หน้าห้องน้ำนานสองนานแล้วแอบหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว แต่มันก็ไม่น่าจะโกรธขนาดนี้ป่ะวะ แกล้งมานานหลายเดือนแล้วนะเมื่อไหร่จะชิน?

     

    “มึงนี่นะ อยู่กันมาก็หลายเดือนแล้วเมื่อไหร่จะเลิกแหย่มันซะที”ไอ้นัมทำเป็นถอนหายใจ มือใหญ่ของมันเลิกชายเสื้อกล้ามย้วยๆขึ้นเกาพุงแกร่กๆก่อนจะหันมามองผมหัวจรดเท้า “แล้วนี่จะออกไปไหนแต่เช้า”

     

    “ไปวิทยาลัย”

     

    “ไปเพื่อ?”

     

    “เรื่องของกูป่ะครับ?”

     

    “สัด!

     

    ไม่นานคิมฮิมชานก็เดินออกมาเรียกให้ผมกับนัมไปกินข้าว หมอนั่นอยู่ในชุดอยู่บ้านสบายๆอย่างเสื้อยืดกางเกงขาสั้น จนผมที่คิดว่ามันจะมีเรียนถึงกับเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ

     

    “วันนี้มึงไม่ไปไหนหรือไง?” ผมเอ่ยปากถามตอนที่เราสามคนนั่งประจำที่แล้วเรียบร้อย มือขาวที่กำลังแจกชามข้าวชะงักไปนิดหน่อยก่อนจะเอ่ยตอบเสียงแข็ง

     

    “ไม่”

     

    “ไม่มีเรียนเหรอ ปกติเหมือนวันนี้เรียนเช้านี่หว่า”

     

    “ไม่มี” เสียงที่ตอบกลับมายังคงกระด้างและเย็นชา ฟังดูก็รู้ว่าแม่.งโกรธผมชัดๆ ผมทำหน้าไม่ถูกพยายามหาเรื่องอื่นคุยแต่ก็นึกออกอยู่อย่างเดียว

     

    “เออดีเลย งั้นวันนี้มึงออกไปกับกูแล้วกัน” ผมตีมึน ทำเป็นก้มหน้าก้มตากินข้าวตอนที่หมอนั่นเงยหน้าขึ้นจ้องเขม็ง รู้สึกได้ถึงรังสีอาฆาตที่แผ่ออกมาจะนัยน์ตากลมใสนั่น คิมฮิมชานถอนหายใจพรืด คว้าจับตะเกียบได้ก็จ้วงอาหารเข้าปากคำโต

     

    “เราไม่ไป”

     

    “กินเสร็จแล้วก็ไปเปลี่ยนชุดด้วยล่ะ ที่ใส่อยู่นั่นเสื้อหรือผ้าขี้ริ้ววะ”

     

    “บอกว่าไม่ไป”

     

    “เฮ้ยนัม วันนั้นกูไปเจอสร้อยที่มึงอยากได้ด้วย แพงสัตว์หมาอ่ะ มึงจะซื้อไปให้ใครวะ”

     

    “นี่ยงกุก!

     

    “ซุกเมียไม่บอกน้องเหรอ อย่าให้กูจับได้นะมึง กูเคลมเลยนะบอกก่อน”

     

    “นี่!!

     

    “โอ้ย วันนี้กับข้าวอร่อยจัง”

     

    “บังยงกุก!!!

     

    ความรู้สึกเหมือนได้กำชัยชนะไว้ในมือแบบนี้ช่างหอมหวานดีไม่หยอก คิมฮิมชานที่เปลี่ยนชุดพร้อมออกไปข้างนอกแล้วเรียบร้อยยืนหน้ามุ่ยอยู่ข้างๆผมที่กำลังเข็นมอเตอร์ไซค์คันเล็กออกมาเตรียม ผมยื่นหมวกกันน็อคอีกใบส่งให้อีกฝ่าย แต่หมอนั่นกลับทำเพียงแค่ชายตามองแล้วเสหน้าหนี

     

    “ไอ้เหี้ยท่าตุ๊ดมากครับ” ผมว่าก่อนจะได้รับค้อนวงโตส่งกลับมา“คือมึงจะสะบัดสะบิ้งอะไรนักหนาเนี่ย รีบขึ้นมาเร็วๆ กูสายนะเฮ้ย”

     

    “เราไม่ได้อยากไปสักหน่อย ทำไมต้องบังคับด้วย”

     

    “เห็นว่าอยู่บ้านเฉยๆกลัวจะเบื่อ”

     

    “...” มันหรี่ตามองผมเหมือนจะจับผิด

     

    “เออๆๆ ก็ไอ้จุนฮงมันโทรมาขอให้ไปติวหนังสือให้มันหน่อย เอามึงไปด้วยก็เผื่อจะไปช่วยกันได้”

     

    “...”

     

    “กูอยากให้มึงไปด้วย พอใจยัง!

     

    “หึหึ” ไอ้หน้าตุ๊ดมันหัวเราะในลำคอทันทีที่จบประโยค มือขาวเอื้อมมาคว้าหมวกในมือผมไปใส่ก่อนจะก้าวขาขึ้นคร่อมซ้อนหลัง

     

    ให้ตายสิ เสียหน้าชะมัดเลยที่ต้องมาพูดอะไรน่าอายแบบนั้น

     

    ใช้เวลาไม่นานผมก็ปุเลงมอเตอร์ไซค์คันเก่าคู่ใจมาถึงวิทยาลัยได้สำเร็จ หลังจากจัดการหาที่จอดได้เรียบร้อยแล้วเราทั้งคู่ก็เดินไปหาเป้าหมาย ซึ่งทันทีที่ไอ้จุนฮงมันเห็นฮิมชาน ตัวสูงๆเป็นเปรตนั่นก็วิ่งเข้าใส่ราวกับดีใจเสียเต็มประดา

     

    “พี่ฮิมชานนนน~ มาด้วยเหรอครับ” ผมล่ะหมั่นไส้กับน้ำเสียงกระเง้ากระงอดนั่นชะมัด

     

    “อืม ไม่เจอกันนานเลยเนอะ จุนฮงเป็นไงบ้าง” ไอ้คนข้างตัวผมนี่ก็เอาแต่ยิ้ม คิดว่าน่ารักมากหรือไงวะ ฟันจะเฉาะหน้าไอ้จุนฮงอยู่แล้วนั่น

     

    ผมส่ายหัว เดินเข้าไปหาจองแดฮยอนที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่บนโต๊ะแทน ไอ้เด็กดำมองหน้าผมแล้วขมวดคิ้ว เดี๋ยวยู่หน้าเดี๋ยวบู้ปากจนทุกอย่างมันแทบจะพับรวมกันอยู่ตรงกลางอยู่แล้ว

     

    “ลูกพี่ไม่น่าหน้าเหมือนพี่ชายพี่เลยให้ตายสิ”

     

    “อะไรของมึง” ผมทรุดตัวลงนั่งแถวนั้น คว้าเอาชีทเป็นปึกที่ตั้งระเกะระกะอยู่ตรงหน้าขึ้นมาเปิดดูผ่านๆ ก่อนที่คนข้างตัวจะยื่นหน้าจอโทรศัพท์ที่เปิดโปรแกรมสนทนาทิ้งเอาไว้มาให้ดู

     

    “ฝากบอกไอ้บ้านี่หน่อยว่าเลิกกวนประสาทผมได้แล้ว จะเป็นบ้าอยู่แล้วเนี่ย”

     

    ผมก้มลงมองไอ้บ้าที่ว่าของมันในจอ แล้วก็เห็นรูปแทนตัวเป็นหน้าไอ้นัมเด่นหรา พ่วงมาด้วยบทสนทนาที่ค่อนข้างจะเป็นการคุยคนเดียวของพี่ชายจำพวก

     

    อรุณสวัสดิ์น้องแดฮยอนคนดำ

    วันนี้กูเดินผ่านร้านขายหมา เจอตัวนึงหน้าเหมือนมึงโคตรๆ

    ‘[LINE เกมเศรษฐี] YNM เชิญคุณไปรวย แต่ถ้าแน่จริงก็ทำให้ฉันล้มละลายให้ได้สิ!

    สัตว์!’

                ‘เฮ้ยส่งผิดๆกูคุยกับเพื่อนอยู่

    จริงๆกูด่ามึงว่ะฮ่าฮ่าฮ่า

    ‘[LINE เกมเศรษฐี] YNM เชิญคุณไปรวย แต่ถ้าแน่จริงก็ทำให้ฉันล้มละลายให้ได้สิ!

     

    และข้อความจิปาถะอีกนับแสนที่หาสาระอะไรไม่ได้เลย ผมเงยหน้าขึ้นมองจองแดฮยอน ก็เห็นมันไถลตัวลงไปเกลือกกลิ้งใบหน้ากับโต๊ะไม้แล้วบ่นอะไรงุ้งงิ้งอยู่คนเดียว

     

    “ทักมาทีก็มีแต่อะไรไร้สาระ ไม่เห็นเข้าประเด็นสักที กากว่ะแม่.ง”

     

    “มึงรำคาญก็บล็อคมันดิวะ” ผมยื่นโทรศัพท์คืนรุ่นน้องแล้วเริ่มหยิบจับเอกสารตรงหน้าให้เป็นเรื่องเป็นราว ก่อนที่สุดท้ายจะหันไปตะโกนใส่ไอ้เด็กเปรตที่ยังก้อร่อก้อติกคิมฮิมชานไม่หยุด “เว้นแต่ว่ามึงเองก็ชอบอ่ะนะ ไอ้จุนฮงโว้ย! มาติวหนังสือได้แล้วเร็วๆ!

    .

    .

    .

    ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงกว่าแล้ว ผมนั่งมองชเวจุนฮงที่เพิ่งสำนึกตัวว่าควรอ่านหนังสือได้เมื่อไม่นานนั่งติววิชาคำนวณกับคิมฮิมชานอยู่โต๊ะข้างๆ ส่วนจองแดฮยอนกำลังเร่งอ่านชีทสรุปของผมเมื่อปีที่แล้วที่หยิบติดมือมาด้วยตอนออกมา ไอ้เด็กดำทำหน้ายุ่ง พลิกแผ่นกระดาษไปมาพรึบพรับก่อนจะวางมันทิ้งแล้วถอนหายใจ

     

    “เฮ้อ~ไม่เข้าหัวเลยอ่ะลูกพี่ ตายแน่ๆเลยงานนี้”

     

    “แล้วมาเร่งอ่านอะไรเอาตอนนี้ อีกไม่ถึงชั่วโมงจะสอบแบบนี้กูว่าหลับตาขอพรอ่ะง่ายสุด” ผมเขกหัวมันไปทีโทษฐานทำมาเป็นโอดครวญ ก่อนหน้านี้เห็นเที่ยวเล่นอยู่กับไอ้จุนฮงไม่มีสลดสักนิด

     

    “ฮืออออ ม๊าเอาผมตายแน่เลยอ่ะลูกพี่”

     

    “ช่วยไม่ได้เว้ย แต่ว่านะ..” ผมเกาแก้ม แกล้งเขยิบไปใกล้ๆมันราวกับรื่องที่จะบอกเป็นความลับที่ไม่ควรให้ใครรู้ จองแดฮยอนทำหน้าเสือ.กพลางเอนตัวเข้ามาหา ผมจึงใช้มือป้องที่หูมันแล้วกระซิบเสียงพร่า “..ทำไมมึงไม่ลองขอกำลังใจจากไอ้นัมดูล่ะวะ ”

     

    “เฮ้ย อะไรพี่ พูดไรไม่รู้เรื่อง โว๊ะ!” ไอ้ตัวเสือกเมื่อกี้ร้องโวยวายแล้วถอยออกไปคว้าชีทขึ้นมาปิดหน้า ผมหยิบเอากระดาษแถวนั้นขึ้นมาม้วนแล้วฟาดหัวมันเบาๆก่อนจะสั่งให้นั่งอ่านหนังสือดีๆ

     

    กระทั่งล่วงเลยมาจนถึงเวลาเข้าห้องสอบ จองแดฮยอนนั่งเอาชีทปิดหน้าท่องจำสูตรคำนวณงึมงำในขณะที่ชเวจุนฮงกำลังหาทางแอบจดสูตรเข้าห้องสอบบนยางลบ ผมเห็นคิมฮิมชานยื้อยุดพลางสาธยายถึงผลร้ายถ้าหากว่าอาจารย์คุมสอบจับได้ให้เด็กนั่นฟัง จนในที่สุดรุ่นน้องทั้งสองคนก็เดินทำหน้าคล้ายจะถูกเชือดเข้าห้องสอบไป

     

    ผมรวบเอาชีทที่ยังคงเกลื่อนโต๊ะเข้าด้วยกันก่อนจะหันไปหาใครอีกคน

     

    “หิวยัง?”

     

    “อืม นิดหน่อย” คิมฮิมชานก้มลงมองนาฬิกาข้อมือก่อนตอบ ผมพยักหน้ารับ ออกเดินนำอีกฝ่ายไปทางประตูหอสมุด

     

    “จะกินที่โรงอาหารหรือจะออกไปกินข้างนอกแล้วกลับเลย”

     

    “เราว่าอยู่รอจุนฮงกับแดฮยอนดีมั้ย จะได้ถามน้องด้วยว่าเป็นไงบ้าง”

     

    “ไหนตอนแรกบอกไม่อยากมา” ผมยกยิ้ม ส่งสายตาล้อเลียนไปให้หมอนั่นจนได้ค้อนวงโตกลับมา เราเดินเอาชีทมาเก็บที่รถมอเตอร์ไซค์ของผมแล้วตัดสินใจว่าจะไปหาอะไรกินที่โรงอาหารรอไอ้เด็กป่วนสองคนนั่น

     

    ระยะทางระหว่างลานจอดรถกับโรงอาหารอยู่ไม่ไกลกันนัก อีกนิดเดียวเราสองคนก็จะเดินถึงอยู่แล้วถ้าไม่ติดว่ามีใครสักคนวิ่งมาโถมตัวใส่หลังของผมเสียก่อน

     

    “ไอ้ห้อย!

     

    “สัตว์!

     

    “แหม ทักทายได้น่ารักน่าชังเหมือนเดิม” ผมหันกลับไปมองข้างหลังก็พบว่าเป็นเพื่อนร่วมรุ่นอย่าง ยองอา ที่กำลังยืนฉีกยิ้มกว้างส่งมาให้ ผมขมวดคิ้ว ก้มลงมองยัยนั่นที่อยู่ในชุดไปรเวทด้วยความสงสัย

     

    “มาทำไร?”

     

    “มาออเซาะอาจารย์แลกเกรด มึงอ่ะ? แล้วนี่ใครวะ? หน้าตาไม่น่าคบมึงเป็นเพื่อน” คิมฮิมชานที่ยืนอยู่ทำหน้าตาเหลอหลา แล้วยิ่งยองอายื่นหน้าไปใกล้ๆอย่างสำรวจก็ยิ่งเลิ่กลั่กทำอะไรไม่ถูก ผมคว้าคอเสื้อเชิ้ตที่ยัยนั่นใส่อยู่ก่อนจะดึงเข้าหาตัวเมื่อเห็นว่าชักจะใกล้กันมากเกินไปแล้ว

     

    “เพื่อนฉันเองชื่อฮิมชาน ไม่ใช่เด็กที่นี่ ”


     


     

     มีโอกาสรื้อไดร์ฟเก่าๆแล้วเจอสเปเรื่องนี้ที่เคยแต่งทิ้งไว้เมื่อนานโข อ่านแล้วคิดถึงมากกกกกกกกก

    เลยมาลงให้อ่านกันเล่นๆ จะยังมีใครหลงมาเจอมั้ยง่ะ 555

    ปล. เก่าไม่เก่าตอนนั้นพี่ยงนัมจีบน้องแดฮยอนด้วยไลน์เกมเศรษฐีนะ 555555555555


    .

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×